ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #292 : อามุโร่ พระเอกลูกแหง่ในตำนาน!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.62K
      6
      17 ก.ค. 60

                    ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2014 มีข่าวกีฬาดัง เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ข่าวประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงสร้างชื่อให้กับประเทศเราแต่อย่างใด แต่เป็นข่าวดราม่า เกี่ยวกับโค้ชศิลปะป้องกันตัวชื่อดังคนหนึ่งท้ายร่างกายนักกีฬาลูกทีมผู้หญิงคนหนึ่งจนเป็นลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โต

                    เรื่องนี้มีความคิดเห็นแตกเป็นสองเสี่ยงในโลกออนไลน์ ฝ่ายหนึ่งบอกว่าโค้ชคนนั้นทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งนักกีฬาคนนั้นจะเอาเรื่องในข้อหาทำร้านร่างกายด้วยเหตุผลว่า พ่อแม่เลี้ยงดูฉันมา 23 ปีอย่างะนุถนอม ไม่เคยลงไม้ลงมือฉันเลย มาต่อยกันแบบนี้ได้ไง

                    แต่อย่างไรก็ตามก็มีการชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น โดยบอกว่านักกีฬาที่ลงแข่ง ไม่วอร์มร่างกายก่อนลงสนาม ไม่สวมอุปกรณ์ที่สวมใสมา อีกทั้งมาสาย ไร้ระเบียบวินัย โค้ชเลยลงโทษจนเป็นจนเป็นข่าว และเมื่อคนได้รู้รายละเอียดนี้ก็ให้ความคิดเห็นว่า สมควรโดนแล้ว เพราะไม่อดทน ไม่รับผิดชอบ 

                    ไม่ว่าใครผิดถูกเรื่องนี้ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ เพราะประเด็นของเราเกี่ยวกับบทความนี้ไม่ได้เกี่ยวกับดราม่ากีฬาไทยๆ แต่เป็นเรื่องที่ดราม่านี้ มีหลายคนโพสภาพ (และคลิป) ฉากในตำนาน อามุโร่ เรย์ พระเอกในตำนานกัมดั้ม ถูก ไบรท์ โนอา ตบหน้าอย่างจัง และอามุโร่ ซึ่งเพียงภาพเดียวสามารถอธิบายความรู้สึกของดราม่านี้ได้ทั้งหมด

    หลายคนรู้จักอามุโร่หรือไม่?  รู้จักมากแค่ไหน? และรู้ที่มาของฉากนี้หรือไม่ ?

     

     

    ฉากในตำนาน

     

    อามุโร่ เรย์ (Amuro Ray) เป็นตัวละครพระเอกของเรื่องโมบิลสูทกันดั้ม และโมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาน์เตอร์ แอทแทค (ในอนิเมะให้เสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นโดย โทรุ ฟุรุยะ อามุโร่) เรย์เป็นลูกชายคนเดียวของ อามาเรีย เรย์ และ ดร.ทิม เรย์ และเป็นนิวไทป์ซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป (นิวไทป์ คือ มนุษย์ที่เกิดในอวกาศที่มีพลังจิตสามารถสร้างกดดันให้ศัตรู และสามารถมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าชั่วขณะ ทำให้มีความสามารถในการขับหุ่นสูง) โดยเขาเป็นนักบินหุ่นรบกัมดั้มให้สหพันธ์โลก และกลายเป็นกำลังหลักในการรบเรื่อยมา

    เรื่องของกัมดั้มนั้นถือว่าเป็นอนิเมะที่มีชื่อเสียงของซันไรส์ (1979-1980 รวมทั้งสิ้น 43 ตอน) กัมดั้มเป็นอนิเมะต้นกำเนิดแนวขับหุ่นยนต์แนวเรียล (รีล) โรบอต ซึ่งมีอิทธิพลต่ออนิเมะแนวนี้จนปัจจุบัน (ก่อกำเนิดสูตรสำเร็จซันไรต์) และการ์ตูนแนวอื่นๆ เอามาแซวอย่างสนุกสนาน จนกลายเป็นตำนานกัมดั้มไปแล้ว

