ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    VISION | Haechan X NCT

    ลำดับตอนที่ #3 : อัญมณีด่านแรก

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 64


    3

    อัญมณีด่านแรก

     

    ณ ท่าเรือขนส่งสินค้าทางทิศใต้ของเมืองวินเซนต์เบิร์ก รถยกตู้คอนเทนเนอร์วางสินค้าลงบนเรือขนาดใหญ่อย่างเร่งรีบ คนงานทุกคนกระตือรือร้นแม้จะเป็นเวลากลางคืน

    ท่าเรือนี้ก็ดูไม่มีอะไรผิดสังเกต แล้วเบรย์เดนพาผมมาทำไม…

    2 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี โนอาห์เรียกผู้คุ้มกันทั้งสองมาประชุมที่ห้องลับหลังชั้นวางหนังสือ รวมถึงไว้แอตต์ก็ได้รับเชิญให้ร่วมวงสนทนาด้วย

    หลานชายเดินเข้าไปร่วมการหารืออย่างตื่นเต้น พลางคิดว่าเหมือนกับตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นบอดี้การ์ดไม่มีผิด ราวกับฉากในภาพยนตร์

    ผมเดินดูรอบๆ ห้อง สายตาก็สังเกตเห็นถุงบรรจุภัณฑ์อันหนึ่งวางอยู่บนกล่องไม้ ด้วยความสงสัยใคร่รู้จึงถือวิสาสะเปิดถุงนั้น ปรากฏว่าข้างในเป็นวอลนัททั้งนั้นเลย!

    “ปู่ ผมขอกินวอลนัทนะ” ผมทำตาปริบๆ อ้อนปู่ ท่านมองผมครู่หนึ่งจากนั้นจึงอนุญาตให้ทาน

    ผมจัดการหยิบวอลนัทมาทานอย่างเอร็ดอร่อย และเดินมาร่วมวงสนทนาของผู้ใหญ่ ปู่โนอาห์หยิบกระดาษที่ม้วนอยู่ขึ้นมาวางบนโต๊ะไม้ทรงกลม และคลี่กระดาษออก กระดาษแผ่นนั้นใหญ่จนเกือบจะเลยขอบโต๊ะออกมา

    บนกระดาษปรากฏเป็นแผนที่พระราชวัง ที่ซับซ้อนจนผมรู้สึกลายตา เป็นวังที่ใหญ่โตเสียจริง ถ้าหากผมได้เป็นข้าหลวงในวังแล้วละก็…คงเดินหลงทั้งวัน สำหรับผมแค่หาทางออกให้ได้ก็พอแล้ว

    “ก็ฉลาดดีที่เลือกวังหลวงก่อความวุ่นวาย” เบรย์เดนพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม เขาเอือมกับวิธีที่แสนโกโรโกโสแบบนี้เต็มทน

    “ไปเอาแผนที่มาจากไหน” โคลด์หันไปถามเจ้านาย เพราะรายละเอียดของแผนที่มีมากจนสามารถวางแผนโจมตีได้เป็นอย่างดี

    “ได้จากคนรู้จักน่ะ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ แต่ลูกน้องทั้งสองคนกลับเข้าใจดี ว่าเขาหมายถึงใคร

    ผู้ใหญ่ทั้งสามคนประชุมกันอย่างขะมักเขม้น หนุ่มน้อยอย่างไวแอตต์ไม่รู้จะทำอะไร จึงได้แต่ยืนกินวอลนัทอย่างเดียว ถึงฟังไปเขาก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่ดี

    ภายในงานเฉลิมพระชนมพรรษาจะมีผู้มาร่วมงานทั้งหมด 546 คน แม้เป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ก็เป็นคนที่อยู่ในชนชั้นปกครองทั้งสิ้น และมีผู้นำจากบางประเทศ ต่างก็มาร่วมเฉลิมฉลองแด่พระองค์

    เป้าหมายของคนร้ายไม่ใช่แค่ก่อจลาจล แต่ต้องการหมายชีวิตของโนอาห์ด้วย เขาจะไม่ยอมตายเพียงเพราะขัดผลประโยชน์ของใครบางคนเด็ดขาด

    ถ้ามีคนต้องการหมายชีวิตเขา แสดงว่าภายในงานจะมีมือสังหารแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน รวมถึงที่ไหนสักที่ในตัวอาคาร โอกาสที่จะมีผู้บริสุทธิ์ตายก็เพิ่มมากขึ้น

