ตอนที่ 18 : บรรพ : special เทศกาลเสียตัว (full)
Talk : ขอทอล์คก่อนละกัน
สเปนี้ไม่ใช่สเปใหม่ค่ะ เป็นเรื่องที่เคยลงเอาไว้สั้นๆแล้วในทวิต (ถ้าหากใครเคยอ่านนะ)
เราลงช่วงลอยกระทงเมื่อปีที่แล้ว แน่นอนค่ะว่ามันเป็นสเปแหวกเทศกาล(มาก) 555555
และนี่ก็เป็นฉบับเต็มค่ะ ที่เราตัดสินใจเอามาลงก็ไม่มีอะไรเลย...
สเปของแจ็คแจ็คที่ตั้งใจจะลงเรายังเขียนไม่เสร็จ ฮือ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ
เรื่องก็จบไปนานแล้ว แต่ไม่อยากให้น้องเหงาเลยเอามาแปะให้อ่านไปพลางๆก่อน
น่าจะพอแก้ขัดไปบ้าง ไหนๆก็เคยอ่านแบบย่อๆมาแล้วเนอะ TT
ส่วนใครที่รอเล่มน้องอยู่ ขอให้ช่วยรออีกหน่อยนะคะ ใกล้แล้วๆ
แอบบอกว่าในสเปตอนนี้มีสปอยของสเปตอนอื่นๆไว้ด้วยนะ
ยังไงก็เอนจอยรีดดิ้งนะคะ #มนุษย์นิติสังคมและคนรัก
ช ไ ม เ จ .
Special : One
เทศกาลเสียตัว
ในมอช่วงนี้ดูครึกครื้นใหญ่เลยครับ
สำหรับผมจะเรียกว่าคุ้นเคยก็คงบอกได้ไม่เต็มปากเพราะเพิ่งจะมาอยู่ได้แค่ปีกว่าๆ ผ่านงานเทศกาลของมหาลัยมาก็แค่ไม่กี่ครั้ง นอกจากลงแข่งฟุตบอลในกีฬาเฟรชชี่กับระหว่างคณะแล้ว งานลอยกระทงก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลนี่แหละที่ผมรู้สึกชอบ หมายถึงบรรยากาศอ่ะนะ
แต่ถามว่าชอบเพราะได้ลอยกระทงกับแฟนหรอ เปล่าหรอก ชอบเพราะมันมีสาวน้อยตกน้ำมาให้ดูเล่นต่างหาก ถุ้ย จะอะไรก็ช่างมันเถอะครับ แว่วๆมาว่าปีนี้ยิ่งใหญ่อลังการมาก แถมแต่ละปีก็ไม่ได้มีแค่นักศึกษาในมหาลัย ยังรวมไปถึงพวกคนข้างนอกที่หลั่งไหลเข้ามามากมายอีก
ผมยังจำได้ ปีที่แล้วเล่นปาลูกโป่งได้ตุ๊กตาหมีควายมาเลยเอาให้อิม เชื่อมั๊ยว่าเจ้าตัวอุ้มมันเดินอ้อมงานไม่ยอมปล่อย จนวันนี้ผมถึงได้รู้ว่าทำไมอิมแม่งชอบมันนักหนาขนาดนั้น เพราะปัจจุบันเธอเลือกที่จะทิ้งผมเพื่อไปคบกับผู้ชายตัวใหญ่ๆเท่าหมีควายที่อยู่คณะสินกำไง เจ็บแค่ไหน แค่ไหนเรียกว่าเจ็บ
ใช่แล้วครับ ช่วงนี้เป็นเทศกาลลอยกระทง นับว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของมหาลัย ซึ่งแต่ละคณะก็งัดไม้เด็ดของตัวเองมาสู้ จัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ชาติใดในโลกทั้งซุ้มทั้งขบวน ไอ้พวกหน้าตาดีหน่อยถ้ามันไม่กล้าหือกล้าอือกับรุ่นพี่ก็จะถูกจับแต่งหน้าแต่งตัวยัดเข้าไปเดินขบวนเกือบหมด กูเคยโดนมาแล้วครับ มาปีนี้ก็ยังไม่รอดอีก
ในงานนี่ก็มาหมดเลยทั้งร้านขายของ ซุ้มกิจกรรมนักศึกษา งานหัตถกรรม ศิลปะ ของกินเพียบ เรียกได้ว่าเหมือนยกเอาถนนคนเดินมาไว้ในมอแต่เป็นรูปแบบที่ใหญ่กว่ามาก เรื่องแสงสีเสียงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังก็คงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีพลาดอยู่แล้ว
ไหนจะส่วนการแสดงพื้นบ้าน รำวง ประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ เยอะแยะมากมายแต่สนุกจริงๆ แถมปีนี้แยกกันเป็นสัดส่วนง่ายต่อการเดินดูอีก เสียอย่างเดียวคนแออัด เวลาที่จัดขึ้นมีทั้งหมดสามวันครับแต่ก็แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง และวันนี้ก็จัดเป็นวันแรกด้วย
ขึ้นชื่อว่าลอยกระทง สำหรับพวกที่มีแฟนและครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด แถมกลับบ้านก็ไม่ได้ด้วย ไม่ให้ลอยกับแฟนแล้วจะให้ไปลอยกับใคร
เพื่อนผมแต่ละคนก็ใช่ย่อยที่ไหน ต่อให้ไม่ได้คบใครจริงๆจังๆพวกมันก็มีคนลอยคู่ด้วยอยู่แล้ว แน่นอนว่าปีที่แล้วผมลอยคู่กับอิมที่ตอนนี้ก็กลายเป็นแฟนเก่าไปแล้ว ไม่อยากจะบอกเลยว่าแม่งโคตรอาถรรพ์ ลอยเสร็จปุ๊บวันต่อมาทะเลาะกันปั๊บ ไม่ถึงอาทิตย์ก็บอกเลิกกู เศร้าเหี้ยๆ
ตัดภาพมาปีนี้กับแฟนคนปัจจุบัน อย่าว่าแต่ลอยกระทงคู่กันเลย ตอนนี้มันหายหัวไปไหนผมก็ยังไม่รู้ เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวก็โผล่ ถ้าให้เดาคงโดนพี่คณะเรียกตัวไปทำงานกับสโมนิติศาสตร์นั่นแหละ รู้แค่ว่านัดเจอกันอีกทีก็ตอนเย็นเลย เพราะวันนี้ผมเองก็ติดงานคณะไม่ต่างกัน
