ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Motion 1-World wide
ปี ค.ศ.3112 คืนวันที่ 31 ธ.ค. เป็นวันเสาร์ ประชาชนทั่วทั้งโลกต่างพากัน
เฉลิมฉลองการเริ่มต้นของศักราชใหม่ พร้อมกับความหวัง ความหวังที่ว่าซักวัน โลกนี้ จะสงบสุข อีกครั้ง......โลกในปี ค.ศ.3112 กำลังตกอยู่ในภาวะสงคราม สองชาติมหาอำนาจของโลกเปิดสงครามแย่งชิงความเป็นหนึ่งในโลก พวกเขาเริ่มรุกรานประเทศเล็กๆ เพื่อแย่งเอาทรัพยากรต่างๆมาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จนท้ายที่สุด 3ใน4ของทั้งโลกก็ตกอยู่ในมือของชาติมหาอำนาจทั้งสอง....สะสมกำลังกันมานาน จนในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็มั่นใจในพลังของตน แล้วระเบิดออกมาเป็นสงคราม สงครามที่ถูกขนานนามว่า Terror of Tide. เสียงของการเฉลิมฉลองดังขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้าบนโลกเนื่องมาจากทั้งสองชาติมหาอำนาจตกลงหยุดทุกการโจมตี เป็นการหยุดเพื่อต้อนรับศักราชใหม่ หรือเป็นการพักจากความเหน็ดเหนื่อยของสงครามที่ยาวนาน หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งสองสิ่ง ใต้ผืนดินของนครหลวง ที่ๆเสียงของการเฉลิมฉลอง เสียงแห่งความหวังส่งไปไม่ถึง กลุ่มคนในชุดสูทจำนวนหนึ่งกำลังประชุมบางอย่างกันอยู่.......ในห้องซึ่งถูกจัดวาดไว้อย่างเป็นระเบียบ มันเป็นเหมือนห้องคอมพิวเตอร์ขนาดปานกลางที่มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางโต๊ะกลมที่ล้อมรอบอยู่........กลุ่มคนเหล่านั้นนั่งลงตามเก้าอี้ที่ถูกจัดวางไว้ตามชื่อของตน ถกเถียงถึงบางสิ่งที่ดูเหมือนจะสำคัญเอามากๆ.......ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง เด็กหนุ่มผมสีขาวคนหนึ่งขว้างปึกกระดาษที่อยู่ในมือออกไปด้านหน้าอย่างสิ้นหวัง เขาลุกขึ้น หันหลังแล้วพูดออกมาว่า "ไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไร ไม่ว่าคุณต้องการให้มันเกิดหรือไม่ สิ่งที่อยู่หลังการกระทำ คือผลลัพธ์ที่พวกคุณต้องแบกรับ" สิ้นเสียงหนุ่มผมขาวคนนั้นเดินออกไปจากที่นั่น ทำให้กลุ่มคนที่เหลือนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคุยเรื่องบางอย่างกันต่อ ไม่นานหลังจากนั้น กระเป๋าสีดำใบหนึ่งถูกนำมาวางหน้าหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น มันถูกเปิดออกด้วยชุดรหัส 5 ชุดจากเก้าอี้ 9 ตัวที่นั่น ปุ่มกดสีแดงส่องสว่างขึ้นทันทีที่กระเป๋าเปิดออก ชายคนที่อยู่ตรงนั้นตรงหน้ากระเป๋านั่น กดมือลงไป แล้วฟุบหน้าลงทันที.......ท่ามกลางเหล่าประชาชนที่กำลังเฉลิมฉลองต้อนรับปีที่กำลังจะมาถึงในอีกซีกโลกหนึ่ง วัตถุบางอย่างจากอีกซีกโลกหนึ่งตกกระทบพื้นดิน.......แสงวาบสว่างจ้าทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นมา วินาทีนั้นพายุของเปลวเพลิงแผ่กระจายรอบทิศทางจากจุดศูนย์กลางเป็นระยะทางกว่า 100กิโลเมตร มันเหมือนกับไอน้ำบนกระจกที่ต้องแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ทุกชีวิตในบริเวณนั้นระเหยหายไปในทันที......ไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากนั้นเปลวเปลิงกลับกลายเป็นสีม่วงสดก่อนจะดูดทุกอย่างกลับไปที่จุดศูนย์กลางของมัน ลำแสงมีม่วงสาดขึ้นไปบนท้องฟ้าพาเศษเสี้ยวที่เหลืออยู่ของทุกสิ่งที่ถูกมันทำลายล้างออกไปในที่ไกลแสนใกล ความเงียบสงัดเข้าครอบงำคนทั้งโลก คนที่ยังเหลืออยู่ ข่าวในโทรทัศน์แพร่ภาพนครหลวงที่ตอนนี้กลายเป็นเพียงหลุมลึก ว่างเปล่า......ประมาณการคร่าวๆว่าชีวิตมนุษย์ที่สูญสิ้นไปนั้นมีจำนวนราวๆ 7ล้านชีวิต.........เช้าวันถัดมาสงครามน่าจะจบลงในทันทีแต่ไม่เลย....ฝ่ายผู้สูญเสียตอบโต้ด้วยทุกอย่างที่มี นี่ไม่ใช่สงครามอีกแล้ว แต่เป็นความรู้สึกเครียดแค้นที่ทำได้ทุกสิ่ง แม้แต่จะเปลี่ยนก้อนหินก้อนเล็กๆบนพื้นให้กลายเป็นอาวุธสังหารเข้าโรมรันอีกฝ่ายให้ดับสูญไป.....ดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ เจ้าของดวงตาคู่นั้นหลับตาลงเบาๆแล้วส่ายหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า "ในที่สุดก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ทุกครั้งเลยสินะ มนุษย์เนี่ย"
