คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10
บทที่ 10
ชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งจะกลับถึงบ้านเมื่อเวลาประมาณห้าทุ่มครึ่งได้เลี้ยวรถยนต์มาจอดยังที่จอดประจำของตน เย็นนี้เขาได้ไปร่วมงานสละโสดของเพื่อนที่วันพรุ่งนี้จะเป็นเจ้าบ่าวและถูกตีตราโดยหญิงสาวหรือเรียกได้ว่าไม่โสดอีกต่อไปแล้ว งานเลี้ยวเป็นไปอย่างง่ายๆ ต่างก็เล่าเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เพราะเขาถูกซักใหญ่ว่าไปทำอะไรมาบ้างขณะที่อยู่ที่ต่างประเทศ เรื่องราวถูกผลัดเปลี่ยนจนครบสมาชิกในกลุ่ม ต่อด้วยการดื่มเหล้า ตอนนี้ว่าที่เจ้าบ่าวกลังเมาอยู่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีแรงลุกไหม คงต้องให้คนที่บ้านจัดการหามขึ้นนอน
เขาตรงขึ้นนอนโดยที่ไม่แวะไปทักทายพี่ชาย เพราะคิดว่าพี่ชายคงกำลังหลับอยู่เป็นแน่ เขาจึงเลือกที่จะเข้าห้องนอนตนเองทันที จัดการกับตนเองและหลับลงอย่างง่ายดาย เพราะพรุ่งนี้เขาต้องไปงานแต่งเพื่อน ก็อย่างที่บอกว่า ไม่รู้เจ้าบ่าวเป็นไงบ้างนะ พรุ่งนี้ถ้าไม่มีเจ้าบ่าวเขาจะเป็นเจ้าบ่าวแทนเพื่อนซักวันก็อย่าว่ากันแล้วกันนะเพื่อน แล้วเขาก็หัวเราะกับความคิดตนเองเมื่ออยู่ในห้วงฝันซึ่งเขาก็ไม่คิดว่า ซักวันหนึ่งเขาจะเจอคนที่รัก หรือคนที่รักเขา เขาคงยังไม่พร้อมกระมัง อยู่เป็นโสดอย่างนี้ดีกว่า จิตใต้สำนึกของเขาตอบตนเอง
หากแต่อีกด้านหนึ่งของชายหนุ่มที่กลับมาบ้านก่อนชายหนุ่มที่หลับไปแล้ว เขายังไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เพราะเรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ เขาคิดว่าความรักของเขากับหญิงสาวเพิ่งเริ่มต้น แต่ทำไมมันจบลงเร็วและง่ายดาย โมผมรักคุณนะ ผมจะพยายามลืมคุณ เขาบอกตนเอง แต่เขาจะสามารถต้านทานหัวใจได้หรือในเมื่อสมองเขาคิดและสั่งการให้ทำ แต่หัวใจนี่สิมันฝืนยาก ถ้าคุณไม่ต้องการเห็นหน้าผม ผมจะทำตามที่คุณพูดก็ได้ โม เพราะผมรักคุณ ผมรักคุณ เขาพร่ำบอกตนเอง คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คุณแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ลุกลงจากเตียงนอน ตรงไปยังห้องน้ำ มือหนาเอื้อมเปิดฝักบัวสายน้ำเม็ดเล็กๆ ไหลลงมาสู่ใบหน้าขาว ชายหนุ่มเงยหน้ารับสายน้ำนั้น เมื่อสายน้ำไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เปียกชุ่มเสื้อผ้าที่สวมใส่ เพราะเขาไม่ได้ถอดชุดนอนแต่เข้าไปทั้งอย่างนั้น หยาดน้ำตาของชายหนุ่มไหลลงมากับสายน้ำ เขานั่งลงยังมุมหนึ่งของห้องน้ำขณะที่น้ำจากฝักบัวยังไหลผ่าน เสียงสะอื้นของชายหนุ่มที่ไม่มีใครได้ยิน โดยเฉพาะหญิงสาวที่ทำให้เสียน้ำตาไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน เขาพยายามข่มอารมณ์แต่มันก็เป็นไปได้ยาก เขาอยู่ท่ามกลางสายน้ำเนิ่นนานจนหลับไปทั้งๆที่ยังเปียกปอน
รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ก็มาถึง ความสดชื่นของยามเช้ากับไอแดดที่มากระทบใบหน้าชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่บนเตียงหนา วันนี้เขาตื่นเร็วเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันงานแต่งงานของเพื่อนหรือไม่แน่เขาอาจจะแวะไปงานเปิดตัวน้องสาวแฟนพี่เฟร์กับพี่เฟร์ก่อน แต่มันก็แค่อาจจะ เพราะเขาเองไม่อยากเห็นหน้ายัยนั่นเลย แฟนพี่เฟร์ที่ดูท่าทางจะห้าวๆผิดเพศ ไม่รู้พี่เฟร์ไปชอบลงได้ไง แต่ยังไงคงต้องทำใจยอมรับ เพราะยัยนั่นน่ะ เป็นแฟนพี่เฟร์ แต่ก็คงเป็นอีกไม่นานหรอก เมื่อคิดถึงตรงนี้ทำให้เขานึกถุงจดหมายบอกเลิก ไม่รู้ยัยนั่นบอกเลิกพี่เฟร์หรือยัง แล้วถ้าเลิกกันจริงๆ พี่เฟร์จะเป็นไงมั่งเนี่ย แต่อย่างยัยนั่นคงไม่ยอกเลิกพี่เฟร์เร็วนักหรอก เพราะมัวแต่สะกดคำอยู่น่ะซี่ เขาคิดดูถูกหญิงสาวที่เป็นแฟนพี่ ไม่รู้ทำเขาถึงไม่ค่อยถูกชะตายัยนั่น อาจเป็นเพราะเธอจะมาบอกเลิกพี่เฟร์ก่อนก็เป็นได้ อย่างนี้เขาเป็นน้องจะยอมได้หรือ คิดแล้วก็นึกถึงพี่เฟร์ยังไม่ได้คุยกันเลยเมื่อวาน ไม่รู้ตื่นหรือยังนะ แล้วเขาก็ก้าวลงจากเตียง จัดการชำระล้างร่างกาย วันนี้เขาสวมเสื้อสบายๆก่อนที่จะแต่งกายด้วยชุดพิธีการที่ชวนอึดอัด
ชายหนุ่มเคาะประตูห้องเพื่อรอการอนุญาตจากคนในห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาขยับลูกบิด และประตูก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ปกติพี่เฟร์จะล๊อกประตูเวลานอนนี่นา เขาคิด หลังจากเดินเข้าไปในห้อง เขาได้ยินเสียงสายน้ำที่ดังไม่ขาดสายจากในห้องน้ำ เขาคิดว่า พี่เฟร์คงกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วเขาก็นั่งคอยที่เก้าอี้หนากลางห้อง แล้วหยิบวารสารธุรกิจของพี่เฟร์มาเปิดอ่าน หน้ากระดาษหลายหน้าในวารสารมีรูปพี่เฟร์อยู่ ที่ถูกเขียนอย่างได้รับการชื่นชมในวงการธุรกิจถึงฝีมือในการทำงาน หัวข้อการสัมภาษณ์ระบุและถามถึงเรื่องทั่วๆไป และรวมถึงการถามถึงเรื่องความรัก ซึ่งพี่เฟร์ตอบว่า ผมรักคนคนหนึ่งอยู่และรักมาก จนคิดจะแต่งงานด้วย หากฝ่ายหญิงตอบรับ คงจะมีงานแต่งเร็วๆนี้ เฮ่อ...พี่เฟร์ ชายหนุ่มถอนหายใจ และพูดกับตนเองว่า ผมว่าพี่เฟร์ดวงอื่นรุ่งหมด แต่ดวงความรักนี่ไม่รุ่งแฮะ เมื่อคิดถึงพี่เฟร์ที่ยังคงอาบน้ำอยู่ แต่ที่น่าสังเกตคือ พี่เฟร์ไม่เคยอาบน้ำนาน และนี่คือสิ่งผิดปกติ พี่เฟร์ยังไม่ออกจากห้องน้ำ จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่เฟร์หรือเปล่า และไวเท่าความคิด ร่างสูงได้เดินตรงไปยังห้องน้ำ พี่เฟร์อาบน้ำไม่ได้ปิดประตู จนชายหนุ่มเอะใจ เขาผลักประตูที่เปิดแง้มนั้นแล้วก็พบคนร่างสูงนอนหลับหรือสลบไปก็ไม่รู้ได้ ใบหน้าที่ซีดจากสายน้ำ ดวงตาที่ปิดพริ้มไร้ความรู้สึก จนชายหนุ่มที่ยืนจ้องภาพตรงหน้าถึงกับตัวแข็ง แต่ไม่ถึงนาทีก็เรียกสติกลับมาได้ เขารีบเดินเข้าไปหาคนร่างสูง แต่ก่อนที่เขาจะเปียกตามเขาได้เอื้อมมือไปหมุนก๊อกน้ำ ตอนนี้สายน้ำได้หยุดลงแล้ว เหลือแค่ความเย็นจากคนร่างสูงที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัว เขาค่อยๆประคองคนร่างสูงไร้สติให้มานอนบนเตียงหนาแล้วรีบเรียกป้านีให้รีบเอาผ้ามาเช็ดตัวก่อนที่ชายหนุ่มจะไม่สบาย หรือเป็นปอดบวม เมือได้ผ้ากับน้ำร้อน ชายหนุ่มก็บอกให้ป้านี ออกไป เพราะเขาจะดูแลพี่ชายเอง และบอกป้านี ให้ไปบอกคนขับรถว่าให้เตรียมรถยนต์ให้พร้อมเผื่อจะได้ส่งพี่เฟร์ไปโรงพยาบาลได้ทัน
