ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #172 : Misu Misou ลำนำดอกโศก โศกนาฏกรรมที่สายเกินแก้

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.34K
      4
      8 พ.ค. 55

     

    ตอนที่ผมเขียนบทความพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้ ผมยังอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ เพราะแนวเรื่องดราม่าเนื้อหาจิตตก ผมไม่นิยมอ่านนัก เนื่องจากผมค่อนข้างเป็นคนคิดมาก เวลาดูการ์ตูนอะไรที่เนื้อหาหนักๆ ฉากจบที่ไม่ดี (ไม่ดีในที่นี้หมายความว่ามันไม่ถูกใจผม) ขนาดนางเอกเสียความบริสุทธิ์มีลูกมีผัว  เข้าวิน ผมยังรู้สึกแย่นอนไม่ค่อยหลับเลย เขียนอะไรไม่ค่อยออก (ยกเว้นดราม่าเรื่องเดียวในชีวิตที่ผมดูแล้วมีความสุขคือ Elfen Lied แต่เป็นอนิเมะน่ะ  มังงะไม่นับ) ก็อย่างที่ว่าไว้ว่าผมชอบฮาเร็ม บนโต๊ะคอมผมมีแต่รักคอมมาดี้ ฮาเร็มทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Okasu Bekarazu!! Junketsu Tokku! ไม่ก็ 12C -Twelve Crysis

                    แต่ทำไมบทความนี้ผมจึงเขียนถึง Misu Misou ซึ่งเป็นการ์ตูนแนวดราม่า จิตตกอย่างรุนแรง ไม่รู้สิ อาจะเป็นเพราะเป็นผลงานของคนเขียน Oshikiri Rensuke จากผลงานเดโระเดโระ (Dero Dero มี 16 เล่มจบ) ผีแบบนี้ก็มีด้วย การ์ตูนตลกบ้าบอได้ใจ และผมก็ชอบนักเขียนคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงได้อ่าน และเมื่ออ่านผมก็รู้สึกว่าถึงความเก่งกาจของคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ ว่าวางเรื่องราวได้เก่งจริงๆ

     

      

    Misu Misou

    สยองขวัญ, ชีวิตในโรงเรียน, โศกนาฏกรรม, โจะเซ

     

                    นี้อาจเป็นครั้งแรกที่ผมเขียนถึงการ์ตูนแนวโจะเซ คำว่าโจะเซ หมายถึง การ์ตูนญี่ปุ่นแนวผู้หญิงที่มีผู้หญิงหรือเด็กวัยรุ่นผู้หญิงเป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเพศหญิงในญี่ปุ่น โดยลายเส้นการออกแบบตัวละครจะคล้ายการ์ตูนแนวผู้ชาย คือตาไม่หวาน เนื้อหาสมจริงสมจังกว่า ผิดกับแนวการ์ตูนผุ้หญิงที่เน้นความรักในลอุดมคติในวัยเรียนGTO หรือลางสังหาร เป็นต้น แต่อันนี้มาแนวโหด ปวดตับ ชนิดที่เรียกว่า Higanbana no Saku Yoru ni ติดซิดซ้าย แม้ลายเส้นการ์ตูนอาจไม่สวยงาม เส้นหนาทึบแต่กระนั้นมันก็สื่อความหม่นหมองได้ดี บรรยากาศในเรื่องก็ได้อารมณ์ ความโหดพิกัดเต็มสูบ และฉากจบที่แสนเศร้า

    Misu Misou หรือ Misumisou (3 เล่มจบ) เป็นการ์ตูนสยองขวัญและโศกนาฏกรรมผลงานของ Oshikiri Rensuke เขียนเอาไว้ในปี 2008 (แต่ของเดโระ เดโระเขียนในปี 2003) ลงในนิตยสาร Horror M (Bunkasha) ไม่มีลิขสิทธิ์ในบ้านเรา อาจเป็นเพราะมีเนื้อหาที่รุนแรง แต่กระนั้นสามารถอ่านในเว็บแปลไทยทั่วไป

                Misu Misou เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงที่แสนน่ารักของคนหนึ่งฮารุกะที่ย้ายโรงเรียนมาเรียนในโรงเรียนชนบท ซึ่งที่นี้เธอก็พบการกลั่นแกล้งอย่างร้ายกาจจากเพื่อนร่วมชั้น แทนที่เธอจะฟ้อง ถ่ายคลิปหรือออกรายการสรยุทธ เธอกลับเลือกอดทนเพราะอีกแค่ 2 เดือนก็จะจบพิธีการศึกษา โดยหารู้ไม่ว่านี้คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่แสนโหดร้าย เมื่อการกลั่นแกล้งลุกลามไปถึงครอบครัวเธอ!!

