ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blue Blaze

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : นักเวทย์ VS ผู้ทำพันธสัญญา [ Update 100% ]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 55



    บทที่
    6 : นักเวทย์ VS ผู้ทำพันธสัญญา

                “นี่ทำยังไงดี! เอเดียสยังไม่กลับมาเลย ข้าเห็นเดินไปทางที่สฟิงซ์อยู่อ่ะ ทำยังไงดีๆ” อาเดสกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเดินไปเดินมาจนเพื่อนทั้งสามตาหลายกันเป็นแถว

                “โว้ยยย! เจ้าช่วยอยู่นิ่งๆได้ไหม! พวกข้าตาลายหมดแล้ว ถ้าเป็นห่วงนักก็ไปหาซะสิ ถ้าไม่กลัวสฟิงซ์จับไปกินก่อนนะ!!ฟรานเลอร์พูดออกมาอย่างหงุดหงิด

                “เฮ้ยๆ ฟรานเลอร์เจ้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ถ้าเกิดเจ้าอาเดสมันไปจริงๆเราซวยนะเว้ย” เซซัส ชายหนุ่มผมสีทอง ผู้มีหน้าตากวนโอ๊ยมากที่สุดในกลุ่มพูดออกมา

                “พวกเจ้าทั้งหลาย โปรดเห็น หัวข้าหน่อยจะได้ไหม พูดแต่ละคำออกมาน่ะช่วยระวังปากหน่อยสิ คิดว่าเป็น คนธรรมดาแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือ? รักษามารยาทหน่อย!เฟริ หญิงสาวผู้สง่างามที่ไม่ว่าจะทำอะไรต้องสง่างาม ขนาดด่าคนอื่นยังต้องพูดอย่างสง่างาม พูดขึ้นมาอย่างโมโห

                อาเดสคิดไปคิดมาแล้ว หากมัวแต่รออยู่อย่างนี้น้องสาวของตนไม่มีทางกลับมาง่ายๆแน่ๆ จึงเดินพรวดพราดออกไปอย่างรวดเร็วชนิดเพื่อนทั้งสามร้องห้ามไม่ทัน ทั้งสามมองหน้ากันสักพักก่อนจะตัดสินใจรีบตามไปเพราะเป็นห่วงทันที...

     

                “ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้ทำพันธสัญญานี่เอง!” เอเดียสร้องขึ้นมาอย่างเสียงดังพลางมองคารารินอย่างพิจารนา

                “แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าผู้ทำพันธสัญญาต่างกับนักเวทย์ยังไงอ่ะ?” คารารันพูดขึ้นมาอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้ทำพันธสัญญากับ นักเวทย์ต้องเรียกคนละแบบกันด้วย ทั้งๆที่ผู้ทำพันธสัญญาก็มีเวทย์มนต์ไม่ใช่หรือ?

                “อ้อ...ผู้ทำพันธสัญญาจะได้พลังเวทย์มาจากการทำพันธสัญญาและหากจิตวิญญาณของพลังเวทย์ที่ตนสัญญาไว้สูญสลาย พลังเวทย์ที่ครอบครองก็จะสลายไป แต่ก็มีพลังเวทย์บางอย่างที่ผู้จะทำพันธสัญญาด้วยจะต้องมีเวทย์มนต์อยู่ในตัวมาแต่ก่อนถึงจะสามารถควบคุมได้ ไม่งั้นอาจจะโดนพลังนั้นทำร้ายจนตาย ส่วนนักเวทย์คือคนที่มีพลังเวทย์มาตั้งแต่เกิดแบบข้ายังไงล่ะ คนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไปทำสัญญาที่ไหนก็สามารถใช้เวทย์มนต์ได้”

    “อือหือ...เป็นนักเวทย์นี่สบายจังเลยน้า..” คารารันบ่นอุบอิบ

    “เอเดียส! เจ้ามาอยู่ที่นี่เองหรือ...” อาเดสวิ่งมาหาเอดียสก่อนจะตะลึงค้างทันทีที่มองเห็นคาราริน

    “ท่านพี่! ว่าไงล่ะ! วิ่งหอบมาแบบนี้แสดงว่า เพื่อนของท่านมาครบแล้วล่ะสิ เชอะ!” เอเดียสมองผู้เป็นพี่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีด้วยอาการหมันใส้

    “เอเดียส! คนนี้คือใครหรือ?” อาเดสถามน้องสาวของตนพลางชี้มือไปทางบุคคลตรงหน้าอย่างตะลึง

    “ผู้มีพระคุณของข้าเอง! ถามทำไม?!” เอเดียสตอบหน้ามุ่ย “เขาเป็นคนช่วยข้าจากสฟิงซ์เองแหละ ส่วนท่านพี่ก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากยืนรอเพื่อนๆของพี่อยู่นั่น!!