เอาจริงคนในคณะก็เยอะนะแต่เวลามีงานมีกิจกรรมอะไรแล้วแม่งกูเห็นทำอยู่แค่หยิบมือเดียว ผมเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรเป็นพิเศษหรอก โดนพี่ที่รู้จักเรียกให้มาช่วยแลกกับการที่หลังงานนี้เสร็จแล้วให้พี่ๆมันเลี้ยงเหล้า พอไปถึงก็ไปเล่นๆขำๆกันแทนที่จะทำงานจริงๆจังๆมากกว่า
เนี่ยก็ทาสีป้ายจนเพลิน ดูนาฬิกาอีกทีเกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว จังหวะนั้นเลยต้องเฟดตัวออกมาเพราะมีใครบางคนมันเริ่มร้องหิวข้าว โทรมาเร่งกูตั้งแต่ 5 โมงไอ้สัด เรื่องปากท้องนี่ขัดใจอะไรมันไม่ได้จริงๆ ไม่อยากโดนแม่งเด็ดหัวจับแดกแทนข้าวเย็นก็ต้องเชื่อฟังครับ คุณหลวงท่านพูดคำไหนมากูก็ต้องปฏิบัติตามคำนั้น
“เออๆ มาถึงแล้ว มึงอยู่ไหนล่ะ”
(ในคณะ ทำขบวนอยู่)
“เอ๊า ไหนบอกว่าหิวข้าวไง แล้วมาเร่งกูให้รีบออกมาทำไมเนี่ย” เกือบตะโกนลงไปในสายตอนที่มันบอกแบบนั้นละถ้าไม่ง่วนอยู่กับการหากระเป๋าตังแล้วก็ล็อครถยนต์ของตัวเองอยู่ที่เพิ่งจะแล่นเข้ามาจอดในเขตของโรงเรียนสาธิตซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคณะนิติศาสตร์ได้พอดี
รถแม่งก็เดินทางมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะ ติดตั้งแต่ก่อนจะมาถึงหน้างานเป็นกิโลเมตร เห็นคนโบกให้เข้าไปจอดในโรงเรียนผมก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาเลย นี่ก็เริ่มแพงตั้งแต่ค่าฝากรถ 20 บาทละ ยังจำได้นะปีที่แล้วเก็บแค่ 10 บาทเอง
(รอก่อน หาทางออกไปอยู่)
“ให้รอไหนอ่ะ”
(รอข้างหน้าแหละ เดี๋ยว บีบอม...) จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงจากไหนไม่รู้ครับดังขึ้นมาขัด หูกูนี่ผึ่งแบบไม่รู้ตัวเลย ทำไมเสียงน่ารักจังวะ
(ครับ?)
(วันสุดท้ายว่างมั๊ยอ่ะ ฝ้ายฝากมาบอกว่ามาเดินขบวนให้หน่อยสิ แค่แต่งชุดนักศึกษาถือธงเฉยๆเหมือนงานเปิดกีฬาเฟรชชี่ปีที่แล้วแหละ) เดาจากน้ำเสียงก็น่าจะเป็นรุ่นพี่สักคนในคณะมัน ฝ้ายที่ได้ยินก็น่าจะเป็นพี่ฝ้ายประธานสโมนิติแน่ๆ ผมเคยทำงานของอน.ด้วยกันกับพี่แกบ่อยอยู่ก็เลยพอจะรู้จักบ้าง
(วันสุดท้ายผมมีหน้าที่แล้วนะ)
(อ้าว ทำไรอ่ะ อยู่ฝ่ายไหน)
(ฝ่ายจราจรกับพวกเพื่อนที่อยู่ชมรมบาสด้วยกันแหละครับ)
(งั้นเราเปลี่ยนมาเดินขบวน เดี๋ยวพี่จะบอกให้ฝ้ายไปเคลียร์กับหัวหน้าฝ่ายให้เอง)
(แฟนผมไม่ให้เดินอ่ะครับ) นั่นไง ไม่ถูกแต่หวย คิดอะไรไม่ออกแม่งก็อ้างกูลูกเดียวไอ้ห่านี่
(เอ๊ะ แต่ฝ้ายมันทักไปขอจินให้แล้วนะ เหมือนน้องบอกว่าถ้าเราโอเคก็ไม่มีปัญหา)
(............)
ครับ นิติกร พิชญเดชา ปีสอง คณะวิศวกรรมศาสตร์ นอกจากจะหน้าตาดีมีความสามารถ เตะบอลเก่ง ร้องเพลงได้ เล่นกีตาร์เป็น(สองเพลง) และได้เป็นถึงเดือนมหาลัยของปีที่แล้ว ปีนี้ก็ยังมีความสามารถในการรับขี้ได้อีกด้วย ขี้เต็มๆที่กองอยู่บนหัวกูเนี่ย ขอถามหน่อย ทำไมต้องกู!!
(รอกูออกไป) นั่นคือเสียงเย็นๆที่ผมได้ยินเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่สายจะตัดไป...
คิดว่ามันฉลาดแล้วแต่รุ่นพี่มันฉลาดกว่าไง เล่นทักแชทเฟซผมมาขอตั้งแต่เมื่อวาน ถึงจะงงว่าจะขอทำไมในเมื่อผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอยู่แล้ว ไอ้สงสารก็สงสารมันอยู่หรอก เข้าใจว่าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ แต่จะให้ไปปฏิเสธหรือขัดงานคณะเขามันก็ไม่ใช่เรื่องของผมปะวะ เลยได้แค่ตอบเลยตามเลยว่าแล้วแต่มัน
ว่าแต่ทำไมมันไม่คิดอย่างนี้ได้แบบกูบ้าง เวลาจะทำอะไรนี่ต้องไปถามมันแล้วให้แม่งอนุญาติก่อนตลอด ขอสิบครั้งผ่านอยู่แค่ไม่กี่ครั้งคือเรื่องที่เกี่ยวกับมหาลัยแล้วก็งานใหญ่ๆของคณะ นอกนั้นโดนแม่งห้ามหมด
ถ้าคบกันก่อนประกวดดาวเดือนนี่มีหวังว่าโดนมันห้ามไม่ให้ลงประกวดแน่ๆ ได้ทีละเอาใหญ่ ล่าสุดนี่ก็ไม่ให้กูไปทำกิจกรรมที่ซุ้ม มา! ผมจะอธิบายให้ฟัง กูอัดอั้นตันใจมานานแล้วเรื่องนี้
คืองี้เว้ย พูดถึงเรื่องซุ้มวิศวะเราก็มีหลายซุ้มใช่มั๊ยล่ะ ไอ้แจ็คกับไอ้คีมนี่อยู่ซุ้มดนตรีสากล ส่วนผมไม่มีซุ้มอยู่ ทำได้แค่เดินขายแท่งไฟวนเวียนอยู่แถวๆนั้นไปวันๆ
