ตอนที่ 11 : Chapter 10 : ความเซบาสเตียน
Chapter 10 : ความเซบาสเตียน
“เซบาสเตียน...”
“อะไร”
“นายพาฉันมาได้ยังไง”
“ก็แค่เดินไปเก็บหินให้แม่ให้เจอซากของใครบางคนในเหมืองก็แค่นั้นแหละ”
“อ้าวหรอ อืม”
สุดท้ายบทสนทนาสั้นๆ แบบนี้ก็ต้องกลับมาแล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูแปลกไป ถึงปกติเซบาสเตียนจะไม่ชอบพูดกับผมแต่เขาก็มักจะไม่มีความรู้สึกแปลกแบบนี้ที่กำลังส่งมา
เหมือนรังสีอันตรายที่ส่งมาป้องกันตัว ถ้าแตะติดแตะหน่อยคงจะอาระวาดห้องแตกแน่นอน
เอาซะผมไปไม่เป็นเลย
ผมที่กำลังนั่งท่าชันเข่าอยู่ก็บีบต้นขาแน่น ส่วนใบหน้าก็ก้มลงพื้นอย่างสลด วันนี้ผมโชคร้ายหรือเป็นอะไรกันแน่ ออกมาจากคลินิกปุ๊บ ก็เกือบตายในเหมืองปั๊บ แถมยังมีซวยก๊อกสองอย่างโดนเซบาสเตียนงอนตุบโป่งไม่พูดด้วยเนี่ย
ถ้าตอนนี้ผมอยู่ในการ์ตูน คนเขียนคงเพิ่มหูหมาที่ลู่ตกเหมือนกับหางหมาที่เป็นพู่ ผมดูไม่ต่างจากหมาน้อยที่โดนเจ้านายดุเลย
เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างไป
ผ้าพันคอ?
ผ้าพันคอผมไปไหนนะ ก็ว่าทำไมคอผมดูโล่งแปลกๆ นั่นผ้าพันคอหมอด้วย เดี๋ยวผมจะโดนว่าอีกถ้าทำของเขาหายไป หรือมันตกไปตอนเข้าเหมืองนะ
ถามเซบาสเตียนเขาจะว่าผมไหมเนี่ย
“เซบาสเตียน”
“เซบบี้!”
“เอ่อ... เซบบี้ก็เซบบี้”
และเมื่อกี้ทันเข้าเรื่องผมก็โดนสถาปนาให้เรียนเซบาสเตียนว่าเซบบี้แล้ว แต่ก็แอบดีใจนะ อย่างนี้จะถือว่าสนิทกันขึ้นมาหรือเปล่านะ
“คือเซบบี้ แบบว่า คือ ผ้าพันคออ่านะ ผ้าพันคออยู่ไหนหรอ”
เสียงอ้อมแอ้มถามไปตามความต้องการ เขาคงไม่ได้ว่าผมนะถ้าผมจะถามไปแบบนี้
“ผ้าพันคอ อันนี้หรอ”
เซบาสเตียนชูผ้าพันคอสีขาวสลับน้ำตาลอ่อนขึ้นมา มือหนากำมันแน่นเหมือนกำลังโกรธผมอยู่เลย ถึงใบหน้าจะแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดีก็ตาม
“ใช่ อันนั้นแหละ”
“อยากได้คืน?”
