คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เริ่มต้นการเดินทาง
4
เริ่มต้นการเดินทาง
แสงจันทร์ส่องสว่างทั่วน่านฟ้า ค่ำคืนที่เปี่ยมไปด้วยความรักของหนุ่มสาว ดาดฟ้าของแรมหรูใจกลางเมืองที่เพียงพวกเขาอยู่ด้วยกัน
ซาบริน่ายื่นแก้วไวน์ให้ชายตรงหน้าเธอ โคลด์รับแก้วไวน์รับนั้นและมองเธออย่างหลงใหล ชุดเดรสซาตินที่ซาบริน่าสวมในวันนี้ ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตาได้
“คุณจะไม่ดื่มไวน์เหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงเขินอาย โคลด์ชอบมองเธอด้วยสายตาเย้ายวนใจเสมอเวลาเจอหน้ากัน มันทำให้เธอประหม่าทุกครั้ง
“แก้วนี้เพื่อคุณ ที่รัก”
เขามองไวน์ในแก้วก่อนจะดึงร่างบางของซาบริน่าให้มาอยู่ใกล้ๆ มือเรียวทั้งสองข้างทาบอยู่บนอกแกร่ง พลางสบตากับชายตรงหน้า
“ใช้ปากของคุณป้อนให้ผมสิ” โคลด์เชื้อเชิญเธอ ทว่าแววตาเธอกลับบอกว่าไม่อยากทำแบบนั้น ซึ่งเขาเข้าใจดีว่าเหตุผลของเธอคืออะไร
เขาดื่มไวน์พักไว้ในปาก แล้ววางแก้วลงโต๊ะข้างๆ จากนั้นจึงป้อนไวน์เธอด้วยริมฝีปากหนาของเขา และใช้อีกมือหนึ่งกดกรามของซาบริน่า เพื่อให้เธอรับไวน์นั้นได้ทุกหยด เธอพยายามขัดขืนแต่ร่างกายเธอไม่สามารถสู้แรงของเขาได้ จนในที่สุดเธอก็กลืนไวน์นั้นโดยไม่เต็มใจ
เมื่อผละตัวจากอกแกร่งได้ มือบางตบเข้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง คนที่โดนตบไม่รู้สึกผิดหรือประหลาดใจเลยสักนิด เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“คุณวางยาผมสองครั้งแล้วนะคนสวย”
เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าจะโดนเธอวางยาอีกครั้ง คราที่แล้วซาบริน่าก็ใช้วิธีเดียวกัน วิธีการของเธอมันคลาสสิคจนเขาเดาทางออกทุกอย่าง
น้ำตาเริ่มล้นออกมาจากดวงตาหวานทันทีหลังเสียงทุ้มพูดจบ ความกลัวของเธอก่อขึ้นมาทันที เธอไม่คิดว่าโคลด์จะไหวตัวทันและล่วงรู้ความจริง อีกไม่นานเธอจะต้องตายเพราะยาพิษที่ตัวเองเป็นคนใส่
“ผมจะให้ยาถอนพิษคุณ ถ้าคุณบอกความจริงทุกอย่างกับผม” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเยือกเย็น จากสายตาที่เย้ายวนเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องของโนอาห์ด้วย แผลที่แขนเกิดจากผู้หญิงคนนี้ เธอคอยเป็นคนส่งข่าวให้ฝั่งศัตรูรู้ความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีทุกฝีก้าว เพราะอย่างนั้นพวกศัตรูถึงตามไปทำร้ายได้ แม้อยู่ในเซฟเฮ้าส์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดของเมืองซิลพันเจียก็ตาม
“คุณรู้ได้ยังไง ฮึก…”
“แววตาคุณยังไงล่ะ คุณแสดงเก่งนะซาบริน่า แต่แววตาคุณมันไม่เคยโกหก คุณหลอกผมไม่ได้หรอก”
ได้ยินดังนั้น ซาบริน่าร่ำไห้หนักกว่าเดิม เธอไม่เคยอยากทำร้ายใครแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตเธอวาดฝันอยากมาทำงานในทำเนียบ แต่ความจริงอันโหดดึงให้เธอทำสิ่งที่น่าละอาย
