คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3
บทที่ 3
“พี่โมคะ มิ้นกลับมาแล้ว“หญิงสาวตะโกนบอกพี่สาวที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่มุมประจำ
“กลับซะดึกเลยนะ พี่ให้น้อยหน่าเอาหนังสือไปไว้ที่ห้องหนังสือแล้วนะ อ่อ...อาบน้ำเสร็จลงมาหาพี่ที่ห้องดูโทรทัศน์ด้วยนะ พี่มีธุระสำคัญจะคุยด้วย“
“ห๊า...พี่โม นานทีปีหนไม่ยักกะทำงานทำการ มีธุระกับเขาด้วย อย่าบอกนะว่าเรื่องนั้น“
“ยังไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่อีกก็ไม่นานหรอก“เธอบอกน้องสาว
“งั้นรอมิ้นครึ่งชั่วโมงนะ เดี๋ยวลงมาหา“แล้วหญิงสาวก็พาตัวเองไปยังห้องหนังสือเพื่อไปเอาหนังสือที่ฝากพี่โมซื้อเมื่อวานนี้แล้วก็เดินไปยังนอน เพื่อจัดการธุระส่วนตัว
“มาแล้วๆพี่โม มีอาราย....กับมิ้นว่ามา“หญิงสาวลากเลียง
“คือว่า พี่บอกคุณพีว่าเราเป็นพวกนักออกแบบ“
“พี่โมไปบอกเขาทำไม“หญิงสาวถามพี่สาว
“ก็พี่ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร“พี่สาวตอบ
“ไม่ใหญ่ได้ไง ถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้ล่ะ“มิ้นไม่แย่หรอ
“น่าๆ“พี่สาวทำเสียงแบบขอไปที
“แล้วไปคุยอะไรกับเขาอีกเนี่ย“น้องสาวถาม
“ก็เขาบอกว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ เพราะบริษัทของเขากำลังมีปัญหา“
“ปัญหา ทำไมเขาต้องมาขอความช่วยเหลือด้วย ปัญหาใครก็ปัญหามันสิ แก้กันเอง ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย“
“แต่พี่รับปากแล้วว่าจะช่วยเขา“พี่สาวบอก ที่จริงเธอก็รับปากเขาไปอย่างนั้น เพราะถ้าเองก็ไม่รู้ว่าน้องสาวเธอจะยอมไหม และเธอก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับน้องสาวเธอมากนัก รู้แต่ว่าน้องสาวของเธอน่าจะพอรู้จักนักออกแบบคนนั้น ที่ชื่อช่างศิลป์ เพราะน้องสาวของเธออยู่ในวงการนี้น่าจะพอเรื่องรู้ราวมากกว่าเธอ
“พี่โมล่ะก็นะ ตกลงเขาให้ช่วยอะไรล่ะ“เธอถามพี่สาวที่คุยกันมาตั้งนานไม่ยอมบอกเธอซะทีว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
“ก็พี่บอกเขาว่าเราน่ะน่าจะพอรู้จัก พวกนักออกแบบบ้างน่ะสิ เอ..ให้พี่นึกก่อนนะว่าบอกอะไรเขาไปบ้าง อ่อ... พี่บอกว่า เราน่าจะเคยได้ยินนักออกแบบที่ชื่อช่างศิลป์ เขาชมว่าคนนี้มีฝีมือนักออกแบบเลยอยากขอร้องให้เราช่วยกันหาคนมีฝีมือคนนี้มาร่วมทำงานร่วมกันที่บริษัทเขา พี่ก็แค่เห็นเราอยู่ในวงการเดียวกับคนที่เขาต้องการหาก็แค่นั้น“
