เกียรติยศหัวใจ (สนพ.บางรัก)
ตอนที่ 19 : อย่าพยายามบีบบังคับ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอฝากท้องไว้ที่นี่ทุกเย็นก็คงไม่เป็นไรนะครับ” อิศรานนท์ถือคติด้านได้อายอด ในหัวแอบปูทางหวังเข้านอกออกในบ้านนี้ได้ง่ายขึ้น
“ได้เลยค่ะ ถ้าคุณนนท์ไม่รังเกียจก็เชิญได้ทุกเมื่อ ทานข้าวกันหลายคนจะได้ไม่เหงา”
ปกติปานพิมเป็นคนพูดน้อย วันๆ นั่งทำงานอยู่แต่กับตัวเอง พอมีคนชี้ชวนซักถามก็ทำให้คลายเหงา แต่เธอก็ไม่ใช่คนไม่สังเกตความผิดปกติอะไรเลย
หลายครั้งที่อิศรานนท์เหลือบมองปัทมนเธอก็แอบจับได้ ในสายตาเธอผู้ชายคนนี้ไม่มีสิ่งไหนบอกว่าเป็นคนมีอุปนิสัยเลวร้าย ในทางตรงกันข้าม ดูเป็นคนอัธยาศัยดีน่าผูกไมตรีซะด้วยซ้ำ อีกทั้งกิริยามารยาทก็เรียบร้อยไม่เป็นที่ขัดหูขัดตา
“ต่อไปให้ถือว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ มีปัญหาหรือเดือดร้อนอะไรคุณปานพิมยกหูหาดิฉันได้ทุกเมื่อ หนูบัวเองก็เหมือนกัน อย่ามองพวกเราเป็นคนอื่นคนไกล” ศุภลักษณ์กำลังเชื่อมความสัมพันธ์ให้ทุกคนได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน
“อ๋อ... ค่ะ”
ใจที่กำลังครุ่นคิดหาทางผลักผู้ชายคนนี้ออกจากชีวิต ทำให้ปัทมนนั่งเหม่อ แม้กับข้าวบนโต๊ะจะเป็นของโปรดหลายอย่าง แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำให้เธอกลืนอะไรไม่ลงคอ
“ดีใจนะคะที่วันนี้เราทุกคนได้เจอและพูดคุยกันอย่างไม่มีอคติ คุณปานพิมกับหนูบัวไม่ถือโทษเคืองโกรธว่าเป็นความผิดของตานนท์กับเรื่องที่แล้วๆ มา นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเรามาก”
หากไม่จำเป็นศุภลักษณ์ไม่อยากพาดพิงถึงการเสียชีวิตของคุณชายภาณุเทพ บาดแผลที่เกิดขึ้นยังสดใหม่ ยังไม่มีใครลืมภาพความทรงจำเลวร้ายได้หมด
“ฉันกับลูกไม่บังอาจคิดแบบนั้นหรอกค่ะ คงมีหลายปัจจัยคุณชายถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น” แม้จะทำใจมาได้สักระยะ แต่สีหน้าของปานพิมเศร้าลงทันทีที่เอ่ยพาดพิงถึงคนรักที่จากไป
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ยังไงตานนท์ก็มีส่วนผิดและต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ดี ฉันกับสามีก็เลยคิดกันว่าจะยกทรัพย์สินทั้งหมดคืนให้กับหนูบัว”
“เอ่อ... ดิฉันพอทราบจากลูกสาวเล่าให้ฟังบ้างแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะเป็นจริง” ปานพิมอึ้งจนพูดไม่ออก สำหรับเธอเพียงกาญจนกุลมีน้ำใจให้อาศัยอยู่ต่อแค่นี้ก็ดีหนักหนา
“แต่คุณปานพิมกับหนูบัวต้องเข้าใจพวกเราด้วยนะคะ ที่ดินมีมูลค่าค่อนข้างสูง ตานนท์เขาใช้เงินส่วนตัวของเขาไถ่ถอนออกมาจากธนาคารตั้งแต่เริ่มต้น การตัดสินใจหลายอย่างฉันกับสามีจึงยกให้เป็นหน้าที่เจ้าของกรรมสิทธิ์”
เพราะลูกชายบีบบังคับ ทำให้เธอต้องพูดตามสคริปที่กำหนดไว้
“ค่ะ ดิฉันเข้าใจ ความจริงพวกเราก็ไม่อยากรบกวนถึงขนาดนั้น แค่ได้อยู่พึ่งใบบุญต่ออีกสักพักแล้วจะรีบหาทางขยับขยายไปอยู่ที่อื่น แค่นี้ก็นับว่าเป็นพระคุณมากล้นแล้ว”
หลังสิ้นคุณชายภาณุเทพปานพิมก็แทบจะไม่สนใจว่าชะตาของวังวรทัศน์จะเป็นอย่างไร การเข้าห้องพระสวดมนต์ทำให้ปลงกับชีวิตและข้าวของเงินทองได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
‘สิ่งไหนที่ไม่ใช่ของเรา ฝืนยังไงก็ไม่มีทางจะได้มา’
“ดิฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่อยากให้เราทั้งสองฝ่ายมีหลักประกันว่าพอโอนที่ดินให้กันแล้ว กาญจนกุลจะยังมีความหมายอยู่”
“ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าคุณศุภลักษณ์กำลังจะบอกอะไรกับพวกเรา”
“เราเคยสูญเสียทรัพย์สินก้อนใหญ่ไปกับการหมั้นหมายคุณปิ๋ว ตานนท์เขาเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น แต่นั่นก็เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว หากไม่จำเป็นเราก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีก... แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในวันข้างหน้าต่างหาก ที่ดิฉันกับสามีให้ความสำคัญ ถ้าดิฉันอยากให้ครอบครัวเราเป็นทองแผ่นเดียวกัน คุณปานพิมจะเห็นว่าอย่างไร”
เธอพูดทาบทามปัทมนต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง เมื่อได้ทำหน้าที่ของแม่อย่างเต็มที่แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดาได้
“...” ปัทมนจ้องประสานสายตากับอิศรานนท์ ใจที่เคยเย็นเป็นน้ำเริ่มเดือดปุดๆ เมื่อเห็นแววตาของผู้ที่คิดว่าตัวเองกำชัยชนะเหนือกว่า
หากเขาคิดจะให้เธอมาแทนที่ใครล่ะก็ บอกเลยว่าเขาคาดหวังมากเกินไป
“ตานนท์เขาอยากให้ดิฉันสู่ขอหนูบัวไปเป็นเจ้าสาวของเขา โดยยินดีจะยกที่ดินพร้อมวังวรทัศน์ทั้งหมดให้เป็นสินสอดทองหมั้น ไม่รู้ว่าทั้งคุณปานพิมกับหนูบัวจะตอบตกลงหรือเห็นเป็นเช่นไร”
“ไม่ตกลงค่ะ!”
เสียงแข็งของคนถูกทาบทามตอบกลับอย่างไม่ต้องหยุดไตร่ตรอง ปัทมนไม่ต้องการเป็นแค่นางบำเรอตีทะเบียน ยอมทำหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายเพื่ออยู่ในที่ๆ เขาจัดให้
@@@@@@@@@@@@@@@
ได้ยินคำปฏิเสธแข็งขันชนิดไม่ไว้หน้าของหนูบัว รับรองหูของอิตานนท์คงกระดิกแน่
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
3 ความคิดเห็น