ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #267 : (รีวิวอนิเมะแบบแมวๆ ) Winter 2014 หนาวนี้ แอ็คชั่นเยอะไปแล้วเฟ้ย!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.94K
      0
      29 มี.ค. 57

     รายละเอียดอื่นๆ ผมเขียนในกระทู้ที่

    http://www.dek-d.com/board/view/3126587/

     

    สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วครับการรีวิว (โครตมั่ว โครตอวย โครตลูกรัก) ซีซั่นประจำฤดูหนาว 2014

    ก่อนที่จะพูดถึงอนิเมะซีซั่นนี้ ขอสรุปอนิเมะซีซั่นก่อนสักนิด หากถามว่าอนิเมะซีซั่นก่อนเรื่องไหนประสบความสำเร็จสูง แน่นอนว่าหลายคนคงคิอดว่าน่าจะเป็นผ่าพิภพไททัน Shingeki no Kyojin ใช่เปล่าครับ แต่ตามความเห็นผมแล้ว ผมว่าไม่ใช่ โอเคครับในแง่ความสำเร็จไททันอนิเมะเรื่องอื่นขาดลอย แต่อย่างไรก็ตามไททันนั้นเป็นอนิเมะที่ดังมาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งคุณภาพ การโปรโมตก็ล้วนดีเยี่ยม ก็สมควรแล้ว แต่นั้นเทียบไม่ได้กับ "Non Non Biyori" ซึ่งเป็นอนิเมะที่ผมยกว่าเป็นอนิเมะม้ามืดแห่งปี 2013 ที่เกือบบดขยี้ไททัน ที่น่าสนใจคืออนิเมะนี้แทบไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษอะไรเลย การดำเนินเรื่องเรื่อยเปื่อย แต่กลับสร้างความประทับใจให้กับใครหลายคน และนั้นทำให้หลายคนเริ่มทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้อนิเมะของตนประสบความสำเร็จ

    แน่นอน สำหรับปีนี้ผมก็อยากเห็นอนิเมะสักเรื่องที่เป็นม้ามืด อนิเมะที่ตอนแรกหลายคนไม่สนใจ กลับกลายเป็นอนิเมะที่ดีที่สุดที่มีคุณภาพ ที่เราสามารถอวยอย่างไม่อายใครได้

                    อย่างไรก็ตาม  ในฤดูหนาวปี 2014 นี้ ผมมองว่ายังไม่มีอนิเมะม้ามืดปรากฏ ที่น่าสนใจคืออนิเมะซีซั่นนี้แทบไม่มีฮาเร็มบริสุทธิ์เลย ราวกับว่า ฮาเร็มกำลังสูญพันธ์ไปจากโลกงั้นแหละ แถมเรื่องที่เป็นฮาเร็มไม่ตรงสเป็กผมอีก (ฮาเร็มไม่บริสุทธิ์)

                    ซีซั่นนี้แนวอนิเมะเยอะที่สุดเท่าที่สังเกตเห็นตามความรู้สึกก็คือแนวแอ็คชั่นครับ (เอาให้จุใจเลย) ไม่ว่าจะเป็นแอ็คชั่นไซไฟ แอคชั่นแฟนตาซีเวทมนต์ เด็กวัยรุ่นดูก็ดีอยู่หรอก แต่ให้ผมอายุ 31 ปีมาดูก็ยังไงอยู่ เอาเถอะก็ไม่ได้รังเกียจแอ็คชั่นอะไรหรอก หากมันดีจริง ได้ข้อคิดจริง สอดแทรกอะไรให้ได้คิด อะไรฮาร์ตๆ  ผมก็พร้อมที่จะเปิดใจเหมือนกัน

                    สำหรับซีซั่นนี้เรื่องที่ผมตามมีค่อนข้างน้อยเรื่อง ซึ่งแน่นอนมันก็ไม่ตรงใจหลายคนอีก เอาเป็นว่าใครอยากรู้ผมดูอนิเมะเรื่องไหนบ้าง และพูดอนิเมะเรื่องไหนบ้างไปดูลิงค์ข้างล่างครับ สำหรับบทความนี้ผมจะพูดอนิเมะที่ผมติดตามเท่านั้น

    http://www.dek-d.com/board/view/3126587/

     

