ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #198 : School Days แว่วเสียงปวบตับ ฮาเร็มย่อยยับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34.88K
      18
      27 พ.ค. 57

    คุณคิดว่าพระเอกจากรายชื่อต่อไปนี้ ใครมีพฤติกรรมน่ารังเกียจมากที่สุด

    http://www.dek-d.com/board/view.phpundefinedid=2531329

     

    ครั้งหนึ่งเคยมีคำถามหนึ่งที่ถูกตั้งในกระทู้หนึ่งว่า คุณคิดว่าพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นคนไหนมีพฤติกรรมน่ารังเกียจมากที่สุด  พร้อมกันนั้นก็ได้ยกตัวอย่างตัวละคร 2 ตัว (ที่จริงมันมีมากกว่านั้น) มาให้โหวต ซึ่งประกอบไปด้วย  มาโกโตะ อิโต (Makoto Itou) - School Days และ ไลท์ ยางามิ (Light Yagami) - Death Note หลังจากที่ผมได้อ่านความเห็นก็น่าประหลาดใจ คือ หลายคนต่างยกให้มาโกโตะ อิโต้ เป็นตัวละครที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจที่สุดในโลกการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างท้วนท้น และเมื่อผมไปหาข้อมูลดูว่าเหตุใดมาโกโตะ อิโตถึงกลายเป็นตัวละครที่น่ารังเกียจ (ตอนนั้นผมไม่ได้รู้จัก School Days ) ก็พบว่ามาโกโตะเป็นพระเอกจากการ์ตูนอนิเมะเรื่องหนึ่งที่ปกดูเผินๆ เหมือนการ์ตูนรักใสๆ วัยเรียนธรรมดา แต่ความจริงแล้วข้างในกับเต็มไปด้วยเนื้อหาที่จิตตก เต็มไปด้วยบาปของมนุษย์ (ริษยา, ราคะ, โทสะ) จนไม่น่าเชื่อว่าบนโลกของเรามีการ์ตูนอนิเมะที่ทำร้ายจิตใจของผู้ดูอย่างร้ายกาจถึงเพียงนี้ เพียงอ่านเนื้อหาและดูบางตอนของการ์ตูนผมถึงจิตตกไปหลายวัน และนี่คือการรีวิว (สปอย) การ์ตูนอนิเมะในตำนาน ที่เปลี่ยนโลกและเปลี่ยนความคิดมุมมองของคุณต่อการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง!!

     

    School Days

    ชีวิต, ดราม่า, ฮาเร็ม (ไม่เชิงฮาเร็มแต่เป็น NTR )

     

    School Days เป็นอนิเมะที่สร้างจากเกมนิยายภาพที่พัฒนาโดย 0verflow เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2005 ซึ่งต่อมาก็ถูกพัฒนาเป็นเกมสำหรับ PS2 และ PSP ซึ่งเป็นแนวชีวิตประจำวันของมาโกโตะ อิโต้ นักเรียนมัธยมปลายที่มีความรู้สึกสับสนต่อความรักของเขาที่มีให้สาวๆ ในเรื่อง โดยเกมนั้นแตกแขนงหลายเส้นทาง ขึ้นอยู่กับการเลือกคำถาม และอะไรหลายๆ อย่าง นำไปสู่บทสรุปและเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป

    School Days ในช่วงออกมาใหม่ๆ นั้นถือว่าเป็นเกมที่จับตามองมากในเวลานั้น เนื่องจากเปลี่ยนความคิดของเกมนิยายภาพโดยสิ้นเชิง เพราะที่แล้วมาเกมนิยายภาพมักมาเป็นภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวและมีคำบรรยายและคำพูดประกอบใต้ภาพ แต่ปรากฏว่าเกม School Days กลับเป็นภาพเคลื่อนไหวเหมือนอนิเมะพร้อมมีเสียงพากย์ตัวละคร และนั่นเองทำให้เกมขายดีเป็นท่าน้ำ เทท่า ส่งผลทำให้เกมดังกล่าวถูกจัดอันดับให้กลายเป็นเกมนิยายภาพที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นจนมีภาคต่อมาคือภาค Summer Days

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนจดจำ เกม School Days นั้นไม่ใช่อยู่ที่ตัวละครน่ารัก หรือเนื้อหาดราม่าซาบซึ้งใจแต่อย่างใด หากแต่เป็นที่ฉากจบไม่ดี หรือที่เรียกว่า Bad End ซึ่งหากเราดำเนินเรื่องโดยตอบคำถามหรือตัวเลือกแย่ๆ เราจะพบฉากจบที่เป็นฉากตัวละครตายในสภาพโหดร้ายน่าสะพรึ่งกลัวเต็มไปด้วยเลือดสาดและความรุนแรง ชนิดที่เรียกว่าหลายคนที่ดูต้องอุทานด้วยความตกใจ ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากเพราะมีความแปลกใหม่ เพราะปกติในช่วงเวลานั้นไม่มีเกมใดที่กล้าฆ่าตัวละครในเรื่องตายอย่างโหดร้ายเช่นนี้ ด้วยเหตุทำให้เกมถูกดัดแปลงเป็นมังงะ (2006-2007) วาดโดย Homare Sakazuki มี 2 เล่มจบซึ่งมีฉากจบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเดียวกับเกม

    ในปี 2007  School Days ได้สร้างตำนานอีกบทในประวัติศาสตร์การ์ตูนญี่ปุ่นอีกครั้ง เมื่อเกมถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะ โดยผู้กำกับ Keitaro Motonaga ซึ่งมีเพียง 12 ตอน หากแต่ 12 ตอนที่ว่านั้นกลับเต็มไปด้วยจิตตก ปวดตับ ปวดกระเพาะ ทำร้ายจิตใจของผู้ชื่นชอบอนิเมะรักใสๆ และฮาเร็มอย่างแท้จริง และที่โด่งดังที่สุดก็คือตอนจบของเรื่องที่น่าสะพรึ่งกลัวโหดเลือดสาดได้กลายเป็นตำนานซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็น meme อินเทอร์เน็ต ระบาดไปทั่วโลก

    School Days เปิดฉากเหมือนการ์ตูนรักใสๆ วัยเรียนทั่วไป  โดยเป็นเรื่อง "มาโกโตะ อิโต้" (Makoto Itou) เด็กมัธยมปกติ ธรรมดาที่แอบหลงรักผู้หญิงที่ชื่อ โคโตโนฮะที่ทั้งคู่มักพบกันภายในรถไฟระหว่างไปโรงเรียน หากแต่มาโกโตะก็ไม่กล้าจะพูดคุยทำความรู้จักกับโคโตโนฮะ เขาทำได้แต่เพียงแอบถ่ายรูปของเธอมาไว้ในมือถือของเขาเท่านั้น ทุกๆ วัน เขาเอาแต่ดูแต่ภาพของโคโตโนฮะ เอาแต่คิดเรื่องของเธอตลอดเวลา

    วันต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนที่นั่งในชั่วโมงโฮมรูม มาโกโตะได้ย้ายที่นั่งมานั่งกับ "เซไค ไซออนจิ" (Sekai Saionji ) เซไคเป็นผู้หญิงนิสัยร่าเริงแจ่มใสเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในห้อง เสมือนดวงอาทิตย์ของห้อง แต่มาโกโตะเป็นคนธรรมดาที่คนในห้องไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ จนกระทั่งวันหนึ่งเซไคได้เห็นภาพของโคโตโนฮะ โดยบังเอิญ ก็รู้ว่ามาโกโตะแอบชอบโคโตะโนฮะ เลยอาสาเป็นแม่สื่อให้ โดยช่วยให้มาโกโตะได้รู้จักโคโตโนฮะ หลายวันผ่านไปด้วยความช่วยเหลือของเซไคทำให้มาโกโตะได้สนิทสนมกับโคโนฮะอย่างรวดเร็ว หากแต่แล้วจู่ๆ ก็ได้เกิดความสัมพันธ์แปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างคนสามคน เมื่อมาโกโตะเกิดความรู้สึกว่าเขาก็ชอบเซไค พอๆ กับชอบโคโตะโนฮะเหมือนกัน!!

                     
                  ความจริงแล้ว ผมไม่อยากจะดูการ์ตูนอนิเมะ School Daysหรอกครับ แม้ผมจะรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้มานานแล้วก็ตาม (ด้วยความดังของการ์ตูน) แต่ผมก็ปฏิเสธที่จะดูการ์ตูนเรื่องมาโดยตลอด สาเหตุเพราะผมได้ทราบจากสปอยว่าเป็นการ์ตูนที่จบเลวร้าย และเนื้อหาดูแล้วปวดตับ ซึ่งผมเป็นคนที่ตับอ่อน ไม่นิยมแนวจิตตกสักเท่าไหร่ ทำให้ผมดูและไม่อยากจะพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้สักเท่าใดนัก

                    ผมปล่อยผ่านการ์ตูนเรื่องนี้มานานหลายปี ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินชื่อเสียงลือชาเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้มากมาย เป็นต้น ว่า เป็นการ์ตูนดักควาย เจ้าโมโกโตะสมควรตาย!!, เรือสวย, แทงเม่งมันเลย, เจ้าชู้ดีนักสมน้ำหน้า พูดง่ายๆ คำพูดดังกล่าวเป็นคำด่าของมาโกโตะทั้งสิ้น แม้ว่าผมจะเห็นประโยคดังกล่าวผมก็ไม่ได้ดู ขนาดเวลาที่เขียนถึงการ์ตูนเรื่องดังกล่าวผมก็ใช้ข้อมูลค้นหาจากกูเกิ้ลหรือวิกิพีเดียมาเขียน

                    อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้เอง ผมก็คิดว่าอยากดูอนิเมะ School Days สักนิดหน่อย อันเนื่องมาจากพอดีเวลานั้นผมเกิดนึกอยากอ่านนิยายไลท์โนเวล  School Days เห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าเป็นแนวฮาเร็ม จบแบบฮาเร็ม เลยอ่าน ปรากฏว่าเริ่มสนใจเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าฉากจบในตำนานที่ลื่อนักลือหนาเป็นอย่างไร  และเหตุใดมาโกโตะถึงสมควรตาย

    ก็ขอยอมรับว่าผมดูการ์ตูนเรื่องนี้อย่างแมวๆ จริงๆ น่ะครับ อนิเมะดูบางตอน บางจุด (แค่นี้ก็จิตตกจะแย่แล้ว) มังงะไม่ได้ดูเลยอ่านสปอยเข้าใจเอาเอง เกมก็เล่นมานิดหน่อย (แถมไม่เจออยาก “เอากัน” อีก) ดังนั้นสิ่งที่ผมพูดต่อไปนี้มาจากข้อมูลที่อ่านจากวิกิพีเดียแบบรู้บ้างไม่รู้บ้างเพราะผมไม่อยากกลับดูอนิเมะอีกแล้วเพราะเนื้อหาจิตตก ปวดตับ มากๆ

    ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ถึงดูแล้วจิตตก จิตตกในที่นี้อธิบายความหมายได้มากมาย เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เล่นกับจิตใจของผู้ดูที่เราได้เห็นพฤติกรรมน่ารังเกียจของตัวละครในเรื่องอย่างถึงพริกถึงขิง (โดยเฉพาะมาโกโตะ, เพื่อนมาโกโตะ)  พฤติกรรมน่ารังเกียจของมนุษย์ที่มีอยู่จริงและพบเห็นทั่วไปในสังคม ตามด้วยการหักหลังจิตใจของคนดู จากตอนแรกที่รักใสๆ เนื้อหาเหมือนเบาสบาย หากแต่เมื่อดำเนินเรื่องหลายตอนเริ่มมืดมน เนื้อหาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความไม่สบายใจของผู้ชม ความรู้สึกโกรธแค้นชิงชัง นำไปสู่ละครโศกนาฏกรรม และที่น่าเหลือเชื่อก็คือตัวละครทั้งหมดในละครโศกนาฏกรรมดังกล่าวที่ปรากฏออกมาในเรื่องล้วนมีสถานะเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายวัยเรียนธรรมดาทั้งสิ้น!!

     
                  ผมเชื่อว่าในที่นี้หลายคนคงไม่ได้ดู School Days และไม่มีความคิดที่จะดูสักนิด ดังนั้นผมก็จะขอเล่าย่อๆ ว่าเนื้อหาของการ์ตูนอนิเมะเป็นอย่างไร แม้อารมณ์ที่ผมเล่าอาจไม่ปวดตับเท่ากับการดูอนิเมะให้เห็นกับตาก็ตาม

    หลังจากที่เซไคเห็นภาพหน้าจอวอลล์เปเปอร์รูปของ โคโตโนฮะบนมือของมาโกโตะ  ก็รู้ทันทีว่ามาโกโตะแอบชอบโคโตโนฮะ   เซไคจึงขออาสาเป็นแม่สื่อให้มาโกโตะรู้จักโคโตโนฮะอย่างเป็นทางการ

    จากนั้นไซโคก็ได้รวบรวมข้อมูลของโคโตโนฮะว่าเธอเป็นอย่างไร จากข้อมูลที่รวบรวมมาโคโตโนฮะเป็นเด็กที่สุภาพและเรียบร้อย เป็นสมาชิกสภานักเรียน น่ารัก ชอบอ่านหนังสือ มีน้องสาวอาศัยอยู่กับแม่ ส่วนพ่อร่ำรวยกำลังทำงานที่อื่น หากแต่เพื่อนในห้องของเธอไม่สนใจเธอมากนัก  อีกทั้งยังหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอโดยมีสาวหัวโจ๊ก "คาโต้ โอโตเมะ" ( Otome Katou) เป็นตัวตั้งตัวดี ส่วนสาเหตุแกล้งยังไม่ระบุ

    หลังจากนั้นทั้งมาโคโตะ, โคโตโฮะและไซโคทั้งสามก็ได้เป็นเพื่อนกัน ไซโคพยายามให้มาโกโตะพยายามรุกมากกว่าเดิมอย่างที่เป็นอยู่  ทำให้มาโกโตะและสนิทสนมกันโคโตโฮะอย่างรวดเร็ว และต่อมามาโกโตะก็สารภาพรักกับโคโตโนฮะอย่างเป็นทางการ

     ต่อมาในช่วงบ่ายระหว่างที่มาโกโตะรอรถไฟกับโซโค มาโกโตะได้กล่าวขอบคุณเธอที่ช่วยเขา  หากไซโคอยากให้เขาทำอะไร เขาก็ช่วยอย่างสุดความสามารถ อย่างไรก็ตามไซโคเลือกที่จะขอจูบกับมาโกโตะเป็นการตอบแทน ก่อนที่จะแยกทางด้วยการพูดประโยคว่า ขอให้การเดทครั้งแรกกับแฟนใหม่ของนายประสบผลสำเร็จน่ะ จนมาโกโตะอึ้งกับการกระทำของไซโค ว่าเซโคทำแบบนี้หมายความว่าอะไร

    วันต่อมามาโกโตะได้ออกเดทครั้งแรกกับโคโตโนฮะในเมืองอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อถึงวันรุ่งเช้าเขากับโดนไซโคตำหนิเขาว่าเป็นพวกไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิง ก่อนที่ไซโคจะให้ตั๋วชมภาพยนตร์มาให้มาโคโตะ เพื่อให้เขาชวนโคโตโนฮะไปดูในวันต่อมา หากล้มเหลวไม่เป็นท่ามาโกโตะลวนลามโคโตโนฮะมากเกินไปจนเขาถูกตบ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมาโกโตะและโคโตโนฮะเลวร้ายลง

    บ่ายวันต่อมา มาโคโตะเอาเรื่องไปบอกไซโค ไซโคต้องชวนมาโกโตะไปขอโทษโคโตโนฮะ เท่านั้นยังไม่พอในตอนเลิกเรียนไซโคต้องพูดโคโนโนฮะตามลำพังสองคนเพื่อให้โคโตโนฮะปรับความเข้าใจกับมาโกโตะเสียใหม่ ว่ามาโกโตะเป็นผู้ชายที่ดีมีความตั้งใจ จนโคโตโนฮะเริ่มชอบมาโกโตะ และหัวค่ำวันนั้นโคโตโนฮะก็ได้พบมาโกโตะที่กำลังรอรถไฟกลับบ้านและเธอก็ได้จูบกับเขาเท่ากับความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    School Days เปิดฉากออกมาเหมือนรักใส ๆ วัยรุ่น วัยเรียนที่แสนซ้ำซาก เหมือนเกมจีบสาวที่พระเอกได้คำแนะนำจากแม่สื่อให้ทำอย่างโน่นอย่างนี้ จนมาโกโตะจีบโคโตโนฮะได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย อย่างไรก็ตามการ์ตูนก็เริ่มหยอดจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมไปว่า เพราะความง่ายดายนี้เอง ทำให้จิตใจของพระเอกไม่พัฒนา ประมาณว่า มาโกโตะพึ่งแต่ไซโค  แทนที่จะพึ่งตัวเอง ไม่ได้จีบผู้หญิงด้วยตนเองไม่รู้ว่ายากเพียงใด เวลามีปัญหาอะไรขอให้ไซโคช่วยเหลือ ข้อมูลสาวเจ้าไชอบ-หรือไม่ชอบอะไรก็ให้ไซโคจัดการ เส้นทางโรยด้วยกุหลาบตลอดทาง ไม่มีเมพ ไม่มีความอบอุ่นให้กับผู้หญิง ไม่แสดงให้ผู้หญิงเชื่อว่าเขานี้แหละคือคนที่เธอเชื่อใจได้ เพราะแบบนี้เองทำให้มาโกโตะขาดความละเอียดอ่อนในการเข้าใจจิตใจของผู้หญิงอย่างร้ายกาจ

