ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blue Blaze

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 : การหลั่งไหลมาของพวกปีศาจ! [ Update 100% ]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 55



    บทที่
    8 : การหลั่งไหลมาของพวกปีศาจ!

    ตอนนี้คารารันและเฮย์ได้เดินทางอยู่ในป่าแห่งความสิ้นหวัง เนื่องจากจะหาทางไปที่ที่สฟิงซ์ตัวนั้นอยู่อย่างใจเย็น เพราะภารกิจนี้ไม่กำหนดเวลา ทำให้เธอและเขาไม่จำเป็นจะต้องรีบเร่งสักเท่าไหร่

    “คารันคุณแน่ใจหรือ ว่าคุณทำภารกิจนี้ได้?” เฮย์ถามคารารินด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ก็จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ ก็คนที่มาเอี่ยวกับภารกิจสังหารหรือขับไล่สฟิงซ์ก็คือเขานี่แหละ!

    “หือ...แน่ใจสิ เคยอ่านในหนังสือไหมว่าถ้ามีคนตอบคำถามของมันได้มันจะฆ่าตัวตายน่ะ?” คารารันพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ก็ตอนเด็กๆปะป๊าชอบเอาเรื่องต่างๆทั้งเรื่องเรียนและพวกเทพนิยายต่างๆมายัดเข้าสมองเธอบ่อยๆ แต่แปลกนะ ที่เธอจำมันได้ทั้งหมดไม่มีตกหล่นเลย ทำให้ใครๆก็บอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้

    “เห แต่เท่าที่ผมมาที่โลกนี้ ก็เคยมีคนตอบคำถามของมันได้นะครับ ไม่ยักเห็นมันจะไปฆ่าตัวตายที่ไหนเลย..”

    “งั้นหรอ...คนต้องใช้วิธีอื่นสินะ สฟิงซ์สมัยนี้มีวิวัฒนาการจริงๆ” คารารันพูดพลางขมวดคิ้ว ในหัวพยายามคิดต้นหาวิธี ขับไล่สฟิงซ์ออกมาโดยมีสายตาคาดหวังจากเฮย์อยู่ข้างๆ หลังจากที่เธอคิดมาสักครู่(ซึ่งคนอื่นคิดว่านานเป็นปี) ก็ตอบมือออกมาฉาดหนึ่ง “รู้แล้ว! เราก็ทำข้อตกลงของมันไง!

    “ข้อ...ข้อตกลงหรือครับ? สฟิงซ์มันจะรู้จัก ข้อตกลง หรือ?” เฮย์ถามอย่างตะลึงกับความคิดนี้

    “เราก็บอกมันสิว่าถ้าเกิดเราตอบได้มันจะต้องออกไปจากที่นี่ ถ้าเราตอบไม่ได้ก็จะให้มันกิน!

    “หะ...หา” เฮย์เหวอไปเลยกับคำตอบแบบนี้ เขาอ้าปากค้างจนกรามห้อยมาถึงอกเลยล่ะ

    “เอาเถอะตอนนี้ก็เย็นมามากแล้ว เราหาที่นอนแถวๆนี้ก่อนเถอะ ตอนนี้เราอยู่ในป่าไม่ใช่หรอ จะไปนอนในโรงแรมได้ยังไง” คารารันพูดพลางถอนหายใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะหาที่ทำเลดีๆในการนอน โดยที่คารารินเลือกนอนบนต้นไปส่วนเฮย์นอนใต้ต้นไม้

    หลังจากนอนไปสักพักเฮย์ก็โพลงขึ้นมา “ว่าแต่คุณดูมั่นใจจังเลยนะ ถ้าเกิดตอบไม่ได้จะทำยังไงล่ะครับ?”

    “อ๋อ...ก็เพราะ...” ยังไม่ทันที่คารารันจะพูดจบก็เกิดเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา มันเสียงดังราวกับก้องไปทั้งโลก...

    เพล้ง!!!!!!

    เสียงนี้ทำให้คารารันถึงกับสะอึก เธอชะงักทันที “เฮย์ นายได้ยินเสียงเมื่อกี้รึเปล่า?” เธอถามเฮย์ด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงมาจากต้นไม้มายืนข้างๆเขาทันที

    “ได้ยินครับ ผมคิดว่าคนทั้งโลกนี้ก็คงได้ยินมันเหมือนกับเรา...เสียงมันเหมือนกับแก้วแตกนะครับ” เฮย์ตอบคำถามของคารารินด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

    “ฉันว่าเรารีบกลับไปที่เขตพื้นที่ฯกันก่อนเถอะ ฉันเริ่มไม่ค่อยมั่นใจกับเหตุการณ์ตอนนี้แล้วล่ะสิ” คารารันกล่าว ซึ่งเฮย์ก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับไปยังเขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญาทันที

     

    “อาเดส เจ้าได้ยินเสียงเมื่อกี้รึเปล่า?” เซซัสถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มีเพียงเหตุการณ์ไม่มากที่จะทำให้เซซัส หนุ่มผู้แสนสำราญคนนี้จริงจังขึ้นมาได้ และเหตุการณ์นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

    “ผนึกแตกแล้วหรือ...? บ้าจริง!ไม่น่าจะแตกไวขนาดนี้นี่!” เฟริอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ หากแต่เสียงเมื่อกี้เป็นเหตุยืนยันอย่างชัดเจนว่าผนึกที่กั้นระหว่างภพมนุษย์และภพปีศาจถูกทำลายไปเรียบร้อย แล้วมันเป็นฝีมือของใครกันล่ะ? ถ้าไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน!

