คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2 อาจรย์ กับ เส้นทาง และประตูแห่งแฟนตาเซีย
เจโน่ ไมพูดอะไรตอบเขาเดินเข้าห้องนั้นมาก็ได้พบกับ ผู้ชาย3คน ยืนอยู่อีกด้านของห้องนั้น ชายทั้ง3หันมามองเขา เจโน่จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ
เขาสังเกตว่าชายคนทางซ้ายมือ หน้าตาดูเหี้ยมโหด มีรอยบากบนใบหน้าร่างกายกำยำ น่ะเป็นอาจารย์สอนวิชาต่อสู้ ส่วนคนกลาง เป็นตาแก่เดินยังไม่ค่อยจะไหว ทางซ้ายนั้นไม่ต้องดูก็รุ้ ว่าเป็นอาจารย์สอนเวทย์มนต์แน่นอน เพราะดูจากลักษณะแล้วผอมบางใส่เสื้อเป็นผ้าคลุม
“เราทั้ง3เป็นอาจารย์ของอลิสแคลน ตัวข้าชื่อกีอัส ส่วนอาจารย์ใหญ่ท่านคือขุนพลเซรีส และอีกท่านคือ ลุนฟาย เจ้าคงได้พบกับอลิสแล้ว ต่อนี้ไป เราจะทดสอบความสามารถของเจ้าและจะกำหนดให้เจ้าเดินเส้นทางไหนเจ้าพร้อมแล้วใช่มั้ย"
กีอัสหรือชายคนทางซ้ายเป็นคนถามเจโน่ เจโน่ได้แต่พยักหน้าตอบ “ดีงั้นเราจะเริ่มบททดสอบเจ้าเดี๋ยวนี้เลย” พอกีอัสพูดจบห้องทั้งห้องก็กลายเป็นลานกว้างสุดลูกหูลูกตา
ลุนฟายผู้สวมเสื้อคลุมเดินเข้ามาหาเจโน่เป็นคนแรก แล้วถามว่า”เจ้าชื่ออะไร” “เจโน่ครับ” ลุนฟายมองในตาของเจโน่ แล้วยิ้มพลางพูดว่า “สายตาเจ้าไม่เลวแต่ยังตาไม่ถึงเจ้าคิดว่าข้าสอนวิชาเวทย์มนต์ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ข้าไม่ถนัด”
เจโน่ทำหน้าแปลกใจว่าทำไมลุนฟายถึงรู้ความคิดของเขาลุนฟายยิ้มแล้วพูดต่อ “จะแปลกใจทำไมถ้าข้าอ่านใจเจ้าไม่ได้จะมาเป็นอาจารย์สอนวิชาต่อสู่ได้ไงกัน ขอดูพื้นฐานของเจ้าหน่อย”
ลุนฟายพูดจบก็ส่งดาบให้กับเจโน่1เล่มมันเป็นดาบเก่าสนิมเขรอะกรัง ไม่น่าเอามาเป็นอาวุธได้ แต่พอเจโน่หยิบมันขึ้นมาดาบนั้นกลับเปลี่ยนรูปร่าง
“ทำไมมัน....เมื่อกี๊มันยังสนิมกรังอยู่เลย”เจโน่ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะเมื่อเขาถือดาบเล่มนั้นมันกลายเป็นดาบเหล็กกล้าสีเงินวาววับ
“นี่คือดาบสะท้อนใจรูปร่างของดาบนี้จะสะท้อนจิตใจของผู้ถือ ถ้าเจ้าคิดจะเปลี่ยนรูปร่างก็แค่คิด ลองดูสิ”
ลุนฟายพูดจบเจโน่ก็คิดถึงดาบในตำนานในเกมส์ออนไลน์ที่เขาเล่นเป็นประจำ ทันไดนั้นดาบก็เปลี่ยนเป็นสีแดงมีออร่าสีส้มรอบๆดาบคมดาบนั้นบางเฉียบด้ามเป็นหนังมังกร ลุนฟายทำหน้าแปลกใจ
“ไม่เลวนี่นา เจ้านึกถึงดาบทานาทอสซอร์ด แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะถือครองมันนะ” เจโน่ส่งดาบสะท้อนใจคืนให้กับลุนฟาย ลุนฟายยิ้มและรับดาบนั้นกลับเข้าฝัก “ต่อไปเป็นของสิ่งนี้” มันคือมีดสั้นและธนูเก่าๆ ที่ไม่มีสาย “ลองดูสิ”