    ในตอนที่ 2 มาโกโตะได้นั่งอยู่กับโคโตโนฮะด้วยกันในโรงภาพยนตร์ มาโกโตะออกลายหื่น เมื่อเขาลวนลามโคโตโนฮะ เป็นเหตุทำให้เขาถูกโคโนโนฮะตบด้วยความโกรธ มาโกโตะ งง ว่าเหตุใดถึงเป็นแบบนี้ จึงได้เอาเรื่องนี้ไปถามเซไค  เป็นเหตุทำให้มาโกโตะถูกไซโคดุด่าว่า มาโกโตะเอ่ยเอ็งรีบร้อนมากเกินไป  โคโตโนฮะนั้นไม่คุ้นกับผู้ชาย เธอเป็นคนละเอียดอ่อน ทำแบบนี้ไม่แปลกหรอกที่จะโกรธ นายมันไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงสิ้นดีซึ่งไซโคพูดถูกทุกอย่าง มาโกโตะนิสัยแบบนี้จริงๆ อีกทั้งนิสัยของมาโกโตะก็ไม่ได้พัฒนาเลยแม้แต่น้อย และนิสัยนี้เองทำให้มาโกโตะได้พบจุดจบที่โหดเหี้ยมในเวลาต่อมา

                   

                    มาโกโตะเริ่มต้นสานสัมพันธ์ในฐานะแฟนกับโคโตโนฮะอีกอีกครั้ง ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยดี มาโกโตะได้ไปบ้านของโคโตโฮะและสนิทกับน้องสาวของเธอ ไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน เวลาตอนกลางวันก็รับประทานอาหารบนด่านฟ้าด้วยกัน ภายนอกเหมือนกับว่ามาโกโตะคบกับโคโตโนฮะอย่างสนิทสนม หากแต่คืนต่อมาเซโคได้โทรถามมาโกโตะว่าคบกับโคโตโนฮะเป็นอย่างไร มาโกโตะตอบว่าราบรื่น ก่อนปิดท้ายด้วยประโยคที่น่าตกใจว่า “คบกับโคโตโนฮะน่าเบื่อ ( เหนื่อย) น่ะ”  

                    วันต่อมาโกโตะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการคบโคโตโฮะ สาเหตุเนื่องจากโคโตโนฮะเล่นตัว ไม่สามารถตามใจมาโกโตะได้  (เนื่องจากโคโตโนฮะมีนิสัยประหม่าเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชาย) สำหรับผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องดี ฝ่ายชายต้องอดทน แต่สำหรับมาโกโตะแล้วมันช่วยเหนื่อยหน่ายสิ้นดี โคโตโนะเองก็พยายามนำเรื่องนี้ปรึกษากับเซโคแต่ก็ไม่ช่วยอะไรได้ นับวันมาโกโตะเริ่มเย็นชากับโคโตโนฮะ

    เซโคพยายามสานสัมพันธ์ทั้งสองอีกครั้ง แต่มาโกโตะยังคงไม่เข้าใจเรื่องจิตใจผู้หญิง ซ้ำยังบอกว่าเขาต้องการความสัมพันธ์ (เพศ) ที่มากกว่านั้น  เซโคเลยจะสอนพิเศษเขาเกี่ยวกับความใกล้ชิดและอารมณ์ ให้เข้าใจผู้หญิงมากกว่านี้ โดยพามาโกโตะไปที่สวนสาธารณะ คาราโอเกะ และทำเรื่องน่าอายที่หลังคาของโรงเรียน เซไคบอกให้เขาลูบไล้และจับหน้าอกเธอ ซึ่งมาโกโตะก็ไม่ขัดศรัทธา  และแล้วมาโกโตะก็เกิดความรู้สึกชอบเซโคขึ้นมา

                ความจริงแล้วเซไคนั้นชอบมาโกโตะมานาน หากแต่ไม่กล้าบอก อีกทั้งเมื่อได้เห็นหน้าจอมือถือของมาโตะเป็นรูปของโคโตโนโฮะ  เซไคก็ทำใจได้ จึงอยากให้มาโกโตะสมหวังกับโคโตโนฮะด้วยการเป็นแม่สื่อ หากแต่กลายเป็นว่า มาโกโตะกลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับโคโตโนฮะเนื่องจากเธอไม่สามารถตอบสนองความปรารถนา (หื่น) ของเขาได้ ทั้งๆ ที่โคโตโนฮะนั้นชอบมาโกโตะแท้ๆ

                    มาโกโตะนั้นเห็นว่าเซไคตอบสนองต่ออารมณ์ (หื่น) ของเขาได้ง่ายกว่าโคโตโนฮะ คิดว่าง่ายกว่าถ้าเขาจีบเซไคทำให้มาโกโตะเริ่มใกล้ชิดกับเซไคและ ทิ้งโคโตโนฮะที่ไม่สบายใจอยู่เบื้องหลัง ( นับวันความสัมพันธ์ระหว่างมาโกโตะและโคโตโฮะยิ่งเลวร้ายลงและห่างเหินมากขึ้น  เซไคเตือนมาโกโตะว่าอย่าใกล้เธอพวกเขาเป็นแค่เพื่อน หากแต่มาโกโตะกลับรุกเข้าหาเซไค จนเซไคใจอ่อน (ซึ่งเจ้ามาโกโตะก็ไม่เห็นจะเมพอะไรเลย แค่บอกว่าฉันอยากได้เธอเท่านั้นเอง)  และในคืนนั้นเองที่อพาร์ทเม้นของเซไค ทั้งสองก็มีเพศสัมพันธ์กัน

                 

                 ความจริงแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีฉากมีเพศสัมพันธ์อย่างโจ้งแจ้งอย่างที่หลายคนคิดไว้ (แต่ในเกมเต็มๆ แม้จะมีเซ็นเซอร์ก็เถอะ ซึ่งไม่รู้จะเซ็นเซอร์ไปทำไม ในเมื่อลามกซะขนาดนั้นแล้ว) ฉากมีเพศสัมพันธ์ในอนิเมะนั้นจะออกแนวกำกวม ไม่โจ้งแจ้งมากนัก แค่ให้สื่อคนดูเห็นชัดว่าตัวละครคู่นั้นมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว (เช่น ฝ่ายหญิงถอดเสื้อผ้า, สองชายหญิงอยู่ด้วยกันในห้องมืด, สองชายหญิงนอนบนเตียงร่วมกัน เป็นต้น)

    อย่างไรก็ตาม แม้จะโจ้งแจ้งหรือไม่โจ้งแจ้ง แต่ขึ้นชื่อว่าเพศสัมพันธ์ ก็ทำให้ผู้ดู ดูแล้วเกิดไม่สบายใจ ยิ่งตัวละครในเรื่องเป็นเพียงเด็กมัธยมปลาย มีเพศสัมพันธ์ก็ถือว่าเป็นอะไรที่รับไม่ได้สำหรับผู้ดูคนไทยแล้ว (แม้ว่าไทยเราจะมีรักในวับเรียนแบบนี้เยอะก็เถอะ หากแต่เรามักมองข้าม ทำเป็นมองไม่เห็น ปกปิด พอการ์ตูนนำเสนอตรงๆ จะๆ ตามีหรือเราจะรับได้)

    ปกติแล้วการ์ตูนสายสว่าง (ที่ฉายตามทีวี) ที่เป็นแนวรักใคร่ๆ จะไม่มีฉากเพศสัมพันธ์กัน (ส่วนมากมักมีเพศสัมพันธ์ตอนท้ายแรงไปเสียเลย) ไม่ว่าจะโจ้งแจ้งหรือไม่โจ้งแจ้งที่สื่อให้คนดูรู้ว่ามีเพศสัมพันธ์กัน เพราะโดยปกติแล้วหากรักใสๆ เมื่อมีฉากเพศสัมพันธ์กันเมื่อใด มีสิ่งที่ตามมาคือดราม่า ถึงขั้นปวดตับ และตอนจบจะจบไม่ดีถึงขั้นหักหลังคนดูก็ว่าได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในสันดานของมนุษย์อยู่แล้วที่มองเรื่องเพศว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและควรปกปิด

    เท่ากับว่ามาโกโตะทำผิดพลาดตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว ทำให้การดำเนินเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้ในตอนต่อๆ มา ก็ล้วนปวดตับ คนดูต่างเครียดทั้งสิ้น!!

    สิ่งที่เรารู้คือ การมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นเกิดจากความรัก หากแต่ด้านมืดแล้วการมีเพศสัมพันธ์คือการตอบสนองของราคะของอีกฝ่าย (หรือทั้งสองฝ่าย) ความรักของมาโกโตะกับไซโคก็เช่นกัน ที่มันไม่ใช่ความรักที่บริสุทธิ์ แม้ว่าไซโคจะมีความรักให้กับมาโคโตะ หากแต่สำหรับ มาโกโตะแล้ววกลับเห็นว่าไซโคเป็นผู้หญิงที่จีบง่ายและเติมเต็มความหื่นของเขาได้เท่านั้นเอง

    หลังจากมาโกโตะมีเพศสัมพันธ์กับเซไค นับวันเรื่องเริ่มมืดมนขึ้น มาโคโตะมักมีความสัมพันธ์แบบคู่รัก (เชิงชู้) กับเซไคเกือบทุกเวลา เช่นหลังเลิกงานของไซโค (ทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารครอบครัว) มาโกโตะก็แอบพาเซไคไปมุมมืดแล้วจูบกันอย่างดูดดื่ม เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ห้องนอนที่บ้านของเขา (เขาอยู่คนเดียวในบ้าน) นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน หากมาโกโตะอยู่กับเซไคตามลำพัง มาโกโตะจะจูบเซไคทันที  วินาทีนั้นหลายคนก็เเหม็นขี้หน้าโมโกโตะอย่างพร้อมเพียงกันแล้ว กล่าวคือทำหน้าตาเหมือนไร้เดียงสา แต่พฤติกรรมแย่ยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก

    แม้ว่ามาโกโตะจะเย็นชากับโคโตโนฮะ ซึ่งเหมือนพูดอ้อมๆ ว่าเลิกกันแล้ว แต่โคโตโนฮะยังคงพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับมาโกโตะอีกครั้ง หากแต่อนิจจาชีวิตของเธอต้องถูกกีดกันจากเพื่อนๆ ของเซไค ไปจนถึงการกลั่นแกล้งจากโอโตเมะ ซ้ำร้ายโคโตโฮะก็ได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างมาโกโตะกับเซไค

                  และแล้วการ์ตูนก็ดำเนินมาถึงช่วงกลางเรื่องซึ่งเป็นช่วงของการเตรียมงานโรงเรียนพูดถึงงานโรงเรียนก็หน้าจะเป็นช่วงที่สนุกสนานของชีวิตในโรงเรียนหากแต่ไม่ใช่สำหรับ School Days ที่ได้เปลี่ยนวันงานโรงเรียนเป็นดราม่าและปวดตับอย่างไม่น่าเชื่อ

    โคโตโนฮะตัดความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของเซไค หลังทราบว่าเซไคแอบคบ (และมีความสัมพันธ์ทางเพศ) กับมาโกโตะ ซึ่งเซไคก็รู้สึกผิดเลยอยู่กับบ้านไม่ยอมไปโรงเรียนเพื่อสู้หน้าโคโตโนฮะแม้จะเป็นวันเตรียมงานโรงเรียนก็ตาม (ซึ่งเจ้าตัวต้นเหตุอย่าง มาโกโตะไม่รู้แม้แต่น้อย) ไซไคก็ไม่ไปโรงเรียนและไม่รับโทรศัพท์ที่มาโกโตะส่งมา ระหว่างนี้เซทสึนะซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเซไคได้มาเยี่ยมบ้านของเซไคเพื่อดูอาการและได้ทราบปัญหาทั้งหมด เซทสึนะได้นำเรื่องไปถามมาโกโตะโดยตรงว่านายทำไมนายถึงจับปลาสองมือแบบนี้ คบเซไคแต่กลับไม่เลิกโคโตโนฮะ รู้ไหมตอนนี้เซไคเสียใจมากน่ะ เอาแต่เก็บตัวและร้องไห้ทุกวัน เมื่อมาโกโตะโดนว่าเขาก็ไม่สามารถเถียงเซทสึนะกลับได้เลยแม้แต่น้อย


                  เซทสึนะ คิโยระ
    (Setsuna Kiyoura)  เป็นตัวละครสุดยอดแห่งความเสียสละของเรื่อง แม้บทน้อยแต่กินใจ เป็นตัวแทนของสภานักเรียน (รู้สึกจะใหญ่ที่สุดในหมู่นักเรียนเสียด้วย) ภายนอกเหมือนเป็นคนตัวเล็กที่มีบุคลิกเยือกเย็นและดูลึกลับซับซ้อน เงียบขรึม หากแต่ความจริงแล้วเป็นคนกระตือรือร้น มุ่งมั่น เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของไซไคชนิดที่เข้าใจจิตใจเธอมากที่สุด (เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กเติบโตมาด้วยกัน)  มุ่งมั่นอยากให้เซไคมีความสุข ทั้งเตือน ทั้งปลอบใจให้เซไค (ในซีรีย์ Summer Days เซทสึนะจะเปลี่ยนนิสัยขี้อาย)

    เซทสึนะถือว่าเป็นตัวละครที่เสียสละในเรื่อง ความจริงแล้วเซทสึนะแอบชอบมาโกโตะ (เพียงแค่มาโกโตะมาปลอบใจเธอตอนร้องไห้ในวันแรกที่เรียนในโรงเรียนแค่นี้เอง ไม่ได้เมพอะไรมากหรอก) หากแต่เมื่อรู้ว่าเซไคชอบมาโกโตะ ก็ยังอุตส่าห์หลีกทางให้ และพยายามเตือนสติเซไคอยู่เสมอว่าเซไคควรบอกรักมาโกโตะไม่ใช่ทำตัวเป็นแม่สื่อให้มาโกโตะรักโคโตโนฮะ ซึ่งด้วยนิสัยที่เสียสละและการเชื่อใจมาโกโตะ(ที่มากเกินไป) นี้เองทำให้เซทสึนะเป็นอีกตัวละครหนึ่งตัวของเรื่องที่น่าสงสารมากที่สุด

     

    มาโกโตะไปเยี่ยมเซไคเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เพราะความไม่เข้าใจจิตใจผู้หญิง มาโกโตะแทบไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย แต่มาโกโตะยืนยันว่าเขาชอบเธอมากกว่าโคโตโนฮะ ก็พอทำให้เซไคได้มีกำลังใจไปงานโรงเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ได้บ้าง ต่อมาเมื่องานโรงเรียนผ่านพ้นไป เซทสึนะได้พยายามบอกให้พระเอกรักเซไคมากกว่านี้ เพราะเซไคเป็นเพื่อนรักของเธอ พร้อมกับบอกว่าอีกไม่นานเธอย้ายไปฝรั่งเศสไม่สามารถช่วยเหลือเซไคได้อีกแล้ว จึงขอฝากเซไคให้มาโกโตะดูแลด้วย มีแต่มาโกโตะเท่านั้นที่เธอเชื่อใจ

    อย่างไรก็ตาม เซทสึนะเองก็ยังมีใจกับมาโกโตะ และในหลังงานวันโรงเรียนนั้นเอง ระหว่างที่มาโกโตะงีบหลับหลังเสร็จงาน เซทสึนะก็ได้แอบจูบกับมาโกโตะเพื่อขอความทรงจำดีๆ ก่อนจากลา หากแต่ในตอนนั้นเองโคโตโนฮะก็แอบมาเห็นภาพนั้นเข้าพอดี !!

     งานโรงเรียนยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงเมื่อโคโตโนฮะเห็นเซทสึนะจูบกับมาโกโตะ  เช้าวันต่อมาโอโตเมะ ได้ชวนเขาไปเที่ยวงานโรงเรียนด้วยกัน และมาโกโตะไม่ปฏิเสธ


                    " โอโตเมะ คาโต้
    เพื่อนหญิงชั้นปีที่หนึ่งห้องสาวเป็นสมาชิกทีมบาสเกตบอลหญิง ซึ่งเป็นเพื่อนมาโกโตะสมัยประถม และเป็นผู้หญิงหัวโจ๊กที่เรื่องไม่ดีกับโคโตโฮะไปมาก ไม่ว่าจะเป็นหัวโจ๊กร่วมมือกับเพื่อนๆ แกล้งโคโตโฮะ (พูดจาประชดประชนและก่อกวนให้มาโคโตะทำงานยากๆ เพียงคนเดียว) สาเหตุที่โอโตเมะแกล้งโคโตโนฮะก็เพราะเธอชอบมาโกโตะตั้งแต่สมัยประถม พอเห็นมาโกโตะชอบโคโตโนฮะก็รู้สึกอิจฉา แม้จะเป็นผู้หญิงร้ายๆ ในสายตาคนรอบข้าง หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามาโกโตะเธอจะกลายเป็นผู้หญิงอ่อนโยนและขี้อายและอยากให้มาโกโตะสนใจเธอบ้าง โดยหารู้ไม่ว่ามาโกโตะนั้นมีนิสัยแย่มากๆ ซึ่งกว่าที่เธอจะรู้ตัว มันก็สายไปเสียแล้ว

    ต่อมาเซไคเข้ามาจับแยกโอโตเมะกับมาโกโตะออกไป (เซไครู้ด้วยสัญชาตญาณผู้หญิงว่าคาโต้รักมาโกโตะ และมาโกโตะคงไม่ปฏิเสธแน่หากจะมีอะไรกับคาโต้) หากแต่โอโตเมะยังไม่ยอมยุติง่ายๆ ในหัวค่ำวันนั้นคาโต้แอบพามาโกโตะไปห้องว่างไร้ผู้คนและพยายามชักชวนมาโกโตะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ หากแต่มาโกโตะปฏิเสธเพราะไม่ว่าง เขาต้องทำสัญญาว่าจะเต้นคู่กับเซไคในงานเทศกาลรอบกองไฟเสียก่อน

    ทางด้านโคโตนาฮะนั้นมั่นใจเสมอว่ามาโกโตะจะมาหาเธอเพื่อไปเที่ยวงานโรงเรียนหรือเต้นรำด้วยกัน หากแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มา แถมโดนเพื่อนของคาโต้พูดจาดูถูกอีกว่าเธอไม่ใช่แฟนมาโกโตะหรอก  หรือไม่ก็โดนมาโกโตะเลิกไปแล้ว แต่โคโตโนฮะยังคงยืนยันหนักแน่นว่ามาโกโตะเป็นแฟนของเธอ และเมื่อถึงเวลามืดค่ำโคโตโนฮะก็เดินไปทั่วโรงเรียนเพื่อค้นหามาโกโตะ หากแต่แล้วเธอก็ได้เห็นมาโกโตะเต้นรำกับเซไครอบกองไฟ โคโตโฮะหมดหวังและหมดแรง ด้วยความโดดเดี่ยวและความอ่อนแอทางจิตใจของเธอ เป็นเหตุให้ ไทสุเกะ ซาวางาวะ” (Taisuke Sawanaga) เพื่อนสนิทชายของมาโกะโตะเข้ามาข่มขืนเธอในที่สุด!!