    “ขอพูดในฐานะมือสังหารหน่อยนะ” โคลด์แทรกขึ้น และชี้ไปที่โครงสร้างหลังฝาผนังที่ใกล้กับเพดานด้านบน ที่ตรงนั้นมีช่องว่างให้ชายฉกรรจ์หนึ่งคนสามารถเข้าไปซ่อนตัวได้

    “ที่หลังฝาผนังแทบทุกที่ในพระราชวังเชื่อมต่อกัน ฉะนั้นการที่จะซุ่มโจมตีโดยไม่มีใครสังเกตก็ต้องมาจากช่องนี้ โดยเฉพาะตรงที่ฉันชี้” หนุ่มฝรั่งเศสพูดอย่างมั่นใจ เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ที่ฝั่งตรงข้ามจะใช้โจมตีได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าจะใช้สไนเปอร์ยิงก็เหมาะเจาะกับสถานที่

    ผู้ประชุมที่เหลือต่างเห็นพ้องต้องกันกับโคลด์ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือจำนวนคนของฝั่งศัตรู พวกเขาไม่สามารถรู้จำนวนหรือกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่แน่ชัดได้ ความท้าทายของพวกเขาคือต้องวางแผนครอบคลุม อย่างน้อยก็ไม่ควรมีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

    “พอจะรู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมันมั้ย” เบรย์เดนถามผู้นำการประชุม ซึ่งเขาได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า

    “ไม่ต้องห่วงหรอก เรายังพอมีเวลาในการสืบข้อมูลของพวกมัน” โคลด์พูดให้กำลังทุกคน งานนี้อาจจะยาก แต่เขาเชื่อเสมอว่ายังไงพวกเขาก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกับทุกครั้ง

    “นี่นาย หยุดกินวอลนัทสักทีจะได้มั้ย” เสียงเข้มของเบรย์เดนว่ากล่าวไวแอตต์ เขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับเสียงเคี้ยวเท่าไรนัก เล่นเอาเด็กหนุ่มหน้าหงอยไปเลย นานๆ ทีจะได้ปล่อยตัวให้กินอะไรก็ได้ที่อยากกิน

    “ไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลย” เขาพูดด้วยท่าทีกระเง้ากระงอด

    “นั่นสิ เด็กกำลังโตนะ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”

    “ว่าไงนะ!”

    โคลด์เดินไปโอบไหล่ไวแอตต์ อดเอ็นดูโนอาห์น้อยไม่ได้ แต่คนที่โดนโอบกลับกลัวจนตัวสั่น ก็โคลด์บอกว่าตัวเองเป็นมือสังหารซะขนาดนั้น ไม่แน่นะ อยู่ๆ ดีโคลด์อาจจะเอาอะไรบางอย่างทำร้ายไวแอตต์ทีเผลอก็ได้

    หนุ่มฝรั่งเศสชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือของเขา เวลาได้เดินมาถึงกำหนดการสำคัญแล้ว วันนี้การวางแผนคงต้องจบเท่านี้

    “ฉันคงต้องไปแล้วล่ะทุกคน พอดีมีนัดสำคัญ” เขาบอกกล่าวทุกคนในห้อง และกำลังจะเดินออก แต่ก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน

    “นัดสำคัญที่ว่า หมายถึงดินเนอร์กับแม่เสือสาวคนนั้นน่ะเหรอ”

    “ใครเหรอครับๆ” ไวแอตต์ถามด้วยความตื่นเต้นและแววตาเป็นประกาย เรื่องแบบนี้นี่เขาถนัดเป็นที่สุด ขึ้นชื่อว่าแม่เสือสาว ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

    โคลด์ส่งสายตาเย็นชาให้กับเพื่อนร่วมงานคนสนิท เพื่อสื่อว่าห้ามพูดเป็นอันขาด แต่เบรย์เดนก็หาได้สนใจไม่ และยังหันไปบอกผู้มาใหม่ต่อ

    “ซาบริน่า คลินตัน เลขาของโนอาห์”

    “โห สุดยอด!”