เจโน่รับของ2สิ่งนั้นมาแล้วมันก็เปลี่ยนรุปร่าง ธนูนั้นกลายเป็นคันสีทองไม่มีสาย มีดสั้นกลายเป็นมีดเล็บมังกรสีเขียวทั้งเล่ม ขุนพลเซรีสผู้ที่อาวุโสสุดใน3คนถึงกับตะลึง “เจโน่ ของ2ลิ่งนี้เกิดมาเพื่อเจ้าจริงๆ”ขุนพลเซรีสเอ่ยขึ้น เจโน่ทำหน้าแปลกใจทำไมต้องแปลกในขนาดนี้ในเมื่อมันคิออาวุธสะท้อนใจอีก2สิ่ง
ขุนพลเซรีสถามเจโน่ขึ้นทันที“เจ้ารู้มั้ยศรทองและมีดสีเขียว2สิ่งนี้คืออะไร” เจโน่อ้ำอึ้งแล้วตอบว่า “ใม่รู้ครับ” “มันคือเส้นทางของเจ้ามันคือสิ่งที่เจ้าต้องได้ครอบครอง ที่เจ้าถือไว้น่ะไม่ใช่แค่เศษไม้เศษมีด นะ มันคืออาวุธสะท้อนโชคชะตา เส้นทางของเจ้าถูกกำหนดแล้วเจโน่ “
เจโน่อึ้งกับคำพูดของขุนพลเซรีส เขาจะยิ่งใหญ่ในโลกอีกมิติหนึ่งขนาดนี้เชียวหริอ มันชักจะน่าสนุกซะแล้วสิ “ช้าก่อนท่านอาจารย์ หากจะตัดสินเส้นทางให้กับเจ้าหนุ่มนี่ข้าเกรงว่าจะเร็วเกินไป
ช้าเห็นพลังในตัวเจ้าหนุ่มนี่เป็นสีขาวซึ่งข้าคิดว่า เค้าควรจะเป็นผู้ใช้เวทย์มนต์มากกว่า” กีอัสพูดจบก็โค้งคำนับขุนพลเซรีส
“ถ้าอย่างนั้น กีอัสเจ้าลองทดสอบดู อาจจะมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงอยู่ในตัวเจ้าหนุ่มเจโน่นี่เป็นแน่แท้” กีอัสยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปหยิบไม้เท้าเก่าๆกับหนังสือโทรมๆ แล้วยื่นให้กับเจโน่
เมื่อเจโน่สำผัสกับของ2สิ่งนั้น ไม่เท้าเก่าๆกลายสภาพเป็นแสงสีขาว หนังสือกลายเป็นตำราปกสีขาวทำด้วยหนังเล่มใหญ่ เมื่อขุนพลเซรีสเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า
“อืม ถูกของเจ้านะกีอัส ตำราเจเรเมี่ยน และไม้เท้าโฮลี่วาน พอสูจน์ว่าเจ้านี่จะเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้นักล่า” กีอัสหันมายิ้มให้อาจารย์ของเขา เจโน่ยังคิดอยู่ในใจตัวเองว่าตลอดเวลาตอนเล่นเกมส์นั้นเค้าก็เล่นแต่สายนักล่าที่ใช้ทั้งธนูและมีด
พอนึกขึ้นได้เจโน่ก็หันไปหาอาจารย์ทั้ง2ที่ยังคงถกเถียงกัน “เอ่อ คือ ท่านอาจารย์ครับผมขอเป็นนักล่าและใช้เวทย์มนต์ ไปด้วยเลย จะได้มั้ย ท่านจะได้ไม่ต้องเถียงกันอีก “
ทั้งกีอัส ขุนพลเซรีส และลุนฟาย หยุดเถียงกันแล้วหันมาทางเจโน่ ลุนฟายส่ายหัว ”เจ้าจะเรียนรู้2วิถีทางนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดาย ในที่ผ่านมา มีเพียงคนเดียวที่พวกเรา3คนถ่ายทอดวิชาให้เกินกว่า1เส้นทาง คนนั้นคือ อลิสหัวหน้าของพวกเจ้า ถ้าเจ้าคิดจะเป็นแบบอลิส พวกข้าก็ไม่ขัด”
