คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องไม่คาดคิด
2
เรื่องไม่คาดคิด
“คุณคะคุณ ถึงเมืองไทยแล้วค่ะ”
มีมือใครก็ไม่รู้มาสะกิดที่หัวไหลของฉัน มันเลยทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้นมา
“เออ เครื่องจอดแล้วนะคะ ถึงเมืองไทยแล้วค่ะ”
พนักงานคนที่มาสะกิดฉันพูด
“อ๋อ..ค่ะขอบคุณนะคะ”
ฉันหยิบสัมภาระของตัวเองขึ้นมาแล้วก็เดินออกไป ฉันรีบเดินออกมาจากห้องผู้โดยสาร แล้วก็พยายามมองหาแม่กับฟ้าแต่ฉันยังมองไม่เห็นแม้แต่เงา...หรือมันเป็นเพราะฉันเตี้ยเกินไป =_=
“ขวัญๆๆ”
แม่!!! นี่เสียงแม่ฉันนี่ มาแต่เสียงแล้วตัวหายไปไหนเนี้ยะ
ฉันพยายามเขย่งเพื่อมองหาเจ้าของเสียง แต่ฉันเขย่งจนหน้าจะคว่ำแล้วยังหาไม่เจอเลย
“แม่อยู่ข้างหน้าลูก”
ฉันมองไปตามที่เสียงนั้นบอก แล้วฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนโบกมือให้ฉันอยู่ แน่นอนคะ นั่นต้องไม่ใช่ตำรวจจราจรหญิง แต่ผู้หญิงคนนั้นคือ...
“แม่!!!”
พอฉันเห็นแม่ฉันก็วิ่งเข้าไปหาแม่ทันที ทั้งกอด ทั้งหอม จนคนทั้งสนามบินหันมามองฉันกับแม่กันหมด(ไม่เคยเห็นแม่ลูกเขากอดกันหรือไง)
“เออ...ใช่แม่คะแล้วฟ้าล่ะคะ เมื่อคืนฟ้ายังบอกขวัญอยู่เลยว่าจะมารับ แล้วนี่อยู่ไหนล่ะคะ หรือว่าไปเข้าห้องน้ำ”
ทำไมสีหน้าของแม่ดูซีดๆไป
~ฟ้าเป็นอะไรหรือเปล่า~
“แม่คะ ฟ้าล่ะคะ” ฉันถามแม่อีกครั้ง
“.......”
แม่ก้มหน้าลง
“แม่คะฟ้าเป็นอะไรไป แม่ๆบอกขวัญสิ”
ฉันถามแม่ด้วยเสียงสั่นๆ ฉันรู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องไม่ดีแล้วสิ
“.......”
“แม่-คะ-ฟ้า-อยู่-ไหน”
ฉันถามแม่อีกครั้งแล้วก็ตั้งสติรอฟังคำตอบที่มันจะออกมาจากปากของแม่ ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันคงจะเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยดีเท่าไร
“ตอนนี้ฟ้าอยู่ห้อง I.C.U. ฮือ...ฮือ...แม่ก็ไม่รู้เมือนกันว่าฟ้าเป็นอะไรไป แต่เมื่อเช้าตอนที่ฟ้าจะออกมารับหนูจู่ๆก็หายใจไม่ออกแล้วก็สลบไป”
ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบข้างฉันมันหยุดการเคลื่อนไหวไปหมด ตั้งแต่คำว่า ‘ฟ้าอยู่ห้อง I.C.U.’ แต่หลังจากนั้นแม่พูดว่าอะไรฉันก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น
ฉันอยากร้อง ฉันอยากเอาน้ำตาออกมา แต่มันออกมาไม่ได้
‘ดูแลแม่กับน้องดีๆล่ะ’ เพราะว่าไอ้คำพูดบ้าๆนี่แท้ๆ
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะค่อยกอดแม่เอาไว้ อย่างน้อยแม่จะได้ไม่รู้สึกว้าเหว เหมือนว่าไม่เหลือใครอยู่ข้างๆ ฉันรู้ว่าแม่รู้สึกเหงามาตลอด แล้วทำไมพอฉันกลับมา ฟ้ากลับไม่อยู่ ทำไม ทำไมฟ้ากับฉันจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หรือไง
“แม่อย่าร้องไห้เลยนะคะ ขวัญอยู่นี่แล้วไงคะ ฟ้าจะต้องไม่เป็นอะไรนะคะ ขวัญว่าเราไปหาฟ้ากันเถอะค่ะ ป่านนี้ฟ้าคงจะรอขวัญแย่แล้ว
ตอนนี้ฉันอยู่ข้างๆเตียงของฟ้าแล้ว ฟ้าคงกำลังพักผ่อนสินะ เห็นหมอบอกว่าเพิ่งให้ทานยาไปคงหลับไปหนึ่งชั่วโมง
“แม่คะแล้วอาการฟ้าเป็นยังไงบ้างคะ”
“เห็นหมอบอกว่าครั้งนี้อาการของฟ้าหนักมาก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แล้วก็ต้องนอนโรงพยาบาลไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งแม่ก็ยังไม่เห็นว่ามันจะดีขึ้นเลย มีทางเดียวก็คือฟ้าจะต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ”
‘ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ!!’
