คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : นักเวทย์ VS ผู้ทำพันธสัญญา [ Update 100% ]
บทที่ 6 : นักเวทย์ VS ผู้ทำพันธสัญญา
“นี่ทำยังไงดี! เอเดียสยังไม่กลับมาเลย ข้าเห็นเดินไปทางที่สฟิงซ์อยู่อ่ะ ทำยังไงดีๆ” อาเดสกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเดินไปเดินมาจนเพื่อนทั้งสามตาหลายกันเป็นแถว
“โว้ยยย! เจ้าช่วยอยู่นิ่งๆได้ไหม! พวกข้าตาลายหมดแล้ว ถ้าเป็นห่วงนักก็ไปหาซะสิ ถ้าไม่กลัวสฟิงซ์จับไปกินก่อนนะ!!” ฟรานเลอร์พูดออกมาอย่างหงุดหงิด
“เฮ้ยๆ ฟรานเลอร์เจ้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง ถ้าเกิดเจ้าอาเดสมันไปจริงๆเราซวยนะเว้ย” เซซัส ชายหนุ่มผมสีทอง ผู้มีหน้าตากวนโอ๊ยมากที่สุดในกลุ่มพูดออกมา
“พวกเจ้าทั้งหลาย โปรดเห็น ‘หัว’ ข้าหน่อยจะได้ไหม พูดแต่ละคำออกมาน่ะช่วยระวังปากหน่อยสิ คิดว่าเป็น ‘คนธรรมดา’ แล้วจะทำอะไรก็ได้หรือ? รักษามารยาทหน่อย!” เฟริ หญิงสาวผู้สง่างามที่ไม่ว่าจะทำอะไรต้องสง่างาม ขนาดด่าคนอื่นยังต้องพูดอย่างสง่างาม พูดขึ้นมาอย่างโมโห
อาเดสคิดไปคิดมาแล้ว หากมัวแต่รออยู่อย่างนี้น้องสาวของตนไม่มีทางกลับมาง่ายๆแน่ๆ จึงเดินพรวดพราดออกไปอย่างรวดเร็วชนิดเพื่อนทั้งสามร้องห้ามไม่ทัน ทั้งสามมองหน้ากันสักพักก่อนจะตัดสินใจรีบตามไปเพราะเป็นห่วงทันที...
“ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้ทำพันธสัญญานี่เอง!” เอเดียสร้องขึ้นมาอย่างเสียงดังพลางมองคารารินอย่างพิจารนา
“แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าผู้ทำพันธสัญญาต่างกับนักเวทย์ยังไงอ่ะ?” คารารันพูดขึ้นมาอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไม ‘ผู้ทำพันธสัญญา’ กับ ‘นักเวทย์’ ต้องเรียกคนละแบบกันด้วย ทั้งๆที่ผู้ทำพันธสัญญาก็มีเวทย์มนต์ไม่ใช่หรือ?
“อ้อ...ผู้ทำพันธสัญญาจะได้พลังเวทย์มาจากการทำพันธสัญญาและหากจิตวิญญาณของพลังเวทย์ที่ตนสัญญาไว้สูญสลาย พลังเวทย์ที่ครอบครองก็จะสลายไป แต่ก็มีพลังเวทย์บางอย่างที่ผู้จะทำพันธสัญญาด้วยจะต้องมีเวทย์มนต์อยู่ในตัวมาแต่ก่อนถึงจะสามารถควบคุมได้ ไม่งั้นอาจจะโดนพลังนั้นทำร้ายจนตาย ส่วนนักเวทย์คือคนที่มีพลังเวทย์มาตั้งแต่เกิดแบบข้ายังไงล่ะ คนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไปทำสัญญาที่ไหนก็สามารถใช้เวทย์มนต์ได้”
“อือหือ...เป็นนักเวทย์นี่สบายจังเลยน้า..” คารารันบ่นอุบอิบ
“เอเดียส! เจ้ามาอยู่ที่นี่เองหรือ...” อาเดสวิ่งมาหาเอดียสก่อนจะตะลึงค้างทันทีที่มองเห็นคาราริน
“ท่านพี่! ว่าไงล่ะ! วิ่งหอบมาแบบนี้แสดงว่า ‘เพื่อน’ ของท่านมาครบแล้วล่ะสิ เชอะ!” เอเดียสมองผู้เป็นพี่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีด้วยอาการหมันใส้
“เอเดียส! คนนี้คือใครหรือ?” อาเดสถามน้องสาวของตนพลางชี้มือไปทางบุคคลตรงหน้าอย่างตะลึง
“ผู้มีพระคุณของข้าเอง! ถามทำไม?!” เอเดียสตอบหน้ามุ่ย “เขาเป็นคนช่วยข้าจากสฟิงซ์เองแหละ ส่วนท่านพี่ก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากยืนรอเพื่อนๆของพี่อยู่นั่น!!”