    Misu Misou เป็นแนวกลั่นแกล้งในโรงเรียนและโศกนาฏกรรมซึ่งเป็นแนวดราม่าที่การ์ตูนญี่ปุ่นชอบเอามาเล่นกัน ก็ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ญี่ปุ่นปัญหาเหล่านี้ค่อนข้างเป็นประเด็นที่ะเอียดอ่อนและฮิตมาก นักเขียนการ์ตูนหลายคนก็พยายามสื่อสารว่าการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ไม่ดีในรูปแบบต่างๆ นาๆ อย่าง

      

    ผลงานเรื่องนี้เป็นของ Oshikiri Rensuke นักเขียนที่ผลงานสร้างชื่อคือเดโระเดโระผีแบบนี้ก็มีด้วยลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์บงกต ที่มีลายเส้นเอกลักษณ์คือเส้นหนาทึบ ตัวละครไม่สมส่วน หน้าตาเหมือนโรคจิต เพี้ยนๆ ไม่สมจริง แต่สิ่งที่ทดแทนคือคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้สร้างอารมณ์แก่ผู้อ่านเก่งมาก มีครบทุกรส บทจะฮ่าก็ฮ่าแตก บนจะซึ้งก็โครตซึ้ง บทจิกกัดก็กัดเจ็บโดนใจจริงๆ ซึ่งเหล่านี้มีอยู่ในเดโระเดโระอยู่แล้ว ความจริงแล้วคนเขียนถนัดเรื่องภูตผีปีศาจ สยองขวัญ(บ้าๆ บอๆ เหนือธรรมชาติและตลกมากกว่า และเรื่อง Misu Misou ก็(อาจ)เป็นเรื่องแรก ของคนเขียนที่ไม่ใช่เรื่องตลก และไม่เหนือธรรมชาติ ไม่มีผี(ติ๊งต๊อง)  แต่กลับทำได้ดีเกินคาด

    เออ....ลืมไป สิ่งที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีเสน่ห์คือ คนเขียนว่าตัวละครหญิง (ที่เป็นนางเอก) น่ารักมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคาแร็คเตอร์เงียบๆ แต่น่าทะนุทะถนอม เป็นแบบนี้เกือบทุกเรื่อง ทำให้ดูแล้วเกิดอารมณ์รู้สึกน่าสงสาร อยากปกป้อง เอาใจช่วย และที่น่าสังเกตคือพระเอกของคนเขียนเรื่องนี้จะดูอ่อนแอ หรือไม่ก็ไม่เหมือนพระเอกเลยสักนิด ถ้าเป็นคนหล่อๆ จะนิสัยไม่ดีไปเลย (รู้สึกจะมีเรื่องเดียวที่นางเอกจะเข้มแข็งคือเรื่อง Boku to Ane to Obaketachi ที่เป็นนางเอกถีบผี ราวกับพระเอกจากเดโระเดโระประทับทรงไม่มีผิด)

    สิ่งที่ผมแนะนำสำหรับคนที่กำลังจะอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือลองไปหาการ์ตูนเรื่องเดโระเดโระมาอ่านก่อนน่ะครับ เพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างว่าคนเขียน วางปม หักมุมเก่งขนาดไหน จะตลกก็ได้ จะโรแมนติกก็ได้ จะจิตตลกก็ได้ จะดราม่าก็ได้ หลายรสทุกหลากอารมณ์จริงๆ ให้ตายเถอะ

    จะว่าไปตอนที่ผมอ่านครั้งแรก ความคิดที่ผุดออกมานึกถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง เรื่องอีกสาวมือปืนกล (The Machine Girl) ที่เป็นหนังโหด (ไม่สมจริง บ้าๆ บอๆ) ของญี่ปุ่น ที่ตัวเอกแค้นที่ต้องสูญเสียคนรักจากการโดนรังแก และแก้แค้นด้วยความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยม อารมณ์จะโหดขึ้น โหดขึ้น  แต่เมื่ออ่าน Misu Misou ไปมาก็พบมันไม่บ้าบอ แม้ลายเส้นยังคงเอกลักษณ์ตัวละครหน้าตาโรคจิต แต่กลับไม่มีมุกบ้าบอๆ (ที่จริงมันมี แต่มันบ้าแบบน่ากระทืบ พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน อยากจับมาต่อยมากกว่า)

    อารมณ์ของการ์ตูนนี้ ช่างได้บรรยากาศจริงๆ เอาช่วงฤดูหนาวที่กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในบ้านนอกมาเป็นฉากหลังของเรื่อง ทำให้ดูแล้วเกิดอารมณ์หนาวหัวใจ เนื้อเรื่องเปิดฉากออกมาแสนจะโรแมนติก แต่เมื่อดำเนินเรื่องนานขึ้น นานขึ้น เนื้อเรื่องจากโรแมนติก อบอุ่น ซึ้งใจ ก็กลายเป็นความสิ้นหวัง ความสิ้นหวังเป็นเป็นความแค้น เริ่มบ้าขึ้นบ้าขึ้น โหดขึ้น  จิตตกมากขึ้น เพราะตัวละครในเรื่องอารมณ์แบบสุดกู่ โรคจิต น่ากลัวจริงๆ

                    

    การ์ตูนเรื่องนี้เปิดฉากออกมาแสนโรแมนติก ในฤดูหนาวที่จะใกล้ฤดูใบไม้ผลิ ผู้หญิงมัธยมปลายที่พึ่งย้ายมาโตเกียวมาเรียนบ้านนอก คนหนึ่งชื่อ ฮารุกะเดินกลับบ้านด้วยเท้าเปล่า ระหว่างทางได้เจอ ไอบะ พระเอกหน้าตาดีเพื่อนร่วม ท่าทางอ่อนโยน กำลังถ่ายรูปดอกไม้ พร้อมมุกจีบรุกะอย่างหวาน

    ฮารุกะกลับบ้าน แม่ของเธอว่ารองเท้าเธอหายไปไหน เธอบอกว่ามีคนจำผิดใส่รองเท้าเธอ แต่พ่อเธอดูออกว่าเธอโดนเพื่อนร่วมชั้นรังแก พ่อบอกให้เธออดทน อีกแค่ 2 เดือนเองจะจบการศึกษา ฮารุกะก็เชื่อฟังพ่อ พยายามอดทน โดยมีน้องสาวเป็นยาใจ ซึ่งฉากนี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวฮารุกะอบอุ่นขนาดไหน