พี่โมล่ะก็นะ หาเรื่องอีกแล้ว จริงๆเลย เธอคิดในใจ ก็จะเป็นใครที่ไหนล่ะ คนที่พี่สาวเธอต้องการให้เธอช่วยหาตามคำข้อร้องของชายหนุ่มคนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าพี่สาวตัวเองอยู่นี่ ที่นี้ตูจะทำไงเนี่ย...ฟังไปก่อนอย่าเพิ่งตื่นตูม
“อ่อพี่นึกขึ้นได้อีกอย่างนะ เขาอยากรู้จักเราด้วย เห็นเราว่างๆ เราน่าจะไปทำงานที่บริษัทเขานะ เขาต้องการคนเพิ่ม แก้ขัดประมาณนี้แหละ“พี่สาวพูดตรงตามนิสัยเปิดเผย
เชอะ...เห็นเราเป็นตัวสำรอง จะช่วยดีไหมเนี่ย เธอคิดในใจ
“ก็อย่างที่บอกนะ เราน่ะว่างๆ น่าจะไปทำงานกับเขา งานที่เราชอบไง“
“อืมๆ“หญิงสาวส่งเสียง
“ว่าไงเรา“พี่สาวถาม
“ก็ไม่มีไร คิดดูก่อน“ เธอตอบ
“พี่โม“เธอเรียกพี่สาว
“คือว่า มิ้นได้ยินมาว่า ช่างศิลป์เขารับทำงานไม่ประจำนะ แล้วก็หาตัวยากมาก“เธอเน้นคำว่ายากมาก
เธอเลือกที่จะปิดบังพี่สาวว่าเธอเป็นช่างศิลป์ ที่จริงเธอก็ไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยากแต่ที่ทำแบบนี้ เธอมีเหตุผลบางอย่าง นั่นคือเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวกับคนในครอบครัว ว่าที่จริงแล้วเธอก็มีฝีมือเหมือนกัน เธออยากสร้างผลงานให้ได้มากๆ แม่กับพ่อจะได้ยอมรับในตัวเธอ ว่าเธอเลือกทำสิ่งที่ถูก ตอนนี้เธออยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆกับการเป็นนักออกแบบ ขอแค่เวลาสั้นๆก่อนการเข้ารับตำแหน่งทายาทบริษัทที่ต้องทำงานบริหารของบิดา เพราะมันคงยุ่งมากที่จะทำให้เธอไม่มีเวลามาทำในสิ่งที่เธอรัก เธอต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อสิ่งที่ดีที่สุด แต่เธอเองก็หวังลึกๆว่า เธอจะสามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมๆกันและอย่างเปิดเผย ไม่เป็นอย่างอดีตและปัจจุบันนี้
“หรอมิ้น แย่จัง พี่ก็รับปากเขาซะดิบดีเลย“
“เอาเป็นว่า เรื่องทำงานที่บริษัทเขามิ้นจะคิดดูอีกที แต่ยังไม่รับปากนะ ส่วนเรื่องช่วยสืบหาช่างศิลป์ อันนี้ก็คงต้องใช้เวลาหน่อย ไว้มีความคืบหน้าแล้วมิ้นจะมาบอกนะ“
“อ่อ พี่โม คือว่าวันนี้มิ้นไปบ้านเอ็มมา พี่โมรู้เรื่องหรือยัง“เธอเปลี่ยนเรื่องบุบปับ เพราะนึกขึ้นได้และกลัวลืม
“เรื่องอะไรนะเรา“
“ก็เรื่องเอ็มไง“
“มีอะไรเหรอ น้องเอ็มเขามีเรื่องอะไร บอกมาสิ เงียบอยู่ได้“เธอถามหลังจากเห็นน้องสาวทำท่าจะบอกแต่ยังไม่บอก แถมทำน่าเศร้า
“เร็วๆสิ พี่ง่วงแล้วนะ“
“ก็ ก็“น้องสาวยังคงอ้ำอึ้ง ไม่ยอมบอกเสียที
“งั้นพี่ไปนะ“เธอทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้
“ก็ เอ็มเขาจะแต่งงาน“
“แต่งงาน“พี่สาวพูดย้ำด้วยเสียงสูง ท่าทางตกใจ