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เฟร์นะ“ชายหนุ่มที่เป็นน้องชายพูดพึมพำถามตนเอง แต่ความจริงแล้วอยากถามคนที่ไม่ได้สติมากกว่า
วันนี้เธอต้องแบ่งร่างไปสองงานนั่นคืองานเปิดตัวของตนเองกับงานแต่งเพื่อนสนิท ตอนแรกเธอจะไปพ่อกับแม่ก่อนที่งานเพราะเธอก็ไม่อยากให้ท่านหน้าแตกกลางงาน เพราะนี้จะเชิญทั้งประธานบริษัทต่างๆ คนในวงการธุรกิจ และลูกน้องในบริษัท ถ้าเธอไม่ไปเธอต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ เมื่อไปงานแล้วเธอก็ต้องรีบตีรถไปงานแต่งงานเพื่อนเพื่อไปเป็นเพื่อเจ้าสาว
หญิงสาวสองคนได้ประจำยังรถยนต์ประจำตัวของตน เพื่อขับไปยังโรงแรมที่จัดงาน หญิงสาวร่างเล็กขับรถอย่างน่าหวาดเสียวเพื่อไปให้ทันงาน ส่วนอีกหนึ่งคนที่ขับไปอย่างเรื่อยๆ เพราะใจไม่ค่อยอยากไปงานนี้มากนัก เพราะกลัวจะเจอหน้าใครบางคน ซึ่งใครบางคนคนนั้นกำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะน้องชายเห็นอาการท่าจะไม่ดี หลังจากเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดก็ก็ได้ขับรถยนต์ของตนไปยังโรงพยาบาลโดยด่วน หลังจากส่งคนไร้สติที่นอนนิ่งถึงมือหมอแล้ว หมอบอกว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่อาจต้องนอนพักที่โรงพยาบาลซักระยะ เพื่อให้กลับมาดีดังเดิม ไม่แน่เขาอาจจะต้องเฝ้าไข้พี่ชายแล้วงานสำคัญที่ต้องไปล่ะ แต่เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็โทรหาป้านีให้มาเฝ้าไข้พี่เฟร์ต่อ เพื่อตนเองจะได้กลับไปแต่งชุดพิธีการเพื่อไปงานแต่งงานเพื่อนสนิท
หลังจากขับรถมาถึงงานเลี้ยง หญิงสาวที่กำลังก้าวรถจากรถยนต์ของตนเองนั้น ได้พาตัวเองไปยังลิฟต์และกดชั้นที่จัดงาน หญิงสาวที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของงานได้เดินมาถึงประตูงาน และได้พบกับผู้ใหญ่สองท่านกำลังยืนชะเง้อมองอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเธอรีบเดินโผเข้าไปกอดและสวัสดีท่านทั้งสอง
“สวัสดีคะ คุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวทักทายพ่อแม่ของตนที่มาถึงงานก่อน หลังจากกลับมาจากธุระที่ต่างประเทศ
“เป็นไงบ้างลูกมิ้น” คนเป็นแม่ทัก พร้อมกับหอมแก้มลูกสาว
“โตเป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะลูกพ่อ ไม่ได้จอกันตั่งหลายปีสินะ”
“คะคุณพ่อ”
“คุณพ่อคะ คือว่าว่าวันนี้อยู่ในงานได้ไม่นานนะคะ มิ้นต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เอ็มคะ วันนี้เป็นงานแต่งงานเอ็มคะคุณพ่อ” คนเป็นลูกบอกบิดาของตน
“จริงเหรอจ๊ะ หนูเอ็มจะแต่งงานแล้วเหรอจ๊ะ เสียดายจังพ่อกับแม่ไม่ได้ไปงาน เพราะงานมาชนกันแบบนี้” คนเป็นแม่พูด
“คะ” หญิงสาวตอบรับมารดา
“นะคะ คุณพ่อคุณ
“ได้เลยลูกพ่อ งั้นเราเข้าไปในงานกันเถอะ ป่านนี้แขกมาเต็งงานแล้วมั้ง”
“เอ่อ..ลูกมิ้น” คนเป็นแม่ทักก่อนที่จะก้าวเข้าไปในงาน
“คะคุณแม่” หญิงสาวหันมามองผู้เป็นมารดา พร้อมกับทำหน้าสงสัยว่าท่านจะพูดอะไรต่อ
“แล้วยัยโมล่ะ ทำไมยังมาไม่ถึงอีก”
“พี่โมคงใกล้ถึงแล้วคะ”
“อะแอ่ม ...” เสียงจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของหญิงสาวที่คนเป็นแม่กำลังถามถึงได้ส่งเสียง