    แต่ที่โรงเรียนกลับตรงข้ามกับที่บ้าน แทนที่ฮารุกะจะประทับใจเพราะอีกไม่นานจะจบการศึกษา เธอกับพบการกลั่นแกล้งในโรงเรียนอย่างร้ายกาจ (ทำไมพวกเอ็งต้องรังแกคนน่ารักแบบนี้ด้วยว่ะ มาแกล้งตรูแทนดีกว่า ตรูมาโซเว้ย) แม้ว่าพระเอกจะพยายามปกป้อง  แต่กลับเป็นการสร้างความแค้นทำให้ฮารุกะโดนกลั่นแกล้งหนักขึ้น ซึ่งตัวตั้งตัวตีที่แกล้งฮารุกะคือ สาวนักเลง โองุโระ

    อาจารย์ประจำห้องของฮารุกะคือ อาจารย์มินามิ ซึ่งแทบไม่ช่วยอะไรเลยเธอ แม้จะรู้ว่ามีการกลั่นแกล้งนักเรียน แต่เธอกลับเฉยเมย ไม่สนใจ ซ้ำยังชอบอ้วกแตกอีก ทำให้ไม่เป็นที่เคารพต่อพวกนักเรียนในห้องมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะในอดีตเธอมีประสบการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเช่นเดียวกับฮารุกะ เพียงแค่คิดถึงเรื่องอดีต เธอก็จะอ้วกแล้ว

    พ่อของฮารุกะพยายามที่จะเอาเรื่องเพื่อนในห้องที่แกล้งฮารุกะ แต่อาจารย์ประจำห้องของฮารุกะก็ไม่สนใจแต่อย่างใด เพราะไม่อยากเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งโรงเรียนใกล้จะปิดตัวลงแล้ว และนี้คือเทอมสุดท้าย อยากให้จบแบบไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น  ซ้ำระหว่างที่พ่อฮารุกะกำลังกลับบ้าน กลับโดนเด็กในโรงเรียนเอาเท้าตะปูถีบจนบาดเจ็บอีก ทำให้พ่อของรุกะบอกลูกว่าไม่ต้องไปโรงเรียน

    การกลั่นแกล้งเริ่มรุนแรงมากขึ้น ฮารุกะกังวลว่าการกลั่นแกล้งอาจลุกลามมาถึงครอบครัวเธอ เธอเลยจึงใช้วิธีหยุดเรียน ไม่ไปโรงเรียน ส่งผลทำให้กลุ่มที่กลั่นแกล้งฮารุกะหันไปแกล้ง รูมิ” หน้าตาอ่อนแอในห้องแทน ส่งผลทำให้ รูมิเครียดแค้นฮารุกะเป็นอันมาก จนถึงกับเอ่ยปากต่อหน้าโองุโระและเพื่อนว่า "ฉันจะฆ่ามัน จะให้มันรู้สึกอยากตายเลย คอยดู" และแล้วรูมิกับเพื่อนอีก 6 คน (ประกอบด้วย สามสาว, เจ้าตาตี๋, เจ้าอ้วน และเจ้าบ้าหน้าไม้) ก็ได้จับกลุ่มกันกลั่นแกล้งครอบครัวของฮารุกะด้วยการแกล้งเผาบ้าน หากแต่เรื่องเลยเถิดกลายเป็นเผาบ้านจริง

    พอดีในเวลานั้นฮารุกะได้ออกเดทกับไอบะ ทั้งคู่เดทตอนเย็นจนถึงค่ำ  อย่างโรแมนติก ประทับใจ  ระหว่างทางที่ไอบะกำลังจะส่งฮารุกะกลับบ้านนั้น รุกะก็พบความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเธอเห็นเพลิงไฟไหม้บ้านของเธอ ผลของไฟไหม้ทำให้พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตกลางกองเพลิง ส่วนน้องสาวบาดเจ็บสาหัส ชนิดร่างของเธอไหม้อย่างรุนแรง ชีวิตอยู่แขวนเส้นดาย รอวันตายเท่านั้นเอง

    ฮารุกะได้เห็นสภาพน้องสาวครึ่งผีครึ่งคนของเธอ เธอก็เสียใจอย่างรุนแรง และรู้ว่าต้นเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้มาจากกลุ่มที่กลั่นแกล้งตนนั้นเอง และนับจากนั้นเป็นต้นมา ต้นตนของฮารุกะได้แปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เด็กหญิงน่ารัก เมตตา และอ่อนโยนได้ตายไปจากโลกนี้ไปแล้ว

    กลับมาที่โรงเรียน กลุ่มกลั่นแกล้งฮารุกะ ประกอบด้วย หญิง 4 ชาย 3 (รวมรูมิ แต่ไม่นับโองุโระ) กำลังจับกลุ่มพูดเรื่องคุยครอบครัวของฮารุกะถูกเพลิงครอบตายอย่างออกรสชาติ ราวกับเป็นเรื่องสนุกสนานและตลก พร้อมกันนั้นผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มก็พูดว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกเขา ตำรวจมาจับพวกเราแน่ ห่กแต่ฝ่ายชายบอกให้หุบปากตำรวจไม่มาจับเราหรอกเพราะไม่มีหลักฐานสักหน่อย และระหว่างที่ทั้ง 7 คนกำลังสนุกสนานกับบาปที่พวกตนทำนั้นเอง ก็เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อขึ้น

    ฮารุกะได้มาโรงเรียน!!

