คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 (ยังไม่ถึงไหนเลยนะคะ ยังไงช่วยเม็นๆๆๆด้วยนะคะ)
บทที่ 2
ในที่สุดรุ่งอรุณวันใหม่ก็มาถึง ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงนอนที่นุ่มและอบอุ่นกำลังหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง แต่ด้วยอาการมึนหัวทำให้เธอต้องลุกขึ้น ด้วยความที่ลุกเร็วและไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างบางเซลงบนเตียงอีกครั้ง เธอต้องการที่จะไปล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สร่างแก่อาการมึนหัวจากฤทธิ์แอลกฮอล์ที่เธอคิดว่าดื่มไม่มากนัก
หลังจากร่างบางลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว เธอก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนขาสั้นทำให้รู้สึกสบายตัวยิ่งนัก วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เธอไม่อยากจะออกไปไหน ซึ่งปกติแล้วเธอจะต้องตื่นสายเล็กน้อยแล้วอาบน้ำแต่งตัวไปทำกิจกรรมที่เธอชอบ นั่นก็คือการเดินห้าง ช๊อปปิ้ง ทานอาหารร้านอร่อย และไปเที่ยวคลับร้านประจำที่เธอไปเมื่อคืนนี้ ซึ่งการไปไหนมาไหนของเธอจะมีเขาอดีตคนรัก จะเรียกว่าอดีตคนรักก็ไม่ถูกเพราะเธอยังไม่เลิกกับเขา เรียกว่าแฟนที่กำลังคบกันอยู่จะมาคอยดูแลและอยู่เคียงข้างเสมอจะดีกว่า เธอมีเหตุผลที่เธอไม่อยากจะบอกใครโดยเฉพาะเขาที่ดีแสนดีจนเธอไม่กล้าที่จะบอกเลิกโดยตรงจึงวานน้องสาวให้ไปทำธุระสำคัญครั้งนี้ให้ นั่นก็คือการส่งจดหมายบอกเลิก แต่การบอกเลิกทางจดหมายครั้งนั้นก็เป็นอันล้มเหลว เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าน้องชายของเขาคนที่น้องของได้เธอส่งจดหมายไปให้นั้นน้องชายของเขาจะบอกข่าวแก่พี่ชายหรือแฟนเธอหรือยัง ถ้าบอกแล้วเธอคงไม่มีหน้าไปพบเขา แล้วเขาเองก็คงจะต้องมาหาเธออย่างแน่นอน อย่างน้อยเขาก็คงต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของเรา
นี่กระมังคือเหตุผลที่เธอไม่ค่อยอยากออกจากบ้านอีกข้อหนึ่งนอกจากอาการมึนศรีษะที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้
“พี่โมตื่นหรือยัง เสียงน้องสาวของเธอเรียกเธอหน้าประตูห้อง“
“ตื่นแล้วๆ อย่าเสียงดังสิยัยมิ้น พี่ยิ่งปวดหัวอยู่นะ“
“ไปทานข้าวได้แล้วพี่โม เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะ ปกติพี่โมตื่นสายอย่างนี้ประจำแน่ๆเลยใช่ไหมเนี่ย แล้วป้าแจ่มได้เตรียมของแก้แฮงส์ไว้แล้วนะ“เสียงน้องสาวตัวดีบอก
“จ้าๆ ไปๆ ลงไปข้างล่างกัน“
“ระหว่าทางลงบันไดสองพี่น้องได้สนทนากัน“
“พี่โม วันนี้มิ้นไม่อยู่นะคะ“
“อ่าวแล้วเราจะไปไหนเนี่ย“
“ก็พี่โมบอกมิ้นเองไม่ใช่เหรอคะว่าให้ออกไปไหนมาไหนบ้าง อย่ามัวอยู่แต่บ้าน“
“ย้อนพี่นะเรา“
น้องสาวตัวดีทำหน้ากวน
“มิ้นจะไปทำธุระน่ะสิพี่โม“
“เพิ่งกลับมาเมืองไทยมีธุระเยอะจังเลยนะเรา“
“มีธุรกิจกับธุระกับเพื่อนๆน่ะสิพี่โม กลับมาแล้วไม่ได้เจอเอ็มตั้งนาน ติดต่อกันแต่ทางอีเมล์ ไม่รู้เป็นไงบ้าง คิดถึงแล้วก็อยากจะชวนเอ็มเค้าไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าซะหน่อย“