“ซัลลิแวนขู่ฉัน…ฉันไม่มีทางเลือก” เธอปริปากพูดความจริงออกมา คนที่บงการเธอมาตลอด ตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรก “เขาจะไว้ชีวิตครอบครัวฉัน ถ้าหากฉันยอมส่งความเคลื่อนไหวท่านนายกให้เขา”
“เหตุผลที่เขาตามโนอาห์คืออะไร”
สิ่งที่ซาบริน่าพูดทำให้โคลด์ไม่เชื่อเท่าไรนัก แม้ว่าแววตาเธอจะบอกว่าพูดความจริง
ซัลลิแวนคือผู้ลี้ภัยทางการเมือง เนื่องจากได้รับข้อกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เขาลี้ภัยก่อนที่โนอาห์จะได้เข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ และสองคนนั้นก็ไม่รู้จักกันหรือเคยพูดคุยเป็นการส่วนตัว แล้วจะเอาเรื่องอะไรมาบาดหมาง
“ฉันไม่รู้ค่ะ แม้แต่ตอนที่มาขู่ เขาก็ส่งแค่ลูกน้องมา”
ทำไมซัลลิแวนต้องส่งลูกน้องมา ทั้งที่เรื่องแบบนี้ควรจะมาด้วยตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องการเข้าออกในประเทศ
“ฉันบอกคุณหมดทุกอย่างแล้ว ได้โปรดให้ยาถอนพิษฉันเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มมองซาบริน่าด้วยความเวทนาใจ ผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเจอกับเรื่องอะไรขนาดนี้เลยหรือ คนที่มุ่งมั่นเดินตามความฝันอย่างเธอไม่ควรได้รับสิ่งตอบแทนเช่นนี้
“ผมไม่มียาถอนพิษหรอก”
“คุณ…”
“ที่คุณกินไปน่ะมันก็แค่ไวน์ธรรมดา ผมสลับกับขวดที่ใส่ยาพิษไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ขอให้คุณป้อนไวน์ผมหรอก”
หญิงสาวที่กำลังร่ำไห้อึ้งไปพักหนึ่ง เวลาที่โคลด์มากระชั้นชิดกับตอนใส่ยาพิษมาก จนไม่น่าจะมีเวลาไปสลับขวดไวน์
แท้จริงแล้วโคลด์อาศัยจังหวะที่เปิดฉากอันเร่าร้อนตอนเดินเข้ามาในห้องของเธอ ช่วงที่ซาบริน่ากำลังเคลิ้มกับรสจูบของเขา มือหนาสลับขวดไวน์ที่ใส่ยาพิษแทนที่กับขวดไวน์ธรรมดา ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นมาบนดาดฟ้า เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่ทันสังเกตเห็น
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะซาบริน่า แล้วเจอกันที่ทำเนียบในวันพรุ่งนี้”
เขายกเครื่องบันทึกเสียงให้เธอชมเป็นขวัญตา และเดินลับดวงตาคู่สวยไป วันนี้เป็นวันที่เลขาสาวสร้างความตื่นเต้นให้เขา ในรอบหลายวันที่ผ่านมา พรุ่งนี้คงต้องซื้อรางวัลไปมอบให้เสียหน่อย เมื่อชายหนุ่มคิดได้จึงเดินทางยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง…
เช้าวันต่อมาเบรย์เดนกลับมาทำงานที่ทำเนียบอีกครั้ง แต่วันนี้แตกต่างกว่าทุกๆ วัน นั่นเพราะมีตัวป่วนตามมาด้วย
วันนี้เขาพาไวแอตต์เข้าทำเนียบที่ทางขนส่งวัตถุดิบของห้องครัว เพื่อเลี่ยงการเจอคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ แต่ข้อเสียก็คือ…ต้องมาเจอกับพ่อครัว ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านนายก โอ๊ะ! คุณเบรย์เดน ทำไมขอบตาคุณดำแบบนั้นล่ะ!”