     

    Robot Girls Z –หุ่นเกรียนโมเอะ Z พิทักษ์โลก

     
                  Robot Girls Z  เป็นอนิเมะแนวตลก ชีวิตประจำวัน ฉายเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2014  ที่น่าเสียดายมีเพียง 9 ตอน (ไม่นับตอน 0 ) ถือว่าน้อยมาก เพราะอนิเมะนี้ผมดูแล้วสนุก และสามารถนำมุกต่อยอดได้มากมาย

    อนิเมะได้นำความทรงจำการ์ตูนรุ่นคุณปู่มาเล่นอีกครั้ง เพียงแต่การกลับมาครั้งนี้ กลับในรูปแบบตลกโมเอะชีวิตประจำวัน โดยเป็นเรื่องของสามสาวหุ่นเหล็กไหลในภาพของสามสาวมัธยมปลาย Z-จัง (Mazinger Z), เกรท-จัง  (Great Mazinger) และ เกรเนดา-ซัง (UFO Robo Grendizer) ที่มารวมตัวกันเป็น Team Z มีหน้าที่ในการโปรโมทพลังงานโปรตอน  และคอยต่อสู้กับศัตรูที่นำโดยป้าอาชูร่า-จัง ลูกน้องคนสนิทของด็อกเตอร์นรกกับลูกสมุนหุ่นยนตร์โมเอะที่ต้องการชิงพลังงานนี้ไปใช้เอง (พลังงานโปรตอนเป็นพลังงานจากใน Mazinger Z)

    มาชินก้า Z เป็นผลงานมังงะวาดในปี 1972 ของนักเขียนที่กลายเป็นตำนานอย่าง Go Nagai (ผู้สร้างตำนานเพื่อนสมัยเด็กตายอย่างโหดร้าย จากเรื่องเดวิดแมน) ซึ่งมีเอกลักษณ์การวาดมังงะแนวนิยายวิทยาศาสตร์ แฟนตาซี สยองขวัญ และแอ็คชั่นบ้าพลัง และมาชินก้าถือว่าเป็นซีรีย์ที่ขาดไม่ได้ในเกมซูปเปอร์โรบอตไปแล้ว (หากไม่มีใครเล่นเกมจะด่าทันที) และหลังจากมาชินก้าโด่งดัง ก็มีซีรีย์มากมายเกี่ยวกับโรบอตคนขับ ไม่ว่าจะเป็น เกรทมาชินก้า และเกรเนดา รวมไปถึง เก็ตเตอร์โรบอต, Jeeg, และไกคิง (ซึ่งเราจะได้เห็นในการ์ตูนโมเอะเรื่องนี้ด้วย) ส่วน กาคีน บาระตัน และ Danguard A เป็นซีรีย์อนิเมะหุ่นยนตร์สมัยเก่าพอๆ กับมาชินก้า (ซึ่งเราจะเห็นในการ์ตูนโมเอะนี้เข่นกัน)

    (ปล. ไกคิงนั้น มีการฟ้องร้อง คือตอนแรกไกคิงอ้างว่า Akio Sugino เป็นผู้ออกแบบ แต่ความจริงแล้วผลงานนี้เป็นของ Go Nagai ซึ่งมีการต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานถึง 10 ปี)

    ดูเหมือนว่าสมัยนี้นิยมเอามังงะหรือการ์ตูนสมัยเก่ามาทำให้โมเอะ ก่อนหน้านี้ก็มีมังงะเซ็นต์เซย่าเป็นสาวน้อยมาแล้ว และก่อนหน้าอีก ได้มีมังงะที่ชื่อ Mazinger Otome ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมาชินก้า โมเอะเหมือนกัน เพียงแต่มาชินก้า โมเอะที่ว่าออกแบบไปแนวสาวใหญ่มากกว่าเป็นสาวมัธยมแบบในเรื่อง เท่านั้นเอง (มี 2 เล่มจบ ออกไปทางบ้าบอมากกว่า)