“ก็ตามใจนะ“
“อ่อ เหลืออีกไม่กี่วันนะเราพ่อกับแม่ก็จะกลับมาแล้ว อย่าลืมเตรียมตัวไปงานเปิดตัวที่บริษัทด้วยนะ“
“คับผม“น้องสาวตอบรับด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่จริงแล้วมันไม่เข้ากันเลย
“เป็นผู้หญิงนะเราทำอะไรให้มันดูเป็นผู้หญิงหน่อยได้ไหม เรื่องแต่งตัวจะให้พี่บอกกี่ครั้งฮะ ว่าแต่งตัวให้มันสมกับเป็นผู้หญิง“
“พี่โมอย่าบ่นมากนักเลย“น้องสาวตัวดีย้อนต่อ
“เอาเป็นว่ามิ้นจะเป็นตัวของตัวเอง ไปล่ะนะพี่โม แล้วพี่โมจะเอาไรไหม อ่อเย็นนี้เรามาชำระคดีกันเรื่องเมื่อวาน อย่าหายตัวไปไหนซะล่ะพี่โม“น้องสาวย้ำ
“อย่างกับพี่จะกลัว ฮึ“โมลียาตอบกลับไป พี่สาวก็แสบไม่ใช่ย่อย กินกันไม่ลงจริงๆ
หลังจากเถียงกับพี่สาวเรียบร้อย เธอก็ได้พาตัวเองไปจัดการธุระที่ทางบริษัทติดต่อมาตอนเช้า เธอเลือกที่จะไม่ไปบริษัทเพราะเธอได้ตกลงกับบริษัทไว้แล้วถึงการไม่ปรากฏตัวของเธอแต่ที่เธอต้องออกจากบ้านมา เพราะต้องการที่จะไปหาเพื่อนสนิทที่มีกับเขาคนเดียว นิสัยอย่างเธอเป็นคนห้าวๆลุยๆ แทนที่จะมีเพื่อนเยอะ แต่เธอกลับเลือกคบเพื่อน เพราะเธอต้องการเพื่อนแท้มากกว่าเพื่อนกินที่มีกันหลายคนแต่ไม่จริงใจ เอ็มเพื่อนสาวต่างนิสัยกับเธอ เพราะเพื่อนของเธอช่างเรียบร้อยและอ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรี เหมือนผ้าพับไว้ต่างจากเธอและโดยเฉพาะพี่สาวของเธอที่ดูจะเรียบร้อยแต่กลับเปรี้ยวได้ใจ
“สวัสดี ติดต่อฝ่ายออกแบบ“เธอกรอกเสียงผ่านทาง Smalltalk เพราะตอนนี้เธอกำลังขับรถอยู่
“ไม่ทราบว่านั่นใครคะ“เสียงประชาสัมพันธ์สาวของบริษัทยักษ์ใหญ่ส่งออกผลิตภัณฑ์และเสื้อผ้า
“ช่างศิลป์“เธอตอบ
“นั่นใช่ช่างศิลป์จริงๆเหรอคะ“ ประชาสัมพันธ์ถามย้ำด้วยอาการตื่นเต้น เพราะน้อยนักจะติดต่อมาทางโทรศัพท์ ยกเว้นแต่ประธานบริษัทเท่านั้นที่เธอจะให้เกียรติโดยการไปพบปะสักครั้งสองครั้ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องปิดเป็นความลับว่าเป็นเธอ ซึ่งฝ่ายนั้นของแต่ละประธานบริษัทก็ตกลง ปกติเธอจะติดต่อธุระทางอีเมล์หรือผ่านการสนทนากับประธานแต่ละบริษัทผ่านทางคอมพิวเตอร์ ใครไม่รู้อาจจะหาว่าเธอเล่นตัว หรือมีเหตุผลอะไรกันแน่ที่ต้องทำแบบนั้น หรือว่าต้องการให้ตัวเองดูลึกลับแล้วจะได้ดังขึ้น แต่การทำเช่นนั้นเป็นเพราะเธอต้องปกป้องตัวเองนั่นเอง
“ใช่“เธอตอบกลับประชาสัมพันธ์
“ช่างศิลป์เป็นผู้หญิงหรือคะ ตื่นเต้นจัง“
“ขอโทษนะ ช่วยต่อสายฝ่ายออกแบบให้ด้วย“
“คะ คะขอโทษคะ“ประชาสัมพันธ์ตอบกลับละล่ำละลักทางโทรศัพท์
“สวัสดีครับ ฝ่ายออกแบบพูด ขอโทษนะครับที่รบกวนเวลาของคุณ และรบกวนคุณให้ช่วยโทรมา“
“เรื่องเสื้อผ้าที่คุณออกแบบ พอดีทางเราต้องการให้คุณออกความเห็นเรื่องการใช้สีว่าแบบที่คุณออกแบบนั้นควรจะใช้สีใดจึงจะเหมาะ“
“อืม“หญิงสาวคิดตามที่ฝ่ายออกแบบของบริษัทนั้นพูด
“ที่จริงแบบที่ส่งไปก็ได้บอกรายละเอียดไว้แล้วนะ“
“จริงเหรอครับ ผมต้องขอโทษ อาจจะมีปัญหาเรื่องเอกสารที่ส่งมา อาจเกิดข้อผิดพลาดในฝ่ายรับข้อมูลซึ่งอาจตกหล่นไป หากเกิดอะไรขึ้นทางเราจะรับผิดชอบเองครับ“