เหตุผลที่แท้จริงก็คือผมเคยอยู่ซุ้ม ‘วิศวะน้ำแตก’ เว้ย ข้างๆกันกับซุ้มดนตรีสากลแหละ แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะวิ่งเข้าไปกินน้ำกันแล้วใช่มั๊ย แต่อย่าเพิ่งคิดลึกครับ มันเป็นแค่ซุ้มปาลูกโป่งอัดน้ำเฉยๆ แน่นอนว่ามีคนเป็นเป้าซึ่งก็คือเด็กวิศวะอย่างเราๆนั่นเอง
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ พอเปียกแล้วมันก็ต้องถอดเสื้อบ้างอะไรบ้างเป็นธรรมดาใช่ปะ นั่นแหละที่มันไม่ยอมให้ทำ ขอไปเล่นๆกับเพื่อนหวังจะไปเช็คเรตติ้งตัวเองบ้างมันก็ยังทำเมินใส่จนถึงวันนี้ ถ้าพูดอีกทีมันบอกว่าจะไม่ให้ไปร้านเหล้า ผมแบบ...เอาที่มึงสบายใจเลย
อ่ะกลับมาที่เดิมต่อ
หลังจากที่ตัดสายไปผมก็เดินมารอมันอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าคณะนิติอย่างที่ตกลงกันไว้ นานเกือบสิบนาทีได้ถึงเห็นสภาพเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นของมันเดินสะพายกระเป๋า Adidas ย้วยๆคู่ใจใบเดิมออกมา ตอนแรกเหมือนคนเดินละเมอแต่พอเจอกูปุ๊บแม่งก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ทันที
“กินข้าวยัง” ก็ดีที่ยังอุตส่าห์ถาม แต่เสียงเขียวแบบนี้อย่าถามเลยดีกว่า เพราะกูเริ่มจะไม่หิวละ กลืนน้ำลายตัวเองจนอิ่ม
“ยังอ่ะ โคตรหิวเลย แต่รอกินพร้อมมึง เลี้ยงหน่อยเด่ะ” หยอกไปทีนึงโดนมองแรงเลยครับ นี่มันเวรกรรมอะไรของกู ต้องมาง้อคนตัวโตเท่าควายทั้งๆที่กูก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยเนี่ย
“หน้าตอแหล ไปเดินไกลๆ”
“เอ๊า” ไอ้ควาย แต่กูก็ขยับออกห่างให้แม่งทำไมนะ ไม่อยากจะง้อเหมือนกันแหละวะ จากประสบการณ์ตรงเดี๋ยวมันก็คงหายเอง ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดเพราะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เป็นมันนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขยับเข้ามาหาผมก่อน แถมยังยกแขนขึ้นมาพาดไหล่อีก
“มึง มันหนัก กูเดินไม่ถนัด”
“แบกไป กูทำโทษมึง”
“ห๊ะ” ทำโทษด้วยการให้กูแบกแขนมึงนี่นะ จับกูโยนลงบึงที่เค้าเอาไว้ลอยกระทงยังดีกว่าเถอะ
“ไปบอกพี่เค้าทำไม ก็รู้อยู่ว่ากูไม่ชอบ”
“ก็มันเป็นงานคณะ พี่เค้าขอมาจะให้กูปฏิเสธแทนมึงได้ไง เดี๋ยวเค้าก็หาว่ากูเสือกอีก แฟนนะไม่ได้เป็นเจ้าชีวิต”
“เรื่องของกูมึงจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ หวงกูบ้างดิ หล่อขนาดนี้”
“ถ้าไม่ติดว่าเสียดายคอหมูย่างที่กินมาตอนเที่ยงกูอ้วกใส่เท้ามึงแล้วนะ”
“กล้าก็ลองดู” เออ! กูไม่กล้า!
“โตแล้วไม่มีใครเค้าเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัวหรอก มืออาชีพอ่ะมึงเข้าใจปะ”
“ไม่เข้าใจ”
“โอ๊ย”
“กูยังหวงมึงเลยหมาโง่ เดินขบวนนี่ถ้าไม่ใช่งานของอน.กูก็ไม่ให้มึงทำเหมือนกันนะ ตากแดดนานๆเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก มึงยิ่งเป็นคนกระหม่อมบางอยู่” กำลังจะสวนกลับว่าแล้วกูเคยขอให้มึงมาหวงมั๊ย แต่ก็ได้แค่คิดในใจเพราะโดนแม่งหักมุมด้วยประโยคจริงจังโง่ๆที่ฟังแล้วดันรู้สึกดีขึ้นมาซะงั้นก่อนเนี่ย ใจหนอใจ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย กูเดินขบวนแรก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แต่ขบวนมึงอยู่ท้ายๆ ถึงตอนนั้นแดดคงไม่มีแล้วอ่ะกูว่า”
“กูไม่ชอบให้ใครมาจ้อง” แต่ตอนนี้มึงเดินกอดคอกูเนี่ย คนที่เดินผ่านไปมาเค้าไม่จ้องมึงเลย...
“มันก็จำเป็นมั๊ย บางเรื่องกูยังปฏิเสธไม่ได้เลย มึงก็ช่วยๆเขาหน่อยเหอะ อย่างน้อยก็คณะตัวเองนะ”
“ไม่อ่ะ ร้อน”
“อ่ะเอาตรงๆที่กูอยากให้มึงเดินเพราะมึงจะได้รู้สึกแบบกูนี่แหละ คิดดูว่าปีที่แล้วขบวนวิศวะอยู่ลำดับที่ 17 กูได้เดินตากแดดตั้งแต่บ่ายสองยันห้าโมงเย็น แล้วขบวนนะแม่งห้านาทีเคลื่อนไปได้ไม่ถึงเมตร กูเกือบเป็นลมอ่ะตอนนั้น ถ้ามึงเดินมึงก็จะได้รู้ถึงความลำบากของกูไง” เบื่อจะเล่นละครละกูขอย้อนแย้งหน่อยละกัน
“ปัญญาอ่อน ถ้ากูไปแล้วใครจะถ่ายรูปให้”
“อ๋อ ที่ไม่อยากไปเดินเพราะมึงห่วงเรื่องนี้หรอ”
“เปล่า ก็แค่ขี้เกียจ” ไอ้...
