ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #241 : Judge เกมพิพากษา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.05K
      4
      9 ก.ย. 63

     

     

    ในบทความนี้จะเป็นการสปอยเนื้อหาทั้งหมดในเรื่องน่ะครับ หากใครไม่อยากอ่านสปอยก็ไปอ่านกระทู้ด้านล่างน่ะครับ เขียนเอาไว้แล้ว

    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2780335

     

    เมื่อไม่นานมานี้ก็มีการประกาศภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่สร้างจากมังงะเรื่อง  Judge (หรือเกมพิพากษา) ซึ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจเหมือนกัน เพราะมังงะ Judge เป็นแนวเกมแห่งความตายจิตวิทยา ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ถนัดแนวแบบนี้อยู่แล้ว น่าจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่สร้างจากมังงะเข้าท่าอีกเรื่องหนึ่ง

    การที่เราได้เห็น Judge ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมังงะญี่ปุ่นถือว่าเป็นสื่อบันเทิงมีเนื้อหาน่าติดตามยิ่งกว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ผู้ปรุง (ผู้กำกับและนักแสดง) ว่าจะปรุงได้ดีกว่าต้นกว่า (หรือเทียบเท่า) กับต้นฉบับหรือไม่

     


     

    Judge เกมพิพากษา

     

    Judge  เป็นมังงะแนวสยองขวัญ เลือดสาด ลึกลับ จิตวิทยา และโศกนาฏกรรม ผลงานของ Tonogai Yoshiki ที่เริ่มวาดช่วงต้นปี 2010 ให้กับทางสำนักพิมพ์ Square Enix ความยาว 6 เล่มจบ ซึ่งเล่มสุดท้ายได้ตีพิมพ์ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 สำหรับมังงะในไทยลิขสิทธิ์เป็นของ Siam Inter Comics เพิ่งออกเล่ม 6 ซึ่งเป็นเล่มอวสานไปเมื่อไม่นานมานี้เอง

    โดยเรื่อง Judge เป็นเรื่องของพระเอกคนหนึ่งชื่อ ฮิโระ” เด็กมัธยมปลาย ม.5 ที่กำลังสำนึกบาปที่เกิดขึ้นความหึงหวงความรัก ที่ “ฮิคาริ” เพื่อนสมัยเด็กของเขารักพี่ชายของเขามากกว่าตน วันหนึ่งเขาจึงโกหกพี่ชายเรื่องนัดเดทฮิคาริ มันเป็นการแก้แค้นแบบเด็กๆ โดยหารู้ไม่ว่าการโกหกนั้นส่งผลทำให้พี่ชายของเขาต้องมาตายเพราะอุบัติเหตุรถบรรทุกพุ่งเข้าชน

    ต่อมาไม่นาน (2 ปีต่อมา) มาฮิโระก็ถูกลักพาตัวและถูกคุมขังในห้องหนึ่งในศาลร้างที่ปิดตาย ซึ่งนอกจากเขาแล้วก็มีคน 8 คน (รวมทั้งเขา) สวมหน้ากากสัตว์ประหลาด และเขาเองก็สวมหน้ากากและถูกลักพาตัวมากักขังเหมือนเขาเช่นกัน และนอกจากนั้นยังมีศพหนึ่งอยู่บนพื้น ซึ่งจากการสำรวจคร่าวๆ ก็พบว่าเขาตายก่อนหน้าเขาไม่นาน

    หลังจากนั้นมาฮิโระและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าพวกเขาได้ถูกบังคับเล่นเกมแห่งความตาย เมื่อมีเสียงหนึ่งประกาศตามสายบอกว่า พวกเขาคือบาปทั้ง 7 ความอิจฉาริษยา ความเกียจคร้าน ความตะกละ ความหยิ่งยโส ความละโมบ ตัณหาราคะ ความโกรธ ที่ต้องถูกพิพากษา โดยวิธีเดียวที่รอดกลับไปคือถ้าไม่อยากตายก็ต้องหาแพะรับบาปแทนด้วยการตัดสินด้วยเสียงข้างมาก โดยเมื่อถึงเวลากำหนดให้โหวต (12 ชั่วโมงต่อครั้ง) ทุกคนต้องมาโหวตหาคนที่สมควรถูกลงโทษ ซึ่งใครที่ถูกโหวตมากที่สุดจะถูกลงทัณฑ์ด้วยความตาย จนเหลือ 4 คนเท่านั้นที่จะรอดจากที่นี้

    ทำไมเกมนี้ถึงต้องมี 4 คนรอด? ฆาตกรจัดเกมนี้เพื่ออะไรกันแน่? ทำไมถึงต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย? ฆาตกรตัวจริงเป็นใคร? และปลายทางของผู้ชนะจะเป็นยังไงต่อนั้น? คำตอบเหล่านี้อยู่ในมังงะแล้วครับ

    Judge (ผู้พิพากษา) เป็นผลงานต่อเนื่องมาจาก Doubt  จะไม่ใช่เนื้อหาต่อหรือเกี่ยวข้องกับ Doubt (พูดตามตรงว่าเสียดาย อยากให้หนูเรย์กลับมามีบทบาทอีกครั้งน่ะครับ แค่เห็นหนูเรย์ปรากฏตัวสักแว่บก็ชื่นใจแล้วแท้ๆ) อย่างไรก็ตามภาพรวมของตัวละคร, บรรยากาศ และการหักมุมยังคงอยู่ครบถ้วนกระบวนความ

    เริ่มจากตัวละครในเรื่องยังคงมีตัวละครที่มีคาแร็คเตอร์ที่ถอดมาจาก Doubt มาเกือบครบ ไม่ว่าเป็น พระเอกในเรื่องยังคงแบบฉบับพระเอกเกมแห่งความตาย กล่าวคือ พระเอกเป็นคนดี  มีความคิดอยากให้ทุกคนที่เป็นเหยื่อเหมือนกับเขามีชีวิตรอด แต่อนิจจาคนอื่นๆ ในกลุ่มที่ไม่ใช่พระเอก ส่วนมากเป็นคนไม่ดี เห็นแก่ตัว ซ้ำยังสร้างปัญหาต่อกลุ่ม ทำให้กลุ่มแตกแยกอีก และก็เกิดคนตายเพราะเกมจนได้  พูดง่ายๆ อะไรก็เป็นใจแก่ตัวฆาตกรเสียหมด

    ส่วนตัวละครหลักอื่นๆ นอกเหนือจากพระเอกก็มี เพื่อนสมัยเด็ก (ที่กว่าจะปรากฏตัวจริงจังๆ ก็เริ่มที่ 5-6 นั้นแหละ), ชายผมทองนิสัยโมโหร้าย, สาวยั่วที่ชอบยั่วพระเอก, นายแว่นสุขุม เรียกว่าตัวละครที่กล่าวถึงล้วนถอดแบบมาจาก Doubt อย่างไรก็ตามภาค Judge มีการเพิ่มตัวละครนิสัยใหม่อีก 4 คน ไม่ว่าจะเป็นชายหน้ากากหมีชอบเก็บตัว, สาวแว่น, สาวทวินเทล และนายเกย์ รวมเป็น 8 คน (ไม่นับเจ้าหน้ากากหมูที่ตายไปตั้งแต่ต้นเรื่อง)

    เริ่มจากพระเอก ซากุราอิ ฮิโรยูกิ (ฮิโระ) เด็กมัธยมปลาย ม.5 (สวมหน้ากากกระต่าย) ที่ทำตัวเป็นพระเอกในหนังแนวสยองขวัญ คนดีที่พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดชีวิต

    ชายอ้วนสวมหน้ากากหมู (ไม่รู้จักชื่อ) ตายตั้งแต่หน้าแรก (ก่อนเล่นเกมพิพากษาด้วยซ้ำ) ความผิดบาปในอดีตไม่ทราบ (กว่าจะทราบก็ท้ายเรื่องโน่นแหละ)

    โนบุยูกิ (สวมหัวหมี)  เด็กเก็บตัว วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่อยู่ในห้องนอน ที่ก่อคดีแทงแม่ตาย