“เอาเป็นว่า คุณไม่ต้องคิดมากแล้วกัน ลองกลับไปหาให้เจอ ถ้าไม่เจอ ฉันจะส่งไปให้อีกที
แค่นี้นะ“ เธอพูด
“ขอบคุณช่างศิลป์มากๆเลยครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ“
“เช่นกัน“หญิงสาวตอบกลับ
และแล้วการสนทนาที่แสนจะยาวนานก็จบลงพร้อมกับจุดมุ่งหมายที่เธอออกจากบ้านมา
รถยนต์คันเล็กที่จอดไว้นานแสนนานที่อยู่ที่บ้าน บัดนี้มาจอดอยู่ที่บ้านของเพื่อนสาว
แล้วเธอต่อสายหาเพื่อนทันที
“หวัดดีจ้าเอ็ม“
“สวัสดีคะ นั่นใครคะ“
“อะไรกันอะไรกัน ลืมเพื่อนได้ไง“
“เพื่อนเหรอคะ เอ่..ขอคิดก่อนนะคะว่าดิฉันมีเพื่อนด้วย“
“โธ่อะไรกันคับ เอ็มคนดี๊คนดี อย่าแกล้งกันสิ“
“มิ้นใจหายนะ“
“ก็ได้จะ มิ้น เป็นไงมาไงจ๊ะ ถึงได้โทรมาหากัน ปกติได้แต่ส่งเมล์มาหา“
“ก็ เซอร์ไพร์ไงคับคนดี“
“ไม่ต้องมาคับเลยนะ“
“มิ้นบอกมานะคะว่าทำไมถึงโทรมาได้“
“ก็ที่โทรมาได้ เพราะอยู่หน้าบ้านเอ็มไงคับ“
“หน้าบ้านเอ็ม“เพื่อนสาวตกใจ
“ใช่แล้ว ดังนั้นกดปุ่มเปิดประตูด้วย มิ้นจะได้เอารถเข้าไปกอดในบ้านแล้วจะเข้าไปกอดเอ็มให้หายคิดถึงเลย “
“บ้าแล้วมิ้น มากอดอะไรกันจ๊ะ เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่เข้าใจผิดว่าเอ็มเป็นดี้ไม่รู้นะ“
“ก็ดีสิ มิ้นจะได้รับผิดชอบ“
“เอ่ จริงๆเลยนะมิ้นเนี่ย“
“สรุปจะไม่ให้มิ้นเข้าบ้านเอ็มใช่ไหมเนี่ย“
“จะ จะ โทษทีเอ็มลืม“
หลังจากนำรถคันเล็กไปจอดที่หน้าตัวบ้านหลังใหญ่ เธอก็เห็นเพื่อนสาวยืนคอยอยู่หน้าประตูบ้าน
“เอ็มๆๆมิ้นเรียกชื่อเพื่อนสาวเสียงดัง“
“เบาสิจ๊ะมิ้น เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่บ่นเอา“
“จ้าๆ โทษที“
“ไม่พูดคับแล้วหรอ“เพื่อนสาวแซว
“อืมๆ ก็อยากนะทำไมล่ะ“
“ก็นะดูสภาพเธอตอนนี้สิ อย่างกับทอมแน่ะ“
“อย่าบอกนะว่าเอ็มจะบ่นมิ้นอีกคน ตอนออกจากบ้านพี่โมบ่นก็มิ้นไปรอบแล้ว“
“จ้าๆ ไม่บ่นแล้ว ไปไหว้คุณพ่อคุณแม่กัน คุณพ่อท่านอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนคุณแม่ท่านดูหนังอยู่ ถ้าท่านทั้งสองรู้นะว่าใครมาต้องดีใจแน่ๆเลย“
“จ้าๆ วันนี้มิ้นจะอยู่บ้านเอ็มให้ท่านทั้งสองเบื่อมิ้นไปเลยดีไหม“
“เราเข้าบ้านกันเถอะจะ“
แล้วเพื่อนสาวทั้งสองก็จูงมือกันเข้าบ้านหลังใหญ่
อีกด้านหนึ่งหญิงสาวร่างบอบางกำลังง่วนกับการจัดเสื้อผ้าที่ไม่ต้องการออกมาจากตู้เสื้อผ้า เพื่อให้ป้าแจ่มเอาไปให้คนรับใช้ภายในบ้านที่ยังสาวๆอยู่โดยเฉพาะน้อยหน่าสาวใช้วัยรุ่นที่เพิ่งเข้ามาในบ้านซึ่งเป็นหลานของป้าแจ่มเอง ซึ่งเธอก็เอ็นดูเหมือนน้องสาว
“ป้าแจ่มคะ เสื้อผ้าในห้องที่มิ้นกองไว้ในห้อง รบกวนป้าแจ่มเอาออกมาด้วยนะคะแล้วฝากให้น้อยหน่าด้วยนะคะให้เธอมาเลือกเอาว่าชอบชุดไหน แล้วถ้าจะเอาชุดพวกนี้ไปขายหรือไปบริจาคก็ได้นะคะ“เธอบอกป้าแจ่ม คนรับใช้ที่ทำงานบ้านเธอมาตั้งแต่รุ่นเก่าแก่
“คะคุณหนู ทำไมคุณหนูซื้อเสื้อผ้ามาเยอะจังเลยล่ะคะ“