“มาแล้วคะๆ” โมบอกคนเป็นมารดากับบิดา
“ไปกันเถอะคะ มาครบแล้ว” แล้วหญิงสาวที่มาทีหลัง ก็เดินเข้าไปหาบิดาแล้วคล้องแขนบิดาของตน หลังจากมาครบพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว หญิงสาวร่างบางที่วันนี้ใส่ชุดแสคสีครีมอ่อนของพี่สาวตนเองที่ดูเป็นผู้หญิง กับใบหน้าที่ถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางได้เดินขึ้นไปบนเวที หลังจากถูกเชิญจากพิธีกร การแนะนำได้ถูกเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการปรบมือชื่นชมในตัวหญิงสาวของแขกที่มาในงาน เพราะหญิงสาวร่างเล็กคนนี้ในอนาคตเธอจะมาเป็นผู้บริหารต่อจากบิดาและมารดาของตน
ทางด้านพี่สาวที่กำลังยืนมองน้องสาวของตน ซึ่งยืนยิ้มอยู่บนเวทีนั้น อีกใจหนึ่งกำลังมองหาใครบางคนที่คิดว่าเขาจะมางานนี้ แต่ก็ไม่พบตัว โมเอ๋ย...เธอเลิกกับเขาไปแล้ว อย่าไปคิดถึงเขาสิ เธอเตือนใจตนเอง แต่สายตายังคงมองหาอยู่ทั้งที่ใจปฎิเสธ
หลังจากหญิงสาวร่างบาง บิดาของเธอก็ได้แนะนำเธอให้กับผู้บริหารสองสามคนก่อนที่เธอจะรีบขอตัวออกจากงาน เมื่อหญิงสาวพ้นประตูงานเธอก็รีบตรงไปลิฟต์ เพื่อกดลิฟต์ไปยังชั้นล่างซึ่งเป็นที่จอดรถยนต์ เมื่อมาถึงเธอได้รีบถอดรองเท้าส้นสูงที่ถูกสวมใส่เมื่อไม่นานนี้ แล้วใส่รองเท้าแตะที่อยู่ติดรถ แล้วได้พาตนเองออกจากโรงแรมแห่งนี้อย่างรวดเร็ว เมื่อขับรถไปได้ซักระยะก็มาถึงยังโรงแรมซึ่งเป็นที่จัดงานของเพื่อนสาว เธอรีบเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดพิธีการที่ได้ถือติดมือมาด้วย เมื่อแปลงโฉมตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็ตรงมายังบริเวณที่ได้จัดงานทันที
อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มที่เปลี่ยนชุดจากที่บ้านเรียบร้อยแล้วก็ตรงมายังงานทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลาและกลัวเจ้าบ่าวจะบ่นเอา ตลอดระยะทางแห่งการเดินทางชายหนุ่มได้คิดถึงพี่ชายที่กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เขาคิดไม่ตกว่าทำไมพี่เฟร์ถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นเหมือนอาการของคนอกหัก ใช่แล้วอกหัก ชายหนุ่มย้ำกับตนเอง และคนที่ทำให้พี่ชายเขาต้องเป็นแบบนี้คนๆนั้นจะต้องชดใช้ เขายอมไม่ได้ถ้าพี่ชายที่เขารักมากจะต้องเจ็บปวด ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังลอยหน้าลอยตาและมีชีวิตอย่างปกติสุข
เมื่อคิดถึงตรงนี้รถคันใหญ่ก็ขับมาถึงยังที่จอดรถ แต่ไม่ทันหญิงสาวที่มาก่อนแล้ว เพราะเธอได้เข้าไปในงานเรียบร้อยแล้ว
เมื่อหญิงสาวร่างบางได้ก้าวเข้าไปในงาน เธอได้ตรงเข้าไปทักเจ้าสาวที่ยืนยิ้มข้างๆเจ้าบ่าวอย่างมีความสุข วันนี้เอ็มเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในงาน แต่เธอเองก็สวยไม่แพ้กัน แต่ก็ต้องน้อยกว่าคนที่เป็นเจ้าของงานอย่างแน่นอน ทังนี้เพราะดูจากสายตาของบรรดาชายหนุ่มที่มองเธอตั้งแต่เธอเข้ามาทักเอ็ม
เธอทักทายเพื่อนสาว และทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวอย่างแข็งขัน
