ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #243 : Kakumeiki Valvrave สงครามแห่งอิสรภาพ (ซีซั่น 1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.72K
      4
      24 ก.ค. 56

    คงไม่มีอนิเมะใดในซีซั่น Anime Spring 2013  นี้ที่ผมติดตามด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ชอบ เกลียด เกลียดมาก และโครตเกลียดสุดๆ แบบนี้มาก่อน

     

    Kakumeiki Valvrave

     

    Kakumeiki Valvrave หรือ Valvrave the Liberator อนิเมะหุ่นยนต์ออจินอลของ Sunrise (ซันไรท์ น้ำยาล้างจาน!!) เขียนบทโดย Okouchi Ichiro (ผลงาน Code Geass, Guilty Crown) และออกแบบตัวละครโดยคนวาดมังงะชื่อดัง D.Gray-man) จึงไม่ต้องแปลใจที่อนิเมะมีส่วนผสมของกลิ่นอายการ์ตูนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกันดั้มซีด, Code Geass, Guilty Crown ผสมเข้าไปจนกลายเป็นเรื่องเดียวกัน

    อนิเมะนั้นออกมาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2013 และจบซีซั่นแรกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2013 ทั้งหมด 12 ตอน ส่วนซีซั่นสองมีกำหนดจะฉายในเดือนตุลาคม 2013 ทั้งหมด 12 ตอนเช่นกัน

    เนื้อเรื่องย่อของการ์ตูนเรื่องนี้คล้ายๆ กับกัมดั้มภาคแรก เป็นเรื่องของยุคอวกาศที่ประชากร 70% ของมนุษย์ เลือกที่จะอาศัยอยู่ในอวกาศ และสร้างอาณานิคม ดาวเคราะห์เทียม และอาศัยอยู่ในนั้น และต่อมาโลกก็ได้แบ่งฝ่ายออกเป็น 2 ฝ่ายมหาอำนาจ คือ “ดรอเซีย” (Dorushia Military Pact Federation) และ Atlantic Ring United States (ARUS) ซึ่งทั้งสองประเทศไม่ถูกกันและจ้องจะรุกรานซึ่งกันและกันมาตลอดเพียงแต่หาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้เท่านั้น และนอกจาก 2 ประเทศนี้แล้วยังมีประเทศขนาดเล็กที่เป็นกลาง “จิออน” มีความรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ ซึ่งผู้คนอยู่อย่างเป็นปกติสุข

    และที่ประเทศจิออนนี้เองเป็นที่อยู่อาศัยของ “โทคิชิมะ ฮารุโตะ” ซึ่งเป็นพระเอกมัธยมปลายปีที่ 2 ธรรมดา (คล้ายๆ บักชูมงกุฎบาป) คือเป็นหนุ่มจิตใจดีงาม ไม่ชอบต่อสู้ จนทำให้ “ซาซานามิ โชโกะ” ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กต้องลำบากใจเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายดรอเซียได้รุกรานจิออน และได้บุกมายัง Module 77 ที่ซึ่งเป็นโรงเรียนที่พระเอกกำลังศึกษาอยู่ และได้ทำลายโรงเรียนของพระเอก และระหว่างนั้นโชโกะโดนบีมลำแสง จนพระเอกจิตหลุดและได้ขับอาวุธต้องห้าม ที่ถูกเรียกว่า “Valvrave” ออกต่อกรศัตรู

     

    Valvraves เป็นอาวุธลับที่แอบสร้างในโมดูล 77 ซึ่งในซีซั่นแรกไม่ทราบที่มาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นเจ้าของโครงการ มีทั้งหมดกี่เครื่องกันแน่ สิ่งที่รู้คือโรงเรียนที่พระเอกอยู่ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์วิจัย Valvraves โดยเฉพาะ และผู้ที่ขับได้จะต้องเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่มีคุณสมบัติถึงแล้วเท่านั้น (แต่ก็มีข้อยกเว้นเหมือนกัน แต่ยังเป็นปริศนา) ซึ่งนักบินที่ได้รับเลือกเมื่อเข้าไปในเครื่อง คอมพิวเตอร์จะถามว่า “จะยอมทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อที่จะขับหุ่นหรือไม่?” หากเลือกที่จะยอมรับ นักบินจะถูกฉีดสาวอะไรบางอย่าง จนกลายเป็นผู้มีพลังวิเศษ เป็นแวมไพร์ที่สามารถกัดบริเวณผิวหนังคนอื่นจะสลับกับคนอื่นได้  และสามารถคืนชีพสภาพร่างกายจากการบาดเจ็บหนักได้ และหากคนอื่นที่ไม่ได้เป็นมาสเตอร์ของหุ่นตัวนั้นขับก็จะถูกเครื่องจับฉีดสารและระเบิด (กรณีนี้ยกเว้นหากมาสเตอร์อยู่ในร่างของคนอื่นก็จะสามารถขับหุ่นได้ปกติ)

    ปริศนาของหุ่น Valvraves ค่อนข้างมีมากมาย รู้การขับเครื่องนั้น หากความร้อนถึง 100 เครื่องจะไม่สามารถใช้งานได้ ยกเว้นคุณสมบัติบางประการที่ครบ 100 จะสามารถใช้ท่าไม้ตายได้ และจำนวนเครื่องไม่ทราบแต่ซีซั่นนี้ปรากฏออกมา 6 เครื่อง แต่เชื่อว่าน่าจะมี 7 เครื่องตามความหมายของ 7บาปในศาสนาคริสต์ และทั้ง 7 เครื่องมีพลังพิเศษแตกต่างกันออกไป

    พระเอกฮารุโตะนั้นเป็นเจ้าของเครื่องสีแดง RM-011 Valvrave 1/VVV-I  ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเขาถูกฉีดสารลึกลับทำให้กลายป็นแวมไพร์ไม่เหมือนใคร เพราะมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นแวมไพร์ที่สามารถหลุดสติบ้าคลั่งได้ทุกเมื่อ (แถมบ้าคลั่งนี้ชอบอิ๊บผู้หญิง....) และจะกลับเป็นปกติเมื่อทำให้หมดสติ ส่วนตัวหุ่นเองก็ดีระบบ AI ลึกลับในรูปสาวน้อยโมเอะตัน ที่ฉลาด ชอบเรียนรู้ และตอนสุดท้ายก็พูดว่า “พี่จ๋า พีจ๋า” (เสียงโครตหลอน) เมื่อเห็น AI ของเรื่อง VVV-II

    พระเอกฮารุโตะนั้นค่อนข้างปวดใจมาก ที่เขาถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เป็นเหตุทำให้เขาพยายามห่างเหินจากโชโกะ และคิดว่าตนเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถรักใครได้

    พระเอกฮารุโตะไม่อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนเขา แต่เวลาต่อมาก็มีคนในโรงเรียนของเขาเป็นนักบิน Valvraves ถึง 4 คน และทั้ง 4 นั้นยืนยอมที่ละทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อขับหุ่นด้วยแรงขับแตกต่างกันไป

    RM-031 Valvrave 3/VVV-III (สีเหลือง)-ยามาดะ ไรโซว (แรงขับ แก้แค้นให้เพื่อน และการตายของไอนะจัง)

    RM-047 Valvrave 4/VVV-IV (สีเขียว)-ขับโดย รูคิโนะ ซากิ (แรงขับ อยากเป็นคนดัง อยากให้ทุกคนจดจำเธอ)

    RM-056 Valvrave 5/VVV-V (สีฟ้า)-ขับโดย อินุซุกะ คิวมะ (แรงขับ การตายของไอนะจังและต้องการปกป้องคนอื่น)

    RM-069 Valvrave 6/VVV-VI (สีม่วง)-ขับโดยเร็นโบจิ อากิระ (แรงขับปกป้องโชโกะซึ่งเป็นเพื่อนคนแรกของเธอ)

    พระเอกฮารุโตะและเพื่อนๆ พยายามปกป้องโมดูล 77 จากการรุกรานของดรอเซียร์ที่ยึดประเทศของพระเอกเกือบหมดแล้ว (เหลือเพียงแต่โมดูล 77 ที่เดียว) ซึ่งวัตถุประสงค์ของการรุกรานเพียงแค่ต้องการหุ่น  Valvrave เท่านั้น และนั้นเองทำให้โชโกะเสนอว่าให้ตั้งโมดูล 77 เป็นประเทศ และตั้งเงื่อนไขว่าหากดรอเซียร์ทำอะไรกับครอบครัวของพวกตน ตนจะเผาหนังสือ...เอ้ย!! ทำลายหุ่น Valvrave หรือไม่ก็ยกหุ่นไปให้ประเทศที่เป็นคู่ปรับแทน ทำให้ดรอเชียร์ได้แค่มุ่งแต่ส่งกำลังมาบุกโมดูล 77 เท่านั้น (ซึ่งผมก็สงสัยทำไมดรอเชียร์ไม่ทำการแลกเปลี่ยนครอบครัวของนักเรียนให้ปลอดภัยซะเลย กลับพยายามส่งกำลังศัตรูมายึดแทน ทำให้เสียเวลา เสียทรัพยากรอีก แสดงว่าอีโก้สูงน่าดู)

    จากนั้นโมดูล 77 แยกเป็นเอกประเทศ และล่องลอยอวกาศ มุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ ซึ่งเป็นเขตปลอดอาวุธ และเชื่อว่าทุกคนจะปลอดภัยเมื่อถึงที่นั้น

    อย่างไรก็ตาม ดรอเชียร์ไม่อยู่เฉยแน่ เลยส่งกองทัพเข้ามายึดประเทศของพระเอก หากแต่ฝ่ายพระเอกก็ตอบโต้ด้วยความรุนแรงเช่นกัน จนต่างฝ่ายเจ็บช้ำอย่างหนัก (บอกให้เอาครอบครัวทุกคนมาแลกไงฟ่ะ!!)