เจโน่ทำหน้าครุ่นคิด ‘ มันต้องมีอะไรพิเศษๆแน่นอนเลยอาจารย์ถึงได้ถ่ายทอด2เส้นทางให้กับอลิสเพียงคนเดียวเท่านั้น เราจะเอายังไงดีล่ะ ’
อาจารย์ ทั้ง3หันไปมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆๆๆ!!! นี่เจ้าฉลาดเหมือนกันนี่นา ถึงได้ดูออกว่ามันมีภารกิจเงื่อนไขในการที่จะรับทั้งเวทย์มนต์และนักล่า” กีอัสพูดพลางมองไปที่เจโน่
ลืมไปเลยอาจารย์สามารถอ่านในเราได้ ขุนพลเซรีสยื่นตำราให้เจโน่1เล่ม “จงรับไว้ เราจะไม่สอนวิชาใดๆให้เจ้า จนกว่าเจ้าจะผ่านการทดสอบภารกิจ ‘ยึดคืนท้องฟ้า’ "
เจโน่ทำหน้าประหลาดใจเข้าจะไม่คิดอะไรอีกแล้วเพราะกลัวว่าอาจารย์ จะอ่านใจเขาออกอีก จึงรับหนังสือเล่มนั้นมาจากขุนพลเซรีส อย่างเงียบๆ กีอัสเดินเข้ามายื่นหนังสืออีกเล่มให้กับเจโน่ เขาก็รับไว้
กีอัสบอกว่า “ อ่านซะ ถ้าเจ้าอ่านจบ เจ้าจะรู้ว่า ทำไมต้องผ่านภารกิจยึดคืนท้องฟ้า มันสำคัญกับเจ้ามาก การที่เจ้ามีพลังโดดเด่นทั้ง2เส้นทาง หาได้ยาก แต่การรับเอาไปใช้นั้นยากยิ่งกว่า จงเชื่อมั่นในตัวเองและขอให้เจ้าผ่านภารกิจ นี้ ซึ่งมันคือ ภารกิจ1พันปี ที่ไม่เคยมีใครผ่านพ้นไปได้”
เจโน่ทำหน้าแปลกใจ ‘อ้าวไม่มีใครผ่านมา1พันปีทำไมอลิสถึงได้มีพลัง2เส้นทางล่ะ อาจารย์นี่ยิ่งพูด ยิ่งงง’
กีอัสอ่านความคิดของเจโน่ได้ จึงบอกว่า “อลิสไม่ได้เลือกเส้นทางเช่นเจ้า เขาเลือกที่จะใช้เวทย์มนต์ควบคู่กับยอดศาสตรา เขาจึงเป็นนักรบเวทย์มนต์หรือที่พวกเราเรียกว่า ฟอร์ซ ไนท์ อลิส ไม่ได้ทำภารกิจเดียวกันเจ้า เขาเลือกที่จะทำภารกิจ100ปี มันคือ ภารกิจ ’สังหารเงา’ เราไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าได้ฟังต่อ เจ้ากลับไปได้แล้ว ทุกอย่างที่เจ้าควรรู้ อยู่ในหนังสือ2เล่ม ที่ข้า และท่านอาจารย์เซรีสให้ไป เจ้าต้องเปิด อ่านให้ครบทุกหน้าแล้วความในของภารกิจนั้นจะถูกไขกระจ่างด้วยปัญญาเจ้าเอง”
เมื่อกีอัสพูดจบ เจโน่ ก็เดินหันหลังกลับทุ่งกว้างกลายเป็นห้องประชุมทันที อาจารย์ ทั้ง3หายไปแล้วเข้าจึงเปิดประตูเดินออกมาจากห้องประชุม
หลังจากที่เจโน่ออกมาจากห้องประชุมอันลึกลับนั้นก็เห็นว่าเฟรย่า กับสวีท กำลังนั่งเม๊าท์ กันอย่างออกรส ทั้ง2หันมาเห็นเจโน่ก็กวักมือเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน
“เป็นไงบ้างคุณ เลือกเส้นทางไหนล่ะ” เฟรย่าถามพลางหยิบมะม่วงเข้าปาก
