ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SNSD EXO | MR.OH {HUNTAE}

    ลำดับตอนที่ #3 : SHADE III # Covenants

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 335
      0
      22 ก.พ. 59





     

    You're the color of my blood.

    คุณเป็นเหมือนสีสันในตัวของฉัน

     

     

     

    (please read slowly)

    อ่านช้าๆชัดๆ เน้นย้ำทุกตัวอักษรนะคะ

     

     

     

     

     

    เธอมันบ้า เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆคิมแทยอน!

     

    หลังจากที่คุณโอกลับไปแล้วพร้อมกับคำพูดที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงจนไม่เป็นท่า ฉันก็เดินเข้ามาในบ้านด้วยอาการมึนงง ก่อนที่จะตบหน้าผากของตัวเองเสียงดัง ดันอยากทำตัวอยากรู้อยากเห็นแบบนั้นทำไมกันเล่าคิมแทยอน! เขาไม่ใช่คนที่เธอจะต้องอยากค้นหานะ แล้วทำไมถึงได้ไปทำแบบนั้น!

     

     

    ฉันทึ้งหัวตัวเอง กัดเล็บพร้อมกับเดินไปมาหน้าโทรทัศน์อย่างคิดไม่ตก แต่ถึงคิดอย่างไร คำพูดที่ออกไปเมื่อสักครู่นั้นคงย้อนกลับมาไม่ได้ ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาเมื่อความคิดของตัวเองหยุดชะงักเพราะเสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้น โทรศัพท์ของฉันใช่ว่าจะหรูหรา มันเพียงแค่สามารถโทรเข้าและรับสายได้เหมือนดั่งปกติ ยุนอามักจะบ่นเป็นประจำที่ฉันไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้

     

    “ฮัลโหลว่ายังไง” ฉันถามปลายสายออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร เสียงเปิดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งบางของยุนอาที่เดินเข้ามาด้านใน ยุนอากดตัดสายไปแล้ว ในมือของเธอถือถุงข้าวของที่เดาได้ว่าเพิ่งจะซื้อมาจากที่ซูเปอร์มาเก็ตเป็นแน่แท้ เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เดาได้ว่าคงอารมณ์เสียที่ฉันไม่ออกไปเปิดประตูและช่วยเธอเจ้าถุงข้าวของในมือหนักๆนั่น

     

    “ฉันคิดว่าเธอยังไม่กลับมาซะอีก” ยุนอาวางของลงบนโต๊ะกลางห้องครัวของพวกเรา จัดเก็บของที่ต้องนำเข้าตู้เย็น ในขณะที่ฉันขนเสบียงจำพวกอาหารสำเร็จรูปแบบแห้งเข้าชั้นด้านบน ยุนอาเดินไปนั่งพักที่โซฟาแล้ว เหลือเพียงแต่ฉันที่กำลังทำแซนด์วิชทาแยมรสสตรอว์เบอร์รี่ซึ่งเป็นรสโปรดของเราสองคน , กลับจากเรียนเหนื่อยๆสิ่งที่ต้องการคงหนีไม่พ้นพลังงานใช่ไหมล่ะ? มันไม่แปลกเลยที่ยุนอาอยากจะกินอะไรสักอย่างและของสิ่งนั้นจะต้องเป็นของหวานที่มีแคลอรี่ต่ำ

     

    ฉันวางจานแซนด์วิชลงตรงหน้าของเธอ ยุนอารีบหยิบและกินมันเข้าไปหนึ่งชิ้น ฉันนั่งลงข้างๆเธอ ดูรายการซีรี่ย์เกาหลีเรื่องดังที่กำลังฉายภาพของดาราขวัญใจยุนอาอยู่ หากแต่แล้ว อิริยาบถของเพื่อนสาวกลับเปลี่ยนจากการดูซีรี่ย์เรื่องโปรด มาเป็นหันหน้าเข้าหาฉันพร้อมกับกอดหมอนอิงลายดอกไม้ใบใหญ่ รวมถึงเปลี่ยนช่องซีรี่ย์มากลายเป็นเพลงแนวอะคูสติกแสนสบายอีกต่างหาก

     

    “เขาเป็นไงบ้างล่ะ?”