    ผมกะแล้วเชียว ว่าหนุ่มฝรั่งเศสอย่างโคลด์ ต้องเป็นเสือผู้หญิงแน่ๆ แต่…ทำไมผมดูตื่นเต้นอยู่คนเดียวละเนี่ย!? คุณปู่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ส่วนคุณโคลด์ทำหน้านิ่งครู่หนึ่ง สักพักเขาก็ค่อยๆ ยิ้มเย็น มองแล้วขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

    “ความสุขเล็กๆ น้อยๆ น่ะ ไว้วันหลังจะพาไปหาความครื้นเครงนะ ไอ้หนู” โคลด์พูดด้วยรอยยิ้มดั่งดอกไม้ เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนโกหก จนไวแอตต์ตามไม่ทัน

    เดี๋ยวสิ! ความครื้นเครงที่ว่า คงไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นหรอกนะ…

    “จบการประชุมแค่นี้ก็แล้วกัน กลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ” โนอาห์กล่าวต่อเบรย์เดน พลางเก็บแผนที่ให้เป็นแบบเดิม

    “จะกลับไปที่บ้านตอนนี้เลยหรือเปล่า”

    “ยังหรอก จะไปรับมิกูเอลที่ร้านดอกไม้ก่อนน่ะ”

    ผมหยุดกินวอลนัททันทีเมื่อได้ยินชื่อปู่มิกูเอล ผมเคยเห็นรูปท่านสมัยวัยทำงานแล้วตะลึงไปเลย รูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนแบบนั้น ผมไม่แปลกใจหรอก ถ้าปู่โนอาห์จะหลงรักเข้า ชักจะอยากเห็นตัวจริงแล้วสิ

    “ขอผมไปด้วยสิคุณปู่”

    ท่าทางมีความหวังของไวแอตต์ ทำให้โนอาห์เป็นกังวล กลัวว่าจะทำให้เจ้าตัวเสียความรู้สึก เขาไม่สามารถพาไวแอตต์กลับไปที่บ้านได้ ถ้าเป็นเป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรีก็ว่าไปอย่าง

    “ฉันเสียใจไวแอตต์ คงให้นายไปด้วยไม่ได้” เขาจำใจพูดในสิ่งที่ไม่อยากทำ

    “ทำไมล่ะ…”

    “มิกูเอลไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้ มันจะทำให้ทุกอย่างสับสนไปหมด ทางที่ดีนายควรเลี่ยงการพบปะคนอื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัว”

    คนในครอบครัว…คนที่ผมอยากเจอที่สุดกลับเจอไม่ได้ ทั้งที่อยู่ไม่ไกลกันแท้ๆ น่าเจ็บใจจัง… กระนั้นแล้วผมก็เข้าใจเหตุผลของปู่เช่นกัน การย้อนเวลามาแบบนี้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เพียงเหตุการณ์เล็กๆ ก็สร้างอะไรได้มากมาย แต่…ปู่ก็เห็นผมแล้วนี่นา

    “เบรย์เดน จะเป็นการรบกวนหรือเปล่า ถ้าฉันอยากให้ไวแอตต์ไปอยู่กับนาย” โนอาห์หันไปซักถามเบรย์เดนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนแรกเขาคิดว่าจะหาโรงแรมให้ไวแอตต์ไปพักสักคืน พอกลับมาคิดอีกทีวิธีนั้นเสี่ยงอันตรายเกินไป และอาจมีการเข้าใจผิดได้ง่าย

    เบรย์เดนและไวแอตต์ต่างมองหน้ากันและกัน ตั้งแต่เด็กคนนี้ย้อนเวลามา ชายตรงหน้าเขานี่แหละที่จ้องจะหาเรื่องให้จงได้ ส่วนเบรย์เดนก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องย้อนเวลา แม้จักรวาลจะยังมีหลายสิ่งที่เรายังไม่ค้นพบ เขาคิดกับไวแอตต์แค่สองอย่าง ไม่คนบ้าก็เป็นคนของฝั่งศัตรู แต่เท่าที่ประมวลผลดูพฤติกรรมของไวแอตต์ ดูบ้าเสียมากกว่า แถมทักษะการป้องกันตัวเป็นศูนย์

    บอดี้การ์ดสัญชาติเกาหลีสองจิตสองใจอยู่นาน จะปฏิเสธก็รู้สึกสงสาร ไหนๆ ก็อยู่คนเดียวแล้ว รับสมาชิกมาอีกสักคนคงไม่เป็นไร

    “เอาเถอะ ฉันไม่ลำบากอะไรหรอก”

    ความชื่นใจของว่าที่ปู่เพิ่มขึ้นทันที อย่างน้อยหลานชายก็มีคนที่เก่งกาจเรื่องการต่อสู้อยู่ใกล้ๆ คืนนี้เขาคงจะได้นอนหลับสบาย