“แต่งงาน กับใคร เมื่อไหร่ ทำไมพี่เห็นข่าวเลย“
“มิ้นก็เพิ่งรู้นี่แหละ เอ็มเขาเพิ่งบอกว่าใหมิ้นเตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าสาว“
“อีกไม่กี่วันคงจะมาเชิญคุณพ่อกับคุณแม่“
“แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ“พี่สาวถาม
“ก็เร็วๆนี้ ไม่ถึงอาทิตย์“
“ทำไมเร็วจัง“
“จริงๆแล้วเพื่อนของเธออยากแต่งซักปีหน้า แค่หมั้นไว้ก่อนแต่ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ยอม“ก็นะเพื่อนเธออกจะน่ารักขนาดนั้น มันก็เลยเร็วแบบนี้
“เห็นบอกว่ามันฉุกละหุก เรื่องเตรียมงาน เลยยังไม่มีเวลามาเชิญเรา“
“ไม่เป็นไรหรอกในเมื่อเรารู้แล้ว มาต้องมาเชิญด้วยตัวเองก็ได้ แต่พี่ไม่รู้นะว่าพ่อกับแม่จะกลับมาทันไหม ตายจริง แต่งเมื่อไหร่นะ“พี่สาวถามย้ำ
“ประมาณวันศุกร์นะ“
“เหรอ ห๊า วันศุกร์ แล้วเราจะแยกร่างยังไงเนี่ย“
“วันศุกร์มันงานเปิดตัวเรานะ ที่บริษัท“
“อ่าว...จริงเหรอพี่โม มิ้นลืมไปเลยนะเนี่ย ทีนี้ทำไงดี มิ้นต้องไปเป็นเพื่อเจ้าสาวนะ“
“ไม่รู้ล่ะ เราต้องจัดการแบ่งร่างเอาเองแล้ว“
พี่โมไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆนะเนี่ย เธอคิดในใจ
“เลื่อนไปก่อนได้ไหมอ่ะ พี่โมงานเปิดตัวมิ้นอ่ะ“
“ไมได้ คุณพ่อกับคุณแม่ให้เลขาเชิญแขกเหรื่อไว้แล้ว“
“ตายจริงๆ“พี่สาวอุทาน เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ที่บริษัทนั้น แฟนของเธอต้องมาด้วย แล้วที่นี้เธอจะทำไงเนี่ย มีหวังถ้าเจอกัน โดนซักแน่ว่าทำไมติดต่อไม่ได้
“ใครตายพี่โม” น้องสาวตัวดีถามหลังจากพี่สาวอุทานแล้วทำหน้าเครียด
“ไม่มีไร ๆ” พี่สาวตอบเธอ
“ไม่มีไรก็ดีแล้ว แค่นี้ก็วุ่นจะแย่” เธอบอกพี่สาวไปแบบนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ได้เชื่ออย่างที่ปากบอกพี่สาวไปว่า ไม่มีไรจริงๆ มันต้องมีอะไรแน่
เฮ่อ... วุ่นจริงๆไหนจะเรื่องตัวเอง ไหนจะเรื่องที่รับปาก ไหนจะยังมีปัญหาของน้องสาวอีก แต่ปัญหาของน้องสาวไม่ใช่ปัญหาของเราเลยไม่ต้องเครียดเท่านี้
สองพี่น้องทำหน้าเครียด ก่อนจะราตรีสวัสดิ์กันเพื่อแยกย้ายไปนอนที่ห้องของตนเอง
เวลาเที่ยงคืนผ่านไปหญิงสาวยังคงไม่นอน เพราะต้องบั่นงานชิ้นสุดท้ายของบริษัทที่รับงานให้เสร็จ ก่อนที่จะหมดสัญญาจ้างชั่วคราว
เธอคิดว่าเธอคงต้องวางมือชั่วคราว แล้วหันมาเอาการเอางานกับงานบริหารของบิดาอย่างเต็มที่ ความรู้ที่เรียนมาเรื่องการบริหารยังคงถูกฝังอยู่ในสมอง มีแต่ความรู้เรื่องออกแบบที่นำมาใช้ เธอคงต้องขุดออกมาทบทวนบ้าง เพราะมีหวังถึงคราวทำงานจริงคงได้อายพนักงานบริษัทแน่ เพราะเป็นถึงลูกสาวและทายาทที่จะบริหารงานต่อ ทั้งยังทีจบถึงต่างประเทศ แต่ความรู้มีแค่หางอึ่ง