    มาถึงตอนนี้หลายคนคงดูจิตตกและทวีความรังเกียจมาโกโตะเข้าใส้ แต่ยังก่อน เพราะอีก 3 ตอนที่เหลือถือว่าเป็นจุดไคแม็กซ์ของเรื่อง School days ทีทำได้จิตตกชนิดที่เรียกว่าไม่มีการ์ตูนในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเรื่องไหนอีกแล้วที่ทำแบบนี้ได้ แม้แต่สายมืดเองก็ยังเทียบไม่ได้ และทำให้มาโกโตะกลายเป็นตัวละครที่น่ารังเกียจที่สุดในประวัติศาสตร์การ์ตูนญี่ปุ่นตลอดกาล (อย่างไม่เป็นทางการ)  

    สามตอนที่ว่านี้ตั้งชื่อตอนได้ใจเป็นอย่างมาก ชนิดเรียกว่าสรุปเนื้อหาของตอนได้ครบถ้วนก็ว่าได้

     ตอนที่ 10 "จิตใจและร่างกาย” (Mind and Body) โคโตโนฮะได้รับการข่มขืนโดยไทสุเกะ และเธอได้หยุดพักลงแล้วร้องไห้เมื่อเธอเห็นมาโกโตะและเซไคเต้นรำรอบกองไฟอย่างมีความสุข เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนก็มีการเริ่มต้นทำความสะอาดขึ้น เซทสึนะไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถทำให้มาโกโตะแยกกับโคโตโนฮะได้ เซทสึนะจึงจูบมาโกโตะต่อหน้าโคโตโฮะและบอกว่าตอนนี้มาโกโตะไม่ได้ชอบโคโตโนฮะต่อไป ต่อมาในตอนเย็นมาโกโตะหายไป เซทสึนะอาสาจะไปตามและพบเขาอยู่ในห้องเก็บของในโรงยิมกำลังมีเพศสัมพันธ์กับโอโตเมะอีกครั้ง (ต่อจากเมื่อวาน)

    ในคืนนั้นเองเซทสึนะได้มาอพาร์ตเมนต์ของมาโกโตะเพื่อเรียกร้องให้เขาตัดความสัมพันธ์ทุกคน ยกเว้นเซไค โดยเสนอตัวให้มีเซ็กซ์กับเธอเพื่อเป็นแลกเปลี่ยน และมาโกโตะก็ตอบรับอย่างง่ายดาย ในวันรุ่นขึ้น ในช่วงบ่ายในวันต่อมาพวกรุ่นพี่สมาชิกบาสเกตบอลหญิงได้เป็นเจ้าภาพเชิญพวกผู้หญิงมาเปิดเผยวีดีโอลับเปิดเผยแอบถ่ายในห้องในโรงยิม โดยภาพแรกปรากฏคือยัยทอมบอยเพื่อนของเซไคในชุดเมดมีเพศสัมพันธ์รุ่นพี่โอตากุ แค่ก็ทำให้พวกหญิงถึงกับเข่าทรุดแล้ว แต่พอมาถึงช็อกกันทั้งบานเมื่อปรากฏภาพมาโกโตะกำลังมีเพศสัมพันธ์กับโอโตเมะ เป็นเหตุทำให้เซไคตกใจและช็อกมาก เซไคพยายามติดต่อกับมาโกโตะหากแต่เขาไม่รับสาย ระหว่างทางเธอได้พบโคโตโนฮะ เธอจึงถามว่าเห็นเซทสึนะหรือเปล่า โคโนโนฮะซึ่งตอนนี้กลายเป็นสาวน้อยที่จิตใจแตกสลาย ดวงตาไร้ชีวิตจิตใจได้พูดว่าเซทสึนะตอนนี้อยู่กับมาโกโตะ  (เรื่องนี้สอนให้เห็นว่าการมีเซ็กต์ในที่ลับในโรงเรียนมันเป็นไปไม่ได้ กำแพงมีหู หน้าต่างมีตา เวลาจะทำกันให้ทำที่บ้านหรือไม่ก็โรงแรม!!)

    ตอนที่ 11 “มาโกโตะของทุกคน” (Everyone's Makoto) เซทสึนะได้จากทุกคนเพื่อไปฝรั่งเศสอย่างเงียบๆ โดยเซทสึนะไม่รู้เลยว่าตนได้ทิ้งสิ่งที่ทำร้ายจิตใจให้แก่เซไคเอาไว้ เมื่อเซไคช็อกสองเด้งก็ได้กลายเป็นคนจิตตกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมไปโรงเรียน ส่วนเจ้ามาโกโตะก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแม้แต่น้อย แถมยังทำเรื่องช็อกคนดูด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับฮิคาริ!! (และเชื่ออีกว่ามาโกโตะมั่วกับผู้หญิงมากกว่าที่ผู้ชมคิด เพราะฮิคาริแอบดูมือถือของมาโกโตะพบว่ามีเบอร์ผู้หญิงมากกว่า 20 คน!)


                    ฮิคาริ คุโรดะ (Hikari Kuroda) เป็นตัวละครสุดช็อกในการ์ตูนเรื่องนี้ก็ว่าได้ เพราะต้นเรื่องก็ไม่เห็นเธอชายตามองมาโกโตะสักนิด แถมแอบชอบไทสุเกะเพื่อนของมาโกโตะอีกต่างหาก ยัยหัววงแหวนนิสัยเจ้าอารมณ์และขี้จุกจิก ความจริงแล้วเป็นคนง่ายๆ ชอบเข้าสังคม ชอบทำอาหาร (เพราะครอบครัวของวเธอเป็นร้านขนมหวาน) เป็นเพื่อนสนิทของเซไค ซึ่งตอนแรกเชื่อว่ามาโกโตะและเซไคเป็นแฟนกัน พยายามเชียร์เซไคให้รักโคโตโนะ และหลังเกิดเหตุการณ์แฉเทปลับและเซทสึนะจากไป เธอก็พยายามทำหน้าที่แทนเซทสึนะ ด้วยการบอกให้มาโกโตะกลับมาคืนดีกับเซไค หากแต่กลายเป็นว่าเธอดันไปมีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะแทน!!

    อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของฮิคาริและมาโกโตะเป็นแค่เซ็กต์เฟรนด์มากกว่าจะเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ซึ่งฮิคาริยังคงพยายามให้มาโกโตะไปง้อกับเซไคเพราะตอนนี้เซไคเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมไปโรงเรียนหากแต่มาโกโตะกลับทำเงียบ เฉยเมย บ่ายเบี่ยงเพราะชีวิตของเขาไม่เคยง้อสาวที่ไหนมาก่อน

    เมื่อมาโกโตะไม่มาปลอบเซไค  ฮิคาริเลยไปปลอบเซไคแทน แต่ก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก มาโกโตะเองยังคงมีเพศสัมพันธ์กับฮิคาริและหนักข้อมากขึ้นถึงขั้นเอากันในโรงเรียน ที่โรงเรียนเองกลุ่มเพื่อนสามคนของโอโตเมะที่ได้เห็นเทปลับเอากันในโรงยิมก็นึกสงสัยว่ามาโกโตะมันมีอะไรดีถึงได้เป็นที่หลงใหลนักเลยนัดกันไปที่บ้านมาโกโตะมีเพศสัมพันธ์หมู่ซะเลย!! (ทั้งๆ ที่สาวหนึ่งในนั้นมีแฟนแล้วแท้ๆ)

    ต่อมาเซไคก็รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน เธอจึงสรุปว่าเธอกำลังตั้งครรภ์กับมาโกโตะ ในวันรุ่งขึ้นเซไคก็ไปที่โรงเรียนท่ามกลางความตกใจของเพื่อนร่วมชั้นและบอกให้มาโกโตะทราบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เมื่อมาโกโตะได้ยินกลับพูดว่า “เป็นไปได้ไง เรายังเป็นนักเรียนอยู่น่ะ!!” (แต่พฤติกรรมของเอ็งนี้มันเกินนักเรียนแล้วน่ะครับท่าน) เซไคได้ยินประโยคที่ไร้ความรับผิดชอบของมาโกโตะถึงกลับร้องไห้ออกจากห้องเรียน

    แม้ว่าฮิคาริพยายามที่จะบอกให้มาโกโตะไปง้อเซไค เป็นลูกผู้ชายต้องรับผิดชอบสิ มาโกโตะก็ทำหน้าเบื่อซ้ำบอกว่า “ทำไงดีน้า??” วันต่อมาข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองมาโกโตะด้วยสายตาน่ารังเกียจ ชายที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ตัวเองทำไป โอโตเมะออกห่างจากมาโกโตะ แต่มาโกโตะยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเริ่มหยุดโรงเรียน

    ค่ำวันนั้นเซไคมาที่อพาร์ตเมนต์ของมาโกโตะเพื่อมาทำอาหารให้เขาทาน พร้อมพูดกับฮิคาริทางโทรศัพท์ว่าเธอจะเลี้ยงลูกของมาโกโตะเอง หากแต่ตอนนั้นมาโกโตะไม่อยู่บ้าง เขาออกไปข้างนอก ตลอดทางมาโกโตะพยายามหาคนที่เขาคบด้วย หากแต่ก็พบว่าทุกคนเลิกกับเขาหมด ในขณะที่มาโกโตะไร้หนทางนี้เอง มาโกโตะก็ได้พบกับโคโตโนฮะอีกครั้ง หากแต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจว่างเปล่า หากแต่ตอนนี้เธอยังคงรักมาโกโตะอยู่ มาโกโตะร้องไห้รู้สึกผิดที่ทิ้งเธอจึงได้ขอกลับมาคบกับเธอเช่นเดิม แสดงให้เห็นความทุเรศของมาโกโตะได้เป็นอย่างดี


                   ตอนที่ 12
    "วันโรงเรียน” (School Days) ตอนจบอันลื่อลั่น เซไคได้โทรศัพท์มาหามาโกโตะ ซึ่งเวลานั้นมาโกโตะกำลังกินอาหารมื้อเย็นสุดหรูกับโอโตโนฺฮะ เซไคบอกว่าทำไมเขาไม่กลับบ้าน รู้ไหมว่าเธอตั้งใจเตรียมอาหารให้เขามากขนาดไหน แต่อนิจจามาโกโตะกลับพูดว่า “ไม่กิน กินเองสิ” เถียงไปเถียงมาเซไคก็รู้ว่ามาโกโตะกลับมาคืนดีกับโคโตโฮะอีกครั้ง ก่อนที่มาโกโตะจะพูดตอบโต้ว่าทำไมเธอต้องบอกตั้งท้องด้วย รู้ไหมว่าเธอทำให้ชีวิตของเขาปั่นป่วนหมด อย่ามาบอกว่าเป็นแฟนชั้น กลับบ้านเลย!! (โครตไม่รับผิดชอบเลย)  

    เซไคเสียใจจึงได้กลับบ้านของเธอ ระหว่างทางเธอก็ได้เห็นมาโกโตะกับโคโตโนฮะใกล้ชิดติดกันบนรถไฟ เซไคตามทั้งคู่มาบ้านและเซไคก็ทะเลาะกับโคโตโนฮะ แต่โคโตโนฮะบอกว่าคนที่หลอกล่อมาโกโตะคือเธอต่างหาก ส่วนพระเอกแม้จะเงียบแต่หน้าตาทำเป็นเห็นด้วยซ้ำยังจูบโคโตโนฮะต่อหน้าเซไค จนเซไคขายหน้า อับอาย และโกรธแค้นสุดขีด  กลับไปร้องไห้ที่บ้าน

    วันต่อมา มาโกโตะส่งข้อความมาหาเซไค บอกว่าโคโตโฮะสามารถแนะนำโรงพยาบาลที่เธอรู้จักเพื่อเอาเด็กในท้องของเซไคออกมาได้ (ทำแท้ง)  เมื่อเซไคได้อ่านข้อความก็โกรธแค้นสุดขีด จึงได้มาบ้านมาโกโตะและส่งข้อความให้มาโกโตะสุดท้ายว่าจะมาที่อพาร์ตเมนต์ของเขาเพื่อคุยเรื่องนี้กัน และเมื่อได้โอกาสเซไคก็ใช้มีดศพแทงมาโกโตะด้วยมีดทำครัวและหนีไป ต่อมาเมื่อโคโนโนฮะกลับมายังอพาร์ตเมนต์ของมาโกโตะเพื่อกินข้าวร่วมกับเขา ก็พบว่ามาโกโตะเป็นศพแล้ว ด้วยความช็อกสุดขีด โคโตโฮะก็กลายเป็นสาวไร้จิตใจอีกครั้ง เธอได้ส่งข้อความเรียกเซไคโดยใช้โทรศัพท์ของมาโกโตะมาที่ดาดฟ้าโรงเรียน ฆ่าเซไคและแหวะท้องตรวจดูว่ามีเด็กหรือไม่  ก่อนที่เธอจะพูดว่าคุณโกหก คุณไม่ได้ตั้งครรภ์ ” (ในขณะที่อีกแบบ แปลว่า "คุณโกหก ข้างในว่างเปล่า แต่นั้นไม่ใช่ว่าเซไคไม่ได้ตั้งครรภ์จริง เพราะเซไคเกิดอาการแพ้ท้องไม่กี่สัปดาห์ อีกทั้งไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดู เลยไม่มีใครทราบว่าเซไคท้องจริงหรือเปล่า?) ก่อนที่ฉากจบเธอได้ใช้เรือของครอบครัวลอยออกสู่ทะเลยามเช้า พร้อมเอาหัวของอิโตแนบอ้อนแขน เธอยิ้มและพูดว่า "เราจะอยู่ร่วมกันตลอดไป ในที่สุดเราทั้งสองก็อยู่ตามลำพังเสียที...

     

    ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอนิเมะ School Days ตั้งแต่ต้นจนจบและเป็นหนึ่งในอนิเมะที่ได้กลายเป็นตำนานที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุด  หลายคนรู้จักคำว่า “เรือสวย” ในการ์ตูนเรื่องนี้ หากแต่หลายคนไม่เคยแม้แต่ชายตามองเนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว บางคนอาจหยุดกลางคันเพราะรับเนื้อหาไม่ไหว บางคนดูจบก็ลบจากคอมทิ้งทันที ส่วนตัวผมเป็นประเภทดูฉากที่ชอบเป็นพิเศษ ซึ่งฉากที่ว่าเป็นที่ปรากฏกางเกงในลายทางของเซไค และกางเกงในสีชมพูของฮิคาริที่ผมดูสายตาลามก  ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนมีอาการป่วยทางจิต ไม่อยากจะคุย สาเหตุที่ผมดูการ์ตูนอนิเมะเรื่องนี้เพราะกางเกงในลายทางของเซไคนี้แหละ ซึ่งผมคิดว่าตัวละครทั้งสองเหมาะแก่กางเกงในชนิดนี้มากอย่างน่าหลงใหล (ในเกมกางเกงในฮิคาริเป็นสีฟ้า-เขียวอ่อน)

    กลับมาพูดถึงเรื่องราวหลังจากนี้กันต่อ หลังจากที่อนิเมะฉายตอนจบไป (3 กรกฎาคม – 27 กันยายน 2007) ก็ได้รับคำด่าไปทั่วสารทิศ ทั่วประเทศ ไปจนถึงญี่ปุ่นเองก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากเพราะเป็นการ์ตูนฉีกแนวโรแมนติกที่มีมาทั้งหมด นำเสนอประเด็นของสังคมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้จะไม่มีฉากเพศสัมพันธ์โจงแจ้ง แต่กระนั้นจากการแสดงของตัวละคร และตอนสุดท้ายของเรื่อง ก็เรียกความรู้สึกของผู้ดูถึงขีดสุด ถือว่าเป็นการ์ตูนที่มีการดำเนินเรื่องได้อย่างน่าดูชม ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกแม้ว่าจะมีเนื้อหาจะจิตตกสุดขีดก็ตาม