แม่พูดออกมาพร้อมกับน้ำใสๆที่มันกำลังจะไหลออกมา แต่แม่ก็ปาดมันทิ้งเสียก่อน
“แล้วเรื่องเรียนยัยฟ้าล่ะคะ”
“นี่ก็เป็นเทอมสุดท้ายของฟ้าแล้วอีกไม่กี่เดือนฟ้าก็จะจบ ม.6 แล้ว แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันฟ้าอยากจะจบ ม.6 มากๆฟ้าเขาฝันไว้ว่าพอเขาจบ ม.6 แล้วเขาจะเอ็นเข้าคณะแพทย์น่ะ แต่พอเห็นสภาพฟ้าตอนนี้แล้วคงจะยาก”
“แล้วเราดร็อปไว้ไม่ได้เหรอคะ เอาฟ้าไปรักษาก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียน”
“นี่มันเมืองไทยนะลูก ท่าจะหยุดยาวขนาดนั้นก็คงจะต้องเรียนใหม่อีกปี ซึ่งฟ้าคงไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นหรอก”
ตอนนี้ฉันอับจนหนทางจริงๆมันมืดแปดด้านไปหมด เหลือแค่พรุ่งนี้อีกวันเดียวโรงเรียนฟ้าก็จะเปิดเรียนแล้ว และถ้าให้ฟ้าไปเรียนมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ แล้ววันจันทร์ฟ้ายังบอกว่ามีสอบอีก โอ้ย! อยากจะบ้าตาย นี่มันเป็นช่วงเบญจเพศรอบแรกของฉันหรือไง
“แล้วราวจาทามยางงายกานดีค้าแม่...”ฉันพูดแบบยานๆแบบหมดอะไรตายอยาก
“แม่ก็อับจนหนทางเหมือนกันลูก”
“แต่ที่แน่ๆฟ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
ฉันโผเข้ากอดแม่เพราะฉันไม่อยากให้แม่เห็นน้ำตาของฉัน
ยังไงฉันก็ขอให้มันไหลออกมาหน่อยเถอะ ฉันขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...