“ป้าแจ่มก็รู้นะคะว่าโมชอบแต่งตัว แล้วใช่ว่าโมอยากจะทิ้งหรือเอาไปขายนะคะแต่ชุดพวกนี้ โมใส่ไปหลายงานแล้ว เดี๋ยวคนเขาหาว่ามีแต่ชุดเก่าๆโมเลยต้องหาของใหม่เข้าตู้บ้างสิคะ ถ้าไม่เอาออกมาโมคงต้องซื้อตู้เสื้อผ้าเพิ่มแทนจริงไหมคะ“ ป้าแจ่ม
คนรับใช้ที่รู้นิสัยคนบ้านนี้ถึงกับถอนหายใจ กับเหตุผลที่คุณหนูของเธอยกมาอ้าง
บ้านที่ป้าแจ่มทำงานอยู่ขณะนี้ ป้าแจ่มทำงานมาตั้งแต่สมัยปู่ ครั้งเมื่อเธอยังเป็นสาวๆ และเธอก็ได้รับเมตตาจากลูกหลานของคุณปู่ที่ยังจ้างคนแก่ๆอย่างเธอให้ทำงาน ทั้งที่จริงๆแล้วน่าจะหาคนที่ทำงานได้มากกว่ามาทำงานบ้าน ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณและเพื่อให้การทำหน้าที่ดูแลบ้านไม่ขาดตกบกพร่อง เธอจึงให้หลานสาวที่อยู่บ้านนอกเข้ามาทำงานเป็นเด็กรับใช้ ให้มาทำงานที่หนักและเธอทำเองไม่ได้ แต่แทนที่เธอจะไม่รบกวนคุณท่านทั้งสองเพิ่ม ท่านทั้งสอง คือคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูทั้งสองกับอุปการะน้อยหน่าหลานสาวให้ได้เรียนโรงเรียนมัธยมต่อ ซึ่งถ้าจะให้พ่อแม่ของน้อยหน่าส่งเสีย ป่านนี้น้อยหน้าคงทำนาเลี้ยงควาย และจบแค่ประถมหกเท่านั้น ไม่แน่อาจจะเกเรอยู่ต่างจังหวัดก็เป็นได้ นับเป็นความโชคดีที่เธอและน้อยหน่าได้รับ และถึงแม้ว่าคุณหนูทั้งสองจะมีนิสัยต่างกัน และถึงจะดื้อกับคุณท่านบ้าง แต่เธอเองก็รู้ว่าคุณหนูทั้งสองจิตใจดี
ปริ๊นๆ เสียงแตรรถหน้าบ้าน ซึ่งกดแตรได้สองครั้ง เจ้าของรถซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูรั้ว
“นั่นใครมาคะ ป้าแจ่ม“
“เดี๋ยวอิฉันให้น้อยหน่าไปดูนะคะ“
“จะป้าแจ่ม งั้นโมไปดินเล่นในสวนกล้วยไม้นะคะ“
“คะคุณโม“
“คุณคะมาหาใครคะ“น้อยหน่าทักชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่หน้าประตู
“คือว่า ผมมาหาคนบ้านนี้“
“ไม่ทราบว่าคุณมาให้คะ“
“คือผมมาหา เอ่อ.. “
“คุณท่านทั้งสองไม่อยู่คะ ส่วนคุณโม..เธอ“
“ใช่ครับผมมาหาคุณโม ผมเอารถมาส่งคืนเธอครับ“
น้อยหน่ายังคงงงว่าทำไมชายแปลกหน้าถึงเอารถมาคืน เพราะดูเหมือนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่น่าจะเหมือนเด็กส่งรถ เพราะเขาแต่งตัวภูมิฐาน แม้จะใส่แค่เสื้อยืดสีขาว ใส่เกงเกงยีนดูมีราคา ที่สำคัญความหล่อที่บาดใจน้อยหน่าอย่างจัง นั่นคือ ใบหน้าเรียวคางมน ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเล็กๆน่ารัก ริมฝีปากที่เผยอเล็กน้อยเพราะชายหนุ่มทำปากให้ผิดรูป สีริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ดูเหมือนริมฝีปากผู้หญิง ผมซอยสั้นเขากับรูปหน้า พร้อมทั้งร่างกายที่สมส่วนเห็นได้ชัดภายใต้เนื้อผ้าเสื้อยืดบางเบาที่ชวนมองยิ่งนัก ที่สำคัญชายหนุ่มคาดผ้าคาดผมสีขาวที่ดูแล้วจะเป็นวัยรุ่นหรือเป็นผู้ใหญ่ก็ยากจะเดา
“ขอโทษนะครับ คุณโมอยู่ไหมครับ“เขาถามย้ำอีกครั้ง ทำให้สติของน้อยหน่ากับมาอยู่ที่ตัวอีกครั้งหลังจากที่สำรวจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“คุณเป็นเพื่อนเธอหรือคะ“
“ครับ งั้นคอยสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันกดปุ่มเปิดประตูให้“
“ขอบคุณนะครับ“ชายหนุ่มพูดกับสาวใช้ด้วยท่าทางสุภาพ ทำให้น้อยหน่าใจเต้นโครมคราม