“เออ เพื่อนกูก็ไม่ใช่น้อยๆหรอก ถึงไม่มีมึงก็มีคนถ่ายให้อยู่แล้วอ่ะแค่อาจจะไม่ได้รูปเดี่ยวเยอะเท่าหาคนมาถ่ายเอง”
“แต่ก็ถ่ายไม่ดีเท่ากู”
“แล้วไง ไม่ดีแต่อย่างน้อยก็มีรูปไปตั้งโปรไฟล์เฟซละวะ”
มันไม่ได้ว่าอะไรต่อนอกจากหัวเราะเบาๆแล้วเอื้อมมือขึ้นมาที่หัวของผมก่อนจะเขกมะเหงกลงด้วยแรงมหาศาล
จริงๆบอมมันก็ไม่ใช่พวกเล่นกล้องอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ถึงจะไม่ค่อยแสวงหาหรือทุ่มเทให้เหมือนการเล่นบาส แข่งบอลหรือท่องประมวลเวลาสอบอะไรทำนองนั้น แต่เข้าใจคำว่าคนมันมีพรสวรรค์มั๊ย ฝึกนิดๆหน่อยๆทำอะไรแม่งก็ขึ้นหมดละ
“แล้วสรุปว่ามึงได้ไปเดินให้พี่เค้ามั๊ย” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามขณะที่มันก็หันซ้ายขวาไปมองร้านขายของต่างๆข้างถนนแล้ว
“ไม่ ให้ซองไปแทน”
“ถ้ากูเป็นพี่ฝ้ายกูจะแบนมึง”
อย่างที่บอกวันนี้งานจัดขึ้นเป็นวันแรก
คนยังไม่ค่อยเยอะแต่ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย คงเพราะยังเป็นช่วงเย็นอยู่ ถ้าดึกกว่านี้อีกหน่อยรับรองว่าบางโซนแทบจะไม่มีที่เดิน พอเข้ามาในงานได้ผมกับไอ้บอมก็พากันตรงไปที่โซนของกินเลยครับแล้วค่อยไปที่บริเวณของซุ้มนักศึกษาเพื่อช่วยเพื่อนทำกิจกรรม
บอมมันแวะไปหาเพื่อนอยู่ซุ้มนิติศาสตร์ สักพักถึงตามมาหาผมที่ยืนถือแท่งไฟเรืองแสงอันละสิบบาทกับเพื่อนอีกสี่ห้าคนอยู่หน้าซุ้มวิศวะซึ่งกินโซนไปเกือบจะสี่บล็อคได้ ตรงนี้คนเยอะเป็นพิเศษเพราะส่วนใหญ่มีแต่นักศึกษา เวลาเดินไปมาก็แทบจะไม่มีอากาศหายใจ เสียงจากซุ้มแต่ละคณะเรียกลูกค้านี่ก็ดังสวนกันจ้าละหวั่นจนเริ่มจะมึนหูไปหมดละ
“พี่จิน ขอถ่ายรูปด้วยได้มั๊ยคะ” ผมหันไปตามแรงสะกิดจากใครสักคนที่อยู่ด้านหลังก็เห็นว่าเป็นแก๊งผู้หญิงสามสี่คนยืนอยู่ เหมือนจะเป็นเฟรชชี่ในคณะผมด้วยเพราะมีป้ายชื่อกลัดอยู่ที่อกเสื้อนักศึกษาด้านขวา
“อ๋อ ครับๆ”
“ขอรายชื่อด้วยนะคะ”
“เนียนเลย ให้เต้นเพลงเต่างอยตรงนี้เลยดีมั๊ย”
“โหย อย่าเลยพี่ วันนี้พวกหนูเต้นมาเยอะแล้วอ่า” อีกฝ่ายส่ายหน้าใหญ่แต่ก็ยื่นสมุดเชียร์มาให้
ถ้าอยู่ที่คณะกับพวกเพื่อนๆหลายคน มีรุ่นน้องมาขอแบบนี้ผมก็อาจจะมีให้ทำอะไรสักอย่างให้ดูก่อน แต่บางครั้งก็ให้เลย ขึ้นอยู่กับอารมณ์ตอนนั้นจริงๆ ปกติอยู่ข้างนอกแบบนี้ผมไม่ให้นะ แต่วันนี้อารมณ์ดีไง
พอได้เป็นรุ่นพี่แล้วมันก็นึกถึงช่วงแต่ก่อนขึ้นมานะ
เวลาขอรายชื่อนี่กว่ากูจะได้มานะ แม่งโดนสั่งให้วิดพื้นบ้าง เต้นท่าดึงดาวที่ลานเกียร์บ้างเพราะดันเป็นเดือนคณะเลยโดนพี่หลายคนหมายหัว แต่จะเอาความโกรธมาลงที่รุ่นน้องแบบนี้มันไม่ถูกต้องครับ อีกอย่างผมแพ้ผู้หญิงตัวเล็กเสียงน่ารัก จังหวะนั้นเลยทำได้แค่พยักหน้ารับแล้วหันไปยิ้มการตลาดใส่กล้อง ก่อนจะก้มเซ็นชื่อใส่สมุดเชียร์ให้น้องเขา
บางคนเล่นขอทั้งรายชื่อทั้งถ่ายรูปคู่ด้วย กูก็เลยขายของใส่แม่งเลย ถ่ายรูปน่ะถ่ายได้เว้ย แต่ถ้าอยากได้ลายเซ็นกู พวกน้องต้องซื้อแท่งไฟ จำ!
4 ชั่วโมงผ่านไป แท่งไฟก็ยังขายไม่หมด เลยไม่ขายต่อแล้วแม่ง
ไม่ถึงห้าทุ่มพวกผมก็พากันกลับเพราะไอ้บอมบ่นว่าง่วง คนเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยแหละเลยต้องปลีกตัวออกมา คราวนี้มีทั้งไอ้แจ็คกับไอ้คีมขอติดรถไปลงที่คณะด้วยเพราะพวกมันจอดรถไว้ที่นั่น ส่วนพี่สิงห์กกอยู่กับเมียใหม่ที่หลังมอนู่น มันไม่สนหรอกกิจกรรมอะไรพวกนี้
นี่ก็แค่วันแรกนะต่างคนยังดูเหมือนโดนสูบพลังไปขนาดนี้ สังเกตได้จากไอ้แจ็คที่ปกติแม่งพูดมากชิบหาย ตอนนี้มันทำแค่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เบาะหลังมือไถโทรศัพท์เหมือนคนไม่มีอะไรจะทำ หน้าตาก็ดูอิดโรย พอๆกันกับไอ้คีมเลย
แต่ก็เข้าใจนะครับ พวกมันทั้งทำงานช่วยพี่อินที่คณะแล้วยังต้องมาทำกิจกรรมในซุ้มอีก ระบบพี่น้องของวิศวะนี่มันแรงจริงๆบอกตรงๆ ทั้งที่จริงไม่ใช่พวกทำกิจกรรมเก่งอะไรเลย ออกจะขี้เกียจด้วยซ้ำ แม่งทำให้ตารางเข้าร้านเหล้าของพวกมันรวน แต่เพราะว่ามันได้เล่นดนตรีโชว์คนเยอะๆนี่แหละพวกแม่งเลยยอม
ถ้าเป็นกิจกรรมอื่นหรืออะไรก็แล้วแต่ของคณะที่เป็นวิชาการหน่อย อย่าหวังเลยว่าพวกมันจะเข้า กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ กิจกรรมเชียร์กลางของมหาลัย กิจกรรมเข้าห้องเชียร์ตอนปีหนึ่ง พวกแม่งก็เคยโดดมาหมดแล้ว แต่เห็นเป็นอย่างนี้พอเอาเข้าจริงๆก็เป็นคนเหี้ยที่มีประโยชน์อยู่นะครับ
“กูขำ ดูรูปมึงถ่าย”
ระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่ผมเลยยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่ก่อนหน้านั้นไถเฟซบุ๊คฆ่าเวลาไปเรื่อยให้ไอ้บอมดูรูปที่มันถ่ายซึ่งถูกแท็กมาจากรุ่นน้องในคณะสักคนในเฟซของผม ยังมีแถมด้วยการแคปหน้าจอแกลอรี่ภาพส่งมาให้ดูตรงคอมเมนต์ที่บอมมันถ่ายไปเกือบสิบรูปได้แต่ทุกรูปไม่มัวก็มืด เหลือรูปดีๆไว้ให้อยู่ 2 รูป
“ตอนนั้นตื่นเต้นมั้งเลยมือสั่น”
“เชื่อก็โง่”
“2018 แล้วยังมีคนมาขอถ่ายรูปมึงอยู่อีกหรอ”
“อ้าว นี่คุณไม่รู้จักเซเลบหรอครับบีบอม คนติดตามในเฟซผมทะลุสามหมื่นแล้วน้า”
“เซเลบอะไร รู้จักแต่เศษเล็บ”
“ไม่เอา ไม่เล่นมุกเก่าดิ”
“ของกูสามหมื่นห้า”
“แต่มึงปิดเฟซไปแล้วนาอย่าลืม”
“..........”