“ร้องออกมาเถอะลูก เอามันออกมาให้หมด แล้วมันจะได้ไม่ออกมารบกวนความสุขของเราอีก”
ฉันนั่งกอดแม่อยู่อย่างนั้นนานมาก มากเสียจนที่ไหลของแม่ชุ่มไปด้วยน้ำตาของฉัน แล้วฉันก็รีบปาดมันออกก่อนที่มันจะท่วมโรงพยาบาล
“พี่ขวัญ”
หลังจากที่ฉันกับแม่เรานั่งเงียบกันอยู่นานนับชั่วโมง ฟ้าก็เริ่มได้สติ ฉันรีบลุกไปหาฟ้าทันที สีหน้าของฟ้าตอนนี้ไม่ต่างไปกับกระดาษแผ่นหนึ่งเลย ขาวซีดไร้เลือดฝาด
“ฟ้า ฟ้าเป็นยังไงบ้างหะ”
“ฟะ...ฟ้า...ไม่...เปะ...เป็น...ระ..ไร...แล้ว”
ฟ้าพูดยิ้มๆให้ฉัน แต่ลมหายใจของฟ้าพร้อมจะหยุดไปได้ทุกเวลา
“มะ...แม่...ล่ะ”
“แม่อยู่นี่ลูก”
ฉันสังเกตเห็นว่าน้ำตาขอบงแม่มันจะไหลออกมา แต่แม่ก็กลั้นมันเอาไว้ แม่คงจะไม่อยากให้ฟ้าเห็นน้ำตานั่น เพราะถ้าหากว่าฟ้าเห็นน้ำตานั่นฟ้าอาจจะหมดกำลังใจก็ได้ ส่วนฉันตอนนี้น้ำตามันท่วมใจไปหมดแล้ว แต่มันไหลออกมาไม่ได้
“ฟ้า...ขะขอคุย...กะ...กับพี่...ฟ้า...หน่อยนะ...คะ”
ฉันกับแม่มองหน้ากันงงแต่แม่ก็ยอมเดินออกไปรอหน้าห้อง
“พะ...พี่...ขวัญ”
“ฟ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะฟังพี่อย่างเดียว”
ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อกลั้นน้ำตามันเอาไว้
“พี่คิดว่าพี่จะส่งฟ้าไปรักษาที่เกาหลีกับพ่อ”
นี่คือสิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้
“ถ้าฟ้ารักษาที่นี่พี่กับแม่คงสู้ค่ารักษาไม่ไหวแน่ เพราะฉะนั้นพี่จะส่งฟ้าไปอยู่กับพ่อที่เกาหลี พ่อเราคงจะรู้จักหมอฝีมือดีๆหลายคน ฟ้าต้องหายแน่ เชื่อพี่สิ”
“ละ...แล้ว...เรื่อง...ระ...เรียน...ของฟ้า...ล่ะคะ”
“เออ....”
ใช่สิฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยนี่นา ทำไมเรื่องมันเยอะแยะแบบนี้นะ เดี๋ยวเรื่องโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ฉันล่ะอยากจะเข้าไปอยู่ศรีธัญญาจริงๆเลย
“ฟ้าจะจบแล้วนะ...อะ...อีก...แค่...เทอมเดียว...อะ...เอง...ฟ้าไม่...ยะ...อยากเสีย...เวลา”
“เออ......”
คิดไม่ออกวะ เอาไงดีเนี้ยะ?
ฉันเห็นสีหน้าฟ้าตอนนี้แล้ว ถ้าฉันเจ็บแทนได้นะฉันอยากจะเจ็บแทนฟ้าจริงๆเลย ฉันยังไม่เคยได้ทำหน้าที่ของพี่สาวเลยจริงๆ
และครั้งนี้ละมั้งที่ฉันจะได้ทำหน้าที่ของพี่สาว
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“พี่...จะ...เรียนแทนฟ้าเอง”
อ๊าก...กกก.ก. ในที่สุดมันก็ออกไปจากปากฉันจนได้
“พี่ขวัญ!!!” O_O
มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอน้องรัก
“แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วยว่าฟ้าอยู่ที่โน้นแล้วจะไม่ได้เรียน เดี๋ยวพี่จะให้พ่อหาครูมาสอนให้(ตอนแรกฉันกะว่าจะให้ไอ้พวกเพื่อนฉันสอนนะ แต่กลัวว่าฟ้าจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเมืองไทยน่ะสิ) มันคงจะไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนักหรอก มันรุ่นเดียวกันนี่(ฉันกับฟ้าห่างกันแค่หนึ่งนาทีเอง) มันจะต่างกันก็ตรงภาษา แล้วก็หลักสูตรที่โน่นคงจะเร็วกว่านิดหน่อย แต่เรื่องภาษาฟ้าก็คงจะรู้บ้างใช่มะ แล้วตอนที่ฟ้าอยู่ที่นี่เดี๋ยวพี่ก็จะทวนให้ พอฟ้าหายก็คงจะช่วงเอ็นทรานซ์พอดี ฟ้าก็กลับมาเอ็นที่นี่ไง”
“พี่ขวัญ ฮือๆๆๆ”
“ฟ้าร้องไห้ทำไม ฮึ”
ฉันเอื้อมมือไปปาดน้ำใสๆที่แก้มฟ้า
“ฟ้ารักพี่ขวัญนะ”
อะไรเนี้ยะยัยฟ้าบอกรักฉัน...จะเขินดีไหมเนี้ยะ
“พี่ก็รักฟ้านะ”
พูดจบฉันกับฟ้าโผเข้ากอดกัน ฉันรู้สึกว่าน้ำตาของฟ้ามันหยดลงมาบนไหล่ฉันที่ละหยดๆนะ
“ฟ้าพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง”
“ฉันค่อยๆวางฟ้าลงแบบเบามือที่สุด”
ฉันรู้สึกว่าฟ้าเป็นอะไรที่น่าทะนุถนอม(ซึ่งฉันคงเป็นอะไรที่น่าเอาไปเป็นลูกบอลล่ะมั้ง) ฟ้าเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่ต้องการเจ้าชายคอยปกป้อง(ซึ่งฉันก็คงจะเป็นเหมือนแก้วหน้าม้า)ฟ้าต้องการเอาใจใส่ตลอดเวลา(ซึ่งฉันก็คงจะโดนถีบหัวส่งทุกเวลาเหมือนกัน)
“อะไรนะขวัญ!!!”O_O
หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง ตาของแม่ที่เล็กเท่าไข่นกกระทาก็โตเท่าไข่ห่านไปเลย
“มันจะดีเหรอขวัญ ไม่กลัวโดนจับได้เหรอ”
“ก็ไหนแม่เคยบอกไว้ว่าฟ้ากับขวัญหน้าตาเหมือนกันจนใครๆก็แยกกันไม่ออก และจนบางครั้งแม่กับพ่อก็แยกไม่ออกเหมือนกัน แล้วอีกอย่างก็ไม่มีใครรู้ว่าฟ้ามีฝาแฝดไม่ใช่เหรอคะ ”
“งั้นก็ตามใจลูกเถอะ ไหนๆมันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้ว แต่ขวัญก็ต้องระวังตัวนะ ถึงรูปร่างหน้าตาของฟ้ากับขวัญจะเหมือนกันแต่นิสัยของเราน่ะต่างกันมาก”
“เออ...คะ”
‘นิสัยของเราต่างกันมาก’T-T
หลังจากที่แม่พูดจบแม่ก็เดินขึ้นห้องไป ส่วนฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ
“ใช่สิเรายังไม่รู้จักเพื่อนของฟ้าเลยนี่นา”
คิดได้แค่นั้นฉันก็เดินขึ้นห้องยัยฟ้าไป
พอฉันเปิดห้องฟ้าเข้าไปแทบจะเป็นลม ไม่ใช่ว่าห้องฟ้าเหม็นหรอกนะ แต่ห้องฟ้ามันต่างกับห้องของฉันอย่างแรงต่างหาก ห้องของฟ้าดูเป็นระเบียบมากแต่ห้องของฉันมันรกจนหนูยังไม่อยากจะมาอยู่เลย บนเตียงของฟ้ามีแต่ตุ๊กตาหมี คิตตี้ และก็ตุ๊กตาที่น่ารักๆทั้งนั้น แต่เตียงของฉันมันมีแต่อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง หรือไม่ก็มีแต่ตุ๊กตาที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกัน(ก็เพราะว่าไอ้เพื่อนพวกนั้นมันไม่คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเลย ฉันก็เลยได้แต่ของแบบนั้นมาเป็นของขวัญ) ฉันกับฟ้าแตกต่างกันมากจนไม่น่าเป็นฝาแฝดกันเลยจริงๆ