หรือว่าจะเป็นแฟนคุณ
“สวัสดีครับ“ชายหนุ่มทักทายคุณสูงวัยกว่า หลังจากที่นำรถมาจอดที่โรงจอดรถของบ้านที่เห็นรถประมาณ สามคัน คือรถขนาดครอบครัวหนึ่งค้น รถเบนซ์หนึ่งคันดูเหมือนจะเป็นรถของพ่อแม่เธอ และรถของคุณโมที่จอดอยู่ข้างรถเบนซ์ซึ่งเขาเป็นคนนำรถเข้ามาจอดเอง แต่ดูเหมือนว่ายังมีรถอีกคันที่ถูกใช้งาน เพราะมีคราบน้ำมันเครื่องจากรถยนต์อยู่ที่พื้น ซึ่งโดยรวมแล้วบ้านนี้มีรถอยู่สี่คันนั่นเอง หรือว่าคุณโมจะไม่อยู่นะ ถึงไม่มีรถจอดอยู่ แล้วทำไมคนบ้านนี้ถึงให้เขาเข้ามาในบ้าน
“ผมมาหาคุณโม ไม่ทราบว่าเธออยู่ไหมครับ ผมเอารถมาคืนครับ“
“สวัสดีคะ ดิฉันเป็นคนดูแลบ้านนี้ มาหาคุณโมเหรอคะ เธออยู่ที่สวนกล้วยไม้ เกรงว่าคุณจะเดินหลง เพราะสวนของเราค่อนข้างใหญ่ อิฉันให้น้อยหน่านำทางไปนะคะ“
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไปหาเธอเอง“
“งั้นก็ตามใจคุณคะ“หญิงสูงวัยจึงบอกทางแก่ชายหนุ่ม
หลังจากผ่านทางที่แม่บ้านบอก ก็ถึงที่สุดท้ายคือเป้าหมายที่เขาต้องการมา นั่นคือมาพบหญิงสาวที่ชื่อโม
เขาเห็นหญิงสาวนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้กางสวนกล้วยไม้ที่ร่มรื่น เขาจึงเดินเข้าเงียบๆ เพื่อไม่ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ เขาสังเกตการณ์แต่งกายของเธอวันนี้เธอต่างจากเมื่อวานที่เขาเห็นมากนัก เพราะเธออยู่ในเสื้อผ้าสบายๆกับใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางชวนมองยิ่งนัก
“คุณคิดถึงใครอยู่เหรอครับ“ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหญิงสาว
“อุ๊ย ตายจริง“หญิงสาวอุทาน
“ยังไม่ตายครับ“
“ขอโทษคะ ที่ฉันไม่ทันเห็นคุณ“
“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษที่ผมรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณ“
“ฉันต่างหากล่ะคะที่รบกวนคุณ ให้คุณเอารถมาให้ฉัน“
“ผมเต็มใจครับ“
“คุณโมมีพี่น้องไหมครับ“ชายหนุ่มถาม
“มีคะ มีน้องสาว“
“เหรอครับ ผมว่าน้องสาวคุณโมต้องน่ารักเหมือนคุณโมแน่ๆเลยครับ“
หญิงสาวหัวเราะ เมื่อชายหนุ่มพูดจบ
“ฉันนี่หรอคะน่ารัก“
“ครับผมพูดจริงๆ ไม่น่ารักอย่างเดียวนะครับ คุณโมยังสวยด้วยครับ ผมว่าคุณต้องสวยทั้งกายสวยทั้งใจแน่ๆเลยครับ“
“คุณก็ชมโมเกินไปแล้วคะ“
“แล้วคุณ
“มีครับ ผมมีพี่ชาย“
“จริงเหรอคะ พี่ชายคุณปากหวานเหมือนคุณไหมคะ“
“พี่ผมเหรอครับ เราไม่ค่อยเหมือนกันซักเท่าไหร่ครับ พี่ผมน่ะสุภาพบุรุษ ส่วนผมน่ะมันคนละอย่างกันครับ ว่ากันง่ายๆ“
“จริงเหรอคะ ไม่น่าเชื่อนะคะ“
“ฉันกับน้องสาวเราก็ต่างกันนะคะ โดยเฉพาะนิสัยและความชอบ“
“จริงด้วยนะครับ“แล้วชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ
“วันนี้คุณโมไม่ไปไหนเหรอครับ“ชายหนุ่มถาม
“คะ โมยังเวียนหัวอยู่เลยคะ“
“คุณโมไม่สบายเหรอครับ“
“สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานล่ะกัน โมกะว่าจะดื่มแก้เครียดนิดเดียว แต่ไม่รู้ว่าดื่มไปเยอะขนาดนั้น“
“คุณโมเครียดเรื่องอะไรเหรอครับ หรือว่าทะเลาะกับแฟน“