    ต่อมาประเทศของพระเอกก็ตอบรับ L-F ทหารผมขาวท็อปของดรอเชียร์ ด้วยเหตุการณ์พาไปทำให้เขากลายเป็นคนทรยศดรอเชียร์ และต่อมาก็เป็นผู้ลี้ภัยประเทศพระเอก ซึ่ง L-F นั้นแม้มีความคิดตรงข้ามกับฮารุโตะที่เชื่อว่าความแข็งแกร่งการต่อสู้แย่งชิงคือทุกสิ่ง สงครามมันต้องมีการเสียสละบ้าง หากแต่เมื่อเห็นความตั้งใจของพระเอกที่ต้องการช่วยเหลือทุกคนแล้ว เขาก็ยอมเพื่อเป็นพวก พร้อมกับจัดการบริหารประเทศพระเอกให้เป็นระบบ ฝึกนักเรียนให้เป็นทหารเพื่อรับมือกับฝ่ายศัตรู ซึ่ง L-F ค่อนข้างตั้งใจพัฒนาประเทศพระเอกให้เป็นมหาอำนาจในอนาคตเพื่อวัตถุประสงค์ยึดดรอเชียร์

    นอกเหนือจากศึกนอก พวกพระเอกก็ต้องรับศึกใน เมื่อคนในประเทศซึ่งมีแต่พวกนักเรียนมัธยมปลายที่กังวลกับชีวิตของพวกตน ความเศร้าโศกความเสียใจที่เพื่อนๆ ในห้องตายที่คนทีละคน การรับมือกับศัตรูที่บุกเข้ามาที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำให้ภาระส่วนใหญ่อยู่ที่พระเอกหมด และนอกจากนี้ความรักของฮารุโตะก็มีปัญหาด้วย เมื่อมีซากิได้เข้ามาแทรกในความรักของเขาที่มีต่อโชโกะ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยากจะคาดเดา

    และมาถึงตอนใกล้จบเรื่อง (ซีซั่นแรก ตอนที่ 12) ประเทศของพระเอกใกล้ถึงจุดมุ่งหมายดวงจันทร์ หากแต่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูที่มากมายแบบจัดชุดใหญ่ แม้ว่าฝ่ายพระเอกจะสามารถกำจัดกองทัพศัตรูได้เกือบหมด แต่กองทัพของคาอิน (อาจารย์ของ L-Eif) ได้เจาะเข้ามาแกนกลางโมดูลประเทศของ พระเอก และฉากสุดท้ายของซีซั่นแรกหุ่นของพระเอกได้เผชิญหน้ากับหุ่นที่ผู้พันคาอินขับที่ดูเหมือนลาสต์บอส (เชื่อเถอะไม่ใช่ลาสต์บอสแน่นอน มุกมงกุฎบาปคือหลอกมาแล้ว) เป็นอันจบซีซั่นแรก ที่หลายคนที่ติดตามมาต่างกู่ร้องว่า “อยากดูต่อโว้ย” ในที่สุด

     

     

    มาตอนแรกพระเอกก็ตายสยองเลย (ทั้งโดนแทง ทั้งโดนยิง)

     

    ครั้งแรกที่ดู ยอมรับเลยว่าผมไม่ถูกกับแนวการ์ตูนแนวขับหุ่นยนต์ไซไฟสักเท่าไหร่ (สังเกตดู ผมเคยรีวิวอนิเมะหรือมังงะแนวหุ่นยนต์บ้างหรือเปล่าในบทความนี้ นอกจาก กุเร็นลากันน์ที่ผมดู กุเร็นลากันน์ก็เพราะมีเวลาว่างสุดๆ แหละ แถมกุเร็นลากันน์ยังเป็นอนิเมะหุ่นยนต์ที่ทำให้ผมเข็ดแนวหุ่นยนต์แบบสนิทใจเสียด้วยซ้ำ)

    ทำไมผมไม่ชอบแนวหุ่นยนต์นัก เพราะมันไม่ฮาเร็ม (ต่อให้มีเรื่องที่มีนางเอกหลายคนแต่ไม่ค่อยจบฮาเร็มหรอก และหลายเรื่องก็จบไม่ดีด้วย) บางเรื่องสอดแทรกเรื่องการเมือง เนื้อหาจริงๆ จัง ซึ่งไม่ค่อยเข้าหัวผมมากนัก และสิ่งที่ผมรับไม่ได้แนวขับหุ่นยนต์ก็คือฉากต่อสู้กลางห้วงอวกาศที่มีเสียงระเบิดดังสนั่นตูมตามทั้งๆ ที่จริงแล้วตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่มีเสียงระเบิดแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

    ที่ผ่านมาผมติดตามแนวหุ่นยนต์แทบนับเรื่องได้ ตอนแรกชื่นชอบกัมดั้มภาคแรก (สงคราม 1 ปี) แต่พอรู้ว่าฟราวเพื่อนสมัยเด็กของพระเอก (อามุโร่) แห้วรับประทาน เลยไม่ดูต่อ (และลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว) อย่างไรก็ตามมีแนวหุ่นยนต์เรื่องหนึ่งที่ผมดูแล้วชอบนั้นคือโอเวอร์แมนคิงกันเนอร์ แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ดูแนวหุ่นยนต์เรื่องอื่นๆ อีกเลย (ไม่ว่าจะเป็นแนวย้อนยุคหรือแนวใหม่ก็ตาม)

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 ผมก็ได้ติดตามอนิเมะแนวขับหุ่นยนต์จนได้ นั่นก็คือ Kakumeiki Valvrave แม้จะเป็นอนิเมะที่รวมความชอบและไม่ชอบรวมกัน แต่ก็เป็นอนิเมะผมดูจนจบซีซั่น (แม้ช่วงท้ายตอนที่ 10 ผมไม่ดูก็เถอะ กดข้ามครับ)

    แน่นอนครับตอนเห็นเรื่อง Kakumeiki Valvrave ครั้งแรก ผมก็ไม่ได้คิดที่จะดูเลยแม้แต่น้อย (สักเศษเสี้ยวเลย) แต่พอดีเห็นหลายคนพูดถึงว่าเป็นอนิเมะเปิดตอนแรกที่หน้าสนใจ ผมเลยมาเปิดดูตอนแรก เท่านั้นแหละครับ ผมแทบโวยวาย ลั่นบ้าน กระทืบพื้นทันที

    กล้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

     นี่คือความรู้สึกตอนดูอนิเมะเรื่องนี้ตอนแรกครับ เมื่อเห็นเพื่อนสมัยเด็กของพระเอกโดนเทพบีมลำแสง และหลังจากนั้นผมก็ติดตามอนิเมะแนวนี้จนจบซีซั่น พร้อมมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆ (ถึงขั้นบ่นอนิเมะต่อหน้าแม่บ้านของผมเลยทีเดียว)

    ตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 12 Kakumeiki Valvrave  แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นอนิเมะที่มีคนดูมีความรู้สึกร่วมหลากหลายอย่างแท้จริง เอาบ้านเราก็ได้ ขนาดอนิเมะตอนแรกก็มีประเด็นมากมายที่กล่าวถึงอนิเมะเรื่องนี้แล้ว เป็นต้นว่า ใครเป็นนางเอก?, พระเอกแวมไพร์ (ตอนแรกก็นึกว่าซอมบี้), หุ่นเทพ, เพื่อนสมัยเด็กตายหรือไม่ตาย, ไอคิวพระเอก (ดับเบิลโง่) , การจับผิดอนิเมะที่ไปทางด้านลบ (เต็มไปด้วยช่องโหว่ไม่สมจริงเลย), ความชอบและไม่ชอบ อะไรมากมายเต็มไปหมด

     

     

    แวมไพร์อวกาศ

     

    Kakumeiki Valvrave ยำหลายเรื่อง นี่คือความรู้สึกแรกๆ สำหรับคนดูอนิเมะเรื่องนี้ แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกว่าอนิเมะเรื่องนี้เอาการ์ตูนดังหลายๆ เรื่องเอามารวมผสมปนเปมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกัมดั้มภาคแรก (สงคราม 1 ปี), กัมดั้มถั่ว (Gundam Seed), Code Geass มุกสูตรสำเร็จการ์ตูนแนวขับหุ่นยนตร์มากมาย สงครามอวกาศ, แวมไพร์อวกาศ ผสมไปมา จะเห็นได้ว่าอนิเมะเรื่องนี้ไม่มีความเป็นของตนเองเลย แต่กระนั้น

    และยิ่งเห็นชื่อคนเขียนบท Okouchi Ichiro หลายคนแทบคำราม เพราะหลายคนยังไม่หายจากบาดแผลแห่งจิตใจอนิเมะ Guilty Crown ซีซั่นก่อนที่จบได้ผิดหวัง (แต่หลายคนยังอวยเรื่องนี้) แถมอนิเมะหลายเรื่องยังมีส่วนคล้ายๆ กันอีก เป็นต้นว่า ตัวละครในเรื่องหลายตัวถอดแบบเหมือนตัวละครใน Guilty Crown, พระเอกโตะเหมือนบักซู (บอด ด้วย เมียตาย), คู่หูพระเอกนิสัยถอดแบบจากไก (แต่ L-F มีส่วนดีเยอะกว่ามาก), เพื่อนสมัยเด็ก (แต่เรื่องนี้ยังไม่ตายน่ะเออ), ตัวละครมากมายที่คล้ายๆ กับ Guilty Crown,   พล็อตเรื่องคล้ายๆ กันคือพระเอกได้รับพลังยิ่งใหญ่ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ โรงเรียนพระเอกเกิดปัญหา กลายเป็นผู้นำทั้งที่ไม่อยากเป็น ความปวดตับปวดไข่ก็กระหน่ำมาให้พระเอกที่ไม่รู้จะจิตหลุดเมื่อไหร่ ซึ่งหลายคนไม่หายเมาจาก Guilty Crown เลยแขวะ Kakumeiki Valvrave กันยกใหญ่ ดูแบบอคติเต็มที่ ทั้งๆ ที่อนิเมะ Kakumeiki Valvrave  และGuilty Crown ไม่มีส่วนที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย

    ตอนที่ผมดู Kakumeiki Valvrave ตอนแรก ผมเชื่อน่ะว่าอนิเมะเรื่องนี้น่าจะเป็นการแก้ตัวของคนเขียน Guilty Crown ที่น่าจะรู้จุดผิดพลาดจากเรื่องก่อนแล้วมาทำอนิเมะเรื่องนี้ให้ดีขึ้น บวกกับอนิเมะไม่ได้มีการโฆษณาอะไรมากมาย ไม่ได้หวังมากเท่าผลงานแรก แต่กลายเป็นว่าผมคิดผิดโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นดราม่าของเพื่อนสมัยเด็ก กับตอนที่ 10 อีก และหลังจากดูจนถึงตอนที่ 12 ผมก็เริ่มมองไม่ออกว่าอนิเมะเรื่องนี้จะจบดีอย่างที่คาดหวังเอาไว้หรือเปล่า