”ป่าวผมเลือกไม่ได้”
2สาวทำหน้าตกใจ ”ทำไมนายเลือกไม่ได้ทั้งๆที่มันไม่ได้ยากอะไรเลย อาจารย์จะได้สอนวิชาให้นายเอาตัวรอดได้ด้วยซ้ำ” เฟรย่าพูดไปทำท่าหงุดหงิดไป
“อาจารย์บอกว่าผมถนัด2เส้นทาง ผมก็เลยตกลงเลือก2เส้นทางแต่พอเลือกแล้วอาจารย์กลับบอกว่าจะยังไม่สอนอะไรให้จนกว่าจะทำภารกิจให้ท่านเสร็จสิ้น” สวีทที่นั่งฟังอยู่นานจ้องใจเลยถามเจโน่
“ภารกิจไรอ้ะ เดี๋ยวเค้าช่วยทำก็ได้ เค้าเวล40แล้วนา”
เจโน่ยิ้ม “ภารกิจยึดคืนท้องฟ้าน่ะ” สวีทวางมะม่วงลงแล้วเดินออกไปจากวงสนทนา
“เค้ากลับบ้านก่อนนะ ไปทำคนเดียวละกันเค้าลืมไปว่าต้องไปทำภารกิจร้องเพลงทัวร์คอนเสิต”
เฟรย่าเหงื่อตก “นี่นายรู้รึเปล่าว่าการที่นายไม่มีวิชาอะไรติดตัวมาเลยไม่ได้เรียนรู้อะไรซักอย่าง นายจะเอาตัวรอดใน แฟนตาเซีย คงได้ไม่เกินพรุ่งนี้อ่ะ ออกไปจากตึกนี่ก็อาจโดนพวกไร้สังกัดหลอกเข้ามิติไปฆ่าเก็บแต้มละมั้ง ทำไมทำอะไรโง่ๆแบบนั้น อลิสไม่ได้บอกอะไรนายรึไงกันเจโน่”
เจโน่ฟังที่เฟรย่าพูดก็หน้าซีด เค้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไงในเมื่อเค้าเข้าร่วมแฟนตาเซียแล้วอลิสก็ยังบอกว่า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอด เฟรย่าไม่ได้บอกถึงภารกิจว่ามันมีเนื้อหาอย่างไร
เป็นเวลาตี1กว่าแล้ว เจโน่ยังคงนั่งครุ่นคิด เฟรย่าจึงบอกให้เข้านอนค้างที่บริษัท ส่วนเธอจะไปเที่ยวต่อกับเพื่อนๆ เจโน่ที่ไม่รู้จะทำอะไรจึงหยิบหนังสือที่อาจารย์ให้มาขึ้นมาอ่าน
ภารกิจยึดคืนท้องฟ้า ภารกิจพันปีที่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จของกิลด์อลิส ในหนังสือมีเพียงหน้าแรกที่บอกถึงภารกิจ มันเป็นข้อความว่า
หากเมฆหมอก ครึ้มหนา คราใด
เจ้าวายุ ปรากฏกาย บนนภา
บินร่อน ไปมา เหมือนเป็นสุข
แต่ตัวข้า นั้นทุกข์ ยิ่งไซ้ร ยากคิดยึดคืน
เจโน่ ได้อ่านบทกลอนนั้น จึงได้รู้ว่า ผู้ที่เดือดร้อน จากเจ้าวายุคงเป็นคนที่คิดภารกิจนี้ขึ้น หน้าต่อๆไปนั้น เป็นการเกริ่นว่าผู้เขียนเป็นใครครอบครัวอยู่ที่ไหนเจโน่อ่านจนจบเล่มที่1
ได้ใจความว่าคนเขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นเพียงชาววิหกผู้รักสงบมีชีวิตอยุ่เหนือเทือกเขาหิมาลัย ในดินแดนแฟนตาเซีย ‘ข้อมูลแค่นี้ไม่พอแน่ๆ เราต้องอ่านเพิ่มอีกเล่ม ’ เจโน่หยิบเล่ม2มาอ่านทันทีเหมือนกับคนติดนิยายแฟนตาซีที่วางไม่ลงหน้าแรกของเล่มที่2ก็มีความในอีกเช่นกัน
กองทัพ ศาสตรา คราหมื่น
พังครืน ล้มเหลว มิอาจต้าน
