คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ม่านแห่งความไม่รู้
2
ม่านแห่งความไม่รู้
ภายในห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีเต็มไปความเงียบงัน ทว่าแฝงความตึงเครียดอย่างมหาศาล เล่นเอาไวแอตต์นั่งเกร็งแม้โซฟาที่นั่งจะออกแบบมาเพื่อผ่อนคลาย พอเขามองไปทางประตู ก็เจอรังสีอำมหิตจากผู้คุ้มกันสองคนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ชื่อเบรย์เดน
โนอาห์ที่นั่งตรงข้ามกับหลานชายรินชาด้วยท่าทีสุขุมและเยือกเย็น แท้จริงแล้วภายในใจเขายังประหลาดใจและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คนบนโลกมีตั้งมากมายแต่ถ้าไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน โอกาสที่หน้าตาจะเหมือนกันมีน้อยมาก หากเป็นพี่น้องที่พลัดพรากก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อค้าไวน์ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้
สายตาคมของเด็กหนุ่มสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่พันรอบแขนของปู่ ชุกคิดสงสัยว่าเกิดจากอะไร โนอาห์เห็นคนตรงข้ามจ้องมองแผลเขา จึงดึงแขนเสื้อเชิ้ตลงเพื่อปกปิด
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท…” ไวแอตต์รีบกล่าวขอโทษทันที
แย่แล้วสิ ผมดันทำเรื่องเสียมารยาทจนได้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมองจริงๆ นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมฝันอยู่หรือเปล่า แค่เปิดประตูเข้ามาผมก็ย้อนเวลาได้เลยอย่างนั้นหรือ
“เข้าห้องท่านนายกได้โดยไม่มีคนเห็น แสดงว่าฝีมือไม่ธรรมดา ไหนจะทักษะการปลอมตัวชั้นยอดอีก ใครส่งแกมา” เบรย์เดนจ้องเขม็งไปที่ไวแอตต์ หากเด็กหนุ่มเล่นตุกติกเมื่อไร เขาพร้อมยิงทันที
ปลอมตัวงั้นเหรอ? ผมเนี่ยนะ? นี่ผู้คุ้มกันเขาคิดอะไรอยู่ ถึงผมจะมีเพื่อนเรียนเมคอัพอาร์ตติสเยอะ แต่ฝีมือผมก็ไม่สามารถทำได้แนบเนียนขนาดนี้หรอก
“ผมแค่มาเดินเล่นในทำเนียบเฉยๆ ไม่มีใครส่งผมมาทั้งนั้น จริงๆ นะ” ผมหันไปทางปู่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ แต่คุณปู่ก็ยังคงเงียบตั้งแต่เข้ามาในห้อง
“นี่ทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นที่เดินเล่นแล้วเหรอ แกคิดว่าฉันมีความอดทนมากขนาดนั้นใช่มั้ย อย่ามาเล่นตลก” กายล่ำสันเล็งปืนมาที่ไวแอตต์ เขามั่นใจแล้วว่าชายคนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น ซักถามไปก็ไร้ความ
“ยะ…อย่าเล็งปืนมาทางผมสิ ผมแจ้งคุณข้อหาพยายามฆ่าได้เลยนะ”
“ถ้างั้นแกคงเหลือแค่วิญญาณไปแจ้งความเท่านั้นแหละ”
เบรย์เดนเตรียมที่จะลั่นไกแต่ก็โดนฝ่ามือหนึ่งจับแขนห้ามเขาไว้ มือนั้นเป็นของชายใส่สูทสีดำ เขายืนดูสถานการณ์มาสักพัก แล้วเห็นอะไรบางอย่างในตัวไวแอตต์
“ผู้ชายคนนั้นไม่ได้โกหก ดูเขาสิเบรย์เดน เขากำลังร้องขอชีวิตจากนายอยู่นะ” เสียงเข้มช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของไวแอตต์ จิตวิทยาที่เขาเรียนมาตลอดหลายปีเชื่อใจได้เสมอ
“ถ้าไม่ช่วยอะไรก็อยู่เงียบๆ เถอะโคลด์” เบรย์เดนตอบกลับด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก เมื่อเขามุ่งมั่นที่จะทำอะไร ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ เบรย์เดนปัดมือของโคลด์ออก และเล็งไปทางไวแอตต์อีกครั้ง แต่ว่า…
“ฉันโคลด์ โคลด์ ควินเช่ เดินทางมาจากฝรั่งเศส ยินดีที่ได้รู้จักนะ ส่วนคนนั้น เบรย์เดน ชเว พ่อหนุ่มเกาหลีของเรา เป็นคนซีเรียสมากเลยล่ะ อย่าไปถือสาเลย” หนุ่มหน้าตารับแขกเดินเข้าไปเชคแฮนด์ไวแอตต์อย่างร่าเริง บรรยากาศในห้องก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“เฮ้ย! อย่าพูดชื่อฉันโดยพลการนะ!”