“ก็ของหมอไง ไม่ใช่ของผมนะ”
“งั้นหรอ”
ใบหน้าคมเข้มของเซบาสเตียนที่แอบมีเคราครึ้มเหมือนไม่ได้โกนมาเป็นสัปดาห์เริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ จากตอนแรกที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แอบใจเสียนะเวลาเห็นแบบนั้น
“งั้นเดี๋ยวค่อยคืนละกันนะ นะริบไว้ก่อน”
“เฮ้ย”
บอกหมอว่าจะรีบคืนด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะได้คืนไหมเนี่ย
“ไม่มีเฮ้ย หรือว่ามัวแต่คิดเรื่องเจ้าของมันอยู่”
“เปล่าซะหน่อย” ความจริงก็คิดอยู่นั่นแหละ แต่ถ้าบอกผมคงตายคามือเขาแน่นอน
“แล้วที่หายไปตั้งนาน นั่นหายไปไหนฮะ ไปที่บ้านก็ไม่เจอ เจอแต่หมอมาวนเวียนอยู่แถวนั้น เป็นอะไรกันหรือไง”
“เป็นอะไรก็ได้ มันก็ไม่ต่างจากนายหรอก เซบาสเตียน”
ไม่ทันจะคิดอะไรมาก จู่ๆ ผมก็พูดมันออกไป ทั้งที่ปกติเวลาผมอารมณ์เสียผมก็ไม่ได้พูดอะไรสิ้นคิดขนาดนี้ หรือมันเพราะแอบน้อยใจด้วยกันนะที่ไม่ยอมเชื่อใจกันเลย แต่เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันตามที่ผมพูดไปนี่นา
เจ้าตัวเหมือนผงะไปพักหนึ่ง แล้วสุดท้ายกลายเป็นหน้านิ่วอย่างอารมณ์เสีย เขาควรรู้ตัวนะว่าเขาเองก็ไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาลของผมเหมือนกัน ถึงจะชอบ ไม่ได้หมายว่าผมจะต้องยอมเขาทุกอย่าง
พูดเหมือนเหนื่อยเลยแฮะ
แววตาของผมที่ส่งไปให้เซบาสเตียนทำให้เขานิ่งลงไป เจ้าตัวเลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้วโอบกอดผมอย่างเบามือ ความอบอุ่นที่เหมือนเริ่มซึมซาบเข้าไปในตัวทำให้ผมแอบใจเต้นไม่น้อย
“ขอโทษที่ใจร้อนไปหน่อย”
“อืม”
ผมไม่พูดอะไรนอกจากนอนซบอกของอีกฝ่ายและหลับไปทั้งอย่างนั้น เซบาสเตียนลูบผมอย่างเบามือ พอหลับไปรู้ตัวอีกทีผมก็นอนอยู่บนเตียงเขา ถูกห่มผ้าเป็นอย่างดี พอจะหันไปดูนาฬฺกาว่าจะกลับบ้าน แต่มันก็ดึกเกินกว่าจะกลับบ้านได้แล้ว
“ตื่นแล้วหรอ สี่ทุ่มแล้วนะ ไม่ต้องกลับหรอก มันมืดเดี๋ยวจะล้มไปกลางทางอีก ข้างนอกหนาวแล้วด้วย”
“อืม นายพูดมากแปลกๆ นะ”
“แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรก็ไม่เคยจะบอกเลย ให้ผมไปดูฟาร์มแทนก็ได้ ยังไงบ้านผมกับคุณก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่”
อืม ไม่ไกลเลยจ้า
ผมทำท่าจะลุกขึ้นมาก็ต้องโดนเจ้าตัวปรี่เข้ามารับตัวไว้ ร่างเล็กเหมือนจะหน้ามืดไปวูบหนึ่งก็เริ่มมีสติขึ้นมาใหม่ตอนกำลังกำแขนของร่างสูงอยู่