    “อาซาอิ คาซึยูกิ” เด็กมัธยมปลาย ม.6 สวมที่คาดผม (สวมหน้ากากแมว) สารภาพว่าเป็นเกย์ และโดนทางบ้านตัดขาด แต่แค่เป็นเกย์ ฆาตกรต้องทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานตายทั้งเป็นขนาดนี้เลยเหรอ (ไว้พูดต่อเรียงลำดับเหตุการณ์ในเรื่อง)

    “ทาคิซาวะ ฮายาโตะ” เด็กมหาลัยปีที่ 3 (เรียนกฎหมาย) (สวมหัวสิงโตแสดงถึงความหย่อหยิ่ง) ที่เจ็บแค้นพ่อที่ชอบดูถูกมาโดยตลอด

    “คิมูระ อาซามิ” มหาลัยปีที่ 1 (สวมหัวแมว) สาวยั่วประจำเรื่อง

    “ชิโนมิยะ ริวเฮ” อาชีพอิสระ (สวมหัวม้า) นิสัยโมโหร้าย และพยายามใช้กำลังควบคุมกลุ่มให้คล้อยตามตนเอง

    “ซานาดะ มิคุ” ม.6 (สวมหัวหมู) อดีตเป็นยัยอ้วนเป็นตุ่ม เลยเจ็บแค้นตนเองที่คนอื่นดูถูก เลยขอเงินปู่สิบล้านเพื่อไปทำศัลยกรรม (มาไทยสิหนู ไม่กี่บาทเอง) ตอนแรกปู่ไม่มีเงิน แต่ตอนหลังกลับมาเงินสิบล้านมาให้หลานสวยเด้งได้  (จุดนี้เป็นตัวบอกใบ้ในเรื่องเลยแหละ)

    “โอคาโมโตะ รินะ” เด็กมัธยมปลาย ม.4 ทวินเทลในเรื่อง (สวมหน้ากากหัวจิ้งจอก) เป็นมีคนดีที่สุดในกลุ่มเหยื่อทั้ง 9 ไม่มีปมบาปอะไรเลยแม้แต่น้อย (มีชีวิตที่เป็นสุข ครอบครัวก็ดี)   หากแต่ทำไมเธอถึงถูกจับมาและถูกบังคับให้เล่นเกมแห่งความตาย

    ดูเผินๆ เหมือนกับกลุ่มพระเอกจะโดนฆาตกรโรคจิตจับสุ่มมาเล่นเกมแห่งความตายเสียมากกว่า เพราะไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงเหยื่อได้เลย อีกทั้งเหยื่อทั้งหมดไม่เคยพบหรือเคยพบเห็นกันมาก่อน การลักพาตัวเหยื่อเพื่อมาเล่นเกมแห่งความตายนี้ฆาตกรมีวัตถุประสงค์อื่นหรือไม่?

     

     

    สิ่งที่ขาดไม่ได้ นิทานสยองขวัญ

     

    บรรยากาศ Judge ยังคงเหมือนกับ Doubt ที่กลุ่มของพระเอกถูกลักพาตัวมาขังในสถานที่ร้างคน ปิดตายจากโลกภายนอก สถานที่ดังกล่าวมีบรรยากาศมืดๆ น่ากลัว สิ่งของปรักหักพัง ยิ่งเป็นศาลร้างยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ มันเหมือนราวกับการพิพากษาที่เหยื่อไม่สามารถดิ้นรนขัดขืนได้เลย อีกทั้งตอนแรกทั้งหมดถูกขังห้องใหญ่ๆ ห้องเดียว หากแต่เมื่อเนื้อหาดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ (เมื่อมีคนถูกพิพากษาจนตาย 1 คน) ประตูจุดต่างๆ ก็เริ่มเปิดขึ้น

                    อารมณ์ของความกดดันของเกมแห่งความตายยังคงเหมือนเดิม บางทีอาจมากด้วยซ้ำ เพราะคราวนี้เป็นการเล่นเกมที่เด่นชัดมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ตัวฆาตกร (ผู้สร้างเกมแห่งความตาย) น่ากลัวและโรคจิตโหดร้ายมากยิ่งขึ้น ชนิดที่เรียกว่าผู้เล่นไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของฆาตกรได้เลย จำเป็นต้องเล่น จำเป็นต้องทำตามฆาตกรไปเสียหมด

    ฆาตกร (ผู้สร้างเกมแห่งความตาย) เรื่องนี้น่ากลัวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสโตเกอร์ขั้นเทพ ตามติดชีวิตประจำวันของเหยื่อแต่ละรายแบบไม่มีห่าง ถ่ายรูปทุกกริยาบท ซ้ำยังสามารถกำหนดความเป็นความตายของเหยื่อแต่ละคนได้ คนที่ถูกโหวตพิพากษาให้ตายนั้นไม่สามารถหนีรอดได้เลย

    แต่ส่วนที่น่ากลัวกว่าฆาตกรก็คือการเล่นเกมแห่งความตายมากกว่า แม้จะเป็นเกมง่ายๆ แค่โหวตหาคนที่สมควรตาย หรือหากพูดเพราะๆ หน่อยก็คือเกมกำจัดจุดอ่อน แต่ในทางปฏิบัติแล้วมันยากเพราะมันเท่ากับว่าเราเป็นเพชฌฆาตตัดสินประหารคน สำหรับบางคนทำใจยาก แต่สำหรับใครบางคนแล้วมันไม่ยาก เพราะความคิดเอาแต่ได้ คิดแต่จะรอดเพียงผู้เดียว ส่วนคนอื่นไม่สน คนที่โหวตคือคนที่ทำให้คนอื่นเหม็นขี้หน้าหรือสร้างปัญหาก็จะถูกกำจัด หากใครไม่เห็นด้วยก็แตกแยกแบ่งพรรคพวก สิ่งเหล่านี้ย่อมเห็นในสังคมของเราอยู่แล้ว

    หากใครอ่านเรื่องนี้แรกๆ ย่อมคิดแน่นอนว่า ฆาตกรไม่มีความคิดจะปล่อยเหยื่อสักคนรอดอยู่แล้ว ดังนั้นหากเหยื่อทั้งหมดจะรอดก็ต้องร่วมมือ รวมพลังสามัคคีกัน และไล่บี้ฆาตกร ทั้งหมดคงจะรอด หากแต่ฆาตกรที่รู้จุดนี้อยู่แล้ว เลยสร้างเกมแบบนี้ขึ้น จุดประสงค์ของเกมคือการทำให้เหยื่อแตกแยก ไม่ให้เกิดความสามัคคี และทำให้ฆาตกรลงมือสะดวกขึ้น รวมไปถึงผู้เล่นที่นิสัยมีปัญหา เช่น ชายที่อารมณ์ร้อนโมโหร้าย (ตัวละครที่ตายไวที่สุดในภาพยนตร์สยองขวัญ) กับแว่นสุขุมเจ้าเล่ห์ที่ทำให้กลุ่มแตกแยกและไม่ไว้ใจ

    ยอมรับเลยว่าบรรยากาศของเรื่องนี้โหดและไม่ไว้ใจกว่าภาคที่แล้วมากๆ (โดยเฉพาะการทำให้ไม่รู้เวลาในเรื่อง ไม่รู้สถานการณ์ข้างนอกว่าเป็นอย่างไร ทำให้เหยื่อเกิดความกังวลและผู้อ่านคาดเดาไม่ได้) ยิ่งฉากที่เหยื่อ (ผู้เล่นเกมแห่งความตาย) ตายทีละคน ทีละคน หลังจบเกมแต่ละรอบ ที่ทำได้อย่างอ้าปากค้าง พิศวง ว่าฆาตกรนั้นฆ่าเหยื่อตอนไหนเมื่อไหร่ และทำได้อย่างไร

    อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากบรรยากาศที่ทำออกมาไม่ไว้วางใจ และการเล่นเกมกำจัดจุดอ่อนในการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว จุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้คือเราไม่สามารถคาดเดาไขปริศนาในเรื่องได้เลย ยิ่งเรื่องดำเนินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีปริศนาใหม่ คำบอกใบ้ใหม่ๆ ที่ให้ขบคิดตลอด จนไม่น่าเชื่อว่าเนื้อหาเล่มสุดท้ายจะสรุปออกมาทั้งหมด