“เดินทางมาไกลเลยนะครับ” ผมยืนตอบรับเชคแฮนด์อย่างกล้าๆ กลัวๆ และหัวเราะแห้งในเวลาเดียวกัน ผมว่าเขาดูน่ากลัวกว่าเบรย์เดนอีกนะ สัญชาตญาณผมมันฟ้องแบบนั้น
“ที่คุณเรียกผมว่าปู่ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมถึงเรียกผมแบบนั้น” โนอาห์กล่าวขึ้น หลังจากที่นั่งเงียบมานาน เขาสงสัยเป็นอย่างมาก ที่คนหน้าตาเหมือนกันเรียกเขาว่าปู่
ไวแอตต์ที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันมาถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เด็กยันปัจจุบัน เด็กหนุ่มหยิบบัตรประชาชนและใช้โทรศัพท์เปิดรูปถ่ายของคนในครอบครัวให้โนอาห์ดู
ระหว่างที่กำลังเล่า ทุกคนในห้องต่างสนใจเทคโนโลยีที่พวกเขาไม่เคยเห็น โทรศัพท์ที่สามารถเปิดรูปได้ ตรงกันข้ามกับโนอาห์ เขาสนใจคนที่ชื่อมิกูเอลมากที่สุด ชื่อคนรักของเขาปรากฏอยู่ในเรื่องราว แต่สิ่งแปลกยิ่งกว่าก็คือไวแอตต์รู้ชื่อลูกชายคนที่สองของเขา ทั้งที่มิกูเอลเพิ่งตั้งครรภ์ได้แค่สองเดือน เป็นชื่อที่ไม่มีใครรู้ มีเพียงเขากับมิกูเอลเท่านั้นที่รู้
หลังจากไวแอตต์เล่าจบ โนอาห์หันไปมองหน้าโคลด์เพื่อรอคำยืนยัน โคลด์สบตามองเขาพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นการเสริมว่าสิ่งที่คนเล่าพูดคือความจริงทุกประการ ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่มั่นใจของไวแอตต์แสดงให้เห็นแจ้งแล้ว แต่ถึงกระนั้นโนอาห์ก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด
“ถ้าคุณมาจากอนาคตจริงๆ แสดงว่าต้องรู้ว่าผมตายยังไง” โนอาห์ถามอย่างรู้สถานการณ์ เพราะเห็นไวแอตต์พูดถึงแต่มิกูเอลไม่พูดถึงชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่เขาถาม สีหน้าหลานชายเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมอง ไวแอตต์ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดหรือไม่ เรื่องแบบนี้มันช่างละเอียดอ่อนเหลือเกิน
“พูดมาเถอะ ยังไงคนเราก็ต้องตายอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของปู่แม้เรียบนิ่ง แต่ฟังแล้วทำให้ผมรู้เศร้าอย่างบอกไม่ถูก มันแฝงความโดดเดี่ยวและความสิ้นหวัง บางทีท่านอาจจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง แต่ก็ยังดั้นด้นสู่ต่อเพื่อผู้อื่น
“คุณปู่…ฆ่าตัวตายครับ…ด้วยการผูกคอ เพราะความเครียดจากงาน”
บรรยากาศในห้องกลับมาอึมครึมอีกครั้ง ผมไม่น่าพูดเลยจริงๆ งานในแต่ละวันของปู่คงจะหนักหนาเอาการแล้ว แต่ผมกลับมาพูดบั่นทอนท่าน คิดแล้วก็ไม่น่าให้อภัยตัวเองเลย
