คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วันสุดท้ายของฉัน
1
วันสุดท้ายของฉัน
เกาหลี
วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของเด็กปีสุดท้ายในเกาหลีทุกคน ซึ่งนักเรียนทุกคนคงจะกำลังนัดกันว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ และที่เด็ดที่สุดก็คงเป็นการที่เราได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ สัก 2-3 อาทิตย์
แต่กลุ่มของฉันซึ่งเรามีกันอยู่สี่คน และที่สำคัญมันมีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม!!(โอ้ว...ลอล่า มันจอร์ดมาก) คนแรก ‘ฮันแทจุน’ เป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งในกลุ่มของเรา (ซึ่งกลุ่มของเราหน้าตาดีกันทุกคน หิหิ) แต่มันป็นคนใจร้อนไปหน่อยน่ะ มันเลยยังไม่มีแฟนกับเขาสักที ‘คิมทาซุง’ เป็นคนหน้าหล่อมากกกก...เป็นที่หมายปองของสาวทุกคน ซึ่งสาวทุกคนก็จะได้มันไปครองหมดเพราะมันชอบหม้อสาวไปเรื่อยจนตอนนี้มันก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักทีแล้วเอกลักษณ์ของมันที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ก็คือ ปากของมันจะมีมดมาตอมอยู่ตลอดเวลา(มันปากหวานค่ะ) ‘คังมินซุง’ ไอ้นี่มันเป็นคนหล่อลากดินค่ะ มันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดมาก มีสาวๆมาชอบมากมายแต่มันไม่สนใจใครสักคนจนบางครั้งพวกเราก็คิดว่ามันต้องเป็นเกย์แน่ๆเลย จนวันหนึ่งมันมาบอกเราว่ามันชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง มันเลยทำให้เรารู้ว่ามันไม่ได้เป็นเกย์ แต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร คนสุดท้าย ฉันเอง ‘ยูฮาจิน’ (เป็นคนที่สวยที่สุดในกลุ่ม) ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะติ๊งต๊องอย่างแรงแถมยังซุ่มซ่าม เอ๋อๆ อีกต่างหาก สรุปง่ายๆคือในตัวไม่มีอะไรดีสักอย่าง(แต่ฉันก็มีดีอยู่อย่างหนึ่งนะ คือด่าเก่ง เจ๋งมะ? ) และเอกลักษณ์ของฉันก็คือชอบทำอะไรแบบที่ผู้ชายเขาทำกัน(ก็รอบฉันมันมีแต่ผู้ชายนี่นา) จนผู้หญิงทุกคนพากันอิจฉาฉันกันหมด หิหิ คนมันสวยก็แบบนี้แหละ มันช่วยไม่ได้ ^_^
“ฮาจินแกจะต้องไปเมืองไทยจริงๆเหรอวะ”
ไอ้ทาซุงหน้าหม้อเป็นผู้ถามขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศอันเงียบเหงา ที่พวกเรากำลังเผชิญกับมันอยู่
“อืม...”
ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรที่มันยาวกว่านี้แล้วก็ดีกว่านี้แล้วด้วย ก็มันเศร้าอ่ะ @_@
“แล้วทำไมแกต้องไปด้วยวะ แกอยู่ที่นี่มาตั้งนาน อยู่กับพวกเรามาตั้งนาน แต่พอเราจะต้องจากกันแกกับไปโดยไม่มีคำล่ำลาอะไรเลย แล้วทำแกถึงเพิ่งมาบอกพวกเราวันนี้!!”
