ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    VISION | Haechan X NCT

    ลำดับตอนที่ #5 : ความโกลาหล

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 64


    5

    ความโกลาหล

     

    “คิดถึงจัง...คุณปู่” เสียงทุ้มกล่าวแผ่วเบา พลางกอดมิกูเอลไว้แน่น ความอุ่นใจจากคนตรงหน้าช่วยเยียวยาความคิดถึงได้เป็นอย่างดี ผ่านไปเพียงวันเดียวเหมือนผ่านไปแรมปี เป็นเพราะเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อวานหรือเปล่า ที่ทำให้เขารู้สึกอยากเจอมิกูเอลมากขึ้นกว่าเดิม

    มิกูเอลได้ยินคำพูดของสามีจึงกอดให้กำลังใจอยู่นานสองนาน วันนี้คือวันครบรอบวันที่ปู่ของโนอาห์จากไป ความถวิลหาย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

    ในทุกๆ ปีโนอาห์จะมาที่สุสานแห่งนี้เพื่อรำลึกถึงการจากไปของบุคคลที่เขาเคารพมากที่สุด แม้ตารางงานจะยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม

    “ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี่แล้ว ลูกๆ ของเราด้วย” มิกูเอลคลายกอดจากคนรัก และมองไปยังเอ็ดมันด์ด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดี พลางจับหน้าท้องของตนเองที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยกว่าแต่ก่อน

    ผมมองไปที่ครอบครัวก็อมยิ้มทันที พ่อของผมยังอยู่ในท้องของปู่มิกูเอลอยู่เลย ถึงปู่จะพูดกับผมในฐานะที่เห็นผมเป็นปู่โนอาห์ก็ไม่เป็นไร แค่ได้เจอหน้ากันอีกผมก็มีความสุขแล้ว

    “คุณจะกลับแล้วเหรอ”

    “ใช่...ผมมีงานที่ต้องไปทำต่อน่ะ ไว้เจอกันเมื่อมีโอกาสนะ”

    คำพูดเมื่อครู่ชวนให้มิกูเอลรู้สึกไม่ดีอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าเป็นคำอำลาก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก โนอาห์ไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้เลย ช่วงนี้คงจะมีงานเยอะล้นมือจริงๆ

    เอ็ดมันด์ที่ยืนอยู่โผลเข้ามากอดพ่อของตัวเอง ทันทีที่ไวแอตต์พูดจบ เด็กหนุ่มจึงกอดปลอบใจว่าที่คุณลุงของเขา เด็กวัยนี้อยากจะอยู่กับครอบครัวอยู่แล้ว แต่งานที่ทำเนียบไม่เอื้ออำนวยเวลาว่างเลย

    “ถ้างั้นผม...” ผมคลายกอดจากลุงเอ็ดมันด์ หลังจากนั้นก็โดนปู่มิกูเอลหอมแก้มโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมทำตัวไม่ถูกเลยและรู้สึกผิดนิดหน่อย ที่ปู่มิกูเอลทำลงไปเพราะคิดว่าผมเป็นปู่โนอาห์น่ะสิ

    “ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านของเราได้เสมอนะ อย่าหักโหมมากล่ะ รักษาสุขภาพด้วย”

    ผมพยักหน้าซ่อนอาการเขินอาย และรีบออกไปจากสุสานกับเบรย์เดนอย่างรวดเร็ว ที่ผมเขินไม่ใช่เพราะโดนปู่ตัวเองหอมแก้มหรอกนะ แต่พอได้เห็นตัวจริงของปู่มิกูเอลแล้วก็นึกถึง ‘เอมเมท’ คนที่ผมแอบชอบขึ้นมาทันที สองคนนั้นหน้าตาคล้ายกันมาก ไม่สิ หน้าเหมือนกันเลยต่างหาก!

    พวกเราสองคนมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง และทำการซื้อเครื่องสำอางที่จำเป็น แต่ถ้ามาซื้อของอย่างเดียวก็น่าเบื่อเกินไป แน่นอนว่าต้องไปหาอะไรทานเสียหน่อย ยิ่งเป็นอาหารพื้นเมืองยิ่งดี ซึ่งเงินทั้งหมดสนับสนุนโดยปู่ของผมเอง

    ว่าที่อดีตหน่วยรบพิเศษของแซคการีและผู้คุ้มกันนายกรัฐมนตรี ตอนนี้เขาได้กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์แล้ว ไฉนจึงต้องเป็นเขากันนะ ยิ่งไม่ค่อยถูกกับเด็กเสียด้วย อย่างน้อยกรณีของไวแอตต์ก็พอจะรับได้บ้าง