    คำถามที่คนอ่านคิดมาตลอดก็คือตัวตนฆาตกรตัวจริงในเรื่องนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมเขาถึงต้องจัดเกมให้ยุ่งยากแบบนี้ด้วย อีกทั้งฆาตกรเหมือนจะฉลาดไปหมด ฉลาดแบบรู้ทันพระเอกทุกเรื่อง แม้พระเอกจะพยายามที่จะช่วยเหลือพวกของตนยังไง ก็ไม่สามารถตามทันฆาตกรได้เลย เหยื่อตายทีละคน ทีละคนด้วยผลโหวตและดูเหมือนฆาตกรคุมเกมไว้หมดเพราะรู้ด้วยว่าการโหวตครั้งต่อไปใครจะเป็นผู้พิพากษา คนแรก(ชายชุดหมี)ถูกฆ่า อีกคน (ชายชุดแมว) ถูกบีบให้ฆ่าตัวตาย อีกทั้งฆาตกรรายนี้เก่งจิตวิทยารู้ว่ารอบต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังจากนั้นฆาตกรแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากจะให้เหยื่อฆ่ากันเอง

    ยิ่งเมื่อการ์ตูนดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ เราจะพบตัวตนของเหยื่อทั้ง 5 คน (นิสัยใจคอ,ปมอดีต และจุดร่วมอื่นๆ ) มากยิ่งขึ้น จนนึกสงสัยว่าพวกเขาสมควรถูกพิพากษาจริงหรือ?? และเมื่อหากมองภาพรวมของเหยื่อก็เริ่มรู้สึกตะหงิดอะไรบางอย่าง ที่ไม่สามารถอธิบายได้ในตอนแรก  สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้น่าติดตาม ว่าทำไมเหยื่อทั้งหมดสมควรที่จะตายเพราะบาปจริงหรือ?

    เมื่อจบการพิพากษาจบเมื่อไหร่ เส้นทางใหม่ๆ ก็จะเปิดขึ้น แต่ละเส้นทางเต็มไปด้วยปริศนารายทางมากมาย ที่แสดงให้เห็นว่าฆาตกรรายนี้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ และมีความโรตจิตเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นการพบชายคนหนึ่งที่บาปแผลเต็มร่างและร่างกายถูกสักเป็นประโยค 7 บาป (ก่อนที่ชายคนนั้นจะตาย) หรือจะเป็นพวกพระเอกได้พบว่าไม่มีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นจะถูกฆาตกรจับมาขัง หากแต่ยังมีคนอีก 9 คนที่ถูกจับมาขังอีกด้านหนึ่งของศาล และทั้ง 9 คนนั้นเป็นล้วนต่างมีคนรัก (พ่อ, แม่, ญาติ) ของกลุ่มเหยื่อแต่ละคนรวมอยู่ด้วย (โดยญาติของพระเอกนั้นก็มีฮิคาริที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่ม) และทุกครั้งที่ผลโหวตผู้เล่นกลุ่มพระเอกคนไหนถูกพิพากษาให้ตาย ญาติของผู้เล่นฝ่ายนั้นจะต้องตายตามไปด้วย  และที่แปลกก็คือญาติของฝ่ายผู้เล่นก็สวมหน้ากากสัตว์เหมือนกับกลุ่มพระเอกในตอนแรกเหมือนกัน (แต่กลุ่มญาตินั้นหน้ากากไม่สามารถถอดออกได้ เพราะกุญแจที่ไขหัวสัตว์นั้นอยู่กับกลุ่มฝ่ายพระเอก)

    หลังจากเมื่อกลุ่มที่เหลือได้พบว่าไม่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ชีวิตแขวนเส้นดาย คนที่เรารักของแต่ละคนก็มีชีวิตแขวนบนเส้นด้ายไม่แพ้กลุ่มของตนเช่นกัน  และเพราะเหตุนี้ทำให้ผู้เล่นบางคนเล่นนอกเกมและฆ่าากันเอง เพื่อให้ตนเองและคนที่รักต้องรอด สถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป อารมณ์เหนืออยู่เหตุผลไปแล้ว

    และเมื่อเกมพิพากษาดำเนินเรื่องจนเหลือผู้เล่น 4 คน (พระเอกยังอยู่กลุ่มด้วย)  ฉากไคแมกซ์ของเรื่องก็เริ่มขึ้น เมื่อเส้นทางเปิดออก มันเป็นเส้นทางที่เชื่อมให้กลุ่มพระเอกสามารถพบกับกลุ่มญาติของพวกเขา 4 คน ที่รอดชีวิต (ส่วนกลุ่มญาติ 5 คนถูกพิพากษาให้ตายตามผู้เล่นที่เป็นญาติด้วยกันไปแล้ว) แต่เกมมันไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะกลุ่มของพระเอกรวมกับกลุ่มญาติของแต่ละคน ก็กลายเป็น 8 คน แต่เกมต้องการแค่ 4 คนให้รอดจากที่แห่งนี้ และคราวนี้กฎเกมใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น นั้นคือให้ 8 คนฆ่ากันเองเพื่อให้เหลือ 4 คน!!

     

     

    เหล่าญาติและคนรักของกลุ่มพระเอก

     

    และแล้วในเล่ม 5-6 ถือว่าเป็นช่วงที่เกม (เนื้อเรื่อง) ดำเนินถึงช่วงไคเม็กซ์อย่างแท้จริง หลังจากที่แล้วมาเป็นแนวบรรยากาศกดดัน เน้นจิตวิทยา หักเหลี่ยม หักหลัง มาตอนนี้กลายเป็นเลือดสาด “มาฆ่ากนเถอะ” สถานการณ์กลายเป็นความสับสนวุ่นวาย ผู้เล่นฆ่ากันเอง โดยไม่สนว่าฆาตกรที่แท้จริงของเกมนี้เป็นใคร และวัตถุประสงค์แท้จริงของฆาตกรคืออะไรกันแน่ สิ่งที่ผู้เล่นคิดมีเพียงแต่ทำอย่างไรให้ตนเองรอด คนอื่นจะตายก็ไม่สน

                    เล่ม 5-6 จนมาถึงตอนนี้ผู้เล่นเกมแห่งความตายเหลือเพียง 6 คน 3 คู่ คือ “ซากุราอิ ฮิโรยูกิ” (พระเอก) และ“ฮิคาริ” (เพื่อนสมัยเด็ก), โอคาโมโตะ รินะ (ต่อไปนี้ขอเรียกว่า ทวินเทล เพื่อความสะดวก)  และแม่ของทวินเทล และคู่สุดท้ายคือ ทาคิซาวะ ฮายาโตะ (นายแว่น) และ พ่อของนายแว่น “ทาคิซาวะ คาซึโนริ” ซึ่งเป็นผู้พิพากษา

                    สำหรับคู่พระเอกและคู่ทวินเทลแล้วทั้งหมดไม่มีความคิดจะฆ่าคนอื่นเลยสักนิด  แต่คู่ของนายแว่นไม่ได้คิดเหมือนพระเอกและทวินเทล โดยเฉพาะพ่อของนายแว่นนั้นมาแบบฆาตกรโรคจิต ที่ฆ่าคนอื่นที่พบเห็น เพื่อให้ตนมีชีวิตรอด

                    จนบัดนี้พระเอกก็ยังทำเป็นพ่อพระจนหยดสุดท้าย ยังห่วงคนอื่นมากกว่าตนเอง เขารีบตามหาฮิคาริเพื่อนสมัยเด็กเพราะเป็นห่วง และเมื่อเขาพบฮิคาริ  เขากับเธอก็พยายามหนีการไล่ฆ่าของคู่นายแว่น แต่แล้วเรื่องก็พลิกอีกรอบเมื่อนายแว่นหักหลังพ่อของตนเอง ที่ผลักพ่อของตนเองจากที่สูงเพราะความแค้น (นายแว่นไม่ถูกกับพ่อตนเองมานานแล้ว) แต่กลายเป็นว่าพ่อของนายแว่นไม่ตาย  และพ่อของนายแว่นก็ฆ่าลูกแท้ๆ ของตนเอง โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย

                    จนบัดนี้เหลือผู้รอดชีวิต 5 คน ซึ่งพ่อของนายแว่นนั้นไม่เลิกความคิดที่จะฆ่าคนเพื่อให้ตนเองรอด เพียงแต่ตอนนี้เขาแทบไม่มีแรงจะฆ่าคนอีกต่อไปแล้ว  เขาจึงขอร่วมมือกับคู่ของพระเอก ให้พาคู่ทวินเทลมาให้เขาฆ่า โดยให้ฮิคาริไปตามคู่ทวินเทล ส่วนพระเอกให้อยู่กับเขาเพื่อเป็นตัวประกัน

                    เมื่อฮิคาริออกไป ก็เกิดความเงียบขึ้น ระหว่างนั้นผู้พิพากษาที่ฆ่าลูกชายตนเองและตนเองบาดเจ็บสาหัสแล้วก็เริ่มมีสติขึ้นมา และเริ่มวิเคราะห์ว่าฆาตกรตัวจริงของเกมแห่งความตายนี้คือใครกันแน่ ทำไมเขาต้องกลายเป็นเหยื่อของฆาตกร วัตถุประสงค์ของฆาตกรในเกมนี้คืออะไรกันแน่

                    และทันใดนั้นเองผู้พิพากษาก็เริ่มความทรงจำแว่บขึ้นมาในหัว ว่าเขาเคยเห็นฮิคาริมาก่อน รวมไปถึงคนตายคนอื่นๆ (พวกญาติของกลุ่มพระเอก) โดยเฉพาะชายเต็มไปด้วนบาดแผล เขารู้จักคนเหล่านี้มาก่อน ในสถานที่แห่งหนึ่ง

                    มันคือในศาล!!

                    หลังจากนั้นผู้พิพากษาก็เริ่มจำได้ ความจำเรื่องปะติดปะต่อ เขาจำได้แล้วว่ากลุ่มคนตายคนอื่นๆ (พวกญาติของกลุ่มพระเอก) ที่อยู่ร่วมกับเขาในช่วงเกมแห่งความตายเริ่มขึ้นนั้นทั้งหมดก็คือผู้พิพากษาและคณะลูกขุนที่เคยร่วมงานกับเขาตัดสินคดีหนึ่งมาก่อนนั้นเอง (คดีดังกล่าวใช้ผู้พิพากษา 3 คน และคณะลูกขุน 6 คน) ส่วนชายที่เต็มบาดอผลนั้นเป็นจำเลยคดีหนึ่งที่พวกเขาตัดสิน เพียงแต่จำไม่ได้ว่าเป็นคดีอะไร

                    อย่างไรก็ตาม มีคนหนึ่งที่ไม่เข้าพวกเขา นั้นคือฮิคาริ เพื่อนสมัยเด็กพระเอก เธอไม่ได้เป็นผู้พิพากษาและคณะลูกขุน หากแต่เธอเป็นเจ้าทุกข์ของคดี

                    และผู้พิพากษาก็นึกออกว่าคดีที่ว่าคือคดีชนคน และคนที่ตายเป็นพี่ชายของพระเอกและเป็นอดีตคนรักของฮิคารินั้นเอง!!

                    ยังไม่ทันที่ผู้พิพากษาจะคิดอะไรต่อ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองโดนอะไรบางอย่างจิ้ม และเมื่อเขาหันไปมองก็พบพระเอกที่ทำหน้าตาน่ากลัวกำลังแทงเขาด้วยเข็มยาสลบ ตอนนี้ผู้พิพากษารู้แล้วว่าฆาตกร (ผู้จัดเกมแห่งความตาย) นี้ไม่ได้มีเพียงผู้หญิงที่ชื่อฮิคาริคนเดียว หากเป็นเด็กหนุ่มที่ทำตัวเป็นพระเอกหนังไทยตรงหน้าเขาด้วยเขาด้วย

                    “พึ่งมารู้ตัวเหรอ ไอ้เศษสวะ” พระเอกสบถคำหยาบ ก่อนที่ผู้พิพากษาจะสลบไป

                    ในเวลาต่อมา ผู้พิพากษาก็ได้รู้สึกตัว แล้วพบว่าเขาถูกพันธนาการ ที่คอมีเชือกคล้องคอเตรียมที่แขวนคอ ที่ขามีเพียงเก้าอี้พยุงทรงตัวเท่านั้น หากทรงตัวไม่พลาดเมื่อไหร่เขาคงถูกแขวนคอตายเมื่อนั้น พูดง่ายๆ เขาเหมือนนักโทษประหารแขวนคอที่รอพิพากษาเท่านั้น

                    ที่ตรงหน้าของเขานั้นมีพระเอกอยู่ เพียงแต่บรรยากาศนั้นเปลี่ยนไป เพราะตอนนี้พระเอกไม่เหลือเค้าของพระเอกคนดีต่อสังคมอีกต่อไป ตอนนี้พระเอกกลายเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความแค้น (และความเกรียน)

    พระเอกสารยายความเกรียนตนเองว่าตลอด 1 ปีหลังจากตัดสินคดีพี่ชายของพระเอกมานี้ เขาเตรียมเกมแห่งความตายนี้มาให้ผู้พิพากษาและพรรคพวกโดยเฉพาะ ที่ทำเขากับเพื่อนสมัยเด็กของเขาเจ็บแค้น เขาอยากเห็นพวกแกทุรนทุรายด้วยตาคู่นี้แบบเต็มตา อยากเห็นพวกเขาตายอย่างทุเรศที่สุดที่ทำได้….

    ย้อนกลับไป 1 ปีก่อน ในวันที่พี่ชายของพระเอกถูกรถบรรทุกพุ่งเข้าชน แน่นอนว่าคนที่ขับรถบรรทุกถูกตำรวจจับและถูกนำมาพิจารณาคดีในชั้นศาล

    ในคดีดังกล่าวถือว่าเป็นคดีเล็กๆ ใช้ผู้พิพากษา 3 คนและคณะลูกขุน 6 คน ตัดสินชายที่ขับรถบรรทุกที่พุ่งเข้าชนพี่ชายของพระเอก ซึ่งตามปกติแล้วกฎหมายต้องจำคุกไม่ต่ำ 15 ปี แต่เอาเข้าจริงศาลตัดสินเพียงรอลงอาชญาเท่านั้น ถือว่าโทษเบากว่าที่คิดไว้มาก

    แน่นอนผลการตัดสินครั้งนี้ทำให้พระเอกและฮิคาริเพื่อนสมัยเด็กไม่พอใจ ระหว่างนั้นเองทั้งคู่ก็พบความจริงโดยบังเอิญว่าการตัดสินคดีนี้มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะผู้พิพากษาและคณะลูกขุนถูกทนายฝ่ายจำเลยยัดเงินคนล่ะ 10 ล้าน เพื่อให้พิพากษาให้จำเลยรับโทษเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

    ดังกล่าวพระเอกและเพื่อนสมัยเด็กทราบเรื่องเลยเจ็บแค้นสุดๆ ให้สับเป็นหมื่นชิ้นยังไม่พอ พวกเขาเลยคิดเกมแห่งความตายขึ้นเพื่อพิพากษาคนเหล่านั้นที่ทำผิดแล้วยังมีหน้าลอยหน้าลอยตาในสังคม

    ในช่วง 1 ปี พระเอกและเพื่อนสมัยเด็กเตรียมการเอาไว้ทั้งหมด โดยหาหลักฐานทุจริตของผู้พิพากษา อีกทั้งยังสืบหาคณะลูกขุนคนอื่นๆ รวมไปถึงญาติของพวกเขา ชนิดที่ว่าสืบไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงนิสัยใจคอ

     หลังจากได้ข้อมูลครับ พระเอกและเพื่อนสมัยเด็กก็เตรียมสถานที่เล่นเกมแห่งความคาย เป็นศาลร้างเพราะจะพวกเขายังยึดติดการพิพากษา

    เมื่อการเตรียมพร้อมโดยสมบูรณ์ พระเอกกับเพื่อนสมัยเด็กก็ทำการลักพาตัวผู้พิพากษาและคณะลูกขุนทั้งหมดมาขังในจุดหนึ่งของศาลร้างรวม 8 คน (อีกคนที่เป็นผู้พิพากษาถูกพระเอกฆ่าก่อนหน้านี้แล้วเพื่อบังคับให้บอกชื่อผู้พิพากษาและคณะลูกขันที่ตัดสินคดีพี่ชายของพระเอกวันนั้น) ส่วนผู้ต้องหาที่ขับรถบรรทุกพระเอกนั้น พระเอกกับเพื่อนสมัยเด็กจัดการทรมานเขาอย่างโหดร้ายทารุณ แต่ไม่ให้ตายในทันที เพราะต้องการให้ตายอย่างช้าๆ  (ชายที่มีการสลักรอย 7 บาปที่กลัวพระเอกนั้นแหละครับผู้ต้องหาที่ว่า)