    โดยกัมดั้มที่เรารู้จักกันคือ กัมดั้มภาค สงครามหนึ่งปี โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในปีศักราชอวกาศ 0079 ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์ส่วนใหญ่ตั้งอาณานิคมโคโลนีในอวกาศที่เรียกว่า ไซด์ และเกิดสงครามระหว่างซีออนซึ่งเป็นไซด์ 3 ใหญ่ กับกองทัพโลก (หรือทางกองทัพสหพันธ์) แม้ว่าซีออนจะมีกองกำลังทหารน้อยกว่า แต่ซีออนได้เปรียบเพราะคิดอาวุธรุ่นใหม่ขึ้นมา นั้นคือหุ่นยนตร์คนขับเรียกว่าโมบิลสูท แต่ทางกองทัพโลกไม่ยอมแพ้จึงคิด ก็ โมบิลสูท รุ่นใหม่ขึ้นซึ่งเรียกว่า กันดั้ม และเป็นจุดเริ่มต้นจุดจบของของสงคราม1ปี

                    ในเวลาเดียวกันในห้วงอวกาศ ที่ไซด์ 7 บ้านนอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่นั้นมีเด็กหนุ่มที่เรียกว่าอามุโร่ เรย์ ซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา แต่ชะตาชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงเมื่อซีออนได้บุกเขามายังไซด์ 7 เพื่อมาทำลายกัมดั้ม (เพราะได้ข่าวว่าไซด์ 7 เป็นที่ผลิตกัมดั้มแบบลับๆ) และด้วยเหตุการณ์พาไปอามุโร่จึงได้บังคับกันดั้ม [RX-78-2] เพื่อต่อสู้กับหุ่นของฝ่ายซีออน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของนักบินกัมดั้มที่เก่งสุดในประวัติศาสตร์

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอามุโร่จะเก่ง มีวีรกรรมที่กล้าหาญมาเพียงใด แต่หลายคนไม่ได้จดจำอามุโร่ในฐานะนักบินเทพมากนัก กลับกันหลายคนจดจำอามุโร่ในฐานะ พระเอกลูกแหง่เสียมากกว่า

     

    สดใสอะยังคงบรรยายอามูเรย์จากภาพยนตร์เรื่องแรกกันดั้ม 

    อนิเมะฉากไบรท์ตบอามุโร่
    http://www.youtube.com/watch?v=5_6H_QDj9WU

     

    กัมดั้ม (ภาคแรก) ถือว่าเป็นการ์ตูนในตำนานที่ได้รับยกย่อง และกลายเป็นต้นแบบของการ์ตุนขับหุ่นยนต์หลายเรื่อง นอกจากนี้หลายฉาก และหลายตัวละครก็น่าจดจำมากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่าฉากที่หลายคนรู้จักอามุโร่ ไม่ใช่ฉากต่อสู้ที่กล้าหาญ แต่อย่างใด แต่เป็นฉากไบร์ทตบหน้าอามุโร่นี้แหละ ซึ่งฉากนี้แสดงถึงตัวตนของอามุโร่ได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นเด็กมีปัญหา เป็นลูกแหง่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพระเอกที่ดีที่สุดในกัมดั้มที่มีความสมจริงที่สุดด้วย

                    (ฉากอื่นๆ ที่เป็นฉากจดจำของอามุโร่ ก็มี ฉากปะทะกับชาร์ครั้งแรก (ชาร์ อัสนาเบิล), ฉากอุโมโร่จูบกับเซราห์น้องสาวของชาร์และเป็นคนรักของอามุโร่ในช่วงหลังๆ และฉากอามุโร่พลั้นมือฆ่าลาล่าผู้หญิงที่อามุโร่แอบชอบ)