“ว่าแต่นายเป็นใคร? มาจ้องกันแบบนี้มันเสียมารยาทนะ?!” คารารันถามพลางมองคนตรงหน้าอย่างพิจารนา เขามีโครงหน้าคล้ายเอเดียส คาดว่าคงเป็นพี่น้องกันสินะ แล้วดูจากการแต่งตัว คงเป็นนักเวทย์อีกล่ะสิ “อ้อ...ว่าแต่รู้รึเปล่าว่าทางไปเขตพื้นที่ผู้ทำพันธสัญญาต้องไปทางไหน?”
“ข้าชื่อ อาเดส เป็นพี่ชายของ เอเดียส” อาเดสพูดแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าจะไปที่นั่นทำไมกัน ที่นั่นมีแต่พวกที่เห็นแก่ตัวทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?”
“ก็จะไม่ให้ไม่ไปได้ยังไงล่ะ! แล้วไอ้ที่นายด่าว่าเห็นแก่ตัวนี่มันโดนฉันด้วยนะ ให้ตายเถอะ!ฉันก็เป็นผู้ทำพันธสัญญานะเฟ้ย!” คารารันร้องโวยวายทันที ไอ้ผู้ชายตรงหน้านี่หยาบคายเป็นบ้า กล้าดียังไงมาว่าคนอื่นเป็นคนเห็นแก่ตัวกัน!
อาเดสมองบุคคลตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับดึงแขนของเอเดียสน้องสาวของตนให้ออกห่างจากคาราริน “ข้าไม่อยากรู้จักกับพวกเห็นแก่ตัว!”
คารารันเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างดูถูก “หน้าตาก็ดูดีน้า~ แต่คำพูดคำจาของนายมันกลบความดูดีพวกนั้นไปหมดเลยอ่ะ!” พร้อมกับแลบลิ้นด้วยความสะใจ
“นี่เจ้า!...”
“เจ้าอะไร? คิดว่าพวกไม่มีมารยาทน่าชื่นชมตายล่ะ คนอุตสาห์ช่วยไม่รู้จักขอบคุณกันบ้างเลยนะ”
“ไม่มีคำขอบคุณสำหรับพวกที่เห็นแก่ตัว!”
“อ้อเหรอ....”
ตอนนี้เอเดียสเริ่มรู้สึกว่ามีสายฟ้าส่งเสียง เปรี้ยะๆ อยู่ระหว่างทั้งคู่ ก่อนที่อาเดสจะเริ่มรวบรวมพลังเวทย์ไว้ที่ฝ่ามือ ส่วนคารารันก็ดึงดาบออกมาจากฝัก เสียงของใบดาบที่ขูดกับปลอกดาบ ทำให้ทุกคนรู้ว่าดาบเล่มนี้คมเพียงใด
“เฮ้ย! อาเดส! นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ อย่ามาทะเลาะกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนตรงนี้นะเว้ย” เสียงของเซซัสดังมาแต่ใกล ทำให้เอเดียสถอนหายใจด้วยความโล่งออก อาเดสจำใจต้องสลายพลังในมือส่วยคารารันก็ดันดาบเข้าฝักตามเดิม เธอมองสองพี่น้องด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะเดินจากไปทางที่สฟิงซ์อาศัยอยู่
“อย่าได้เจอคนแบบนี้อีกเลยเหอะ...” เธอพึมพัมก่อนจะรีบวิ่งจากไปท่ามกลางสายตาสงสัยของผู้มาใหม่ทั้งสามที่มองด้วยความงุนงง
“อาเดส หนุ่มหน้าหล่อคนนั้นใครหรอ...?” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน
“อย่าพูดถึงไอ้คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น ข้าไม่ต้องการที่จะได้เห็นหน้าคนแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” อาเดสตอบด้วยความหงุดหงิด
“เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย...” ก่อนที่ทั้งสามจะหันความสนใจไปหา เอเดียส จนทำให้เธอกลืนน้ำลายพลางส่ายหน้าจนหัวแทบหลุดออกจากคอ
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ใครมันจะไปอยากเล่ากันล่ะ เพราะเล่าอะไรแต่ละที จะโดนสามคนนี้ซักจนหมดเปลือกชนิดหาคำตอบแทบไม่ได้เลยล่ะ
“ว้า...น่าเสียดายชะมัด แต่ข้าอยากรู้จักเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆนะ เป็นผู้ชายหน้าสวยที่มีเสน่ห์เสียจริง” ฟรานเลอร์พูดด้วยความเสียดาย
ความคิดเห็น