“อ้าวเงียบเลย ว้ายแพ้”
มันถอนหายใจเมื่อเจอความจริงจี้จุด เหตุผลที่ปิดก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เฟซมันโดนแฮกก็เลยเลิกเล่นแล้วไปสมัครอันใหม่ คราวนี้มีแต่เพื่อนจริงๆ ไพรเวทในแบบที่คนไม่ได้เป็นเพื่อนกันมากดเข้าไปดูก็จะเจอแต่วันที่เริ่มเล่นเฟซบุ๊คกับรูปโปรไฟล์แรกอ่ะ
เอาจริงๆ คำว่าเดือนมหาลัยนี่มันก็ใช้ได้แค่ปีแรกนะครับ ที่คนยังจำหน้าได้ว่าผมเคยเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะอานิสงส์ของเพจเจ๊อารุ่ยล้วนๆ ถึงเจ๊มันจะเริ่มเปลี่ยนทาร์เก็ตใหม่ไปเป็นไอ้กานต์ปีหนึ่งน้องคณะผมแล้วก็ตามเถอะ
แต่ไอ้นี่ผมก็ปั้นมันมากับมือในฐานะพี่เลี้ยงดาวเดือนเลยนะ ไม่ได้ตำแหน่งไม่เป็นไร กวาดรางวัลพิเศษมาได้เกือบหมดก็แล้วกัน เพราะความสามารถแม่งแน่นจริง เคยเป็นทั้งเด็กคัฟเวอร์และดาราเด็ก ขวัญใจช่างภาพเอย ป๊อบปูล่าโหวตเอย เรียกได้ว่าตามรอยพี่มันมาล้วนๆ ไม่ได้ที่หนึ่งแต่ก็ครองใจผู้หญิงทุกคน แหม่ คิดแล้วก็ภูมิใจจัง
ถามถึงทุกวันนี้หรอ อย่าได้เจอกันเลย เจอทีไรแม่งชอบมาไถเงินกูแดกเหล้าตลอด พอหนีแม่งก็ไปปะกันที่ร้านเหล้าอีก เข้ากันดีชิบหายกับไอ้แจ็คเพราะเป็นสายรหัสกัน เรียกได้ว่าทายาทอสูรคลานตามกันมาที่แท้ทรู ไหนจะไอ้แต๊งน้องรหัสผมอีก ไม่เข้าใจ คำอธิฐานขอให้ได้น้องรหัสผู้หญิงนี่ทำไมไม่มีใครรับฟังผมบ้างเลย
“เกิดเป็นคนหล่อก็งี้ ยังไงก็ทนๆความฮอตของแฟนมึงไปหน่อยละกัน” หลังจากที่นั่งเงียบมานาน จังหวะที่รถแล่นมาติดไฟแดงจุดที่ใกล้จะถึงคณะอีกรอบ ไอ้แจ็คก็แทรกขึ้นมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมต้องหันกลับไปแท็กมือมันที่เบาะหลัง เพิ่งเคยรู้สึกถึงคำว่าเพื่อนกูรักมึงก็วันนี้แหละ
“หน้าเหมือนหมา หล่อตรงไหน”
“สัด ลงไปจากรถกู!”
“พูดแค่นี้ก็หน้างอแล้ว”
“ก็มึงชอบว่าอ่ะ”
“ขี้งอนเหมือนไอ้ไก่ทอดเลย”
“อย่างน้อยไก่ทอดก็ชอบกูมากกว่ามึงละกัน” ผมว่าขณะที่แกะหมากฝรั่งที่เอาไว้ติดรถพร้อมกับยื่นให้มันเคี้ยวแก้ง่วงด้วย อยากจะโกรธแต่กูก็ต้องมาแกะให้แม่งอีกเพราะมันขับรถเนี่ย
อ่ะ งงล่ะสิว่าไก่ทอดคือใคร มันเป็นหมาพันธุ์ปอมปอมที่บ้านไอ้บอมเลี้ยงไว้ครับ ผมเพิ่งไปมาตอนก่อนจะเปิดเทอม เอาตรงๆได้ยินคำว่าไก่ทอด ครั้งแรกกูก็ยังงงกับการตั้งชื่อเหมือนกัน เป็นหมาอยู่ดีๆแต่ไปตั้งให้มันเป็นไก่ ถ้าหมามันรู้ว่าชื่อมันแปลว่าอะไร กูว่าแม่งต้องหนีออกจากบ้านแน่ๆอ่ะ เพราะเจ้าของแม่งชอบแดกไก่ทอดกันทั้งบ้าน
“เล็บเริ่มยาวอีกแล้ว กลับถึงหออย่าลืมตัดนะ”
“บ่นเก่ง นึกว่าพ่อ”
“พ่อทูนหัว ไหว้สิ”
“ถุ้ย กูเพิ่งตัดไปตอนต้นเดือนเอง ยาวยังไม่ถึงมิลฯด้วยซ้ำ”
“ยาวไม่ยาวมันก็ขูดหลังกูเจ็บ บอกให้ตัดก็ตัด”
“ก็กูจะไว้ยาว ขอนิ้วโป้ง ไม่ยาวมากหรอก ถ้าตัดแล้วกูชอบเป็นเล็บขบอ่ะ” มันไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าให้ส่งๆ
“จอดที่หน้าตึกเพียรนะ ขอบใจมาก” ไอ้แจ็คแทรกขึ้นมาอีกเป็นเวลาเดียวกับที่ไฟเขียวพอดี ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ไอ้บอมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปส่งสองคนข้างหลังที่วิศวะเสร็จ ผมกับมันก็พากันเลยกลับหอเลย
ทันทีที่มาถึงบอมมันก็เล่นจองห้องน้ำอาบเตรียมตัวเข้านอนก่อนเลย คงจะเหนื่อยจริงๆแหละ เห็นไปทำงานช่วยคณะตั้งแต่เช้า เพราะแบบนี้แหละมั้ง ต่อให้มันปฏิเสธพี่ฝ้ายเรื่องงานเบื้องหน้ายังไง แต่ถ้าเป็นงานเบื้องหลังมันก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ผมเป็นพี่ฝ้ายก็คงโกรธไม่ลงหรอก
“บอม”
“อือ”
“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าผมเปียกให้เป่าก่อนค่อยนอน”
หลังจากที่ผมทำธุระของตัวเองเสร็จบ้าง ออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นแม่งนอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงด้วยสภาพที่เส้นผมยังเปียกน้ำอยู่ก็อดท้วงไม่ได้ แต่เห็นแล้วมันหงุดหงิดจริงๆ บอกไปเป็นล้านรอบแล้วไม่เคยจำ ไม่ได้แค่ห่วงว่าจะไม่สบาย แต่หมอนมันก็เปียกด้วยอ่ะมึงเข้าใจมั้ย
“อือๆ” ครางตอบอยู่แต่ไม่ยอมลุก แล้วที่ทำก็ไม่ใช่ลุกไปเป่าผมให้แห้งอย่างที่ปากบอกด้วย แต่เป็นการพลิกตัวนอนคว่ำหน้าใส่หมอนแล้วหันหนีกูนี่แหละ ไอ้สัด!