เมื่อชายหนุ่มร่างสูงเข้ามาในงาน ใบหน้าที่หล่อเหลากับมาดเงียบขรึมที่ปราศจากรอยยิ้ม ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาได้ไม่ยาก เขาเดินไปทักเจ้าบ่าวที่ยืนยิ้มและกล่าวทักทายแขกที่เข้ามาในงานข้างๆหญิงสาวร่างบางซึ่งเป็นเจ้าสาวหรือคนรักของเพื่อนเขา จะว่าไปแล้วเจ้าสาวของนายเคนก็สวยน่ารักไม่ใช่ย่อย ถึงว่าทำไมนายเคนรีบแต่ง
เขากล่าวทักทายเพื่อนและเจ้าสาวที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้เขา เจ้าบ่าวแนะนำเขาให้เจ้าสาวอย่างเป็นทางการ และเจ้าบ่าวก็แนะนำเจ้าสาวให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับคุณเอ็ม” ชายหนุ่มทักทายเจ้าสาว
“สวัสดีคะ” เธอตอบพร้อมพูดต่อว่า “ขอบคุณนะคะที่มางานของเรา”
“ยินดีครับ” ชายหนุ่มตอบ
“เอ่อ คุณพี” เธอเรียกชื่อเล่นตามที่เจ้าบ่าวเรียก
“ครับผม”
“คือว่าดิฉันอยากแนะนำเพื่อนสนิทให้คุณรู้จักคะ ดิฉันคิดว่าเราน่าจะรู้จักกันไว้”
“ครับยินดีครับ” แล้วชายหนุ่มที่สนทนากับเจ้าสาวเรียบร้อยแล้วก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อ
“เอ่อ ....เราขอไปทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวนะพวก” หลังจากบอกเจ้าบ่าวแล้ว เขาก็ได้เข้าไปทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวกับพวกเพื่อนๆในกลุ่มที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกันซึ่งมางานก่อหน้าเขานานแล้ว เขาก็ทักทายเพื่อนๆตามประสาคนคุ้นเคย
งานแต่งดำเนินไปเรื่อย เขาสังเกตภายในงานว่ามีแต่คนใหญ่คนโตมาในงาน ซึ่งแต่งกายด้วยชุดสวย และต่างพาบุตรหลานมางานเหมือนเป็นงานเปิดตัวอย่างนั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทำให้เขาฉุกคิดถึงคนๆหนึ่งที่เป็นหญิงสาวที่ทำให้พี่ชายเขาต้องเจ็บ ป่านนี้เธอคงกำลังยิ้มร่าอยู่ในงานเปิดตัวน้องสาวแล้วกระมัง
หลังจากสำรวจภายในงานแต่งงาน เขาก็ได้สะดุดกับบางอย่าง ไม่ใช่สิสะดุดตากับใครบางคน คนที่เขาเพิ่งคิดเมื่อไม่นานนี้ แล้วไวเท่าความคิด เขาเดินตรงไปหาหญิงสาวที่ยิ้มร่าอยู่ข้างเจ้าสาว ใบหน้าที่เรียบเฉยตลอดงานกลับแดงด้วยอารมณ์โมโหที่เห็นหญิงสาวมีความสุข
เมื่อเขาเดินเข้าใกล้หญิงสาวและทำท่าจะคว้าตัวหญิงสาวมาคุย แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าสาวของงานยืนอยู่ข้างๆ เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ เจ้าสาวที่เห็นเขาก็ได้เรียกเขาให้เข้าไปหา หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าสาวนั้นตอนนี้จ้องใบหน้าเขาเขม็ง
“คุณคะ” หญิงสาวเรียกชายหนุ่ม
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมเดินเข้าไปหา พร้อมกับพูดต่อว่า ทำไมเจ้าบ่าวถึงปล่อยให้เจ้าสาวมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ เขาพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้เจ้าสาว แต่กลับส่งยิ้มเย็นและใบหน้าราบเรียบไปให้หญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ
“คือว่า ดิฉันอยากแนะนำให้คุฯรู้จักเพื่อนดิฉันคะ”
“หรอครับ”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าสาวมองใบหน้าเจ้าสาวที่กำลังพูดอย่างไม่รู้เรื่อง
แต่ไม่ทันจะแนะนำ ชานหนุ่มก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องครับคุณเอ็ม เรารู้จักกันแล้ว”