ฉันเดินมานั่งที่เตียงยัยฟ้าแล้วก็หยิบกรอบรูปบนหัวเตียงขึ้นมาดู มีสองอัน อันแรกเป็นรูปของครอบครัวตอนถ่ายกันครบทุกคน และอีกอันหนึ่งเป็นรูปของยัยฟ้าถ่ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่งคงเป็นแฟนกันสินะ(น้องหาเจอแล้ว พี่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลยทั้งที่ฉันกับยัยฟ้าออกจะเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว สูงก็เท่ากัน ส่วนน้ำหนักในฐานะที่ฉันโตกว่ายัยฟ้าหนึ่งนาที ดังนั้นฉันคงจะหนักกว่ายัยฟ้านิดหน่อยแล้วทำไมฉันยังไม่มี! T_T) แล้วดูสิจับมือกันหวานเชียว ดูนายนั่นทะนุถนอมยัยฟ้ามากเลย ซึ่งไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายมันเอาแต่ไล่ถีบฉันทุกวัน เราต่างกันมากจนน่าอัศจรรย์จริง =_=
ฉันดึงลิ้นชักที่ตู้หัวเตียงยัยออกมา ก็เจออัลบั้มสีชมพูอยู่อันหนึ่ง พอเปิดออกมาก็จะเป็นรูปเพื่อนของยัยฟ้าตอนอยู่ในชุดนักเรียน ดูแล้วเพื่อนยัยฟ้าก็หน้าตาดีนะ ใช่สิ! ฉันลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้ายัยฟ้า พอเห็นแล้วลมแทบจับ เสื้อผ้ายัยเป็นสีชมพูฟ้าแทบทุกตัว แถมส่วนใหญ่จะเป็นกระโปรงทั้งนั้นเลย โอ้ว...อยากจะบ้าตายฉันไม่ต้องทนใส่เสื้อผ้าแบบนี้ไปตลอดสองเดือนเลยหรือไง ฉันทนไม่ได้แน่ๆ อยู่ที่โน่นฉันใส่แต่กางเกงกับเสื้อขาวๆดำๆทั้งนั้น ทำไม ทำไมฉันกับน้องถึงแตกต่างกันขนาดนี้นะ (ฉันว่าต้องมีใครสักคนเป็นลูกคนข้างบ้านแหงๆ)
“เฮ้อ...”
ฉันถอนหายใจชุดใหญ่แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงของยัยฟ้าเผื่อว่าความเป็นกุลสตรีของยัยฟ้ามันจะติดตัวฉันมาบ้าง
“หาว...หาว”
ง่วงจังเหะ
“ZZZZ” หลับไปแล้ว
“ขวัญๆตื่นได้แล้ว ขี้เซาจริงๆเลยเราเนี้ยะ”
ฉันว่าฉันได้ยินเสียงแม่นะ?
“แล้วนอนลงไปได้ยังไงน้ำก็ไม่อาบ”
ใคร? ทุเรศจริงๆเลย
“ขวัญ”
ฉันว่ามีคนมาดึงแขนฉันนะ
“ขวัญ”~โป๊ก~
“โอ้ย”
พอฉันลืมตาขึ้นมา ก็เห็นแม่ยืนถือตะหลิวอยู่ข้างๆ เฮ้ย! ตะหลิว
“แม่!! แม่ไม่สบายหรือไงนี่มันห้องนอนนะ ไม่ใช่ห้องครัว เอาตะหลิวมาทำไม?”
“แม่สบายดีจ้ะ และที่แม่เอาตะหลิวขึ้นมาเนี้ยะก็กะว่าจะเอามาพลิกเรานั่นแหละ ถ้าเราไม่ตื่น”
“อ่ะจ้ะๆ ตื่นแล้วๆ แหะๆ^_^”
“แล้วเราก็รีบอาบน้ำซะ เราไปโรงพยาบาลเองได้ใช่ไหมเพราะเดี๋ยวแม่จะไปร้าน”
แม่ของฉันเปิดร้านเบอเกอรี่อยู่ที่บ้านหลังข้างนี่แหละ
“ค่ะ”
ฉันเดินลงไปอาบน้ำที่ข้างล่างแล้วก็แต่งตัวเสร็จภายในสิบนาที และก็ทานข้าวเสร็จภายใน 5 นาที ซึ่งฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าทานหรือยัดกันแน่
หลังจากทำภารกิจเสร็จฉันก็รีบวิ่งออกมาทันที แต่เอ๊ะ ฉันว่าฉันลืมอะไรไปอย่างหนึ่งนะ ใช่สิอัลบั้มรูป ฉันรีบขึ้นไปบนห้องยัยฟ้าแล้วก็หยิบอัลบั้มรูปยัดใส่กระเป๋าทันที
ฉันเดินไปตามฟุตบาทเพื่อมองหาวินมอไซค์ ขืนฉันนั่งรถแท็กซี่ไปกว่าจะถึงก็พรุ่งนี้พอดี แล้วฉันก็เจอ...
“พี่ไปโรงบาล...”
เฮ้ยโรงบาลไรวะ?
“โรงบาลไรน้อง?”
ใช่โรงบาลไร?