                    พูดถึงตอนจบของการ์ตูน มีเรื่องมีราวนิดหน่อย ความจริงแล้วตอนที่ 12 ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย  ควรถูกฉายเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2007 ในช่องทีวีคานากาว่า หากแต่เนื่องจากวันก่อนตอนสุดท้ายที่มีการกำหนดออกอากาศที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดคดีสาวอายุ 16 ปี ฆ่าพ่อของเธอด้วยขวาน ในจังหวัดโตเกียวซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญมากในตอนนั้น ทำให้ทางสถานีโทรทัศน์จำเป็นต้องเลื่อนตอนดังกล่าวไปเพื่อไม่ให้หลายคนเอาการ์ตูนเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรม ส่วนช่วงเวลาที่ฉายตอนสุดท้ายนั้นได้ถูกแทนที่ด้วยภาพสไลด์วีดีโอสามสิบนาที เป็นภาพเรือลงในแม่น้ำภูเขานอร์เวย์ พร้อมเล่นเพลง “แอร์ออนจีสตริง” (Air on the G String) ของออกุสต์ วิลเฮล์ม  ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นมุกล้อเลียนระบาดในอินเตอร์เน็ตจนกลายเป็นศัพท์แสลงที่นิยมในอินเตอร์เน็ตคือ “เรือสวย” หรือ “Nice boat” แปลว่าจบไม่ดี จบไม่สวย ถูกฆ่า ซึ่งคำว่า “Nice boat” ได้เป็นคำที่ถูกค้นมากที่สุดในเว็บ Yahoo! ญี่ปุ่น ค้นหาจาก 17 กันยายน - 23 กันยายน

                    
                     
    “Nice boat” ได้ถูกนำไปล้อในสื่ออื่นๆ นอกเหนือจากในอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังปรากฏเป็น
    "อีสเตอร์ (Easter Egg)". (ซึ่งที่ซุกซ่อนในสื่อต่างๆ แบบเจตนาที่ต้องการให้ตลกขบขันหรือล้อเลียน) ในการ์ตูนเรื่องอื่นๆ

                  ส่วนตอนสุดท้ายที่ไม่ได้ฉายตอนแรกนั้น ก็ถูกเสียงด่าไปทั่วสารทิศว่าทำไมไม่ฉาย ส่วนผู้รับผิดชอบเองก็กำลังลังเลว่าออกอากาศหรือว่าจะฉายแบบพิเศษดี แต่เมื่อมีหลายส่วนเรียกร้องให้ฉาย จึงตัดสินใจฉาย 27 กันยายนและ 1 ตุลาคม  โดยมีการปรับเปลี่ยนสีเลือดโดยจากตอนแรกเป็นสีแดงมาเป็นสีดำแทน

    ในประเทศไทย School Days โด่งดังในหมู่คอการ์ตูน และถือว่าเป็นการ์ตูนเปลี่ยนมุมมองและความรู้สึกของใครหลายๆ คนต่อการ์ตูนญี่ปุ่นก็ว่าได้ เป็นต้นว่าเวลามีกระทู้ขอให้คนเข้ามาโพสต์แนะนำการ์ตูนอนิเมะ ทุกคนจะโพสต์ School Days เป็นอันดับแรก แม้ว่าบางกระทู้จะมีคำจำกัดความว่ารักใส ๆ , ฮาเร็ม, จิตตก หรืออนิเมะที่ชอบหรือไม่ชอบ ทุกคนก็จะโพสต์ว่า School Days อยู่ดี สาเหตุนั้นก็มีหลากหลาย เช่น ดักควาย หมั่นไส้พวกกระดูกอ่อน อยากให้พวกกระดูกอ่อนรู้ซึ้งถึงความจิตตกของการ์ตูนญี่ปุ่น ว่าศาสตร์ของการ์ตูนญี่ปุ่นมีมากกว่าที่คิดเยอะ ภาษาเถื่อนอเมริกาบอกว่าสละเวอร์จิ้นเป็นการบรรลุความเป็นลูกผู้ชาย การดู School Days ก็ถือว่าเป็นการบรรลุนักดูการ์ตูนญี่ปุ่นเช่นกัน

     ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกหรือเปล่า ผมเชื่อว่า ผมเชื่อว่าใครที่เริ่มสมใจการ์ตูนญี่ปุ่น เมื่อมาดู School Days อาจเป็นสาเหตุจุดเริ่มต้นหลายคนเกลียดฮาเร็มไม่มากก็ไม่น้อย ปกติแล้วฮาเร็มไม่เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มคนไทยอยู่แล้ว พอ  School Days มาก็ยิ่งทำให้หลายคนมองฮาเร็มในด้านลบอีก ความจริงแล้ว School Days อาจไม่เป็นฮาเร็มที่ดี เพราะเน้นความสมจริง มากกว่าโลกสีชมพู อีกทั้งปกติแล้วไม่ว่าสายมืดหรือสายสว่างพระเอกแนวฮาเร็มจะมีความรับผิดชอบและไม่เคยทำให้ผู้หญิงร้องไห้ (ก็มีบางเรื่องก็มีเหมือนกันที่พระเอกเลว ทิ้งผู้หญิงอีกคนมารักกับผู้หญิงคนหนึ่ง หรือข่มขืน แต่ก็ไม่ให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกเกลียดชังมากเท่ามาโกโตะ) ส่วนตัวผมแล้ว School Days ไม่ใช่ฮาเร็ม แต่เป็น NTR คือตัวละครมีพฤติกรรมเชิงชู้ ซึ่งมุ่นเน้นให้ผู้ชมจิตตกตรงข้ามกับวัตถุประสงค์ฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ซาบซ่าหัวใจ มองโลกเป็นสีชมพูไปหมด

                    ในตอนนั้นเกิดกระแส NTR ซึ่งตอนนั้นแนวดังกล่าวไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย สายมืดเองก็ไม่ได้เน้นมากมาย แต่เมื่อ  School Days มา กระแสเชิงชู้ชายหญิงก็เพิ่มมากขึ้น เกิดการ์ตูนแนวแบบนี้ตามมามากมาย  ทำให้เจ้ามาโกโตะจึงไม่ใช่ชายเพียงคนเดียวที่ก่อวีรกรรมเชิงชู้ที่น่ารังเกียจแน่นอน และปัจจุบันก็ยังมีการ์ตูนที่มีเนื้อหาคล้ายกับ School Days ยกตัวอย่างเรื่อง  Uwakoi ซึ่งเนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมแก่ผู้อ่านหรือไม่

                    แน่นอนว่าหลายคนที่ดูอนิเมะแล้วก็มีความสนใจที่อยากเล่นเกม School Days ของค่าย 0verflow   ไม่มากก็ไม่น้อย และจะพบเรื่องน่าสนใจคือการดำเนินเรื่องนั้นมีหลากหลายเส้นทาง และมีฉากจบถึง 21 แบบ ซึ่งมีทั้งฉากจบดี และฉากจบไม่ดี โดยฉากจบดีมีทั้งหมด 15 ตอนจบ นอกนั้นฉากจบไม่ดี และมี 3ตอนจบเป็นฉากจบที่น่าสะพรึงกลัวที่น่าตกตะลึง ซึ่งมีตอนจบดั่งต่อไปนี้


                  -ฉากจบ Eternally มาโกโตะกำลังมีความรักกับเซไคและได้ตัดสินใจเลิกกับโคโตโนฮะ แต่โคโตโนฮะยังคงรักมาโกโตะและได้มาดักรอเขาที่อพาร์เมนท์ของเขา แต่มาโกโตะขอโทษและปฏิเสธ หลังจากนั้นโคโตโนฮะก็เงียบๆ และดวงตาไร้ชีวิตชีวา และบอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสุขร่วมกัน หลังจากที่มาโกโตะกับเซไคออกจากอพาร์ทเมนท์เขาก็ได้รับโทรศัพท์โคโตโนฮะ ก่อนที่โคโตโนฮะจะโดดจากชั้นอพาร์ทเมนท์เอาหัวโหม่งใส่พื้นตายอย่างอนาถบนทางเท้าต่อหน้าต่อตามาโกโตะและเซไค ซึ่งเขายังคงจดจำดวงตาและสีหน้าของโคโตโนฮะได้เป็นอย่างดี บทส่งท้าย หกเดือนต่อมาหลังจากโคโตโนฮะฆ่าตัวตาย มาโกโตะอยู่หน้าหลุมศพของโคโตโนฮะและบอกว่าเขาเลิกกับเซไค และตอนนี้เขาทำงานกับแม่ของเขาและไม่มีความรักกับใครอีกเลยหลังจากที่โคโตโนฮะตาย

                 

    -ฉากจบ To My Children 2 วันหนึ่งขณะที่มาโกโตะกำลังมีเซ็กต์กับโคโตโนฮะ มาโกโตะได้บอกโคโตโนฮะว่าเธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เซไค พอดีเวลานั้นเซไคได้ยินเข้าพอดีก็เลยโกรธจัด หกเดือนต่อมาระหว่างที่มาโกโตะกับโคโตโนฮะเดินไปที่ชายหาดกันสองคน โคโตโนฮะก็บอกว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา หลังจากที่โคโตโนฮะจากไป หากแต่แล้วในขณะที่มาโคโตฮะกำลังกลับบ้าน จู่ๆ เซไคที่ตอนนี้ตั้งครรภ์เหมือนกันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและใช้มืดทำครัว (ที่หยิบในครัวของมาโกโตะ) แทงที่ท้องของเขา หลังจากที่มาโกโตะพูดไม่กี่คำ เซไคก็จากไป ทิ้งมาโกโตะที่พยายามเดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซแต่เพราะเสียเลือดออกมามากเขาก็ล้มลงตายอย่างทรมานกลางอาทิตย์อัศดง

                     
                 - ฉากจบ The Bloody Conclusion 3 ฉากจบน่าสะพรึ่งกลัวที่โด่งดังที่สุด เซไคกำลังมีความรักกับมาโกโตะ วันหนึ่งโคโตโนฮะได้ยินมาโกโตะและไซไคกำลังมีเพศสมัพันธ์รักกันและกัน ทำให้โคโตโนฮะจิตตก  นั่งแต่พึมพำอยู่ตัวคนเดียว เธอถูกทอดทิ้ง ถูกรังแก จนโคโตโนะฮะกลายเป็นสาวน้อยไร้จิตใจ ในคืนหนึ่งเธออยู่ในหน้าห้องของมาโกโตะ เธอยืนฟังเสียงและฟังเสียงมาโกโตะร่วมรักกับเซไคนานหลายชั่วโมงทั้งที่คืนนั้นมีมีหิมะตก อากาศหนาว จากนั้นเธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างโรคจิตออกมา (กลายเป็นยันเดระ) เช้าวันต่อมามาโกโตะและเซไคแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน จับมือถือแขนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนที่จะออกจากสถานีรถไฟและไปยังสะพานลอยข้างสถานี (สะพานที่ปรากฏอยู่บ่อยๆ ในอนิเมะ) จนกระทั่งทั้งคู่ได้พบโคโตโนฮะยืนขวางกลาง มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจ เซไคปล่อยแขนมาโกโตะและทักทายโคโตโนฮะ หากแต่เซไคกล่าวไม่กี่คำ โคโตโฮะก็ใช้มีดขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่หลังกระเป๋านักเรียนของเธอและเชือเดที่ข้างลำคอของเซไคจนเลือดพุ่งกระฉูด ไม่กี่นาทีต่อมาเซไคก็ล้มลงตายนอนจมกองเลือด ต่อหน้าต่อตามาโกโตะ โคโตโนฮะก็เริ่มหัวเราะอีกครั้ง ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอกลายเป็นหญิงโรคจิตโดยสมบูรณ์

                   

                    นอกจากนี้ยังมีก็มีฉากจบแปลกๆ ออกมาให้คนดูตกใจตกตะลึงไม่แพ้กับฉากจบที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกัน เช่น ฉากจบของฮิคาริที่จบแบบเซ็กต์เฟรนด์ หรือฉากจบพลิกล็อกที่ต้องทำเงื่อนไขอะไรบางอย่าง ความจริงแล้วชื่อฉากจบนี้ไม่ได้ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ หากแต่หมู่แฟนได้ตั้งชื่อฉากว่า “ฉันคือภรรยา” (I'm the Wife) คือมาโกโตะกำลังทานแตงโมอย่างสบายใจเฉิบอยู่ที่บ้านกับแม่ของเขา และเขาก็ได้รับจดหมายทำให้รู้ว่าเซทสึนะท้องป่อง และยังไม่ทันที่ตกตะลึงก็พบว่าตอนนี้เซทสึนะอยู่หน้าห้องของเขาและทำมือวีเป็นเครื่องหมายชัยชนะต่อหน้าแม่ของมาโกโตะ

                    และฉากจบที่ทำให้คนเกลียดมาโกโตะที่สุดคือ “ลาก่อนเซไค” (Goodbye, Sekai) เป็นฉากจบที่มาโกโตะไม่รักใคร แถมทิ้งเซไค และเอากับเซทสึนะ และเมื่อเซทสึนะไปฝรั่งเศส มาโกโตะก็มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงไปทั่ว กลายเป็นเพลย์บอย (หน้าซื่อ) ในที่สุด (อย่างไรก็ตามเราตอบรักเซไคในตัวเลือกสุดท้าย เราจะรักเซไค และส่งเซทสึนะไปฝรั่งเศส)

    หากพิจารณาจากตัวเกมและอนิเมะ จะเห็นว่าอนิเมะเอาส่วนต่างๆ ในเกมมาปรับปรุงจนเป็นเนื้อหาเดียวกัน  หากแต่นำตัวอนิเมะได้นำด้านไม่ดีของมาโกโตะเอามาใช้เป็นส่วนมาก ส่วนฉากแสดงความเป็นลูกผู้ชายของมาโกโตะถูกตัดจนเกลี้ยง จนมาโกโตะกลายเป็นตัวละครที่น่ารังเกียจในสายตาของผู้ชมไป

     

                    นอกจากนี้ School Day ยังถูกดัดแปลงเป็นมังงะ วาดโดย Homore sakazuki  มี 2 เล่มจบ ทำให้เนื้อหาของการ์ตูนไม่ค่อยจะเน้นเรื่องรายละเอียดหรือเหตุผลเท่าใดนัก เนื้อหาการดำเนินเรื่องราวจะแตกต่างจากอนิเมะโดยสิ้นเชิง โดยมาโกโตะแอบชอบโคโตโนฮะ แต่ไม่กล้าบอก พอเซไคมาเห็นในกล้องมือถือของมาโกโตะก็รู้ว่ามาโกโตะชอบโคโตโนฮะ เซไคจึงอาสาเป็นแม่สื่อให้ และกระตุ้นให้มาโกโตะจีบโคโตโนฮะ หากแต่หลังจากนั้นเซไคกลับรุกเข้าหามาโกโตะ จนมาโกโตะ งง ว่าทำไมเซไคถึงทำแบบนี้ เซไครักเขาหรือเปล่า?  จนมาโกโตะเลือกไม่ถูกว่าเขาจะเลือกใครดีระหว่างเซไคหรือโคโตโนฮะ สุดท้ายมาโกโตะเลือกโคโตโนฮะ ซึ่งเซไคบอกว่าไม่เป็นไรแต่ขอให้มาโกโตะรักโคโตโนฮะอย่างจริงจังอย่าทำให้เธอร้องไห้เด็ดขาด

                    เรื่องราวเหมือนจะจบดีๆ แต่กลายเป็นว่ามาหักมุมตอนท้าย เมื่อจู่ๆ โคโตโนฮะกลายเป็นสาวโรคจิตยันเดระ ใช้มีดเลื่อยหวังไล่ฆ่าเซไค หากแต่มาโกโตะช่วยเหลือเซไคได้ทัน หากแต่เขาได้รับบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเซไคพยาบาล เขานั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวของโคโตโนฮะบอกว่าพี่สาวของเธอถูกใครไม่รู้แทงเลือดไหลไม่หยุดในบ้านของเธอเอง ระหว่างที่มาโกโตะตกตะลึงอยู่นั้นเขาก็เหลือบไปเห็นมีดในกระเป๋าเซไคเข้า ตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครแทงโคโตโนฮะ จากนั้นเซไคก็มองเขาด้วยสีหน้าเหมือนคนโรคจิต เซไคบอกกับมาโกโตะว่าเธอรักเขา ฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป.....

                    เนื้อหาในมังงะเล่ม 2 ไม่ได้เน้นเรื่องชีวิตในวัยเรียน ไม่ได้เน้นมาโกโตะหื่น หรือฉากมีเพศสัมพันธ์ หากแต่กับเน้นอารมณ์การหักมุมจากรักใสๆ กลายเป็นการ์ตูนโรคจิต  ที่น่าสนใจคือประเด็นของการ์ตูนได้นำเสนอว่ามาโกโตะตัดเรื่องหื่นๆ ลง เขาก็จะกลายเป็นคนโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยแม้กระทั่งจนจบเรื่อง ดีๆ นี่เอง เขาไม่รู้เลยว่าเซไคเป็นคนบ้า โคโตโนฮะก็เป็นคนบ้าระยะหนึ่งที่เขาห่างเหินกับเธอ ความผิดพลาดในการมองคนไม่ออกของมาโกโตะนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมในตอนท้ายเรื่อง

                    School Days ไม่ใช่การ์ตูนที่ดูเพื่อความรู้สึกสนุก หากแต่ดูเพื่อเกลียดและเกลียดมาก ดูว่าโลกนี้ไม่ด้วยสดใสสวยงามอย่างที่คิด  ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่หลายเว็บจะให้คะแนนการ์ตูนเรื่องนี้แตกต่างกัน บางเว็บให้คะแนนต่ำติดดิน บางเว็บให้คะแนนเต็ม

    คำถามต่อมาคือ เราได้อะไรกับ School Days ??