“อยู่นิ่งๆ สิ อย่าทำตัวเป็นภาระได้ไหม”
เซบาสเตียนก็ยังคงเป็นเซบาสเตียน ถึงจะอบอุ่นแค่ไหนแต่เขาก็เป็นคนเดิม ปากร้ายและปากไม่ตรงกับใจด้วย แต่มันก็เสียความรู้สึกเหมือนกันนะ
เหมือนผมก็เป็นแค่ภาระของเขาก็เท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไรหรอก ผมกลับบ้านได้น่า ถ้าอยู่เดี๋ยวเป็นภาระนายอีก”
“อย่าคิดมากสิ ขอโทษครับ”
หมอนั่นพูดเพราะ? เอ๋
ผมเหวอไปเลยพักหนึ่ง รู้ตัวอีกทีถูกคร่อมตัวบนเตียงไปแล้ว ร่างสูงที่อยู่ไม่ห่างจากตัวผมมากนักก็เหมือนจะรั้งไม่ให้ผมไปไหน
มือหนากำแขนของผมแน่นจนปวดไปหมดแถมมีรอยแดงก่ำเป็นรูปนิ้วทุกนิ้ว ใบหน้าที่ห่างผมไม่มากดูเคร่งเครียด นัยน์ตาสีอะเมทิสต์ดูเปราะบางเหมือนกำลังจะแตกหักง่ายจนผมแทบไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปเลย
“อย่าทิ้งผมนะ อย่าทิ้งผมเหมือนแม่ผมนะ ผมขอร้อง”
“สัญญา ไม่ทิ้งหรอกนะ”
หลังจากที่นั้น ริมฝีปากหนาก็ฉกจูบมาที่ผมอย่างไม่ได้ตั้งตัว ถึงมันจะไม่ใช่จูบแรกแต่ความรู้สึกเองก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่นัก ลิ้นร้อนพัวพันกับลิ้นเล็กและดูดซับความหวานของกันและกัน ก่อนที่จะผละออกมาแล้วนอนกอดกันเฉยๆ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา
มันเป็นความรู้สึกที่ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่ก็สัมผัสได้ด้วยใจ
“ทำไมไม่สบายแล้วไม่บอกกันล่ะ”
บรรยากาศที่เงียบเมื่อกี้ก็เปลี่ยนไปจากการทักของเซบาสเตียน เขากอดผมแน่นแล้วเงยหน้ามาถามแล้วซุกลงที่เดิม
“ถ้าออกจากคลินิกไปบอกได้ก็คงไปบอกแล้วล่ะ”
“หายไปตั้งสัปดาห์นึ่งคิดว่าจะทิ้งกันไปแล้ว”
“นายดูแปลกๆ นะ เซบาสเตียน”
“เซบบี้!”
“อืม เซบบี้ก็เซบบี้ แล้วนายเป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ แล้วสนใจอยากจะเรียนรู้คำตอบไปพร้อมกันไหม”
“นายเมาหรือไง นอนไป”
นิ้วเรียวจิ้มไปที่หน้าผากดังจึ้ก ทำให้เซบาสเตียนคลำป้อยๆ อย่างน่าสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นผมคิดว่ามันน่าขำมากกว่านะ
“ขำอะไร”
“เปล่า”
“เหอะ ดูน่าเชื่อมากเลย”
“แล้วผ้าพันคอผมล่ะ”
“ยึดไว้อย่างนี้แหละ”
ผมที่หันไปมองหาผ้าพันคอรอบห้อง พอหันกลับมาอีกทีกลุ่มผมสีเข้มก็อยู่ที่หน้าอกของผมพร้อมกับเสื้อที่ถูกเลิกขึ้นไปซะแล้ว จักจี้ชะมัด
“เซบบี้หยุดน่า”
“งั้นคุณต้องหยุดพูเรื่องผู้ชายคนอื่นนะ”
“แค่ผ้าพันคอเอง”
“มันก็ของฮาร์วีย์นั่นแหละ”