                    Robot Girls Z เป็นผลงานของ Hiroshi Ikehata ความจริงอนิเมะนี้มีข่าวมานนานแล้ว ตอนแรกเป็นโปรเจ็กต์ของ Toei Robot Girls ของ Toei Animation ซึ่งมีแนวคิดเอาเหล่าหุ่นสมัยพระเจ้าเหามาใส่ความโมเอะกลายเป็นสาวน้อยเข้าไป ตั้งแต่ปี 2009  แต่ปรากฏว่าไปมากว่าจะออกก็ในปี 2013

    อนิเมะเปิดออกมาได้อย่างน่าสนใจ สนุก และโมเอะ แม้ตอนหนึ่งจะประกอบด้วยตอนย่อย 3 ตอน (ตอนละ 10 นาที) แต่ก็ทำได้ไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด แม้จะเป็นแนวโมเอะชีวิตประจำวัน เรื่อยเปื่อย ก็ตาม

    เปิดฉากมาเมื่อกลุ่มตัวร้ายมาเกรียนใส่กลุ่มตัวเอก และจบลงไปด้วยความพ่ายแพ้ของกลุ่มตัวร้าย เป็นแบบนี้ทั้ง 3 ตอน ปกติหลายผ่านคงผ่านดูการ์ตูนมาชินก้ามาบ้าง ที่มามุก ตอนหนึ่งสู้หุ่นศัตรูล่ะตัว ก่อนจบลงด้วยการปราบหุ่นได้ทุกครั้ง พร้อมสอดแทรกธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ

    แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ดู แทนที่จะอวยหรือเอาใจช่วยกลุ่มตัวเอก กลายเป็นว่าอยากอวยตัวผู้ร้ายซะงั้น แบบว่าตัวผู้ร้ายนี้น่าสงสารอยากบอกไม่ถูก ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่แปลกใหม่แต่อย่างใด  ที่แนวเรื่องเปลี่ยนตัวร้ายให้ดูน่าอวย อย่างเรื่อง Tentai Senshi Sunred  ก็เคยทำมาแล้ว แม้จะชื่อว่าเป็นตัวร้ายแต่การแสดงออกไม่ได้ออกมาร้ายเลย เพราะการออกแบบเป็นสาวโมเอะหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น สาวแว่น, สาวทวินเทล, สาวโมโซ จัดเต็มโมเอะไม่ซ้ำแบบเลยทีเดียว ดูแล้วน่าอวยกว่าตัวเอกเสียอีก แถมนิสัยออกไปทางน่าหยิกมากกว่าโหดร้าย แถมมีความพยายาม มีความมุมานะ แม้จะรับบทเป็น “ผู้แพ้” ตลอดกาลก็ตาม แต่ก็ไม่ท้อถอย สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนอวยฝ่ายร้ายไปในทันที

    ส่วนตัวละครที่โดดเด่น น่าจะเป็น บารอสอาชูร่า ตัวร้ายคลาสสิก สมัยก่อนอาชูร่าเป็นกระเทยที่หลายคนอยากเอาเท้าลูบหน้ามาก แต่พออนิเมะเรื่องนี้กลายเป็นป้าอาชูร่า (ใส่กางเกงในเอ็กซ์มาก)  ที่ใจใส่ลูกน้องซะงั้น  ซึ่งปรัชญาผู้ร้ายสู้เค้า ก็เริ่มที่จะหลายคนสังเกตเห็น และเริ่มนำบทบาทผู้ร้ายที่แสนพยายามนี้มาดัดแปลงมากมายหลายเรื่องตามมา

     นอกจากนี้อนิเมะเรียกความรู้สึกเก่าๆ ได้ดี อาจไม่ถึงขั้นระลึกชาติมากมายนัก อาจมีศัพท์เฉพาะ  บางฉากก็ปรากฏตัวละครมาชินก้าให้โผล่เห็นเป็นระยะ นอกจากนี้ตัวละครฝ่ายศัตรูโมเอะที่ออกมามากมายให้ระลึกชาติว่าสาวน้อยโมเอะนี้เป็นใคร แล้วมาย้อนอดีตดู ก็ทำให้เพลินได้เหมือนกัน