    แต่แค่นั้นยังไม่หน่ำใจพระเอกกับเพื่อนสมัยเด็ก เมื่อพวกเขาจัดการลักพาตัวผู้พิพากษาและคณะลูกขุนมาหมดแล้ว พวกเขาก็จัดการลักพาตัวบรรดาญาติและคนรักของผู้พิพากษาและคณะลูกขุนมาขังในจุดหนึ่งของศาลด้วย และบังคับญาติและคนรักของผู้พิพากษาเหล่านั้นมาเล่นเกมแห่งความตายเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง


     

     

    พระเอกกับเพื่อนสมัยเด็กคนร้ายตัวจริงของเรื่องนี้

     

    สาเหตุที่พระเอกไปลงกับญาติของพวกผู้พิพากษาและคณะลูกขุนด้วย ก็เพราะพระเอกและเพื่อนสมัยเด็กสืบทราบมาว่า สาเหตุที่ผู้พิพากษาและคณะลูกขุนรับสินบนนั้นนอกเหนือจากที่ความโลภแล้ว วกเขาต้องนำเงินมาเพื่อบำเรอความสุขแก่ญาติคนตน เป็นต้นว่า คุณปู่ของสาวแว่นเอานำเงินสิบล้านไปทำศัลยกรรมให้แว่นสวยเด้งขึ้น, พ่อของเจ้าอ้วนเอาไปต่อเติมโรงงานเพื่อทำเงินเยอะๆ ให้ลูกชายที่ไม่ทำงาน  ฯลฯ พระเอกถือว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ที่คนพวกนั้นเอาเงินสกปรกที่ทำให้เขาเป็นทุกข์มาบำเรอความสุขของพวกของตน

                    ดังนั้นพระเอกถือว่าพวกญาติพวกผู้พิพากษาและคณะลูกขุนคือต้นเหตุที่ทำให้มีพวกนั้นยอมรับเงินสกปรกดังกล่าว ดังนั้นพระเอกต้องพิพากษาพวกนี้ด้วย พระเอกก็ทำให้การจับญาติของลูกขุนและผู้พิพากษาของแต่ละคน  มาเป็นตัวแทนของพวกเขามาเล่นเกมแห่งความตายมาเล่นเกมแห่งความตาย ซึ่งที่ทำแบบนี้เพื่อให้คณะลูกขุนและผู้พิพากษานั้นรู้สึกเจ็บปวดที่สูญเสียคนรักไป เหมือนกับความรู้สึกที่พระเอกและเพื่อนสมัยเด็กสูญเสียคนรักไปเมื่อ 2 ปีก่อน  และเมื่อคนรักเขาตาย พวกเขาก็ต้องตายตามไปด้วย  

    เมื่อญาติของพวกลูกขุนและผู้พิพากษา เล่มเกมโหวต พากันล้มตายทีละคนทีละคนจนเหลือ 4 คน ประตูก็เปิดออกเพื่อให้ญาติ 4 คนไปรวมกลุ่มกับพวกลูกขุนและผู้พิพากษาที่เหลือรอด 4 คนซึ่งเป็นครอบครัวของพวกเขา และให้ทั้งหมดฆ่ากันเองเพื่อให้เหลือ 4 คน

    อย่างไรก็ตาม ตรงจุดนี้พระเอกและเพื่อนสมัยเด็กนั้นกำหนดล็อกผลไว้แล้ว  โดย 4 คนที่รอดต้องประกอบไปด้วยพระเอก, เพื่อนสมัยเด็ก และอีก 2 คนคือทวินเทลและแม่ของทวินเทล เพราะแม่ของทวินเทลไม่ได้รับสินบน อีกทั้งทวินเทลเป็นคนดี แต่สาเหตุที่พระเอกและเพื่อนสมัยเด็กเลือกให้เล่นเกมแห่งความตายนั้นมี 2 อย่างคือแม่ของทวินเทลปิดเรื่องการตัดสินไม่ยุติธรรมและมีการติดสินบนถือว่าผิดเหมือนกันเพียงแต่ไม่ต้องการฆ่าให้ตายเท่านั้น และอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาเลือกแม่ลูกคนนี้ก็เพราะต้องการมาให้เป็นพยานว่าคนที่คิดเกมนี้ ก็คือผู้พิพากษาพ่อของเจ้าแว่นที่ร่วมมือกับเจ้าแว่น ลักพาตัวเหยื่อมาฆ่าเพื่อปิดปากเรื่องรับสินบทเมื่อ 2 ปีก่อน (แน่นอนพระเอกจะต้องกำหนดผู้รอดชีวิตผู้พิพากษาพ่อของเจ้าแว่นและเจ้าแว่นให้รอดจนถึงตอนท้ายด้วย)

    และเพื่องานนี้สำเร็จพระเอกกับนางเอกต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับพวกเหยื่อ พระเอกอยู่กลุ่มครอบครัวและคนรักของคณะลูกขุนและผู้พิพากษา ส่วนเพื่อนสมัยเด็กอยู่คณะลูกขุนและผู้พิพากษา โดยพระเอกเป็นคนล็อกผลโหวต คุมเกม เป็นฆาตกรที่คอยสังหารเหยื่อตามผลโหวต อีกทั้งยังเป็นคนทำให้กลุ่มแตกแยก สร้างบรรยากาศให้เหยื่อฆ่ากันเองอีกด้วย (และแน่นอนเขาก็ต้องปกป้องทวินเทล เอาทวินเทลอยู่ใกล้ตัวไว้ก่อน) และอีกด้านเมื่อเพื่อนสมัยเด็กรู้ผลโหวตก็ฆ่าพวกคณะลูกขุนคนที่เป็นญาติของผู้ถูกพิพากษาตามผลโหวตของฝั่งพระเอกให้ตายตามไปด้วย  (และแน่นอนเธอต้องปกป้องแม่ของทวินเทลไว้ด้วย)


     

     

    เล่ม 6 เล่มจบ

     

     

                    (แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้พวกผู้พิพากษาและคณะลูกขุนจำได้ว่ามีพวกเขาเคยรู้จักกันและมีส่วนเชื่อมโยงกันเพราะคดีหนึ่ง อีกทั้งในกลุ่มมีคนหนึ่งไม่เข้าพวก นั้นคือเพื่อนสมัยเด็กของพระเอกซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ของคดี  ดังนั้นพวกเขาต้องถูกบังคับสวมหน้ากากที่ทำให้ไม่เห็นใบหน้าแท้จริง ทำให้พวกผู้พิพากษาและคณะลูกขุนจำไม่ได้เลยว่าพวกเขาเคยรู้สึกเคยเจอกันมาก่อน ซึ่งกว่าจะรู้ก็สายเกินไปแล้วนั้นเอง)

                    แม้ว่าแผนการแก้แค้น (อันโหดเหี้ยม) ของพระเอกและเพื่อนสมัยเด็กจะสะดุดไปบ้าง  ผิดแผนไปบ้าง  แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ พวกเขาสามารถแก้แค้นผู้พิพากษาและคณะลูกขุนที่ตัดสินคดีไม่เป็นธรรมได้ครบทุกคนตามที่ต้อง พร้อมทั้งใส่ร้ายเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของผู้พิพากษาพ่อของเจ้าแว่นเป็นที่เรียบร้อย (จัดฉากว่าผู้พิพากษาล่าพวกตนเองเพราะไม่อยากให้เปิดโปงรับสินบท แต่ตอนท้ายพลาดเลยแขวนคอฆ่าตัวตาย)

                    ในที่สุดพระเอกและเพื่อนสมัยเด็กก็ทำให้เกมจบโดยเหลือผู้รอดชีวิต 4 คน นั้นคือพระเอก, เพื่อนสมัยเด็ก, ทวิลเทล และแม่ของทวิลเทล พระเอกคิดว่าเกมจบลงแล้ว พวกเขาได้แก้แค้นคนเหล่านั้นได้ปลดปล่อยบาปในอดีตได้เสียที