    เพื่อนในห้องต่างเงียบกริบ เหมือนเห็นฮารุกะที่แผ่ออร่าน่ากลัวมานั่งห้องเรียน รูมิมองสายตาของเธอก็รู้ทันทีเลยว่ารุกะมาเรียนเพราะรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวของเธอต้องตาย และเธอจะล้างแค้นด้วยการฆ่าพวกเธอให้ตายอย่างโหดเหี้ยมทีละคน

      

    หากแต่กลุ่มที่เหลือไม่รู้ว่าฮารุกะกำลังคิดอะไรถึงได้มาเรียน สามสาวในกลุ่มก็คิดจะลองของ พวกเธอพาฮารุกะกับที่ทางเปลี่ยวไร้คน (จุดเดียวที่พาฮารุกะมาแกล้งอยู่บ่อยๆ) คราวนี้พวกเธอแกล้งฮารุกะหนักข้อกว่าเดิม ด้วยการเอาราดน้ำมันราดตัวเธอ เพื่อล้อเลียนการตายของครอบครัวของเธอ พร้อมพูดว่า เธอน่าจะตายพร้อมครอบครัวของเธอซะ เพียงแค่นี้แหละฮารุกะตอบโต้ด้วยการฆ่าสามสาวเกรียนในกลุ่มตายอย่างโหดเหี้ยม ถึงเลือดถึงเนื้อ ตะปูทิ่มตา เอาไม้เบสบอลทุบ เอามีดเสียบ  ชนิดที่เรียกว่า สะใจยัยปลวกสามตัว ในขณะที่คนดูก็อดไม่ได้ที่จะสงสารสามสาว ที่หนึ่งในนั้นร้องเรียกหาพ่อแม่พร้อมน้ำตาก่อนที่จะตาย

    (เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าแกล้งคนจิตตก เวลาจะแกล้งคนก็ต้องมองคนที่จะแกล้งด้วย)

    ปฏิบัติการแก้แค้นของฮารุกะยังไม่จบ เหยื่อรายต่อไปคือ เจ้าตาตี๋ที่อยู่ในกลุ่มกลั่นแกล้ง ที่เขายังไม่รู้สึกตัวว่ากำลังจะเป็นเหยื่อของฮารุกะ ในช่วงเลิกเรียนวันต่อมา เขาก็โดนฮารุกะทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส โดนมีดบาดปากฉีก และตกลงไปบ่อน้ำร้าง สุดท้ายก็หนาวตายอย่างเดียวดาย โดยไม่สามารถร้องเรียกหาคนช่วยได้

     อย่างไรก็ตาม หลังจากหายตัวของเจ้าตาตี๋ สามคนกลุ่มกลั่นแกล้งที่เหลือก็รู้ว่ายัยฮารุกะเป็นฆาตกรดักฆ่าพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยู่เฉยรอเธอมาฆ่าแน่นอน ดังนั้นพวกเขาต้องชิงฆ่ามันก่อนซะ จะได้หมดปัญหา

                    เรื่องราวทวีความรุนแรงและโหดเหี้ยมขึ้น เจ้าบ้าหน้าไม้กับเจ้าอ้วนคิดจะดักฆ่าฮารุกะในตอนเย็นบ้าง หากแต่เจ้าบ้าหน้าไม้ดันยิงพลาด ทำให้ฮารุกะรู้ตัว หนีเข้าป่า เจ้าอ้วนและเจ้าบ้าหน้าไม้จึงต้องตามไปฆ่าแต่กลายเป็นว่าโดนฮารุกะฆ่าแทน ทำให้สองเกรียนตายอนาถ (อันนี้ไม่สงสารพวกมันเลยสักนิด)

                    ตอนนี้เหลือเพียงแค่รูมิคนเดียวในกลุ่มกลั่นแกล้งที่ยังเหลือรอดอยู่ ซึ่งเธอรู้ตัวดีว่าเป็นว่าเธอเป็นตัวการใหญ่ ตัวต้นคิด คงไม่แคล้วโดนฮารุกะฆ่าโหดเหี้ยมแบบสุดๆ แน่นอน เธอหวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง พยายามติดต่อไปหาโองุโระขอความช่วยเหลือ แต่กลายเป็นว่าโดนโองุโระปฏิเสธแบบไม่ใยดี ระหว่างพูดไปพูดมาทั้งสองก็ทะเลาะกัน ส่งผลทำให้รูมิเป็นเครียดแค้นโองุระเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่เธอทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ก็เพื่อเธอ แต่ทำไมเธอถึงทำอย่างงี้

    ส่วนฮารุกะในตอนนี้กำลังสวีทกับไอบะ (เจ้าหน้าหล่อ) อยู่ และฮารุกะได้บอกเจ้าหน้าหล่อว่าจะไปอยู่โตเกียวพร้อมกับคุณปู่ ซึ่งคงต้องจากไอบะ หากแต่ไอบะได้บอกกับฮารุกะว่า เขาจะย้ายไปโตเกียวด้วย เพื่อหางานทำ และจะอยู่เคียงข้างเธอต่อไป (โรแมนติกซะ)