                    สรุป ถึงแม้เป็นการ์ตูนโมเอะเรื่อยเปื่อย แต่เพิ่มเรื่องมาชิก้า หุ่นเก่าและแอ็คชั่น ทำให้เรื่องนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น สนุกครับ

     

    Sekai Seifuku Bouryaku no Zvezda- ท่านผู้นำของผมไม่น่ารักแบบนี้หรอก!?


                    Sekai Seifuku Bouryaku no Zvezda เป็นแนวตลก แฟนตาซี จำนวน 12 ตอน เป็นอนิเมะใหม่ของ A-1 Pictures ฝีมือผู้กำกับ Darker than Black  ฉายเมื่อ 12 มกราคม 2014 ที่ผ่านมา 

    การ์ตูนเปิดเรื่องพร้อมประโยคที่น่าสนใจ เมื่อกล่าวว่า “การยึดครองโลกไม่ได้หมายถึงการยึดครองด้วยกำลังทหาร แต่การครองโลกหมายถึงเป้าหมายที่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ”

    อย่างไรก็ตาม การ์ตูนในตอนแรกนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก ว่าอะไรเป็นอะไร ย่อๆ คือ เป็นเรื่องของพระเอก “จิมอน อาสึตะ” คนธรรมดาที่จู่ๆ ที่หนีออกจากบ้าน (โดยตอนนี้ไม่ทราบสาเหตุที่หนี) และพอดีตอนที่หนีเป็นตอนกลางคืนและมีเหตุการณ์ประกาศกฎอัยการศึกที่ห้ามให้พลเมืองออกมานอกบ้าน และมีทหารออกมาลาดตระเวน หากพบจะถูกลงโทษ พูดง่ายๆ พระเอกซวยเต็มๆ แต่เพราะความซวยนี้เองทำให้เขาได้รู้จักโลลิ “โคมาโดริ เร็นเงะ” หัวหน้าใหญ่ของ  Zvezda สมาคมลับที่ตั้งขึ้นมาเพื่อยึดครองโลก (Zvezda ในภาษารัสเซียแปลว่า ดาว”)  และด้วยเหตุการณ์พาไปทำให้พระเอกกลายเป็นลูกกระจ๊อกของโลลิน้อยนี้เพื่อต่อกรองค์กรป้องกันตนเองของญี่ปุ่นและฮีโร่ที่สุดแสนโมเอะ (!?)

    เป็นอีกเรื่องที่ตัวร้ายเป็นตัวเอก และโมเอะ (ความจริงอีกฝ่ายก็โมเอะไม่แพ้กัน แถมพระเอกจะปักธงสูงด้วย)

    แน่นอนว่าหลายคนดูอนิเมะเรื่องนี้ ต่าง งง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่า มันคืออะไรกันแน่ เพราะปริศนามากมายในเรื่องต่างกระหน่ำเข้ามาในโสตสมองของเราไม่ยั้ง กับการดำเนินเรื่องที่เรามักตั้งคำถามตลอด ( ไม่ว่าจะเป็น กฎอัยการศึก?, เป้าหมายที่จริงโลลิ, ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายธรรมะ) แต่ข้อเสียเหล่านี้ถูกกลบ (หรือเกือบกลบ) ด้วยความน่ารักของตัวละคร โลลิ ส่วนคำถามที่ว่าก็กลายเป็นแรงขับที่หลายคนจะติดตามต่อว่า “สรุปแล้วเรื่องนี้แนวไหนกันแน่?