                    อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายพวกพระเอกมีสะดุดเล็กน้อย เมื่อทวินเทลไม่ปักใจเต็มร้อยว่าผู้อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นผู้พิพากษาพ่อของนายแว่นและนายแว่นตามคำบอกเล่าของพระเอก แต่อย่างไรก็ตามทวินเทลเลือกที่จะไม่ใส่ใจตรงจุดนี้เพราะสิ่งที่สำคัญคือพวกเขาต้องรอดออกไปข้างนอกมากกว่าที่จะหาความจริง ทำให้พระเอกโล่งอกไปชั่วคราว

                    หลังจากนั้นประตูจบเกมก็เปิดออก ทั้งหมด 4 คนได้ออกไปข้างนอกเสียที

                    พระเอกออกมาข้างนอก โดยมีเพื่อนสมัยเด็กจับมือคียงข้างเขา เธอบอกเขาว่าต่อไปนี้เราจะได้มีชีวิตสนุกสนานเหมือนคนอื่นเสียที ความสุขของพวกเรามันเริ่มจากนี้ต่างหาก

                    พระเอกยิ้ม ในที่สุดเขาก็มีความสุขกับเพื่อนสมัยเด็กที่เขาแอบชอบเสียที หากแต่ว่ายังไม่ทันจะเดินไปไหนไกล เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเกิดอาการผิดปกติขึ้น จู่ๆ ร่างกายไม่มีแรง หัวใจเต้นแรง เหงื่อตก

                    ทวินเทลกับแม่ทวินเทลที่เดินนำหน้าก่อน ก็สังเกตอาการผิดปกติว่าพระเอกเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนสมัยเด็กบอกว่าไม่รู้ จู่ๆ เขาก็ล้มลงทุรนทุรายไปเอง

                    เมื่อทวินเทลได้ยินดังนั้น เธอกับแม่ก็ตามไปช่วย โดยทิ้งเพื่อนสมัยเด็กกับพระเอกไว้เบื้องหลัง ระหว่างอาการของพระเอกก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่รู้เป็นอะไร

                    ระหว่างที่พระเอกสงสัยอยู่นั้น เพื่อนสมัยเด็กก็พูดว่า “ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? ฉันใส่ยาพิษในขวดน้ำที่นายดื่มเองน่ะ?

                    “ล้อเล่นน่า....”พระเอกยังไม่เชื่อการกระทำของเพื่อนสมัยเด็ก

                    “ดูเหมือนนายจะแก้แค้นเพราะคำตัดสินไม่เป็นธรรม แต่สำหรับฉันไม่ใช่แค่นั้น คนที่ฉันแค้นมากไม่ใช่ผู้พิพากษาและคณะลูกขุนอะไรนั้น แต่เป็นนายต่างหาก นายเป็นอีกคนที่ฉันต้องแก้แค้น เพราะนายทำให้คนที่ฉันรัก (พี่ชายของพระเอก) ต้องตายไป”

                    พระเอกตกใจกับคำพูดของเพื่อนสมัยเด็ก ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ปรับความเข้าใจเรื่องเหล่านี้แก่เพื่อนสมัยเด็กเลย นานวันก็ทวีกลายเป็นความแค้น เพื่อนสมัยเด็กอยากฆ่าเขามาโดยตลอด

                    พระเอกดิ้นรนพยายามพูดปรับความเข้าใจกับเพื่อนสมัยเด็กว่าที่เขาทำไปเพราะเขารักเธอเท่านั้น หากแต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรเขาก็ขาดใจตายเสียก่อน

                    แน่นอนการที่เพื่อนสมัยเด็กฆ่าพระเอกนั้น มันเป็นการฆ่านอกเกม อีกไม่นานตำรวจก็คงมาสืบสวนเรื่องราว ไม่นานเธอก็คงถูกจับ (อีกอย่างดูเหมือนทวินเทลจะรู้ด้วยว่าเพื่อนสมัยเด็กน่าจะฆ่าพระเอก) แต่นั้นไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะเธอได้ล้างแค้นเธอที่ต้องการแล้ว

                    “กระต่ายน่ะมันขี้อิจฉาน่ะ” เพื่อนสมัยเด็กยิ้มส่งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง และเรื่องราวก็จบลงเพียงเท่านั้น

                   


    พระเอกผู้หน้าไหว้หลังหลอก

     

    หลังจากอ่านจบ ผมก็ยืนตัวแข็งชั่วขณะ (เพราะผมยืนอ่านไม่กี่วินาทีหลังจากจ่ายเงินซื้อหนังสือเลยทีเดียว) จริงอยู่ ความจริงผมเดาเนื้อเรื่องนี้ถูกไปเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ผมเดาถูกตรง เพื่อนสมัยเด็กเป็นฆาตกร, พระเอกตาย และทวินเทลรอด ส่วนพระเอกเป็นฆาตกรไม่ได้คิดเพราะเรื่อง Doubt ที่แล้วพระเอกไม่ได้เป็นฆาตกร (แต่โดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร อีกทั้งคนดูยังเชื่อด้วยว่าพระเอกเป็นฆาตกร) แต่กลายเป็นว่ามาเรื่องนี้คนเขียนวางพระเอกเป็นฆาตกรซะงั้น เพราะการที่ทำให้พระเอกเป็นคนดีเพื่อให้คนในกลุ่มวางใจ เห็นพระเอกไม่มีพิษมีภัย ทำให้ประมาท  และไม่ได้มองว่าพระเอกเป็นฆาตกร ซึ่งผมขอชมคนเขียนที่หลอกผมได้สนิทเลย

    โดยส่วนตัวแล้วผมขอชม Judge ที่ทำได้ดีกว่าผลงานที่แล้วอย่าง Doubt ค่อนข้างมาก แม้ว่าการออกแบบคาแร็คเตอร์จะสูตรสำเร็จ ไม่ได้โดดเด่น ลายเส้นก็ยังคงแข็งๆ ไม่ได้พัฒนาจากผลงานแรกนัก แต่ด้านเนื้อหานั้นอ่านแล้วสนุกน่าติดตามกว่า Doubt มาก เพราะมีเรื่องให้ขบคิดเป็นรายทางเต็มไปหมด ฆาตกรเป็นใคร ทำไมถึงจัดเกมแบบนี้ขึ้น บรรยากาศเกมแห่งความตายแท้ๆ กดดัน เลือดสาด ไปจนถึงช่วงเฉลยปริศนาทั้งหมดในเรื่องก็ทำได้กระจ่างชัด ไม่มีคาใจ พร้อมฉากจบ

    แม้ว่า Judge  และ Doubt จะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน แต่คนเขียนก็เอาสิ่งที่เหมือนๆ กันมาเชื่อมโยงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา บรรยากาศ และบทคือเพื่อนสมัยเด็กเป็นฆาตกร และพระเอกตายตอนจบเหมือนกันได้อย่างหักมุม

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมชมๆ จริงๆ ในเรื่อง Judge น่าจะอยู่ที่สิ่งสอนใจในเรื่อง นี่แหละคือความสุดยอดของแนวเกมแห่งความตาย ที่ไม่ได้เน้นฆ่าคนเลือดสาดอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกสิ่งที่สนใจในหลายๆ เรื่อง ถึงขนาดอ่านจบแล้วต้องกลับไปคิดเลยทีเดียว

    โดยข้อคิดที่โดดเด่นของเรื่อง คงพระเอกของเรื่อง “ฮิโระ ที่เป็นพวกหน้าไว้หลังหลอก ภายนอกทำตัวเป็นพระเอกคนดีศรีสังคม พยายามช่วยเหลือคนอื่นทั้งๆ ที่พึ่งรู้จักกัน จนคนอ่านดูแล้วพฤติกรรมขัดๆ ยังบอกไม่ถูก ที่แท้ภายในเป็นฆาตกรเลือดเย็นและเกรียนครบสูตรเลย เกรียนนี้ว่าคนอื่นสวะสังคม แต่ตนเองก็แทบไม่แตกต่างกันเลย มีบาปครบหมด ไม่ว่าจะเป็นโทสะ ริษยา หย่อหยิ่ง โลภ  โกหก ตลบตะแลง อีกทังยังมีพฤติกรรมหน้าไว้หลังหลอกที่ทำลายชีวิตของคนอื่น