เฉลิมฉลองการเริ่มต้นของศักราชใหม่ พร้อมกับความหวัง ความหวังที่ว่าซักวัน โลกนี้ จะสงบสุข อีกครั้ง......โลกในปี ค.ศ.3112 กำลังตกอยู่ในภาวะสงคราม สองชาติมหาอำนาจของโลกเปิดสงครามแย่งชิงความเป็นหนึ่งในโลก พวกเขาเริ่มรุกรานประเทศเล็กๆ เพื่อแย่งเอาทรัพยากรต่างๆมาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จนท้ายที่สุด 3ใน4ของทั้งโลกก็ตกอยู่ในมือของชาติมหาอำนาจทั้งสอง....สะสมกำลังกันมานาน จนในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็มั่นใจในพลังของตน แล้วระเบิดออกมาเป็นสงคราม สงครามที่ถูกขนานนามว่า Terror of Tide. เสียงของการเฉลิมฉลองดังขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้าบนโลกเนื่องมาจากทั้งสองชาติมหาอำนาจตกลงหยุดทุกการโจมตี เป็นการหยุดเพื่อต้อนรับศักราชใหม่ หรือเป็นการพักจากความเหน็ดเหนื่อยของสงครามที่ยาวนาน หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งสองสิ่ง ใต้ผืนดินของนครหลวง ที่ๆเสียงของการเฉลิมฉลอง เสียงแห่งความหวังส่งไปไม่ถึง กลุ่มคนในชุดสูทจำนวนหนึ่งกำลังประชุมบางอย่างกันอยู่.......ในห้องซึ่งถูกจัดวาดไว้อย่างเป็นระเบียบ มันเป็นเหมือนห้องคอมพิวเตอร์ขนาดปานกลางที่มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางโต๊ะกลมที่ล้อมรอบอยู่........กลุ่มคนเหล่านั้นนั่งลงตามเก้าอี้ที่ถูกจัดวางไว้ตามชื่อของตน ถกเถียงถึงบางสิ่งที่ดูเหมือนจะสำคัญเอามากๆ.......ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง เด็กหนุ่มผมสีขาวคนหนึ่งขว้างปึกกระดาษที่อยู่ในมือออกไปด้านหน้าอย่างสิ้นหวัง เขาลุกขึ้น หันหลังแล้วพูดออกมาว่า "ไม่ว่ามันจะเกิดจากอะไร ไม่ว่าคุณต้องการให้มันเกิดหรือไม่ สิ่งที่อยู่หลังการกระทำ คือผลลัพธ์ที่พวกคุณต้องแบกรับ" สิ้นเสียงหนุ่มผมขาวคนนั้นเดินออกไปจากที่นั่น ทำให้กลุ่มคนที่เหลือนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคุยเรื่องบางอย่างกันต่อ ไม่นานหลังจากนั้น กระเป๋าสีดำใบหนึ่งถูกนำมาวางหน้าหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น มันถูกเปิดออกด้วยชุดรหัส 5 ชุดจากเก้าอี้ 9 ตัวที่นั่น ปุ่มกดสีแดงส่องสว่างขึ้นทันทีที่กระเป๋าเปิดออก ชายคนที่อยู่ตรงนั้นตรงหน้ากระเป๋านั่น กดมือลงไป แล้วฟุบหน้าลงทันที.......ท่ามกลางเหล่าประชาชนที่กำลังเฉลิมฉลองต้อนรับปีที่กำลังจะมาถึงในอีกซีกโลกหนึ่ง วัตถุบางอย่างจากอีกซีกโลกหนึ่งตกกระทบพื้นดิน.......แสงวาบสว่างจ้าทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นมา วินาทีนั้นพายุของเปลวเพลิงแผ่กระจายรอบทิศทางจากจุดศูนย์กลางเป็นระยะทางกว่า 100กิโลเมตร มันเหมือนกับไอน้ำบนกระจกที่ต้องแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ทุกชีวิตในบริเวณนั้นระเหยหายไปในทันที......ไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากนั้นเปลวเปลิงกลับกลายเป็นสีม่วงสดก่อนจะดูดทุกอย่างกลับไปที่จุดศูนย์กลางของมัน ลำแสงมีม่วงสาดขึ้นไปบนท้องฟ้าพาเศษเสี้ยวที่เหลืออยู่ของทุกสิ่งที่ถูกมันทำลายล้างออกไปในที่ไกลแสนใกล ความเงียบสงัดเข้าครอบงำคนทั้งโลก คนที่ยังเหลืออยู่ ข่าวในโทรทัศน์แพร่ภาพนครหลวงที่ตอนนี้กลายเป็นเพียงหลุมลึก ว่างเปล่า......ประมาณการคร่าวๆว่าชีวิตมนุษย์ที่สูญสิ้นไปนั้นมีจำนวนราวๆ 7ล้านชีวิต.........เช้าวันถัดมาสงครามน่าจะจบลงในทันทีแต่ไม่เลย....ฝ่ายผู้สูญเสียตอบโต้ด้วยทุกอย่างที่มี นี่ไม่ใช่สงครามอีกแล้ว แต่เป็นความรู้สึกเครียดแค้นที่ทำได้ทุกสิ่ง แม้แต่จะเปลี่ยนก้อนหินก้อนเล็กๆบนพื้นให้กลายเป็นอาวุธสังหารเข้าโรมรันอีกฝ่ายให้ดับสูญไป.....ดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ เจ้าของดวงตาคู่นั้นหลับตาลงเบาๆแล้วส่ายหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า "ในที่สุดก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ทุกครั้งเลยสินะ มนุษย์เนี่ย"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น