“ไม่มีทาง ท่านนายกไม่ทำแบบนั้นหรอก” เบรย์เดนปฏิเสธความจริงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานคุ้มกันนายกรัฐมนตรี โนอาห์เป็นคนยึดมั่นในอุดมการณ์ ไม่เคยยอมแพ้แม้ในสถานการณ์ก้ำกึ่งความเป็นความตาย เคยมีคนบอกว่าโนอาห์ต้องบ้าไปแล้ว ที่พยายามต่อสู้ในสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่เขามองข้ามคำพูดเหล่านั้นแล้วมุ่งหน้าเดินตามความฝันต่อ เพราะแบบนี้เบรย์เดนจึงอยากช่วยให้ความตั้งใจของโนอาห์เป็นจริง
ทางด้านโคลด์ที่ตั้งใจฟังจนจบก็คิดแบบเดียวกันกับเบรย์เดน เป็นไปได้ยากที่โนอาห์จะฆ่าตัวตายเพียงเพราะความเครียดจากงาน สองปีที่ผ่านมาโนอาห์แสดงให้เห็นแล้ว ว่าเจ้าตัวมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด มือสังหารที่เดินทางฆ่าคนมาทุกทวีปอย่างเขา ยังนับถือในความพยายามของโนอาห์ นั่นคือเหตุผลที่คนเบื่อง่ายชอบแสวงหาความท้าทายแบบโคลด์ ยอมเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่ใช่เพียงเพราะค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่ว
“ว่าแล้วเชียวว่าหมอนี่มันไม่มีค่าอะไรเลย ตายซะเถอะ” เบรย์เดนเล็งปืนไปที่ไวแอตต์อีกครั้ง
‘หากใครคิดจะขัดขวางโนอาห์ คนคนนั้นต้องเป็นฉันเท่านั้น’
“เอาสิ! ยิงเลย! ผมตายไปสักคนโลกก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก อย่างน้อยผมก็ได้ช่วยปู่ไว้ แม้ในเวลาที่ท่านไม่ได้ต้องการผมก็เถอะ” ผมโพล่งความในใจอย่างสุดจะกลั้น ผมไม่ใช่พ่อพระหรอกนะที่จะใจเย็นได้ขนาดนั้น
คำว่า ‘ไม่มีค่า’ เป็นคำที่ควรถูกลบออกไปจากโลกใบนี้ กี่คนแล้วที่ตายคำนี้เบรย์เดนไม่รู้เลยหรือ โชคดีที่ผมได้ยินคำแบบนี้จนชิน แต่กระนั้นมันก็ไม่สมควรพูดอยู่ดี
“พอได้แล้วเบรย์เดน เก็บปืนเถอะ” โนอาห์หันไปสั่งการ์ดให้ล่าถอยไปเสีย ทว่าเบรย์เดนกลับไม่ยอมเก็บปืนตามคำสั่ง
“เดี๋ยวนี้” เขาพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและแววตาทรงอำนาจ โนอาห์รู้ว่าการทำแบบนี้คือการข่ม แต่เพื่อคลี่คลายภาวะตึงเครียด เขาจำเป็นต้องทำ เบรย์เดนจำใจเก็บปืนอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่แววตาเขายังคงสื่อว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ประโยคที่ไวแอตต์พูดเมื่อครู่ ทำให้โนอาห์รู้สึกได้ถึงความจริงใจ คำพูดที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดกับเขา ท่ามกลางความสิ้นหวังแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นแรงผลักดันเขาได้อย่างดีเยี่ยม หากเด็กคนนี้เป็นหลานของเขาจริงๆ เขาคงเป็นปู่ที่โชคดีที่สุดในโลก
“ขออนุญาตค่ะท่านนายก คุณคาร์ดอนต้องการเข้าพบด่วนที่สุดค่ะ” เสียงเลขานุการสาวพูดรายงานจากด้านนอกประตู