เฮ่อ.. เหนื่อยใจจริงๆ เธอถอนหายใจพร้อมกับบ่นพึมพำๆกับตัวเอง
ทำงานได้สักพักเธอเดินเข้าครัว ฟาดอาหารเย็นที่ถูกเตรียมไว้ให้เธอเสียเรียบ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่มีแรงจะทำงานต่อได้ยังไง
ในที่สุดวันหยุดอันแสนวิเศษอีกวันก็ผ่านพ้น จากกิจวัตรเดิมๆที่เธอมักทำ นั่นก็คือ อ่านหนังสือ ดูหนัง และก็นอน ส่วนพี่สาวของเธอน่ะหรอ ออกไปช๊อปปิ้งตั้งแต่บ่าย แล้วเพิ่งกลับมาตอนเย็น ทานข้าวด้วยกันแค่มื้อเย็นมือเดียวแล้วก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน
รุ่งอรุณอันแสนวิเศษก็มาถึง เช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อของคนทำงานในเมืองกรุงที่ต้องออกไปทำงานแต่เช้า แต่สำหรับเธอยังไม่ถึงเวลานั้น ขอแค่ใช่เวลาที่แสนสบายนี้ทำในสิ่งที่เธอชอบและรัก
พี่โมก็อีกตามเคยอยู่ไม่เคยติดบ้าน หลังจากหายจากอาการแฮงค์หรืออาการเมาค้าง ก็ออกไปข้างนอก ตามกิจวัตรของเธอนั่นก็คือ เที่ยว เที่ยว แล้วก็เที่ยว ช่างสบายจริงๆพี่เรา ไม่เห็นพี่โมจะเครียดกับเรื่องอะไรซักอย่างยกเว้นเรื่องของตัวเองเลย เฮ่อ...
วันนี้เธอต้องออกจากบ้าน เพื่อไปหาเพื่อนสาวที่นัดกันไว้ตั้งแต่วันเสาร์ ว่าเอ็มจะไปเธอไปพบเจ้าบ่าว แล้วก็ไปเลือกชุดแต่งงานด้วยเลย
“มิ้นจ๊ะ วันจันทร์มิ้นเจอกันที่ร้านชุดแต่งงานนะจ๊ะ แล้วมิ้นจะได้หาซื้อชุดเพื่อนเจ้าสาวด้วยเลยไงจ๊ะ“นั่นคือเสียงที่เพื่อนสาวบอกเธอ และแล้ววันเวลานัดหมายก็มาถึง
“เอ็มเหรอ มิ้นอยู่ที่ร้านแล้วนะ“
“จะ จะ พอดีเอ็มก็ใกล้ถึงแล้ว“
หลังจากเห็นรถคันเล็กของเพื่อนสาว เธอก็เลือกจอดข้างๆ หญิงสาวที่ตอนนี้เป็นว่าที่เจ้าสาวในอนาคตกำลังลงจากรถคันงาม แล้วเดินตรงมายังร้าน แต่เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าที่เจ้าบ่าวเลย
“หวัดดีจะมิ้น“ เอ็มทักทายเธอ
แต่เธอไม่ทักทายเปล่า กับโผเข้ากอดเพื่อนสาว
“เป็นไรไปจ๊ะมิ้น“ เธอถามเพื่อนเธอ ซึ่งดูเหมือนกลัวว่าเธอจะหนีหายไปไหน
“ก็มิ้นคิดถึงง่ะ“ เธอตอบไปตามตรง
“ปล่อยเอ็มก่อนนะจ๊ะ เรารอคุณเคนแป๊ปนึงนะจ๊ะ ป่านนี้คงใกล้ถึงแล้ว“ เพื่อนสาวบอกเธอ
“งั้นดีเลย เล่ามาซะดีๆ ปิดอยู่ได้ บอกมาซะดีๆไปเจอเขาที่ไหน นาย
“จะจะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ รอเคนไปในตัวด้วย “
“ก็คุณเคนเราพบกันที่ร้านจิลเวอรี่น่ะจะ พอดี เอ็มจะซื้อเครื่องเพชรไปฝากคุณ
“เหรอ ว่าต่อสิ“