    สำหรับผมแล้ว แม้ว่าตอนแรกจะ งง แต่ด้วยตัวละครน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมะก็ทำให้ผมลืมเรื่องนี้ไป และในที่สุดสิ่งที่ผมรอมาอย่างยาวนาน ผมก็ได้ดูอนิเมะที่ตัวเอกมีคาแร็คเตอร์เป็น “เจ้าหญิงน้อย” เสียที หลังจากที่อนิเมะที่ผ่านมา เจ้าหญิงน้อยของผมเป็นตัวรองมาตลอด หรือแนวเรื่องไม่โดน ในที่สุดก็ได้เป็นตัวเอกเสียที และเป็นอนิเมะ

    คาแร็คเตอร์ “เจ้าหญิงน้อย” ถือว่าเป็นคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่นหนึ่งในการ์ตูนญี่ปุ่น คือเป็นโลลิ (แม้บางคนจะเป็นโลลิเทียม อายุมากกว่าที่เห็นก็ตาม) แต่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคนที่ครอบครองโลลิประเภทนี้ได้ พระเอกมันต้อง “กาก” เท่านั้นครับ หากเก่งมีพลังต่อสู้ไม่เข้ากัน (ชะชะช่า)

                    เชื่อว่าอนิเมะนี้เป็นที่นิยมของหมีไปทั่วโลกแน่นอน เพราะเรื่องนี้สร้างคาแร็คเตอร์ “เจ้าหญิงน้อย” ได้โดนใจผมเลยเกิน (เมื่อผมการันตี ผมเชื่อว่า คนรักหมีคงเห็นด้วยกับผมแน่นอน ในฐานะคนอายุ 31 ปีที่มีประสบการณ์มายาวนาน)

                    นอกจากหมีแล้วตัวละครสาวๆ ก็น่ารักได้ใจ พร้อมกับชุดออกปฏิบัติการ ราวกับจะไปว่ายน้ำ (มีศัพท์เรียกชุดแบบนี้ว่า Stripperiffic  มีความหมายว่าตัวละครที่ใส่ชุดเซ็กซี่ออกรบ ทั้งๆ ที่ชุดที่ว่าไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย เป็นต้นว่าบิกินี่, ชุดกระต่าย, ชุดว่ายน้ำโรงเรียน เป็นต้น) คนออกแบบคาแร็คเตอร์หลายคนอาจคุ้นๆ Original Character Design  คนออกแบบตัวละครคือ Kuroboshi Kohaku คนไทยคงคุ้นผลงาน อย่าง การผจญภัยของคิโนะ กับซัมมอน ไนท์มาแล้วนั้นเอง

                    อย่างไรก็ตาม นอกเหนือการออกแบบตัวละคร สิ่งที่ผมประทับใจก็คือบทสนทนาของพระเอกกับโลลิกลางตอนของเรื่องที่มีประโยคโดนๆ หลายประโยค ไม่ว่าจะเป็น “ถ้านายสาบานว่าจะจงรักภักดีกับฉัน ฉันจะแบ่งขนมและโลกของฉันให้กับนาย” (“If you swear your allegiance to me, I shall share my snacks and the worlds with you.”) ฟังดูเหมือนประโยคคลาสฺจอมมารแบ่งโลกกับผู้กล้าอย่างบอกไม่ถูก (ประโยคที่ว่าคือ “นายเข้ามาร่วมกับฉันสิฉันจะแบ่งโลกให้ครึ่งหนึ่ง) หรือประโยคที่โลลิพูดกับพระเอก “ของเล่นน่ะเปลี่ยนได้ แต่ไม่มีอะไรที่แทนที่นายได้หรอกน่ะ จิมอน อาสึตะ” (“A toy can be replaced, but you can't, Jimon Asuta, and neither can I”) ผมว่าประโยคนี้โดน และฟินอย่างบอกไม่ถูก

                    บทสนทนาระหว่างพระเอกกับบทโลลิ แสดงให้เห็นว่าโลลิได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ซึ่งหนักหนาสำหรับเธอ ภารกิจของเธอไม่สามารถถอยหลังกลับได้ หรือว่าเมื่อมันทำสำหรับแล้วเธอก็จะไร้ที่อยู่ (??) สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็น เอกลักษณ์ของโลลิ “เจ้าหญิงน้อย” ที่ตัวเล็กๆ แบบนี้ต้องรับหน้าที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับการอธิบายโลกที่เธอต้องการเอาชนะให้ได้ แต่ฉากอนาคตที่โลลินั้นกล่าวถึง กลับดูเศร้าๆ ที่ยังไม่เปิดเผยว่ามันคืออะไรกันแน่? ทิศทางของเรื่องนี้จะจบหักหลังคนดูหรือไม่?