เชฟปาร์คเดินเข้ามาสำรวจหน้าของเบรย์เดนอย่างไว เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับกลั้นขำไม่อยู่
ต้นเหตุก็มีอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ เมื่อคืนเด็กคนนี้ทำให้เขาแทบไม่ได้นอน เพราะโดนเจ้าตัวสะกิดทั้งคืน บอกให้เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง พอไม่เล่าก็จะมาเกาะแกะตอแยเขาไม่เลิก เพราะอย่างนั้นขอบตาเขาถึงดำเหมือนหมีแพนด้าแบบนี้
“เมื่อคืนคงมีอะไรให้ทำสินะครับ” เชฟมือหนึ่งแซวบอดี้การ์ดทันที เห็นเป็นคนดุดันแบบนั้น แต่ที่จริงสาวติดตรึมเลยล่ะ
“ใช่เลยเชฟปาร์ค คุณคิดถูกแล้วล่ะ…” ไวแอตต์ที่กำลังพูดแหย่เบรย์เดน ต้องหยุดกะทันหัน
ผู้คุ้มกันลากตัวแสบขึ้นไปที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีอย่างไว นี่ถ้าไม่ติดว่าไวแอตต์เป็นหลาน (?) คงโดนเขาเล่นงานไปแล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงาน ทั้งสองคนก็เจอโคลด์พอดี เขาทักทายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเบรย์เดน
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ”
“ช่างฉันเถอะน่า”
เบรย์เดนเดินเข้าห้องโดยไม่ให้คำตอบอะไรกับโคลด์ทั้งสิ้น ถึงไม่ถามโคลด์ก็รู้ว่าต้นเหตุคือใคร เพราะตัวต้นเหตุกำลังหัวเราะคิกคักอยู่ตรงหน้าเขา
สำหรับเบรย์เดนนั้น คงไม่เหมาะกับการมาดูแลใครจริงๆ ภารกิจเลี้ยงเด็กนี่ยากกว่าการไปทลายรังโจรเสียอีก
ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้อง โดยมีนายกรัฐมนตรีมารอก่อนหน้านี้แล้ว โนอาห์ที่กำลังนั่งรินชาอยู่ จึงเชิญไวแอตต์ให้มานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา พลางรินชาคาโมมายล์ให้หลานชาย ไวแอตต์จึงรับถ้วยชานั้นมา
กลิ่นชาคาโมมายล์ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยล่ะ คนที่เตรียมคงเป็นเชฟปาร์คแน่ๆ
“เมื่อคืนไปที่ท่าเรือมาใช่มั้ย”
เมื่อปู่พูดจบ ชาในปากผมแทบพุ่งออกมา โชคดีที่ผมกลืนได้ทัน ผมหันไปมองหน้าเบรย์เดนเพื่อสื่อว่าบอกความจริงได้หรือไม่ เบรย์เดนพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นผมจึงเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดยิบ ความรู้สึกเมื่อคืนถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด
ในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหมด ทุกคนในห้องดูจะให้ความสนใจตอนที่ไวแอตต์วิ่งหนีคนงานไปอีกทาง ทั้งที่ทางข้างหน้าก็คือทางออกแล้ว
ไวแอตต์ให้เหตุผลว่าที่ไม่ไปทางนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากแกล้งคนงาน เนื่องจากไม่มีอาวุธ และที่สำคัญทางออกข้างหน้ามีเพียงฝั่งเราที่ใช้เส้นทางนั้น คนงานที่นั่นไม่รู้เรื่องนี้ จึงเป็นการดีที่จะปิดเป็นความลับต่อไป เพื่อการเก็บหลักฐานครั้งหน้า ไหนจะเรื่องที่เจ้าตัวฝ่าพายุกระสุนได้อย่างฉิวเฉียด เสมือนเป็นสายลับที่ถูกฝึกมา
