[Fic Kagerou] วันๆ ของครอบครัวคิโดะก็แบบนี้แหละ /KidoMomo/
ผู้เข้าชมรวม
241
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
Happy Birthday Mitsune
รู้จักกันมาได้หนึ่งปีแล้วเนอะ
คิดดูแล้วก็มีเรื่องที่ได้มิสึช่วยไว้ตั้งเยอะเลย
ขอโทษที่ให้ช้าไปหน่อย
ขอโทษที่อู้ฟิค
ขอโทษที่ทำหน้าที่บก.ได้ไม่ดีเท่าไหร่
ขอโทษที่ดองแชทบ่อยๆ
ขอบคุณนะ
ฟิคเรื่องนี้อาจจะดูมีอะไรไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง
แต่ก็เป็นเรื่องที่ติ่งผู้มโนส่งมอบให้ติ่งผู้มโนด้วยมโน–– ด้วยความเต็มใจนะ (ฮา)
/ฟิคเรื่องนี้เป็นช่วงซาอิกับโมโมอิยังแบเบาะ(?)/
Thank Theme
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เขาว่ากันว่า.. ‘เด็กๆ’ น่ะไร้เดียงสา
ทั้งไร้เดียงสา โกหกไม่เป็น จะทำอะไรก็ดูออกง่ายไปหมด
“มาม๊า..ไม่สบาย?”
แต่รู้อะไรไหม..?
หากสบเข้ากับความไร้เดียงสาอันเต็มเปี่ยมในแววตานั่นเพียงชั่วครู่
“อืม…”
ตำแหน่งของคนที่ ‘ทำอะไรก็ดูออกง่ายไปหมด’ และ ‘โกหกไม่เป็น’
อาจถูกสลับเปลี่ยนในเสี้ยววินาทีเลยก็ได้
ครั้งนี้เองก็เช่นกัน..
ท้ายที่สุดแล้ว ‘คิโดะ สึโบมิ’ ก็ยังไม่สามารถต้านทานต่อความไร้เดียงสานี่ได้เสียที
“แงงงงงงง----!!”
“ฮึก...มาม๊า! มาม๊า!”
คิโดะ สึโบมิ กำลังคิดจะส่งจดหมายไปถามพระเจ้า
ว่าเพราะเหตุใดกัน ทั้งๆ ที่สิ่งที่ไม่ดีคือ ‘การโกหก’ แท้ๆ แต่ผู้ที่เลือกจะไม่โกหกอย่างเธอ ถึงต้องมาประสบผลกรรมรับเคราะห์ด้วยสถานการณ์ที่น่าปวดหัวเช่นนี้
โมโมะ หรือก็คือภรรยาของเธอ ตอนนี้กำลังไม่สบาย
ด้วยโรค ‘ไข้หวัดธรรมดา’
เรื่องแบบนี้มันจะไม่กลายเป็นสถานการณ์วิกฤตขั้นสุดยอดแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแน่ๆ ถ้าไม่ติดด้วยว่าลูกๆ ของเธอนั้น.. ‘ติดแม่สุดๆ’
ถ้าตอนอารมณ์ดีก็ยังว่าไปอย่าง แต่หากอารมณ์เสียขนาดที่ร้องไห้งอแงแล้วล่ะก็
“ไม่เอาน่า.. ซาอิ โมโมอิ เดี๋ยวมาม๊าก็หายแล้ว ก่อนหน้านั้นมาเล่นกับป๊ะป๋า--”
“ไม่อาวววว แงงงงงง---!!!”
ปัดทิ้ง..
แม้กระทั่งคุณพ่อผู้อบรมด้วยความรักตั้งแต่เกิดก็สามารถปัดมือทิ้งได้อย่างไร้เยื่อใย
“อึก...” ผู้เป็นพ่อได้แต่กลืนน้ำลายให้กับการกระทำอันไม่รู้เรื่องรู้ราวของเด็กๆ ตรงหน้า พร้อมกับพยายามหาทางเข้าใกล้อย่างไม่ย่อท้อ “อ-เอ้อ ป๊ะป๋ามีของเล่นใหม่มาให้..”
“ไม่อาวววว!!”
แม้ว่าจะโดนปฏิเสธอีกกี่สิบรอบก็ตามที..
มือค่อยๆ เอื้อมจับลูกบิดประตูก่อนจะเปิดเข้าไปอย่างระมัดระวัง ภายในห้องที่เงียบชันนี้สิ่งที่ลอยมากระทบใบหูไม่มีสิ่งใดนอกจากเสียงของเครื่องปรับอากาศและฝีเท้าของตน
คิโดะเดินมาหยุดอยู่บริเวณเตียงสูงที่ตั้งตระหง่านริมห้อง ริมฝีปากขยับเอ่ยชื่อร่างที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเบาๆ “โมโมะ..”