    “ไม่ต้องห่วงนะไวแอตต์ ถ้ามีเบรย์เดนอยู่ด้วย ไม่ว่ายังไงนายก็จะปลอดภัย แล้วเจอกันพรุ่งนี้” พูดจบ โนอาห์เดินไปจับไหล่กว้างของไวแอตต์ ความอบอุ่นส่งผ่านมือหนาจนหลานชายรู้สึกได้

    “แล้วเจอกันครับปู่” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มเหมือนที่เคยทำกับมิกูเอล

    “ขอบคุณเบรย์เดน” โนอาห์กล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมอุดมการณ์ด้วยใจแล้วเดินจากไป หลายครั้งเหลือเกินที่เบรย์เดนช่วยเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องของไวแอตต์ก็คือหนึ่งในนั้น เบรย์เดนเป็นมากกว่าลูกจ้าง เขาคือเพื่อนที่ดีที่สุด

    หลังจากจบการประชุมและการทำงาน เบรย์เดนพาน้องใหม่มาต้อนรับที่ท่าเรือ เซาท์เรดิอานเต โดยบอกแค่ว่าจะพามาหาสีสันในชีวิต แต่เด็กหนุ่มมองยังไงก็เห็นแค่คนวิ่งวุ่นทำงาน หรือนิยามของคำว่าสีสันชีวิตทั้งสองคนนี้ไม่เหมือนกัน

    “นี่เหรอสีสันชีวิต” ผมหันไปกระซิบถามเขาด้วยความเซ็ง นึกว่าจะพาไปเที่ยวในตัวเมืองซะอีก กลับกลายเป็นว่าให้มานั่งถ้ำมองท่าเรือเนี่ยนะ

    “นี่ยังไม่เริ่ม ของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก” เบรย์เดนกดชัตเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไวแอตต์เห็นเขากดตั้งแต่เริ่มเข้ามาแล้ว เห็นถ่ายแต่ตู้คอนเทนเนอร์ กับคุณลุงที่เป็นหัวหน้าคนงาน ไม่รู้ว่าเขามีเป้าหมายอะไรกันแน่

    “มันไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็แค่ท่าเรือขนส่งสินค้าธรรมดา บอกมาเถอะน่า จะกั๊กทำไมเนี่ย”

    “นายรู้หรือเปล่าว่าในตู้คอนเทนเนอร์มีอะไร”

    “ก็…อาจจะเป็นสินค้าทางการเกษตร…มั้ง” ผมตอบอย่างไม่แน่ใจ เพราะประเทศแซคการีไม่ได้ส่งออกสินค้าทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งออกส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคืออัญมณี และแร่ต่างๆ

    “อันที่จริงมันก็ส่งออกทุกอย่างนั่นแหละ แต่ว่ามันมีปัญหาตรงการส่งอัญมณี”

    “ทำไมล่ะ”

    “อัญมณีที่ส่งออกจริงๆ มีเพียงหนึ่งในสาม ที่เหลือขายให้ตลาดมืดทั้งหมด ยังไม่หมดแค่นั้น ส่วนที่ขายให้ตลาดมืดก็มียาเสพติดบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ด้วย กำไรงามทั้งสองทาง”

    “แล้วปู่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

    “รู้สิ ทางเรากำลังเก็บหลักฐานอยู่นี่ไง”

    เก็บหลักฐาน….ผมหันไปมองเบรย์เดนแล้วส่ายหัวอย่างรวดเร็ว มันต้องเป็นอย่างที่ผมคิดแน่ๆ ไม่เอาน่า ผมเป็นแค่คนทั่วไปนะ ไม่ใช่นักสืบสักหน่อย แล้วคนอยู่ในท่าเรือมีตั้งกี่คนที่คอยเป็นหูเป็นตา

    เบรย์เดนไม่รอช้า ยื่นแว่นตาดำและหมวกแก๊ปให้ไวแอตต์ เขาอธิบายแผนการเข้าห้องโกดังสินค้า แล้วทำการเก็บตัวอย่างหลักฐาน แม้แผนจะฟังดูเข้าท่า กระนั้นไวแอตต์ก็เอาแต่ปฏิเสธลูกเดียว

    “ฟังนะไวแอตต์ จงก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนซะ แล้ววันข้างหน้านายจะอยากขอบคุณตัวเองเลยล่ะ”

    จริงอย่างที่เบรย์เดนพูดนั่นแหละ ผมต้องก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ชีวิตผมในแต่ละวันก็มีแต่สิ่งเดิมๆ ถ้าเราไม่เสี่ยง ก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันอะไรเลย

    เอาเถอะ ไหนๆ ก็ย้อนเวลามาแล้ว จัดหนักจัดเต็มไปเลยก็แล้วกัน นี่เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะได้ช่วยปู่

    ผมพยักหน้าตอบคนตรงหน้า และเดินตามหลังเขาไปติดๆ เบรย์เดนพาผมมาอีกทางหนึ่ง ที่อับสายตาของคนงาน เขาดูเชี่ยวชาญเส้นทางมาก นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเยือน

    พวกเราย่องเข้าทางด้านหลังโกดังอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายในโกดังกว้างใหญ่กลับมีคนเฝ้าประปราย นี่มันผิดกฎหมายนะ ทำไมการดูแลกลับหละหลวมอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

    เบรย์เดนนำผมเข้าไปยังห้องห้องหนึ่ง ที่เชื่อมกับโกดังสินค้า ที่ประตูจะมีการใส่รหัสก่อนเข้า และแน่นอนว่าเบรย์เดนรู้รหัสนั้น

    ภายในห้องเต็มไปด้วยกล่องเหล็กบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงทนทาน เบรย์เดนสวมถุงมือและเปิดกล่องนั้น แล้วเรียกไวแอตต์ให้มาเชยชมผลงาน ทันทีที่เปิดกล่อง แสงไฟกระทบกับผิวสัมผัสของอัญมณี เจิดจรัสอยู่ตรงหน้าไวแอตต์ จนเขาต้องกล่าวชม

    “สวยจัง”

    ตั้งแต่เกิดมาผมเพิ่งเคยเห็นของจริงก็วันนี้นี่แหละ มันงดงามเหมือนกับว่าผมต้องมนตร์ สิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา มักสวยงามเสมอ

    “สวยใช่มั้ยล่ะ งั้นลองดูนี่สิ” เขาหยิบอัญมณีออกจากกล่อง และใช้มีดคมกรีดลงบนซิลิโคนหนา เผยให้เห็นผงสีขาวที่อัดแน่นเต็มฐานกล่อง

    “นี่มัน…”

    “โคเคน”

    “โคเคน!?” ผมเผลอโพล่งออกมา เบรย์เดนจึงรีบส่งสัญญาณว่าให้อยู่เงียบๆ จากนั้นจึงให้ผมไปดูต้นทางไว้ จากความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวแทน หวังว่าคงไม่มีใครได้ยินนะ ได้โปรด…

    เบรย์เดนเก็บตัวอย่างใส่หลอดแก้ว และทำการเก็บภาพหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด ทว่าสายตาผมเริ่มสังเกตเห็นใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว!

    “เบรย์เดน มีคนกำลังมาทางนี้” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผู้ชายคนนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว

    คนตรงหน้าบอกให้ผมไปซ่อนหลังกล่องที่วางเทินกันหลายชั้น ส่วนเจ้าตัวจะไปซุ่มอยู่หลังประตูแทน

    เมื่อชายคนนั้นเปิดประตูเข้ามา บอดี้การ์ดฝีมือดีจัดการล็อกคอ จนผู้ชายคนนั้นแน่นิ่งไป จากนั้นทั้งสองจึงรีบออกมาจากโกดังในเส้นทางเดิม

    “ผู้ชายคนนั้นไม่ตายใช่มั้ย” ผมถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

    “ไม่ตายหรอก แค่สลบ”

    สลบเนี่ยนะ โดนล็อกคอจนนิ่งไปขนาดนั้น คงสู่ขิตไปแล้วล่ะ ยังไงก็ขอให้ไปสู่สุคตินะครับคุณผู้ชายคนนั้น

    เส้นทางที่พวกเราเคยมา ตอนนี้เหมือนจะมีการรักษาความปลอดภัยขึ้นมามาก คนเริ่มพลุ่งพล่านไปทั่วบริเวณ ต้องมีคนไปเห็นร่างร่อแร่ของชายคนนั้นแล้วเป็นแน่ จะเข้าง่ายแล้วออกยากแบบนี้ไม่ได้นะ!