ทุกคนในห้องมองหน้ากันปริบๆ วันนี้ต่างจากทุกวัน ตรงที่มีคนหน้าเหมือนนายกโผล่มาที่ทำเนียบแบบนี้ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าต้องเป็นใหญ่โตแน่ๆ และชีวิตของเด็กคนนี้อาจจะตกอยู่ในอันตราย
โนอาห์บอกให้ไวแอตต์ไปซ่อนตัวอยู่ที่ระเบียงด้านนอก อย่างน้อยก็พอมีเสาต้นใหญ่บังตัวเด็กหนุ่มได้ จากนั้นจึงเชิญให้ รุธ คาร์ดอน รองราชเลขาในสมเด็จพระจักรพรรดิลินคอล์นเข้ามาได้
รองราชเลขาก้าวเข้าห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะขอความเป็นส่วนตัวจากผู้คุ้มกันทั้งสอง ไวแอตต์ที่หลบอยู่ด้านนอก พยายามเหลือบมองเข้าไปด้านในเพื่อดูความคืบหน้าของสถานการณ์ แต่ก็พบเพียง ‘ความว่างเปล่า’
ไม่จริงน่า เมื่อกี้ผมยังได้ยินเสียงสองคนนั้นคุยกันอยู่เลย ตอนนี้หายไปไหนซะแล้ว…
“สวัสดีตอนเย็นครับท่านนายก!”
“พระเจ้าช่วย!!”
เสียงเชฟหนุ่มทักทายชายที่อยู่ระเบียงด้านข้าง เขาทักทายด้วยรอยยิ้มแบบนี้เสมอ แต่ท่านนายกกลับทำท่าตกใจอย่างกับไม่เคยเห็นเขา แถมมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่หลังเสา ทั้งที่มันเป็นห้องทำงานของเจ้าตัว
“ผมเชฟปาร์คไงครับ ปาร์ค มินฮยอน ท่านนี่ชอบมีเซอร์ไพรส์ให้ผมอยู่เรื่อยเลยนะครับ” เชฟมือหนึ่งประจำทำเนียบฉีกยิ้มมาทางไวแอตต์
ผมยิ้มเจื่อนไปทางชายที่แต่งชุดพ่อครัว ซวยแล้วเรา ในสถานการณ์แบบนี้…กดดันชะมัด!
“วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ” ว่าแล้วก็สูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างสบายใจ
“นะ...นั่นสินะ อากาศดีจริงๆ” ผมพูดไหลไปตามน้ำ เท่านั้นแหละ…ชายคนนี้ถามผมไม่เว้นช่องไฟ ผมก็ได้แต่ตอบส่งๆ ไม่รู้ว่าจะกระทบอะไรกับปู่ไหม แต่ยังไงก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับปู่
ผ่านไปสักพักก็มีคนเรียกเชฟคนนั้นกลับไปดูแลห้องครัว ในที่สุดความอึดอัดก็หายไปสักที ผมหันกลับไปมองในห้องอีกครั้งก็พบแต่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม จู่ๆ คุณปู่ก็หายไปแบบนี้ผมชักจะเป็นห่วงแล้วสิ
ทันใดนั้นผมสังเกตเห็นชั้นวางหนังสือเคลื่อนออกจากกัน ชายสองคนที่หายไปก่อนหน้านี้โผล่ออกมาจากช่องว่างนั้น ผมจึงรีบซ่อนตัวอยู่หลังเสาอีกครั้ง
หลังจากที่รุธเดินออกจากห้องไป โนอาห์ก็เดินมาเคาะที่กระจกเป็นการให้สัญญาณว่าปลอดภัยแล้ว ไวแอตต์กลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้ง สีหน้าโนอาห์เปลี่ยนไปจากตอนแรกมาก เขาดูเครียดและว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลา การเป็นนายกนี่ยากจริงๆ แต่การเป็นนายกที่ดียากกว่าเยอะ
“คุณปู่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” ผมถามคุณปู่ด้วยความเป็นห่วง ดูจากสีหน้าแล้ว ท่านคงเจองานหนักเข้าแล้ว