ฝ่ามือค่อยๆ ขยับเปลี่ยนที่จับจากหัวเตียงไปเป็นหน้าผากของอีกฝ่าย สัมผัสที่ยังร้อนไม่ตกชวนให้นึกใจหายขึ้นมา
จะเป็นอะไรมากไหมนะ...
“อือ..” ดูเหมือนจะรู้สึกได้จากสัมผัสเมื่อครู่ ร่างบนเตียงค่อยๆ แง้มเปลือกตาออกพลางเอ่ยอย่างไม่ละทิ้งความสะลึมสะลือ “คุณ..คะ?”
“อุ – ขอโทษ ทำให้ตื่นเหรอ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายตื่นมาก็พาลรู้สึกผิด บางทีเธอเองคงกระทำการรบกวนมากเกินไป หากแต่คนพึ่งตื่นไม่ได้มีทีท่ารำคาญแม้แต่น้อย “..ไม่หรอกค่ะ ดีจังเลยที่ตื่นมาแล้วเจอคุณ แฮะแฮะ..”
คิโดะเมื่อได้ฟังวาจาที่ยังดูเหมือนเด็กเล็กของคนที่เป็นห่วงอยู่ก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย มือเอื้อมไปปัดผมหน้าม้าที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงให้เข้าที่เข้าทาง
ฝ่ายโมโมะเองก็ไม่ได้กระทำการต่อต้าน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจัดทรงผมตนให้เรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยถามออกไป “ลูกๆ ล่ะคะ?”
“เอ่อ –– คือ...” คนถูกถามชะงักเล็กน้อย ปากเอ่ยคำพูดตะกุกตะกักพลางหน้าก็เบือนหนีไปทางอื่น พฤติกรรมอันไม่เป็นปกติเช่นนี้ทำให้คนที่อยู่กันมานานอย่างโมโมะรู้ได้ทันทีว่ากำลังเกิดปัญหาอะไรบางอย่าง
แต่กระนั้นกลับไร้ซึ่งคำตำหนิจากปากคนถูกปิดบัง กลับกันฝ่ามือบางของโมโมะนั้นเอื้อมไปลูบศีรษะอีกฝ่ายไปมาเหมือนเด็กเล็ก “โมโมะ...”
“ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ดีไม่ใช่เหรอคะ?” สองตาที่มักมองตรงไปข้างหน้าเสมอของคิโดะบัดนี้ส่อแววความรู้สึกผิด โมโมะที่เข้าใจความหมายของตาคู่นั้นดีเอ่ยบอกเบาๆ โดยไม่ละทิ้งรอยยิ้ม
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ.. ไปเถอะค่ะ นะ?” คิโดะแสดงอาการลังเลไปครู่หนึ่งเมื่อได้รับคำอนุญาตจากคนตรงหน้า แต่แล้วไม่นานก็ยอมจำนนอย่างว่าง่าย “อืม..”
โมโมะพยักหน้าก่อนส่งยิ้มให้เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าดีแล้ว เธอตั้งท่าจะล้มตัวนอนต่อเมื่อเห็นว่าจากนี้คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
หากไม่ติดว่าฝ่ายที่ถูกกล่อมเป็นเด็กเล็กเมื่อครู่บัดนี้ฉวยโอกาสดึงตัวเธอที่ไม่ทันระมัดระวังไปกอด ก่อนบรรจงจูบลงหน้าผากนวลอย่างแผ่วเบา
“คุณคะ! โธ่!”
คนฉวยโอกาสยิ้มให้อากัปกิริยาน่าเอ็นดูนั้นอีกครั้งก่อนจะกล่าวออกมา
“ขอบคุณนะ”
คิโดะปิดประตูลงอย่างเบามือที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ปากยังคงยิ้มให้กับภาพเมี่อครู่ที่บัดนี้ยังแจ่มชัดอยู่ในหัว ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าถ้าลูกตัวน้อยของเธอได้มาเห็นภาพนี้คงแซวกันอย่างสนุกปาก
ซาอิ โมโมอิ..
เพล้ง!!!
เสียงที่ดังมาจากชั้นล่างดึงความสนใจจากคนหน้าประตูไปทันควัน ความกระวนกระวายที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจทำให้ร่างกายไม่อยู่เฉยรีบออกตามหาต้นกำเนิดเสียง
“ซาอิ!!! โมโมอิ!!!”