“หรอคะ งั้นเอ็มคงไม่ต้องแนะนำใช่ไหมคะ”
“ครับ เรารู้จักกันดี”
“หรอคะ” เจ้าสาวทำหน้าสงสัย เพราะไม่รู้ส่าเพื่อนเธอไปรู้จักชายหนุ่มตอนไหน เพราะเพื่อนเธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่แน่ว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนเธอตอนอยู่ที่ต่างประเทศก็เป็นได้ เพราะเคนบอกว่าคุณพีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเช่นเดียวกับเพื่อนเธอซึ่งเป็นประเทศเดียวกัน
หญิงสาวที่ดูเหมือนจะถูกตัดออกจากวงสนทนาทำท่าจะขอตัวจากเพื่อนเธอ เพราะเธอไม่อยากอยู่กับชายหนุ่มตรงหน้านี้นานนัก เพราะใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรของเขา
“เอ่อ...” หญิงสาวกำลังจะพูดขอตัวจากเพื่อนเธอ แต่เจ้าสาวก็ถูกเจ้าบ่าวสุดหล่อเรียกตัวเจ้าสาวไปเสียก่อน
ทีนี้จะเอาไงดี ก็เหลือแต่เธอกับชายหนุ่มที่เธอไม่อยากจะพูดด้วยเลย
ชายหนุ่มเริ่มต้นประโยคสนทนาก่อน
“เจอกันอีกแล้วนะ” ชายหนุ่มพูดไม่มีหางเสียงต่างจากการพูดที่พูดกับเพื่อนเธอลิบลับ ไม่รู้โกรธกันตั้งแต่ชาติปางไหน
“คะ” หญิงสาวตอบกลับไร้ความนิ่มนวล
“ทำไมคุณไม่อยู่ในงานเปิดตัวล่ะ”
“คะ ไปมาแล้ว” หญิงสาวตอบตามจริง เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากสนทนามากนัก แต่ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ
“ไม่รู้นะว่าหัวใจคุณทำด้วยอะไร ทำไมคุณถึงยิ้มอยู่ได้”
“คะ” หญิงสาวตอบรับเพราะงงกับสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูด เพราะเธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ชายหนุ่มดึงหญิงสาวออกไปนอกงานเลี้ยง ซึ่งเป็นการยากที่หญิงสาวจะขัดขืน แม้งานนี้คนจะค่อยๆทยอยกันกลับแล้ว แต่ก็ยังเหลือแขกเหรื่ออยู่บางส่วน ซึ่งเป็นการยากที่จะเอะอะโวยวาย เธอจึงได้แต่เดินไปตามแรงดึงที่เต็มไปด้วยโทสะ
เมื่อเธอคิดว่าพ้นจากการที่จะสร้างความขายหน้าให้เจ้าของงานแล้ว เธอก็เริ่มสงเสียงทันที
“ปล่อยได้แล้ว” เธอพูด และเธอก็พูดต่อ “คุณไม่มีสิทธิทำแบบนี้”
“หรอ ผมไม่มีสิทธิ” ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาวเขม็งที่จ้องเขาตอบไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มพูดซ้ำประโยคที่เขาได้พูดในงานเลี้ยง
“คุณมันคนไร้หัวใจ ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ เห็นหน้าตาแบบนี้ เลือดเย็นไม่ใช่น้อยนะ ใครที่ได้เป็นแฟนกับคุณคงเสียใจไม่ใช่น้อยนะ” แล้วก็เป็นจริง เพราะชายหนุ่มที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่โรงพยาบาล มีสาเหตุมาจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“คุณ คุณ” หญิงสาวพูดไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แถมยังพูดวาจาเชือดเฉือนเธอ เขาเป็นใครกันถึงกล้าพูดกับเธอแบบนี้ เธอก็ตอบกลับเขาไปเจ็บแสบไม่ใช่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ใครมาว่าเธอ เธอก็ไม่ยอมเช่นกัน
“หรอคะ ถ้าฉันเป็นนั้น ฉันว่าคุณเองก็คงเป็นเช่นกัน ถึงได้พูดจาแบบนี้ ฉันไม่รู้นะว่าคุณไปเจออะไรมา แต่คุณไม่มีสิทธิ์พูดจาแบบนี้ สิ่งที่ฉันทำมันเรื่องของฉัน ขอย้ำนะคะว่าเรื่องส่วนตัว คนนอกอย่างคุณไม่เกี่ยว”