    ต่อมาทางด้านโองุโระหลังจากขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านและพิจารณาตนเองพักใหญ่ เธอก็ออกไปข้างนอก ระหว่างทางเธอพบกับฮารุกะพอดี  ระหว่างที่ทั้งสองคุยกับ โองุโระก็ได้แปลกใจว่าทำไมฮารุกะถึงไม่ลงมือฆ่าตน ทั้งที่เธอเป็นคนหนึ่งที่เชียร์ให้รูมิเผาบ้านฮารุกะ ฮารุกะบอกว่าเพียงแค่โองุโระขอโทษ เธอก็พอใจแล้ว เพราะตัวเธอสมัยก่อนไม่เป็นวันนี้ เราทั้งสองเคยเป็นเพื่อนรักมาก่อน ซึ่งตอนนั้นโองุโระรักเธอมาก หากเป็นเพราะไอบะได้เข้ามาแย่งตัวเธอไปจากโองุโระ ส่งผลทำให้โองุโระได้ชิงชังเธอ และเรื่องราวก็ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตในที่สุด  (ดั่งสุภาษิตที่ว่าเวลาคนเรารักกันมากๆ หากถึงเวลาเกลียดกันนี้จะเกลียดชนิดไม่เผาผีเลยทีเดียว)

    ในที่สุดปมปัญหาของฮารุกะและโองุโระก็ได้รับการคลี่คลาย ทั้งสองเองก็นึกเสียดายว่าทำไมพวกเราถึงไม่เปิดใจคุยกันตั้งแต่ตอนนั้น ไม่งั้นเรื่องทั้งหมดคงไม่เกิด

                    แต่แล้ว ระหว่างทางกับบ้านโองุโระก็ถูกรูมิดักเข้ามาทำร้าย ซึ่งกรณีรูมิแตกต่างจากฮารุนะ เพราะตอนนี้ทั้งคู่เคียดแค้นกันชนิดจะฆ่ากันให้ตาย ไม่มีการให้อภัย แม้ว่าโองุโระพยายามต่อสู้ป้องกันตัว แต่สุดท้ายรูมิก็สามารถจัดการกับโองุโระได้ แม้ว่าโองุโระจะไม่ตายทันทีแต่กระนั้นเธอก็บาดเจ็บสาหัสและตายในเวลาต่อมา

                    เมื่อฮารุกะกลับมาบ้าน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากไอบะ ไอบะได้บอกว่าเขาได้บอกลาครอบครัวเพื่อเตรียมไปโตเกียวเพื่ออยู่เคียงข้างฮารุกะไว้แล้ว หากแต่ฮารุกะได้ปฏิเสธ เพราะตอนนี้เธออยากอยู่กับคุณปู่และน้องสาวที่โตเกียวมากกว่า ส่วนเรื่องของเราสองคน รอให้โตเป็นผู้ใหญ่ก่อนคุยมาพูดถึงที่หลัง และเมื่อไอบะได้ฟังเขาก็พูดว่า “ลืมสัญญาของเราสองคนตอนนั้นแล้วเหรอ?” และเขาก็เปลี่ยนไป หนุ่มหน้าหล่อได้กลายเป็นด้านมืดโดยสิ้นเชิง

                      

                    วันต่อมา (บทสุดท้าย) ถือว่าเป็นวันแห่งโศกนาฏกรรม (หรือจุดฟิค) ของเรื่องโดยแท้จริง เริ่มจากอาจารย์ประจำชั้นโดนเหล่าผู้ปกครอง (ที่เป็นเหยื่อของฮารุกะ) รุมต้อนจนอาจารย์สติแตก ก่อนกลายเป็นบ้า และโดดไปโดนรถบดถนนทับตายอนาถ (ฉากนี้ผมโครตสงสารอาจารย์เลยอ่ะ)

                    ทางด้านรูมิ(ยัยเกรียน) ได้ไปหาน้องสาวของฮารุกะ และได้เจอรูมิพอดี และเธอก็ใช้สงครามจิตวิทยายั่วให้ฮารุกะโมโห หากแต่ระหว่างเรื่องจะปานปลายฆ่ากันในโรงพยาบาล พวกหมอและนางพยาบาลก็มาเสียก่อน ทำให้รูมิต้องหนีไปไปข้างนอก (ส่วนน้องสาวของฮารุกะก็ตายในเวลาต่อมา)

                    ฮารุกะตามรูมิไป หากแต่ระหว่างทาง เธอเธอได้พบไอบะ และกลับเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อเธอเห็นคุณปู่ที่บาดเจ็บสาหัวเพราะถูกใครบางคนชก ถูกนำตัวเข้าห้องไอซียู ฮารุกะรู้ทันทีว่าไอบะเป็นคนชกคุณปู่ของเธอแน่นอน เพราะว่าคุณปู่ต้องการพาฮารุกะกลับโตเกียว แทนที่จะให้เธออยู่บ้านนอกกลับเขา

                    ฮารุกะได้ตามไอบะออกมาข้างนอก จนมาถึงป่าเปลี่ยว(จุดเดียวกับฮารุกะฆ่าเจ้าอ้วนและเจ้าบ้าหน้าไม้) ฮารุกะก็ได้ทะเลาะกับไอบะ หากแต่ระหว่างที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั้นเอง รูมิก็มาขัดจังหวะ และพยายามยั่วโมโหฮารุกะมาหาเธอ และมันก็ได้ เมื่อฮารุกะพุ่งเข้าหารูมิ เธอก็ใช้มีดปักที่ข้างเอวของฮารุกะจนบาดเจ็บสาหัส ส่งผลทำให้โชโมโหมากและเข้าไปทำร้ายรูมิอย่างบ้าครั้ง จนภาพถ่ายในกระเป๋าของไอบะกระจัดกระจาย