“นายรอดจากการถูกยิงได้ยังไง” โคลด์ถามด้วยความตะลึง เขารู้มาว่าคนที่ดูแลความปลอดภัยของท่าเรือ สามารถยิงปืนแม่นในระดับหนึ่ง
“นั่นน่ะสิครับ ผมคิดว่าเป็นเพราะแถวนั้นมันพอมีที่กำบังอยู่บ้างน่ะ แล้วก็อาศัยการวิ่งซิกแซ็กด้วย”
เด็กหนุ่มตอบเหมือนว่าไม่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่คนที่ได้ยินกลับตะลึงในความสามารถของเขา จนพวกเขาเริ่มเล็งเห็นบางอย่างในตัวไวแอตต์
โนอาห์เริ่มมีความคิดที่จะให้ไวแอตต์มาร่วมภารกิจอีกหลายอย่างด้วยกันนับแต่นี้ไป ถ้าหากเจ้าตัวเต็มใจที่จะทำ เขาเชื่อแล้วจริงๆ ว่าเด็กคนนี้เป็นหลานของตัวเอง และย้อนเวลามาเพื่อช่วยเขา
ไวแอตต์ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงตายเพื่อเก็บหลักฐานก็ได้ แต่เด็กหนุ่มกลับเผชิญความอันตรายเพราะอยากช่วยเขา
คำถามเมื่อวานที่เขาได้ไวแอตต์ไปนั้น เขาได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว สิ่งที่เขาสนใจคือการที่ไวแอตต์บอกว่าจะได้ช่วยคนอื่น เหมือนเด็กหนุ่มอ่านใจเขาได้อย่างไรอย่างนั้น นั่นคือความปรารถนาที่แท้จริงของเขา แก่นแท้ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ ก็คือการช่วยเหลือคนอื่น
“ไวแอตต์…นายอยากร่วมเดินทางกับพวกเรามั้ย”
ผมมองปู่อย่างอ้ำอึ้ง นี่เป็นวิธีที่เรียกว่าการยอมรับหรือเปล่านะ ในที่สุดปู่ก็เชื่อผมแล้ว! ความพยายามที่ทำมาสัมฤทธิผลแล้วล่ะ
“แน่นอนครับปู่!” ผมตอบรับอย่างไม่รีรอ
หลังจากผมตอบตกลง พวกเราทั้งหมดมาเริ่มวางแผนกันอีกครั้ง ก่อนที่ปู่จะมีประชุมคณะรัฐมนตรีในตอนสี่โมงเช้านี้ โดยครั้งนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผมมากที่สุด ด้วยความที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับปู่แบบนี้ โอกาสตกเป็นเป้าฝั่งศัตรูมีมากที่สุด
สองสัปดาห์หลังจากนี้จวนถึงสิ้นเดือน ข้าหลวงในวังจะวิ่งวุ่นจัดงานเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาตลอดช่วงนี้ และพ่อครัวในทำเนียบก็มีไปสมทบพ่อครัวในวังหลวงด้วย
หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันจัดพระราชพิธี ทางวังหลวงจะมีการเชิญชนชั้นปกครองบางส่วนไปร่วมทานอาหารเย็นกับสมเด็จพระจักรพรรดิลินคอล์น
โดยทางฝั่งโนอาห์อาจจะให้ไวแอตต์แฝงตัวไปกับเชฟปาร์ค เผื่อมีข้อมูลของฝั่งศัตรูบ้าง และคาดว่าในหนึ่งสัปดาห์ก่อนงานจริงจะถูกจัดขึ้น ต้องมีเหตุการณ์โกลาหลเป็นแน่ โนอาห์ได้ถามความสมัครใจไวแอตต์ ซึ่งเขาก็ยินดีและดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ผมออกความเห็นเรื่องการปลอมตัวกับทุกคน โดยผมจะลองเมคอัพหน้าของตัวเองบางส่วนให้ต่างจากปู่ไปบ้าง อย่างน้อยก็เป็นแค่คนหน้าคล้ายๆ ปู่ก็พอ ผมจะใช้เทคนิคที่เพื่อนเคยบอก แล้วลองทำตามดู