     (สรุปคือคนเขียนบทเกลียดเพื่อนสมัยเด็กเหรอครับ ทำไมชอบทำร้ายเพื่อนสมัยเด็กเหลือเกิน นี้ผมยังฝันร้ายกับมงกุฎบาปไม่พอเหรอมาเจอแบบนี้อีก)

    ความเกลียดชัง เคยมีคำกล่าวว่าหากเริ่มต้นดีมีชัยกว่าครึ่ง แต่อนิเมะเรื่องนี้เริ่มต้นมาไม่ค่อยดีเลย เพราะมีแต่คนด่าว่าทั่วทุกหัวระแหง เห็นได้ชัดเจน หากใครอ่านกระทู้สปอยหรือรีวิวตอนที่ 1-5 (ไทย) จะพบเม้นวิจารณ์และคำติไปเชิงลบมากกว่าบวก ด่ากันตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งขอยกตัวอย่าง

    -4-5 ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ น่าเบื่อไม่เห็นจะมีอะไรให้ตื่นเต้นเท่ากับตอนที่ 1 (ผมยัง งง เลยว่ามีจุดน่าเบื่อตรงไหน เพราะการ์ตูนส่วนใหญ่ก็ปูดำเนินเรื่องก่อน ให้รู้จักตัวละคร สถานการณ์ในเรื่อง มีจุดผ่อนจิตใจคนดู แล้วค่อยมาแรงตอนหลัง ไม่ใช่มีแต่สู้กันอย่างเดียว แบบนี้ตัวละครแบนแย่)

    -ความสมจริง ตรงจุดนี้รู้สึกว่ามีคนติเยอะมาก หากไม่นับเสียงดังตูมตามอวกาศแล้ว คนดูมักจับผิดถึงความสมจริงมาก เช่นตอนที่ 3 ที่แสดงถึงความเทพของผมขาว (ทั้งฆ่าหมู, ระเบิดตึก,  ปรากฏตัวต่อหน้าพระเอก) แต่กลายเป็นคนบอกว่าอวกาศไอเทคโครตๆ แต่ดันมาแพ้ควันบังแล้วถอยมาชนผนัง!??? (พวกเอ็งไม่มีระบบนำร่องหรือไงว่ะ!!)

    -การกระทำของตัวละคร ตรงชุดนี้ยอมรับเลยว่าเห็นชัดเจนมาก เริ่มจากหลายคนไม่ชอบหลายตัวละครเรื่องนี้ ความหงุดหงิดของตัวละครที่หลายคนต่างมีนิสัยน่ารังเกียจเห็นแก่ตัว โง่เขลา ยิ่งยโส ทั้งเกรียนทั้งติ่งครบถ้วน โดยเฉพาะพวกผมทอง (ความจริงผมชอบสาวผมทองน่ะ)

    -อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนหงุดหงิดนั้นน่าจะเป็นพวกตัวเอกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพระเอกที่การกระทำของมันทำให้คนดูเกิดอาการเกลียดชังหรือหงุดหงิดได้ง่าย ชัดเจนอย่างตอนที่ 1 หลังจากที่พระเอกเห็นเพื่อนสมัยเด็กโดนเทพบีม (เลเซอร์บีม) จู่ๆ พระเอกก็เดินเข้าไปในตัวหุ่นแบบไม่พูดทำเพลง แสดงอาการลิงอ่านหนังสือไม่ออก กดปุ่มมั่นแล้วบ่นว่ามันขับยังไงเว้ย!! (ทั้งๆ ที่หน้าจอมันเขียนชัดเจนเลยว่า ต้องลงทะเบียนและตอบคำถามว่าคุณจะสละความเป็นมนุษย์เพื่อหุ่นยนต์ ทำไมพระเอกมันไม่อ่าน (สงสัยยาวไปไม่อ่าน เลือดขึ้นหน้าล่ะมั้ง) ตรงจุดนี้บ่บอกถึงไอคิวพระเอกเรื่องนี้ให้คนด่ากันอย่างสนุกสนาน (ยิ่งช่วง 10-11 ผมเกลียดพระเอกเป็นพิเศษ ดีที่โชโกะเบรกความเกลียดของผมเอาไว้ในตอนที่ 12)

    นอกเหนือจากพระเอกลัว โชโกะและซากิก็มีสิ่งที่คนดูไม่ปลื้มอีกมาก (ซึ่งจะกล่าวในเนื้อหาต่อไป)

    -การต่อสู้หุ่นยนต์ หุ่นพวกพระเอกเทพโครต แต่หุ่นของฝ่ายศัตรูอ่อน และท่าไม้ตายสุดยอดฮาราคีรีของพระเอก !???

     

     

      

    ไอนะจังตาย หนึ่งในหมัดเด็ดทำให้หลายคนตามอนิเมะเรื่องนี้ต่อ

    ความรู้สึกคนชม คนดู (รวมถึงผมด้วย) อนิเมะเรื่องนี้ช่างเหมือนฝูงไก่จริงๆ

     

     

    ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู (แต่กรูจะดูมีอะไรหรือเปล่าว่ะ!!) คำถามต่อมา ในเมื่อเป็นอนิเมะที่หลายคนไม่ชอบ ตั้งกระทู้ด่าทุกอาทิตย์ในช่วงอนิเมะตอนใหม่มา อารมณ์หลากหลายค่อนไปทางเกลียด  แต่ทำไมยังมีหลายคนติดตามอยู่

    เหตุผลง่ายๆ ก็คือเรื่องนี้มีจุดที่น่าติดตามเยอะและวางอย่างชาญฉลาดเลยทีเดียว โอเคฉากต่อสู้หุ่นยนตร์มันๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สำคัญคืออยู่ที่เนื้อเรื่องกับตัวละครมากกว่า  ที่อนิเมะเรื่องนี้ดำเนินเนื้อหาที่ทำได้คลุมเครือ ไม่เปิดเผยอะไรมาก อีกทั้งนิเมะหย่อนสิ่งที่ตกใจมาให้คนดูได้ตื่นเต้นให้คาดเดาได้ตลอด หากเปรียบก็เหมือนคนดูเป็นฝูงไก่ ส่วนคนอนิเมะก็เป็นคนแล้วคนก็โยนวัตถุอะไรบางอย่าง เข้ากลางวงฝูงไก่ ผลคือฝูงไก่แตกกระจาย เพราะตกใจหรือไม่รู้สิ่งที่โยนมาคืออะไรกันแน่ จากนั้นผ่านไปสักพัก ฝูงไก่ตั้งสติได้ มันก็เดินเข้าไปหาวัตถุที่โยน ไก่ก็วิเคราะห์ต่างๆ นาๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ มันกินได้ไหม มันจะมีมาอีกไหม ยังไม่ทันที่ไก่จะตีความได้ ทันใดนั้นก็มีวัตถุลึกลับใหม่โยนเข้ากลางวงไก่อีก ไก่หนีอีกครั้ง รวมอีกครั้ง วิเคราะห์ คาดเดาวัตถุแบบนี้ ไก่บางตัวก็จิกพยายามกิน ไก่บางตัวไม่เชื่อว่ากินได้ ไก่บางตัวไม่สนใจ จนเกิดหลายเสียงท่ามกลางหมู่ไก่นั้น ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ หากโยนวัตถุใหม่เข้าไปกลางวงไก่อีก

    นี่คืออารมณ์ของคนดูอนิเมะเรื่องนี้ แม้เราจะด่าอนิเมะเรื่องนี้มาก แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากจะติดตามอะไรต่อไป เพราะอนิเมะหย่อนสิ่งที่ให้คนดูตื่นเต้นตลอด พร้อมปริศนาและการคาดเดาเนื้อเรื่องตอนต่อไป  ชนิดว่าว่าหากไม่ไขปริศนากระจ่าง ฉันนอนไม่หลับแน่

    เช่นตัวอย่าง การดำเนินเนื้อเรื่องที่หย่อนอะไรให้เราได้ตกใจเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องจะดำเนินไปทางไหนจะจบดีหรือจบเลวร้าย ตอนใกล้จบของแต่ละตอนมักมีจุดที่น่าติดตามตอนต่อไป  โชโกะจะตายหรือไม่ ทำไมหุ่นของพระเอกต้องโมเอะ, ใครคือนางเอก, ตัวละครหลักคนไหนจะตายเป็นวิญญาณ ฯลฯ

    แต่อย่างไรก็ตาม วัตถุที่หลายคนคาดเดามากที่สุดในอนิเมะเรื่องนี้มาก ก็คือฉาก 200 ที่ที่ปรากฏในตอนที่ 6 และตอนที่ 12 ซึ่งถือว่าเป็นไพ่เด็ดของจริงที่ทำให้หลายคนติดตามการ์ตูนเรื่องนี้ (ซึ่งขอพูดในเนื้อหาถัดไป)

    หลังจากที่หลายคนด่าตอนที่ 1-5 เยอะ ตอนที่ 6 ขึ้นไปก็ใส่อะไรมากมายให้คนดูที่เหมือนฝูงไก่ได้ส่งเสียงดังราวกับไก่แตกรังตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตายของไอนะจัง (การคาดเดาว่าไอนะจะฟื้นมาหรือไม่?) และการเปิดเผยคนขับหุ่นทีละคนทีละคน  และบางสิ่งที่เปิดเผยกลับทำให้คนดูยิ่ง งง มากขึ้น เกิดคาดเดาต่างๆ นาๆ แตกเป็นหลายเสียง มีผิด มีถูก คนทำช่างฉลาดจริงๆ และเพราะสิ่งเหล่านี้เอง ส่งผลทำให้ผู้ดูหลายคนพยายามลืมข้อเสียของความไร้เหตุผลของมัน พยายามดูด้วยความสนุกสนานและอินไปกับมันในที่สุด

     

     

    โทคิชิมะ ฮารุโตะ

     

                     สิ่งที่อนิเมะเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งกว่าการต่อสู้ของหุ่นยนต์ น่าจะเป็นตัวละคนในเรื่องฝั่งพระเอก ที่มีนิสัยและการกระทำที่หลากหลายไม่แบนราบ ตัวละครหนึ่งมีทั้งคนเกลียดและคนชอบ แสดงให้เห็นถึงการมีอารมณ์ร่วมกับตัวละคร เป็นอย่างยิ่ง

                     สำหรับผมแล้วในเรื่องมีตัวละคร 5 คนที่ผมคิดว่ามีความน่าสนใจและชวนน่าติดตามว่าบทสรุป (จุดจบของตัวละคร) จะออกมาในรูปแบบไหน