                     ตอนแรกที่ผมเห็นฟรีวิวอนิเมะผมก็นึกว่าเป็นแนวตลกเรื่อยเปื่อยเสียอีก (ความจริงก็ใช่แหละ) แต่เมื่ออนิเมะฉายก็ออกมาก็พบว่าเป็นแนวจริงจังพอสมควร (แต่ก็ดูอารมณ์แบบแปลกๆ) แม้ตอนแรกจะมึนๆ แต่กับเป็นแรงขับให้ดูตอนต่อไป ซึ่งผมเชื่อว่าตอนหน้าน่าจะเป็นการกำหนดทิศทางเรื่องแล้วว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไร

                    สรุปคือเป็นอนิเมะที่น่าสนใจ ตัวละครที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะตัวเอกโลลินี้เป็นผู้นำที่ผสมกับความอวดดีและไม่อวดดี (แอ๊ะยังไง!!) และความคาดหวังของผมก็คือ อยากให้พระเอกปักธงโลลิ และฝ่ายธรรมะ (??) ด้วย แต่ความหวังให้ผลงานออริจินอลนี้น้อยเหลือเกิน

                    ปล. ไปดูตอนที่ 2 แล้วการ์ตูนปล่อยมุกที่ฮ่า (แบบโมเอะ) อีกเรื่องหนึ่ง....

     

     

    Nobunagun อีหนูปืนโหดสั่งตาย!!

     
                 อนิเมะ
    Nobunagun เป็นอนิเมะที่สร้างจากมังงะผลงาน Hisa Masato ผลงานก่อนหน้าก็เรื่อง Area 51, Jabberwocky และ Grateful Dead มาก่อน (เรื่องทั้งหมดไม่มีลิขสิทธิ์ไทยครับ แน่นอนคนไทยไม่คุ้นสักเท่าไหร่ ผลงานมังงะของพี่แกจะออกโทนขาวดำ โล่งแปลกๆ พูดง่ายๆ คือแนว) แล้วจึงเริ่มเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2011 วางจำหน่ายเล่มแรกในปี 2012 และเล่ม 2 เมื่อต้นปี 2013

    Nobunagun กล่าวถึง นักเรียนสาวชั้นมัธยมปลาย Ogura Shio แม้จะร่าเริงสุดใส่ แต่บ้าปืน รถถัง เครื่องบินทหาร ทำให้ไม่มีเพื่อน วันหนึ่งเธอกับเพื่อนร่วมชั้นได้มาทัศนศึกษาที่ประเทศไต้หวัน แต่กลายเป็นว่าเธอตกอยู่ท่าทกลางการรุกรานของมอนสเตอร์ปริศนาเล่นงาน ในระหว่างที่เกิดความอลหม่านครั้งใหญ่นั้น มีกลุ่มคนปริศนา จากองค์กรรัฐบาล DOGOO ได้ปรากฏตัวเข้าช่วยเหลือ ด้วยเทคโนโลยีพิเศษทำให้กลุ่มคนพวกนั้นสามารถใช้อาวุธอิงบุคคลสำคัญประวัติศาสตร์  เช่นบาเรียกของมหาตมา คานธี และการคุมแรงโน้มถ่วงของนิวตัน, การตัดทุกอย่างของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ และทันใดนั้นพลังของเธอก็ได้ตื่นขึ้น พลังของเธอคือยอดขุนศึกในญี่ปุ่น โนบุนางะ โอดะ แล้วต้องสู้ร่วมกับสมาชิกชาติอื่นๆ อีกมากมายในองค์กร DOGOO