“เราคบกันมาหกเดือนแล้ว“
“หกเดือน“เธอร้องอุทาน
“จะ หกเดือน“เพื่อนเธอย้ำหน้าตาย
“เอานั่นไงจ๊ะมาแล้ว“แล้วเพื่อนสาวของเธอก็เดินไปหาชายหนุ่มร่างสูง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลูกครึ่งนี่แหละ ครึ่งอะไรน้าที่เอ็มเคยบอกที่บ้าน ไทยกับอ่อ...อเมริกานี่เอง
“สวัสดีจะ เคน เหนื่อยไหมคะ นี่เพื่อนเอ็มเองคะ ชื่อมิ้น“
“สวัสดีครับคุณมิ้น“ชายหนุ่มร่างสูงทักทายหญิงสาว
“สวัสดีคะ“หญิงสาวทักทายกลับ พร้อมกับสำรวจชายหนุ่มไปในตัว จนเอ็มเพื่อนของเธอเริ่มกระแอม ให้เธอเกรงใจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าบ้าง เพราะเธอนั้นจ้องซะหมดไส้หมดพุง
“ขอโทษนะคะ พอดีกำลังสำรวจคุณอยู่“หญิงสาวพูดตามตรงจนชายหนุ่มหัวเราะ
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ เพื่อนคุณนี่ตลกจังเลยนะครับเอ็ม“
“คะ มิ้นเขาก็เป็นแบบนี้แหละคะ ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม“
“จ้าๆ โทษทีนะจ๊ะเอ็ม ไปเราไปเลือกชุดกันเถอะเดี๋ยวเสียเวลา“
และแล้วเอ็มก็ได้ชุดวิวาห์แสนสวยสีครีมมีระบายน้อยๆ เป็นชุดวิวาห์ที่ดูเรียบๆแต่ดูหรูมีสไตล์ ซึ่งเธอเองเป็นคนเลือกให้เพื่อน
ส่วนเธอก็ได้ชุดเพื่อนเจ้าสาวเช่นกัน ทั้งที่จริงๆแล้วไม่อยากจะใส่เลย เพราะมันช่างดูเป็นผู้หญิงเสียนี่กระไร แต่จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นงานแต่ง แถมเธอยังเป็นเพื่อเจ้าสาว
เธอเลยกลายร่างเป็นนางฟ้าแสนสวยที่ยืนข้างเจ้าสาวที่ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าว่าที่เจ้าบ่าวต้องตะลึงในความงาม แล้วก็ความสดใสน่ารักที่เข้ากับชุดสีขาวเกาะอก ยาวแค่เข่า ซึ่งเอ็มเป็นคนเลือกให้
จะว่าไปแล้ว วันนี้เอ็มสวยที่สุด แต่เธอเองก็น่ารักไม่แพ้กัน จนเคนอดชมไม่ได้
“ผมว่าคุณทั้งสองสวยมากเลยครับ“
“จริงเหรอคะ“ เอ็มถามชายหนุ่ม พร้อมหน้าแดง ต่างจากมิ้นที่ยืนหัวเราะคิกคักกับคำชมนั้น
“คุณมิ้นหัวเราะทำไมหรอครับ หรือว่าผมพูดผิด“
“อ๋อเปล่าคะ คือมิ้นคิดว่ามันไม่เข้ากับมิ้นเอาเสียเลย“
และแล้วฝ่ายว่าที่เจ้าสาวก็เดินไปหาแฟนหนุ่มที่เพิ่งชมเธอเมื่อครู่ เธอเพิ่งทันสังเกตว่าเขาใส่ชุดแต่งงาน ทำให้เขาดูหล่อเหลาขึ้นเป็นกอง
“คุณเองก็หล่อขึ้นนะคะ “เอ็มชมแฟนหนุ่ม แล้วชายหนุ่มก็หอมแก้มแฟนตัวเองที่ไม่อายต่อ พนักงานในร้าน
“แอ่มๆๆขอโทษนะจ๊ะที่ขัดจังหวะ ฉันขอขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ แล้วก็จะขอตัวกลับเลยนะ “
“เอ็มกับคุณเคนต้องอยู่ถ่ายรูปต่อใช่ป่ะ“
“จะ “ เอ็มตอบรับ
