ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #275 : Gokukoku no Brynhildr หนุ่มธรรมดา กับฮาเร็มสาวกลายพันธุุ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.26K
      4
      25 พ.ค. 57

    อนิเมะ Elfen Lied (2004) (สาวกลายพันธุ์) กับโดยคันเบะ มาโมรุ จำนวน 13 ตอน (ไม่นับ OVA) เป็นหนึ่งในอนิเมะที่ผมแนะนำให้หลายคนต้องดู หากใครไม่เคยดูอนิเมะ แต่สนใจการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ควรใส่ชื่อของการ์ตูนเรื่องนี้ลงไปในรายชื่ออนิเมะที่ต้องดูด้วย  แม้ว่าเนื้อหาอนิเมะนั้นจะเต็มไปด้วยความโหดร้าย ภาพเลือดสาด สยองขวัญ  แต่ในขณะเดียวกันเนื้อหาก็แอปแฝงด้วยความอ่อนโยน ความหวัง และความรักสอดแทรกเข้าไปอย่างลงตัว

    อนิเมะ Elfen Lied เป็นอนิเมะจากการ์ตูนมังงะ 12 เล่มจบ ผลงานของริน โอคาโมโตะ เป็นผลงานที่ฮิตเงียบๆ ในเมืองเทพ เคยมีลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่น แต่ภายหลังถูกดองหลังออกเล่ม 2 จนบัดนี้ไม่ออกมาแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กสาวกลายพันธุ์คนหนึ่งชื่อ “ลูซี่” ที่ได้ฆ่าคนมากมาย จนกระทั่งพบคนธรรมดาคนหนึ่งชื่อ “โคตะ” ที่ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งในสิบปีต่อมา และผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งทุกข์ สุข เศร้า โดยมีเรื่องการทดลองในมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง

    ผมยอมรับว่าคนเขียน Elfen Lied นั้นเป็นคนเขียนที่เก่งในการทำให้คนอ่านรู้สึกอินกับเนื้อหาของการ์ตูนที่เขาเขียน ซึ่งผมนิยามคนเขียนคนนี้ว่า เป็นคนเขียนที่ “ใจร้าย” ที่สุด เท่าที่ผมอ่านมา เพราะคนเขียนชอบทำร้ายตัวละคร ทำเรื่องโหดร้ายตัวละคร เรียกคะแนนความสงสารคนดูล้นพ้น โดยเฉพาะ Elfen Lied คนเขียน ทำชีวิตลูซี่ และโคตะต้องให้ดราม่า ในขณะที่ตัวละครคนอื่นๆ แยกย้ายใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่โคตะทนทุกข์หลายปี แม้ฉากสุดท้ายของเรื่องก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าโคตะมีความสุขหรือเปล่า?

    ผมจึงขอนิยามแนวการ์ตูนนี้ว่า “แนวโลกโหดร้าย” มากกว่านิยามแนวปวดตับหรือดราม่า.... เพราะการ์ตูนแสดงให้คนดูได้เห็นว่าโลกมันแสนโหดร้ายสิ้นดี ในขณะที่เรามีชีวิตอย่างมีความสุข สบาย แต่ในอีกมุมหนึ่งใกล้ตัวเรามีคนที่ต้องทนทุกข์ (แม้เป็นเรื่องแต่งก็ตาม แต่เนื้อหามันราวกับเรื่องจริง รู้สึกอิน)  ชนิดว่าอยากให้ตายพันทุกข์เสียพ้นๆ หากแต่พวกเขาไม่ฆ่าตัวตาย กลับมีความหวังมีชีวิตต่อ เพื่อรออะไรที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต

    อย่างไรก็ตาม แนวโลกโหดร้ายนั้น แม้จะมีเนื้อหาจะหนัก ดราม่า แต่บางครั้งก็มีจุดผ่อนคลาย หรืออมยิ้มให้ได้ลดความดราม่า หากแต่เมื่อผ่านไปดราม่าหนักกว่าเดิม โหดร้ายกว่าเดิม แต่สุดท้ายเรื่อง นี่คือการสร้างอารมณ์การติดตามของแนวนี้