                    โทคิชิมะ ฮารุโตะ หนึ่งในพระเอกเรื่องนี้ มีคนดูส่วนใหญ่รู้สึกเกลียดกับโครตเกรียดตัวละครนี้มาก (แทบไม่มีคนชอบเลย) ทั้งๆ ที่พระเอกคนดังกล่าวออกแบบเหมือนมนุษย์ปถุชนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่ค่อนข้างหัวอ่อนเท่านั้น

                   หลายคนอาจเห็นพระเอกฮารุโตะเหมือนถอดแบบว่าจาก บักซู จาก Guilty Crown  เพราะทั้งคู่มีอะไรคล้ายๆ กัน (ไม่นับเนื้อเรื่อง) ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา และนิสัย อย่างไรก็ตาม หากดูกันอย่างละเอียดจะพบว่าฮารุโตะนั้นไม่เหมือนบักซูในหลายอย่าง

                  ฮารุโตะนั้นเป็นเด็กมัธยมปลายที่นิสัยเข้ากันดีกับเพื่อนๆ พยายามหลีกเลี่ยมความขัดแย้งโดยอ้างว่าไม่ชอบความรุนแรงแก้ไขปัญหา (ไม่เหมือนบักซูที่ไม่ค่อยเข้าพวกกับคนอื่นมากนัก พยายามอยู่เงียบไม่เป็นจุดเด่น หลีกหนีปัญหายุ่งยาก) แต่เมื่อเขาเห็นเพื่อนสมัยเด็กโดนบีมลำแสงเขาก็เริ่มหน้ามืดตามัวต้องการแก้แค้นกับพวกดรอเชียร์ถึงขั้นยอมสละความเป็นมนุษย์ และนั้นทำให้เขาเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

                ฮารุโตะนั้นเหมือนบักซูตรงที่ได้รับพลังยิ่งใหญ่ และกลายเป็นความหวังแก่เพื่อนๆ แต่ฮารุโตะนั้นไม่ได้เป็นผู้นำ ยอมเป็นเงามากกว่าให้คนอื่นตั้งความหวัง และนอกจากนี้นิสัยค่อนข้างใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตนเอง (ไม่เหมือนบักซูที่เกรียนไม่เห็นหัวคนอื่น) ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะทำได้

                     มีฉากหนึ่งที่ผมประทับใจพระเอกเป็นพิเศษ ตรงที่พระเอกพูดประโยคว่า “ผมไม่อยากเห็นเพื่อนร้องไห้” กับซากิและโชโกะ ประโยคนี้หากเป็นฮาเร็มคงปักธงไปนานแล้ว แต่พอดีการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่ฮาเร็มซากิเลยไม่ยอมให้ปักธงง่ายๆ (หรือปักไปแล้ว แต่เธอเล่นแง่ก็ไม่รู้) แต่สำหรับโชโกะนั้นเรียบร้อยไปนานแล้ว

                    อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ด่าพระเอกฮารุโตะเยอะ ประเด็นที่ด่านั้นมีมากมาย ซึ่งเท่าที่ผมดูก็ยกตัวอย่างได้คร่าวๆ

               -พระเอกแสดงความโง่หลายครั้ง โดยเฉพาะตอนที่ 1 ตอนมันขับหุ่น ที่กดปุ่มมั่ว โดยไม่อ่านหน้าจอที่เขียนว่าให้ลงทะเบียนก่อนถึงจะขับหุ่นได้

                   -พระเอกแสดงด้านอ่อนแอหลายครั้ง อย่างตอนที่ 2 ที่พระเอกทรุดนั่งกับพื้นพร้อมพูดประโยคว่า “สัตว์ประหลาดไม่สมควรที่มีความรัก” (พระเอกในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ไม่สมควรรักโชโกะ) เรียกว่าฉากนี้ทั้งคนดูไทยและญี่ปุ่นด่ากันมาก (ผมยัง งง เลยว่าด่าทำไม พระเอกยังไม่รู้เลยว่าตนเองมีอะไรเปลี่ยนไปกลายเป็นตัวอะไรแล้วก็ไม่รู้ เลยกังวลตนเองไม่อยากทำร้ายคนอื่น ผิดด้วยเหรอที่พระเอกพูดประโยคนี้)

                  -ความรักของพระเอกโชโกะและซากิที่ไม่มีอะไรแน่นอน ประมาณว่าเรื่องนี้กองอวยโหดมาก ระหว่างคนที่ชอบโชโกะกับชากิ หากพระเอกแสดงความรักกับใครคนหนึ่ง หรือทำอะไรน่าเกลียดกับสาวที่อวย กองอวยจะด่าพระเอกเป็นพิเศษ เป็นต้นตอนที่ 2 พระเอกผลักซากิหลังจากที่ซากิกอดพระเอก (โดนด่า), ซากิจูบพระเอก (พระเอกโดนด่า)

                  -ตอนที่ 10 จุดเปลี่ยนที่สำคัญของเรื่อง (ยิ่งกว่าตอนที่ 11-12 อีก) แม้ว่าเรื่องนี้พระเอกไม่ผิด แต่พระเอกทำไปแล้ว และเขาก็อยู่ปากเหวของความเกลียดชังของกองอวยสองฝ่าย ซึ่งหากพระเอกเลือกใครคนหนึ่งโดนด่ายับ หรือหากไม่รับผิดชอบด่ายิบอีก  พูดง่ายๆ พระเอกลายเป็นมาโคโตะแบบไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้ (จบแบบพวกเธอคือปีกคู่ของฉันเถอะ)

                    -ตอนที่ 11 พระเอกสารภาพรักกับซากิ จนคนอวยโชโกะด่าว่า “แล้วโชโกะเอ็งจะเอาไว้ไหนว่ะ!!

           นี่คือสรุปคร่าวๆ สาเหตุที่พระเอกโดนหลายคนด่าว่ากันมาก ความจริงแล้วหากมองลึกๆ พระเอกนั้นก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดอะไรมากเลย นิสัยของพระเอกไม่เหมาะเป็นผู้นำ ไม่เหมาะจะเป็นนักพูด ไม่สามารถรับมือกับปัญหาภายนอกและภายในได้ นี่คือจุดอ่อนของพระเอก

                  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พระเอกมี แต่บักซูไม่มี คืออย่างน้อยพระเอกก็มีคนช่วยแบกรับปัญหาเอาไว้  และคนที่ช่วยเหลือพระเอกไม่ได้ทำเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรกับพระเอกเลย อย่างโชโกะที่แบกรับอะไรทุกอย่างไว้ตัวคนเดียวโดยไม่ให้พระเอกรับรู้ และเพื่อนๆ ที่สละความเป็นมนุษย์เพื่อปกป้องคนอื่นไม่เป็นภาระแก่พระเอก เป็นต้น

              ที่น่าสังเกตคือ เราแทบไม่รู้เกี่ยวกับพระเอกฮารุโตะคนนี้มากนัก (หรือคนทำไม่อยากจะพูดถึงส่วนนี้ก็ไม่รู้) หากใครสังเกตจะพบว่าทั้งเรื่องไม่มีการกล่าวถึงอดีตของพระเอกเลยแม้แต่น้อยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร เหตุใดเขาถึงรู้จักโชโกะที่พ่อเป็นถึงผู้นำประเทศจิออน ไม่รู้อะไรสักอย่างเลย ว่าเขามีพ่อแม่ หรือเป็นเด็กกำพร้าหรือเปล่า?? พูดง่ายๆ พระเอกฮารุโตะคนนี้ลึกลับยิ่งกว่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่องเสียอีก ซึ่งเชื่อว่าซีซั่นหน้าอาจกล่าวถึง

    อย่างไรก็ตาม หลายคนแทบไม่สนใจเรื่องพระเอกเป็นใครมาจากไหน สิ่งที่พวกเขาติดตามพระเอกเรื่องนี้เขาจะตามรอยบักซูในเรื่องมงกุฏบาปหรือไม่ เขาจะเข้าสู่ด้านมืด หรือจะจัดการความรักของเขาอย่างไร และปั่นปลายของชีวิตเขาจะสมหวังอะไรหรือไม่ ตรงจุดนี้ทำให้หลายคนติดตามกันมาก

     

     

    ซาซานามิ โชโกะ

     

    ใครว่าโซโกะบทน้อย!? สิ่งที่ผมอยากบอกหลายคนก็คือ อนิเมะเรื่องนี้มีนางเอกสองคนนั้นคือโกะกับชากิ ซึ่งไม่มีนางเอกตัวหลักแน่นอน เพราะหากเทียบบท ความเป็นนางเอก จะพบว่าทั้งสองสูสีกันมาก และนั้นเองทำให้เกิดสงครามแฟนอวย (ผมสนับสนุนสันติภาพครับ ไม่ต้องการสงคราม ดังนั้นฮาเร็มไปเถอะ)

    ยอมรับเลยอนิเมะเรื่องนี้แฟนอวยโหดมาก มากถึงขั้นสาปแช่งตัวละครที่ตนไม่อวยให้ตายไปให้พ้นๆ  แต่เพราะสงครามอวยนี่เองทำให้หลายคนติดตามอนิเมะเรื่องนี้ว่าใครจะสมหวังกับพระเอกระหว่างโชโกะกับซากิ

    ตัวละครที่ตกเป็นเป้าหลายคนสาปแช่งมากที่สุด คงจะไม่เห็นโชโกะ หลากหลายนิยาม ขอมดำดินบ้างล่ะ บทน้อยบ้างล่ะ เรื่องนี้ซากินางเอกบ้างล่ะ เรียกว่าใครอวยโชโกะนี้อารมณ์อาจขึ้นไม่มากก็ไม่น้อย แต่ที่โหดสุดๆ คือมีหลายคนชอบคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ว่าโชโกะจะตายตอนไหน บางคนก็อ้างเอาสปอยจากแหล่งที่เชื่อถือร้อยเปอร์เซ็นต์ (มั้ง) มาบอกว่าซีซั่นนี้โชโกะตายแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ (และปรากฏว่าผิด) ชนิดไม่มีใครเชื่อเลยว่าโชโกะจะรอดตาย และเธอต้องช้ำรักแน่ๆ (ตามรอยฮาเระจากมงกุฎบาปไปเลย)