หญิงสาวไม่ตอบพร้อมทำหน้าเศร้า ไม่ใช่เพราะทะเลาะหรอก แต่เป็นเธอเองที่คิดจะตีจากจากเขา ผู้ชายที่เธอรัก เธอรู้ว่าเขาพยายามติดต่อมา ซึ่งน้องสาวเธอบอกมาว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งติดต่อมา ซึ่งน่าจะเป็นคุณเฟร์ เพราะเขามักจะให้เลขาสาวติดต่อมาอย่างนี้เสมอ เธอจึงเลือกที่จะไม่พกโทรศัพท์จะได้ไม่ต้องพูดหรือคุยกับเขา
“คุณโมไม่สบายใจอะไรบอกผมได้นะครับ ผมเต็มใจช่วย แม้เราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมเต็มใจ“
“ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วงโม“
“คุณรีบกลับไหมคะ เย็นนี้เชิญทานข้าวด้วยกันนะคะ คุณจะได้รู้จักน้องสาวโมด้วยไงคะ คุณจะได้รู้ว่าเราสองคนเหมือนหรือต่างกัน แล้วจะเป็นเหมือนที่ฉันพูดจริงหรือเปล่า“
“ขอบคุณครับ งั้นผมคงต้องโทรไปบอกพี่ชายให้ทานข้าวก่อนเลยไม่ต้องคอยผม“
“คะ เชิญตามสบาย งั้นดิฉันขอตัวไปบอกป้าแจ่มก่อนนะคะว่าให้ทำกับเผื่อคุณเพิ่มอีกที่ เชิญคุณโทรศัพท์เลยนะคะ“
“ครับ“ ชายหนุ่มตอบรับ
หลังจากที่หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มก็ต่อหมายเลขไปหาพี่ชาย
“พี่เฟร์ครับ วันนี้ผมไม่ทานข้าวที่บ้านนะครับ“
“อ่าวเหรอ วันนี้เห็นป้านีทำกับข้าวที่นายชอบด้วยนะ“
“ขอโทษครับพี่ พอดีผมจะไปทานข้าวบ้านเพื่อน“
“เหรอ อืม ๆ“พี่ชายตอบรับ
“แล้วพี่อยู่ไหนครับ“ชายหนุ่มถามพี่ชาย
“พี่อยู่ร้านหนังสือ ถ้าใกล้เวลาทานข้าวแล้วพี่ถึงจะกลับน่ะ“
“ครับพี่ ฝากบอกขอโทษป้านีด้วยนะครับ“
“อืมๆ ระวังป้านีน้อยใจนะ ไม่กลับมาทานข้าวบ้านบ่อยๆ แล้วนายเองก็เพิ่งจะกลับมาเมืองไทย ป้านีที่รักแกมากคงน้อยใจแย่“
“เอาไว้ผมจะต้องได้กินฝีมือป้านีแน่นอนครับพี่เฟร์ ฝากบอกป้าด้วยนะครับ ว่าอย่าเพิ่งน้อยใจ“
หลังจากสนทนาทางโทรศัพท์เสร็จ ชายหนุ่มก็เดินมายังตัวบ้าน เพื่อต้องการพูดคุยกับหญิงสาวต่อแต่ไม่ทันได้มองหา เขาก็เห็นเธอนั่งลงที่โซฟารับแขก นั่งคอยเขาอยู่แล้ว
“เรียบร้อยแล้วเหรอคะ“หญิงสาวถาม
“ครับ“ชายหนุ่มตอบ
“มื้อนี้ผมขอฝากท้องไว้ที่บ้านคุณนะครับ“
“คะ“แล้วหญิงสาวก็ยิ้ม
เมื่อหญิงสาวยิ้มแล้วชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มนั้นทำให้ใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานที่ยิ้มส่งมาให้เขานั่นเอง
แต่ไม่นานรอยยิ้มเล็กๆที่แสนอ่อนหวานก็จางไปเพราะเสียโทรศัพท์ที่เข้ามาขัดจังหวะพอดี หญิงสาวจึงลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ดังอย่างต่อเนื่อง เพราะโทรศัพท์ค่อนข้างอยู่ไกลจากโซฟาที่เธอนั่งอยู่
“ขอตัวสักครู่นะคะ“หญิงสาวบอกชายหนุ่ม
“เชิญครับ“ชายหนุ่มตอบรับ
“สวัสดีคะ“หญิงสาวกรอกเสียงไปที่ปลายสาย
“พี่โม มิ้นนะคะ“
“อ่าว เย็นแล้วนะเรา ยังไม่กลับบ้านอีก“
“อืมๆๆ“เสียงน้องสาวส่งเสียงผ่านโทรศัพท์
“ว่าไงเรา จะกลับกี่โมง อย่าบอกนะว่ากลับดึก“
“ถูกต้องนะคับผม วันนี้มิ้นจะทานข้าวที่บ้านเอ็มนะ จะอยู่คุยกับคุณพ่อคุณแม่เอ็มเสียหน่อย รู้สึกเหมือนมิ้นจะตกข่าว บางอย่าง ที่เพื่อนมิ้นไม่ยอมส่งข่าวมาบอกน่ะสิพี่โม ถ้ามิ้นยังอยู่ต่างประเทศป่านนี้คงแย่“