    ทุกวันนี้อนิเมะที่มีเนื้อหาแบบแนวโลกโหดร้ายไม่นิยมเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาหนัก จิตตก หลายคนคงทนไม่ได้ที่เห็นตัวละครน่ารักถูกรังแกอย่างโหดร้าย หรือถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งการฉายอนิเมะในช่วงหลังเที่ยงคืนคงหาคนดูค่อนข้างน้อยไปอีก

    อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับฤดูร้อนบ้านเรา ปี 2014 ได้รอนิเมะแนวโลกโหดร้ายมาฉาย ชื่อเรื่องคือ  Gokukoku no Brynhildr ซึ่งเป็นอนิเมะที่สร้างจากมังงะชื่อเดียวกัน ของคนเขียนคันเบะ มาโมรุ เช่นเดียวกัน

     

     

    ฉากเปิดเรื่อง Gokukoku no Brynhildr อันน่าสะพรึง

     

    Gokukoku no Brynhildr หรือ "Extreme-Black Brynhildr " (Valkyrie Brynhildr) เป็นการ์ตูนฮาเร็ม ไฟไซ ดราม่า โลกแสนโหดร้ายผลงานของันเบะ มาโมรุ หลังจากที่คนแต่งเขียนสาวน้อยสกีอยู่นาน จนกระทั่งกลับมาเขียนการ์ตูนในแนวเดิมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2011 ซึ่งนำความรู้สึกเดิมๆ ของ Elfen Lied อยู่ครบถ้วน ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นผลงานแก้ตัวของ Elfen Lied ซึ่งเรื่องที่ว่าปวดตับ เจ็บปวดมาก แต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้หนักกว่าเดิม!!

    มังงะ Gokukoku no Brynhildr เปิดฉากก็พบเรื่องน่าสะพรึ่ง เมื่อภาพออกมาเป็นฉากที่ชายหนุ่มมัธยมปลายคนหนึ่งกำลังนั่งคร่อมสาวน้อยที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดนอง ในมือของเขาถือมีดขนาดใหญ่ไว้แน่น (ซึ่งไม่รู้ว่าเขาพยายามดึงมันออก หรือว่าพยายามเสียบเข้าไปในร่างของเธอให้แน่นกันแน่)

    ชายหนุ่มมีหน้าไม่สู้ดีมากนัก ไม่รู้ว่าเป็นสีหน้าเครียดแค้น เสียใจ หรือกำลังร้องไห้ เขาพูดต่อหน้าสาวน้อยที่ร่างโชกเลือดที่ดูเหมือนไร้วิญญาณว่า “เป็นเพราะเธอ....มันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าเธอไม่มีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็... ถ้าเธอตายไปตั้งแต่ตอนนั้น......”  เขาพูดกับเธอราวกับว่าการที่เธอเกิดมาทำให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

    และแล้วภาพก็ซูมห่างออกไป ก็พบว่าบริเวณที่ชายหนุ่มคร่อมสาวอยู่นั้น มีซากตึกปรักหักพังเหมือนกับมันถูกทำลายด้วยภัยพิบัติอะไรบางอย่าง และใกล้ๆ ชายหนุ่มนั้นมีเงาของหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นมิตรหรือศัตรูกำลังเดินใกล้เข้ามา

    (สปอยนิดๆ ฉากที่ว่า ตอนล่าสุดเริ่มเฉลยแล้ว ไม่ได้โม้น่ะครับ เพราะผมเดาถูกด้วยละ หลังจากดูมังงะเรื่องนี้ครั้งแรก เพราะตามสไตล์ของคนเขียนชอบหลอกคนอ่านอยู่แล้ว ภาพที่ว่าไม่เป็นอย่างที่หลายคิดหรอก)

     

    จากนั้นการ์ตูนก็ย้อนเวลาไปหลายปีก่อนหน้านั้น เมื่อเด็กประถมคนหนึ่งชื่อ “มุราคามิ” ได้สูญเสียเพื่อนสมัยเด็กที่เขาชอบคือ “คุโรเนโกะ” จากอุบัติเหตุที่เขาทำให้เธอตาย และด้วยความเสียใจและตราบาป ทำให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อให้สักวันเขาจะได้ไปทำงานนาซ่า เพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง อันเป็นสัญญาที่เขากับเธอทำไว้ตั้งแต่วัยเด็ก