“เออ...โรงบาลที่มีหมอกับพยาบาลน่ะ”
“แล้วโรงพยาบาลบ้านน้องมีสัปเหร่ออยู่หรือไง”
ถึงนายนั่งจะรู้ว่าฉันกวน แต่หน้าก็ยังยิ้มอยู่ดีนั่นแหละ แปลกดี ^_^
“โธ่...พี่ก็ฉันจำชื่อไม่ได้นี่นา เอาเป็นว่าไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแล้วกัน”
“งั้นก็ขึ้นมา”
“เร็วๆนะพี่”
“ได้น้อง”
~ปรืด..ดดด....ด~
โอ้ยไม่น่าบอกให้เร็วเลยเรา นี่ถ้าฉันไม่ใส่หมวกกันน็อคนะ ผมของฉันคงกลายเป็นรังนกนางแอ่นไปแล้ว
“เอ้า...ถึงแล้ว”
~พรึบๆๆๆ~
พอฉันก้าวขาลงมาขาฉันมันก็รั้งไว้ไม่อยู่แล้วมันสั่นเป็นแร้งกระพือปีกเลย
“เร็วสมใจมากเลยพี่ แต่พี่ไม่ควรขับแบบนี้กับเด็ก คนชรา คนพิการ และก็คนท้องนั่งนะ เพราะไม่อย่างนั้นพี่จะโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ไปละนี่ตังค์ไม่ต้องทอน เอาไปสะสมไว้เผื่อมันจะต้องใช้ประกันตัวพี่ บ้าย บ่าย”
“เฮ้ย!เดี๋ยว”
“อะไร”
“มัน หกสิบ ไม่ใช่ ห้าสิบ”
“นี่ทางแค่ไม่ถึงห้ากิโล ห้าสิบบาทก็พอ อย่าขูดเลือดขูดเนื้อกันไปหน่อยเลย ไปล่ะนะ”
พูดจบฉันก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาลทันที โดยไม่ฟังเสียงเรียกของไอ้วินมอไซค์นั่น ทำไมฉันหน้าด้านจัง (ด้านไหนก็น่ารักอ่ะ ฮิฮิ)
“อ้าวพี่ขวัญ ฟ้าคิดว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก” ^_^
นี่น้องฉันหายดีแล้วหรือนี่ O.O
“นี่เอาเครื่องช่วยหายใจออกแล้วเหรอ”
“อืม...จ้ะ แต่หมอบอกว่ามันกำเริบได้ตลอดเวลา แล้วเขาก็จะส่งฟ้าไปเกาหลีอาทิตย์หน้านี้แล้ว”
แน่ละก็เมื่อวานฉันไปคุยกับหมอไว้เรียบร้อยแล้ว และก็โทรศัพท์ไปบอกพ่อเรียบร้อยแล้วด้วย
“อืม...เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าฟ้าต้องหาย ว่าแต่เพื่อนเราชื่ออะไรล่ะ”
ฉันหยิบอัลบั้มรูปออกมาแล้วก็พลิกไปหน้าเดียวก็ครบเซท(สองคน)
“คนนี้ชื่อทราย ลูกคุณหนู”
“ไม่ใช่พจมาน หรอกเหรอ” (ที่ฉันรู้จักก็เพราะพ่อเคยเล่าให้ฟังน่ะ)
“พี่ขวัญ”
ยัยฟ้าทำหน้าดุเล็กใส่ฉัน
“อ้าวก็ดูสิถักเปียสองข้างยังกะพจมาน สว่างวงศ์ แล้วเข้าไปอยู่ในบ้านทรายเงินหรือยังล่ะ แต่ดีนะที่ดัดฟัน จะได้เป็นพจมานปี
“ทอง พี่บ้านทรายทอง แล้วก็ไม่ต้องมาแซวเพื่อนฟ้าด้วย”
“โอเคก็ได้”
แล้วฉันก็พลิกดูรูปไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าสุดท้าย เป็นรูปยัยฟ้าถ่ายกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ผิวขาวปากอมชมพูยังกะผู้หญิงแน่ะแถมดูท่าทางจะสูงซะด้วย
“ใคร”
ฉันชี้ไปที่รูปผู้ชายคนนั้น แล้วก็หันไปถามยัยฟ้า แต่ดูยัยฟ้าสิอายม้วนต้วนจนเป็นผ้าขี้ริ้วบิดน้ำไปแล้ว แถมดูแก้มสิแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศอีก
.”พี่บาสน่ะ”
“คือใคร”
“คะ...คือ...”