    ก่อนจะพูดถึงฉากนี้ ว่าทำไมไบร์ทถึงตบอามุโร่ และทำไมหลายคนถึงบอกว่าอามุโร่ลูกแหง่ ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่แฟนกัมดั้มครับ แม้ว่ากัมดั้มจะเป็นการ์ตูนในตำนาน อยู่ในยุคของผมนั้น ผมแทบไม่รู้จักกัมดั้มเลยแม้แต่น้อย กว่าจะรู้จักก็อยู่ช่วงมหาลัย ซื้อการ์ตูนมังงะที่วาดโดย Yoshikazu Yasuhiko นักเขียนการ์ตูนที่มีชื่อเสียง ซึ่งสำนักสยามได้ลิขสิทธ์ของนักเขียนผู้นี้ตีพิมพ์หลายเรื่อง และกัมดั้มเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งผมก็มีโอกาสที่ได้รู้จักกัมดั้ม Kidou Senshi Gundam - The Origin (เขียน 2001-2011 มี 23 เล่มจบ) หรือ  Mobile Suit Gundam: The Origin หรือภาษาบ้านๆ กัมดั้มภาคแรกนั้นแหละ (มีการดัดแปลงไม่เหมือนอนิเมะนิดหน่อย ซึ่งมังงะจะดูสมจริงและมีเหตุผลมากกว่า)

    ดังนั้นผมขอเล่าเรื่องอามุโร่โดยใช้มังงะเป็นหลัก มากกว่าอนิเมะนะครับ  (เพราะอนิเมะผมไม่ได้ดู)

    ประวัติของอามุโร่นั้น ไม่ได้มีชาติกำเนิดที่ไม่ได้เวอร์อะไรมากมายสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนชาร์ที่มีเลือดชนชั้นสูงที่เป็นผู้นำและมีวีรกรรมโลดโผนตั้งแต่เกิด

    ช่วงก่อนเกิดสงคราม 1 ปีนั้น เวลานั้นอามุโร่อายุ 15-16 ปี  เป็นลูกชายคนเดียวของ อามาเรีย เรย์ (บางเว็บเขียน คามาเรีย) และ ดร.ทิม เรย์ เกิดในพรินซ์รูเพริ์ต แคนาดา โดยพ่อเป็นผู้ออกแบบสร้างโมบิลสูท RX-78-2 Gundum อาวุธจะใช้ทำสงครามต่อสู้ซีออน ที่ถูกเรียกตัวมายังอาณานิคมไซด์ 7 ซึ่งเป็นอาณานิคมพลเรือนและปลอดสงคราม เพื่อผลิตกัมดั้มแบบลับสุดยอด 

    แต่อย่างไรก็ตามเมื่อแม่ของอามุโร่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ไปกับทิว เรย์  โดยเธอไปเป็นพลเมืองเล็กๆ ในดาวโลกที่ค่ายอพยพแห่งหนึ่ง และปล่อยให้อามุโร่อยู่กับพ่อ ส่วนพ่อของอามุโร่ก็สร้างกัมดั้มต่อไป ชนิดทำงานจนลืมครอบครัว

    พ่อของอามุโร่ไม่ได้ใส่ใจที่จะเลี้ยงดูอามุโร่มากนัก แต่อามุโร่ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ และทำตัวเป็นนีท เป็นเด็กเนิร์ด (วิศกรหุ่นยนต์สมัครเล่น ชอบสร้างหุ่นยนต์) ค่อนข้างไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น มีเพื่อนค่อนข้างน้อย ชีวิตเอาแต่นั่งผมหยิกเล่นคอมในห้องที่รกด้วยหนังสือ เครื่องยนต์กลไกล  และเสื้อผ้า เหมือนรังหนู ดีที่มีฟลาว โบว์ เด็กสาวเพื่อนของ อามูโร่ เรย์ (ไม่แน่ใจว่าเพื่อนสมัยเด็กหรือเปล่า?)  มาดูแล แม้ปากจะเอาแต่บ่นว่าอามุโร่ซกมก, เป็นโอตาคุที่เอาแต่กินและนอน