    พระเอกของเรื่องมีความฉลาดแต่ก่ำกึ่งในความโง่และบ้าในคราวเดียวกัน ฉลาดคือวางแผนอะไรได้แยบยล และตีสีหน้า แสดงละครเก่ง เล่นเกมจิตวิทยาให้คนอื่นแตกคอ ไม่สามัคคีกัน ผลสุดท้ายแผนการของก็สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันพระเอกก็มีความบ้าอยู่ในตัวนั้นคือการปะปนตนเองอยู่ในกลุ่มเหยื่อชนิดว่าไม่กลัวเหยื่อจับได้ว่าตนคือฆาตกรตัวจริง หรืออาจพลาดโดนเหยื่อฆ่าตายเสียเอง ซึ่งในเรื่องจะพบว่าพระเอกนั้นเกือบพลาดหลายรอบแล้ว ความจริงพระเอกแค่อยู่ด้านนอกและรอคนอื่นฆ่ากันก็ได้แล้ว แต่พระเอกไม่ทำ ซ้ำยังเอาเพื่อนสมัยเด็กมาอยู่อีกฟากหนึ่งอีกเป็นการเสี่ยงถึงสองเท่า ไม่รู้ว่าพระเอกคิดยังไงถึงทำแบบนั้น บางทีอาจเป็นเพราะพระเอกเป็นคนมั่นใจสูงมาก คิดว่าแผนของตนไม่มีพลาด หรืออยากให้มันแฟร์ๆ   หรือโรคจิตกว่านั้นคืออยากเห็นเหยื่อตายแบบจะๆ

    นอกจากนี้พระเอกยังมีความโง่อยู่ในตัว โง่มากๆ ตรงในการโทษแต่คนอื่น พวกผู้พิพากษาและคณะลูกขุนรับเงินสินบนทำให้ตัดสินไม่เป็นธรรม แต่พระเอกกลับไม่โทษตนเองแม้แต่น้อย ว่าเขานี้แหละเป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายคนตนตาย แต่พระเอกเลือกที่จะปกปิดความจริงว่าเขาเป็นต้นเหตุให้พี่ชายตาย และไม่ปรับความเข้าใจแก่เพื่อนสมัยเด็ก ว่าเขานั้นรักเพื่อนสมัยเด็กเหมือนกัน ส่งผลทำให้เพื่อนสมัยเด็กเกิดความแค้นโดยที่พระเอกไม่รู้ตัว

    พฤติกรรมพระเอกในเรื่องก็เลวได้โล่ ต่อหน้าทำเป็นคนดีจนดูหมั่นไส้ แต่ลับหลังก็ฆ่าคน ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นอุตส่าห์ไว้ใจพระเอก อุตส่าห์เชื่อใจ ฝากชีวิตให้ แต่พระเอกได้ทำลายความไว้ใจของคนเหล่านั้นด้วยความตาย โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย

    ความจริงโทษการพิพากษาของผู้พิพากษาและคณะลูกขุนไม่สมควรถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยซ้ำ แต่พระเอกตอนนั้นมีโทสะอยากระบายสิ่งที่ตนคับแค้นใจมานานลงที่คนอื่น ความจริงด้วยความสามารถของพระเอก พระเอกแค่หาหลักฐานก็เอาผิดพวกนั้นเป็นการแก้แค้นได้แล้ว แต่พระเอกกลับทำเป็นเรื่องยิ่งกว่านั้น ใช่เกมแห่งความตายมาแก้แค้น จนกู่ไม่กลับ สิ่งที่ตนทำนั้นเลวยิ่งกว่า “สวะสังคมเสียอีก”

     

    หลังจบเกม พระเอกคิดว่าตนสามารถชำระบาปได้ แต่ความจริงบาปของเขาไม่สามารถจางหาย ผลสุดท้ายบาปนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตน ทำผิดต้องชดใช้ พระเอกทุกข์ทรมานตายอย่างน่าสมเพสไม่แพ้เหยื่อที่เขาฆ่าเลยแม้แต่น้อย

     

    เหล่าผู้เล่นเกม

     

    ส่วนข้อคิดในเรื่อง  ก็ดีกว่าเรื่อง Doubt อีก คือการย้อนปมอดีตของแต่ละตัวละคร เหยื่อในเรื่องแม้จะไม่รู้จักกัน แต่พวกเขามีบาปที่โยงเป็นลูกโซ่เหมือนโดมิโน่ที่ทำให้พวกเขาถูกพิพากษาโดยฆาตกร

     เราได้เห็นว่าตัวละครแต่คนมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวและคนใกล้ชิดที่ทำให้พวกเขาเสียใจ (ยกเว้นกรณีของนายแว่นและพ่อ) มันเหมือนลูกโซ่ กล่าวคือเมื่อครอบครัวนั้นเลี้ยงดูบุตรหลานทำให้คนนั้นเสียคน แล้วคนนั้นก็กลายเป็นคนต่อต้านสังคม ทำให้สังคมเดือดร้อน จากนั้นก็ย้อนมาทำลายครอบครัวเสียแทน อย่างเช่นเจ้าแว่น (สวมหน้ากากหมี) เก็บตัวที่ถูกครอบครัวเลี้ยงดูแบบตามใจ จนกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่ทำการทำงาน และถูกครอบครัวดูถูกช้ำ จนเจ้าแว่นคิดว่าครอบครัวไม่รักเขา (ครอบครัวก็ผิดด้วยที่เลี้ยงลูกไม่ดีเองด้วย) แต่ความจริงแล้วครอบครัวพยายามอย่างหนักในการหาเงินมาเลี้ยงลูกโดยไม่สนว่าเงินที่หามานั้นจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากเพียงใดก็ตาม

    อ่านมาแล้ว เราก็หันมามองตัวเองและคนใกล้ตัวของเรา ว่าทุกวันนี้เราทำให้คนใกล้ตัวเราเสียใจบ้างหรือเปล่า เราด่าครอบครัวและคนใกล้ชิดว่าพวกเขาไม่รักเราบ้างล่ะ โดยหารู้ไม่ว่าคนใกล้ชิดนั้นทุกข์ใจยิ่งกว่าเราเสียอีก เช่น สาวแว่นกับคุณปู่ในเรื่องดูเหมือนจะเป็นตัวละครที่น่าสงสาร อดีตสาวแว่นเคยเป็นยัยหมูหน้าเปื้อนสิว ที่โดนคนรอบข้างดูถูก จนเก็บแค้นตนเองที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เธอเลยขอเงินคุณปู่สิบล้านเพื่อทำศัลยกรรม แต่คุณปู่ไม่มีให้ เธอด่าว่าปู่มากมายว่าปู่ไม่รักเธอ แต่ความจริงแล้วปู่คนนี้ทั้งรักและห่วงหลาน ถึงขนาดยอมขายศักดิ์ศรีตนเองรับเงินสินบนเพื่อให้หลานทำศัลยกรรมออกมาเป็นสาวแว่น แต่สาวแว่นกลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยว่าปู่ต้องทำอะไรบ้างถึงได้เงินมา และจนสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ปรับความเข้าใจกับปู่ตลอดกาล นั้นแหละคือพวกเขาทุกข์หนักเลยแหละว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ตนรักมีความสุข ผลก็คือพวกเขาได้ขายศักดิ์ศรีของตนเพื่อแลกอะไรบางอย่างเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข แม้การขายศักดิ์ศรีนั้นจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ตาม

    อย่าคิดว่าบาปของเราเป็นแค่เรื่องเล็ก  เรื่องเล็กที่ว่านี้แหละมันจะลุกลามใหญ่โตในอนาคต  และนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นของการแก้แค้นของฆาตกรในเรื่อง

                    นอกจากนี้เราได้เห็นการเลี้ยงดูที่ผิดพลาดของแต่ละครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวของผู้พิพากษา ที่เลี้ยงดูลูกด้วยความเกลียดชัง การคาดหวังลูกมากเกินไป เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น และเมื่อคุณเลี้ยงดูลูกแบบเกลียดชังเมื่อไหร่ สิ่งที่ลูกทำกับคุณก็คือความเกลียดชังมากขึ้นเท่านั้น