    “ว่าแต่นายเป็นใคร? มาจ้องกันแบบนี้มันเสียมารยาทนะ?!” คารารันถามพลางมองคนตรงหน้าอย่างพิจารนา เขามีโครงหน้าคล้ายเอเดียส คาดว่าคงเป็นพี่น้องกันสินะ แล้วดูจากการแต่งตัว คงเป็นนักเวทย์อีกล่ะสิ “อ้อ...ว่าแต่รู้รึเปล่าว่าทางไปเขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญาต้องไปทางไหน?”

    “ข้าชื่อ อาเดส เป็นพี่ชายของ เอเดียส” อาเดสพูดแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าจะไปที่นั่นทำไมกัน ที่นั่นมีแต่พวกที่เห็นแก่ตัวทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?”

    “ก็จะไม่ให้ไม่ไปได้ยังไงล่ะ! แล้วไอ้ที่นายด่าว่าเห็นแก่ตัวนี่มันโดนฉันด้วยนะ ให้ตายเถอะ!ฉันก็เป็นผู้ทำพันธสัญญานะเฟ้ย!” คารารันร้องโวยวายทันที ไอ้ผู้ชายตรงหน้านี่หยาบคายเป็นบ้า กล้าดียังไงมาว่าคนอื่นเป็นคนเห็นแก่ตัวกัน!

    อาเดสมองบุคคลตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับดึงแขนของเอเดียสน้องสาวของตนให้ออกห่างจากคาราริน “ข้าไม่อยากรู้จักกับพวกเห็นแก่ตัว!

    คารารันเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างดูถูก “หน้าตาก็ดูดีน้า~ แต่คำพูดคำจาของนายมันกลบความดูดีพวกนั้นไปหมดเลยอ่ะ!” พร้อมกับแลบลิ้นด้วยความสะใจ

    “นี่เจ้า!...

    “เจ้าอะไร? คิดว่าพวกไม่มีมารยาทน่าชื่นชมตายล่ะ คนอุตสาห์ช่วยไม่รู้จักขอบคุณกันบ้างเลยนะ”

    “ไม่มีคำขอบคุณสำหรับพวกที่เห็นแก่ตัว!

    “อ้อเหรอ....”

    ตอนนี้เอเดียสเริ่มรู้สึกว่ามีสายฟ้าส่งเสียง เปรี้ยะๆ อยู่ระหว่างทั้งคู่ ก่อนที่อาเดสจะเริ่มรวบรวมพลังเวทย์ไว้ที่ฝ่ามือ ส่วนคารารันก็ดึงดาบออกมาจากฝัก เสียงของใบดาบที่ขูดกับปลอกดาบ ทำให้ทุกคนรู้ว่าดาบเล่มนี้คมเพียงใด

    “เฮ้ย! อาเดส! นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ อย่ามาทะเลาะกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนตรงนี้นะเว้ย” เสียงของเซซัสดังมาแต่ใกล ทำให้เอเดียสถอนหายใจด้วยความโล่งออก อาเดสจำใจต้องสลายพลังในมือส่วยคารารันก็ดันดาบเข้าฝักตามเดิม เธอมองสองพี่น้องด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะเดินจากไปทางที่สฟิงซ์อาศัยอยู่

    “อย่าได้เจอคนแบบนี้อีกเลยเหอะ...” เธอพึมพัมก่อนจะรีบวิ่งจากไปท่ามกลางสายตาสงสัยของผู้มาใหม่ทั้งสามที่มองด้วยความงุนงง

    “อาเดส หนุ่มหน้าหล่อคนนั้นใครหรอ...?” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน

    “อย่าพูดถึงไอ้คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น ข้าไม่ต้องการที่จะได้เห็นหน้าคนแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” อาเดสตอบด้วยความหงุดหงิด

    “เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย...” ก่อนที่ทั้งสามจะหันความสนใจไปหา เอเดียส จนทำให้เธอกลืนน้ำลายพลางส่ายหน้าจนหัวแทบหลุดออกจากคอ

    “ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ใครมันจะไปอยากเล่ากันล่ะ เพราะเล่าอะไรแต่ละที จะโดนสามคนนี้ซักจนหมดเปลือกชนิดหาคำตอบแทบไม่ได้เลยล่ะ

    “ว้า...น่าเสียดายชะมัด แต่ข้าอยากรู้จักเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆนะ เป็นผู้ชายหน้าสวยที่มีเสน่ห์เสียจริง” ฟรานเลอร์พูดด้วยความเสียดาย

                “หุบปาก!!!” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนพูดสินะ.... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×