“คืนนี้ไม่ต้องมานอนหมอนกับกูนะถ้างั้น”
ได้ผลครับ
มันยอมผงกหัวขึ้นแล้วลุกไปเปิดพัดลมเบอร์แรงสุดเป่าอยู่ที่ปลายเตียง สะบัดๆจนคิดว่าหัวจะหลุด กูนอนอยู่นี่ยังรู้สึกได้ถึงน้ำที่มันต้องใจทำให้กระเด็นมาโดนตัวผมเลย คนไม่ค่อยพูดนี่จริงๆแม่งดื้อเงียบมากนะ อย่าไปทำให้แม่งโกรธเพราะมันจะประชดประชันด้วยท่าทางความกวนส้นตีนแบบนี้แหละ
ราวห้านาทีได้มั้งมันถึงกระโจนกลับขึ้นเตียง ยังรู้สึกว่าชื้นอยู่แต่ก็ดีกว่าครั้งแรกแหละ แขนขานี่ก็ก่ายทับตัวกูไปแล้วเกือบครึ่งท่อน ผอมลงก็ใช่ว่ามึงจะไม่มีกระดูกระเดี้ยวนะไอ้ควาย แบบนี้อย่าเรียกก่ายเลยให้เรียกทับดีกว่า แถมหน้าซุกอยู่ใกล้หัวไม่พอยังมาหายใจฟึดฟาดๆใส่หูอีก ที่สำคัญคือแย่งหมอนกูตามเคย
แต่ด้วยเพราะความอยู่กันแบบนี้จนชินเลยไม่รู้จะห้ามอะไรต่อ ผมเลยได้แต่นอนไถโทรศัพท์ไปเล่นๆพอให้รู้สึกง่วง ดูเวลาอีกทีก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว คิดว่าไอ้บอมน่าจะหลับ แต่เปล่าเลย พอผมขยับตัวมันก็โพล่งขึ้นมาเฉยๆว่า...
“อาทิตย์นึงแล้ว”
“อาทิตย์นึงไร”
“ไม่ได้ทำมึง”
“ควาย นอนเหอะ” มันเป็นบ่อยครับผมเลยไม่ค่อยได้สนใจ เอื้อมตัวไปปิดโคมไปที่ข้างเตียงเตรียมนอนเสร็จสรรพ
“ไม่ได้ยินเสียงมึงครางมาหลายวัน โคตรเหงาหู” ไม่ว่าเปล่ามันยังเริ่มขยับตัวเข้ามาไซร้คอขบติ่งหู อย่าถามถึงมือเลยคือแม่งเหี้ยจริงๆ เหงาหูหรือหรรมเอาดีๆ กูมีอารมณ์ตอนมึงอ่านหนังสืออยู่กูยังไม่เห็นบอกมึงเลยแม่งงงง
“ไหนบอกว่าเหนื่อยไง”
“นอนพักไปแล้วเมื่อกี้”
“ทีงี้ล่ะอย่างไว”
“นะ ขอทีนึง”
“กูยังไม่ได้ตัดเล็บ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุกมาตัดให้”
“แค่ทีนึงพอนะ”
“ครับผม” พออยากได้แล้วพูดเพราะขึ้นมาเลยนะมึง ถ้ามีหางด้วยก็น่าจะสั่นดิ๊กๆ
“อย่าทำรอยเยอะด้วย พรุ่งนี้กูเรียนเช้า
“น่ารักจัง ไม่มีใครเห็นหรอก” เหี้ยกว่านั้นคือกูก็ยอมมันทุกครั้งนี่แหละ คำพูดที่บอกว่าไม่มีใครเห็นเนี่ยเพราะหลังจากที่กูอนุญาตมึงก็เปลี่ยนจากทำรอยที่คอไปเล่นแหวกขากูออกแล้วก้มหน้าลงไปดูดตรงขาอ่อนแทนไงไอ้สัด นับวันยิ่งพิสดารขึ้นเรื่อยๆ
ทีนึงพ่อมึงสิ ควายเอ๊ย
กว่ากูจะได้นอนแม่งล่อไปเกือบตีหนึ่ง ถุงยางหมดมันก็เอาสดทั้งอย่างนั้น เจลไม่มีมันก็ไปเอาวาสลีนทาปากกูมาใช้หมดไปครึ่งกระปุก ความเ_ยนพาชิบหายของจริง มึงบอกว่ามึงเหนื่อยเรียนเช้าเลิกค่ำทั้งอาทิตย์ แต่ตอนมึงทำเหมือนทั้งอาทิตย์มึงแค่หายไปโด๊บยา
“พะ...พอแล้วมึง กูเหนื่อย...อ๊า”
ส่วนกูก็จะตายคาเตียงเนี่ย ไอ้...เวร
และแล้ววันสุดท้ายของเทศกาลแห่งการเดินขบวนประชัดโฉมก็มาถึง
ผมเองก็เพิ่งจะปลีกตัวออกมาจากทีมช่างแต่งหน้าทำผมของเจ๊อารุ่ยได้เมื่อตอน 11 โมง นัดกูไปตั้งแต่ 8 โมงเช้า เริ่มแต่งจริงๆแม่ง 10 โมงครึ่ง ตอนนี้อากาศก็ร้อนเหงื่อไหลไคลย้อยจนจะละลายแป้งที่ประโคมอยู่บนหน้ากูออกไปหมดแล้ว
เมื่อวานเรียนเสร็จเข้ามาช่วยงานคณะช่วงตอนเย็นได้แป๊บๆผมก็กลับเพราะไม่มีหน้าที่อะไรให้ทำแล้ว เอาจริงๆก็ขี้เกียจด้วยแหละ แถมพี่ตองยังโทรมาชวนไปร้านเหล้า ไปถึงก็กินได้ไม่เยอะหรอกเพราะต้องตื่นแต่เช้า เลยเน้นไปนั่งฟังเพลงเอาบรรยากาศมากกว่า
ขบวนปีนี้วิศวะอยู่ลำดับการเดินที่เท่าไหร่ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก อย่างที่บอก ถูกเรียกให้ไปเดินนำในขบวนขององค์กรนักศึกษาซึ่งจะตั้งเป็นขบวนแรกและเริ่มเคลื่อนออกจากจุดเดินเวลาบ่ายสองที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ เลยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องในคณะตัวเองเท่าไหร่
ดีนะที่แค่ใส่ชุดนักศึกษาแต่งหน้าเซตผมนิดๆหน่อยๆก็ออกมาดูดีแล้วคนไรก็ไม่รู้ ผิดกับปีที่แล้วที่แม่งโดนเหี้ยพี่อินมันสั่งให้ช่างแต่งหน้าจับกูไปประทินโฉมประหนึ่งว่าจะไปแคสตัวเข้าคณะลิเก แถมยังใส่แค่โสร่งทอง ส่วนท่อนบนเปลือยล่อนจ้อน