ชายหนุ่มส่ายหน้าขัดกับความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ทำงาน นัยน์ตาสีดำมองไปยังปฏิทิน วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิลินคอล์นจะถูกจัดขึ้นในสิ้นเดือนนี้แล้ว
ความกังวลไม่ได้เกิดขึ้นจากการเตรียมงานไม่ทันการณ์ หากแต่เป็นการรักษาความปลอดภัยของคนในงานเสียมากกว่า คนร้ายมักมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเสมอ
ข้าราชการระดับสูงจะมาร่วมที่งานนั้นเยอะมาก มิหนำซ้ำงานยังจัดในพระราชวังหลวง ได้ข่าวมาว่าคนร้ายรู้โครงสร้างของวัง ยิ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพวกมันมากขึ้น เนื่องจากแผนที่วังซับซ้อนราวกับเขาวงกต และห้องลับก็มีเยอะเป็นว่าเล่น ทางเราเสียเปรียบที่สุด
“ไวแอตต์ คุณบอกว่าตัวเองย้อนเวลามาใช่มั้ย แล้วเหตุผลที่ทำให้คุณต้องมาคืออะไร” เขาถามลองใจคนตรงหน้า ทั้งที่รู้ว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถ้าพวกเขามีสายเลือดเดียวกัน อย่างน้อยความปรารถนาที่อยากให้คนในครอบครัวมีความสุขก็น่าจะมีบ้าง
‘หากนายตอบว่าไม่รู้ ฉันจะไม่มีวันเชื่อใจนาย’
ผมยืนครุ่นคิดอยู่นาน อันที่จริงผมไม่รู้เหตุผลหรอก แต่มันอาจจะเป็นโชคชะตาหรือโอกาสให้ผมได้ช่วยปู่ก็ได้ เพราะการตายของท่านก็เป็นที่ครหาในสังคม ข้อสันนิษฐานของตำรวจก็ดูตื้นเขินเกินไป ใช่แล้วล่ะ! นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้ช่วยปู่และคนอื่นๆ ด้วย
“เพื่อช่วยคุณปู่ครับ ถ้าผมช่วยปู่ได้ คนอื่นก็จะได้รับการช่วยเหลือเช่นเดียวกัน การที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกัน”
ผมว่านี่อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยอ่านประวัติของปู่มาบ้าง สิ่งที่ท่านต้องการเปลี่ยนแปลงคือความเท่าเทียมและความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น สิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับแต่ไม่ใช่สำหรับที่นี่
แซคการีในปี 1980 แม้จะดูมีการพัฒนา แต่ความเหลื่อมล้ำกลับสูงจนน่าตกใจ ระบบศักดินาไม่เคยหายไปจากประเทศ เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบและหยั่งลึกถึงรากถึงโคน ‘ม่านแห่งความไม่รู้’ คืออุปสรรคที่ยากที่สุดของโนอาห์
ชายหนุ่มมองเห็นวิสัยทัศน์ของเด็กคนนี้ อุดมการณ์ของไวแอตต์เหมือนกันกับเขา การช่วยเหลือคนอื่นคือสิ่งที่โนอาห์กระทำอยู่ ทั้งสองคนเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว เหลือเพียงแค่ฝ่าฟันต่อไปในหมอกทึบ จนกว่าจะมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แก่ราชอาณาจักรแซคการี
#visionhc
ความคิดเห็น