ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blue Blaze

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : พันธสัญญาที่ไม่ได้ตั้งใจ! [ Update 100% ]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 55



     บทที่ 2 : พันธสัญญาที่ไม่ได้ตั้งใจ!


                คารารันนอนลงบนเตียงอย่างอ่อนล้าพลางพลิกและมองหนังสือราคา
    1,000 บาทที่ตนซื้อมาอย่างสงสัย เธอพยายามที่จะเปิดมาอ่านหลายครั้งแล้วแต่ก็เปิดไม่ได้สักที ...หรือว่าโดนหลอก?... เธอคิดในใจ ไม่ได้การล่ะ! จะต้องรีบเขียนรางายส่งครูอีกสองอาทิตย์แล้วแท้ๆ จะเสียเวลามานั่งมองหนังสือที่อ่านไม่ได้ทำไม?!  เธอมองซ้ายมองขวาหากระดาษมาเขียนแบบร่าง ก่อนที่จะนำไปพิมพ์ลงเครื่องแล้วปริ๊นให้อาจารย์สุดโหดประจำชั้น

                โอ๊ย!

                คารารันร้องเสียงหลงเมื่อเธอหยิบกระดาษึ้นมาอย่างรีบเร่ง ทำให้กระดาษเฉือนโดนนิ้วของเธอจนเลือดใหล

                แปะ!

                เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล (ซึ่งปกติคนที่โดยกระดาษบาดมือเลือจะไม่ไหล แต่ของคารารันกลับไหลซะงั้น?) หยดลงหนังเล่มสีดำหนึ่งหยด ท่ามกลางสายตาตะลึงของคารารันว่าทำไมแค่กระดาษบาดมือนิดเดียว เลือดมันถึงไหลออกมาเป็นหยดเหมือนโดนกรีดกันละ? เธอกำลังทำท่าจะหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเช็ดเลือด หากแต่สิ่งที่เธอต้องตะลึงค้างรอบสองคือ ทันทีที่เธอเตะหนังสือเล่มนั้นแสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากหนังสือและตรงดิ่งมาที่...เธอ??!

                อั๊ก!!!

                คารารันรู้สึกแน่นที่หน้าอกทันที เหตุการณ์ที่ว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้านั้นพุ่งเขาที่หน้าอก และตรงไปที่ที่อันตรายที่สุดต่อชีวิตน้อยๆของมนุษย์อย่างเธอ.....ใช่แล้ว....หัวใจ!

     

                “เหอ...ที่นี่ที่ไหน? ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? อ๊ะ! หรือว่าฉันตายแล้ว??” คารารันพูดขึ้นมาทันทีที่รู้สึกตัว เธอมองสถานที่รอบตัวอย่างสงสัย ที่นี่คงไม่ใช่นรกหรอกนะ...

                “นายท่าน...ท่านยังไม่ตายหรอก” เสียงลึกลับที่นุ่มนวลฟังแล้วรื่นหู ทำให้คารารันที่กำลังมองซ้ายแลขวาถึงกับชงักและพยายามมองหาที่มาของเสียงลึกลับอย่างตกใจ

                “นั่นใครน่ะ? ...รู้รึเปล่าว่าที่นี่ที่ไหน?” คารารันโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ ภายในใจของเธอก็ภาวนาอยู่ว่าขอให้ที่มาของเสียงนั้นไม่เป็น ผีหรือวิญญาณ เธอจะไม่โกรธเลยถึงแม้ว่าเจ้าของเสียงลึกลับจะเป็นจิ้งจก ตุ๊กแก หรือแม้แต่แมลงสาป แต่ขอร้อง...อย่าเป็นผีเลย....

                “ข้าคือศูนย์กลางของหนังสือแห่งเวทย์มนต์ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นที่มาของเปลวเพลิงสีฟ้าที่ท่านครอบครองอยู่” เสียงลึกลับตอบกลับมา หากแต่คราวนี้กลับกลายเป็นว่าที่มาของเสียงคือเสือโคร่งสีขาวที่มีลายเป็นสีฟ้าหรือน้ำเงินเหมือนกับเปลวไฟกำลังลุกโชน “ข้ามีนามว่า เอเลซัส เป็นจ้าวแห่งการควบคุมเปลวเพลิงสีฟ้าทั้งหลาย...”