    “อะไร?” ฉันมองโทรทัศน์ในบ้าน แม้มันจะเล่นแค่มิวสิควิดิโอเพลงที่เคยดูไปแล้ว ฉันรู้ว่ายุนอาหมายถึงใคร และเธอจะถามอะไรต่อจากนี้

     

    “คุณโอไง”

    “เขาก็ดี” ตอบออกอย่างมั่นใจ หากแต่ภายในกลับสั่นไหวไปด้วยแรงอารมณ์ จะให้ฉันบอกไหมล่ะว่าฉันแทบจะตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราสบตากัน อาการหัวใจเต้นแรงที่ระวิงขึ้นมาทุกครั้งที่เขามองฉันด้วยแววตานุ่มลึกสุขุมหากแต่แฝงความหมายแบบนั้น

     

    ให้ตายก็ยังไม่อยากยอมรับหรอก.. เกือบจะตกหลุมรักคนที่เพิ่งเจอเนี่ยนะ

    ตลกชะมัด..

     

    “น่ะ...” ยุนอาทำหน้าตาล้อเลียนฉันเหมือนกับไม่เชื่อ ฉันยิ้มส่งให้เธอพร้อมกับตีแขนไปเบาๆ

    “มันไม่มีอะไรจริงๆน่า” ฉันตอบปัดออกไป มองนาฬิกาบนฝาผนัง ใกล้เวลาที่ฉันจะต้องไปทำงานพิเศษของตัวเองแล้ว..

     

    นอกจากเรียนหนังสือภาคปกติที่มหาวิทยาลัย ฉันยังทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านหนังสือใกล้ๆกับบ้านพัก ไม่อยากจะทำในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เพราะคนเยอะเกินไป และการจราจรใกล้กับห้างนั้นก็แสนจะติดขัดเสียเหลือเกิน คนที่ไม่อยากมีชีวิตวุ่นวายอะไรมากแบบฉันเลยยอมทำงานที่ร้านหนังสือเล็กๆใกล้บ้านจะดีกว่า

     

    “ฉันไปแล้วนะ”

    “ได้เวลาแล้วหรอ” ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเองเพื่อหยิบเสื้อกันหนาวมาคลุมเอาไว้ อากาศที่โซลยังไม่ได้เข้าฤดูหนาวไปเลยซะทีเดียว แต่ช่วงของฤดูที่มีฝนตกแบบนี้ก็ใช่ว่าอากาศจะไม่เย็นใช่ไหมละ? เพราะฉะนั้นการเตรียมเสื้อหนาวไปด้วยเป็นอะไรที่ดีสุดๆไปเลย

     

    “ดูแลตัวเองดีๆนะแทยอน” ยุนอาบอกแค่นั้นก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านไป

     

     

     

    ตามถนนเต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนองเฉกเช่นเดียวกับเมื่อตอนกลางวันไม่มีผิด ดีเท่าไหร่ที่ฝนไม่ได้ตกลงมา ใช้เวลาเพียงไม่นานแทยอนก็เดินมาถึงร้านหนังสือใกล้บ้าน

     

    Book Store ขนาดกลาง หากแต่หนังสือกลับมีให้เลือกหลากหลายมากมาย แทยอนทักทายคุณป้าเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มประจำตัวของตัวเอง เดินไปหลังร้านและหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นสวม , อยู่หน้าเคาเตอร์ได้ไม่นาน คุณป้าเจ้าของร้านก็ฝากฝังให้ฉันดูร้านหนังสือไปก่อนเพราะเขาต้องไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆนี้

     