    โชโกะทำผิดอะไรเหรอ? เหตุใดหลายคนถึงแช่งโชโกะ (ผม งง พอๆ กับ จิวะ จากเรื่อง Ore no Kanojo to Osananajimi ga Shuraba Sugiru  ที่หลายคนระรานไม่แพ้กัน) เพราะหากเราดูบทของเธอแบบรายละเอียดแล้ว เราจะพบว่าโชโกะเป็นตัวละครที่ดีที่สุดในอนิเมะเรื่องนี้ เธอแทบไม่มีด้านไม่ดีเลยแม้แต่น้อย และหากผมเลือกใครสักคนเป็นนางเอกอนิเมะเรื่องนี้ ผมว่า “โชโกะมีรัศมีมากที่สุด”  (และขอบอกว่าฮารุโตะไม่คู่ควรกับเธอด้วยซ้ำไป)

    ทำไมโชโกะจึงตกเป็นเป้าหลายคนด่า อาจเป็นเพราะเธอซื่อเกินไป (บางคนบอกว่า “เธอโง่” ด้วยซ้ำ) เช่น  ไม่รู้ว่าตอนนี้พระเอกทำร้ายจิตใจเธอขนาดไหน (ในตอนที่10 พระเอกประมาท, หรือปล่อยให้ซากิรุกกับพระเอกมากเกินไป), หรือการที่ประกาศว่าก่อตั้งประเทศแต่หลังจากนั้นเธอก็ปล่อยมันผ่านไป ให้พวกนักเรียนดูแลกันเองโดยไม่แสดงเป็นผู้นำ (ก่อนที่จะเป็นผู้นำในภายหลัง) หรือการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนไม่ดีเลย (เช่น ตอนที่ซากิทะเลาะกับผมเหลือง โชโกะกลายเป็นยัยบ้าคนเดียวที่ร้องเพลง แทนที่จะทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย กลับเลวร้ายกว่าเดิม)

    นี่คือข้อเสียข้อเดียวของโชโกะ ซึ่งเธอแทบไม่มีด้านลบอะไรเลย ดังนั้นประเด็นที่หลายคนด่าไม่ใช่นิสัย หากแต่เป็นเรื่องบทของเธอที่หลายคนว่า “โชโกะสมควรที่จะตายตั้งแต่ตอนแรกจะดีกว่า เพราะบทของเธอที่ผ่านมามีแต่ปวดตับทั้งสิ้น”

    ไม่ว่าจะเป็น ความรักของโกะกับฮารุโตะเริ่มไม่สมหวังเพราะมีซากิมาแทรก, พ่อของเธอถูกฆ่า  (ด้วยฝีมือของพระเอกโดยไม่ได้ตั้งใจ), การเป็นผุ้นำที่มีแต่ปัญหา (ต้องงัดข้อกับหลายคน), การหาเรื่องวิ่งเข้าหาธงดำ (หาเรื่องให้ตนเองตาย) หรือฉาก 100 ปีที่ไม่ปรากฏโชโกะ ฯลฯ สารพัดที่ไม่แปลกเลยว่า โชโกะตายแน่นอน เพียงแต่ว่าเธอจะตายตอนไหน

     โชโกะนั้นเป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรีของจีออน และเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฮารุโตะ หากดูบทบาทแล้ว เราจะพบว่าเธอเป็นคนดีแทบไม่มีด้านมืดเลย เป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรีแต่ไม่เคยใช้อำนาจของพ่อระรานคนอื่น อีกทั้งในด้านเพื่อนสมัยเด็กคนนี้สมบูรณ์แบบมาก ไม่ว่าจะเป็น ร่าเริง นิสัยเข้าได้ทั้งชายและหญิง และนิสัยเชื่อใจเพื่อน โดยเฉพาะเชื่อใจฮารุโตะ (ขนาดมีคลิปฮารุโตะนอนข้างกับซาโกะ โชโกะยังไม่เชื่อเลย) และเธอก็ชอบพระเอกมาก ซึ่งเพียงแค่พระเอกสารภาพรักเท่านั้นเธอก็ตอบรับอย่างง่ายดาย  แต่อนิจาที่ความรักของทั้งคู่มีอุปสรรค์มากมายขัดขวางอยู่ตลอด

    สิ่งที่หลายคนไม่สังเกต ซากินั้นเป็นคนที่ฉลาด และเป็นผู้นำที่เก่งคนหนึ่ง (หากมีคนคอยดัน) โอเคตอนที่เธอประกาศเป็นประเทศ รัศมีของเธอไม่ค่อยโดดเด่นนัก (มาโดดเด่นตอนท้าย) แต่กระนั้นแววความฉลาดของโชโกะนั้นเริ่มขึ้นแล้วในตอนที่ 3 ตอนที่เธอพยายามปลดเสื้อผ้าตนเองต่อหน้าคณะกรรรมการนักเรียนและประธานนักเรียนเพื่อให้ทุกคนเชื่อเธอ หลายคนบอกว่ารับไม่ได้กับฉากนี้โชโกะจะแก้ผ้า (ทั้งที่มีหลายวิธีที่ทำให้ทุกคนเชื่อ) แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น เพราะโซโกะไม่ได้คิดจะแก้ผ้าเลย เพราะเธอคงเชื่ออยู่แล้วว่ายังไงประธานคงหยุดไม่ให้เธอถอดเสื้อแน่นอน ฉากเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนรู้จักนิสัยคนอื่นเป็นอย่างดี (เธอรู้จักนิสัยประธานด้วยซ้ำ) และยิ่งในตอนที่ 10 ตอนที่โชโกะออกมาพูดต่อหน้าเหล่านักเรียนเพื่อหาเสียงสนับสนุนการเป็นผู้นำประเทศ ที่คนสมัครคนอื่นๆ ก่อนหน้าเอาแต่พูดนโยบายโรงเรียนกินดีอยู่ดี  แต่โชโกะใช้ความสนิทที่รู้จักทุกคนในโรงเรียนมาหาเสียง และนั้นเองทำให้โชโกะได้กลายเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ

                    โชโกะเป็นคนทำอะไรก็ทำจริง ตั้งใจจะทำก็จะทำ เป็นคนจริงใจไม่เสแสร้ง และนั้นเองทำให้คนเก็บตัวอย่างอากิระยอมเปิดใจเป็นเพื่อนกับเธอได้ในตอนท้ายเรื่อง

                    และนิสัยของโชโกะที่สมกับเป็นนางเอกสุดๆ คือ เธอชอบแบกรับปัญหาส่วนตัวเอาไว้คนเดียว เห็นได้ชัดที่โชโกะเลือกจะปิดบังเรื่องพ่อของเธอที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงให้พระเอกทราบ (ไปจนถึงพ่อตาย) เพราะไม่อยากให้พระเอกกังวลเรื่องของเธอ เวลาเธอร้องไห้เธอจะแอบไปร้องในที่ไม่มีคนอื่นเห็น นี้หากอยู่แนวฮาเร็ม โชโกะเป็นนางเอกไปนานแล้ว!!

                    แต่อนิจจาเพราะโชโกะไม่มีบทฉากหวานๆ เลิฟซีนกับพระเอกทำให้หลายคนด่าว่าเธอไม่ใช่นางเอก แต่กระนั้นผมเชื่อว่าโกะไม่มีทางตามรอยฮาเระมงกุฎบาปแน่นอน เพราะโชโกะเป็นตัวละครหลัก ไม่ใช่ตัวละครที่จะตายง่ายๆ แบบนี้

                    ผมเชื่ออีกด้วยว่าซีซั่นสอง  โชโกะจะมีบทบาทอย่างมาก และน่าจะบทบาทที่น่ากลัวมาก มันอาจจะเป็นบทด้านมืดของโชโกะ หากโชโกะรู้เรื่องระหว่างพระเอกกับซากิ  หากรู้เธอจะน่ากลัวยิ่งกว่าศัตรูพวกดรอเชียร์ด้วยซ้ำ เพราะด้านมืดเพื่อนสมัยเด็กนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นลาสต์บอสเลยทีเดียว  (หลายคนบอกว่าทำไมตัวอย่างซีซั่นหน้าไม่เห็นโชโกะเลย อย่าลืมว่าซันไลท์ชอบทำให้คนอื่นตกใจมาแล้ว คิดเหรอว่าตัวอย่างที่คุณเห็นซันไลท์จะเปิดเผยหมดแล้ว )

     


    รูคิโนะ ซากิ

     

    นางเอกเรื่องนี้ (ไม่ใช่) ชื่อซากิ ยอมรับเลยว่าอนิเมะเรื่องนี้มีหลายคนอวยซากิมาก ถึงขั้นมีไลท์โนเวลวยซากิโดยเฉพาะมาแล้ว หลายคนมักเอาเรื่องของซากิมาเกทับคนอวยโซโกะอยู่เสมอ เพราะเธอโดดเด่น สวย เก่ง มีฉากเลิฟซีนกับฮารุโตะเยอะ ยิ่งฉาก 200 ปีข้างหน้าเห็นซากิยังสาวอีก เยอะเฮลั่นไปใหญ่ว่าเธออยู่รอดจนตอนจบแน่นอน (ในขณะที่ไม่ปรากฏโชโกะเลย)

    อย่างไรก็ตาม หากเราเป็นกลาง มองบทและพฤติกรรมของซากิอย่างละเอียด จะพบว่าซากินั้นแทบไม่มีความเป็นนางเอกเลยแม้แต่น้อย หากมองตรรกะคนใครบางคนที่คิดว่านางเอกนั้นต้องเป็นคนดีแล้วละก็ ซากินั้นแทบไม่สามารถเป็นนางเอกได้เลย

    ซากินั้นเป็นไอดอลที่ได้รับความนิยมมาก่อน โอเคเธอทั้งสวยและเก่งไม่เถียง แต่เธอมีสิ่งหนึ่งที่ฉุดความเป็นเก่งนี้ คือเป็นนิสัยเย็นชา มีความทะเยอทะยาน พูดจบไม่เข้าหูคนอื่น ไม่เคารพคนอื่น ส่งผลทำให้อาชีพการเป็นไอดอลของเธอถูกระงับไปด้วย

    หากเราติดตามอนิเมะมา จะมีหลายฉากที่ซากิชอบพูดจาไม่เข้าหูคนอื่น หากคนสนิทยังพอรับได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักได้ยินซากิพูดจาแบบนี้ไม่แปลกหรอกที่ฝ่ายที่โดนซากิว่าจะมีโมโหถึงขั้นทะเลาะเอาเลือดหัวออก ซากิไม่เหมาะกับการอยู่ร่วมกับคนอื่น เพราะจะทำให้สถานการร์เลวร้าย เหมือนเอาน้ำมันราดกองไฟ

     อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ดรอเชียร์บุกจิออน และได้รู้จักฮารุโตะ ซากิก็เริ่มมีความคิดที่ทำให้ตนเองกลับมาโด่งดังอีกครั้ง เธอเริ่มเข้าหาฮารุโตะเพราะอยากดัง (หลังดรอเชียร์บุกจิออน ฮารุโตะกลายเป็นคนดังรู้จักไปทั่วอาณานิคมอวกาศไปแล้ว) และนั้นเองทำให้ซากิแทรกความรักระหว่างฮารุโตกะกับโชโกะจนเกิดปัญหารักสามเศร้า

    หลังจากที่มีการพบหุ่นยนต์ตัวอื่นๆ ซากิก็ยอมสละความเป็นมนุษย์เพียงเพื่ออยากให้ตนเองดัง อยากให้คนอื่นรู้จักเธอ ผิดจากคนอื่นๆ ที่สละความเป็นมนุษย์เพราะอยากปกป้องคนอื่น คนที่รัก แต่ซากินั้นตรงข้าม และนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าซากิคิดถึงตนเองมากกว่าคิดถึงคนอื่น

    ทำไมซากิถึงยึดติดความทะเยอทะยานในความดังมากนัก หากมองประวัติชีวิตของซากิ จะพบว่าชีวิตของซากิไม่อบอุ่นเหมือนของโซโกะ เพราะเธอถูกผู้ปกครองทำร้ายตั้งแต่เด็ก ชีวิตเหมือนขยะข้างถนน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ซากิอยากทำอะไรเพื่อให้คนอื่นสนใจการมีตัวตนหนึ่งของเธอ ต่อให้ชีวิตไหนก็ตาม เธอก็ไม่เกี่ยง ทำให้เธอกลายเป็นคนไม่ชอบยอมแพ้ มุ่งแต่เอาชนะ

    การกระทำของซากิเข้าหาฮารุโตะนั้น ยังเป็นคำถามว่า เธอทำแบบนี้เพราะอยากดังหรือชอบฮารุโตะกันแน่ หรือทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ๆ การกระทำที่แทรกความรักของฮารุโตะของซากินั้นค่อนข้างที่จะจริงจังอย่างน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปกอก  จูบ ปล่อยคลิปนอนด้วยกัน และล่าสุดตอนที่ 10 เธอถึงขั้นปล่อยให้พระเอก(ที่ไม่มีสติ)ข่มขืน เพื่อให้ครอบครองพระเอกอย่างสมบูรณ์

     

                    ตอนที่ 10 ตอนแห่งความเกลียดชัง ตอนที่ 10 นั้นถือว่าเป็นจุดไคแม็กซ์ของเรื่องก็ว่าแต่ และน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับคนดูอนิเมะเรื่องนี้ว่าจะตามต่อหรือไม่ตามต่อ บางคนก็ตกใจ บางคนก็รับไม่ได้ แต่ก็ตามต่อเพราะอยากดูว่าผลสุดท้ายความรักแบบนี้จะจบลงอย่างไร

                    ความจริงแล้วตอนที่ 10 นี้เป็นตอนที่สิ่งดีๆ เยอะ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับโซโกะที่เป็นไปในทางที่ดีมาก ฮารุโตะได้สังเกตโชโกะที่ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน และภายหลังก็รู้ว่าพ่อของเธอหายตัวไปเป็นตายร้ายดีไม่ทราบ ซึ่งพระเอกก็ปลอบใจโชโกะว่า “ไม่อยากให้เพื่อนร้องไห้” (ประโยคเดียวกับพระเอกพูดกับซากิตอนก่อนๆ) หากเขารู้ว่าพ่อของเธออยู่ที่ใดจะขับหุ่นไปช่วยแบบไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว และนั้นเองทำให้โชโกะมีกำลังใจและร่าเริงอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะไปสมัครเป็นนายกรัฐมนตร์ประเทศจิออนใหม่ด้วยความหวัง

                    อย่างไรก็ตาม สิ่งดีๆ นั้นกลับถูกกลบไปด้วยสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า ในตอนเกือบท้ายๆ ตอน หลังจากที่พระเอกปลอบใจโชโกะ แล้วโชโกะก็รีบวิ่งเพื่อไปสมัครเป็นผู้นำ ระหว่างนั้นเองพระเอกเกิดอาการที่เรียกว่า “ผีเข้า” (?) สูญเสียสติกลายเป็นแวมไพร์ พอดีเวลานั้นรอบตัวพระเอกมีแต่ซากิ เจ้าพระเอกแวมไพร์ไม่มาสตินั้นก็กระโจมนั่งคล่อมซากิ ฉีกเสื้อผ้า และเตรียมข่มขืน ความจริงซากิสามารถแตะพระเอกจนเรียกสติกลับมาได้ แต่ซากิกลับยอมให้ฮารุโตะข่มขืน จนเสร็จสมอารมณ์หมายไป (ซึ่งผมก็ งง ตลอดที่ผ่านมาพระเอกเป็นสูญเสียสติและกลายแวมไพร์นี้ไม่ใช่จู่โจมคนรอบตัวเหรอ แต่เป็นกระหายหื่นใช่เปล่า งั้นหลายครั้ง เช่น อยู่ต่อหน้าผมขาว ต่อหน้ารุ่นพี่ชาย มันก็อยากจะวายเรอะ!!)

    เท่าที่อ่านกระทู้หลายสำนัก จะพบความคิดเห็นฉากซากิXพระเอก หลายคนบอกว่ารู้สึกฟินกับฉากนี้มาก และเป็นการฉากประกาศชัดเจนสว่าซากิเป็นนางเอก

                    จะบ้าเรอะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                    ผมคนหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วย มันไม่เห็นจะฟินตรงไหนเลย ยอมรับเลยว่าผมตกใจพอสมควรกับตอนที่ 10 นี้ (และผมก็ข้ามไม่ดูฉากฮารุโตะXซากิด้วย) แม้ว่าจะรู้จากสปอย (ที่ไม่อยากจะรู้สักนิด) มาบ้างก็ตาม แต่ก็แอบไม่เชื่อเพราะว่าไม่น่าจะมีฉากแบบนี้ในอนิเมะสายสว่าง และทันทีที่เห็นฉากดังกล่าว ผมหน้ามืด เอามืดกุมขมับเลยทันที

                    ไม่รู้ว่าซากิจะเสียความบริสุทธิ์มาก่อนหน้าหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกว่าหลายคนไม่ฟินฉากแบบนี้หรอกน่ะครับ การ์ตูนสายสว่างไม่นิยมฉากแบบนี้ เพราะหากมีเมื่อไหร่ เชื่อเลยว่ามีดราม่าแน่นอน ยิ่งมีมีตอนช่วงที่ความรักกำลังมีปัญหา มันไม่ใช่เกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ แถมยังนำปัญหาให้พระเอกหนักใจอีก ปัญหาภายนอกแย่ไปแล้วเจอปัญหาภายในเข้าอีกยิ่งแย่ไปใหญ่

                    ฉากนี้ไม่แสดงให้เห็นว่าซากิเป็นนางเอกหรอกน่ะครับ มันแสดงให้เห็นว่าซากิเป็นนางมารร้ายละครหลังข่าว ที่พยายามสร้างความร้าวฉานกับพระเอกกับโชโกะ แม้จะด้วยวิธีใดก็ตาม จนทำให้ความรักของคู่นี้มีปัญหา และใช้เรื่องเซ็กต์เป็นตัวผูกมัด นอกจากนั้นมันทำให้ตัวละครซากิเสียราคาเพราะหลายคนไม่ชอบตัวละครหญิงที่ไม่บริสุทธิ์ ตอนแรกๆ ผมชอบซากิในบทที่รักหยอกๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำอะไรที่ยากคาดเดา ไม่รู้อารมณ์ไหนมากกว่า แต่พอมาตอนที่ 10 นี้ทำให้ตัวละครอย่างซากิหมดคุณค่าไปเยอะพอสมควร

    ที่ งง สุดๆ คือแม้ว่าจะครอบครองพระเอกอย่างสมบูรณ์ จนสามารถทำให้พระเอกตอบรับขอแต่งงานกับได้แล้ว แต่ซากิไม่ตอบรักพระเอกในตอนที่ 12  ด้วยการอ้างว่าเธอเป็นไอดอล ไอดอลไม่สามารถรักกับคนอื่นได้ และหลายฉากที่ผ่านมาซากิย้ำนักย้ำหนากับพระเอกว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับพระเอกเลย ซ้ำยังบอกให้พระเอกกลับไปหาโชโกะด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่หลายฉากแสดงให้เห็นว่าซากิชอบมองแบบอิจฉาเวลาฮารุโตะกำลังสวิทกับโชโกะ ดังนั้นจริงพูดได้ว่าซากิเป็นตัวละครที่เดาการกระทำได้ยากว่าเธอต้องการอะไรกันแน่  เหมือนเป็นตัวละครที่มีความดีและความริษยาตีกันวุ่น ไปหมด (หรืออยากให้พระเอกทรมานใจมากกว่านี้ก็ไม่รู้)

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซากิจะเป็นตัวร้ายๆ สำหรับใครบางคน แต่ซากิก็ยังเป็นตัวละครหนึ่งที่มีสีสัน มีหลายมิติ มีการพัฒนาจิตใจมากที่สุด ซึ่งหลายคนชอบตรงจุดนี้ของเธอมากกว่าจะมองข้อเสียของเธอ (ยิ่งตอนเธออยู่กับพระเอกหลายคนชอบเธอหยอก ชอบล้อเล่น เดี่ยวดี เดี๋ยวหลอกอย่างมีชั้นเชิง) อย่างไรก็ตามนี่เพียงแค่ซีซั่นแรก ยังมีอีก 12 ตอนที่จะแสดงให้เห็นว่าซากิจะพัฒนาจิตใจหรือไม่ สิ่งที่อธิบายได้อีกอย่างคือโชโกะนั้นเปรียบเสมือนนางเอกยุคก่อน (ทำหน้าที่อยู่เชียร์สนับสุนอยู่เบื้องหลัง เอาใจช่วย) ส่วนซากิเป็นนางเอกยุุคใหม่ (เป็นที่นิยมของคนอื่น ออกจะลุยๆ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ) ดังนั้นผมจึงพูดเต็มปากเรื่องนี้มีนางเอกสองคนครับ 

     

     


    เร็นโบโคจิ อากิระ

    ตัวละครน่าอวยรองจากโชโกะ

     