    หลังจากที่ทำธุระเสร็จ พวกเขาทั้งสองขึ้นมาบนรถยนต์เตรียมมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบ ฉับพลันก็มีเสียงแจ้งเตือนภัยดังก้องทั่วเมืองวินเซนต์เบิร์ก ตามมาด้วยเสียงระเบิดกระจายอยู่รอบข้าง ตอนนี้ประชาชนต่างแตกตื่น ทุกอย่างโกลาหลไปหมด จะขับรถฝ่าไปก็ไม่ได้

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ! นั่นมันเสียงระเบิดหนิ!”

    เด็กหนุ่มตกใจสุดขีดและลนลานจนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อ ขณะเดียวกันเบรย์เดนกำลังรวบรวมสมาธิในการแก้ปัญหา ต้องหาที่หลบภัยสักที่ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในรถ

    ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสถานที่หนึ่งออก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ความเสี่ยงก็มีมากที่อาจจะเจอกลุ่มผู้ก่อการร้าย อย่างน้อยก็ดีกว่าโดนระเบิดตายก็แล้วกัน

    “ตามฉันมา ห้ามคลาดสายตากันเป็นขาด” พูดจบ เขาก็เปิดประตูรถลงไปทันที ขณะที่ไวแอตต์กำลังมึนงง

    “รอด้วย!!”

    ผมวิ่งหน้าตั้งตามเบรย์เดนอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะหยิบถุงเครื่องสำอางติดตัวมาด้วย ส่วนถุงขนมนั้น...คงต้องจากลากันตรงนี้

    ทักษะการฝ่าฝูงชนจู่ๆ ก็เฉิดฉายขึ้นมา คราวนี้อะไรอีกล่ะเนี่ย! เมื่อวานก็ปืน วันนี้เป็นระเบิดเลยเหรอ! พรุ่งนี้คงเป็นนิวเคลียร์เลยล่ะสิ! โชคชะตาไม่ใจร้ายกับผมไปหน่อยหรือไง

    สองคู่หูฝ่าฝูงชนที่กำลังวิ่งพลุกพล่าน ระหว่างที่กำลังหนีตายกันจ้าละหวั่น เสียงระเบิดยังดังขึ้นเป็นระยะ พร้อมกับพื้นที่สั่นสะเทือน จนกระทั่งเบรย์เดนพาเด็กหนุ่มมาทางซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง สุดซอยเป็นทางเข้าบ้านของคนที่ผู้คุ้มกันค่อนข้างสนิทสนม

    เมื่อมาถึงหน้าประตู เบรย์เดนกดกริ่งถี่รัว พลางตะโกนเรียกชื่อคนที่อยู่ด้านใน

    “ลีโอ! เปิดประตูหน่อย! นี่ฉันเอง เบรย์เดน!”

    ประตูเปิดออกทันทีตามคำร้องขอของเขา ทั้งสองเดินเข้ามาด้วยอาการหอบเหนื่อย โดยเฉพาะไวแอตต์ เขายังตื่นตูมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ก็ไม่พบคนที่มาเปิดประตูให้เลย อย่าบอกนะว่าประตูเปิดเองได้

    “คนที่เปิดประตูให้เราไปไหนแล้วล่ะ” ไวแอตต์ถามคนที่กำลังเสยผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ นิ้วยาวของเบรย์เดนจึงชี้ไปทางฝาผนังของบ้าน

    นี่เขาล้อผมเล่นหรือเปล่าเนี่ย เขามองเห็นวิญญาณได้เหรอ!?

    เบรย์เดนเห็นไวแอตต์ทำหน้าสงสัยก็ขี้เกียจสาธยาย เขาจึงเดินไปกดฝาผนังจนยุบลงบางส่วน ทันใดนั้นฝาผนังจึงแยกออกจากกัน ข้างในนั้นเป็นเสมือนลิฟต์ไว้ใช้งาน

    ลิฟต์อย่างนั้นเหรอ แต่บ้านนี้มีแค่สองชั้นเองนะ

    “นายจะอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย ระเบิดลงไม่รู้ด้วยนะ”

    “เดี๋ยวสิ!” ผมบึ่งเข้าไปในลิฟต์อย่างว่องไว และความสงสัยผมยังคงไม่หายไป

    ลิฟต์เคลื่อนลงสู่ชั้นใต้ดิน จนกระทั่งถึงที่หมาย เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกต้องทำให้ไวแอตต์ตกตะลึงอีกครั้งตั้งแต่ย้อนเวลามา ที่ชั้นใต้ดินกว้างขวางราวกับสำนักงาน เป็นชั้นที่กึ่งห้องทดลองและออฟฟิศในเวลาเดียวกัน