    เวลาตีบอกเวลาหกโมงเย็น เป็นช่วงที่จะมีลูกค้าเข้าร้านเยอะกว่าเวลาปกติ หากแต่วันนี้กลับต่างออกไป ฉันไม่เห็นลูกค้าเลยสักคนเดียว ฟังไม่ผิดหรอก สักคนเดียวก็ไม่มี เพราะฉะนั้นฉันจึงนั่งห่อเหี่ยวอยู่หน้าเคาเตอร์แบบนี้ เสียงกริ่งหน้าประตูร้านทำให้ลุกขึ้นยืนคิดไปว่าลูกค้าคงจะเข้าร้าน หากแต่ผิดถนัด.. เป็นคุณป้าเจ้าของร้านต่างหากที่เดินเข้ามา ท่านส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเอ็นดู ฉันก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกจากเคาเตอร์เพื่อไปจัดหนังสือตามชั้นต่างๆ

     

    หมวดวรรณกรรมต่างประเทศเป็นหมวดที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันเหมาะกับฉัน ฉันชอบที่จะมองวรรณกรรมของกวีชื่อดังของโลก สันหนังสือที่เรียงกันอย่างสวยงามพร้อมกับชื่อเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ มันมีเรื่องที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ด้วย , วรรณกรรมต่างประเทศที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดคงจะเป็นเรื่อง Romeo & Juliet , ยุนอามักจะชอบพูดบ่อยๆว่าฉันอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน ทั้งๆที่ตอนจบของมันออกจะงี่เง่าไร้สาระเสียซะขนาดนั้น ฉันหัวเราะกับท่าทีของเพื่อนสาวที่ชอบทำหน้ายี้สุดชีวิตทุกครั้งที่ฉันเอาวรรณกรรมเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน

     

    “แทยอนอา” ฉันหลุดจากภวังค์ของตนเองเมื่อได้ยินเสียงของคุณป้าเจ้าของร้านเรียกชื่อ เดินเลาะออกจากหมวดวรรณกรรมต่างประเทศมายังหน้าเคาเตอร์ หากแต่ยังไม่ถึงก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอเข้ากับร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

     

    เขาไม่ได้ใส่สูทเหมือนเมื่อตอนสายและตอนบ่าย หากแต่เป็นชุดลำลองแบบสบายๆ ทรงผมหน้าม้าที่เคยเซ็ตไว้อย่างดูดีตอนนี้ปรกลงมาปิดหน้าของเขา เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ทั้งๆที่อายุ 25 เข้าไปแล้ว ไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าถึงเขาจะใส่ชุดลำลองยังไงเขาก็ยังคงความฮอตแสนร้ายกาจไว้อยู่ดี

     

    และหัวใจเจ้ากรรมของฉันก็ดันเต้นแรงขึ้นมาซะด้วยสิ

     

    “สวัสดีครับคุณคิม” เขาส่งยิ้มให้กับฉันราวกับไม่มีเรื่องราวอะไรระหว่างเราสองคน ฉันยิ้มตอบกลับไปให้เขา เขาไม่เหมือนนักธุรกิจเลยสักนิดในตอนนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันคงเหมือนเด็กกะโปโลสักคนเหมือนกับตอนที่ไปสัมภาษณ์เขานั่นแหละ

     

    “แทยอนจ้ะ พาคุณโอเขาไปดูหนังสือหน่อยสิ” คุณป้าเจ้าของร้านหันมาบอกกับฉัน ฉันมองหน้าของคุณป้าครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าและเดินนำเข้าไปที่โซนหนังสือ

     

    “คุณต้องการหนังสือประเภทไหนคะ?”

    “นวนิยายเรื่องยาวครับ”

    “คุณอ่าน?”

     

    ฉันหมุนตัวกลับมา แปลกใจเล็กน้อยที่เขาอ่านหนังสือนวนิยาย คนปกติส่วนมากโดยเฉพาะผู้ชายมักจะไม่อ่านนวนิยายเพ้อฝันเสียสักเท่าไหร่ เขาพยักหน้าเบาๆให้กับฉัน และก็ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างเราทั้งสองคนอีก

     

    “ถึงแล้วค่ะ”

    เมื่อเดินมาถึงหมวดที่เขาต้องการ ฉันก็ชี้ให้ดูหนังสือนวนิยายเรื่องยาวหลายเรื่อง มีบางสิ่งที่ฉันสงสัยเกี่ยวกับเขา.. เขาไม่ใช่คนที่จะมาร้านหนังสือนอกห้างสรรพสินค้าชื่อดังแบบนี้สักนิด , ฉันไม่ได้เดินออกไปจากหมวดหนังสือของร้าน หากแต่กลับจ้องใบหน้าหล่อคมของเขาที่กำลังไล่สายตาอ่านหนังสือไปทีละตัว และดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่

     

    “คุณมีอะไรรึเปล่าครับ?”