แทจุนถามฉันด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ฉันไม่อยากพูดถึงมันนี่นา
”
มันช่างเป็นเหตุผลที่เลิศหรูอลังการมากๆ
“แล้วที่สำคัญแกจะไม่ให้ฉันกลับไปเยี่ยมแม่กับน้องบ้างเลยหรือไง อย่าลืมสิว่าฉันมีคนที่รักฉันห่วงฉันอยู่ที่เมืองไทยด้วยนะ”
“ฉันก็ว่างั้นวะแทจุน เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปเที่ยวกันให้สนุกไปเลยดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ไอ้ฮาจินก็จะไม่อยู่ที่เกาหลีแล้ว”
“งั้นเราไปเลี้ยงกันที่ร้านแม่ฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันโทรไปบอกแม่ก่อน”
ฉันลืมบอกไปน่ะว่าที่บ้านของมินซุงเป็นร้านอาหารเกาหลีแท้ๆเลยนะ โดยที่แม่ครัวก็คือ แม่ของมินซุงเอง และระหว่างทางเดินไปร้านอาหารของมินซุงฉันก็จะสาธยายเรื่องของฉันให้ฟังแระกันนะ
“ฉัน ‘ยูฮาจิน’ซึ่งทุกคนก็คงจะรู้จักชื่อนี้กันแล้ว แต่ฉันก็มีชื่อไทยว่า ‘เทียนขวัญ’ และฉันก็มีน้องสาวคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับฉันเป๊ะเลยอยู่ที่เมืองไทยชื่อ ‘เทียนฟ้า’ส่วนชื่อเกาหลีก็คือ ‘ยูฮาริน’ และเหตุที่ฉันกับน้องต้องแยกกันอยู่ ก็เพราะว่าพ่อของเราถูกย้ายให้มาเป็นทูตที่เกาหลีตั้งแต่ฉันเพิ่งได้เก้าขวบ แต่ฉันกับน้องเราก็ยังรักกันเหมือนเดิมถึงแม้เราจะแยกกันอยู่ก็ตาม ฉันกับฮารินเราเล่น msn กันทุกวันมีอะไรฮารินก็จะเล่าให้ฉันฟังเสมอจนเราไม่เคยมีความลับต่อกันเลยและฉันก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษากับน้องได้ทุกเรื่อง แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยอยากจะให้คำปรึกษากับฮารินสักเท่าไรนั่นก็คือเรื่องของคนรัก (ถึงรอบกายฉันจะห้อมล้อมไปด้วยผู้ชายก็เถอะ แต่ไอ้พวกนั้นมันก็คิดว่าฉันเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันเลยไม่คิดกับฉันเกินคำว่าเพื่อนเลย) สรุปก็คือว่าฉันยังด้อยประสบการณ์ทางด้านนี้อ่ะนะ หรือเรียกง่ายๆว่า ‘ไม่เคยมีแฟน’ เลยกลัวจะให้คำปรึกษาที่ผิดๆไปจนทำให้เลิกกันน่ะ แหะๆ ว่าแต่ช่วงนี้ฮารินไม่ได้เล่น m เลย เท่าที่ฉันจำได้ครั้งสุดท้ายที่ฉันเล่น m ฉันเล่นกับแม่ แล้วแม่ก็บอกว่าน้องนอนดึกไม่ได้ และฉันก็เข้าใจเพราะว่าฮารินค่อนข้างจะอ่อนแอตั้งแต่เด็กๆแล้วแถมยังเป็นโรคหัวใจอีกมา ลองคิดดูสิคะว่าเราสองคนตกต้นไม้ต้นเดียวกันและฉันก็อยู่สูงกว่าฮารินด้วยแต่ฉันเป็นแค่แผลถลอกเท่าขี้มดอยู่ที่หัวเข่าแต่ฮารินจะต้องเข้าเฝือกที่แขนสามเดือน และจากบทพิสูจน์บทนี้มันจึงทำให้ฉันรู้ว่าฉันอึดมาตั้งแต่เด็ก”
“เฮ้ย! ไอ้ฮาจินแกจะเลยร้านไปไหนวะ”
เสียงของทาซุงดังขึ้น ทำให้สติของฉันกลับมาอยู่กับตัว แต่พอฉันมองไปรอบๆมันจึงทำให้ฉันรู้ว่าฉันเลยร้านมาแล้ว (นี่แระน้าความซื่อบื้อของฉัน แต่ยังดีนะที่ฉันไม่เดินเลยไปกลางถนนแล้วรถมันก็คาบฉันไปกิน >-<)