“ผมเป็นคนนอกหรอ คุณนี่มันเลวจริงๆนะ” ชายหนุ่มพูดต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณ ...”แล้วหญิงสาวทำท่าเงื้อมมือจะตบใบหน้าชายหนุ่ม แต่ไม่ทันที่ฝ่ามือจะกระทบใบหน้าคม ฝ่ามือบางก็ถูกรวบเสียก่อน
“คุณคิดจะตบหน้าผมหรอ ผมว่าสิ่งที่ผมพูดยังน้อยไปกับการกระทำของคุณนะ” แล้วเขาก็ดึงร่างบางเข้ามาใกล้ตัว หญิงสาวที่ถูกดึงเข้ามาใกล้พยายามขัดขืน และเธอพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันจะอ้าปากหรือส่งเสียงริมฝีปากเรียวงามก็ถูกชายหนุ่มครอบครองเสียแล้วชายหนุ่มบดขยี้ริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากหนาได้รูปด้วยแรงอารมณ์ มืออีกข้างพยายามจะดันชายหนุ่มให้ออกห่างตัวก็ถูกมือหนารวบไว้อีก หญิงสาวพยายามจะขัดขืนเพราะเธอเริ่มที่จะหายใจไม่ออก เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเธอเบิกพยศหรือขัดขืนแล้วก็ค่อยๆผ่อนแรงลงเพื่อให้เธอหายใจสะดวกขึ้น เมื่อหญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มผ่อนแรงลง เธออยากจะผลักเขาให้ล้มลงไปแต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็เหือดหายไปหมดแล้ว ร่างบางพร้อมที่จะเซห่างชายหนุ่มไม่ประคองกอด ชายหนุ่มไม่อยากถอนริมฝีปากออกจากการดูดดื่มความหอมหวานภายในปากของหญิงสาวแม้ว่าเขาจะทำไปเพราะประชด หรือทำตามแรงอารมณ์ แต่ความหอมหวานที่ได้สัมผัสก็อยากที่จะผละออกมา หญิงสาวที่เคลิบเคลิ้มก็พยายามตั้งสติ แม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม เพราะนี่เป็นจูบแรกของเธอ เขาผู้ชายปากร้ายได้ขโมยจูบแรกของเธอไปแล้วโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาทำไปเพราะอะไร เขาก็ได้ถอนริมฝีปากออก พร้อมกับผลักหญิงสาวให้ออกมาจากอ้อมอก ทำให้เธอตื่นจากภวังค์แห่งความหอมหวานและรัญจวนที่ชายหนุ่มได้มอบให้หลังจากการข่มเหงด่าทอ ทำให้เคลิบเคลิ้มและผลักไส ร่างบางเซเล็กน้อย จากการผลักไส น้ำตาใสกำลังจะไหลออกมา แต่มันกลับเหือดแห้งไปกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ผมคิดว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้ผมว่าคราวหน้าคุณเจอดีกว่านี้แน่”
“นายๆ” หญิงสาวกลืนคำพูดพร้อมกับน้ำตาลงคอ เธอต้องไม่แสดงอาการอ่อนแอให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็น เธอได้แต่ด่าทอเขาอยู่ในใจ
นายต่างหากที่ไร้หัวใจ เสียงหัวใจของเธอด่าทอเขา คนฉวยโอกาส
“คุณเคนไม่น่าจะมีเพื่อนเลวๆอย่างนาย” เธอด่าเขาหลังจากได้สติ
“หรอ ผมว่าเราก็พอกันนะ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวพร้อมกับกระซิบข้างหูหญิงสาว “ผมว่าเรามันก็เลวพอกันนะ คุณเอ็มก็ไม่น่ามีเพื่อนอย่างเธอเช่นกัน” ชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มเยาะในคำพูดของตน
“นายนายมัน .....” หญิงสาวอยากจะด่าเขาให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ
“คุณอยากจะเจอแบบเมื่อกี้อีกหรอ สำหรับคุณ ผมว่า มันคงต้องรุนแรงกว่านั้นสินะ ดีๆไม่ชอบ ชอบแบบนี้ก็ต้องเจอแบบนี้ ฮึ ...”
หญิงสาวทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไปในงาน เพราะเธอไม่อยากต่อความกับคนไม่มีเหตุผล
“นั่นคุณจะไปไหน ผมว่างานนี้คุณหายไปทั้งคน คงไม่มีใครสนใจหรอก และผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้คุณหายไปจากชีวิตเรา”
“ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ” เธอหันกลับมาถามเขา “ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่อยากจะเจอหน้าคุณเช่นกัน”
“ขอให้มันจริงอย่างนั้นเถอะ ผมขอให้คุณหายสาบสูญไปเลยยิ่งดี”
“นายมันผู้ชายเลว ผู้ชายปากร้าย” เธอได้แต่บ่นพึมพำ
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มที่แกล้งไม่ได้ยินแล้วถามซ้ำ
หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มร่างสูงด้วยความโมโหที่ตัวเองทำอะไรเขาไม่ได้
แล้วเธอก็เดินเข้าไปในงานทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมองแผ่นหลังนวลที่เดินจากไป พร้อมกับเหลือความสะใจกับการกระทำของตนเองที่ได้กระทำกับหญิงสาว
หลังจากลาเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว หลังจากทุอย่างเสร็จสิ้น เธอหลีกเลี่ยงการพบหน้าชายหนุ่มคนที่เธอทำให้เธอเจ็บช้ำทั้งกายและใจจากวาจาเชือดเฉือนของเขา
เธอพาร่างบางกลับบ้านทันที หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแถมยังมาเจอเรื่องแย่ๆนี้อีก
เมื่อจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปยังประตูที่กั้นภายในและภายนอกห้องของเธอ เธอเปิดประตูและเดินไปยังระเบียงโล่ง แม้อากาศจะสดชื่นเพียงใด แต่จิตใจกลับไม่สดชื่นไปด้วยเลย มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากของตนเอง ริมฝีปากที่ถูกใครบางคนขโมยจูบไป แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เธอก็ขยี้ริมฝีปากของตนเอง อยากจะลบเลือนรอยประทับและภาพต่างๆที่เกิดขึ้น แต่มันก็ยากเต็มที คงได้แต่ฝังมันไว้ในส่วนลึกของความเจ็บช้ำในหลุมที่ชายหนุ่มขุดไว้ เธอได้แค่ฝังกลบให้มิดชิด อย่าได้แสดงออก เพราะถ้าเธอแสดงออกว่าเธอคิดถึงมัน มันก็จะมาตามหลอกหลอนเธอ และเธอเองก็จะขาดความเข้มแข็งไป ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ เธอต้องเข้มแข็ง แม้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอก็ตาม เธอก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และจะไม่ต้องเห็นหน้าชายหนุ่มอีก
เธอเองก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีนิสัยแย่ๆแบบนี้ นิสัยน้องชายแฟนพี่โมต่างจากพี่ชายโดยสิ้นเชิง ผู้ชายที่ดูสุขุม ดูเป็นมิตร สุภาพเวลาพูดจา จะเรียกว่าเทพบุตรกับซาตานก็ไม่เชิง เฮ่อ...ดีนะที่พี่โมไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหมอนี่ แต่ถ้าเกิดเราดองกันจริงๆ เราก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้สินะ ค่อยหาทางแก้ไขเฉพาะหน้าไปล่ะกัน
ดูเหมือนสิ่งที่เขาพูด เขาจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเธอ แล้วเธอไปทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดล่ะ เธอคิด เพราะเธอแทบไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่เจอกันวันนั้น วันแรกที่เธอกลับมาจากต่างประเทศ เอ๊ะ...หมอนั่นก็แปลกๆตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ แต่ช่างเถอะ คิดถึงหมอนั่นแล้วอารมณ์เสีย แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องนอน
หลังจากงานเลี้ยงใกล้เลิก ที่น้องสาวเธอได้ขอตัวแขกเหรื่อกลับก่อนหลังงานเพิ่งเปิดได้ไม่นาน เพราะต้องไปงานแต่ง แต่เธอต้องอยู่กับบิดามารดา จนส่งแขกกลับจนหมด แต่เธอก็ยังไม่พบใบหน้าชายหนุ่มที่ใจสั่งว่าห้ามคิดถึง แต่สายตากลับมองหาทั่วงานและตลอดงาน เธอไม่ได้คิดถึงเขามากมายขนาดนั้นหรอก เธอก็แค่เป็นห่วงเขาใช่เธอเป็นห่วงเขาว่าเขาจะเป็นอะไรไหม เพราะงานสำคัญแบบนี้ ชายหนุ่มไม่น่าพลาด แถมบิดาของเธอก็รู้จักชายหนุ่มเป็นอย่างดี เขาไม่น่าจะเห็นเหตุผลส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับงานนี้แน่ อย่างน้อยมันต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน หญิงสาวคิด
เธอพาร่างบางมายังรถยนต์ของตนเอง หลังจากบอกพ่อกับแม่แล้ว ว่าจะไปเจอกันที่บ้าน
เพราะต่างคนต่างเอารถมาคนล่ะคัน เมื่อแยกกับพ่อกับแม่ของเธอแล้ว หญิงสาวก็ตรงไปยังห้องนอนโดยไม่ได้ไปหาน้องสาวที่น่าจะกลับถึงบ้านก่อนเธอ
ชายหนุ่มที่นอนหมดสภาพหลังจากที่ถูกหามส่งโรงพยาบาล ก็ไดรู้สึกตัวขึ้นกลางดึก และร้องเรียกหาน้ำ ซึ่งป้านีซึ่งนอนเฝ้าไข้ก็รู้สึกตัวแล้วรีบลุกไปหยิบน้ำมาให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้านายของบ้าน เมื่อได้ดื่มน้ำชายหนุ่มก็หลับลงไปตามเดิม
ööööö
ความคิดเห็น