“..”
“บาสคือใคร!”
“ฟะ...แฟน”
+555+ ดูหน้ายัยฟ้าตอนนี้ดูซีดใจมากๆเลย
“โธ่...ก็แค่แฟน หะ!!!แฟน”
ตกใจคูณสามเลยเรา O.O
“ทำไมเหรอพี่”
“เออเปล่าแค่ตกใจนิดหน่อย”
ฉันลืมไปเลยว่ายัยฟ้ามีแฟน แล้วคราวนี้ฉันจะทำไงดี? มีหวังพอยัยฟ้ากลับมาได้ถูกขอเลิกแน่ๆ
เออ...แล้วคนที่ยืนข้างๆนายบาสนั่นน่ะใคร ผู้ชายตัวสูงกว่านายบาสนิดหน่อย คิ้วเข้ม ตาคม ปากเรียวเล็กดูสวย จมูกโด่ง โอ้ย...ดูดีไปหมด
“แล้วนี่ใคร”
ฉันชี้ไปที่ผู้ชายคนนั้น
“อ๋อ...ดัช เพื่อนบาสน่ะ เออใช่...ดัชเนี้ยะเคยอยู่เกาหลีตอนเด็กๆนะ เขาเพิ่งมาอยู่เมืองไทยกับแม่ตอนสิบสี่เอง เขาก็เลยต้องมาเรียนซ้ำที่นี่ปีหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่เราปีหนึ่งน่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกเขาว่าพี่หรอก แล้วพี่ก็ต้องระวังดัชให้มากๆด้วย เพราะดัชเนี้ยะฉลาดเป็นกรดเลย พี่อย่าเผลอหลุดออกมาล่ะ เออ...แล้วรู้สึกว่าจะมีชื่อเกาหลีด้วยนะ รู้สึกจะชื่อ...แทอินมั้ง”
เป็นชื่อที่ลาวแต่ก็เพราะ
“เออแล้วโรงเรียนฟ้าล่ะ เป็นไงบ้าง”
“ก็มีหลายตึกนะ มีหกตึกใหญ่ คือ ตึกภาคภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน จีน เกาหลี แล้วก็ญี่ปุ่น (ทำไมไม่เอามาให้ครบทุกภาษาเลยล่ะ) ฟ้าอยู่ตึกเกาหลีนะ”
“อ๋อ...เออ...พี่รบกวนฟ้ามามากแล้ว ฟ้าพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปเดินเล่นแถวนี้ แล้วจะกลับมาสอนภาษาเกาหลีให้”
“จ้ะ”
ฉันลงไปเดินเล่นที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล ฉันนั่งคิดเรื่องยัยฟ้าไปเรื่อยๆ และก็นั่งเขียนภาษาเกาหลีใส่กระดาษไว้ให้ยัยฟ้าอ่าน จนคิดว่ายัยฟ้าคงตื่นแล้ว ก็เลยกลับขึ้นห้อง
ฉันติวภาษาเกาหลีให้ยัยฟ้าหนึ่งชั่วโมงได้มั้ง แล้วก็เอากระดาษใบนั้นไว้ให้ยัยฟ้าอ่าน เท่าทีดูแล้วยัยฟ้าก็ยังพอจำได้อยู่บ้าง(ตอนเด็กๆพ่อเคยสอน แล้วยัยฟ้าก็เรียนภาคเกาหลีด้วย) คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วสำหรับยัยฟ้า แต่สำหรับฉันยังต้องห่วงอีกเยอะ
“เออ...พี่ขวัญ หนังสือ กระเป๋า ตารางเรียนอยู่ที่โต๊ะในห้องฟ้านะ ส่วนเสื้อผ้าก็อยู่ในตู้นะ คงหาไม่ยากหรอก” ใช่จ้ะ ถ้าเป็นห้องฟ้ามันหาไม่ยากแน่ๆ แต่ถ้าเป็นห้องพี่คงจะใช้เวลาเป็นวัน
“งั้น...พี่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ถ้าว่าแล้วพี่จะมาเยี่ยมนะ แต่ถ้าไม่พี่จะฝากกระดาษมากับแม่นะ”