เกรย์ม่า ดราโกเนีย ยากยิ่ง รับมือ
จึงวอนท่าน ผู้กล้า โปรดช่วย เราเทิญ
เกรย์ม่าดราโกเนีย ชื่อนี้คุ้นๆแฮะ เจโน่ยังคงอ่านต่อไปในใจเขาคิดว่า เกรย์ม่า ดราโกเนีย ต้องเป็นชื่อที่เขารุ้จักแน่นอน จึงพยายามคิดไปด้วย เมื่ออ่านหนังสือเล่มที่2ไปได้ครึ่งเล่ม เจโน่ ก็คิดออกว่า เกรย์ม่า ดราโกเนีย คือใคร
‘นี่มัน.....มังกรเจ้าเวหาเกรย์ม่า มังกรแห่งท้องฟ้า ภารกิจนี้ท่าจะยากไปซะแล้วสิ เดิมทีคิดว่ากำจัดมอนสเตอร์โหดๆ ไม่คิดว่าเกรย์ม่า เจ้าเวหาจะมีจริงๆ แล้วเราต้องไปกำจัดมันด้วย ‘
เจโน่หน้าเคร่งเครียด แล้วนั่งอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อ เนื้อความในหนังสือ บอกถึงเผ่าวิหก ครอบครองขุนเขาแห่งหิมาลัย ซึ่งเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาหลังจากมังกร2ตระกูล ได้ทำสงคราม -
ดินแดนมังกรกันหุบเขาแห่งหิมาลายา กลายเป็นสนามรบของเกรย์ม่า มังกรแห่งท้องฟ้าตระกูลดราโกเนีย และซีควินซ์ มังกรสายลมแห่งตระกูล ดรากูนิล
เกรย์ม่า พ่ายแพ้ต่อ ซีควินซ์ แต่ในสงครามนั้น ดราโกเนียมีชัยต่อ ดรากูนีล เกรย์ม่าจึงยึดเอาดินแดนหิมาลายา จากเผ่าวิหก เพราะดินแดนนี้ มีเมฆหมอก ซึ่งทำให้เกรย์ม่านั้นทรงพลังและภายใต้หุบเขาหิมาลายา เป็นแหล่งของแร่พร๊อกซีน เกรย์ม่า นำแร่ขนิดนี้มาหลอมเข้ากับเกล็ดและเล็บของตัวเองเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
มังกรตระกูลดราโกเนียนั้นไม่เพียงแต่ต้องรบรากับตระกูลอื่น แม่แต่ตระกูลเดียวกันเอง ก็มีการ รบราเพื่อยึดดินแดนและขยายอนาจักรมังกรออกไปเช่นกัน เจโน่ต้องแปลกใจหนังสือที่เข้าได้มาทั้ง2เล่มนี้ เล่าแต่ประวัติของเผ่าวิหกและมังกร และเรื่องราวก่อนที่ภารกิจจะเริ่ม เจโน่อ่านทุกตัวอักษรในหนังสือเล่มนั้นและเมื่อเขาเปิดไปหน้าสุดท้ายนั่นเอง ทันไดนั้นมีแสงพุ่งออกมาจากหนังสือ รอยอักขระจารึกบนหนังสือเริ่มปรากฎให้เห็น และเมื่ออักขระนั้นปรากฎครบ มันก็วิ่งเข้ามาหาตัวของเจโน่
“มันคือเคล็ดวิชาของชาววิหก ชื่อว่า บังคับสายลม “ เจโน่มองหาต้นเสียงนั้นไม่เจอ “อย่ากังวลไป เรามาช่วยให้ท่านบรรลุภารกิจนี้” เสียงนั้นเป็นเสียงของภูติตนหนึ่งที่บินออกมาจากหนังสือเล่มนั้น นั่นเอง
“ อย่าได้แปลกใจไป เข้าเป็นตัวแทนเผ่าวิหกแม่ตัวข้าเป็นภูติ แต่ข้าได้รับมอบหมายมาจากราชาวิหก ให้มาช่วยผู้กล้าที่คิดจะทำภารกิจช่วยพวกเรา” ภูติตนเล็กๆ บินมาตรงหน้าของเจโน่