“แล้วแกจะยืนเฝ้าร้านหรือไงเข้ามาดิ ”
เปรียบเทียบเหมือนหมาบ้านฉันเลย TT_TT แต่ฉันจะพยายามคิดว่ามันไม่ใช่นะ ไอ้ทาซุงหน้าหมอ
“อันนยองฮาเซโยค่ะป้าอึนซู (สวัสดี)”
ป้าอึนซุก็คือแม่ของมินซุงกำลังยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์
“อ้าว สวัสดีจ้ะเด็กๆ ฮาจินจะกลับเมืองไทยพรุ่งนี้แล้วเหรอ”
ป้าอึนซุพูดพร้อมกับเอามือมาลูบผมฉันเบาๆ
ป้าอึนซูกับพวกเราสนิทกันมากเพราะพวกเราจะมากินอาหารที่ร้านป้าอึนซูบ่อยมากๆ และอยากจะบอกว่าอร่อยมากๆด้วย ลูกค้าเต็มร้านทุกวันเลย
“วันนี้ป้าจองห้องยอรึม ไว้ให้แล้วนะ มินซุงพาเพื่อนๆไปสิ เดี๋ยวอาหารจะตามไปแม่สั่งให้แม่ครัวทำไว้ให้แล้ว”
ตอนนี้เราอยู่ในห้องยอรึมกันแล้วละ ในห้องก็จะตกแต่งด้วยสีร้อน แบบโทนสีส้ม สักพักก็มีพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟให้เรา ตอนนี้บนโต๊ะอาหารของเรามีอาหารเต็มไปหมด ทั้งคาลบิ พลุโกกิ พีบิมพับ เทนจังชิเก และเวลาทานจะจะต้องทานพร้อมกับข้าวและซัมเกทัง ซัมบับจองกิชิก และที่ขาดไม่ได้ก็คือ กิมจิเป็นอาหารที่ชาวเกาหลีกินกับข้าวแทบทุกมื้อ และก็ยังมีอาหารหวานอีกเล็กๆน้อยๆเอาไว้ให้เราตบท้าย ซึ่งวันนี้เราคงจะกินกันจนพุงกางกันไปเลยทีเดียว
‘ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่เจอพวกแกแล้วก็ตาม แต่เราจะคิดถึงกันตลอดไป คิดถึงกันทุกวัน แต่ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องคิดถึงกันทุกเวลาขอแค่เวลาที่พวกแกเหงาแล้วแกคิดถึงฉันก็พอ...จนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีกจะเวียนมาถึง’
นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ฉันพูดเอาไว้ ก่อนที่เราจะแยกกัน...
ฉันเลือกที่จะเดินกลับบ้านโดยมีมินซุงมาส่ง และครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะยืนอยู่บนเกาหลี เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นเกาหลีในยามค่ำคืน ฉันเดินไปเรื่อยตามฟุตบาทมีผู้คนมากหน้าหลายตา ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา ฉันก็เดินมาถึงบ้านหลังหนึ่ง มีหลังคาสีแดง มีตัวบ้านสีครีม มีรั้วสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเมตรสีขาว ในบ้านมีพื้นที่ประมาณร้อยตารางวา เจ้าของบ้านเป็นผู้ชายวัยประมาณสี่สิบปี แถมยังหล่ออีกด้วย และก็มีลูกสาวสองคนอยู่ที่ไทยกับแม่คนหนึ่ง อยู่ที่เกาหลีกับเขาคนหนึ่ง สรุปมันก็คือบ้านฉันนั่นแหละ หิหิ >-<
“ขอบใจนะมินซุง ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ แล้วอย่าลืมบอกรักผู้หญิงคนนั้นนะ ฉันจะเอาใจช่วย”
พูดจบมินซุงก็หันหลังกลับไป ฉันก็เลยเดินกลับเข้าบ้าน...