“งั้นลากันตรงนี้เลยนะเอ็มจ๋า “แล้วหญิงสาวก็เดินไปหาเอ็ม ดึงเพื่อนสนิทตัวดีมากอด
“มิ้นก็“ เอ็มทำท่าเขิน
“คุณเคนดูแลเอ็มดีๆนะคะ“
ครับ ชายหนุ่มตอบรับ คนที่เขารักยังไงเขาต้องดูแลให้ดีที่สุดอยู่แล้ว แล้วชายหนุ่มก็จูงมือหญิงสาวเข้าไปที่สตูดิโอเพื่อถ่ายรูปชุดวิวาห์ก่อนแต่งงาน
หลังจากหญิงสาวขับรถถึงบ้านก็ขึ้นห้องนอนแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม พร้อมกับหลับไปอย่างง่ายดายทั้งๆที่ยังฟ้าไม่มืดเลย
“พี่ฟาร์ครับ“เฟร์เรียกพี่ชายตัวเองที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ห้องอาหาร
“หืม มีไรนายฟาร์“พี่เฟร์ถามกลับ
“ผมได้ดำเนินการหาคนมีฝีมือมาทำงานที่เราต้องการแล้วนะครับพี่“
“แต่ต้องรอฟังข่าวว่าจะได้ไหม แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่าผมคิดว่า เราน่าจะติดประกาศรับสมัครคนเพิ่มนะครับ“
“อืม พี่ก็ว่างั้น“
“ผมว่าเราจะได้นักออกแบบหน้าใหม่ เราต้องคัดคนจริงๆแล้วล่ะพี่เฟร์ เอาให้มีฝีมือจริงๆ ความสร้างสรรค์ไม่ซ้ำแบบใคร“
“อืม พี่ก็คิดอย่างนั้นนะ งั้นงานนี้พี่ให้นายรับผิดชอบไปเลยนะ“
“ครับพี่“
“งั้นเดี๋ยวพี่บอกเลขาให้นะว่านายจะเข้ามาทำงานนี้เต็มตัว เธอจะได้จะเตรียมที่ทางในบริษัทไว้ให้แล้วก็ให้เธอติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์เลยพร้อมทั้งติดต่อฝ่ายบุคคลด้วย“
“ครับพี่“
“งานนี้นายคงเหนื่อยหน่อยนะ เพราะเราต้องการคนมีฝีมือ“
“ผมทราบครับพี่เฟร์“
“อ่อผมลืมถาม ทำไมวันนี้พี่เฟร์กลับเร็วจังครับ “
“อ่อ ก็พี่มีเรื่องจะบอกเราด้วยไง ถ้าไม่ทักพี่ลืมไปเลยนะเนี่ย“ชายหนุ่มบอกน้องชาย
“วันศุกร์นี้มีงานเปิดตัวน้องสาวคุณโม“
“น้องสาวแฟนพี่เฟร์หรอครับ“
“ใช่ พี่อยากให้ถึงไวๆจัง ไม่ได้เจอหน้าคุณโมมาหลายวันแล้ว พี่ว่าเดี๋ยวนี้เธอแปลกๆไป เหมือนไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์พี่เวลาพี่โทรไป“
ก็ใช่น่ะสิพี่ เธอคิดจะบอกเลิกพี่นี่นา นายฟาร์คิดในใจ เขาไม่อยากบอกให้พี่ชายรู้ เพราะถ้าบอกไปคนที่รักแฟนตัวเองขนาดนั้น แล้วคิดที่จะแต่งงานด้วยคงไม่เชื่อแน่ๆว่าแฟนตัวเองจะทำแบบนี้
ให้ตายเถอะ ยังไม่เคลีย์กันอีกหรอเนี่ย นึกว่าจบกันไปแล้ว เขาคิดต่อ ทำไมยัยนั่น แฟนพี่เฟร์น่ะ ไม่รีบทำให้มันจบๆกันซะที อย่างนี้พี่เฟร์ก็ทรมาณแย่น่ะสิ มัวแต่รอคอยว่าเมื่อไหร่จะเจอหน้าแฟน ทั้งๆที่แฟนตัวเองมัวแต่หลบหน้า เขารู้ได้ไงน่ะหรอ เห็นอยู่ชัดๆว่าพฤติกรรมมันฟ้อง
ถ้าเจอตัวนะจะจัดการให้น่วมเลย แฟนพี่ก็แฟนพี่เถอะ
øøøøøøø
ความคิดเห็น