“ ท่านจะช่วยข้าได้ยังไงกัน ข้ายังไม่มีวิชาอะไรเลย “ภูติน้อยได้ยินดังนั้นก็ตกใจ
“ท่านนี่ช่างกล้าหาญ แม้ไม่มีวิชาอะไร ก็ยังมีความกล้าที่จะช่วยเหลือเผ่าวิหก” คำพูดนั้นทำให้เจโน่มีความมั่นใจขึ้นมากเลยทีเดียว
“ท่านไม่ต้องกังวลไป ตัวข้าซึ่งไม่อาจบอกชื่อให้กับท่านได้ เพราะเราชาวภูติจะบอกชิ่อให้เจ้านายเราคนเดียว ในที่นี้เจ้านายข้าคือ ฟิวน่อน ราชาแห่งวิหก ข้าจะช่วยท่านเอง วิชาที่ท่านได้รับไปเมื่อครู่เป็นวิชาพื้นฐานของสายวาตะ หรือลม ถ้าหากท่านไม่เคยเรียนวิขาไดๆ น่าจะเล่าเรียนวิชานี้ได้อย่างไม่ยากเย็น” เจโน่ยิ้มมุมปาก แล้วบอกว่า “เราไปฝึกกันเลยดีกว่า”
ผ่านไปกว่า2ชั่วโมงแล้วในห้องฝึกของกิลด์อลิส เจโน่กำลังฝึกบังคับสายลม จากคำแนะนำของภูติในหนังสือ
ขั้นแรกให้รวมสมาธิไปที่ฝ่ามือ แล้วตวัดแขนขึ้นเพื่อให้เกิดลมหมุนเวียนใกล้ๆตัว จากนั้นรวมสมาธิจับเอาสายลมที่พัดในเวลาอันสั้นนั้นขว้างเป็นอาวุธลับ เจโน่ฝึกแบบนี้มาตลอด2ชั่วโมง ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย
ภูติน้อยจึงแนะนำว่า “ท่านผู้กล้า คงจะเพิ่งเข้าแฟนตาเซียใช่มั้ย ท่านต้องใช้จินตนาการ อย่ายึดติดกับโลกที่ท่านมาสิ สายลมนี้เป็นของท่านแล้ว ท่านจะทำอะไรก็ได้ จะให้มันเป็นอะไรก็ได้ตามใจท่านเลยนะ” พูดจบภูติน้อยก็บินไปรอ ที่โต๊ะหน้าประตูโรงฝึก
‘ใช้จินตนาการงั้นเหรอ จริงสิโลกนี้มันคือแฟนตาเซียนี่นา’ พอคิดได้ เจโน่ ก็วาดมือ ออกมาแล้วเอามือ2ข้างมาประกบกันเหมือนว่ากำอะไรบางอย่างแล้ว แล้วลมก็ทะลักออกมาจากมือของเจโน่เขาจินตนาการรูปร่างของสายลมน้นให้มันเป็นคันธนู แล้วเจโน่ทำท่าเป็นขึ้นลูกศร สายลมรอบตัวเขาหมุนวนจนเป็นรูปลูกศรและคันธนูขึ้นมา
เจโน่ปล่อยมือจากลูกศรทันไดนั้นลูกศรก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วจนแทบมองไม่เห็น ฉึก!!! ศรลมของเจโน่ ทะลุเป้าอีกฟากของห้องแล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว
“ทำได้แล้วเย้ เจโน่ร้องด้วยความดีใจ แบบนี้ใช่มั้ยภูติน้อย” ภูติน้อยบินมาข้างๆเจโน่แล้วพยักหน้า “ท่านผู้กล้าต้องฝึกบ่อยๆนะครับ มันจะได้คล่อง วิชานี้จะทำให้ท่านได้ฝึกฝนตนเองจนช่วยเผ่าวิหกได้แน่นอนขอรับ” เจโน่พยักหน้า
ตอนนี้ก็ใกล้จะเช้าแล้วเป็นเวลาตี5กว่าแล้วเจโน่ให้ภูติน้อยบินกลับไปในหนังสือตามเดิมแล้วเขากลับไปนอนที่เดิมที่เฟรย่าจัดให้ ด้วยความเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนทำให้เจโน่หลับลงในเวลาอันสั้น
ความคิดเห็น