    “เปล่าค่ะเปล่า” ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อยตอนเขาถามขึ้นมา.. ดวงตาของเขาละจากตัวอักษรในหนังสือเล่มหนา

     

    “มีอะไรก็ถามสิครับ” เขาส่งยิ้มมาให้ฉัน และนั่นทำให้หัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที .. เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน.. หลายรอบแล้วนะ

     

    ..อันตรายเกินไปจริงๆ

     

    “คือ..” ฉันสูดลมหายใจเขาปอดลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยคำถามที่ตัวเองสงสัยออกไป “คุณรู้จักร้านหนังสือที่นี่หรอคะ?”

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมเรา มันดูน่าอึดอัด หากแต่กลับกัน.. ฉันว่ามันไม่ได้อึดอัดเลย แต่เหมือนจะเป็นหนังระทึกขวัญเสียมากกว่า ,ริมฝีปากหนาขยับเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมา และนั่นทำให้หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบจะบ้า!

     

    “เปล่าครับ”

    “...”

    “ผมแค่อยากเจอคุณ”

     

    ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง คุณโอวางหนังสือเข้าที่ชั้นวางหนังสือ ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่ฉัน อีกครั้งที่อีกฝ่ายทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนี้.. เขากระชากข้อมือของฉันให้เดินตามมาจนถึงมุมอับของร้าน ก่อนที่จะผลักฉันเข้ากับชั้นวางหนังสืออย่างแรง และใช้มือข้างเดียวรวบมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นเหนือหัว

     

    เหมือนโลกหมุน..

    ..ฉันนึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด

     

    ไม่ทันที่จะได้ตั้งรับอะไรทั้งสิ้น ริมฝีปากร้อนก็ฉกเข้าราวกับฉกเหยื่อ รุนแรง ดุดัน.. , ฉันเผยอริมฝีปากออกทันทีที่เขาจู่โจม จะให้ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองไหมว่าฉันขึ้นถึงจูบของเขาแทบจะเป็นบ้า ทั้งๆที่ตัวเองพูดเคยพูดแท้ๆว่าคงมีแต่คนบ้าที่ตกหลุมรักคนที่เพิ่งเจอได้แค่วันเดียว แต่มันคงจะใช่

     

    ฉันคงเป็นคนบ้านั่นล่ะ..

     

    เสียงดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเรื่อยๆ น้ำลายเฉอะแฉะไปรอบริมฝีปาก เขายังคงไม่หยุด และถ้าหากฉันทำท่าจะปลดพันธนาการที่ข้อมือของตัวเอง เขาก็ยิ่งบีบมันแรงขึ้นเท่านั้น ให้เดาเลยว่าข้อมือของฉันคงขึ้นรอยแดงไปหมดแล้ว เราจูบกันนานมาก ฉันแทบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้วถ้าเขาไม่ยอมเว้นจังหวะพักไว้ให้ แต่พักได้ยังไม่ทันถึง 1 นาที เขาก็ประทับรสจูบดุดันลงมาให้ฉันอีกครา

     

    ฉันโดนจูบถึงสองครั้งในหนึ่งวัน และจูบทั้งสองคราก็ทำให้ริมฝีปากของฉันแตกเหมือนเคย.. กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก ริมฝีปากของคุณโอดูดดึงและงับเนื้อปากล่างของฉันออกมา ก่อนที่จะกดจูบหนักๆให้ ฉันหอบหายใจหนักทันทีที่เขาผละออกมา

     

    ริมฝีปากบางเผยอขึ้นโดยธรรมชาติ ประธานบริษัทโอคอเปอร์เรชั่นจ้องมองไปยังริมฝีปากสีสดที่เพิ่งจะมอบรสจูบดุดันให้

     

    อยากได้..