ภาพตรงหน้าคือเศษแก้วที่แตกกระจายจนมองไม่ออกว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน และเด็กสาวตัวน้อยสองคนที่ตอนนี้กำลังร้องห่มร้องไห้จนฟังไม่ได้ศัพท์
คิโดะทรุดตัวลงกองกับพื้น
พระเจ้า...
ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ที่แค่ของเสียหาย..
ขอบคุณจริงๆ ที่พวกเธอไม่ได้เป็นอะไร..
“ซาอิ โมโมอิ..”
“ฮึก –– ฮือออออออออ”
มือเอื้อมไปโอบกอดสองร่างเล็กให้เข้ามาประชิดตัว เธอไม่ได้เอ่ยถามอะไรไปทั้งนั้น
เพียงโอบกอดร่างของเด็กทั้งสองอยู่เงียบๆ...
“หนู..อึก...ฮึก...” ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ในอ้อมกอดเริ่มออกแรงขยุกขยิก โมโมอิพยายามเรียบเรียงคำที่ออกมาจากปากเป็นคำพูดหากแต่ติดเสียงสะอื้น
“หนู...จะเอายา..ฮึก ไป...ให้..มาม๊า...” ประโยคที่แทบฟังไม่ได้ศัพท์เพราะแผ่วเบาแล้วติดเสียงสะอื้นของโมโมอินั้น.. คนเป็นพ่อได้เข้าใจอย่างชัดเจน
ทั้งเรื่องเศษแก้วที่กระจัดกระจายจนมองไม่ออก และเด็กทั้งสองที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตอนนี้
อา...
คิโดะเพียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “ขอโทษนะ...”
“ป๊ะป๋า..”
“ป๊ะป๋าไม่ดีเอง.. ขอโทษจริงๆ” เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่โกรธแม้เด็กทั้งสองจะให้เหตุผลอะไร แม้สิ่งที่ได้ยินมานั้นจะไร้สาระขนาดไหน แต่สิ่งที่ตัวเธอได้ยินมาจริงๆ นั้นกลับเหนือความคาดหมายที่คิดไว้เสียอีก
“ป๊ะป๋า.. ไม่ผิดนะ” คราวนี้คนเอ่ยปลอบกลับเป็นซาอิที่นิ่งเงียบมาตลอด มือคู่เล็กนั้นได้เอื้อมมาสัมผัสใบหน้าก่อนปาดน้ำตาที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันได้ไหลออกมาตอนไหนออกไปเบาๆ “ก็ป๊ะป๋ารักมาม๊า..”
“แล้วพวกหนูก็รักมาม๊า...”
เพราะกลัวรบกวนเลยไม่ขอให้ช่วย เพราะเป็นห่วงเลยไปเอายามาเอง
“เหมือนที่ป๊ะป๋ารักไงล่ะ..”
“อืม..”
“ขอบคุณนะ ซาอิ โมโมอิ..”
เพราะป๊ะป๋าเองก็รักพวกเธอมากเหมือนกัน..
“มาม๊า! มาม๊าจะหายแล้วใช่มั้ย!”
“มาม๊า––!”
ภาพของเด็กทั้งสองที่กระโดดโลดเต้นรอบเตียงผู้ป่วยอย่างดีอกดีใจราวกับนางฟ้าตัวน้อยนั้นชวนให้ใครมาเห็นก็อมยิ้ม
รวมถึงผู้ป็นพ่อเองก็เช่นกัน
“จ้า จะหายแล้วจ้ะ! จากนี้ก็ไปเที่ยวกันน้า~” คนเป็นแม่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม มือทั้งสองก็เอื้อมไปลูบหัวลูกน้อยอย่างเอ็นดู ไม่ต่างกับคุณพ่อที่ยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน
ตอนนี้ไข้ของโมโมะลดลงมากแล้ว หากพักผ่อนดีๆ อาจจะหายในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ
“เย้~ รักมาม๊าที่สุด!” สิ้นประโยคร่างเล็กของโมโมอิก็โผเข้ากอดโมโมะอย่างเต็มแรง ใบหน้าเล็กถูไถกับหน้าเนียนของอีกฝ่ายเหมือนเป็นมาร์ชเมลโล่
คิโดะมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เท่านี้ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว..
แต่ทันทีที่จะหันหลังกลับไปทำงานของตัวเองต่อนั่นเอง
“รักป๊ะป๋าที่สุดเหมือนกันนะ!”
คิโดะ สึโบมิ กำลังคิดจะส่งจดหมายไปถามพระเจ้า
ถ้าหัวใจที่เต้นรุนแรงจากอาการดีใจนี้จะหลุดออกไป
จะเป็นอะไรหรือเปล่า?
ผลงานอื่นๆ ของ wafu_daisuki ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wafu_daisuki
ความคิดเห็น