ส่วนโคลด์จะจัดการเรื่องเอกสารการเป็นพลเมืองในประเทศ และผมจะมีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆ กับปู่ ส่วนปู่จะจัดการดูแลรายละเอียดทั้งหมด รับรองได้ว่าผมจะปลอดภัยจากการถูกเป็นที่ครหาในทางราชการ
หลังจากที่แผนการเริ่มมีเค้าโครงมาบ้างแล้ว ปู่จึงโทรศัพท์ไปยังเลขาให้เรียกเชฟปาร์คมาที่ห้องทำงานของท่าน เพื่อคุยรายละเอียดและทำข้อตกลง ทุกคนในห้องเห็นควรแล้วว่าเชฟปาร์คควรรู้เรื่องนี้ เพื่อความราบรื่นของงาน ประกอบกับเชฟปาร์คสามารถไว้ใจได้
ผ่านไปสักพักเสียงประตูบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นเชฟมือหนึ่งประจำทำเนียบกำลังเดินเข้ามา เมื่อมินฮยอนเห็นท่านนายกก็รีบไปทักทายอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั้นเขาเห็นชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้ตัวเองอยู่ จึงคิดว่าเป็นแขกของท่านนายก เลยเดินเข้าไปทักทาย
เมื่อเชฟปาร์คได้เห็นหน้าว่าที่แขกท่านนายกก็ต้องอ้าปากค้าง สองคนนี้หน้าเหมือนกันอย่างเหลือเชื่อ นี่ท่านนายกมีฝาแฝดด้วยหรือ
“นี่ก็ท่านนายก! นั่นก็ท่านนายก! มีท่านนายกเต็มไปหมดเลย!” พ่อครัวปาร์คหันไปมองโนอาห์สลับกับไวแอตต์
พระเจ้า…เชฟปาร์คดูโอเวอร์แอคติ้งมากกว่าผมเสียอีก นี่ถ้าประชาชนคนอื่นเห็น พวกเขาจะคิดยังไงกันนะ
“คุณปาร์ค คนนี้คือญาติห่างๆ ของผม ไวแอตต์ คาลสัน”
ผมหันขวับไปมองหน้าปู่ทันที ไหนปู่บอกว่าผมจะกลายเป็นญาติห่างๆ ไง ไหงเป็นนามสกุลของใครก็ไม่รู้
“อย่าบอกนะ ว่าคุณคือคนที่ผมเพิ่งเจอตรงทางส่งวัตถุดิบ…” เชฟปาร์คเบิกตากลมโตทันที ชุดที่ไวแอตต์ใส่ก็คือชุดเดียวกับคนที่เพิ่งเจอกัน ไหนจะเมื่อวานตอนเจอกันที่ระเบียงอีก ถึงแม้ทั้งสองจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ทรงผมก็ยังแตกต่างกันอยู่ พอให้เขาแยกออกได้บ้าง
ผมยิ้มตอบคำถามของเชฟปาร์ค ตอนนี้เขาเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว…
“ผมจะให้ไวแอตต์มาทำงานกับคุณในวันพรุ่งนี้ แล้วก็…” โนอาห์พูดทิ้งช่วงไปหลายอึดใจ บรรยากาศในห้องเริ่มจริงจังขึ้น
“ผมจะให้เขาไปกับคุณในงานที่จะเริ่มในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ คุณรู้หรือเปล่าว่าในวันงานเฉลิมพระชนมพรรษาจะมีการก่อจลาจล”
“การก่อจลาจล…” มินฮยอนส่ายหน้าและประหลาดใจชั่วขณะ
“ทางเราเชื่อว่าในวันงานหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ อาจจะมีพวกมันแฝงตัวมาเพื่อก่อความวุ่นวาย ก่อนที่วันงานจริงจะจัดขึ้น เราจะส่งไวแอตต์แฝงตัวไปกับคุณ ผมจึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“ตกลงครับ ผมจะช่วย” เชฟปาร์คตอบรับคำขอทันที โดยไม่ต้องไตร่ตรองใดๆ นอกจากงานในครัวแล้ว เขาก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะบ้าง