    เบรย์เดนพาผมมาใกล้ทางออกขึ้นทุกที ตอนนี้ผมใกล้จะเป็นอิสระแล้ว จังหวะที่จะเลี้ยวขวาเข้ามุม ก็มีเสียงชายวัยกลางคนเรียกผม

    “เฮ้ย! คนที่เดินอยู่ตรงนั้นน่ะ นายเป็นใคร”

    ผมหลบเข้ามุมไม่ทัน และนั่นทำให้ผมโดนตรวจเจอ นี่ผมโดนจับได้แล้วใช่มั้ย ได้โปรดล่ะ อีกนิดเดียวก็จะถึงทางออกแล้ว ผมรวบรวมสติแล้วเหลือบไปมองว่าเขามีอาวุธหรือไม่ ปรากฏว่าเป็นลุงคนงานธรรมดา ชักนึกอยากทำอะไรสนุกๆ แล้วสิ

    เบรย์เดนที่หลบได้ทันมองมาทางผม และพยายามจะหาจังหวะโจมตีลุงคนนั้น ผมเลยทำรูปปากบอกเขาว่า ‘ไปรอที่ทางออก’

    “นี่! ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย ฉันถามว่า…”

    ผมใช้ทักษะการวิ่ง เผ่นหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต ลุงคนนั้นก็วิ่งตามผมมาติดๆ ผมพาคุณลุงวิ่งขึ้นที่ราบสูง และอ้อมระยะไกล

    ตอนที่วางแผนก่อนหน้า ผมได้ถามถึงข้อมูลคร่าวๆ ของท่าเรือ นอกจากทางเข้าออกที่ผมมากับเบรย์เดนในตอนแรกแล้ว ยังมีอีกทางหนึ่งที่เป็นเนินสูงเหมือนภูเขา ที่ค่อนข้างปลอดผู้คน ซึ่งค่อนข้างจะใช้แรงเยอะพอสมควร แต่มันไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมเท่าไร

    “นี่ลุง! ผมเคยวิ่งมาราธอนมาก่อนนะ ลุงยอมแพ้เถอะ!” ผมหันหน้าไปบอกลุงที่กำลังหอบเหนื่อย ดูเหมือนว่าลุงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาลุงวิ่งให้หนำใจไปเลยล่ะกัน

    ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังสนั่นไปทั่วท่าเรือเซาท์เรดิอานเต โดยเฉพาะเส้นทางที่กำลังพาคุณลุงวิ่งอยู่ เด็กหนุ่มชำเลืองไปทางด้านหลัง ปรากฏเป็นชายฉกรรจ์ประมาณสองคน กำลังเข้าร่วมการวิ่งด้วย แต่มันจะไม่อะไรเลย ถ้ากลุ่มผู้ชายพวกนั้นไม่พกปืน!

    “เดี๋ยวนะ! นี่มันขี้โกงเกินไปแล้ว!”

    ผมเร่งความยาวของฝีเท้ามากขึ้น และวิ่งซิกแซ็กเพื่อเลี่ยงการโดนกระสุน ให้ตายสิ ผู้ชายพวกนั้นก็ยิงไม่หยุดเลยจริงๆ ยิงอยู่นั่นแหละ อย่างกับโกรธแค้นกันมาแต่ปางก่อน

    ผ่านไปครู่หนึ่ง รถยนต์คันสีดำที่ไวแอตต์เคยขึ้นก่อนหน้า ได้เคลื่อนมาจอดเป็นแนวขวางกับถนนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

    “ขึ้นมา!” เสียงเบรย์เดนตะโกนเรียกไวแอตต์จากข้างในรถ เด็กหนุ่งจึงรีบขึ้นได้ทันท่วงที ก่อนที่กระสุนจะทะลุกระจกรถจนแตกละเอียด จากนั้นรถจึงมุ่งหน้าเข้าสู่วินเซต์เบิร์กอีกครั้ง

    “เกือบไปแล้ว…”

    ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และนั่งอ่อนเพลียอยู่เบาะหลังของรถ เหตุการณ์นี้เรียกว่ากึ่งเป็นกึ่งตายหรือเปล่านะ ต้องขอบคุณผลจากการออกกำลังเกือบทุกเช้าของตัวเองจริงๆ เหนื่อยจัง…ขอหลับสักงีบก็แล้วกัน

    เบรย์เดนมองไปยังกระจกหลังเพื่อดูอาการคนที่เพิ่งหนีตายมา ซึ่งตอนนี้ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว เด็กคนนี้เก่งกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก ฝ่าดงกระสุนมาได้ถือว่าไม่ธรรมดา เขาคงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อไวแอตต์เข้าแล้วล่ะ

    “นี่แหละสีสันชีวิต”

     

     

     

     

    #visionhc

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×