                    ทันใดนั้น ก็มีภาพถ่ายใบหนึ่งปลิวมาอยู่ตรงหน้าฮารุกะ จนเธอช็อก เพราะภาพใบนั้นเป็นภาพพ่อและน้องสาวของเธอที่ถูกไฟไหม้ตัว แสดงให้เห็นว่าระหว่างที่ไอบะไปช่วยพ่อและน้องสาวเธอกลางกองไฟ เขาเอาแต่ถ่ายรูปโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ ฮารุกะเลือดขึ้นหน้า ดึงมีดที่ปักเอวเพื่อหมายฆ่าไอบะให้ได้ แต่ไอบะดึงตัวรูมิมาเป้นโล่เสียก่อน ทำให้มีดไปปักที่คอของรูมิ ส่งผลให้รูมิตายอนาถอีกคน

                    ไอบะเผยนิสัยยันเดระ หากคนที่เขารักขัดใจเขาขึ้นมา เขาจะกลายเป็นหนุ่มบ้าเลือด อารมณ์รุนแรง  ตบตีฮารุกะอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อไอบะหยุดตีฮารุกะ เพื่อพูดเรื่องโรแมนติก (ที่ตอนนี้คำพูดของไอบะกลายเป็นสิ่งที่ขยะแขยงไปแล้ว) ฮารุกะก็ฉวยโอกาสนั้นเอาหน้าไม้ที่ตกอยู่บนพื้น (ใกล้ศพไอ้อ้วน) ยิงเข้าไปตาของไอบะ จนไอบะตายอย่างอนาถ

                    บัดนี้ตัวละครในเรื่องตายโหงตายหาจนเกือบหมดสิ้น ความแค้นของฮารุกะได้สิ้นสุดลงแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เธอทำตอนนี้ก็คือพยายามนึกถึงอดีตที่อบอุ่นที่เธออาศัยอยู่กับครอบครัว (ส่วนโรแมนติกพระเอกหน้าหล่อน่ะลืมไปเลย) เธอพยายามลุกขึ้น มือกุมบาดแผลที่ดูเหมือนเสียเลือดมาก สติเธอเริ่มเลือนลาน เธอพยายามเดินไปตามทางข้างหน้า และเธอก็หายไปท่ามกลางหิมะ

    ในงานพิธีจบการศึกษาก็ไร้เงาฮารุกะ ไม่มีใครรู้ว่าฮารุกะอยู่ที่ใด เธอจะเป็นหรือตาย ก็ไม่มีใครทราบได้ ส่วนปู่ของเธอนั้นได้กลับไปยังโตเกียวคนเดียว  พวกพูดว่า "ลาก่อนฮารุกะไว้เบื้องหลัง" เป็นอันจบโศกนาฏกรรมเลือดที่แสนเศร้านี้โดยบริยาย....

                        
                  หลังจากที่อ่านจบ ผมรู้สึกปวดตับ วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ปกตินี้ไม่นิยมอ่านการ์ตูนแนวดราม่าจิตตก ส่วนใหญ่มักไปเจอเพราะหลงไปอ่านมากกว่า อีกทั้งใครที่เคยอ่านเดโระเดโระมาก็คงปวดใจไม่น้อย เพราะว่าเนื้อหาคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง ทำให้ตอนแรกผมรับไม่ได้ไปพักใหญ่

                    สิ่งที่รับไม่ได้คืออะไรจะมืดมนเลวร้ายขนาดนี้ว่ะ ชีวิตฮารุกะจะเลวร้ายไปถึงไหน ไหนจะโดนกลั่นแกล้ง ไหนจะสูญเสียครอบครัว ไหนจะเจอพวกโรคจิต ไหนจะเจอ ซ้ำยังเจอฮารุกะเวอรชั่นโหดอีกก็น่าสงสารไม่น้อย โรแมนติกอยู่ดีๆ กลายเป็นหักมุมซะงั้น ดีที่ตอนจบผมยอมรับได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผมขอชมว่าตอนจบทำดีแล้วว่าควรทำให้สื่อก่ำกึ่งเก็บไปคิดเองว่าหลังจากนั้นฮารุกะเป็นหรือตาย

                    หลังจากเก็บไปคิดพักหนึ่งปรากฏว่าผมชอบครับ ติดใจด้วย เพราะชอบฉากฆ่ากันสะใจดี อีกทั้งฉากจบตายเม่งเกือบทุกตัว สะใจอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผมอ่านหลายรอบ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ก็สนุกดีมากถึงมากเลยแหละ

                    ต้องยอมรับว่าคนเขียนนี้เก่งน่ะครับ ปกติเห็นแต่วาดฮ่าบ้าบอ พอมาทำดราม่าเทพจริงๆ ฉากสยองทำได้ถึงพริกถึงขิง สมองไหล ไส้ไหล เลือดสาด มันพระยาค่ะ ส่วนเนื้อหาประเด็นปมหลักของเรื่องครบถ้วน 3 เล่มพอเหมาะ คลายปมหมด ไม่มีติหรือรู้สึกขัดแย้งแม้แต่น้อย หายากนะครับการ์ตูนจบเพียง 3 เล่มแต่ได้อารมณ์รู้สึกเต็มอิ่มแบบนี้ ทุกทีผมเจอแต่การ์ตูน(พวกแอ็คชั่น พระเอกปกป้องนางเอก จัมป์ที่ไม่นิยม) มีแต่เห็นตัดจับ ปาหมอน งี่เง่าหลายเรื่อง