    ดังนั้น ก่อนที่จะไปด่าคนอื่น (ครอบครัวและคนใกล้ชิดที่รักคุณ) ก็ควรสำรวจตัวเราก่อนครับ ว่าเราพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่ เราทำอะไรเพื่อครอบครัวหรือเปล่า วันๆ เอาแต่แบมือขอเงินพ่อแม่ แต่เคยทำอะไรให้พ่อแม่หรือเปล่า ทำให้พวกท่านภูมิใจหรือเปล่า หรือคนใกล้ชิดและเพื่อนสนิทของเราล่ะคุณให้ความสำคัญกับพวกเขามากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าโกรธเกลียดกันแล้ว ไม่เผาผีกัน ไม่กลับไปคืนดีกัน ปัญหาก็พอกพูนเป็นหางหมู ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาสังคม เกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่สามารถแก้ไขในเรื่อง

     

     

    ทวินเทลผู้รอดชีวิตตัวจริงที่สมควรยกย่อง

     

    สำหรับตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ ไม่ใช่พระเอกหรือเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นฆาตกร เหมือนเรย์จังเกมหมาป่า หากแต่เป็นผู้รอดชีวิต โอคาโมโตะ รินะ (ต่อไปนี้ขอเรียกว่าทวินเทล) ซึ่งหากใครติดตามมาตั้งแต่ต้นจนจบจะพบว่าทวินเทลนั้นเป็นคนดีที่น่ายกย่อง และสมควรเป็นผู้ชนะเกมแห่งความตายนี้ทั้งปวง

    หากใครที่สังเกตทวินเทลนั้นแทบไม่มีบาปอะไรที่สมควรถูกพิพากษาเลย อาจเป็นเพราะทวินเทลมีครอบครัวที่ดี รักใคร่ มีชีวิตทางสังคมที่ปกติสุข อีกทั้งยังเป็นคนดี (แม่ของทวินเทลคงสอนลูกสาวมาดี เห็นได้จากเป็นคนเดียวในเรื่องที่ปฏิเสธเงินสินบน 10 ล้าน)

    ในขณะที่ทุกคนที่เล่นเกมแห่งความตายล้วนทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตรอดเพื่อตัวของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นนายแว่นที่ทำให้เกมป่วน, นายผมทองเจ้าอารมณ์วางอำนาจให้คนในกลุ่มกลัว, ยัยแว่นที่เห็นแก่ตัว หรือแม้แต่พระเอกหน้าไหว้หลังหลอก แต่ทวินเทลนั้นไม่ปรากฏสิ่งที่เรียกว่าด้านมืดของมนุษย์เลย

    ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นทวินเทลเป็นคนฉลาด พยายามที่จะผ่อนคล้ายทุกคนในกลุ่ม (เช่นตอนแนะนำตัวทวินเทลพยายามแนะนำตัวเองให้ผ่อนคลาย แต่ตอนผมทองตอกกลับว่าไร้สาระ) หรือการพูดความจริงไม่มีปิดบัง การวางตัวให้ดูน่าเชื่อถือในสถานการณ์ที่ล่อแหลม การเป็นคนช่างสังเกต และการเก็บอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้

    ส่วนวิธีการอยู่รอดของทวินเทลในช่วงเล่นเกมแห่งความตายนั้นเราจะเห็นทวินเทลอยู่กับคนอื่นในกลุ่มตลอดเพราะเธอมีความคิดว่าหากรวมกลุ่มกันฆาตกรคงทำอะไรไม่ถนัดหนัก รวมไปถึงการวางตัวตามน้ำ พยายามไม่มีจุดเด่น เพื่อให้คนในกลุ่มเหม็นขี้หน้า อย่างไรก็ตามบางครั้งเราจะเห็นทวินเทลทำตัวไม่ชอบนายผมทองแบบไม่ชอบขี้หน้าไปบ้าง แต่กระนั้นแต่กระนั้นมันเป็นปกติของมนุษย์ชช หากเราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น อยู่กับคนไม่ไว้วางใจ อยู่กับพวกใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราก็ไม่แตกต่างอะไรจากทวินเทลเลย ต้องมีอะไรไม่พอใจบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ทิวนเทลก็ได้แต่คิด แต่ไม่ได้ทำอะไรที่หมดสิ้นความเป็นมนุษย์ เพราะสุดท้ายก็ระงับอารมณ์เอาไว้

    แม้ในช่วงเกมมาฆ่ากันเถอะทวินเทลเก็บอารมณ์ไม่อยู่ กลายเป็นคนสิ้นหวังไปบ้าง นั้นเป็นเพราะเธอไม่คิดว่าเกมจะดำเนินต่อไป แม่โดนจับเป็นตายร้ายดีก็ไม่ทราบ อีกทั้งยังโดนข่มขู่ ความตายใกล้มาหา มันเกินไปที่คนธรรมดาจะได้แล้ว แต่โชคดีที่ทวินเทลถูกช่วยเหลือโดยพวกพระเอก (แม้ว่าจะเป็นการช่วยด้วยวัตถุอื่นก็ตาม)

     ในตอนท้ายเรื่องนั้นแสดงให้เห็นว่าทวินเทลยังคงร่าเริงแม้จะผ่านเรื่องราวร้ายๆ ไปบ้าง แสดงถึงความเข้มแข็งทางจิตใจ การไม่ทำให้แม่เป็นห่วง และยังไม่ลืมความช่างสังเกตอีกเพียงแต่สถานการณ์ในเรื่องมันไม่เหมาะสำหรับการมานั่งคิดมานั่งแก้ปัญหา  เพราะหากเธอโดดเด่นเมื่อไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น ดังนั้นงเธอจำเป็นต้องทำตัวไม่สนใจเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น และด้วยความอดทน เข้มแข็ง ก็ทำให้ทวินเทิลรอดชีวิตพร้อมกับแม่ของเธอ

    คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แม้อยู่สถานการณ์เลวร้าย แต่ก็ไม่สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ ทำสิ่งที่คิดว่าตนเองถูกต้องที่สุด นั้นแหละคือคนที่น่ายกย่อง

                    สรุป Judge  ทำได้ดีกว่า Doubt เป็นมังงะที่ทำให้ผมติดหนึบและตื่นเต้นในการติดตามว่าเนื้อหาการ์ตูนจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น  นอกจากนี้มันยังทำให้ผมใช้สมองคิดพยายามค้นหาว่าใครคือฆาตกร ฆาตกรอยู่ในกลุ่มของเหยื่อหรือเปล่า มันเป็นอะไรสนุกมากในการอ่านเรื่องนี้ และยิ่งบทสรุปของเรื่องที่ออกมาก็ทำได้หักมุม และจบชนิดคนอ่านอ้าปากค้างเลยทีเดียว (ผมยืนตัวแข็งนิดหนึ่ง)

                    ดังนั้นใครอยากอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ควรอ่านสปอยอย่างยิ่ง!! ขอบอกว่าหากใครชอบเกมแห่งความตายจิตวิทยาแล้วล่ะก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงกับการ์ตูนมังงะ 6 เล่มจบนี้ ส่วนหากนำมาดัดแปลงภาพยนตร์ก็ขอให้เก็บอารมณ์บรรยากาศของมังงะนี้เอาไว้เพียงเท่านี้ก็ประสบความสำเร็จแล้วครับ

     

     

    Doubt ภาค 2 ?? หนูเรย์จะกลับมา (แต่ตอนนี้เป็นดราม่าซีดีก่อนจ๊ะ)

    http://www.mangapark.com/manga/Doubt-TONOGAI-Yoshiki/c20.5/all

     

    ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า Doubt จะมีภาค 2 ไหม คำตอบว่ามีแล้วครับ เมื่อไม่นานมานี้มีการ์ตูนเปิดเรื่อง Doubt 2 แม้ว่าตอนนี้มังงะตัวเต็มไม่มา แต่มีการทำดราม่าซีดีแล้ว ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่า ภาค 2 หนูเรย์จะกลับมามีบทในฐานะอะไร เธอจะสามารถลงโทษพวกหลอกลวงในสังคมได้ถึงพริกถึงขิงกว่าภาคที่แล้วหรือไม่ก็ติดตามต่อไป

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×