“ฉันยังไม่เข้าบ้านดีกว่า ไปร้านท่าจะดี”
โห...วันนี้ลูกค้าเต็มร้านเลย ทั้งเด็ก ทั้งวัยรุ่น ทั้งผู้ใหญ่ ท่าทางแม่ฉันจะทำเค้กอร่อยน่าดูเลย
“อ้าวคุณฟ้า พี่ไม่เห็นซะหลายวันหายไปไหนมาคะ”
พอฉันเปิดประตูเข้าไป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทักฉัน(ว่าเป็นยัยฟ้า)
“อ๋อ...คะ..แล้วแม่ล่ะคะ”
“อ๋อ...อยู่หลังร้านน่ะคะ คงจะทำเค้กอยู่”
ฉันเดินไปที่หลังร้าน แต่ว่ากว่าจะไปถึงหลังร้านมีคนมาทักฉัน(ในฐานะยัยฟ้า)กันตรึม ทั้งพนักงานร้าน และก็ลูกค้า รู้สึกว่าน้องฉันนี่มนุษยสัมพันธ์ดีเหลือเกิน
พอไปถึงหลังร้านฉันเห็นว่ามีเค้กวางอยู่ก้อนหนึ่งมันน่ากินมาก ฉันก็เลยเอานิวไปจิ้ม แต่แล้วแม่ดันเข้ามาตีมือฉัน จนมันเลอะไปทั้งมือแล้ว
“แม่อ่ะ! เลอะหมดเลย”
“ก็เราเนี้ยะน้า ไปล้างสิ”
“ว้าย!! เค้กอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ มือถึงได้เลอะซะขนาดนั้น”
“ค่ะอร่อย ลองไหมคะ”
“ไม่ล่ะคะ เดี๋ยวพี่จุ๋มไปทำงานก่อนนะคะ”
ชื่อจุ๋ม แต่ตัวยังกะตุ่ม
“ขวัญแน่ใจแล้วเหรอลูกที่จะไปเรียนแทนน้อง”
ฉันนั่งคุยกับแม่หลังจากที่เราเก็บร้านกันเสร็จแล้ว
“ก็ไม่แน่คะ แต่มันก็ไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ใช่มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้ว
“ถ้าขวัญว่ายังไงแม่ก็ว่ายังงั้นแหละลูก แต่ต้องระวังตัวนะ เรากับฟ้าน่ะถึงหน้าจะเหมือนกันแต่นิสัยยังกับฟ้ากับเหวเลยนะรู้ไหม”
ทำไมแม่ชอบเน้นจัง~
“ค่ะ”
“แล้วอีกอย่างแม่รู้ว่าขวัญน่ะไม่เรียนก็สอบได้เพราะเราหัวสมองดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ยัยฟ้าถ้าไม่เรียนก็สอบไม่ได้นะดังนั้นยัยฟ้าเขาจะตั้งใจเรียนมากแล้วแม่ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องคะแนนสอบของยัยฟ้าหรอก แต่แม่ห่วงเรื่องคะแนนจิตพิสัยมากกว่า” แม่กำลังชมฉันใช่ไหม =_=
ที่แม่รู้ว่าฉันไม่เรียนก็สอบได้เพราะว่าตอนป.3 ฉันเรียนอยู่ที่นี่ แล้วฉันก็จะโดนเรียกพบผู้ปกครองบ่อยมาก ซึ่งเรื่องที่โดนมากที่สุดคือ เม้าท์กระจายจนเอฟเฟ็คกระเด็นในห้องเรียน(ซึ่งที่เกาหลีก็จะไม่ต่างกันมากนัก ต่างกันก็ตรงที่จะมีการโดดเรียนเข้ามาแทรกนิดหน่อย แหะๆ) แต่พอผลสอบออกมาทีไรฉันTOPทุกที จนอาจารย์งงเป็นไก่ตาแตกเลย(ไม่ค่อยจะชมตัวเองเลยนะ หิหิ)
“ค่ะแม่ ขวัญจะพยายามตั้งใจเรียนนะคะ”
“งั้นก็ไปนอนเถอะลูกพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”
ความคิดเห็น