                    มาคิดดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็ฮ่าดีนะครับ ฮ่าตรงคนอ่านนึกว่าจะจบแบบโรแมนติก นางเอกฮารุกะจะอยู่กับไอบะตลอดไป ไอบะเป็นคนดี นิสัยดี ให้กำลังใจพระเอก พูดหวานๆ ใส่ตลอด แต่กลายเป็นหักมุมกลายเป็นหนุ่มยันเดระโหดซะงั้น และก็จบมืดมนอย่างเจ็บปวด คนเขียนเรื่องนี้ไม่อยากจบโรแมนติกสิน่ะ

                    ใครที่เคยดูเดโระเดโระ ได้เข้าไปอ่านการ์ตูนท้ายเล่มของคนเขียน ที่คนเขียนวาดการ์ตูนเล่าประวัติชีวิตตนเองดู ก็จะรู้ว่าชีวิตคนเขียนมืดมนพอสมควรเลยน่ะครับ ปกตินี้เวลาเราไปอ่านพวกการ์ตูนท้ายเรื่องชีวิตประจำวันของคนเขียนการ์ตูนคนอื่นๆ จะมีแต่ชีวิตที่มีความสุข ตลก เฮฮ่า จำพวกเพื่อนฝูงหรือชีวิตทีมงานวาดการ์ตูน แต่สำหรับชีวิตประจำวันหรือประวัติชีวิตของคนเขียนคนนี้มืดมนจริงๆ เช่นในเดโระเดโระเล่มที่ 6 คนเขียนได้เล่าประวัติชีวิตของตนเองว่าตอนมัธยมปลายคนเขียนคิดว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกันจริงเรียนโรงเรียนช่างอุตสาหกรรมเพราะตนเองไม่เก่งคำนวณ แต่ปรากฏว่ามันการตัดสินใจผิดชั่วชีวิตของคนเขียน เมื่อชีวิตวัยรุ่นพังทลายไม่เป็นท่า เพื่อนในห้องมีแต่พวกผู้ชายหน้าโง่ท่าทางไม่เอาไหน ในโรงเรียนมีแต่พวกนักเลง เพื่อนก็ไม่มี เพื่อนบางคนโดนเมินใจจนไม่โอกาสคืนดีตลอดกาลด้วยซ้ำ เรียนอะไรไม่รู้เรื่อง จบออกมาก็ไม่ได้อะไรเลย จึงผันเป็นคนวาดการ์ตูนแทนในที่สุด

                     

                    พูดง่ายๆ คนเขียนต้องการถ่ายทอดความรู้สึกความสิ้นหวังเหล่านี้ลงในการ์ตูนตนเองเพื่อให้คนอ่านได้รับรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรสวยหรูหรอก โลกเรามีแต่เรื่องโหดร้าย  พลาดนิดเดียวเสียใจไปตลอดชีวิต

    การ์ตูนเรื่องนี้สื่อให้ถูกระบบสังคมที่ล่มสลายแบบโดมิโน่ เริ่มจากสถาบันครอบครัวที่เต็มไปด้วยปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองเอาไม่สนใจเลี้ยงดูลูกของตนเอง ไม่ดูแล ซ้ำยังทำร้ายร่างกายลูกตนเอง (บางครอบครัวเอาใจลูกของตนเองมากเกินไป)  ส่งผลทำให้เด็กซึมซับความรุนแรงของครอบครัว เป็นเด็กเสียคน นิสัยก้าวร้าว และเอาความเก็บกดจากในบ้านไประบายในโรงเรียน โดยรังแกคนที่อ่อนแอ ไม่ตอบโต้ เพื่อความสะใจและความสนุกของตนเอง

                    ส่วนกรณีของโองุโระ เธออาจไม่ได้เป็นคนไม่ดีมาก่อนแต่แรก ตอนที่พบกับฮารุนะครั้งแรก เป็นเพื่อนรักด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละยิ่งเรารักกันมากเท่าไหร่ หากเกลียดกันขึ้นมา จะเกลียดชนิดไม่เผาผีเลยทีเดีย เมื่อโองุโระเห็นฮารุนะทรยศตน ทิ้งเธอไป (คิดเอาเอง) ประกอบกับกำลังมีปัญหาครอบครัว (ที่พ่อของเธอไม่อยากให้เธอไปเรียนเสริมสวยโตเกียว อยากให้อยู่กับครอบครัว) ด้วยความรู้สึกเหล่านี้ทำให้โองุโระได้ระบายกับฮารุนะและยูมิ (พูดง่ายๆ เกรียน)

                    ที่จริงแล้วหากโรงเรียนมีห้องใดมีเด็กเกเรหรือมีพฤติกรรมไม่ดี หรือมาการกลั่นแกล้งเกิดขึ้น คุณครูหรืออาจารย์ก็ควรตักเตือน กวดขันเรื่องเหล่านี้ ต้องมีเด็ดขาด เข้มงวด เพื่อที่สามารถควบคุมเด็กในชั้นเรียนให้ได้ หากเด็กพฤติกรรมไม่ดีขึ้น ทางโรงเรียนจะต้องเชิญพ่อแม่ผู้ปกครองมาเพื่อถามปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น กลับกันหากโรงเรียนปล่อยปะละเลย ซ้ำยังให้ท้ายเด็กเกเร (บางโรงเรียนดุด่าคนโดนกลั่นแกล้งว่าโง่ด้วยซ้ำ) ก็ยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่โดยไม่มีการแก้ไข เห็นได้จากการ์ตูนเรื่องนี้อาจารย์ในห้องของฮารุฮะไม่เด็ดขาด ไม่ทำตัวให้เด็กนักเรียนกลัวเกรง ส่งผลทำให้ห้องพังเละไม่เป็นท่า พวกเด็กนักเลงนิสัยเสียทำให้ก็ได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องกลัวดุด่าหรือโดนทำโทษ