ไม่ได้อายที่ตัวเองไม่ค่อยมีซิคแพคนะครับเพราะอย่างน้อยๆก็ยังมีให้กร้าวใจอยู่ แต่มันเหี้ยตรงที่วันต่อมาผิวกูไหม้เนี่ยแหละ ใครเป็นคนคิดคอนเซปต์ให้เดินแก้ผ้าตากแดดวะกูถามจริง ร้อนก็ร้อน เดินเสร็จนี่นึกว่าไปวิ่งผ่านน้ำในบึงของมหาลัยมา มีแต่เหงื่อ
“คณะเราอยู่ขบวนที่เท่าไหร่อ่ะพี่” ผมหันไปถามอดีตประธานสโมสรนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ของเราผู้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า ‘อินทรชิตปากหมา’ ซึ่งตอนนี้เดินวนไปวนมาเช็คความเรียบร้อยของรถขบวนแห่คณะเราเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
เวลาเป็นงานเป็นการพี่แม่งจะชอบจริงจังแบบนี้แหละ เหมือนปีนี้จะมีปัญหาอะไรสักอย่างเรื่องขบวนจนถึงขนาดพี่มันต้องเข้ามาคุมทั้งๆที่ฝึกงานอยู่ โชคดีเป็นวันหยุดเลยเข้ามาได้เพราะที่ฝึกก็อยู่ในตัวเมืองใกล้มอ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของสโมปีนี้กันแน่ที่ทำให้พี่อินถึงกับต้องเข้ามอมาดูเอง
“อยู่ขบวนที่ 19 ตอนนี้จะเที่ยงแล้วพวกที่จะเอารถขบวนไปตั้งแม่งยังไม่โผล่หัวมาเลย ทีงานเสร็จล่ะชอบมาขอกูให้เลี้ยงเหล้า กูจะเอาฝ่าตีนเลี้ยงพวกแม่งให้หมด” ต้องเข้าใจตรงจุดนี้ด้วยนะครับว่าถ้าคนปกติอย่างเราๆเห็นภาพเป็นสีขาวละก็ พี่มันจะเห็นทุกอย่างตรงข้ามคือสีดำ เหมือนออร่าพร้อมจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวมันตอนนี้อ่ะครับ
“ผมขับรถผ่านเห็นพวกมันกินข้าวกันอยู่หลังมอนะ สักพักคงมาแหละ”
“แล้วมึงมาทำไร ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปเข็ญรถช่วยพวกแจ็คมันตอนเดินนะ”
“โห แต่งหน้าทำผมขนาดนี้พี่จะให้ผมไปเข็ญรถขบวนแห่หรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ อีอ้วนแต่งมากกว่านี้มันยังแค่เดินลงไปซื้อข้าวใต้หอแล้วก็กลับขึ้นมานอนต่อเลย”
“โห ถ้าแฟนพี่อ้วนโลกนี้ก็ไม่มีคนผอมแล้วพี่”
“มึงมองยังไงจิน แม่งอ้วนจะตาย แดกข้าววันละกระสอบ” ครับ ทุกอย่างเป็นสีดำจริงๆ
นี่คือคำที่พี่มันพูดถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนนะ เป็นกูมาได้ยินอย่างนี้กูร้องไห้แล้ว ไม่พอกูเลิกคบเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ เห็นลับหลังเป็นอย่างงี้ จริงๆแม่งกลัวเมียมากนะบอกเลย เหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าไม่ติดว่าปากหมาเกินไปผมก็คิดว่าหัวหน้าเพจสมาคมพ่อบ้านใจกล้าก็คือพี่มันนี่แหละ
“ผมแค่เอาของมาให้กานต์ มันฝากไว้ เดี๋ยวสักพักก็จะไปตั้งขบวนละเหมือนกัน ไว้เจอกันพี่”
“เออ ไปเถอะ”
ว่ากันว่าในความโชคร้ายก็จะยังมีความโชคดีเล็กๆอยู่
เพราะถึงแดดจะร้อนมากแค่ไหน แต่ผมได้อยู่ขบวนแรกที่เริ่มเดินตั้งแต่บ่ายสอง เดินครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าประตูซึ่งเป็นทางเข้างานที่มีป้ายชื่อมหาลัยขนาดใหญ่บ่งบอกว่าเป็นประตูต้อนรับสู่รั้วอุดมศึกษาอันอบอุ่นแล้ว
อืม อบอุ่นจริงๆ อีกนิดนึงกูก็จะไหม้ละ
“ไม่เดินสักที”
“โคตรร้อน”
ได้ยินเสียงคนในขบวนบ่นกันไปมาก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะนี่ก็มายืนอยู่ตรงนี้นานแล้วขบวนก็ไม่ยอมเคลื่อนสักที เดี๋ยวก็มีคนมาถ่ายรูปนั่นนี่ไม่จบไม่สิ้น ถ้าให้เดาน่าจะเป็นจุดที่มีคณะกรรมการคอยตรวจขบวนมั้งเลยต้องหยุดให้คนดูก่อน
พอหันไปริมถนนด้านซ้ายอีกหน่อยตรงใต้ต้นไม้ที่มีคนยืนดูอยู่ กูก็เจอเลยครับ
เสื้อดำ กางเกงดำ รองเท้าดำ หมวกแก็ปรวมทั้งแมสปิดปากก็สีดำ ตั้งแต่หัวจรดเท้าแม่งดำหมด ดำยันกล้องและสายสะพาย บอกไม่อยากเด่นแต่ตอนนี้มึงเด่นกว่าทุกคนเลยไอ้เหี้ย เข้าใจว่าร้อนแต่ก็ไม่คิดว่ามึงจะกลัวร้อนขนาดนี้ แถมสีดำยังดูแสงอีก คิดไงของมันเนี่ย ดีที่ไม่ใส่แว่นดำมาด้วย ถ้าใส่มานี่ยิ่งกว่าอ๊ปป้าเลยนะ แต่ไม่อยากจะชมว่าเท่หรอกเดี๋ยวแม่งเหลิง