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น School Days เป็นการ์ตูนที่สะท้อนปัญหารักในวัยเรียนที่เกินขอบเขตศีลธรรมซึ่งเป็นปัญหาสังคมของญี่ปุ่นในขณะนี้ ไม่สิมันน่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้แต่ไทยเองก็เกิดปัญหาเช่นนี้ในการ์ตูน จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม หากแต่ปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้น บ้านเรามักถูกปกปิดมากกว่าเอามาเผยแพร่ตีแผ่ให้สังคมรับรู้ School Days  แม้จะเป็นการ์ตูนเก่า แต่เนื้อหาและสถานการณ์ที่การ์ตูนไม่ตกยุคตกสมัยเลย คุณสามารถนำการ์ตูนเรื่องนี้มาหยิบยกมาเป็นประเด็นในการพูดสัมมนาในที่ประชุมในแต่ล่ะโรงเรียน สมมุติเอาเป็นหัวข้อ “School Days กับสังคมไทย”  เห็นไหมว่ามันเข้ากันดีขนาดไหน

    School Days นั้นมีข้อคิดต่างๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่สะท้อนปัญหารักในวัยเรียน เราสามารถแยกย่อยเอาไว้ดังต่อไปนี้

                                       
                    มาโกโตะผู้ชายเลวๆ ที่ไม่สมควรให้อภัย ปกติแล้วพูดถึงพระเอก เราจะมักพูดถึงพระเอกที่เป็นคนดีที่หนึ่ง มีคุณธรรม ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ และมีความเก่งกาจ หากแต่ไม่ใช่สำหรับมาโกโตะแน่นอน เพราะมาโตะนี้มีพฤติกรรมที่ไม่ใช่พระเอกคนดี หลายคนจดจดเขามีเป็นพระเอกที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ  สมควรตายเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่มีใครเถียงว่าพระเอกคนนี้มีข้อดีเลยแม้แต่น้อย (เพราะถ้าเถียงว่าพระเอกมีข้อดี คนอื่นจะมาว่าคนที่มาเถียงแสดงว่ามีพฤติกรรมเหมือนมาโกโตะ)

    หลายคนเกลียดมาโกโตะจริงๆ หากสมมุติเราตั้งกระทู้ว่าพระเอก(ด้านมืด)ในการ์ตูนเรื่องไหนที่เราเกลียดมากที่สุด หลายคนจะโหวตมาโกโตะอย่างท่วงท้น แม้จะมีหลายตัวเลือกก็ตาม

    น่าแปลกใจ เพราะเหตุใด มาโกโตะถึงกลายเป็นบุคคลที่หลายคนรังเกลียด ในเมื่อมาโกโตะไม่เคยฆ่าใครตาย ไม่ได้เป็นทรราช ไม่ได้มีพลังวิเศษชั่วร้าย ไม่ได้ก่อการร้าย ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย ความชั่วร้ายอาจน้อยพระเอกเรื่องอื่นๆ ด้วยซ้ำ  มาโกโตะเป็นเพียงคนเจ้าชู้หลายใจ เอาใครไม่เลือกหน้า มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน แต่เขาก็ไม่เคยข่มขืนใคร ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะล้วนยินยอมทั้งสิ้น แน่นอนครับในแง่กฎหมายมาโกโตะไม่เลวหรอกครับ หากแต่สิ่งที่ทำให้หลายคนสาปแช่งคนดูมากที่สุด ก็คือมาโกโตะนั้นได้เล่นกับความรู้สึกผู้ดูได้อย่างอยู่หมัด เพราะการกระทำมันช่างละม้ายคล้ายกับคนเจ้าชู้หลายใจในสังคมของเราเหลือเกิน

    มาโกตะออกมาครั้งแรกนั้นเมื่อผู้ชายธรรมดาทั่วไป  แต่เชื่อเปล่าครับว่าปกติแล้วมาโกโตะนั้นเป็นคนที่อ่อนโยนและมีจิตใจดี ตามสูตรพระเอกแนวฮาเร็มจีบสาว แม้จะมีข้อเสียบ้าง คือเป็นคนไม่เด็ดขาด ไม่สามารถติดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่กล้าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  โดยเฉพาะการเลือกคบผู้หญิง โอเคครับพระเอกแนวจีบสาวแบบนี้ก็มีเยอะครับ หากแต่ไม่เลวเท่ากับมาโกโตะแถมคนดูอยากเป็นพระเอกแนวฮาเร็มด้วยซ้ำ

    แล้วมาโกโตะแตกต่างจากพระเอกในฮาเร็มเหล่านี้ตรงไหน ง่ายๆ ก็คือสิ่งที่มาโกโตะมีความแตกต่างจากพระเอกแนวฮาเร็มก็คือ มาโกโตะตีค่าผู้หญิงเป็นเรื่องบำบัดอารมณ์ทางเพศของเขาเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบ ฟันผู้หญิงไปทั่วโดยไม่เคยเข้าใจจิตใจของผู้หญิงคนใดเลย  ทั้งๆ ที่ผู้หญิงเป็นเพศแม่แต่มาโกโตะก็ไม่เคยสำนึกในเรื่องนี้เลย  และเมื่อถึงจุดไร้ทางออกมาโกโตะจะตกอยู่ภายใต้การถูกควบคุมอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดเลยคือโคโตโนฮะที่ควบคุมมาโกโตะได้อย่างอยู่หมัดในช่วงท้าย ทำให้มาโกโตะเป็นผู้ชายที่ห่วยแตกและน่าสมเพสไม่สมเป็นผู้ชายแม้แต่้น้อย

    ตลอดเรื่องราว มาโกโตะเป็นพวกสัตว์ป่าบ้ากามมีตัณหาราคะ มีพฤติกรรมความต้องการทางเพศ ซึ่งศัพท์ที่อธิบายความต้องการทางเพศของมาโกเรียกว่า “Polyamory” ซึ่งหมายถึง การมีชู้ได้ครั้งละหลายๆ คน โดยมีการยินยอมระหว่างกัน หากแต่ไม่ใช่เป็นคู่สมรส หรือเป็นคู่รักกัน ซึ่งโดยปกติแล้วเรื่องชู้แบบนี้สังคมไม่ยอมรับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชายหากมีพฤติกรรมดังกล่าวจะถูกรังเกียจเป็นอย่างมาก

    แม้ว่ามาโกโตะไม่เคยฆ่าคนตาย แต่มาโกโตะก็ฆ่าคนตายทั้งเป็น ซึ่งมันโหดร้ายต่อจิตใจของผู้ดูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจโคโตโนฮะ ทำร้ายจิตใจเซไค หักหลังความเชื่อใจของเซทสึนะ มาโกโตะทำร้ายจิตใจสาวๆ ไปทั่ว  แถมตัวละครที่เหล่านี้ล้วนเป็นคนใกล้ชิดกับมาโกโตะซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นล้วนน่ารักทั้งสิ้น เราได้เห็นตัวละครผู้หญิงที่น่ารักเหล่านี้ต้องร้องไห้ เสียใจ เศร้าหมอง เราอยากเข้าไปปลอบก็ทำไม่ได้ พวกเธอไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ พระเอกที่ควรจะพึ่งได้ กลับกลายเป็นต้นเหตุทำให้พวกเธอเหล่านั้นเสียใจ เป็นใครก็ต้องโกรธสิครับ เอ็งทำให้สาวๆ พวกนี้ร้องไห้ได้อย่างไง นายมันผู้ชายห่วยแตก!!   (ในตอนที่ 11 จะเห็นรายชื่อผู้หญิงในมือถือของเขาถึง 24 คน มาโกโตะฟาดเรียบ)

    ทำไมมาโกตะถึงมีนิสัยแบบนี้ หากดูจากประวัติของมาโกโตะ คำตอบน่าจะอยู่ที่การเลี้ยงดูและสภาพครอบครัวของมาโกโตะว่าเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่น พ่อแม่ของมาโกโตะหย่าร้างมานานหลายปี เขามีชีวิตอยู่กับแม่ในอพาร์เม้นที่ค่อนข้างมีฐานะ ชีวิตสุขสบาย

    แม่ของมาโกโตะนั้นไม่ค่อยอยู่กับบ้าน ทำให้มาโกโตะต้องอยู่คนเดียวในบ้าน ความจริงแล้วแม่ของมาโกโตะภูมิใจลูกชายตนเองที่มีความรับผิดชอบเรื่องงานบ้าน มาโกโตะจึงไม่ได้ถูกเลี้ยงดูแบบละเอียดอ่อนมากนัก มาโกโตะจึงไม่เข้าใจจิตใจของคนอื่น ไม่รู้ว่าผู้หญิงนั้นมีชีวิตจิตใจเป็นอย่างไร ความจริงแล้วมาโกโตะนั้นมีน้องสาวอายุน้อยคนหนึ่ง หากแต่เธออาศัยอยู่กับพ่อ ทำให้เธอไม่ได้อยู่กับมาโกโตะ บางทีหากมาโกโตะอยู่กับน้องสาวเขาก็น่าจะเข้าใจจิตใจของผู้หญิงไม่มากก็ไม่น้อย (ในอนิเมะไม่ปรากฏตัวน้องสาวของมาโกโตะ หากแต่ในเกมนั้นน้องสาวอยู่กับมาโกโตะนานๆ ครั้ง ซึ่งมาโกโตะรักน้องสาวตัวน้อยมาก และเธอมักเตือนสติเขาหลายครั้ง)

     ผลจากการเลี้ยงดูของครอบครัว ทำให้มาโกโตะกลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์และจิตใจ  มองเรื่องเซ็กต์เป็นเรื่องสนุก เห็นว่าเป็นแฟนกันจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ทำแล้วไม่รู้จักคิดว่าจะเกิดผลอะไรตามมา (เช่นมีเพศสัมพันธ์กับเซไคโดยไม่ป้องกัน จนเซไคท้องขึ้น แม้ว่าจนบัดนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเซไคท้องจริงหรือไม่จริงก็เถอะ)

    จริงอยู่ที่ผู้หญิงหลายคนเสนอตัวให้มาโกโตะและมาโกโตะก็ไม่ปฏิเสธที่จะเอากับพวกเธอ อย่างไรก็ตาม หากแต่ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงที่รักมาโกโตะอย่างจริงใจหลายคน แม้มาโกโตะมีผู้หญิงเข้าหาหลายคน มาโกโตะก็สามารถทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นมีความสุขได้  หากแต่มาโกโตะกลับผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการมีผู้หญิงคนใหม่อีก ปัญหาก็เลยเพิ่มตามมา  นานวันก็เริ่มหน้าด้าน (สามารถเอากันในโรงเรียนและที่สาธษรณะได้โดยไม่กลัวคนมาเห็น) และขี้โกหก  ในตอนท้ายมาโกโตะมาโกโตะกลับมาคบโคโตโนฮะเหมือนเดิม หากแต่มองดีๆ นั้นไม่ใช่การสำนึกผิด หากแต่เป็นเพียงมาโกโตะไม่มีที่พึ่ง พอเห็นโคโตโนฮะรักตตนอยู่ก็วิ่งเข้ามาหา โดยไม่สนเลยว่าโคโตโนฮะต้องเจออะไรมาบ้างระหว่างที่เขาทิ้งเธอไป

                    เราคงไม่ปฏิเสธว่าคนอย่างมาโกโตะนั้นมีอยู่ทั่วไปในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ผู้ใหญ่ ทุกช่วงอายุเหล่านี้ล้วนมีพฤติกรรมเหมือนมาโกโตะ หากแต่คนเหล่านี้มักปกปิดตัวเองไม่ให้ใครทั่วไปรู้ ไม่เหมือนมาโกโตะที่พฤติกรรมราคะของถูกแฉลากไส้ เสมือนหนึ่งการถูกเปิดโปงให้สังคมได้รับรู้ มาโกโตะนั้นเป็นผู้ชายที่ห่วยแตกและเจ้าชู้ขนาดไหน ฉากที่ผมเหม็นขี้หน้ามาโกโตะมากที่สุดคือฉากที่มันแก้ผ้าอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองบนเตียงเหมือนในหนังฝรั่งฉากเลิฟซีน ราวกับมันเป็นคนเจนโลก ทั้งๆ ที่มาโกโตะเป็นแค่พวกไม่ได้เรื่อง วันๆ แบมือขอเงินแม่เท่านั้น

                    เมื่อเซไคบอกว่าเธอท้องลูกกับมาโกโตะ มาโกโตะก็โกรธและด่าเซไคอย่างร้ายกาจ ทั้งๆ ที่ตนนั้นเป็นคนผิดทั้งหมด ผิดแล้วไม่เคยสำนึกผิด  ยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้น ผลักปัญหาเหล่านี้ให้กับคนอื่น เอาสบายเข้าว่า ขี้เกียจรับผิดชอบ ทำตัวเองให้สะอาดดูดี ภายใต้หน้าซื่อๆ ไม่รู้สึกรู้สมเป็นคุณเห็นคนแบบหน้าลอยหน้าลอยตาบนสังคมจะไม่เกลียดมันเลยเหรอครับ?

                    สุดท้ายมาโกโตะก็ถูกฆ่า การตายของมาโกโตะไม่มีใครสงสารเลยแม้แต่น้อย เสมือนหนึ่งข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ผู้หญิงฆ่าคนรักของตนเพราะนอกใจหรือสามีมีชู้ คนที่อ่านข่าวก็รู้สึกสะใจเหยื่อผู้ชายดังกล่าวไม่มากก็ไม่น้อย หากแต่เมื่อถึงระยะหนึ่งข่าวก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพราะเราไม่รู้เรื่องราวละเอียดเบื้องลึกของข่าว แต่เรื่องราวของมาโกโตะนั้นถูกเล่าขานไม่รู้จบ เพราะเราทราบเรื่องราวของมาโกโตะตั้งแต่ต้นจนจบ เรามีอารมณ์ร่วมรู้สึก เหมือนตัวละครเหล่านี้มีชีวิตอยู่จริงในสังคมของเรา ไม่ใช่แฟนตาซีหรือเรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด

                     
                    เซไคผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า นอกเหนือจากมาโกโตะแล้ว ดูเหมือนหลายคนจะเกลียดเซไคไม่แพ้มาโกโตะ ในฐานะผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อีกทั้งยังมีพฤติกรรมทำตัวเป็นแม่สื่อแล้วแอบแทงเพื่อนอยู่ข้างหลัง พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็ฯที่รังเกียจมากในสังคม สุดท้ายก็ได้รับผลกรรมและตายอย่างสยดสยอง (น่าแปลกมากที่ไม่มีใครกล่าวถึงเพื่อนพระเอกแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่วีรกรรมชั่วยิ่งกว่ามาโกโตะและเซไคมาก)

    ผมค่อนข้างเจ็บปวดที่หลายคนด่าเซไค เพราะว่าผมเป็นคนชอบเซไคคนหนึ่ง  ด้วยหน้าตา และนิสัย เหมือนเพื่อนสมัยเด็ก อีกทั้งเธอช่างเข้ากับกางเกงในลายทางสีขาวสลับฟ้าเสียงจริง น่ารักมาก เหตุใดกันน่อมาโกโตะถึงไม่สนใจเซไค (และโคโตโยฮะ) และไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นอีก

    เซไคนั้นมีนิสัยตรงข้ามกับโคโตโนฮะ คือเป็นคนร่าเริง สดใส ขี้เล่น มีเพื่อนเยอะ เอาใจใส่เพื่อน ห่วงใยเพื่อนๆ  ในด้านสถานะครอบครัวนั้นเธอเหมือนมาโกโตะคืออาศัยอยู่กับแม่ และสถานะการเงินไม่ดีสักเท่าไหร่ เซไคเองจึงต้องทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสริฟอาหารในร้านอาหารครอบครัว (อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี ช่วยเหลือครอบครัวทำมาหากิน) พูดง่ายๆ เธอก็เป็นผู้หญิงที่พบเห็นทั่วไปในสังคม และเป็นคนดีที่น่ายกย่อง ใครๆ ก็อยากคบเป็นเพื่อนด้วย อย่างไรก็ตามสาวน้อยคนดีคนนั้นก็ได้เรื่องผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่านำไปสู่โศกนาฏกรรมด้วยสาเหตุเกิดจากความรักและอารมณ์ชั่ววูบทั้งสิ้น

    ตอนแรกที่เซไคโผล่ออกมาเธอได้เห็นภาพโคโตโนฮะที่หน้าจอมือถือของมาโกโตะ เซไครู้ทันทีว่ามาโกโตะแอบชอบโคโตโนฮะ เธอเลยอาสาเป็นแม่สื่อให้ จนกระทั่งมาโกโตะสามารถจีบโคโตโนฮะได้สำเร็จ หากแต่แล้วเซไคกลับทำเรื่องช็อกกับคนดู เมื่อเธอจูบกับมาโกโตะ!! ซึ่งนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งแรกของเซไค

    ความจริงแล้วสาเหตุที่เธอเป็นแม่สื่อให้มาโกโตะจับคู่กับมาโกโตะตอนแรกเธอก็คิดเพียงแค่ว่าอยากให้มาโกโตะมีความสุข ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วเธอชอบมาโกโตะ หากแต่แล้วนานวันเธอก็พบตนเองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ การจูบของเซไคนั้นผมเชื่อว่าเซไคทำแบบนี้เพราะเธอห้ามใจตนเองไม่อยู่ อารมณ์ชั่ววูบ เห็นชายที่แอบชอบผู้หญิงคนอื่นแถมจีบสำเร็จอีก (ทั้งๆ  ที่เธอเป็นแม่สื่อแท้ๆ) อย่างน้อยก็ขอจูบก็ดี ขอเก็บความทรงจำโลกเป็นสีชมพูหน่อยเถอะ

    หากแต่ต่อมา มาโกโตะก็พบว่าการจีบโคโตโนฮะนั้นมันยากจนเขารู้สึกเบื่อหน่าย  ตรงนี้เซไคก็น่าจะรู้ตัวว่ามาโกโตะนั้นเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่องห่วยแตกแล้ว แต่เซไคก็ยังแอบรักมาโกโตะอยู่ ซ้ำยังใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้รุกเข้าหามาโกโตะ ด้วยการเสนอเอาตัวเลือกฝึกพิเศษให้มาโกโตะลวนลาม จนมาโกโตะเกิดความคิดเลิกสนใจโคโตโนฮะแล้วเข้าหาเซไคดีกว่าเพราะจีบง่ายดี  และนี่คือความผิดพลาดครั้งที่สองของเซไค เพราะสอนอะไรผิดๆ ให้แก่มาโกโตะ