พ่อครัวดีเด่นยอมรับข้อตกลงต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีได้อธิบายรายละเอียด จากนั้นจึงกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ และเย็นนี้จะมีการเซ็นชื่อในข้อตกลง เพื่อรักษาผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นความลับทางราชการ และห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรับรู้
เมื่อจบการพูดคุย โนอาห์ต้องไปเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อทันที วันนี้จะประชุมเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อของประเทศมานาน โดยโคลด์จะติดตามไปคุ้มกันเขา ส่วนเบรย์เดนและไวแอตต์ได้ตกลงกันว่าจะเข้าไปซื้อเครื่องสำอางในตัวเมือง เพื่อใช้ในการปลอมตัวโดยเฉพาะ
แต่ก่อนที่จะไปซื้อ ไวแอตต์ได้ขอให้เบรย์เดนช่วยพาไปที่สุสานตรงชานเมืองก่อน เพราะมีบุคคลสำคัญที่เขาอยากจะเจอ
สุสานที่ชานเมืองวินเซนต์เบิร์ก บรรยากาศที่เขาเคยมายังคงเหมือนเดิม สงบและเงียบสงัด ต่างกันก็คือปีที่มาเยือน เบรย์เดนนำเขาไปยังหลุมศพคนหนึ่ง บุคคลที่มีความสำคัญต่อปู่เป็นอย่างมาก
เมื่อคืนเบรย์เดนเล่าให้ไวแอตต์ฟังว่า ท่านผู้นี้เป็นคนที่ช่วยให้โนอาห์มีความมุ่งมั่นมาจนถึงทุกวันนี้ คนคนนั้นก็คือปู่ของโนอาห์ ในวัยเด็กท่านมักจะพูดถึงโลกภายนอกและความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง
‘อย่าย่อท้อต่อความฝันเป็นอันขาด’ นั่นคือสิ่งที่คุณปู่สอนหลานชายเสมอ
ผมมาที่นี่เพื่ออยากขอบคุณ และสัญญาว่าจะช่วยปู่โนอาห์ให้ได้มากที่สุด ระหว่างทางผมไม่ได้ซื้ออะไรมาให้ แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้แทนดอกไม้
ผมวางเข็มกลัดรูปทรงพระอาทิตย์บนหลุมศพของท่าน อันที่จริงผมซื้อมันมาให้ปู่มิกูเอล ตอนที่ไปซื้อช่อดอกลิลลี่มาไว้อาลัยปู่โนอาห์ แต่ต่อจากนี้ไปผมคงไม่ได้เจอปู่มิกูเอลอีกแล้ว ก็เลยให้คุณทวดไปก็แล้วกัน
“โนอาห์”
เสียงนี้มัน…ของใครกัน…
ผมผินหน้าไปตามเสียงใสที่เรียกชื่อของปู่ คนตรงหน้าผมในตอนนี้…ปู่มิกูเอล...ปู่จริงๆ ใช่มั้ย!? มาพร้อมกับลุงเอ็ดมันด์ในวัยเด็กด้วย
มิกูเอลเดินเข้ามากอดคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นสามี คนโดนสวมกอดรู้สึกแปลกใจปนอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ไวแอตต์ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอปู่มิกูเอลอีก คนที่เขาอยากเจอมากที่สุดตั้งแต่ก่อนเดินทางมาจากอเมริกา บัดนี้เขาได้พบอีกครั้งแล้ว
“คิดถึงจัง…คุณปู่”
#visionhc
ความคิดเห็น