บอมมันยืนอยู่กับไอ้เจครับ เหมือนว่าจะมาถ่ายรูปขบวนเหมือนกันเพราะได้ยินมันคุยกันตั้งแต่เมื่อวาน มันยืนกดมือถืออยู่ เผลอมองได้ไม่นานมันก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วยกกล้องขึ้นถ่ายเมื่อเห็นผม เลยอดหันไปยิ้มใส่กล้องไม่ได้พร้อมกับขยับปากใส่ว่า ‘ร้อนเหี้ยๆ’ เท่านั้นแหละแม่งเดินเข้ามาหากูเลย
แสบตายิ่งกว่าแสงจากดวงอาทิตย์เวลาบ่ายสอง ก็ออร่าความขาวผ่องตัดกับชุดดำของมันนี่แหละ มองดีๆกูว่าไม่ใช่อ๊ปป้าละ เหมือนพวกก่อการร้ายในหนังมากกว่า
มาถึงมันก็ยื่นขวดน้ำที่ถือติดตัวให้เลยพร้อมกับเอาทิซชู่มาแปะไว้ที่หน้าผม ไม่เช็ดครับ แปะไว้เฉยๆจนกูต้องบอกให้มันเช็ดให้เนี่ยเพราะมือถือของอยู่
“ใครแต่งหน้าให้”
“ก็ช่างแต่งหน้าดิ มึงคิดว่ากูจะแต่งเองหรอ”
“นี่คิ้วหรือปลิง” ไม่ว่าเปล่าอ๊ปป้าก็เอานิ้วโป้งใหญ่ๆของมันมาถูออกให้กูหน้าตาเฉย โอ๊ยกูจะบ้า
“ไอ้สัด อย่าทำ มันจะเลอะ”
“หนากว่าประมวลกูอีก”
“อะไร”
“หน้ามึงเนี่ย”
“ถ้าจะมากวนก็ไปไกลๆเลยปะ กูร้อน ไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย”
“เดินเสร็จแล้วรีบไปล้างออก”
“ทำไม อิจฉากูหล่อกว่าอะดิ”
“หน้ากับคอคนละสีขนาดนี้ให้กูเอาส่วนไหนมาอิจฉามึงหมาโง่”
“โว๊ะ”
ปากว่าแบบนั้นแต่ก็ยังยกกล้องขึ้นมาถ่ายกูนะ ใกล้กว่านี้อีกหน่อยกูจะเอาสันดั้งแม่งทิ่มเลนส์แล้วถ้าไม่ติดว่านั่นมันกล้องกูเนี่ย แต่อยากให้รูปออกมาดูดีก็ต้องยิ้มใส่ครับ โกรธแค่ไหนกูก็ต้องบังคับหนังหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่วายโดนมันขัดอีกว่า
“อย่ายิ้มเยอะ”
“อะไรอีก มึงจะละลายหรอ”
“เปล่า กูหลอน”
บางทีผมคิดนะว่าตัวเองทนอยู่ได้ยังไงโดยที่ไม่เอาพานพุ่มที่อยู่ในมือตอนนี้ฟาดหัวมัน
ครับ
เดินขบวนเสร็จก็ปาไปแล้วบ่ายสามเกือบจะสี่ นี่ขนาดออกมาเป็นขบวนแรกนะ ตัดภาพไปที่คณะตัวเองที่ไอ้แจ็คไลน์มาบอกว่ายังไม่เคลื่อนเลย
ทันทีที่เดินเสร็จผมก็ให้บอมมันพากลับหอไปล้างหน้าเปลี่ยนชุดกินข้าวเย็นให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับเข้ามาในงานใหม่ตอนประมาณทุ่มกว่าๆ
มาถึงก็ประจวบกับที่เห็นขบวนวิศวะเดินเข้ามาที่ถนนสายหลักของงานเลย ตอนกลางคืนด้านบนนี่จัดว่าทำฉากโคมไฟอะไรต่างๆได้โคตรสวย เสียดายกล้องแบตหมดเลยไม่ได้เอามา มองเห็นไอ้แจ็คเข็ญรถขบวนพร้อมกับเพื่อนวิศวะอยู่ไวๆ เลยเอากล้องมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้แกล้งมันเล่นๆ
ระหว่างที่รอเพื่อนๆเดินขบวนเสร็จ ผมกับไอ้บอมก็ออกมาหาซื้อกระทงเพื่อไปลอยก่อนที่จะกลับไปเดินในงานอีกรอบ ที่นี่มีบึงทั้งสองด้านของถนนเลยครับ เป็นบึงเก่ากับบึงที่เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่คนจะลอยฝั่งบึงเก่ามากกว่า
เราทั้งคู่เลือกที่จะลอยกระทงอันเดียวกันเพราะราคาแต่ละร้านแพงชิบหาย กระทงอันเท่ากำปั้นเด็กน้อยก็ปาไปแล้ว 40 บาท เลยซื้ออันใหญ่ราคา 60 ลอยด้วยกันเลย ไม่ใช่ว่างกหรือไม่มีเงินซื้อเว้ย เอาจริงๆมั๊ย ลอยด้วยกันมันน่าจะอุ่นใจกว่าอ่ะ
ถ้าจะขอก็คงไม่ขออะไรมากนอกจากให้กระทงนำพาเรื่องร้ายๆออกไป และก็ไม่ขอให้ผมกับไอ้บอมอยู่ด้วยกันตลอดไปหรอกเพราะรู้ว่ามันไม่มีจริงๆ สิ่งที่ต้องการคือขอแค่ให้ปัจจุบันนี้เรามีกันและกัน ส่วนอนาคตก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต อะไรจะเกิดผมยินดีที่จะเผชิญหน้าไปพร้อมมันอยู่แล้ว
“รู้มั้ยว่าวันลอยกระทงนอกจากลอยกระทงแล้วยังเป็นวันอะไร” จู่ๆมันก็ถามขึ้นหลังจากที่เราปล่อยกระทงออกไปกลางน้ำแล้ว
“ก็เป็นประเพณีขอขมาเจ้าแม่คงคาไง”
“ก็ใช่” มันพยักหน้าก่อนจะถอยหลังไปอีกก้าวแล้วยกกล้องมือถือของมันขึ้นมาถ่ายผมอีก “แต่ก็มีอีกอย่าง”
“อะไรอ่ะ”
“กลับหอเดี๋ยวรู้”
บอกเลยว่าพรุน!
END
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จินนนนนนน ยอมคุณหลวงเค้าตลอด ๆ 5555555