“พ่อคะกลับมาแล้วค่ะ (ภาษาไทย)”
พ่อของฉันพูดภาษาไทยได้น่ะ เลยบอกว่าเวลาอยู่บ้านหรืออยู่กับพ่อให้พูดภาษาไทย สงสัยกลัวฉันจะลืมภาษาไทย แล้วจะโดนแม่เฉ่งแน่เลย หิหิ >-<
“กลับมาแล้วค่า
พ่อขา”
“ขาซ้ายขาขวาล่ะลูก”
“=_=”
ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอนแล้วละ ฉันเดินไปหาพ่อที่ห้องซึ่งห่างจากห้องฉันไปสองห้อง คือบ้านนี้จะมีห้องชั้นบนอยู่สี่ห้อง คือห้องที่ติดกับห้องพ่อเป็นห้องทำงาน ส่วนห้องที่ติดกับห้องฉันเป็นห้องดูหนัง ฟังเพลงซึ่งฉันจะชอบพาเพื่อนมาถล่มที่ห้องนี้บ่อยมาก
~ก๊อกๆๆๆ...~
ฉันเคาะประตูห้องของพ่อก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ปิดมันลง
ฉันเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียงของพ่อ ซึ่งพ่อก็กำลังพิมพ์งานอยู่บนเตียง
“ทำไมพ่อยังไม่เข้านอนอีกเหรอคะ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ”
“งานมันยังไม่เสร็จน่ะลูก”
“เออพ่อคะ ขวัญขอใช้คอมฯพ่อหน่อยนะ”
“จ้ะ ว่าแต่จะทำอะไร ”
“เล่น m กับยัยฟ้าน่ะคะ”
ฉันเล่นเอ็มกับฟ้าไปจนสามทุ่ม แล้วแม่ก็บอกว่าน้องต้องพักผ่อนเราเลยต้องเลิกเล่นกันแต่พรุ่งนี้แล้วที่ฉันจะได้เจอฟ้าแล้ว
7.00
“ขวัญเสร็จหรือยังลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวขวัญลงไป”
ฉันหยิบเป้ใบไม่ใหญ่นักขึ้นสะพายหลัง (ใบไม่ใหญ่มากแต่ทำฉันเกือบหงายหลัง) ฉันว่าฉันก็ไม่ได้เอาอะไรไปมากนะแค่เสื้อผ้าสี่ห้าชุด รองเท้าแตะหนึ่งคู่ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเตี้ยเกินไปก็ได้ เพราะฉันสูงแค่ร้อยหกสิบแปดเอง เพื่อนฉันแต่ละคนนะร้อยเจ็ดสิบขึ้นทั้งนั้น(เพื่อนฉันมันเป็นผู้ชายทั้งนั้นอ่ะดิ)โดยเฉพาะไอ้มินซุงมันสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบสี่ยืนกับฉันนี่ต่างกันอย่างกับ Sky Tower กับ บ้านหลังคาสังกะสี
~ติ๊ด..ตะริด..ติ๊ดๆๆๆ... ~
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น มันช่างเป็นเสียงที่ลาวมากๆ ฉันมองบนหน้าจอมันก็บอกฉันว่าเป็น ‘มินซุง’ (ท่าทางจะตายยากเหะ คิดปุ๊บ มาปั๊บ ยังกับมินซุงdelivery เลย
“ยอโบเซโย (ฮัลโล)”
ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
[นี่แกอยู่ไหนอ่ะ] ไอ้มินซุงมันไม่มีปากหรือไงวะ ขนาดพูดโทรศัพท์ยังให้ไอ้ทาซุงพูดเลย(ฉันขอให้แกเป็นใบ้ตลอดชีวิต)
“กำลังจะออกจากบ้าน แล้วพวกแกอยู่ไหนอ่ะทำไมเสียงดังจังวะ”
ฉันรู้สึกว่าขี้หูของฉันมันกำลังเต้นระบำฮาวายอยู่นะ แบบว่าตะลึ่ง ตึงโพละตึงๆโพละไปเลย
[อ๋อ อยู่กับพวกเราเนี้ยะแระ ว่าแต่พวกเราคงจะไปส่งแกที่สนามบินไม่ได้แล้วนะ]
“ทำไมล่ะเมื่อวานพวกแกบอกว่าจะไปส่งฉันที่สนามบินไม่ใช่เหรอ”
ฉันพูดพร้อมกับเดินลงบันไดไปด้วย (นี่ถ้าฉันตกบันไดนะ ฉันจะ.....)