    อยากได้อีก

    เท่าไหร่ก็ไม่พอ..

     

    ใบหน้าน่ารักเหมือนกระต่ายแบบนั้น มันน่า..

     

    ฟัดให้จมเขี้ยวซะจริงๆ!

     

    ลิ้นหนาเลียรอบริมฝีปากของตัวเองราวกับคนกระหายอยาก หากแต่เมื่อมองอีกคนที่กอบโกยอากาศเข้าปอดของตัวเอง เขาก็ต้องหยุดความคิดลงไปเท่านั้น

     

    ร่างสูงประชิดตัวคนตัวเล็กอีกครา หากแต่คราวนี้ไม่ใช่จูบแสนร้อนแรง เป็นเพียงคำพูดแสนหวานที่ล่อกระต่ายตัวน้อยตรงหน้าเสียเท่านั้น

     

    “ที่คุณตอบตกลง..”

    “คะ?” เสียงหวานตอบออกอย่างไม่เต็มหน่วยนัก

     

    “ผมอยากให้เราทำข้อตกลงกัน”

    “...”

    “มาพบผมได้ไหมครับ?”

     

     

     
     

     

     

     

      

     

     

     

    นี่ฉันมาทำอะไรเนี่ย!

     

    ไม่ต้องมาเจอเขาหลังเลิกทำงานก็ได้นี่น่าคิมแทยอน แล้วอะไรมันดลใจให้เธอมาหยุดอยู่ที่เคาเตอร์หน้าห้องทำงานของเขาแบบนี้กัน!

     

    ไหนตอนแรกบอกว่าปฏิเสธแทบเป็นแทบตายไง!!!

     

    “คุณคิมแทยอนรึเปล่าคะ?” พนักงานสาวหน้าเคาเตอร์เอ่ยทักฉัน เขาคงเห็นว่าฉันทำตัวเงอะๆงะๆ.. . จะว่าไปมันก็จริงๆ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ฉันก็ดูเก้ๆกังๆไม่ค่อยจะเหมือนผู้หญิงที่ทำตัวนิ่งๆเหมือนตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเลยสักนิด ก็แค่คุณโอคนเดียว เธอเป็นบ้าอะไรไปเนี่ยคิมแทยอน!

     

    “เอ่อ.. ค่ะ”

    “คุณโอรออยู่ด้านในแล้วค่ะ” เธอผลุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับผายมือไปยังห้องทำงานของเขา ฉันส่งยิ้มให้กับพนักงานคนสวยก่อนที่จะโค้งหัวลง

     

    ฉันเหลือบตาไปมองที่พื้น เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าอายแบบเมื่อตอนสายที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าเท้าของตัวเองข้ามพ้นความอันตรายอันน่าอับอายไปได้แล้ว เสียงปิดประตูที่ดังแผ่วเล็กน้อย ทำให้ฉันสะดุ้งสั่นขึ้นมา. . แค่คิดว่าจะต้องอยู่กันสองคนกับเขาฉันก็แทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

     

    ห้องทำงานขนาดกว้างขวางปรากฏสู่สายตาของฉันอีกครา หากแต่ทิวทัศน์ภายนอกกระจกบานใหญ่ไม่ใช่เป็นตอนกลางวันแต่อย่างใด , แสงไฟจากตึกสูงและจากบ้านเรือนด้านล่างทำให้ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของแทยอนเหมือนกับรูปถ่ายในแอพลิเคชั่นของโทรศัพท์ยุนอาที่เธอเคยเห็นบ่อยๆ

     

    “มาแล้วหรอครับ?” เสียงทุ้มเรียกสติฉันที่กำลังมองบรรยากาศนอกกระจกบานใหญ่ ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขายืนขึ้นจากเก้าอี้ทำงานของตัวเอง ก่อนที่จะผายมือไปยังโต๊ะดินเนอร์ ! ได้ยินไม่ผิดหรอกโต๊ะดินเนอร์จริงๆ! โต๊ะดินเนอร์ตัวยาวตั้งขนานกับกระจกบานใหญ่ หากแต่ไม่ได้มีเชิงเทียน ไม่มีดอกกุหลาบสำหรับบรรยากาศโรแมนติก