    ระหว่างนั้นผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้พวกเรา และกำลังกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เสียงดัง ดูเหมือนเขากำลังพิมพ์โค้ดบางอย่าง

    แต่มีหน้าจอหนึ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษ มันกว้างใหญ่กว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายเท่า บนหน้าจอปรากฏเป็นแผนที่เมืองวินเซนต์เบิร์ก และมีจุดสีแดงกะพริบอยู่หลายจุดทั่วเมือง ผมเข้าใจได้ทันทีว่าจุดนั้นแทนที่ที่โดนระเบิด

    นี่เมืองโดนระเบิดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วยิ่งเป็นเมืองหลวงด้วย

    วินเซนต์เบิร์กมีประชากรอาศัยอยู่ 2 ล้านคน ถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างแออัดพอสมควร เพราะพื้นที่ของเมืองไม่ได้กว้างขวางมากขนาดนั้น คนต้องตายเยอะมากแน่นอน เนื่องจากความแรงของระเบิดมีมากพอควร

    ชายที่นั่งหน้าคอมสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือน จึงละจากงานตรงหน้าและรีบเดินมาถามไถ่

    “โล่งไปทีที่ทุกคนปลอดภัย” หน้าของเขาชื่นขึ้นทันที ทว่าก็ต้องกลับมาจริงจังอีกครั้ง เมื่อมีอีกคนที่ไม่ได้มาด้วย “แล้วโคลด์ล่ะ! อย่าบอกนะว่า...”

    “โคลด์อยู่ที่ทำเนียบกับท่านนายก”

    “นายหมายความว่าอะไร ท่านนายกก็ยืนอยู่ตรงนี้ไง” ลีโอไม่เข้าใจในสิ่งที่เบรย์เดนพูด กระนั้นเบรย์เดนก็ไม่ได้อธิบายเพิ่ม

    สายตาผู้คุ้มกันตอนนี้จดจ่อเพียงสิ่งเดียว นั่นคือหน้าจออันกว้างใหญ่ โดยเฉพาะที่ทำเนียบรัฐบาล มีจุดสีแดงกะพริบถึง 2 จุด จุดแรกคือบริเวณสวนดอกไม้ที่ใกล้กระทรวงกลาโหม จุดที่สองคือลานแห่งความทรงจำ ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างตึกหลายกระทรวง

    โชคดีที่โนอาห์กับโคลด์ รวมถึงคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ ประชุมอยู่ชั้นสองของตึกทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่รู้ว่าความรุนแรงของระเบิดจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

    “ตอนนี้มีข้อมูลอะไรบ้างมั้ย”

    “มี กล้องวงจรปิดจับหน้าชายน่าสงสัยคนหนึ่งได้ ใกล้กับห้างในใจกลางเมือง”

    ลีโอสาวเท้าไปยังคอมพิวเตอร์ และเชื่อมต่อข้อมูลมายังหน้าจอขนาดใหญ่ที่เบรย์เดนจ้องอยู่ ภาพนั้นปรากฏเป็นชายร่างสูง สวมหมวกแก๊ปสีดำ เดินไปมาแถวที่เกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง

    แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ชายร่างสูงเดินจากไปและทิ้งความโกลาหลให้แก่คนแถวนั้น นั่นคือเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง

    “ลีโอ ย้อนไปภาพเมื่อกี้หน่อย”

    “ได้เลย”

    เจ้าของบ้านย้อนภาพตามคำสั่งของชายหนุ่ม โครงหน้าของผู้ชายคนนั้นเริ่มมีเค้าโครงให้เห็นบ้าง ทว่าเบรย์เดนไม่สนใจใบหน้าเท่าไรนัก เขาสนใจรอยสักที่มือมากกว่า

    “ซูมไปที่มือหน่อย”

    ภาพบนหน้าจอถูกขยายมากขึ้น เผยให้รอยสักรูปดอกกุหลาบที่มือซ้าย เขาจำได้ว่าเคยเห็นจากใครคนหนึ่งมาก่อน แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก

    จากการดูกล้องวงจรปิดทั่วเมืองแล้ว ชายคนนั้นมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นไปได้สูงที่จะไปทำเนียบรัฐบาล หรือไม่ก็พระราชวังแอนนอท วังที่สมเด็จพระจักรพรรดิลินคอล์นประทับอยู่ขณะนี้