~ พรืด...ดด..ด.ตุ๊บ โอ้ย!!! ~
น่านไงยังไม่คิดจบเลย
[แกเป็นอะไร ตกบันไดล่ะสิ ซุ่มซ่ามเป็นชีวิตจิตใจเลยนะแก]
“เออ มันเป็นอาชีพเสริมของฉันเว้ย โอ้ย...เจ็บระบมเลยแก ว่าแต่แกไม่ต้องมานอกเรื่องเลยบอกฉันมาซะดีๆว่าทำไมแกไปส่งฉันไม่ได้! อูยส์เจ็บชะมัดยาดเลยวะ ”
[ตอนแรกพวกฉันก็กะว่าจะไปส่งแกที่สนามบินนั่นแระ แต่ไอ้รถห่วยแตกของไอ้แทจุนน่ะสิดันมาเสียกลางทาง ไม่รู้ว่าเช็คเดือนละครั้งหรือชาติละครั้งกันแน่ แล้วตอนนี้พวกเราก็กำลังรอช่างอยู่แล้วกว่าจะมา กว่าจะซ่อมเสร็จโอ้ย..แกตกเครื่องพอดี ]
“อ้าวเหรอ น่าเสียดายจัง >-< แต่ช่างมันเถอะไม่เป็นไรหรอก”
[แกไม่ได้โกรธนะไอ้ฮาจิน]
ทาซุงถามฉัน ซึ่งฟังดูจากน้ำเสียงแล้วเนี้ยะเธอก็รู้สึกผิดเหมือนกัน
“อืม..ไม่โกรธหรอกมันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่หว่า”
[แน่ใจนะ!!!]
โอ้ยแสบหูจริงๆเลย~
“นี่พวกแกจะไปเป็นนักร้องประสานเสียงหรือไง พูดพร้อมกันทำไม! หูฉันจะแตก!!”
[เฮ้ย!นี่แกจะพูดอยู่คนเดียวหรือไง เอามาให้ฉันพูดมั่งดิ....เอาเป็นว่าฉันขอให้แกโชคดีแล้วกันนะ แล้วก็อย่าลืมพวกเราด้วยล่ะ และหวังว่าพวกเราคงจะได้พบกันอีกนะ]
นี่เสียงแทจุนนี่นา
“นี่แทจุน...ฉันไปหาแม่กับน้องที่เมืองไทยนะ ไม่ใช่ไปช่วยกรุงศรีอยุธยารบกับพม่า พูดยังกะฉันจะไปตาย TT_TT”
[ฮารินแกต้องกลับมานะเว้ย!]
“โอ้พระเจ้าสุทโธนะ...แกยังไม่เป็นใบ้อีกเหรอนี่ มินซุง”
“ขวัญเร็วลูกเดี๋ยวไม่ทัน”
เสียงพ่อตะโกนมาจากข้างนอก
“เออ..แค่นี้ก่อนนะพ่อเรียกแล้ว อันนยองฮี คเยเซโย(ลาก่อน)ทานยอโอเกซอโย(แล้วจะกลับมา)”
[อันนยองฮี คาเซโย(ลาก่อน)]
เสียงของแทจุน ทาซุง และมินซุง พูดออกมาพร้อมกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเบาเท่ากับเสียงลมพัดเท่านั้นเอง
“อืม....”
~ ติ๊ด...~
ฉันรีบกดวางทันทีที่พูดจบ ฉันไม่อยากร้องไห้ @_@
ตอนนี้ฉันยืนอยู่ที่สนามบินแล้ว อีกไม่กี่นาทีฉันก็จะไม่ได้ยืนอยู่บนแผ่นดินประเทศเกาหลีแล้ว ฉันกำลังจะไปยืนอยู่บนประเทศไทย...
“อะแฮ่ม...คิดอะไรอยู่ล่ะขวัญ เครื่องกำลังจะออกแล้วนะ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ งั้นขวัญไปนะคะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ”
ฉันพูดพร้อมกับยิงฟันสามสิบสองซี่ให้ท่านพ่อชม หิหิ
“อืม...ดูแลตัวเองให้ดีนะ แล้วบอกแม่กับฟ้าด้วยว่าพ่อคิดถึง แล้วดูแลแม่กับน้องให้ดีล่ะ”
โห..สั่งยังกะสั่งหมูกระทะร้านหรรษาคาราโอเกะ
“ค่าาาาาา....ท่านพ่อ ข้าพเจ้ายินดีรับใช้”
“ไปแล้วนะค้าาาาา.....”
พูดจบฉันก็กระโดดหอมแก้มพ่อหนึงที (ขอย้ำนะคะว่ากระโดด พ่อฉันสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบแปดแน่ะแถมยังหล่อเฟี้ยวอีกต่างหากคิดดูสิแบรตพีตชิดซ้าย ทอมครูซชิดขวา เดวิดแบ็คแฮมอ่ะกระเด็นตกท่อไปเลย) หลงพ่อตัวเองชะมัด
ความคิดเห็น