    นอกเหนือจากตัวเอกทั้งสามแล้วยังมีตัวละครตัวอื่นๆ ที่มีสีสัน โดยเฉพาะตัวละครฝั่งโรงเรียนพระเอก ที่แต่ละคนมีบทบาทไม่แบนราบ น่าสนใจ น่าติดตามไม่แพ้พวกตัวเอกเลยทีเดียว

    เร็นโบโคจิ อากิระ ตามรสนิยมของผมแล้วตัวละครในเรื่องที่ผมค่อนข้างชอบถูกใจเป็นพิเศษนอกเหนือโชโกะแล้ว ก็คืออากิระ สาวน้อยฮิกกี้ (ฮิคิโคโมริ) แม้ว่าเธอจะปรากฏออกมาน้อยนับครั้งได้ แต่ฉากที่ปรากฏตัวเต็มไปด้วยคุณภาพ ทำให้ผมดูแล้วชอบเธอตลอดครับ

    เร็นโบโคจิ อากิระสาวผมสีแดงอมม่วงนี้เป็นน้องสาวของประธานผมทองของโรงเรียนพระเอก (พันธุกรรมช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว) เป็นคนขี้อาย ประหม่ากับคนแปลกหน้า แต่เป็นแฮ็กเกอร์ที่เก่งคอมพิวเตอร์มากๆ (แฮ็คทุกอย่างที่ใช้คอมพิวเตอร์ในโรงเรียนหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้อวงจรปิดหรือรถรางเคลื่อนที่) แต่อดเคยเป็นคนโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนมาก่อน ทำให้กลายเป็นฮิคิโคโมริ แต่ที่แปลกคือแทนที่จะอยู่แต่บ้าน กลับสร้างบ้านกล่องกระดาษในห้องเรียนร้างไม่มีคน และอยู่ติดอยู่ที่นั้นไม่ยอมไปไหน เพราะกลัวโลกภายรนอก ทำให้พี่ชายต้องแอบมาดูแล เอาอาหารและน้ำ ของใช้ประจำวันมาให้ (ว่าแต่อากิระเข้าห้องน้ำที่ไหน??) 

    แม้เร็นโบจิอาจจะดูมืดมน แต่ดูแล้วสนุกและน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นฉากที่อากิระพบกับโชโกะครั้งแรก หรือช่วงที่กังวลว่าจะปลอบใจโชโกะที่กำลังร้องไห้ยังไงหลังสูญเสียไอนะจัง ซึ่งโชโกะพยายามที่จะเป็นเพื่อนกับฮากิระ จนพี่ชายของอากิระแอบเขม่งโชโกะ (พี๋จ๋า น้องสาวจ๋ามากๆ คู่นี้)

    แต่อย่างไรก็ตาม ฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือ ในตอนที่ 11-12 ท้ายซีซั่น (เรียกได้ว่ากลบผู้พันคาอินได้หุ่น หรือเอไอเรียกพี่จ๋าไปเลย) นั้นคือฉากที่อากิระระเบิดอารมณ์โมโหทุบคีย์บอร์ดดุจเด็กเยอรมันโมโหโกธาในยูทูป น้ำเสียงแสดงถึงความเคียดแค้น เกลียดชัง เก็บกด แต่กระนั้นก็เป็นตัวละครที่เกลียดไม่ลง เห็นแล้วอยากเป็นเพื่อนด้วย น่าสงสาร อยากปกป้อง ซึ่งโชโกะก็ได้แสดงความอยากเป็นเพื่อนให้อากิระได้เห็น จะเสี่ยงตายไปบ้าง แต่ก็สามารถพิชิตจิอากิระได้สำเร็จ

    ที่น่าสนใจคือในขณะที่คนขับหุ่นที่สละความเป็นมนุษย์นั้น ส่วนมากเกิดจากการสูญเสียคนรักตาย อารมณ์โกรธแค้น และความโลภ แต่ของอากิระนั้นเธอสละความเป็นมนุษย์ เพราะต้องการ ปกป้องเพื่อนคนแรกของเธอ  แถมสกิลหุ่นของเธอเทพมากที่สามารถทำให้เครื่องจักรทุกชนิดปั่นป่วนได้เพียงแค่เคาะเท่านั้น และที่น่าสนใจคือซีซั่นหน้าบทของเธอจะเป็นเช่นไร เพราะเธอเป็นคนที่ขึ้นตรงกับโชโกะ หากโชโกะเข้าสู่ด้านมืด บางทีบทของอากิระอาจน่าตกใจกว่าที่หลายคนคิดก็ได้

     

     

    นิโนมิยะ ทาคาฮิและลูกสมุนสองหน่อ (ที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ)

     

                    นิโนมิยะ ทาคาฮิ นักเรียนมัธยมปลายปี 3 (รุ่นพี่ของพระเอก) ประธานของชมรมกีฬาหญิง เนื่องด้วยความเป็นมาดคุณหนูที่มีความมั่นใจสูงและลูกน้องสองคนเดินตามอย่างกับเป็นองครักษ์ เป็นรุ่นพี่ที่มีอารมณ์ของเกรียนครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น ชอบวีน ขี้โวยวาย ด่าเก่ง ปากจัด   ซึ่งฉากแสดงความเกรียนอย่างเด่นชัดคือทาคาฮิทะเลาะกับซากิในช่วงไฟฟ้าทั่วโรงเรียนดับ (แต่หากดูดีๆ ซากิไปยั่วเขาก่อนน่ะ)

    ไม่รู้ทำไม ผมมองรุ่นพี่หัวเหลืองนี้เหมือนตัวละครคนหนึ่งนั้นคือประธานจากเรื่อง Guilty Crown ซึ่งประธานคนนั้นถือว่าที่เป็นตัวละครที่เสียหมาในช่วงครึ่งหลัง บทก็ทำให้หลายคนหมั่นไส้ แต่อย่างไรก็ตามหัวเหลืองทาคาฮิคนนี้ดูแล้วน่ารัก น่าสนใจมาก (ดีกว่าประธานมงกุฎบาปอีก)  สาเหตุเพราะเป็นตัวละครที่พระเอกปักธงแปลกๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ อย่างปักครั้งแรกโดนซากิในร่างของพระเอกปักธงในลักษณะมาดพระเอกในการ์ตูนตาหวาน (ร้ายลึก) และอีกฉากคือฉากพระเอกไม่มีสติพยายามปล้ำรุ่นพี่ขณะอยู่ในลิฟต์ด้วยกันสองต่อสอง (แต่รุ่นพี่ถูกซากิช่วยไว้ทัน)

    แม้ว่ารุ่นพี่ผมเหลืองจะเป็นตัวละครที่เหมือนไร้บทบาทและหลายคนคาดว่าจะตายในอนาคต แต่ผมเชื่อว่าตัวละครนี้น่าจะมีบทบาทสำคัญอะไรบางอย่างในอนาคตแน่นอน ซึ่งจะออกมามีบทบาทแบบไหนนั้นก็ต้องติดตามต่อไป

     

     
    เเอล-เอลฟ์

     

    เเอล-เอลฟ์ ตัวละครหลักที่ขาดได้เลยในในอนิเมะเรื่องนี้เอล-เอลฟ์ หนุ่มหล่อผมขาว ที่ออกมาตอนแรกในมาดตัวร้ายสายลับทหารดรอเชียร์ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เกมแบบเวอร์มาก ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านกลยุทธ์ราวกับมองอนาคตแม่นยำ (แต่ดันมาตกม้าตายตอน 11-12)

    อย่างที่บอกเอล-เอลฟ์เป็นตัวละครที่มีหลากหลายอารมณ์มากๆ แบบว่ามาตอนแรกเป็นตัวร้ายฆ่าพระเอกอย่างโหด มาตอนหลังก็กลายเป็นหมาหัวเน่าโดนเข้าใจผิดว่าทรยศประเทศตนเอง ต่อมาก็โชว์เทพอย่างเวอร์ บีบพระเอกให้สู่ด้านมืด  จากนั้นก็ทำตัวน่าสงสัยนึกว่าจะเป็นภัยกับพวกพระเอก แต่ตอนท้ายก็เป็นพันธมิตรโดยวัตถุประสงค์ที่จะยึดดรอเชียร์เพื่อช่วยองค์หญิงดรอเชียร์ที่ตนแอบชอบ ซึ่งหากใครที่ขัดขวางเป้าหมายของเขาก็จะถูกกำจัดโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น (ซึ่งโกะก็เกือบโดนเอลเอลฟ์ฆ่าอย่างหวุดหวิด) 

    เเอล-เอลฟ์ถือว่าเป็นตัวละครแม้ผมไม่ชอบตัวละครประเภทพระรองที่หล่อคมกว่าพระเอก (เพราะจะทำให้หลายคนจิ้นวาย แต่โชคดีที่ตอนหลังรู้ว่าเอล-เอลฟ์หลงรักเจ้าหญิงดรอเชียร์ทำให้หลายคนไม่จิ้นวายสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ อย่ามาจิ้นโ๙โกะXกับเอล-เเอลฟ์เด็ดขาด ผมยอมความไม่ได้!!) และบทบาทในอนาคตก็มีหลายคนคาดเดาต่างๆ นาๆ บางคนอยากให้เขาเป็นผู้ถูกเลือกขับหุ่นด้วยซ้ำ

     

     

    เกิดอะไรขึ้นในอีก 200 ปีข้างหน้า

     

    จุดเด่นของ Kakumeiki Valvrave ก็เนื้อหาการดำเนินน่าติดตามจนยากที่จะคาดเดา และนั้นเองทำให้คนที่ดูอนิเมะพยายามวิเคราะห์ (เดา) ต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็น ตอนจบของอนิเมะเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ตัวละครตัวไหนจะตายเป็นรายต่อไป พระเอกจะฮาเร็มหรือไม่? 

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนคาดเดามากมายที่สุดนั้นก็คือ “เกิดอะไรขึ้นในอีก 200 ปีข้างหน้า?