    และที่น่าสงสารคือ “ฮารุกะ” ที่โดนกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ต้องเป็นเหยื่อระบบสังคมล่มสลายดังกล่าว

                    ทุกประเทศล้วนมีปัญหาเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน แม้แต่ประเทศไทยก็ยังมี ปัจจุบันเราเห็นเรื่องเหล่านี้มากมาย ตามสื่อ เช่น กลุ่มเด็กหญิงกระทืบเพื่อนร่วมชั้นม่านแตกอาการโคม่า คลิปตบดีระหว่างเด็ก ต่างๆ แม้ว่าหลายคนจะว่าไทยเราสามารถรับมือปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะหากมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาครอบครัวได้ตลอด แต่อย่างลืมว่าใช่ว่าหลายคนจะมีครอบครัวที่สงบสุข เอาใจใส่เสมอไปเสมอไป บางครอบครัวก็มีปัญหา หลายครอบครัวให้ยายเลี้ยงมากกว่าให้พ่อแม่เลี้ยงดู ทำให้เด็กเกเรเพิ่มขึ้นมาก เด็กโดนกลั่นแกล้งก็มากเช่นกันและไม่รู้ปรึกษาใคร ปรึกษาโรงเรียนก็ไม่ได้ เพราะโรงเรียนห่วงชื่อเสียง ห่วงหน้าตา ไม่อยากทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่

                    และเพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาใหญ่นี้แหละมันถึงได้เกิดเรื่องขึ้น!!

                   

                   หากเราเป็นแบบฮารุกะเราจะตัดสินใจเช่นเดียวกับเธอหรือไม่ เมื่อคนที่เรารักจากไปไม่มีวันกลับ ซ้ำพวกตัวต้นเหตุยังลอยหน้าลอยตาไม่มีความสำนึกผิดแม้แต่น้อย เป็นเราจะอดกลั้นแบบนี้หรือเปล่า อย่างไรก็ตามศาสนาพุทธสอนให้ราตั้งสติอย่าได้ประมาท การแก้แค้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น เราควรที่จะเรียกร้องยุติธรรมมากกว่า ฮารุกะน่าจะบอกตำรวจ อธิบายเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ (รู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ตัวละครตำรวจไม่มีส่วนสำคัญมากนัก ดูเหมือนว่าคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้จะเกลียดตำรวจด้วยซ้ำ ชอบวาดตำรวจติ๊งต๊อง ดูโง่ๆ ตลอด) หรือไม่ก็ออกรายการทีวี ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้สังคมได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถกลับไปเริ่มต้นใหม่+ +

                    เขาใจว่าในเวลานั้นฮารุกะกำลังอยู่ในช่วงโทสะ ความโกรธและความพยาบาลที่ขาดความเหมาะสม ทนรับสภาพเหล่านี้ไม่ได้ การแสวงออกด้วยการแก้แค้น ความมุ่งร้ายแก่บุคคลที่เธอหมายหัว ซึ่งทางศาสนาคริสต์แล้วบทลงโทษของบาปนี้คือการถูกฉีกร่างทั้งเป็น (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า) แต่การ์ตูนเรื่องนี้ได้ลงโทษฮารุกะด้วยการทำให้เธอหายไป  (ที่น่าจะเดาได้) ซึ่งเราไม่ว่าฮารุกะหายไปไหน เธออาจจะไปอยู่ที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนโลกแห่งนี้ หรือจะสูญเสียความทรงจำกลายเป็นคนใหม่ที่อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือจะตายไปจนตกนรกขุมอเวจี แม้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ฮารุกะไม่ได้สำนึกที่ฆ่าคนตาย และจะจบแบบเศร้าๆ แต่ก็ถือว่าเป็นบทสรุปที่ดีแล้วของฮารุกะ ที่เธอกระทำการฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม 8 รายซ้อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่มีทางแก้ไขกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้

                    สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณคนแนะนำการ์ตูนน่าอ่านเรื่องนี้ให้ผมถึงหน้าบทความด้วยน่ะครับ และขอขอบคุณคนแปลไทยที่แปลการ์ตูนเรื่องนี้จบเล่ม ไม่มีดองหรือหยุดกลางคันแต่อย่างใด

                    สรุปคือ Misu Misou  เป็นการ์ตูนจิตตกที่มีรุนแรงที่ค่อนข้างสูงและใครที่มีประสบการณ์โดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนไม่ควรอ่าน เพราะมีความเสี่ยงสูงจะลอกเลียนแบบและสังคมไทยก็มาโทษการ์ตูนเป็นต้นเหตุอีก

                    (ปล.ผมเคยแนะนำการ์ตูนเรื่องนี้ในบอร์ดนักเขียน เพื่ออยากรู้ปฏิกิริยาคนอ่านว่าจะมีความรู้สึกยังไง ที่น่าสนบางส่วนบอกว่าไม่เห็นจิตตก ซึ่งไม่รู้ว่าคนที่มีความคิดเห็นแบบนี้ระดับจิตตกนี้จะต้องแบบกุโระเลยเหรอ? หรือว่าคนเม้นมันอคติกับผมเลยให้ความคิดเห็นอย่างนั้น)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×