    10 ปีต่อมา มุราคามิถึงวัยเรียนชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนชั้นนำ เขากลายเป็นเด็กฉลาด ชื่นชอบเรื่องดาราศาสตร์ ชอบส่องดูดวงดาวบนท้องฟ้าเพื่อค้นหาเอเลี่ยน แน่นอนว่าเขาไม่สามารถลืมเพื่อนสมัยเด็ก เขาอยากพบเธออีกสักครั้ง แม้หลายคนบอกว่าเธอตายไปแล้วก็ตาม

    จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่ห้องของเขา มีเด็กสาวย้ายโรงเรียนมาใหม่ชื่อ “คุโรฮะ เนโกะ” และเมื่อเขาพบกับเธอขณะแนะนำตัวในห้องเรียน เขาก็ต้องตกใจเมื่อเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่ตายแล้วไม่มีผิด หากแต่ปรากฏว่าเด็กสาวคนดังกล่าวปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา และบอกว่าพวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเท่านั้น

    การพบครั้งแรกของมุราคามิและเนโกะเลวร้ายมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่รู้จักกัน มุราคามิก็เริ่มพบว่าเนโกะเป็นคนแปลกๆ โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานของการดำรงชีวิต ที่แทบไม่รู้อะไรเลย  และเย็นวันนั้นเธอก็มาเตือนเขาว่าห้ามตกรถเด็ดขาด ไม่งั้นจะเกิดสิ่งน่ากลัวเกิดขึ้นกับเขา

    ปรากฏว่าเย็นวันนั้นมุราคามิตกรถจริงๆ ตามคำบอกของเนโกะ และระหว่างทางกลับบ้านนั้น เขาก็ได้เจอดินถล่ม  และในขณะที่เขากำลังถูกหินขนาดยักษ์หล่นมาใส่นี้เอง เขาก็ถูกเนโกะเข้ามาช่วยเหลือด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติทำลายหินขนาดยักษ์ ทำให้เขารอดชีวิตมาได้

    “ชั้นเป็นผู้ใช้เวทมนต์ค่ะ” เนโกะแนะนำตัวจริงของเธอ แก่มุราคามิ แม้ว่าเรื่องเวทมนต์จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อยิ่งกว่าเอเลี่ยน แต่เขาได้เห็นกลับตาตนเอง ก็เริ่มเชื่อแล้วว่ามันคือของจริง

    จากนั้นมุราคามิก็เริ่มรู้เรื่องของเนโกะ นอกจากเธอแล้วยังมี “ผู้ใช้เวทมนต์” คนอื่นๆ” อีกหลายคน ซึ่งพวกเธอถูกจับมาทดลองในศูนย์วิจัยลับจนไม่สามารถรู้เรื่องราวของโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งเธอกับเพื่อนๆ ได้หนีจากศูนย์วิจัย และต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ และห้ามยิ่งเกี่ยวกับมนุษย์ธรรมดา เพราะหากพวกเธอถูกจับเมื่อไหร่พวกเธอจะถูกฆ่าทันที  ส่วนมนุษย์ธรรมดาที่รู้เรื่องราวของพวกเธอก็จะถูกฆ่าด้วย

    แน่นอนว่าเนโกะต้องการให้มุราคามิทำเป็นไม่รู้จักเธอ และลืมเรื่องของเธอไปซะ เพื่อชีวิตที่สงบสุขของเขา แต่เนื่องด้วยมุราคามิเป็นพระเอกฮาเร็ม (เกี่ยว?)  เขามีเหตุผลมากมายที่อยากรู้เรื่องราวของเธอ และยิ่งมุราคามิรู้จักเธอมากเท่าไหร่ยิ่งพบแต่เรื่องโหดร้ายมากขึ้น เมื่อเขาพบนอกจากเนโกะแล้ว ก็ยังมี "ผู้ใช้เวทมนตร์" คนอื่นๆ ที่หลบหนี และบางส่วนก็ถูกฆ่า 