    (ฟลาว โบว์  ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในกัมดั้ม ไม่ว่าจะเป็นสูญเสียแม่จากซีออนบุกรุกไซด์ 7 และแม้เธอมักจะคอยดูแลอามุโร่ไม่ห่างไกลเลย และเธอก็มีใจให้อามุโร่ด้วย แต่ว่า อามุโร่กลับไม่เคยสนใจเธอเลย ผลสุดท้ายฟลาวเลยแต่งงานกับ ฮายาโตะ เพื่อนของอามุโร่แทน แถมตอนหลังฮายาโตะตายคาสนามรบ เธอเลยกลายเป็นม่ายไปอีก และเพราะฟลาว โบว์ไม่สมหวังนี้แหละ ทำให้ผมไม่ติดตามกัมดั้มเลย)

    ต่อมาฝ่ายซีออนรู้เรื่องว่าไซด์ 7 แอบผลิตกัมดั้มมาต่อกรพวกตน จึงทำการบุกโจมตี ไซด์ 7 ของ ซีออน และด้วยเหตุการณ์พาไปอามุโร่ก็กลายเป็นนักบินขับกัมดั้มและทำผลงานในการรบครั้งแรกได้ดีอย่างน่าประทับใจ

     

     

    ฉากไบรท์ตบอามุโร่ (Yoshikazu Yasuhiko) โดยมีฟราวร้องไห้อยู่ข้างๆ

     

    ทั้งอามุโร่, ฟลาวโบว์, กัมดั้ม, เพื่อน, ชาวบ้านคนอื่นๆ ได้อพยพหลบภัยไปกับยาน ไวท์เบส ยานรบขนาดยักษ์ มุ่งไปยังดาวโลก เพื่อไปรวมตัวกับพันธมิตร โดยมีฝ่ายซีออนที่นำโดยชาร์ อัสนาเบิลไล่ตามอย่างไม่ลดละ

    กัปตันยานไวท์เบส คือนาย  ไบรท์ โนอา แม้จะมีอายุน้อยแต่ก็เป็นคนที่เก่ง ตัดสินใจดี แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ ที่เขารับหน้าที่เป็นกัปตัน และต้องพากัมดั้มไปส่งให้พันธมิตร เขาก็พบเรื่องปัญหามากมาย นอกเหนือจากการรับมือซีออนแล้ว ไปรท์ก็พบกับเรื่องปวดหัวมากมายยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็น อาการงอแงของประชาชนอพยพที่อยู่บนยาน อีกทั้งยังต้องรับมือกับนิสัยของอามุโร่ ซึ่งทั้งสองต่างกันมาก ไบร์ทเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทน แต่อามุโร่ในตอนนั้นยังเป็นเพียงวัยรุ่นไม่สู้คน ขี้ขลาด ขี้เกียจ ไม่ยอมขับหุ่นไม่สู้ซีออน ทำให้นายไบร์ทต้องใช้ความอดทนสูงในการขอให้อามุโร่ยอมขับกัมดั้มไปสู้

    อย่างไรก็ตาม ความอดทนของไบรท์ก็สิ้นสุดลง (เนื้อหาอยู่ในมังงะเล่ม 3 ส่วนอนิเมะน่าจะเป็นตอนที่ 9 ) เมื่อไวท์เบสได้มาถึงโลก อยู่ในอาณาเขตของศัตรู และสิ่งที่ต่อกรได้มีเพียงกัมดั้มเท่านั้น ดังนั้นไบรท์ก็อยากให้อามุโน่มาฝึกพร้อมรบ แต่อามุโร่ก็ไม่ยอมออกมาจากห้อง แม้จะขอให้ฟราวไปเรียกอามุโร่ ขอร้องร้องไห้ โดยบอกว่า ทุกคนกำลังรอนายอยู่นะ”,  ทุกคนจะลำบากนะถ้านายไม่อยู่แต่อามุโร่ก็ไม่สนท่าเดียว