“เหรอ งั้นฝากสวัสดีท่านทั้งสองด้วยนะ แล้วก็ฝากทักทายน้องเอ็มด้วย“
“ได้เลยพี่โม มิ้นฝากบอกป้าน้อยนะว่าให้เก็บส่วนของมิ้นไว้ด้วย ไม่ต้องทิ้ง มิ้นอาจจะกลับไปกินตอนดึก คืนนี้มิ้นน่าจะทำงานดึกอยู่นะ“
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่บอกให้ จริงๆพี่กะจะแนะนำเพื่อนพี่ที่รู้จักเมื่อวานให้เรารู้จักซะหน่อย เราน่ะจะได้รู้ไงว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ จะได้ไม่หาว่าพี่เชื่อใจใครง่ายๆ“
“เอาไว้คราวหลังล่ะกันพี่โม“
“แค่นี้นะคะ พี่โม เอ็มเรียกแล้ว“
หลังจากวางสายเสร็จ เธอก็เดินไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โซฟา
“ขอโทษนะคะที่ให้คอย พอดีน้องสาวโมโทรมาคะ บอกว่าจะทานข้าวบ้านเพื่อน“
“หรอครับ งั้นวันนี้เราก็ทานกันสองคนใช่ไหมครับ“
“ใช่คะ“หญิงสาวตอบ
“คุณ
“เรื่องอะไรเหรอคะ“
“คือขอโทษนะครับที่ผมถือวิสาสะดูของคุณโมที่อยู่บนรถยนต์ คือว่าผมเห็นของใช้ต่างๆที่อยู่บนรถคุณโม กับหนังสือมากมายที่ยังไม่แกะ เป็นของคุณโมใช่ไหมครับ“
“ก็บางส่วนนะคะ ไม่ใช่ของโมทั้งหมด มีของน้องสาวโมด้วย โมบอกหรือยังคะ ว่าน้องสาวของโมชื่ออะไร“
“ยังครับ“ชายหนุ่มตอบ
“เธอชื่อมิ้นคะ“หญิงสาวบอก “พวกหนังสือทั้งหมดนั้นเป็นของน้องสาวโมคะ ส่วนพวกของใช้ แล้วเสื้อผ้าเป็นของโม ตายจริง“หญิงสาวอุทาน พูดถึงแล้วก็ลืมเอาของลงจากรถ
“โมขอตัวสักครู่นะคะ จะไปบอกให้น้อยหน่าเอาของลงจากรถขอตัวสักครู่นะคะ“เมื่อนึกขึ้นได้เธอก็เดินไปหาน้อยหน่าที่ครัว ให้น้อยหน่าไปเอาของที่รถ เพื่อจะได้เอาเสื้อผ้าไปซักแล้วก็เอาหนังสือของมิ้นไปเก็บที่ห้องหนังสือ ทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียว
ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของหญิงสาวลับเข้าไปในครัว แล้วเขาก็นั่งคิดอะไรเพลินๆ
รู้สึกว่าในนั้นมีหนังสือออกแบบ ลองถามดูดีกว่าว่าน้องสาวคุณโมที่ชื่อมิ้นทำงานอะไร ถ้าทำงานเกี่ยวกับออกแบบ อย่างนี้ต้องลองให้คุณโมติดต่อคุณมิ้นดู ถ้าคุณสมบัติของคุณมิ้นตรงตามที่พี่เฟร์ต้องการ เราอาจจะได้ใกล้ชิดคุณโมมากยิ่งขึ้นกว่านี้ก็ได้ เขาเรียกว่าอะไรน้า... อ๋อ หาแนวร่วม ความคิดดีแฮะเรา
“คุณโมครับ“ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวขณะที่เธอกำลังนั่งลงที่โซฟา
“คะ“หญิงสาวตอบรับ
“คือว่าน้องสาวคุณโมทำงานอะไรครับ“
คำถามที่ชายหนุ่มถามทำให้หญิงสาวต้องคิดหนัก เพราะงานของมิ้นที่จริงก็ไม่ได้ถึงกับต้องปิดบังใคร แต่เธอรู้เหตุผลของน้องสาวที่ต้องปิดเป็นความลับ
“เอ่อ.. “
“งานออกแบบหรือเปล่าครับ“ชายหนุ่มถามย้ำ
“คะ“ในที่สุดเธอก็ตอบเขาไป
“ออกแบบอะไรหรือครับ“
“จริงๆโมก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามิ้นเขาทำอะไรบ้าง เพราะเธอเพิ่งกลับจากต่างประเทศ คือว่าเธอเพิ่งเรียนจบคะ“
“เหรอครับ“
“น้องสาวคุณโมเรียนที่ประเทศอะไรครับ เผื่อว่าตอนนั้นผมกับคุณมิ้นอาจอยู่ประเทศเดียวกัน“
“อังกฤษคะ“
“เหรอครับ ผมก็เพิ่งกลับมาจากประเทศอังกฤษ“