     

    “เชิญครับ” คุณโอเลื่อนเก้าอี้ที่เข้าชุดกันกับโต๊ะดินเนอร์ให้กับฉัน ฉันนั่งลงไปพร้อมกับมองรอบข้างอย่างประหม่า เขายิ้มให้กับฉันและเดินอ้อมโต๊ะทางฝั่งขวาไปยังอีกด้านหนึ่ง เก้าอี้ตรงข้ามกับฉันถูกจับจองโดยร่างสูงของคุณโอ เขายิ้มให้กับฉันอีกครั้ง , อ่า อย่ายิ้มบ่อยๆแบบนั้นได้ไหม

     

    ..หัวใจฉันทำงานหนักนะคะ

     

    “กระดาษตรงหน้าคุณ, เปิดสิครับ” ฉันสะดุ้งขึ้นอีกครั้ง และนั่นก็เรียกปฏิกิริยาขำขันให้กับคุณโอได้ไม่น้อยเลย , ริมฝีปากกว้างนั่นระบายรอยยิ้มอีกแล้ว , ฉันมองไปยังโต๊ะตัวยาวที่มีกระดาษเย็บติดกันประมาณสี่ถึงห้าแผ่นได้ ฉันไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยตอนนั่งลงว่ามีกระดาษสีขาวจำนวนหนึ่งพวกนี้อยู่บนโต๊ะด้วย..

     

    “นี่? อะไรคะ?” ฉันหยิบกระดาษนั่นขึ้นมา เปิดเนื้อหาในนั้นอ่านแบบคร่าวๆ ฉันรู้หัวข้อของมันน่า มันคือ ข้อตกลงในการรับรู้ถึงตัวตนของคุณโอเซฮุนเขียนตัวใหญ่อยู่หน้ากระดาษ แต่ฉันสงสัยว่าทำไมมันถึงได้เยอะถึงขนาดสี่ห้าแผ่นแบบนี้

     

    “ตามหัวข้อครับ” เขาหยิบมันมาดูด้วยท่าทางสบายๆ แค่เห็นตัวหนังสือพวกนี้ ฉันก็ตาลายไปหมดแล้ว. . แต่ดูเหมือนนี่จะมีหัวข้อหลักๆเน้นไว้ให้ด้วยสินะ..

     

    “คุณอ่านแค่พวกหัวข้อหลักก็ได้ครับ ข้อเล็กๆพวกนั้นผมเขียนเอาไว้เฉยๆ” ฉันพยักหน้ารับ , ทำไมเขาเหมือนดูจะอ่านใจฉันออกไปเสียหมดเลยนะ ฉันอ่านข้อความของหัวข้อย่อยที่พิมพ์เอาไว้

     

    ฉันไล่สายตาอ่านหัวข้อแรกและข้อยิบย่อยในหัวข้อนั้นไปด้วย เลื่อนสายตาลงมา สองข้อแรกไม่มีปัญหาสำหรับฉัน แต่ข้อสามกับข้อสี่. .

     

    “คือ ข้อสามกับข้อสี่”

    “ครับ?”

     

    “ห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงอาการความเป็นเจ้าของและหึงหวงอีกฝ่าย” ฉันสะอึกไปเล็กน้อย , มันก็จริงที่เขาและฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน หากแต่ลองคิดว่าเขาจะต้องอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง หัวใจก็พลันเจ็บขึ้นมาแปลกๆเสียได้

     

    หยุดคิด คิมแทยอน!