                    ต่อมาพระเอกก็ยิ่งพบเรื่องน่าตกใจเมื่อเขาพบว่าชีวิตของเนโกะและพรรคพวกนั้นเป็นชีวิตที่แสนสั้น พวกเธอมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยาต่อชีวิตที่ได้จากศูนย์วิจัยที่แอบหลบหนีมาที่มีอยู่น้อยนิด หากไม่ได้รับยา “ผู้ใช้เวทมนต์ก็จะตาย” หรือหากกดปุ่มที่ติดอยู่กลางหลังคอพวกเธอก็จะตายอย่างโหดร้ายเช่นกัน นั้นเองทำให้เขาไม่สามารถทอดทิ้งพวกเธอเผชิญโลกเพียงลำพังได้ เขาจึงตัดสินใจต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเธอ โดยไม่รู้ว่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะในอนาคตวันข้างหน้า

                    นี่คือเรื่องราวคร่าวๆ ของ Gokukoku no Brynhildr ซึ่งพระเอกน่าจะเอาเรื่องเลวร้ายนี้ไปฟ้องมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรีก็จบเรื่องไปนานแล้ว ต่อให้องค์กรชั่วจะมีอำนาจบารมียังไง เมื่อประชาชนรู้เห็น อย่าดูถูกยุคอินเทอร์เน็ตครองโลกเชียวน่ะ (ฮ่า) แล้วพระเอกก็แอปปี้กับฮาเร็ม จบ!!

                    Gokukoku no Brynhildr ได้นำความรู้สึกเดิมๆ ของ Elfen Lied กลับมาอีกครั้ง ากคนเขียนวาดสาวนักสกีจบไปแล้ว แน่นอนว่าเรื่องราวยังอยู่จุดขายของคนเขียนคนนี้ ดราม่า ไซไฟ  มนุษย์พันธุ์ใหม่  การทดลองมนุษย์ การต่อสู้ระหว่างมนุษย์พลังพิเศษด้วยกันเอง ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม และตื่นเต้นมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โดดเด่นของคนเขียนนั้นก็คือการวางเรื่องราวให้ดราม่า ดราม่าที่ว่าคือการสร้างความโหดร้ายแก่คนดู ทำให้คนดูมีความรู้สึกร่วม อินกับเนื้อเรื่องได้อย่างมีกึ๋น ตรงจุดนี้ทำให้ผมนับถือคนเขียนระดับหนึ่ง (หากไม่นับตอนจบ มังงะ Elfen Lied น่ะ)

    จุดเด่นของ Gokukoku no Brynhildr ยังคงคล้ายๆ Elfen Lied ก็คือพล็อตยังคงเป็นเรื่องราวของมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนเดิม และมนุษย์กลายพันธุ์ที่ว่าเป็นผู้หญิงเท่านั้น ไม่มีผู้ชายเจือปน เพียงแต่คราวนี้มนุษย์กลายพันธุ์ไม่ได้มีลักษณะผิดแปลกไปจากมนุษย์เลยแม้แต่น้อย พวกเธอเหมือนผู้หญิงธรรมดาด้วยซ้ำ  สิ่งที่เธอแตกต่างจากมนุษย์ที่ไปก็คือปุ่มกลไกแปลกๆ ที่อยู่ด้านหลังคอ และพลังวิเศษเท่านั้น

    ในขณะที่ Elfen Lied เริ่มต้นด้วยการอธิบายเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์ที่เรียกว่า “ไดดรอเนียส” (มนุษย์สองเขา) ที่ทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นหายนะของมนุษย์ชาติ และแย่งสถานะความเป็นสิ่งมีชีวิตอันดับสูงของโลกไปจากมนุษย์ธรรมดา ทำให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งจึงจัดการตั้งสถาบันเพื่อจองจำและศึกษาไดดรอเนียสขึ้นมา  ผลคือไดดรอเนียสกลายเป็นมนุษย์ทดลองที่ถูกมนุษย์ทดลองอย่างโหดร้าย ทั้งๆ ที่พวกเธอไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเธอเกิดมาเพื่อเป็นบาปอย่างไงอย่างงั้น พวกเธอไม่เกิดมาเพื่อล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเธอเพียงแค่ไม่รู้จักพลัง ไม่รู้เกี่ยวกับ ในขณะที่มนุษย์ธรรมดานั้นโหดร้าย ไร้เหตุผลสิ้นดี