“จริงเหรอคะ บังเอิญจัง“
“คุณหนูคะ จะรับประทานอาหารเลยไหมคะ คือว่าอิฉันจะได้ให้น้อยหน่าตั้งโต๊ะ“เสียงแม่บ้านขัดการสนทนา ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันถามต่อ
“คะ ป้าแจ่ม ตั้งโต๊ะเลยคะ“
“ไปกันคะ คุณ
“ครับ“
ที่โต๊ะอาหารมีเพียงหญิงสาวกับชายหนุ่มเพียงสองคนที่กำลังรับประทานอาหารรสเลิศฝีมือป้าแจ่ม
“อาหารอร่อยจังนะครับ“
“คะ ป้าแจ่มเธอมีฝีมือในการทำอาหาร“
“ผมอยากจะตอบแทนคุณโมจังครับที่ทำให้ผมได้ทานอาหารมื้ออร่อยมื้อนี้“
“ไม่เป็นไรคะ“หญิงสาวตอบ
“คราวหน้าผมอยากเชิญคุณโมไปทานข้าวที่บ้านผมได้ไหมครับ ผมอยากเชิญคุณโมกับคุณมิ้นไปพบพี่ชายผมด้วยครับ เราจะได้รู้จักกันไว้ครับ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันไงครับ“
“ไม่รบกวนคุณดีกว่าคะ แล้วฉันก็ไม่แน่ใจว่ามิ้นเค้าจะไปไหม รายนั้นเค้าไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร“
“เหรอครับ แย่จัง“ชายหนุ่มทำท่าผิดหวัง
“เอาเป็นว่า ฉันจะไม่ตัดน้ำใจคุณล่ะกันนะคะ ถ้ามีโอกาสฉันก็จะไม่ปฎิเสธคำเชิญของคุณดีไหมคะ“
“ครับๆ“ชายหนุ่มตอบรับ
“คุณโมครับ คือว่าที่บริษัทของพี่ชายผม กำลังมีปัญหาครับ“
“ปัญหาอะไรเหรอคะ ร้ายแรงมากไหมคะ“หญิงสาวถาม พร้อมทำสีหน้าตกใจ
“คือว่า ... “ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง
“อะไรคะ เผื่อมีอะไรที่โมช่วยได้ โมยินดีช่วยเต็มที่เลยคะ“
“ทางบริษัทกำลังหานักออกแบบฝีมือดีอยู่ครับ แล้วตอนนี้ผมกำลังสนใจอยู่คนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเขาหรือเธอคนนั้นน่ะครับ อยู่ที่ไหน ผมรู้มาว่านักออกแบบมีชื่อคนนั้นกำลังทำงานให้บริษัทนึงอยู่ แต่คงใกล้หมดสัญญาเต็มที “
“ว่าต่อสิคะ“
“ครับ เค้าออกแบบผลิตภัณฑ์และเสื้อผ้าที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ ผมเลยอยากรบกวนคุณโมน่ะครับ“
“ต่อสิคะ“
“คือว่าผมคิดว่า คนในวงการเดียวกันอย่างคุณมิ้น น่าจะเคยได้ยินนักออกแบบคนนั้น ผมอยากให้เค้ามาทำงานที่บริษัทเรา“
“เหรอคะ งั้นดิฉันจะลองถามดูให้นะคะ“
“ขอบคุณครับ ถ้าผมมีโอกาสผมอยากจะลองคุยกับคุณมิ้นเองได้ไหมครับ แบบว่าเผื่อทางเราอาจขอให้คุณมิ้นไปช่วยงานที่บริษัทด้วย“
“ก็น่าจะได้นะคะ“หญิงสาวตอบชายหนุ่ม
“ไว้ฉันจะแนะนำคุณให้น้องสาวรู้จักอีกทีหนึ่งนะคะ“
“ขอบคุณมากๆครับ“
“อ่อว่าแต่ นักออกแบบคนนั้นชื่ออะไรเหรอคะ เผื่อฉันจะได้บอกน้องสาวถูก“
“ช่างศิลป์ครับ“
“คะ“
หลังจากทานอาหารเสร็จ หญิงสาวก็ขับรถไปสงชายหนุ่มที่หน้าปากซอยทั้งๆที่ชายหนุ่มปฎิเศษ เนื่องมาจากเขาต้องเอารถมาคืนหญิงสาว จึงไม่ได้ขับรถตัวเองมา ทำให้ต้องกลับแท๊กซี่
“ขอบคุณมากนะครับ ไว้โอกาสหน้าผมจะมาเยี่ยมนะครับ“
“ยินดีคะ บ้านนี้ต้อนรับคุณเสมอคะ“
พี่เฟร์ครับ ผมกำลังเริ่มงานที่ผมรับปากพี่เฟร์แล้วนะครับ จะหาว่าผมกลับมาไม่ช่วยงานพี่ไม่ได้นะ ชายหนุ่มคิดในใจ หลังจากคิดเรื่องงานเรียบร้อย อีกใจก็คิดถึงใบหน้านวลของหญิงสาวที่เพิ่งจากมาเมื่อไม่นานนี้ เฮ่อ....หรือว่าเรากำลังจะตกหลุมรักนะ
ความคิดเห็น