     

    “ครับ” เขาผินหน้ามามองทางฉัน พร้อมกับอ่านหัวข้อที่สามตามที่ฉันพูด “มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”

     

    “ป เปล่าค่ะ”

     

    “มันก็ถูกแล้วนี่ครับ. .” เขาเอ่ยเสียงนิ่ง วางกระดาษลงกับโต๊ะตัวยาว พร้อมกับกุมมือประสานกันวางไว้บนโต๊ะ

    “คุณไม่ใช่ของผม และผมไม่ใช่ของคุณ”

     

    เจ็บ.. เจ็บแบบแปลกๆ..

     

    ฉันกัดริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ได้ยินตรงๆแบบนี้มันก็ชัดเจนดี แต่มัน..

    เจ็บ..

     

    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ฉันหันสายตาไปมองที่ข้อมือของตัวเอง และพบว่านาฬิกาบนข้อมือตีบอกเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม , ฉันไม่ได้บอกยุนอาก่อนว่าจะออกมาข้างนอก มาพบคุณโอ , โทรศัพท์มือถือรุ่นยายทวดก็มาแบตเตอรี่หมดเสียได้ ใบหน้าความเป็นห่วงของเพื่อนรักฉายชัดขึ้น ทำให้ฉันรีบพูดถึงข้อตกลงข้อที่สี่

     

    “ข้อที่สี่ หัวข้อย่อยที่สามค่ะ” ฉันบอกเขาออกไป.. ฉันไม่เข้าใจหรอกที่เขาเขียนข้อนี้ขึ้นมา  - ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ

     

    หัวข้อที่สี่คือเรื่องของการปฏิบัติตัวต่อกันและกัน..

    หัวข้อย่อยที่สามคือการปฏิบัติบางอย่างร่างกายจะรู้สึกดีมากกว่าคำพูด..

     

    “ครับ?”

    “ฉันไม่เข้าใจที่คุณเขียนว่าการปฏิบัติบางอย่างร่างกายจะรู้สึกดีมากกว่าคำพูด” ฉันถามเขาออกไปอย่างตรงๆ คุณรู้ว่าฉันเป็นคนที่ค่อยจะยอมใครสักเท่าไหร่นัก และแน่นอนว่าเมื่อฉันก้าวผ่านคำว่า ตกลง มาแล้ว ฉันก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกัน ความปลอดภัยของตัวเองบ้าง

     

    “ก็แค่ทฤษฏีหนึ่งที่เขาพิสูจน์กันมานะครับ”

    “...”

    “นิสัยบางอย่างของผมปฏิบัติออกมาด้วยคำพูดไม่ค่อยได้” เขายกยิ้มขึ้น มองฉันด้วยท่าทางสบายๆ ฉันยังคงกัดริมฝีปากของตัวเองค้างไว้เช่นนั้น หากแต่มือวางกระดาษใบนั้นลงไปแล้ว , นอกเหนือจากข้อนี้ ไม่มีข้อไหนที่เขาจะต้องอธิบายให้ฉันฟัง เพราะฉันสามารถเข้าใจมันได้

     

    “และการตอบสนองของคนเรามีหลายประเภท”

    “...”

    “คำพูดของคนมันโป้ปดกันได้ครับคุณคิม แต่ร่างกายจะไม่มีทางปฏิเสธในสิ่งที่คุณต้องการ”

     

    “การตอบสนองของร่างกาย” เขามองฉันพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง สายตาของเขา แบบนั้นอีกแล้ว สายตาที่พร้อมจะกลืนกินฉันเข้าไปทั้งร่าง..

     

     

    “มันไม่เคยโกหกครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    แกกกก อัพฟิคแล้ว ใครไม่อ่านงอนแรง #สะบัดหน้า

    ช่วงนี้โคตรมึนหัวเลย สติยังกลับมาไม่ครบ T_T

    อ่านไปบางทีคือจะมึนๆเนื้อเรื่องกันบ้าง ถ้าสติดีกว่านี้จะกลับมารีไรท์ให้ใหม่นะ

    คือแม่งเป็นการแต่ง 40กว่าเปอร์ที่โคตรจะนาน -O- อินี่แทบจะกรีดร้องแล้วค่ะทุกคน

    ทักมาจิก ทวงฟิคได้นะ @byunnismine

     

     

     




    ’ cactus
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×