    จนกระทั่งซีออนบุกโจมตีไวท์เบส กัปตันไบรท์ถามหาอามุโร่หลายครั้ง ว่าเอ็งอยู่ไหนฟ่ะ ศัตรูจ่อระยะประชิดแล้ว ทำไมไม่สวมเครื่องป้องกัน ทำไมไม่เตรียมพร้อม  (ประโยคคุ้นๆ เหมือนข่าวในช่วงนี้ไม่มีผิด)

    เมื่อกัปตันไบรท์รู้ว่าอามุโร่ยังทำตัวเป็นเด็กงอแง ไม่อยากรบ ไบรท์เหลืออด จึงวิ่งเข้าไปยังห้องของอามุไร่ เพื่อจะสั่งสอนพระเอกที่เอาแต่ใจคนนี้

    ไบรท์ตะโกนด่าอามุโร่ว่า ทำไมนายถึงไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง หา!!”

    อามุโร่ยิ้มแล้วตอบกลับว่า ผมมีหน้าที่อะไรเหรอครับ? ใครเป็นคนกำหนด ผมไม่ใช่ทหารนี้ ทำไมผมต้องรับคำสั่งนี้ อยากสู้นัก ไบรท์ก็ขับกัมดั้มเองสิครับ

                    ไบรท์ได้ยินประโยคนี้ของอามุโร่เส้นสติก็ขาดทันใด  เขามีหน้าที่มากมายต้องทำ ทั้งต้องดูแลลูกเรือยาน ดูแลคนบาดเจ็บ ดูแลพลเรือน ไหนต้องรับมือพวกซีออน นี้ยังต้องมาง้อเด็กงอแงหัวหยิกที่คิดว่าตนเองเจ๋งนักหนา ถ้ามันขับกัมดั้มเก่ง ก็ไม่อยากจะง้อมันนักหรอก

                    ด้วยความเหลืออด ไบสท์ได้จับดึงแขนเสื้ออามุโร่ขึ้นมา แล้วตบไปที่ใบหน้าของอามุโร่อย่างจัง

                    ผัวะ!!

                    อามุโร่โดนตบจนหน้าหงาย แต่ก็ไม่วายที่จะเถียงไบรท์อีกครั้ง ทำให้ไบรท์ตบอามุโร่อีกครั้ง

                    และเมื่ออามุโร่โดนตบครั้งที่วอง เขาก็ได้พูดโยคอันแสนคลาสสิกจนกลายเป็นที่จดจำของใครหลายคน

                    สองครั้งแล้ว.....ขนาดพ่อผมยังไม่เคยตบหน้าผมเลยนะ!!

                    ประโยคนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอามุโร่แสดงความเป็นลูกแหง่ ถูกเลี้ยงแบบตามใจ (ความจริงพ่อแม่ไม่ได้มีเวลาเลี้ยงลูกมากกว่า) จนทำให้อามุโร่กลายเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ  ไม่ทำงาน ทำไมต้องช่วยคนอื่น ทำแล้วก็ไม่รับผลตอบแทนใดๆ

    ส่วนหนึ่งที่ไบรท์ตบอามุโร่เพราะความเหลืออดความเอาแต่ใจของลูกแหง่คนนี้ แต่อีกส่วนหนึ่งคือการเตือนสติให้แก่อามุโร่ให้รู้จักหน้าที่ของตนเอง ให้รู้จักรับผิดชอบส่วนร่วมมากกว่าตนเอง ไม่ใช่ฐานะของทหาร แต่เป็นฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง

    คำถามไบรท์ทำถูกหรือไม่ ที่ตบเกรียนอามุโร่จนกรามหัก (ความจริง แค่หน้าบวมเฉยๆ) ไบรท์ใช้ความรุนแรงเกินเหตุหรือไม่  เพราะมองอีกแง่หนึ่งอามุโร่ไม่ผิด เพราะเขาถามว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องทำสงคราม ทำไมต้องทำร้ายกัน แต่น่าเสียดายคำพูดของเขานั้นดันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักเพราะยานไวท์เบสตกอยู่วงล้อมของพวกซีออน อามุโร่จำเป็นต้องทิ้งความคิดมองโลกแบบนี้ไป เพื่อสู้เพื่อให้ทุกคนอยู่รอด

     



    พ่อไม่เคยตบหน้าผมเลยนะ!!

     

    ไม่มี ใครถูกใครผิด  แต่อยู่การมองผลลัพท์ที่ตามมามากกว่า ชีวิตคนร้อยร้อยคนขึ้นอยู่กับคนเอาแต่ใจเพียงคนเดียวมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน อีกทั้งอาจปล่อยเอาไว้ก็จะไม่มีใครเชื่อถือไบรท์ทั้งองค์กร (เพราะขนาดเด็กเอาแต่ใจคนเดียวยังรับมือไม่ได้ ก็ไม่ต้องคุมใครหรอก) ไบรท์จะต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ไม่ใช่เด็กเกรียนที่ทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรสวาล

    อย่างไรก็ตาม อามุโร่ยังคงงอแงไม่เลิก งอนไม่เลิก จนกระทั่งเขาเห็นฟราวร้องไห้ และนั้นเองทำให้อามุโร่ตัดสินใจขับกัมดั้มด้วยเหตุผลว่า "แม้จะแค้นใจ แต่ผมก็ลูกผุ้ชาย" พูดง่ายๆ สิ่งที่อามุโร่ตดสินใจเพราะผู้หญิงก็ไม่ผิดนัก   แม้ภายหลังอามุโร่จะขับกัมดั้มไล่พวกซีออนได้สำเร็จ แต่ต่อมาอามุโร่ก็เกิดลูกงอนอีก เมื่อเขาขับกัมดั้มทิ้งพวกไบร์ทไว้ด้านหลังด้วยเหตุผลว่า มีแต่ผมเท่านั้นที่ขับกัมดั้ม คนอื่นห้ามแตะ

    แต่สุดท้ายพระเอกเจ้าปัญหาก็กลับมาหาไบรท์อีกครั้ง อันเนื่องจากระหว่างทางที่เขาหนี เขาก็ได้พบแม่ของเขาอีกครั้งที่ค่ายอพยพ ซึ่งตอนแรกทั้งคู่ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง แต่ภายหลังอามุโร่ยิงทหารซีออนตายต่อหน้าต่อตาแม่ของเขา จนแม่ของอามุโร่รับไม่ได้ได้ ทำไมลูกชายของเธอที่อุตส่าห์เลี้ยงดูให้เป็นคนดี จิตใจอ่อนโยน แม้แต่ยุงไม่เคยตบ ทำไมถึงฆ่าคนอื่นได้ อามุโร่ผ่านเหตุการณ์อะไรมาเหรอถึงเปลี่ยนไปคนละคนแบบนี้

     และแล้วแม่ของอามุโร่ก็พูดประโยคคลาสสิกที่พูดกับอามุโร่ว่า ลูกเปลี่ยนไปนะ (อีกคนหนึ่งที่พูดประโยคแบบเดียวกันคือฟราว)