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายใต้ความกดดันของสถานการณ์ ลีโอรีบรับโทรศัพท์นั้นทันที

    “สวัสดีครับ ลีโอ มอดเลย์ พูดครับ”

    เสียงปลายสายเป็นเสียงของนายกรัฐมนตรี ทั้งที่สองตาของลีโอเห็นว่าโนอาห์ยืนอยู่ข้างๆ เบรย์เดนในตอนนี้ ทางปลายสายขอคุยกับเบรย์เดน ลีโอจึงเก็บความสับสนไว้ในใจแล้วยื่นให้เขา

    “ท่านนายกต้องการคุยด้วยน่ะ”

    เบรย์เดนรับโทรศัพท์มา และได้บอกว่าพวกเขาปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ส่วนทางทำเนียบรัฐบาลทุกคนกำลังหาปลอดภัยในการซ่อนตัว เนื่องจากมีเสียงปืนดังอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบ หลายคนจึงหวั่นใจว่าน่าจะมีการกราดยิงเกิดขึ้น

    ตอนนี้โคลด์และโนอาห์ได้ไปซ่อนในห้องลับที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีแล้ว เสียงปืนดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่ฟังโทรศัพท์อยู่ยังได้ยิน

    เบรย์เดนวางสายโทรศัพท์และจ้องมองไปยังหน้าจออีกครั้ง บริเวณใกล้ๆ พระราชวังแอนนอทได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นแล้ว ภาพตรงหน้าอยู่เหนือความคาดหมายเขาพอสมควร เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าคนร้ายจะไปก่อโศกนาฏกรรมทั้งสองที่ในคราวเดียว

    ‘นี่มันอุกอาจเกินไปแล้ว’

    “กลุ่มเดียวกันกับที่จะก่อจลาจลหรือเปล่านะ” สถานการณ์ในตอนนี้เขาได้แต่คาดเดาเท่านั้น ข้อมูลฝั่งศัตรูมีน้อยเกินไป จนไม่สามารถรับมือได้ทันการณ์

    ผมมองที่หน้าจอแล้วรู้สึกละเหี่ยใจเหลือเกิน ทำไมมือวางระเบิดถึงใจกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไปเพราะอะไร แต่คนบริสุทธิ์ต้องมาตายแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมต่อครอบครัวพวกเขาเลย

    ครอบครัว…ปู่มิกูเอล!

    ผมชุกคิดเรื่องของปู่มิกูเอลได้ จึงรีบมองไปยังบริเวณทะเลนอร์ทเรดิอานเตทันที ขอบคุณจริงๆ ที่แถวนั้นไม่มีเหตุระเบิด ขอภาวนาให้ปู่ไม่เข้าไปในตัวเมืองด้วยเถอะ

    “เอ่อ…สรุปแล้วเรื่องมันเป็นยังไง…” ลีโอไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ได้อีกต่อไป เรื่องราวมันไม่ชอบมาพากลตั้งแต่เห็นว่านายกรัฐมนตรีมาหาเขาในเวลาแบบนี้แล้ว ปกติแล้วโนอาห์มักจะมาตอนเย็นไม่ก็ค่ำมืด

    เบรย์เดนเห็นว่าสถานการณ์เริ่งคงที่แล้ว จึงอธิบายทุกอย่างให้ลีโอฟัง เรื่องเล่าของเพื่อนร่วมงานมันสะกิดใจลีโอมากเลยทีเดียว ถึงเรื่องจะดูเกินจริง แต่ทุกสิ่งก็ล้วนเป็นไปได้

    ลีโอสนใจเรื่องแนววิทยาศาสตร์อยู่แล้ว นอกจากเขาจะชำนาญเรื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ยังเก่งด้านการประดิษฐ์สิ่งของอีกด้วย ซึ่งของบางชิ้นก็ต้องอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย

    “ไวแอตต์ นายเคยได้ยินเรื่องทฤษฎีอลวนหรือเปล่า”

    “ไม่เคยครับ”

    “แล้วถ้าเป็น butterfly effect ล่ะ”

    “เคยครับ”

    ลีโอเริ่มอธิบายไวแอตต์ว่าการที่ไวแอตต์ย้อนเวลามาแบบนี้จะทำให้ประวัติศาสตร์บิดเบี้ยว แล้วยิ่งมาช่วยให้โนอาห์รอดจากความตาย นั่นอาจจะทำให้ไวแอตต์หายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล เด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นจึงชุกคิดได้ทันที