    Elfen Lied ดำเนินเรื่องให้เรารู้สึกสงสารมนุษย์กลายพันธุ์ และในขณะเดียวกันทำให้เรารังเกียจมนุษย์พวกเดียวกับเรามากขึ้น ต่อให้มีเหตุผลรองรับก็ตาม แต่นั้นก็เป็นเพียงข้อแก้ตัวเพราะ พฤติกรรมที่เราเห็นเหล่ามนุษย์ที่มีทั้งเห็นแก่ตัว ปฏิบัติกับมนุษย์กลายพันธุ์แบบไร้ความปราณีและโหดร้าย อีกทั้งยังใช้มนุษย์กลายพันธุ์เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เรานั้นแหละที่กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ (ตัวเงินตัวทอง) เสียเอง

    แน่นอนว่าสาวกลายพันธุ์ใน Gokukoku no Brynhildr ก็คล้ายกันที่พวกมนุษย์ (เหล่าวิจัน) ปฏิบัติพวกเธออย่างขาดมนุษย์ธรรม มองพวกเธอไม่ใช่คน แต่ที่แปลกคือในขณะที่ Elfen Lied ได้อธิบายสาเหตุถึงการเป็นอันตรายต่อมนุษย์ชาติของสาวกลายพันธุ์ แต่ Gokukoku no Brynhildr ช่วงต้นไม่ได้อธิบายเลยแม้แต่น้อยว่า “ผู้ใช้เวทมนต์” เป็นอันตรายต่อมนุษย์ยังไง ทำไมนักวิจัยถึงปฏิบัติต่อพวกเธอแบบไม่มีมนุษย์ธรรม การ์ตูนได้เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่อธิบายกระจ่างตั้งแต่แรกๆ (เพราะต้องการให้คนอ่านติดตามประเด็นนี้ตั้งแต่ต้นจนจำ) กลายเป็นว่า “ผู้ใช้เวทมนต์” กลายเป็นผู้น่าสงสาร แบบเพี้ยวๆ โดยไม่มีประเด็นความเป็นภัยต่อมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนมนุษย์ (จากศูนย์วิจัย) กลายเป็นตัวโกงของเรื่องไปโดยสมบูรณ์

    เรื่องเลวร้ายของมนุษย์และการทดลองในมนุษย์ ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของคนเขียนเช่นเดิม จากผลงานก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหรือเรื่องเศร้า ความโหดร้ายเหล่านี้ทำให้ตัวละครในเรื่องมีมิติ ไม่เกียงเฉพาะนางเอก เพราะรวมถึงตัวละครผู้หญิงคนอื่นที่มีชะตากรรมเดียวกัน ทำให้คนอ่านรู้สึกมีอารมณ์ร่วม อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยพวกเธอ และอยากให้พระเอกให้ความสำคัฯกับพวกเธอเทียบเท่านางเอกด้วย

     

     

    Gokukoku no Brynhildr ภาคอนิเมะ ซึ่งผมก็หวังว่าจะปวดใจน้อยกว่ามังงะน่ะ

     

    แน่นอนว่าสิ่งที่คนเขียนไม่ลืมคือการวางความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งดูแล้วคนเขียนจะชอบวางความสัมพันธ์เพื่อนสมัยเด็ก เป็นพิเศษ เท่าที่ดูจากผลงานที่ผ่านมา (เด่นๆ คือ Elfen Lied) ที่ทั้งคู่ต้องมีอะไรบางอย่างพลัดพลาด และเกิดตราบาปเอาไว้ อย่าง  Elfen Lied ก็มีประเด็นเรื่องปมบาปของลูซี่ที่ไปฆ่าครอบครัวของพระเอกเข้ามา ส่วน Gokukoku no Brynhildr แม้ประเด็นบาปนั้นจะไม่แรงเท่า และเป็นบาปของพระเอก แต่บาปที่ว่าก็ทำให้พระเอกทุกข์ทรมานมาหลายปี ไม่แพ้ลูซี่ เช่นกัน ตรงจุดนี้แหละที่ผมพูดเต็มปากว่าคนเขียน “ใจดำ”  ที่ทำให้ตัวละครมีชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก

    ดูสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอกเรื่องนี้ อารมณ์คือเหงา คิดถึงใจจะขาด ฝ่ายหนึ่งอยากพบหน้าเลยเกิน แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งขึ้นถึง ยอมรับเลยว่าฉากที่พระเอกพบหน้านางเอกครั้งแรกหลังผ่านมา 10 ปีนี้มันช่างมีพลังอารมณ์แบบเพื่อนสมัยเด็กจริงๆ แต่เนื่องด้วยความใจร้ายของคนเขียน กลับทำให้ฝ่ายนั้นปฏิเสธอย่างไร้เยือใย


                 เท่านั้นไม่พอคนเขียนยังใจร้ายอีก พอมีฉากโรแมนติก ฉากที่พระเอกมีความสุขเมื่อใด ก็ไม่มีเหตุการณ์ที่แสนปวดใจมคั่นทุกครั้ง โครตทรมานพระเอก (สปอยล่ะกัน เนโกะความจริงแล้วก็คือเพื่อนสมัยเด็กพระเอกนั้นเอง เพียงแต่สาเหตุที่ลืมความทรงจำเพราะ ทุกครั้งที่ใช้พลังวิเศษ เธอจะลืมเรื่องอดีตจนหมด และสาเหตุที่เธอกลายเป็นแบบนี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่)

     

     

    ฉากพระเอกร่ำไห้ ผมชอบฉากนี้น่ะ

     

    มีสิ่งหนึ่งที่ผมชอบเรื่องนี้ คือเรื่องนี้มันมีความเป็นฮาเร็มมากกว่า Elfen Lied (ซึ่งน้องหูแมวโหดนี้ความรักจะเป็นคู่ๆ มากกว่า) เริ่มจากตัวพระเอก แน่นอนว่าพูดถึงพระเอกในฮาเร็ม พระเอกส่วนใหญ่มักมีจิตใจดีงาม หากพบเห็นสาวๆ มีปมหรือเรื่องเดือดร้อน พระเอกจะไปช่วยเหลือ แน่นอนว่าเรื่องนี้จัดเต็ม ที่น่าสนใจคือ ตามความคิดของผมแล้ว มุราคามิ เป็นพระเอกฮาเร็มที่มีความเป็นธรรมชาติ มากกว่าพระเอกฮาเร็มทั่วๆ ไปเสียอีก

    ผมมักพูดถึงบ่อยๆ ว่าบางครั้งฮาเร็มไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักชายหญิงที่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง ซึ่งมุราคามิก็เป็นหนึ่งในพระเอกฮาเร็มแบบนั้น แม้ว่าเขาจะมีความรู้ชอบกับเพื่อนสมัยเด็ก (หรือ เนโกะที่เป็นนางเอกหลัก) แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อย เราจะเห็นพระเอกมีความรู้สึกกับผู้หญิงที่เป็น “ผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นๆ ด้วย

    หากเราดูเรื่องครอบครัวของพระเอก ก็ตะพบว่าพระเอกอยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่นมากนัก และเขามักพูดบ่ายๆ ว่าเขาไม่ค่อยถูกกับผู้หญิง (อยู่กับเพศตรงข้ามแล้วรู้สีกประหม่าทำอะไรไม่ถูก) ดังนั้นความรู้สึกที่พระเอกมอบให้พวกเธอไม่ใช่ความรักแบบชายหญิง แต่เป็นการให้ความ “เมตตา, ช่วยเหลือ” มากกว่า  (ในเรื่องมีตัวละครหญิงที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์หลัก 4 คนที่ร่วมมือกับพระเอก และยังมีคนอื่นๆ อีกเข้ามาในชีวิตพระเอก)

    หลังจากพระเอกรู้เรื่องราว “ผู้ใช้เวทมนต์” ที่ถูกไล่ลล่าโดยองค์กรหนึ่ง (ที่ดูเหมือนรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย)

    คือต้องการให้พวกเธอมีความสุขเท่าที่จะทำได้ มีอยู่ฉากหนึ่งที่หลังพระเอกรู้เรื่องเนโกะมีชีวิตที่ลำบาก ไหนจะไม่ค่อยมีกิน แถมยังถูกตามล่าอีก วันต่อมาเขาจึงซื้อขนมเค้กให้เนโกะกับเพื่อนของเธอ เพราะรู้ว่าผู้หญิงชอบเค้ก แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม

     แม้พระเอกจะเป็นธรรมดา ครอบครัวมีปัญหาด้วยซ้ำ อีกทั้งยังถูกลากเข้าไปสู่เรื่องวุ่นวาย แต่พระเอกก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ แม้บางครั้งเสี่ยงชิวิตเพื่อพวกเธอเหล่านั้นก็ตาม เพราะ  เขาอยากให้เธอมีชีวิตเหมือนคนธรรมดา   มันเป็นความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่หวังเรื่องเพศแต่อย่างใด

    ผมชอบฉากหนึ่งที่พระเอกร่ำไห้ “ผู้ใช้เวทมนต์” คนหนึ่งที่ละลาย ตายไปต่อหน้าพระเอก แม้ว่าเขาจะรู้จักกับเธอไม่นาน แต่เขาก็พยายามที่ช่วยเหลือเธอทุกอย่าง แม้สุดท้ายเรื่องแสนโหดร้าย เธอถูกฆ่าต่อหน้าพระเอกโดยที่พระเอกไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาก็ได้ร้องไห้เสียใจกับการตายของเธอคนนั้นไม่แพ้พวกนางเอกแต่อย่างใด  เขาไม่ได้มองพวกเธอเป็นสัตว์ประหลาดเหมือคนอื่น แต่เขามองพวกเพื่อนเป็นเพื่อนของเขาที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้

    จะมีใครสักคนที่เหมือนพระเอกคนนี้กัน ที่ร่ำไห้แก่คนอื่น และเสียสละชีวิตของตนเองแก่คนอื่น

     

     

    น้องแฮ็กเกอร์จอมขโมยซีน

     

    แน่นอนว่าใน Elfen Lied มีนานะเป็นตัวขโมยซีน เรื่องนี้ก็มีเช่นกันคือ  “คาสุมิ” หรือ “แฮ็กเกอร์” ซึ่งผมว่าบทของเธอนี้ดีไม่ดี โดดเด่นกว่าเนโกะด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นตัวละครที่รู้สึกชอบพระเอกแบบจริงๆ จังๆ กว่าใครเพื่อน ส่วนพระเอกเองก็มักเอามีเรื่องมาคุยปรึกษากับเธอตลอด ผมรู้สึกสนุกที่ได้เห็นเธอคนนี้ครับ ยิ่งช่วงที่เธอไปเที่ยวกับพระเอกผมก็ชอบด้วย

    ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกแต่อย่างใด ที่ Gokukoku No Brynhildr ดำเนินเรื่องคล้ายๆ กับ Elfen Lied มีจุดดราม่า แอ็คชั่น ไปจนถึงฉากผ่อนคลาย (ดูพวกสาวๆ เล่นน้ำ ไปเที่ยวด้วยกัน ไปโรงเรียนด้วยกัน) ทำให้ดูได้เรื่อยๆ จนดูเหมือนคลื่นลมสงบไปบ้าง แต่ผมขอบอกมา ณ ที่นี้ว่า การดำเนินแบบนี้เป็นแนวถนัดของคนเขียนอีกล่ะ เพราะมันจะนำไปสู่จุดไคเม็กซ์ของเรื่องอันแสนระทมทุกข์ของพระเอกแน่นอน ราวกับจู่ๆคลื่นลมสงบนี้ ได้เกิดพายุทันแสนโหดร้ายพัดกระหน่ำแบบไม่หยุดปานนั้น ความสุขที่แสนสั้นนั้นจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว

    แน่นอนว่าปัจจุบันตอนที่ผมเขียนบทความนี้ มังงะการ์ตูนเรื่องถึงจุดไคแม็กซ์แล้ว และหลายคนได้เห็นฉากโหดร้ายด้วย และหวังว่าการ์ตุนเรื่องนี้ขอให้จบอย่างมีความสุข เพราะผมไม่อยากเห็นพระเอกต้องทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว และสิ่งที่พระเอกทำสมควรที่จะได้รับการตอบแทนอะไรบ้าง แน่นอนตอนนี้ผมกำลังติดตามมังงะอย่างใกล้ชิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหนกันแน่

    สำหรับสิ่งที่อยากฝากไปถึงทุกคนที่ยังไม่ได้อ่านมังงะ และอยากดูอนิเมะเรื่องนี้ก็คือ “ฮย่าอวย” ตัวละครใดๆ ทั้งสิ้นครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×