กลุ่มผมสีเข้มเปลี่ยนจุดมาอยู่ที่ลำคอระหงแทน เจ้าตัวมาคลอเคลียอยู่แถวลำคอของผม จนจักจี้ไปหมด เสียงหัวเราะปนกับเสียงหอบดังขึ้นก้องอยู่ในห้อง แต่คนแกล้งก็ยังไม่หยุดและแกล้งต่อไป
“เซบาสเตียนหยุดน่า”
“ก็บอกว่าเซบบี้ไง”
“ก็ติดเรียกว่าเซบาสเตียนไง บ้าเอ้ย นอนได้แล้วน่า”
“โธ่ นอนก็นอน”
หลังจากประท้วงอยู่ได้ซักพักเจ้าตัวก็ให้ผมได้พัผ่อนซักที ร่างสูงหันกลับมานอนตามปกติ แล้วให้ผมซุกอยู่ตรงอก แม้ว่าจะเบียดหน่อยเพาะเป็นเตียงเยวแต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ
ถือว่าฤดูหนาวแบบนี้ก็มีโชคดีกับเขาเหมือนกัน
************
สวัสดีค่ะ ตอนต่อมาเร็วมากเลย เขิว
นี่แต่งตอนวอลเลย์บอลแข่งอยู่ ซักพักก็ไปดูอีกที ชนะเปรูสามศุนย์ สปิริตสาวไทยเก่งมากค่ะ
#ความเซบบี้ คือตอนนี้มีปัญหาอย่างคือเราเป็นคนที่เขียนฉากฟินไม่ค่อยได้ค่ะ โถ
แต่เราอยากให้มันไม่ดูงี่เง่ามากเกินไป เลยใส่ความเป็นผู้ใหญ่เข้าไป ฟินกันมั้ยคะ ถ้าไม่เดี๋ยวแก้นะ
แล้วบางคนอาจจะบอกว่า เออ บุคลิกตัวละครเปลี่ยนนะ
แต่คือเราจะให้เห็นว่าเวลาจะเสียใครซักคนไปมันก็ต้องทิ้งเปลือกนอกออกไปบ้าง ตัวจริงของเซบบี้เป็นผู้ชายอบอุ่นเลยละ
ยังไงก็ อยากเพิ่มตัวละครช่วงท้ายๆ เรื่องแล้วให้คู่กับแซมมี่ แล้วก็เปลี่ยนเซฟไปเล่นใหม่กับท่านหมอ ถถถถ
ยังไงหลังจากนี้อาจจะอัพช้าหน่อยนะคะ แต่จะอัพบ่อยๆ ค่ะ ชอบก็เม้นให้กำลังใจได้นะคะ ;w;
ถุงเคเฟอิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 มิถุนายน 2559 / 00:48
บางทีก็อยากให้Devใส่เข้าไปมากค่ะ เขิวแรง ////b
ป.ล.ความหึงนี้....มันใช่เลย
แอบอิจฉาแทน ฮึ้ยยย อยากมีโมเม้นแบบนี้บ้าง อรั๊ยยย
ไรต์แต่งได้ดีแล้วค่ะ พยายามต่อไปนะคะ นี่อ่านวนไปมาวนสามรอบเขินทั้งสามรอบเลย 5555555
แล้วจะรอตอนต่อไปนะคะ
รีเควสขอฉากฟินๆอีกนะ
สาวไทยเก่งมากๆเสียดายอยากให้ได้ไปโอลิมปิคจะร้องไห้แทนสาวไทย
นี่เเสดงว่าคงใกล้เเต่งเเล้วสิ นางถึงได้ละมุนขนาดนี้ จำได้เลยว่าตอนหัวใจใกล้เต็ม 10 ดวงนางละมุนขึ้นมาก ยิ่งหลังเเต่งงานนะนี่ โอ่ยย ไม่กล้านอกใจนางเลย... (เเต่ก็อยากเห็นเซบหึงกับเค้าบ้างเหมือนกันนะ)(ฮา)
สวนคิดไรกับหมอป่าวเนี่ย หวงจังเลยผ้าพันคอ เซบบี้น่ารักดีนะ ดูอ้อนๆอ่ะตอนนี้(ตรงไหน?:ไรท์//ไม่รู้สิ ฮา:เรา)
มาต่อเร็วๆนะ ^-^
ชาวสวนไม่ได้คิดค่ะ แต่คนเขียนคิด แฮ่---ๆ ส่วนการอ้อนของเซบบี้คือเวลาถ้านางกำลังจะเสียอะไรไป นางคงไม่อยากซึนหรอกค่ะ เดี๋ยวชาวสวนเราไปน้วยหมอแทน ฟฟฟฟฟฟ