     ต่อมาเซไคก็จิตใจอ่อนไหวต่อคำที่แสนหวานของมาโกโตะ บอกว่าเขารักเธอมากกว่าโคโตโนฮะ จนเซไคยินยอมมอบความบริสุทธิ์ของตนให้แก่มาโกโตะ นั้นคือความผิดพลาดอีกครั้งที่ 3 เซไคคิดเอาเองว่าการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถผูกมัดทำให้อีกฝ่ายรักตนได้ การหลับนอนกับผู้ชายทำให้รักเรามากขึ้น  หากแต่เซไคไม่รู้ว่าผู้หญิงเรานั้นสิ่งสำคัญคือความบริสุทธิ์ที่ทำให้ผู้ชายหลงใหล เมื่อเซไคสูญเสียความบริสุทธิ์อย่างง่ายดาย ทำให้เซไคลดคุณค่าของตนเองลง อีกทั้งทำให้มาโกโตะตีค่าผู้หญิงเพียงแค่วัตถุทางเพศ โดยไม่สนในการสร้างความสัมพันธ์หรือความรัก

    หลังจากนั้นเซไคก็มีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะเกือบทุกวัน และไม่มีการปกป้องกัน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งที่ 4 ของเซไคที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา

    เซไคยอมหักหลังโคโนโนฮะเพื่อครอบครองมาโกโตะ สุดท้ายเวรกรรมตามทันเพราะเซไคเชื่อใจมาโกโตะมากเกินไป มาโกโตะจึงนอกใจเซไคบ้าง เซไคถึงกับช็อกเพราะเธอลงแรงกายและใจไปกับมาโกโตะมาก แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการการหักหลังความเชื่อใจจากมาโกโตะ

    ต่อมา เซไคก็บอกว่าท้องกับมาโกโตะต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น (ซึ่งไม่รู้ว่าท้องจริงหรือเปล่า?) นี่คือจุดผิดพลาดครั้งที่ 5 ของเซไค เพราะปกติแล้วผู้ชายนั้นเป็นพวกที่ชอบเก็บความลับ เกลียดการถูกแฉลากไส้ต่อหน้าคนอื่น (ดราม่าในกระทู้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้) การที่ไซไคเอาเรื่องนี้ไปบอกมาโกโตะต่อหน้าเหล่าเพื่อนในห้องเรียน ถือว่าเป็นเรื่องหักหน้ากับมาโกโตะมาก หากเซไคเอาเรื่องนี้พูดคุยกับเขาสองต่อสอง หรือเอาเรื่องนี้คุยกับแม่ของเซไคไม่ก็มาโกโตะเรื่องนี้คงไม่เกิด น่าแปลกใจทำไมเซไคไม่เอาเรื่องเหล่านี้ปรึกษากับครอบครัว แต่ดันเอาเรื่องนี้ไปพูดกับเพื่อน (ฮิคาริ) การ์ตูนเหมือนสะท้อนความล้มเหลวของครอบครัวที่ผู้ปกครองไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาปัญหาของลูกได้อีกต่อไป ทำให้เด็กไม่มีทางออกและใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา 

                    เมื่อเซไคถูกมาโกโตะพูดจาโหดร้าย และพบกับปัญหาที่เด็กสาวคนหนึ่งจะแก้ไขได้ สิ่งที่ผมทำต่อไปก็คือการฆ่ามาโกโตะด้วยอารมณ์ชั่ววูบแบบสสติแตก และนี่คือความผิดพลาดสุดท้ายของเซไค ที่ระบายความแค้น ผลสุดท้ายเธอก็พบโศกนาฏกรรมที่สยองสุดขีด

    อารมณ์ชั่ววูบนั้นคือความคิดแวบหนึ่งซึ่งเจ้าของความคิดไม่อาจควบคุมตัวเองได้ คนเราเมื่อถูกอารมณ์ครอบงำก็จะกระทำอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงออกไป (อาจทำดีอยู่บ้าง แต่ร้ายเยอะกว่า) จริงอยู่สิ่งที่เซไคได้จากการฆ่ามาโกโตะคือความสะใจ หากแต่เมื่อสติกลับคืนมา เซไคก็พบว่ามันก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด  ซ้ำยังทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีก เซไคผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย

    น่าสงสารเซไคจากเด็กสาวที่แสนสดใสกับเสียผู้เสียคนกับเจ้าพระเอกห่วยแตก แม้ว่าเธอจะผิดส่วนหนึ่งแต่ยังไงเธอก็น่าสงสารอยู่ดี ความรักทำให้คนเราตาบอด ความรักทำให้เราตัดสินอะไรไม่รู้จักคิด เมื่อผิดหวังในความรัก ความโกรธก็เข้ามาแทนที่และตัดสินใจทำอะไรที่ผิดพลาดชั่ววูบจนไม่สามารถกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก เซไคอาจเหมือนผู้หญิงวัยรุ่นที่รัผู้ชายแบบเสียตัวโดยไม่ทราบผลที่ตามมา เมื่อเธอท้องก็มืดแบบด้าน สุดท้ายก็โดนคนรักทิ้ง เป็นเหตุทำให้ทะเลาะกันและฆ่ากันด้วยอารมณ์ชั่ววูบโดยไม่รู้ผลที่ตามมา สุดท้ายก็ติดคุกและเสียอนาคตที่สดใสในที่สุด

    เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแสนลำบาก เมื่อผู้หญิงเสียตัวก็มีแต่เสียกับเสีย ส่วนผู้ชายนั้นแทบไม่เสียอะไรเลย ความจริงของโลกที่ผู้หญิงควรระลึกเอาไว้ เวลาจะคบชายคนไหน เวลาจะมีเพศสัมพันธ์กันก็คิดให้ละเอียดรอบคอบ หรือควรป้องกันก่อนทุกครั้ง ไม่งั้นเรือสวยแน่นอน

                    
                
    โคโตโนฮะผู้น่าสงสาร
    โคโตโนฮะนั้นเป็นตัวละครที่น่าสงสารไม่ว่าอนิเมะหรือในเกม บทบาทของโคโตโนฮะล้วนสะเทือนใจต่อผู้ดูทั้งสิ้น ตอนแรกนั้นมาโกโตะได้พบว่าโคโตโนฮะอยู่ในขบวนรถไฟไปโรงเรียนเดียวกับเขา มาโกโตะไม่รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย รู้ว่าเธออยู่คนล่ะห้อง และเขาก็รายละเอียดของเธอเลยแม้แต่น้อย  แต่มาโกโตะนั้นแอบหลงรักเธอแบบเงียบๆ ได้แค่มอง แต่ไม่กล้าเข้าไปคุย จนเซไคอาสาเป็นแม่สื่อให้ทั้งคู่รู้จักกัน

                   โคโตโนฮะเป็นผู้หญิงผมยาวน่ารัก น่าทะนุถนอม เป็นหนอนหนังสือ เงียบๆ อ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย และรับผิดชอบต่องานโดยเฉพาะสมาชิกสภานักเรียน อย่างไรก็ตามเพราะนิสัยเงียบๆ นั้นเองทำให้ไม่มีใครอยากคบเธอมากนัก อีกทั้งเธอมีจิตใจที่ที่ละเอียดออ่อนมากไม่สามารถเผชิญหน้ากับความเครียดต่างๆ ได้ ซึ่งปกติเธอมักเครียดจากการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนอยู่แล้ว พอมีเรื่องรักเข้ามาเธอก็ยิ่งสติแตกเข้าไปใหญ่

    โคโตโนะฮะนั้นมีนิสัยกลัวผู้ชาย ซึ่งในเรื่องไม่ได้บอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่เชื่อว่าน่าจากครอบครัวที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวและแม่ ไม่ได้อยู่กับพ่อมากมายนัก ครอบครัวของโคโตโนฮะมีฐานะร่ำรวย แม้ว่าพ่อของเธอทำงานไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องทำงานที่อื่น แต่กระนั้นครอบครัวก็อยู่อย่างอบอุ่น มีแม่และน้องสาวอีกทั้งการใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงในครอบครัวทำให้ ยังรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่กับเพศตรงข้าม เมื่อมาโกโตะเข้ามาในชีวิตของโคโตโนฮะ เธอไม่รู้จะวางตัวอย่างไร (พ่อแม่ของโคโตโนฮะสนับสนุนให้ทั้งคู่คบกันแล้ว) คบกันไม่นานโดนเซไคพูดว่ามาโกโตะเป็นคนดีนิดหน่อย โคโตโนฮะก็เกิดความรู้สึกชอบกับมาโกโตะและหันมาคบกับมาโกโตะในที่สุด

     ต่อมามาโกโตะพบว่าการคบกับโคโตโนฮะรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะโคโตโนฮะนั้นรักนวลสงวนตัวมากเกินไป  การคบต้องเป็นทีละขั้นตอน เดี๋ยวไปเที่ยว เดี๋ยวให้ไปเยี่ยมครอบครัวของโคโตโนฮะที่บ้าน มันยุ่งยาก ทำให้มาโคโตะเลิกคบโคโตโนฮะ หันมาคบกับเซไคดีกว่า เพราะเซไคเข้าหาได้ดี แถมตอบสนองอารมณ์หื่นด้วย

    อนิจจาทำไมผู้หญิงรักนวลสงวนตัวมันผิดด้วยเหรอ?  การคบกันโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมันผิดด้วยเหรอ? การสร้างความสัมพันธ์ทางจิตใจของกันและกันอย่างช้าๆ มันผิดด้วยเหรอ? การที่โคโตโนฮะเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ไม่เข้าสังคมมันผิดด้วยเหรอ? ถึงได้ เป็นที่หมั่นไส้ในเพื่อนร่วมห้องเชียวเหรอ (โคโตโนฮะถูกเพื่อนบอยคอตอยู่ก่อนแล้ว หากแต่มาหนักขึ้นเมื่อหัวโจ๊กโอโตเมะเห็นเธอคบมาโกโตะจึงรู้สึกอิจฉา) ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีงามในสังคม แต่ถูกหาว่าเชย

    หลังจากนั้นมาโกโตะเลิกคบโคโตโนฮะ แต่มาโกตะกลับไม่พูดว่าขอเลิก ทำได้แต่เงียบๆ จนโคโตโนฮะคิดว่ามาโกโตะรักตนอยู่  เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้มาโกโตะหันมาสนใจเธอบ้าง หากแต่นับจากนั้นโคโตโนฮะก็พบแต่เรื่องดราม่า  ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งจากกลุ่มเพื่อนของโอโตเมะ  (ในเกมนั้นโคโตโนฮะโดนรังแกโหดร้ายกว่าในอนิเมะมาก ไม่ว่าจะ ยัดขยะในชั้นวางรองเท้า เขียนล้อเลียนบนโต๊ะ เป็นโยนภาระงานโรงเรียนให้โคโตโนฮะจัดการคนเดียว) หรือถูกกีดกันจากเพื่อนของเซไค (ทั้งๆ ที่ตอนแรกเป็นเพื่อนกันแท้ๆ) ส่วนมาโกโตะไม่ทราบอะไรเลยทั้งๆ ที่เป็นตัวต้นเหตุ

    โคโตโนฮะถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน อาจไม่เคยประสบพบเจอเรื่องหนักหนาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ความผิดหวัง หรือล้มเหลวในความความรัก  เมื่อจิตใจอันเปราะบางของโคโตนฮะแตกสลาย เธอก็ซึมเศร้า กลายเป็นสาวน้อยที่ไร้จิตใจไป   ยิ่งโคโตโนฮะโดนข่มขืนโดยเพื่อนของมาโกโตะด้วยแล้ว จิตใจของโคโตโนฮะยิ่งบอบซ้ำขนาดหนัก การถูกทิ้งถูกรังแกก็ว่าแย่แล้ว มาโดนข่มขืนอีกจิตใจยิ่งแตกสลาย สติกระเจิงไปใหญ่ ซึ่งไม่เชื่อเลยว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นในเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง มันน่าจะเอามาทำละครน้ำเน่าในไทยสักเรื่อง

                    สุดท้ายโคโตโนฮะก็กลายเป็นสาวยันเดเระ  (Yandere) ว่ากันว่าโคโตโนฮะนั้นเป็นสาวยันเดเระที่หลายคนรู้จักมากที่สุด (พอๆ กับยูโนะในการ์ตูนเรื่องบันทึกอนาคต) เพราะโคโตโนฮะมีพฤติกรรมยันเดเระสมบูรณ์แบบครบถ้วนมากที่สุด คือตอนแรกๆ มีนิสัยชอบเขินอาย แต่เพราะมีความรักมากเกินไป รักมากจนทำให้เกิดความเครียดสะสมจนกลายเป็นโรคจิตอ่อนๆ ถึงรุนแรง เริ่มแรกพูดคนเดียวซ้ำไปซ้ำมา เริ่มทำตัวลึกลับ เริ่มจินจนาการต่างๆ นาๆ ว่าตัวเองกับคนที่ชอบรักปานจะกลืนกิน เกิดความกลัวหรือความกังวลว่าใครจะมาแย่งคนรักหรือกลัวอะไรที่จะทำให้แยกจากคนที่เรารักได้ จนกลายเป็นความหึ่งจัดที่อาจทำให้ทำร้ายตนเอง คนรอบข้าง หรือคนรัก ทั้งนี้ก็เพื่อการได้ความรักที่ตนหวัง สิ่งใดขัดขวาง มันต้องถูกทำลาย (แม้ว่าโคโตโนฮะจะอ่อนกีฬา แต่เรื่องศิลปะต่อสู้แล้ว เธอเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะฟันดาบ ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงสามารถฆ่าเซไคได้ง่ายดายและรวดเร็ว)

                    บางครั้งคนเราไม่ควรผูกยึดติดอะไรมากเกินไป โดยเฉพาะความรัก เมื่อพบว่าคนที่เราชอบไม่รักตนแล้ว ควรหลีกห่าง เพราะอยู่ไปมีแต่ทุกข์ต่างๆ  และหันมาคบกับชายคนดีๆ แทน (เช่นผมเป็นต้น แต่อย่าเอาเพื่อนมาโกโตะล่ะ) ไม่ใช่ว่ารักจนไม่ลืมหูลืมตา สร้างเรื่องเพ้อเจ้อ ยิ่งรักมากก็ยิ่งขาดสติมาก จนผลสุดท้ายก็เกิดผลเสียไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

     เหมือนกรณีของมาโกโตะและเซไค โคโตโนฮะไม่นำปัญหาเรื่องในโรงเรียนปรึกษากับครอบครัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่แม่ของโคโตโนฮะนั้นอยู่บ้านตลอดเวลา (ต่างจากแม่ของมาโกโตะและแม่ของเซไคไม่ค่อยอยู่บ้าน) แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวสถาบันของครับครัวเป็นอย่างดี โดยไม่เกี่ยวกับฐานะ หากดูแลลูกไม่ดี ไม่เอาใจใส่ พ่อแม่ไม่สามารถเป็นพึ่งได้ เด็กก็ขาดทางออก เด็กทั้งสามมีปัญหาเรื่องความรัก จนลืมความรักของครอบครัว นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ผิดๆ จนเกิดโศกนากฏกรรมรักสามเศร้าดังกล่าว (ในอนิเมะตอนที่ 8 ยังจำฉากที่มาโกโตะจูบกับโอโตเมะบนเตียงในห้องมืดได้หรือเปล่า ความจริงเตียงนี้มาโกโตะจะต้องมีเพศสัมพันธ์กับโคโตโนฮะและถูกแอบฉาย และแฉวีดีโอแอบถ่ายต่อหน้าพวกนักเรียนหญิงและโคโตโนฮะด้วย หากแต่โคโตโนฮะกลับรู้สึกอายและยิ้มๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งซีนดังกล่าวมักพบจุดจบไม่ดี เช่น โคโตโนฮะโดดตึกตาย)

     
                     ไทสุเกะ
    ผู้ที่ไม่เคยรับโทษทัณฑ์ ในขณะที่หลายนคนเกลียดมาโกโตะ สาปแช่งมาโกโตะไม่ผุดไม่เกิด แต่กระนั้นยังมีตัวละครหนึ่งในเรื่อง School days ที่หลายคนอาจลืมแล้ว นั้นคือไทสุเกะเพื่อนของมาโกโตะทั้งที่มีพฤติกรรมเลวร้ายยิ่งกว่ามาโกโตะ  อีกทั้งยังไม่ได้รับบาปกรรมอะไรเลย (แต่ทำไมช่วงท้ายเรื่องผมไม่เห็นมันหว่า?)