    พูดตามตรงว่าเนื้อหาโดยภาพรวม (ซึ่งผมก็แอบไปดูมังงะมาแล้ว) สูตรสำเร็จสุดๆ ประมาณว่าตัวเอกเป็นคนธรรมดา จู่ๆ ไปอยู่ในเหตุการณ์อะไรบางอย่างบุกโลก แล้วฆ่าคนตายเป็นเบือ จู่ๆ ตัวเอกก็มีพลังวิเศษต่อกรกับมัน ตอนหลังก็เข้าองค์กรพิทักษ์โลก (ตอนแรกตัวเอกจะสับสนจะเข้าหรือไม่เข้า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าจนได้) เห็นไหมล่ะพล็อตแบบนี้เซเว่นก็มีขาย

    ดังนั้นเลิกคิดเรื่องจะเอาอะไรแหวก เนื้อหาหักมุมได้เลย และเชื่อเลยว่าหลายคนที่ดูอนิเมะนี้คงเอามาเปรียบเทียบกับ kill la kill  แบบช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ของเรื่อง การออกแบบ แถมตอนหลังเข้าไปฝึกฝนอีก (ฮ่า) แต่เลิกคิดได้เลยว่าเหมือน kill la kill  เพราะ Nobunagun มาก่อนแน่นอน  เพราะมังงะวาดไว้ตั้งแต่ 2011

                    ดูเหมือนเรื่องนี้จะขาดแคลนเรื่องความรักสักหน่อย ตอนที่เขียนบทความตอนนี้มังงะยังอยู่เล่ม 3 อยู่ เนื้อหาก็ยังไม่ได้ไปไหนมากนัก (ดูเว็บจีนแดงอ่านไม่ออกหรอก) แต่ถ้าถามว่าเรื่องนี้สนุกไหม ก็ตอบเฉยๆ น่ะ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ การออกแบบตัวละครก็ไม่ได้น่าชวนติดตามมากนัก พล็อตก็ธรรมดา ดำเนินเรื่องน่าจะเป็นเส้นตรงด้วย (จะหักมุมนี้ผมไม่รู้หรอก) แต่สิ่งที่ชอบคงจะเป็นการเอาเรื่องของบุคคลประวัติศาสตร์มาเป็นพลังวิเศษนี้แหละ ทำให้น่าสนใจขึ้น (แม้ว่าการเอาบุคคลประวัติศาสตร์มายำจะไม่ใช่เรื่องแบบใหม่สักเท่าไหร่)  และชอบตรงหน้าของนางเอกที่ยิ้มแบบโรคจิตนี้แหละ คิดว่าดูตอนที่ 3 ก่อนว่ามันจะโอเคไหม หากเล่นมุกน่าเบื่ออีกก็คงเลิกดู พอดีซีซั่นนี้มีแต่แอ็คชั่นเยอะพอสมควร ดังนั้นต้องเลือกสักเรื่องมาดูเพื่อลดการรอคอยไปบ้าง เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่ผมต้องตามอย่างช่วยไม่ได้

     

    และทั้งหมดนี้คืออนิเมะที่ผมเลือกดูในซีซั่นนี้ครับ ส่วนการ์ตูนสั้นในสามนาทีกว่าๆ ไม่ขอกล่าวถึง เพราะผมดูอยู่แล้ว แน่นอนว่าอนิเมะซีซั่นมีเรื่องดังหลายเรื่อง หลายคนอวย ที่ผมไม่ได้ดู เพราะมันไม่ตรงสเป็กผมครับ มันเป็นธรรมดาของโลก หากผิดพลาดยังไง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ สำหรับใครที่อยากเห็นผมรีวิวเรื่องที่ทุกคนชอบ (เอาเป็นว่าอยากดูเยอะๆ ไปดูที่กระทู้น่ะครับ)  เอาเป็นว่าซีซั่นหน้าน่าจะมีอนิเมะที่ผมสนใจหลายเรื่อง ถึงเวลานั้นก็ติดตามผมรีวิวต่อไปน่ะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×