    แต่ในเมื่อเรื่องมันมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว จะย้อนกลับเส้นทางเดิมก็คงไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับไปปีที่เขาจากมาได้อย่างไร

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ โชคชะตาคงลิขิตให้ผมมาช่วยปู่แล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็จะช่วยปู่ให้ได้มากที่สุด”

    ลีโอเห็นถึงความตั้งใจของไวแอตต์จึงนึกถึงโนอาห์ขึ้นมา พวกเขาช่างเหมือนกันจริงๆ ตรงที่เสียสละเพื่อคนอื่น แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็ตาม

    “นี่เบรย์เดน โคลด์ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้นายฟังหรือยัง”

    “ยัง มีเรื่องอะไรเหรอ”

    “ซาบริน่าสารภาพว่าซัลลิแวนคือคนที่ขู่ให้เธอคอยส่งข่าวของท่านนายก เหตุการณ์ที่เซฟเฮ้าส์เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงคนนี้”

    “เหตุการณ์อะไรเหรอครับ” เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้เรื่องราวเอ่ยถามทุกคนในห้อง ลีโอจึงเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องของเมื่อคืนด้วย

    ผมฟังลีโอเล่าก็ต้องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง อย่างกับฉากในภาพยนตร์จริงๆ ที่คนใกล้ชิดที่สุดมักเป็นศัตรูเบอร์หนึ่ง คุณซาบริน่าดูไม่มีพิษภัยแบบนั้น กลับพยายามวางยาโคลด์ถึงสองครั้งเมื่อมีโอกาส แต่ก็นะ…เธอโดนขู่นี่นา

    “ซัลลิแวนงั้นเหรอ หมอนั่นอยากรู้ไปเพื่ออะไร” เบรย์เดนไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก ผู้ลี้ภัยทางการเมืองอย่างซัลลิแวนจะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของโนอาห์ไปทำไม แล้วทำไมต้องส่งคนมายิงถึงเซฟเฮ้าส์

    “ไม่มีใครรู้เหตุผลเลย”

    สิ่งที่ซาบริน่าพูดอาจจะโกหกก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงโคลด์คงไม่ปล่อยไปง่ายๆ นึกถึงวิธีการของโคลด์ก็ชวนให้เบรย์เดนไม่สบอารมณ์ทุกครั้ง วิธีของโคลด์เขามองว่ามันไม่รอบคอบเอาเสียเลย คนเราถ้าจะแสดง วินาทีนี้จิตวิทยาอาจไม่ช่วยอะไร

    “ฉันลองเจาะระบบข้อมูลสนามบินเพื่อดูรายชื่อคนเข้าประเทศ และซัลลิแวนก็กลับมาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องที่เซฟเฮ้าส์”

    “ถ้างั้นก็เป็นไปได้ที่ซัลลิแวนมาเพื่อฆ่าโนอาห์ที่งานเฉลิมพระชนมพรรษา และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ด้วย”

    “ผมเคยได้เห็นข่าวลือว่าซัลลิแวนจัดฉากการตายของปู่ ทำทีเป็นปู่ฆ่าตัวตาย และเหมือนจะมีเรื่องบาดหมางเกี่ยวกับนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของปู่ เพราะมันคือธุรกิจของเขา” ผมลองเสนอข่าวที่ผมเคยอ่านเจอในเน็ต ทุกคนต่างจ้องมาทางผมและตั้งใจฟัง จนผมรู้สึกเกร็งจึงต้องรีบพูดต่อ

    “เอ่อ…แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอะไรเลย…”

    “ธุรกิจเหรอ” เบรย์เดนไม่เคยรู้ถึงด้านนี้ของซัลลิแวนมาก่อน เขาเข้าใจเพียงว่าซัลลิแวนเคยเป็นนักการเมือง แล้วก็ลี้ภัยไปต่างประเทศเพียงเท่านั้น ไม่เคยมีข่าวเรื่องพรรค์นี้เลย เป็นไปได้จริงหรือว่าจะมาทำร้ายโนอาห์เพราะเรื่องธุรกิจ

    เรื่องนี้คงต้องสืบให้รู้ถึงรากถึงโคนแล้วล่ะ มันมีหลายเรื่องเชื่อมโยงราวกับสายไฟที่ระโยงระยาง เหตุการณ์ทั้งหมดซัลลิแวนคงทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกมากโขแน่นอน

     

     

     

     

    #visionhc

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×