                    ไทสุเกะ ซาวางาวะ เป็นเพื่อนสนิทของมาโกโตะ ในขณะที่มาโกโตะจะเป็นคนเงียบๆ หากแต่ไทสุเกะกลับเป็นคนที่ชอบพูดมาก หื่น ภายนอกเหมือนมีอัธยาศัยดี มีความอิจฉามาโกโตะที่มีดวงเรื่องผู้หญิง

                    ไทสุเกะนั้นไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก แต่ตอนแรกจะมาเหมือนเรียบๆ ตามประสาทตัวละครเพื่อนพระเอก พูดคุยกับพวกผู้หญิงอย่างเป็นกันเอง หากแต่แล้วในตอนที่ 9 ในช่วงท้ายของเทศกาลในโรงเรียน เพื่อนพระเอกของมาโกโตะคนนี้ก็ทำเรื่องช็อกความรู้สึกของคนดู เมื่อไทสุเกะข่มขืนโคโตโนฮะแทนที่จะเข้ามาปลอบใจ

                    ไทสุกะเป็นคนธรรมดาๆ ทั่วไป เขามีน้องสาวคนหนึ่ง หากแต่กลับไม่เข้าใจจิตใจผุ้หญิงเหมือนมาโกโตะ แสดงให้เห็นว่าไทสุกะนั้นเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถทนต่อแรงขับจิตใจที่อยากได้ผู้หญิงที่เราแอบชอบ เห็นโอกาสอยู่ตรงหน้าก็เข้าหาทันที โดยไม่สนใจจิตใจผู้หญิงแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ไทสุกะมีคนแอบชอบคือฮิคาริ หากแต่เขากลับปฏิเสธความรักนั้น (ดีแล้วล่ะที่ฮิคาริไม่รักเจ้าหมอนั้น)  แสดงให้เห็นว่าบางครั้งครอบครัวและการเลี้ยงดูก็ไม่ได้สามารถกำหนดนิสัยของคนให้เป็นคนดีได้  หากแต่อยู่ที่สันดานของคนเสียมากกว่า

                    ในขณะที่คนเจ้าชู้มักถูกฆ่าเพราะผู้หญิงแล้วขึ้นข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งประจำ (คนเจ้าชู้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดศิลธรรม และถูกฆ่า) หลายคนประณามและรู้จักพวกเหล่านี้มากกว่า หากแต่สำหรับพวกข่มขืนผู้หญิงแล้วมีในสังคมจำนวนมากกลับไม่ได้รับโทษ (ไม่ถูกจับหรือถูกฆ่าอะไรเลย) สาเหตุก็เพราะเหยื่อผู้หญิงที่ถูกข่มขืนไม่กล้าแจ้งความ หรือให้เป็นประโยคต่อรูปคดี เพราะอับอาย ในภาพยนตร์เราก็เห็นบ่อยๆ พวกข่มขืนมักมีทนายดีมาแก้ต่างจนสามารถรอดพ้นกฎหมายหลายครั้ง จนเจ้าทุกข์ต้องอับอายและร่ำไห้ต่อชั้นศาลที่ไม่สามารถเรียกร้องหาความยุติธรรมอะไรได้  เมื่อเรื่องเงียบหายก็ก่อเหตุข่มขืนอีกครั้งเป็นแบบนี้เรื่อยไป

    ไทสุกะเปรียบเสมือนพวกข่มขืนผู้หญิง ยัดเยียดความใคร่ของตนเองแก่ผู้หญิงที่ไร้ทางสู้และกำลังผิดหวังความรัก (เหมือนพวกส้มหล่นเจอสาวพึ่งโดนหักอกมาก็เข้าไปงาบ)  ที่เลวร้ายคือไทสุกะได้ทำร้ายจิตใจแล้วสร้างบาดแผลให้แก่โคโตโนฮะอย่างโหดร้าย แต่ไทสุเกะกลับไม่ได้รับบาปกรรมอะไรเลย เขายังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังมาเรียนตามปกติ อีกทั้งรอดตัวไม่ถูกด่าเสียๆ หายๆ เพราะเรื่องของมาโกโตะกลับเป็นที่ลือลั่นไปทั่วโรงเรียนแทน คนแบบนี้อยู่ในสังคมทั่วไปจริงๆ (ผมเคยมีเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่ง เล่าเรื่องข่มขืนเหมือนเป็นเรื่องสนุก โดยเจ้าทุกข์ไม่เคยแจ้งความจับเจ้าหมอนี้เลยแม้แต่น้อย)

    ในเกม School Days นั้นมีหลายเส้นทาง ที่พฤติกรรมของไทสุเกะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ที่เจ็บปวดคือ หากเราไม่สนใจโคโตโนฮะ ไทสุเกะจะมาเสียบและจีบโคโตโนฮแทนเรา และเราจะเห็นฉากมีเพศสมัพันธ์กับโคโตโนฮะ โดยเฉพาะเส้นทางที่เราได้กับฮิคาริ   ซึ่งตามความคิดเห็นแล้วช่างน่าสะอิดสะเอียน สงสารโคโตโนฮะเหลือจะกล่าว เพราะมองด้านไหน เจ้าไทสุกะไม่เห็นเป็นคนดีแม้แต่น้อย การที่ใครได้หมอนั้นเป็นคู่ครองถือว่าตกนรกทั้งเป็นจริงๆ พับผ่า  (บางเส้นทางหากเราเลือกคำตอบดีๆ ตอนท้ายโคโตโนฮะจะเลิกไทสุกะแล้วหันมาชอบมาโกโตะ)

     ในอนิเมะฉากสุดท้ายที่ไทสุเกะปรากฏ คือหลังจากนั้นไทสุเกะข่มขืนโคโตโนฮะแล้ว เขาก็พยายามที่จะคบโคโตโนฮะเป็นแฟน แต่อนิจจามันไม่ใช่ละครไทย การข่มขืน การได้เสียกันไม่ได้ครองใจแก่โคโตโนฮะแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ถูกโคโตโนฮะปฏิเสธอย่างไร้เยื้อใย โดยไทสุเกะยังคงสับสนไม่รู้ทำไมเขาไม่พิชิตใจโคโตโนฮะไม่ได้ เหตุใดเธอถึงปฏิเสธ เขาได้แต่ร้องไห้สับสนและไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลยตลอดสองตอนครึ่งที่เหลือ  แสดงให้เห็นว่าไทสุเกะไม่มีความสำนึกผิดในสิ่งที่ตนทำอะไรเลยแม้แต่น้อย

     

                   นอกเหนือจากตัวหลักของเรื่อง ยังมีตัวละครสาวๆ อีกหลายคนที่ปรากฏในเรื่องมีมุมมองเกี่ยวกับความรักและเรื่องเพศสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป

    เซทสึนะลึกลับตั้งแต่ต้นจนจบ การกระทำของเซทสึนะนั้นเป็นเป็นสิ่งที่ผมมองไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยตอนแรกนั้นเซทสึนะแสดงให้เห็นความน่ายกย่องคือเป็นผู้เสียสละ ยอมเป็นผู้แพ้ที่ดีในเรื่องความรัก กล่าวคือเปิดทางให้เซไคเพื่อนรักของเธอ สนิทกับมาโกโตะ ทั้งๆ ที่เธอแอบชอบมาโกโตะมานาน อีกทั้งยังเตือนเซไคให้ซื่อตรงกับตัวเอง และพยายามทุกอย่างให้โคโตโนฮะตัดใจกับมาโกโตะ หากแต่สุดท้ายเซทสึนะกลับทำเรื่องช็อกต่อคนดู เมื่อเซทสึนะมีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะ  แม้ว่าเซทสึนะจะกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่าเธอทำแบบนี้เพื่อให้มาโกโตะสัญญาว่าจะไม่คบผู้หญิงคนอื่นนอกจากเซไค แต่สำหรับผมคิดอีกแบบหนึ่งว่าเป็นไปได้ไหมว่าเซทสึนะต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะอยู่ก่อนแล้ว อยากมีประสบการณ์กับคนที่แอบชอบก่อนที่จะเดินทางไปฝรั่งเศส ซึ่งผมมองไม่ออกเลยว่าเซทสึนะต้องการอะไรกันแน่?

     ไม่ว่าเซทสึนะจะคิดอย่างไร เธอทำเพื่อตนเอง หรือเธอทำเพื่อเซไค แต่เซทสึนะน่าจะรู้ (หรือไม่รู้?) ว่าการทำตัวเข้าแลกไม่น่าจะช่วยอะไรได้ เพราะดูยังไงมาโกโตะไม่มีทางรักษาสัญญากับเซทสึนะ เซทซึนะไว้ใจมาโกโตะมากเกินไป  แถมโคโตโนฮะยังเอาเรื่องมาโกโตะกับเซทสึนะมาทำร้ายจิตใจของเซไคอีกต่างหาก บางทีอาจเป็นเพราะเวลามันกระชั้นชิดทำให้เซทสึนะขาดสติความรอบคอบในการตัดสินใจ ความหวังดีกลายเป็นหวังร้าย เซทสึนะจะทำหน้าอย่างไร หากเธอทราบข่าวว่าความพยายามของเธอนั้นล้มเหลว อีกทั้งตัวเธอเป็นอีกหนึ่งที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมรักสามเศร้าที่สะเทือนขวัญอีก แต่ผมเชื่อเธอคงมีจิตใจที่เข้มแข็ง น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อชดเชยความผิดพลาดในอดีตก็เป็นได้

                  การตัดสินใจของโอโตเมะ  โอโตเมะเป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมตบมือกับการตัดสินใจของเธอในตอนท้ายเรื่อง เชื่อเปล่าผมชอบรองจากเซไคน่ะครับ เพราะเธอมีคาแร็คเตอร์เหมือนเพื่อนสมัยแด็ก (แต่โอโตเมะนั้นเป็นเพื่อนมาโกโตะสมัยประถม) แม้ว่าการกระทำของเธอเหมือนการกระทำเด็กนักเรียนหญิงในคลิปบางประเทศที่พาพรรคพวกรุมตบเพื่อนร่วมห้องหญิงคนเดียวในข้อหาแย่งผู้ชาย (พูดง่ายๆ คือเกรียน) อย่างไรก็ตามหากตัดเรื่องเกรียนออก ผมชื่นชมเธอน่ะครับ เพราะเธอเป็นคนตรงและคนจริงจัง โดยเฉพาะความรักกับมาโกโตะ หากแต่เพราะความเป็นคนจริงจังนั้นเองทำให้โอโตเมะขาดสติไปบ้างในตอนแรกที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อมาโกโตะ (เธอคงมีทัศนคติเหมือนเซไคที่เชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์จะสามารถผูกมัดให้ผู้ชายที่ชอบได้)  หากแต่เมื่อได้เสียกับมาโกโตะ เธอก็นึกแปลกใจว่าทำไมมาโกโตะก็หายหน้าไม่มาหาเธออีกเลย เธอเลยพยายามติดต่อกับมาโกโตะอย่างจริงจังจนเพื่อนสนิทสามคนเหม็นขี้หน้าเธอ แถมเจ้าเพื่อนสามคนดันไปตีท้ายครัวเธออีก ทำให้เธอตัดขาดกับเพื่อนสามคนเลยฉะนั้น แต่ผมยินดีน่ะโอโตเมะเลิกคบไปเลยดีกว่าเพื่อนแบบนี้คบไปมีแต่ล่มจม ตอนท้ายเรื่องที่เธอตัดขาดเลิกคบกับมาโกโตะอย่างถวารเมื่อพบว่านิสัยเขาแย่สุดๆ ซึ่งโอโตเมะไม่ได้ถล้ำลึกเหมือนโคโตโนฮะ รายนั้นถล้ำลึกจนกลายเป็นบ้า  บางทีอาจเป็นเพราะโอโตเมะไม่โดนทำร้ายจิตใจมากเท่าไหร่ เธอเลยตั้งสติได้ (และตอนที่ 11 ผมเชื่อว่าหากมาโกโตะพูดกับโอโตเมะดีๆ ว่าเขาจะรับผิดชอบเซไค บางทีโอโตเมะเองก็พร้อมที่อยู่เคียงข้างเขา เ และให้กำลังใจเขาน่ะครับ เพราะเธอก็มีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน หากแต่พอเห็นมาโกตะพูดว่ากรูไม่สนเซไค โอโตเมะถึงขั้นเพลียไม่อยากพูดต่อแล้ว)

    ดูเรื่องของโอโตเมะก็ได้คิดน่ะครับบางครั้งการ “ตัดใจ”  อาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะการตัดขาดจากคนที่เรารัก ยิ่งระยะการคบกันและความผูกพันเคยมีก็ยิ่งยากไปอีก อย่างไรก็ตามการตัดใจนั้นก็สามารถทำได้ง่ายหากเรามานั่งคิดตั้งสติไตร่ตรองว่าเหตุผลที่เราสมคารจะตัดใจกับผุ้ชายคนนี้ได้หรือไม่ การตัดใจของโอโตเมะนั้นเข้มแข็งน่ะครับ แม้จะเสียตัว แต่เธอไม่เสียสติ เธอได้ตัดใจทันทีเมื่อเห็นมาโกโตะห่วยแตก ผมชอบฉากที่เธอเดินและเบอร์มือถือของมาโกโตะ แสดงให้เห็นว่าเธอตัดขาดมาโกโตะแบบเด็ดขาด ที่นี้ก็เหลือแต่การให้เวลาเยียวยาจิตใจ เวลาจะช่วยพัดพาความเศร้า ความทุกข์ในใจ ให้หายไปนิดๆ แม้อาจไม่มาก แต่นั้นก็ก็ช่วยให้เรารู้ว่ามันคือผิดพลาดในอดีตคืออะไร สาเหตุที่ผิดพลาดคือเราไม่รู้จักเขาดีพอ  โลกเรานั้นไม่สวยงามอย่างที่คิด ไม่มีมนุษย์คนไหนให้ความสำคัญกับเรามากนอกจากตัวเราและครอบครัวเราเอง จนลืมทุกอย่าง อย่าคิดว่ามาโกโตะเป็นคนสำคัญขาดไม่ได้ในชีวิต ในเมื่อมาโกโตะไม่ให้ความสำคัญกับเราก็อย่าไปสนใจ ยังมีคนดีๆ อีกมากมายที่โอโตเมะจะพบในอนาคต บางทีคนดีๆ เหล่านี้อาจจะเป็นคู่ชีวิตในภายหน้าก็เป็นได้ (เช่น ผมเป็นต้น) ดังนั้นผมประทับใจในตัวโอโตเมะเป็นพิเศษครับ

     
                  ไม่ใช่กิ๊กและแฟน ในการ์ตูนอนิเมะ School Days ได้มีตัวละครหญิง 4 คนที่แม้จะเป็นตัวประกอบแต่กับมีพฤติกรรมที่น่าตกใจและทวีความปวดตับให้กับการ์ตูนมากขึ้น คนแรกคือฮิคาริพฤติกรรมเซ็กต์เฟรนด์ (Sex Friends) คือความสัมพันธ์แบบคู่ขาประจำ ที่ไม่คาดหวังความคืบหน้า (ทั้งชาย-หญิง) แบบว่าเอากันเฉยๆ แก้เหงา ไม่มีความผูกพันทางใจ เซ็กต์เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของคนรู้จักกัน อารมณ์ก็แค่อันสนุกเท่านั้นเอง..... ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมักพบในกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาและนักเรียน

    ยอมรับตามตรงว่าฉากที่ผมดูบ่อยที่สุดคือ ฉากฮิคาริกับมาโกโตะในตอนที่ 11 นี้แหละ เพราะโดยปกติแล้วไม่มีการ์ตูนอนิเมะสายปกติที่ไหนทำ (ยกเว้นสายมืด)  ทำตัวละครที่มีพฤติกรรมแบบเซ็กต์เฟรนด์มากนัก (หรือแทบไม่มีเลย)แปลกดี ซึ่งไม่รู้ว่ามาโกโตะไปพูดอะไรกับอิคาริอีท่าไหน ฮิคาริจึงยอมเป็นเซ็กต์เฟรนด์แบบมาโกโตะ จนกลายเป็นคู่นอนคู่ขาประจำ ทั้งที่ไม่ใช่เป็นแฟนหรือคนรักกัน

    เท่าที่ดูจากการดำเนินเรื่องอนิเมะแล้วเชื่อว่าเซไคน่าจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฮิคาริกับมาโกโตะได้เป็นอย่างดีแบบ (เห็นได้จากบทสนทนาระหว่างฮิคาริและเซไคตอนที่ 11) แต่เซไคกับไม่ได้ว่าฮิคาริสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเซไคไม่มีอารมณ์จะด่าหรือมองเซ็กต์เฟรนด์ไม่ได้เป็นแฟนกันหรือคนรักกัน อย่างไรก็ตามสุดท้ายฮิคาริก็พูดกับเซไคว่าตนจะไม่ยุ่งกับมาโกโตะอีก เป็นการแสดงส่ามีความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือแบบชั่วคราว ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีการหึงห่วงกัน

    ในเกม School Days หากเราเล่นในบทของฮิคารินั้น จะค่อนข้างแปลก เพราะฮิคาริเป็นคนเดียวในเรื่องที่ไม่ได้รักพระเอกและมีความสัมพันธ์แบบเซ็กต์เฟรนด์เหมือนในอนิเมะ หากแต่เนื้อหาจะแรงกว่าในอนิเมะมาก เพราะเป็นเซ็กต์เฟรนด์แบบแลกเปลี่ยนคู่นอนกัน กล่าวคือเรามีเพศสัมพันเซไคแล้ว หากแต่ตอนหลังเราก็มีเพศสัมพันธ์ฮิคาริแบบเซ็กต์เฟรนด์ เนื่องจากมาโกโตะทนอารมณ์หื่นไม่ไหวหลังเห็นไทสุเกะมีเซ็กต์กับโคโตโนฮะ (เราเลิกกับโคโตโนฮะ และไทสุเกะเสียบแทนที่เรา) และพอดีฮิคาริก็แอบดูอยู่กับเราพอดี เลยอดใจไม่ไหวลวนลามฮิคาริซะเลย วันต่อมามาโกโตะกับฮิคาริก็แลกเปลี่ยนคู่นอนกับไทสุเกะกับโคโตโนฮะที่บ้านของโคโตโนฮะ พฤติกรรมนี้เรียกว่า "สวิงกิ้ง" การแลกเปลี่ยนคู่นอน ให้หลับนอนกับคนอื่น รวมไปถึงการนั่งดูคู่อื่นมีเพศสัมพันธ์กัน หรือเข้าร่วมมีเพศสัมพันธ์ด้วย

    พฤติกรรมเซ็กต์เฟรนด์ระหว่างฮิคาริและมาโกโตะนั้นเป็นการตีแผ่ให้ผู้ชมเห็นจะๆ ว่าปัจจุบันพฤติกรรมทางเพศในสังคมเปลี่ยนไป มั่วสุมกันมากขึ้น หลายคนมีเซ็กต์ในกลุ่มเพื่อนสนิท ทั้งเพื่อนตนเองหรือแฟนเพื่อน ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ทางเพศ ทั้งนี้ปัญหาอาจเกิดขึ้นจากครอบครัวที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาคุบกับลูกหรือไม่พูดเรื่องเซ็กต์ให้เด็กเข้าใจ เมื่อโตขึ้นกระแสจากวัฒนธรรมตะวันตกและวัตถุเข้ามาอยู่เหนือต่อจิตใจทำให้วัยรุ่นใจแตกมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน

                    
                    
    สามสาวตามน้ำ ฮิคารินับว่าเป็นตัวละครหญิงตัวประกอบที่มีพฤติกรรมที่น่าตกใจแล้ว  สามสาวตามน้ำเพื่อนของโอโตเมะก็นับว่ามีพฤติกรรมความรักและเซ็กต์ที่น่าตกใจไม่แพ้กัน ที่สื่อสะท้อนปัญหาสังคมในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

                     สามสาวตามน้ำ ที่มักออกมาพร้อมกันสามคนเสมอ (โดยมีโอโตเมะเป็นหัวหน้าอยู่หัวกลุ่ม) โดยประกอบไปด้วย มินามิ โอบูจิ (Minami Obuch) ผู้หญิงสั้นสีน้ำตาแก่, โคอิซึมิ นัตสึมิ (Natsumi Koizumi) ผู้หญิงผมยาวออกม่วง  และคุมิ โมริ (Kumi Mori) ผู้หญิงผมสีเหลืองที่บทพูดจะเยอะกว่าสองสาวในกลุ่ม (ซึ่งชื่อของสามสาวนี้กว่าจะรู้ก็กลางเรื่องโน้นแหละ) ซึ่งสามคนดังกล่าวชอบตามน้ำโอโตเมะรังแกโคโตโนฮะ ประจำ  (อารมณ์เหมือนเพื่อนหัวโจ๊กในคลิปต่อยแย่งผัวกัน แบบเก่งแต่รุม ล้อมหน้าล้อมหลัง พูดจาร้ายๆ ใส่กัน สนับสนุนหัวโจ๊ก เป็นต้น) โดยในอนิเมะบทโหดร้ายที่สุดคือฉากถามหยอกโคโตโนฮะ (ในตอนที่ 8) ว่าความสัมพันธ์กับโมโกโตะไปถึงไหนแล้ว เพราะดูไม่เห็นเหมือนแฟนกันเลยว่ะ สงสัยเธอจะถูกเขาทิ้ง แล้วคิดเอาเองว่าเป็นแฟนมากกว่า ฮ่าๆ (ประมาณนั้นแหละ)

    ในเกม School days บทบาทสาวตามน้ำคือรังแกโคโตโนฮะ และเชียร์โอโตเมะคบกับมาโกโตะ แต่ในอนิเมะจะมีการเพิ่มบทบาทของสาวสามตามน้ำจะมีความสัมพันธ์กับมาโกโตะแบบมีเพศสัมพันธ์กัน (เป็นหมู่คณะ 4P) ซึ่งในเกมนั้นไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการที่สามสาวมีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะนั้นไม่ใช่แบบคนรักหรือแฟน เพราะว่าสามสาวไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อารมณ์ความรู้สึกอะไรกับมาโกโตะแม้แต่น้อย

    เริ่มต้นหลังจากที่เหล่าผู้หญิงในโรงเรียนเห็นวีดีโอเทปแอบถ่ายระหว่างชายหญิงเอากันในโรงยิมของโรงเรียน ซึ่งมีหลายคู่มาก หลักๆ ก็มีคู่ของยัยทอมบอยกับรุ่นพี่โอตากุ, มาโกโตะกับโอโตเมะ (ในเกมจะเป็นมาโกโตะกับโคโตโนฮะ) และหนึ่งในสามสาวตามน้ำคือยัยคุมิกับแฟนของเธอรวมอยู่ด้วย จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโรงเรียน แถมมีการโหลดใส่เป็นคลิปเปิดในมือถือให้ดูกันอย่างเมามันในหมู่นักเรียนหญิง

    ในขณะที่ยัยทอมบอยมาโรงเรียนด้วยความรู้สึกไม่สู้หน้าเพื่อนเพราะอับอายที่โดนแอบถ่าย แต่ยัยยุมินั้นกลับทำหน้าระรื่นอายนิดๆ หน่อยๆ บอกสองสาวตามน้ำในกลุ่มแบบคุยโวว่าวีดีโอเทปยังแอบถ่ายเธอกับแฟนเธอเอากันในโรงยิมอีก  ปิดท้ายว่าอายนิดๆ แต่ไม่เท่าไหร่หรอก (เพราะตรูหน้าด้าน) สองสาวได้ยินก็เกิดอาการอิจฉา  (แทนที่จะอนาถใจ)  ประกอบกับเห็นมาโกโตะเอากับโอโตเมะ ทำให้สามสาวในกลุ่มอยากรู้อยากเห็นว่ามาโกโตะมันดีอะไรถึงพิชิตใจโอโตเมะได้ แถมทำให้โอโตโมะไม่อยู่เนื้อกับตัวอีก ทำให้ทั้งสามติดต่อกับมาโกโตะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย และมาโกโตะก็ไม่ปฏิเสธ (ไม่เอาก็โง่สิ)

    หลังจากนั้นสามสาวตามน้ำก็นัดกันไปที่บ้านมาโกโตะ จะมีแต่นินามิเท่านั้นที่ลังเลอยู่หน้าบ้านอยู่นิดหน่อย หากแต่สุดท้ายก็เข้ามาในบ้านมาโตะจนไดเพราะทนแรงยุจากเพื่อนๆ (และมาโกโตะ) ไม่ไหว แน่นอนว่าการ์ตูนไม่ได้นำเสนอฉากมีเพศสัมพันธ์ทั้ง 4 คน (แต่ในโดจินโป๊มีการวาดฉากนี้แล้วครับ) ก่อนที่ฉากจะตัดไปเมื่อข่าวลือของมาโกโตะทำเซไคท้องแพร่ไปทั่วโรงเรียน คุมิได้ออกมาพูดว่ารู้สึกสำนึกผิดและสองสาวก็ลงความเห็นว่าควรยุติการมีเพศสัมพันธ์กับมาโกโตะถือว่าเป็นความคิดที่ดี  โชคดีที่ป้องกันน่ะ ก่อนที่จะพูดปิดท้ายกับคุมิว่าเธอก็มีแฟนยังเอามาโกโตะอีกเหรอ ก่อนที่ทั้งสามจะหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขำขัน

    พฤติกรรมสามสาวตามน้ำใจง่ายจะแตกต่างจากกรณีของฮิคารินิดหน่อย แม้จุดประสงค์การมีเพศสัมพันธ์จะคล้ายกันคือต้องการความสนุกโดยไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กันแบบคนรักหรือชู้ แต่แตกต่างตรงที่ไม่ใช่คู่ขาประจำ และสามสาวสมยอมกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักดีด้วยซ้ำ (กรณีของฮิคาริกับมาโกโตะเป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนสามสาวรู้จักมาโกโตะแค่ผิวเผิน) ซึ่งยังดีที่ป้องกัน ความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่า “คู่ (หมู่) คืนเดียว” หรือไม่ก็สวิงกิ้ง ซึ่งเป็นเซ็กซ์หมู่ หรือมีเพศสัมพันธ์แบบหลายคนในคราวเดียว ชายหญิงมีความสัมพันธ์แบบคืนเดียวโดย ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนหรือรู้จักกันน้อย และมีกิจกรรมทางเพศด้วยกัน แตกต่างจากคนขายตัวเพราะไม่ต้องจ่ายเงินและเป็นความสัมพันธ์ชั่วคราว

    พฤติกรรมของสามสาวตามน้ำใจง่ายนั้นไม่ใช่อาการของคนจิตไม่ปกติ หากแต่เป็นค่านิยมของสังคมแบบหนึ่งที่เห็นคนอื่นทำแล้วจึงทำตาม จึงเป็นค่านิยมผิดๆ ของวัยรุ่น ยิ่งสังคมที่มีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาส่งผลทำให้การตัดสินใจการเสียตัวก่อนวัยอันควรของพวกผู้หญิงง่ายขึ้น บวกกับมันไม่ผิดกฎหมายเพราะว่าไม่มีการบังคับจิตใจและฝ่ายหญิงเต็มใจ อย่างไรก็ตามสำหรับความรู้สึกของคนทั่วไปแล้วถือว่าขยะแขยง เพราะว่ามันเกิดขอบเขตศิลธรรมอันดีงามของสังคม และผู้ชายส่วนมากไม่ชอบผู้หญิงใจง่าย ดังนั้นจึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่หลายคนรู้สึกแปลกประหลาดใจหรือเกลียดกับสาวสาวที่พูดเรื่องเพศสัมพันธ์เหมือนเป็นเรื่องปกติ ซ้ำเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำ

                     
                 School Daysเป็นการ์ตูนที่นำเสนอความรักในวัยเรียนตามความเป็นจริง สังคมวัยรุ่นวัยเรียนมองเรื่องเพศเป็นอย่างไร และเป็นการสอนว่าโลกเรานั้นไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดเป็นไปไม่ได้ทีการมีเพศสัมพันธ์กันก่อนวัยอันควรและไม่รับผิดชอบจะทำให้จบแบบแอปปี้ เหมือนละครน้ำเน่าหรือการ์ตูนบางเรื่องอีกทั้งมุมมองของเด็กมัธยมปลายมีทัศนคติทางเพศเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เวลาดูการ์ตูนแนวรักๆ ใคร่ๆ เรามักเห็นตัวละครพูดว่าได้เสียกันหรือยัง?” ถามกันแบบเล่นๆ ทั้งๆที่การได้เสียกันนั้นตามความคิดของคนทั่วไปคือทำกันกันในตอนหลังแต่งงานกันเท่านั้นแต่ในการ์ตูนพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดามีความคิดเพียงว่าหากเป็นแฟนกันก็ต้องได้เสียกันถือว่าเป็นแฟนที่แท้จริงซึ่งนี่คือทัศนคติที่ผิด

    เราได้เห็นตัวละครแต่ละตัวมีมุมมองความรักและเพศสัมพันธ์แตกต่างกันหลายคนเอาจกลียดมาโกโตะ หลายคนสงสารโคโตโนฮะ หลายคนไม่ชอบเซไค ฯลฯอย่างไรก็ตามตัวละครทั้งหมดในเรื่องล้วนมีทัศนคติทางเพศที่ผิด สมควรที่จะถูกตำหนิทุกคนบางคนอาจผิดมากหรือผิดน้อย แต่กระนั้นบางครั้งความผิดเล็กน้อยนั้นก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาใหญ่รุกรามได้ในอนาคตได้เช่นกัน หากเราตัดสินใจผิดพลาดอยู่ร่ำไป จนเรื่องเลวร้ายมากขึ้นจนยากที่จะแก้ไข

    ใน School Days OVA School Days:Magical Heart Kokoro-chan OVA (ภาคโลกคู่ขนาน)มาโกโตะ ได้พูดประโยคหนึ่งว่า ชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกับเกม เรามีเพียงชีวิตเดียว และมันก็ไม่มีปุ่มรีเซ็ตชีวิตจริงของคนเรานั้นแม้มีเส้นทางเลือกหลายเส้นทาง เพียงแต่ว่ามันไม่เหมือนเกมเพราะเมื่อเลือกเส้นทางผิดเราจะไม่สามารถกดรีเซ็ตไปยังจุดเริ่มต้นได้

    ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อเรารู้ว่าเราเดินเส้นทางผิดเราจะทำอย่างไร?เราจะดื้อดึงเดินตรงเส้นทางที่ผิดต่อไปพร้อมกับทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นหรือเราจะแหกเส้นทางไปยังเส้นทางใหม่ที่เชื่อว่ามันถูกหากแต่กลับเลวร้ายกว่าเดิม

    คำตอบง่ายๆ คือตั้งสติและยูเทิร์นแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ล่ะจุดเริ่มต้นก่อน การแก้ปัญหาไม่ใช่ใช้อารมณ์และความโกรธมาแก้ปัญหาหากผิดพลาดก็รับผิดชอบให้สมกับเป็นผู้ชาย หาเจอสิ่งยั่วยุก็ให้พยายามอดกลั้นโดยเฉพาะตัณหาและกามและควรรู้ได้ว่าชีวิตจริงกับการ์ตูนมันต่างกันจะทำอะไรควรคิดรอบคอบก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องรักในวัยเรียน การคบหาเพศตรงข้ามการป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์ (ในเกมนี้เห็นถุงยางอนามัยเกลื่อนเลย)การมีเพศสัมพันธ์บนเตียงไม่ใช่จบแอปปี้แอนดิ้งเหมือนการ์ตูนรักใคร่ตาหวานการสารภาพรักในต้นซากุระในตำนานไม่ได้ช่วยทำให้มีผูกพันในความรักชายหญิงเสมอไปฉากจบมีความสุขชั่วนิรันดร์ไม่มีอยู่จริง ชีวิตของคนเรานั้นต้องยังดิ้นรนต่อไปตราบใดที่เรายังมีลมหายใจแห่งชีวิตอยู่

     
                
    เรื่องราวของ School Days ยังถูกสร้างเป็นอนิเมะ OVA สองตอน คือตอน Valentine Days และ Magical Heart Kokoro-chan ซึ่งเป็นตอนพิเศษ ในปี 2008 ซึ่งเนื้อหาเน้นตลก ไม่ดราม่า หรือมีฉากสื่อเรื่องเพศ (แต่มีเซอร์วิส) ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นแนวรักใสๆ น่ารักและจบอย่างมีความสุข

    ยังถูกสร้างเป็นเกมสองภาค คือSummer Days และ Cross Days. หากแต่ทั้งสองภาคไม่ค่อยได้เสียงตอบรับดีนักเท่ากับภาคแรก อีกทั้งผมยังไม่ได้เล่น ดังนั้นผมคงไม่พูดสองภาคดังกล่าว จึงขอจบตำนานรักในโรงเรียนที่แสนปวดตับที่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเลียนแบบแต่เพียงเท่านี้ (นอกจากนั้นยังมีภาค School Days HQ ซึ่งเป็นภาคปรับปรุงจากภาคแรก เพิ่มการเคลื่อนไหวท่าทางตัวละคร ภาคคมชัดขึ้น ลีลาบทรักเพิ่มขึ้นและไม่มีเซ็นเซอร์ อีกทั้งยังเพิ่มฉากจบไม่ดี คือไซไคโดนทิ้งและโทษโคโตโนฮะแทนที่จะโทษพระเอก สุดท้ายเซไคก็ผลักโคโตโนฮะให้รถไฟแล่นทับตายต่อหน้ามาโกโตะในตอนเช้าขณะรอรถไฟไปโรงเรียน)


                   สุดท้ายขอมุกแป๊กก่อนจบ สมมุติว่าผมเจอมาโกโตะอยู่ตรงหน้า ผมจะพูดอะไรกับเขา.....

    แคมมี่ : แก!! เจ้ามาโกโตะ แกมันเป็นผู้ชายห่วยแตก ขยะสังคม ไม่มีรับผิดชอบ แกทำผู้หญิงน่ารักหลายคนร้องไห้ได้ไงว่ะ ขอให้ชีวิตของเอ็งชิบหายวายวอดไม่ผุดไม่เกิดว่ะ บลาๆๆๆ!!

    มาโกโตะ :  เออ?? เฮียครับ เฮียเป็นใครครับ? จู่ๆ มาด่าผมฉอดๆๆ แถมรู้เรื่องของผมอีก

    แคมมี่ : เอ็งไม่ต้องถามว่าตรูเป็นใคร สิ่งที่แกควรรู้คือคนทั่วโลกต่างรู้วีรกรรมเลวๆ ของเอ็งทั้งนั้น และหลายคนอยากขย้ำฉีกเนื้อฉีกร่างตัดปิกาจูของเอ็งให้เป็ดกินกันทั้งนั้น

    มาโกโตะ(เริ่มรู้สึกกลัว ):เออ....... แล้วเฮียเป็นหนึ่งในนั้นเหรอครับ??

    แคมมี่ : เปล่า!! พูดตามตรงน่ะ ตรูอิจฉาเอ็งว่ะ เอ็งมันเป็นคนโชคดีคนหนึ่งในโลก (แม้ตอนหลังจะตายก็เถอะ) แต่ผู้หญิงน่ารักมาอยู่กำมือหลายคน ได้เห็นกางเกงในลายทาง กางเกงในสีชมพู ฮาเร็ม พวกผู้หญิงต่างรักเอ็ง แต่ทำไมตรูถึงไม่เป็นแบบเอ็งด้วยว่ะ ทั้งๆ ที่ตรูนิสัยดี มีความรับผิดชอบ มีฐานะ แต่ทำไมชีวิตนี้ไม่เคยเจอผู้หญิงสวยน่ารักเข้ามาชีวิตตรูบ้างว่ะ ทำไมตรูถึงเจอผู้หญิงแนวสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ น่าตาสยดสยอง (พอๆ กับพฤติกรรม) จนปัจจุบันตรูกลายเป็นพวกหนีโลกไปแล้ว ทำไม๊ทำไมตรูไม่มีวาสนาแบบเอ็งบ้างว่ะ (เริ่มร้องไห้)

    มาโกโตะ:!?

    แคมมี่ : ถามจริง เอ็งมีพระดีอะไร สาวๆ ถึงมารุมชอบเอ็งว่ะ ถ้าเอ็งมีขุนแผนสมเด็จจากวัดชื่อดัง เฮียยินดีจ่ายราคางามเลย เห็นใจคนแก่โสดหน่อยเถอะน่าน่ะ ตรูอยากเป็นแบบเอ็ง (ทำตาน่าสมเพช ร้องไห้ ชีวิต....)

    มาโกโตะ:!?

    จบเถอะ

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×