    “เกิดอะไรขึ้น 200 ปีข้างหน้า?” ของ  Kakumeiki Valvrave นั้นเริ่มปรากฏตอนที่ 7 ซึ่งแทนที่เปิดตอนน่าจะเป็นเนื้อเรื่องต่อจากตอนที่ 6 แต่กลับกลายเป็นว่าตอนเปิดกลับกระโดดมาข้าม 200 ปี  ซึ่งเป็นฉากที่ซากิขับหุ่นต่อสู้กับศัตรูลึกลับพร้อมประโยคแปลกๆ มากมาย เช่น "อาณาจักรกาแล็ตซี่ใหม่” (ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่าดรอเชียร์ล่มสลายไปแล้ว)  และ ซากิก็มองไปที่เป็นหนึ่งใน “7 ทองคำเทพ” (ผมจำประโยชน์ที่ถูกต้องไม่ค่อยได้) ก่อนที่จะถูกซากิจัดการศัตรูปากมากจบในไม่กี่นาที และหลังจากนั้นซากิก็ได้มองไปที่จี้ห้อยคอแล้วพูดประโยชน์ว่า “สัญญาเมื่อ 200 ปีไม่มีวันลืมหรอก”  ก่อนที่ฉากจะกลับมายังปัจจุบัน

    เกิดอะไรขึ้นในอีก 200 ปีก่อน?

    ยอมรับเลยว่านี้คือหมัดเด็ดจริงๆ ที่คนทำคิดถูกที่ถูกเวลาที่ได้ใส่เรื่องราวของอนาคตเอาไว้ตอนกลางเรื่อง (ตอนที่ 6) แบบนี้ ซึ่งพอดีในช่วงเวลานั้นคนที่ดูอนิเมะในช่วง 1-5 คนกำลังบ่นอนิเมะ แต่พอดูตอนที่ 7 เท่านั้นแหละ กลายเป็นจุดที่น่าติดตามไปเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นใน 200 ปีข้างหน้า??

    (อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะว่าจะเป็นมุกใหม่แต่อย่างไร การมุกเอาอนาคตของเรื่องหรือตอนใกล้จบของมาใส่ก่อนในช่วงต้นเรื่อง อารมณ์ประมาณว่าเกิดอะไรขึ้น? มาถึงก็นั้นเลย? นั้นมีมานานแล้ว และมีบ่อยด้วย เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบสั้นๆ และออกมาในตอนแรกๆ แต่ของ Kakumeiki Valvrave กลับออกมาช่วงกลางๆ เรื่องและยาวหลายนาทีเท่านั้น)

    ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในตอนที่ 12 ก็กระโดดข้ามไปยังอนาคตอีก เป็น 211 ปีข้างหน้า ซากิในอนาคตบังได้บอกเล่าเรื่องราวของเธอกับเด็กชายปริศนาคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเอล-เอลฟ์ อีก และนั้นเองทำให้ตอนที่ 12 จบลงแบบทิ้งปริศนามากมายให้หลายคนคาดเดา ขบคิด จนบางคนอดใจไม่ไหวอยากให้ถึงซีซั่นสองต่อเร็วๆ เลยทีเดียว

    แน่นอนมีหลายคนวิเคราะห์และคาดเดา ว่า “เกิดอะไรขึ้น 200 ปี ข้างหน้า” มากมายว่า เกิดอะไรขึ้นกับพวกพระเอก ทำไมถึงมีแต่ซากิปรากฏตัวเพียงคนเดียว หลายหลายการนคาดเดา เช่น “ซากินางเอกแบเบอร์!!”, “โชโกะตายโหง!!”, “จะมีภาค 200 ปีต่อซีซั่นแน่นอน การต่อสู้ครั้งใหม่ ศัตรูใหม่” ฯลฯ

    ส่วนการคาดเดาของผมนั้น แม้ว่าผมไม่ได้ถนัดแนวหุ่นยนต์ (ถนัดแต่คาดเดาแนวฮาเร็ม)  แต่เนื่องด้วยอนิเมะเรื่องนี้เต็มไปด้วยจุดที่คาดเดา และผมก็อดไม่ได้ที่อยากจะคาดเดาเหมือนคนอื่นๆ  เหมือนกัน

    ตามความคิดเห็นคือ “เกิดอะไรขึ้น 200 ปีข้างหน้า” เป็นเพียงสิ่งที่รบกวนจิตใจของเรื่องเท่านั้น ไม่มีทางเป็นภาคต่อมาแน่นอน หากจะทำภาค 200 ปีจริง ก็ควรทำภาคปัจจุบันให้จบในซีซั่นนี้แล้ว ฉาก 200 ปีน่าจะเป็นฉากที่ปรากฏอยู่ในช่วงท้าย (ตอนใกล้อวสาน) ของอนิเมะเรื่องนี้มากกว่า (ตามกฎเหล็กของอนิเมะแนวหุ่นยนต์ที่มีหลายตอน)

    และผมยังเชื่อว่าผู้พันคาอินไม่ใช่ลาสต์บอสแน่นอน คนที่เป็นลาสต์บอสน่าจะเป็นคนอื่นที่น่าจะเซอร์ไพร์แน่นอนในซีซั่นหน้า

    ส่วนต่อมา ตัวละคร ผมเชื่อว่าตัวละครหลักน่าจะอยู่ครบ แน่นอนว่าซีซั่นหน้าคงมีตัวละครบางคนตายแน่นอน แต่ตัวหลักน่าจะอยู่ พระเอกไม่น่าตาย 

    สิ่งที่ผมกลัวมากซีซั่นหน้าคือโกะจะกลายเป็นตัวละครหนึ่งที่น่ากลัว และทำให้คนดูเกลียด ซึ่งรางสังหรณ์ผมเชื่อแบบนี้ ก็หวังให้ผิดพลาดล่ะกัน

    แต่กระนั้นจุดที่น่าวิเคราะห์จริงๆ คือมีอะไรยืนยันเหรอ ว่าตัวละครที่ปรากฏมา 200 ปี นั้นคือซากิตัวจริง ไม่ใช่ตัวละครอื่นในร่างซากิ ในเมื่อมีพลังแวมไพร์สลับร่างเข้าไปเกี่ยวข้อง บางทีมุกนี้อาจเอามาเล่นในเหตุการณ์ 200 ข้างหน้าก็ได้

    ทั้งหมดนี้เป็นข้อสันนิษฐานของผม เท่านั้น แน่นอนว่าเราไม่สามารถคาดเดาคนเขียนบทอนิเมะเรื่องนี้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่อธิบายได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้สร้างเนื้อหาเดาได้หลายทาง มีการแชร์ความคิดเห็น อารมณ์ของการคาดเดา สิ่งเหล่านี้คือความสนุกและน่าติดตามของอนิเมะเรื่องนี้

     

    สรุป แม้ว่า Kakumeiki Valvrave  จะขาดความเป็นของตัวเอง ก็อปอนิเมะแนวหุ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่นเยอะ อีกทั้งเต็มไปด้วยจุดผิดพลาดไม่สมจริง ไม่จุดที่ตำหนิมากมาย แต่กระนั้นด้วยเนื้อหา การดำเนินเรื่อง การเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด การสอดแทรกจุดกระแทกจิตใจคนดู ผสมกับความลึกลับ การไม่เฉลยเรื่องราว การทำรอยต่อของเรื่อง ทั้งหมดล้วนดึงให้คนดูที่ก้นด่าตอนแรกๆ และมีความคิดที่จะเลิกให้หันมาติดตามตอนต่อไป ทำให้หลายคนรู้สึกอินจนลืมข้อเสียที่ผ่านมา และกลายเป็นอนิเมะที่พูดถึงมากที่สุดประจำซีซั่นนี้ (เป็นรองเพียงไม่กี่เรื่อง)

    (ใครที่จะแต่งนิยายเว็บเด็กดี บางคนเอาแต่คิดว่าจะทำยังไงให้แหวกแนว แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำให้ยังให้นิยายของตนน่าติดตาม ลองเอาส่วนดีๆ ของอินเมะเรื่องนี้เอาไปปรับใช้ดูว่า อนิเมะเรื่องนี้มีจุดน่าติดตามตรงไหน ทำอย่างไรให้คนติดตามรู้สึกอินบ้าง)

    แม้อนิเมะเรื่องนี้จะเป็นแนวหุ่นอวกาศ การเมือง แต่ก็สามารถดึงคนไม่ชอบหุ่น หันมาดูอนิเมะเรื่องนี้มากพอสมควร สาเหตุเพราะอนิเมะเรื่องนี้ตัวละครไม่แบนราบ ผิดสมัยก่อนแนวหุ่นยนต์ ตัวละครแบนๆ สูตรสำเร็จมากๆ แต่อนิเมะเรื่องนี้ตัวละครโดดเด่น แม้แต่ตัวประกอบเองก็บทบาทสีสันไม่แพ้ตัวละครหลักเลยทีเดียว จนรู้สึกอิน และบ้าคลั่งตามตัวละคร โดยเฉพาะความรักสามเศร้าระหว่างพระเอก, โชโกะ และซากิจะออกมารูปแบบใด ก็ต้องขอบคุณตัวละครเรื่องนี้ที่ทำให้ผมดูจนจบ เสียดายเดียวต้องน้องแว่นไอนะจังที่บทจะตายก็ตายง่ายๆ ทำให้รู้สึกเสียดายมาก (แต่มีบทไอนะจังเป็นวิญญาณแทน)

    ส่วนตัวแล้วอนิเมะเรื่องนี้มีข้อคิดมาก สอดแทรกคติการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ความเป็นมนุษย์ธรรมดาของพระเอกที่ทำเรื่องพลาดบ้างถูกบ้างไม่ใช่พระเอกสูตรสำเร็จที่ทำอะไรถูกหมด การเป็นผู้นำของโชโกะที่น่าประทับใจ มิตรภาพระหว่างเพื่อนพ้อง การตายของไอนะจัง การเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่น่าเสียดายหลายคนไม่ได้เห็นจุดสำคัญเรื่องนี้มากนัก

    สำหรับซีซั่นแรก อนิเมะเรื่องนี้สอบผ่าน (แม้ว่าตอนที่ 10 อัปรีย์ก็เถอะ) ส่วนตัวคิดว่าดีกว่าซีซั่นแรกของมงกุฏบาปด้วยซ้ำ หากดูแบบความบันเทิงบริสุทธิ์ สนุกไปกลับมัน อย่ายึดติดกับเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ  

    แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่การันตรีว่าซีซั่นที่ 2 จะดีกว่าซีซั่นแรก ซึ่งก็หวังว่าซีซั่นที่สองจะทำออกมาให้สมต่อการรอคอย และจบอย่างมีความสุข เพราะส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบตอนจบที่โหดร้าย เจ็บปวด และความตายของตัวละครที่เรารักมากนัก (มันเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก หากเนื้อหาจิตตก และตอนจบจิตตกยิ่งกว่า) และนั้นเองทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการรอคอยซีซั่นสองของอนิเมะนี้เป็นอย่างมาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×