                คารารันมองสิ่งมีชีวิตแสนสวยที่มีนามว่า เอเลซัส อย่างตกตะลึง เกิดมาพึ่งเคยเจอเสือสีขาวแล้วมีลายสีฟ้าที่ลุกโชนเหมือนไฟ อ๊ะ! มันก็บอกแล้วนี่หว่าว่าเป็นจ้าวแห่งการควบคุมเปลวเพลิง “น...นาย...บอกว่าฉันครอบครองอะไรนะ?!” เธอถามมันอย่างตกใจ ถ้าจำไม่ผิด มันบอกว่า เธอกำลังครอบครองเปลวเพลิงสีฟ้าอะไรนั่นอยู่!!!

                “ท่านครอบครองเปลวเพลิงสีฟ้า ซึ่งเป็นเปลวไฟที่ร้องแรงและทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้...”

                “บ้าแล้ว...ไม่จริง....มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว นี่ฉันกำลังฝันไปใช่มั้ย? ใช่แน่เลย ฉันกำลังฝันอยู่ ฮะๆ”

                “นายท่าน...ท่านเป็นคนทำพันธสัญญากับวิญญาณของข้าไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วท่านจะปฎิเสธว่าไม่ใช่ได้อย่างไรกัน”

                คารารันชะงักพลางขมวดคิ้ว พยายามนึกให้ออกว่าตนเองไปทำพันธสัญญากับใครที่ไหนหรือเปล่า แต่เท่าที่เค้นความทรงจำมา มันไม่มีนี่นา ...เมื่อเอเลซัสเห็นเจ้านายของมันขมวดจนจะเป็นปมได้อยู่แล้ว มันจึงถ่อนหายใจออกมา “ก็ท่านหยดเลือดลงบนวิญญาณของข้าแล้วนี่นา”

                “หา!?! ฉันจำได้แค่ว่าเลือดของฉันมันบังเอิญไปหยดใส่หนังสือเฉยๆไม่ใช่หรอ ไม่ได้ไปหยดใส่ดวงวิญญาณที่ไหนนี่” คารารันร้องโวยวายออกมา

                “หน้าปกของหนังสือเล่มนั้นก็คือดวงวิญญาณของข้าที่ปกปิดคาถาเวทย์เอาไว้จนกว่าจะมีผู้มาทำพันธสัญญาจึงจะสามารถเปิดอ่านได้”

                “เหอ...”บัดนี้คารารันตะลึงจนสติหลุดออกจากร่างไปเที่ยวที่ดาวอังคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                “หากท่านไม่เชื่อ ก็ขอให้ท่านยื่นมือข้างด้างหนึ่งออกมาแล้วรวบรวมสมาธิไว้ที่ฝ่ามือ แล้วจะปรากฎเปลวเพลิงสีฟ้าทันที ท่านไม่ต้องกลัวหรอก ผู้ควบคุมจะไม่ถูกไฟทำร้าย”

    คารารันลองทำตามทันที ไม่นานนักดวงไฟสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาไม่สิต้องเป็นสีน้ำเงินเข้มมากกว่า เธอมองมันอย่างหลงใหลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางเอเลซัสแล้วพูดพลางยิ้มจนตายี “เป็นเปลวไฟที่มีสีสวยที่สุดเท่าทีฉันเคยเห็นมาเลยล่ะ”

    เอเลซัสมองคารารันด้วยแววตาชื่นชมที่ครั้งแรกก็สามารถสร้างเปลวเพลิงสีน้ำเงินได้และขบขันกับความไร้เดียงสาของเด็กสาว ก่อนจะพูกทิ้งท้ายว่า “บัดนี้ เปลวไฟของข้าได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังวิญญาณของท่านแล้ว พลังของข้าและพลังของท่านจะรวมเป็นหนึ่ง ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก...ข้ายังอยู่ข้างๆท่านเสมอ หลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์จะมีนักเวทย์จากอีกมิติมารับท่านไปยังโลกเวทย์มนต์ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้น ข้าขอให้ท่านศึกษาคาถาจากหนังสือเล่มนั้นให้ดีเสียก่อน เพราะเมื่อไปถึงโลกเวทย์มนต์แล้ว ท่านจะไม่มีเวลาแม้กระทั่งฝึกเวทย์เลยแม้แต่น้อย หากท่านสงสัยเรื่องใดเกี่ยวกับการใช้พลัง ท่านสามารถสื่อสารทางจิตกับข้าได้ทุกเมื่อ ...ขอให้ท่านโชคดี...นายท่านของข้า..”

    “หมายความว่าไงที่ว่าไปโลกเวทย์มนต์....” ยังไม่ทันที่คารารินพูดจบ ทุกอย่างก็หายไปกลายเป็นความมืดทันที...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×