    “ไปที่เขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญา มีคนส่งจดหมายมาว่าไม่ได้มีเพียงผนึกที่แตก ธาตุทั้งหกก็ได้หายไปเช่นกัน เห็นทีเราคงต้องร่วมมือกับผู้ทำพันธสัญญาแล้วล่ะ” อาเดสพูด ที่แขนของเขามีนกส่งสารเกาะอยู่ก่อนจะปล่อยมันไป

    “งั้นพวกปีศาจก็กำลังจะมุ่งหน้ามาที่แดนมนุษย์น่ะสิ!” เอเดียสพึมพัมด้วยสีหน้าหนักใจ

    “ใช่แล้วเราต้องรีบตามหาธาตุทั้งหกมาเพื่อผนึกแดนเชื่อมภพทั้งสองอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเอเดียส! รีบใช้เวทย์เคลื่อนย้ายพาเราไปที่เขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญาเร็วๆเถอะ” ฟรานเลอร์พูดด้วยน้ำเสียงรีบเร่งและกังวล เอเดียสพยักหน้าก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์ทันที...

     

    นายท่าน...ผนึกแตกแล้ว ปีศาจกำลังหลั่งไหลมายังโลกมนุษย์แล้ว... ของเอเลซัสดังก้องภายในหัวของคารารัน

    ว่าแต่ใครกันนะที่ทำลายผนึกนั่น ผนึกนั่นมันแข็งแกร่งมากเลยไม่ใช่หรือ?เฮเลฟพูดขึ้นมาอย่างฉงน เพราะตั้งแต่ร้อยปีที่ผ่านมา ไม่มีใครเคยทำลายผนึกนั่นได้สักคน ทำไมตอนนี้มันแตกได้ง่ายๆกันล่ะ?

    “มันเกี่ยวข้องกับอะไรบางอย่างรึเปล่า....อย่างเช่นถ้าสิ่งๆนั้นหายไปผนึกจะอ่อนแอ...”คารารันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เบามาก จนเฮย์ไม่ได้ยิน ตอนนี้ทั้งคู่เดินทางมาถึงเขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขตพื้นที่ฯ ได้มีทั้งผู้ทำพันธสัญญาและนักเวทย์ต่างๆรวมตัวกันจนแทบจะล้นพื้นที่

    ใช่แล้ว...ธาตุทั้งหกไง การที่ผนึกแข็งแกร่งก็เพราะมีธาตุทั้งหกและที่ผนึกอ่อนแอก็เพราะธาตุทั้งหกหายไป....ว่าไงนะ!!! ธาตุทั้งหกหายไป ไม่จริงน่า!!!!’ เสียงเอะอะโวยวายของเฮเลฟทำให้คารารันส่ายด้วยความอ่อนใจ แล้วทันใดนั้นก็เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา

    “ปีศาจ ปีศาจบุคมาที่เขตพื้นที่แล้ว! มันฝ่าเกราะแห่งแสงมาได้เช่นไร!

    “ปีศาจบุค!! ทำยังไงดี ข้ายังไม่อยากตาย....

    และอีกสารพัดคำโวยวาย พร้องกับเสียงการต่อสู้ที่ดังขึ้นเป็นระยะ เหตุการณ์ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายมาก จนแทบไม่รู้ใครเป็นใคร

    “คารัน แย่แล้วครับ ปีศาจได้แห่มาที่นี่เป็นกองทัพเลย คาดว่ามันคงตั้งใจจะมายึดที่นี่เป็นที่แรกครับ” เสียงของเฮย์เต็มไปด้วยความร้อนรน

    “ไง ไม่คิดจะไปสู้บ้างหรอ?” เสียงเย้ยหยั่นปริศนาที่แสนคุ้นเคย ทำให้ทั้งคู่หั่นหน้าไปทันที พบว่ามีชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มกำลังยิ้มเยาะมองคารารันด้วยแววตาดูถูกโดยด้านหลังของเขามีเอเดียสวิ่งตามมาติดๆพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่เธอไม่รู้จักตามมาด้วย “ว่าไง พ่อนักบวช เห็นอวดดีเหลือเกินนี่ ดูซิว่าเจ้าจะสู้กองทัพปีศาจได้หรือไม่?”

    คารารันหรี่ตามองบุคคลตรงหน้าอย่างพิจารนา โดนที่ไม่ลืมเลื่อนมือมาจับที่ดาบข้างเอวพร้อมกับกระชับมันอย่างแน่นเตรียมที่จะกระชากออดมาทุกเมื่อ

    เห็นที่รอบนี้จะได้ออกสู้จริงๆแล้วล่ะสิ.... คารารันคิดในใจพลางจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง 


    *ช่วยกันคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์หน่อยค่า~ T__T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×