    นั่นเองทำให้อามุโร่คิดได้ว่า เขาไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไป ตนเดินเส้นทางที่ยากจะกลับไปเป็นคนธรรมดาอีกแล้ว และที่อยู่ของเขาก็คือยานไวท์เบส นั้นเองทำให้อามุโร่กลายเป็นคนขับกัมดั้มเต็มตัว เห็นชีวิตคนอื่นมีค่ามากขึ้น กลายเป็นเทพหัวหยิก และเป็นเพื่อนสนิทกับไบรท์ที่ดีต่อกันเรื่อยมา

                    การตักเตือนเป็นสิ่งที่ดี เมื่อเราพบว่าอีกฝ่ายนั้นเอาแต่ใจ และไม่มีความรับผิดชอบ บางครั้งอาจใช้ความรุนแรงกระทบกระทั่งกัน แต่ฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงนั้นไม่ได้เกลียดอีกฝ่าย แต่ทำไปเพื่อความหวังดี ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเป็นการไม่ดีทั้งสองฝ่าย จึงรีบตักเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าเป็นผลเสียภายหลัง

     

     

    ล้อเลียน!?

     

    ว่ากันว่าสาเหตุหนึ่งที่ฉากไบรท์ตบ (หรือ Bright Slap) ดัง เพราะหลังจากไบรท์ตบอามุโร่ก็กลายเป็นเทพหัวหยิก และกลายเป็นนิวไทป์ไป ทำให้มีประเด็นว่าบางทีไบรท์อาจเป็นนิวไทป์แล้วถ่ายทอดพลังให้กับอามุโร่กลายเทพก็ได้ เพราะตอนแรกๆ อามุโร่ก็แค่คนธรรมดาที่ไม่มีลักษณะเป็นนิวไทป์เลยแม้แต่น้อย อันนี้ไม่รู้จริงหรือเปล่า เพราะเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

    และแล้วตำนาน The Universal Bright Slap หรือ Bright Slap ได้กลายเป็นมุกดังที่ขาดของกัมดั้มในที่สุด อันเนื่องจากเป็นฉากพัฒนาจิตใจตัวละคร (โดยเฉพาะตัวเอกที่ตอนแรกไม่ได้เรื่อง) ได้รวดเร็วที่สุด และยังสื่อถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน (คนที่ตบและคนโดนตบ) ที่ตอนแรกไม่ถูกกัน หากแต่ภายหลังก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายในที่สุด

    เนื่องด้วยผมไม่ได้เป็นแฟนกัมดั้มเท่าที่ค้นก็มี Zeta Gundam : Emma slapped Kamille (เพราะคามิวทำตัวเหมือนเด็ก) และ Gundam SEED  Kira ตบ Cagalli

    แน่นอนว่าตำนานไบรท์ตบก็ได้กลายเป็นมุกที่ผมเห็นบ่อยในการ์ตูนเรื่องอื่นด้วย  ไม่ว่าแบบจริงจัง หรือแบบเชิงล้อเบียน  เป็นต้นว่า  เรื่องGenshiken ตอนที่ 1 เปิดเรื่องที่พระเอกโดนผู้หญิง พระเอกได้พูดประโยคว่า “แม้แต่พ่อยังไม่เคยต่อยผมเลยนะ” ในเชิงเล่นมุกให้เพื่อนร่วมชมรมได้ฮ่ากระจาย เป็นต้น

    ปิดท้ายด้วยการกลับมาเรื่องข่าวดังอีกครั้ง ถามว่าโค้ชทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ที่ไปต่อย (หรือตบ?) นักกีฬาคนนั้น คำตอบกลับไม่ใช่อยู่ที่รุนแรงหรือไม่รุนแรง แต่ต้องดูหลายปัจจัย เป็นต้นว่า โค้ชทำไปเพื่ออะไร, นักกีฬาทำผิดสมควรถูกทำโทษหรือไม่,  ผลรวมที่ตามมา ว่าผลประโยชน์ของคนทั้งประเทศจะเสียไปเพราะนักกีฬาคนเดียวหรือไม่

     เพื่อชาติ หรือเพื่อตัวเราคนเดียว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×