คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : SL.G&B : 05
SL.G&B : 05
17 : 30
ตอนนี้เลยเวลาโรงเรียนเลิกมาพอสมควร ส่วนใหญ่นักเรียนที่ยังอยู่ก็จะเป้นนักเรียนที่เรียนพิเศษในช่วงภาคค่ำ และนักกีฬาบางส่วนเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็มีนักกีฬาฟันดาบทีมชาติจากฮ่องกงที่ยังอยู่ในโรงฝึกซ้อมของนักกีฬาฟันดาบบนชั้นสอง ของอาคารเรียนที่พวกเขาเรียนกันอยู่ ในโรงยิมนี้ค่อนข้างเก็บเสียงได้ดีพอสมควร พื้นมันวาวเป็นลวดลายไม้อ่อนมีเวทีอยู่ด้านหน้าโรงฝึก โรงยิมนี้ถือว่าค่อนข้างใหญ่แต่อาจจะไม่เท่ากับของบาสเก็ตบอลและวอลเล่บอล ทางด้านหลังของเวทีจะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ต่างๆของนักกีฬาฟันดาบ ภายในโรงยิมมีเพียงร่างสองร่างที่อยู่เท่านั้น คนหนึ่งกำลังสอนและอีกหนึ่งคนที่กำลังฝึก ดาบถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ดาบฟอยล์ ดาบเอเป้ และดาบเซเบอร์ ซึ่งจะถูกใช้ในกีฬาฟันดาบสากล ใบดาบเหล่านี้จะมีเนื้อเหล็กที่มีความยืดหยุ่น แจ็คสันที่ยังอยู่ในชุดของนักกีฬาฟันดาบ แต่ถอดเพียงหน้ากากออกไปแล้ว ซึ่งหน้ากากนั้นทนแรงกด 2000 นิวตัน ร่างแข็งแรงยังคงอยู่ภายใต้เสื้อเกราะอ่อน ที่ทนแรงกด 800 นิวตัน หรือชุดดาบทนแรงกด 1200 นิวตัน
ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะใช้เครื่องตัดสินไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และดาบไฟฟ้าจะมีแค่ดาบฟอยล์และดาบเซเบอร์เท่านั้น ที่ตัวนักดาบจะมีสายไฟฟ้าประจำตัวต่อกับดาบที่นักกีฬาถืออยู่และต่อไปยังเครื่องตัดสินไฟฟ้า เมื่อมีการได้แต้มจะมีไฟแสดงเป็นสัญญาณว่ามีการทำแต้มเกิดขึ้น ซึ่งลักษณะนี้ง่ายต่อการตัดสินเมื่อมีการแตะหรือสัมผัส
แจ็คสันเองก็ผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว เพราะเขาฝึกกีฬาฟันดาบตั้งแต่อายุ 10 ขวบกับพ่อของเขาเอง ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้ดาบไฟฟ้าเพราะมันเพียงแค่ซ้อมเท่านั้น ไม่ได้จริงจังอะไรและตอนนี้มาร์คก็อยู่ในอ้อมกอดของเขา ขืนใช้ดาบไฟฟ้าขึ้นมาคงได้ช็อตคนตัวเล็กแน่ล่ะ เพราะมาร์คก็ไม่ได้อยู่ในชุดดาบแบบเขาด้วย หลังจากที่หมดคาบเรียนคาบสุดท้ายของวัน เขาก็มาซ้อมดาบตามปกติ และก็ต้องหิ้วมาร์คมาด้วยอยู่แล้ว และตอนนี้ก็เหลือแค่เขากับมาร์คในโรงยิมที่เงียบสงัด ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงบ่นหงุงหงิงจากด้านหนึ่งของโรงยิม แจ็คสันก็เพียงแค่ส่ายหน้ายิ้มๆแล้ววิ่งไปเอามาฝึกด้วยเนี่ยแหละ แจ็คสันให้มาร์คกางขาออกจากกันแล้วย่อลงเล็กน้อย ขาด้านขวาที่ที่ทั้งคู่ถนัดย่อลง ส่วนอีกข้างก็เหยียดตรงไปข้างหลัง มือขาวบางด้านขวาเหยียดตรงไปข้างหน้าโดยที่ในมือมีดาบอยู่ความยาวไม่เกิน 35 นิ้มตามมาตรฐาน มือซ้ายก็ปล่อยไว้ให้ตัวเองทรงตัวได้ ด้านหลังก็เป็นแจ็คสันที่ซ้อนหลังอยู่เพื่อจับคนตัวเล็ก ไว้และสอนไปด้วย ดวงตาคมที่คอยเหลือบมองใบหน้าขาวใสที่ดูจะตั้งอกตั้งใจฟังเขาพูดเสียจนอดไม่ได้ที่จะขโมยหอมแก้มป่องๆนั่งเสียเต็มปอด แล้วก็โดนโวยวายใส่ไปตามระเบียบ ยิ่งมาร์คโวยวายหน้าแดงและเริ่มทำร้ายร่างกาไปด้วย แจ็คสันก็ยิ่งแกล้งพลางหัวเราะร่าไปพร้อมๆกับรอยยิ้มกว้างที่มองยังไงก็ไม่เบื่อ เขี้ยวขาวที่เป็นเสน่ห์เวลายิ้ม เขาอยากเห็นแค่คนเดียว.......
.
.
.
เกลียดการเป็นเพื่อนจริงๆเลย.....
“อ่ะแฮ่ม...!”
ทั้งแจ็คสันและมาร์คต่างหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระแอมไอที่ไม่ค่อยเนียนสักเท่าไหร่ของใครบางคนจากทางประตู เพราะมันถูกเปล่งออกจนดังพอที่จะหยุดทั้งคู่ไว้ได้ ก่อนทั้งคู่จะหันไปมองแล้วแปลกใจกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้ชายตัวโต
“ยูคยอม มาทำไม!?”
แจ็คสันขมวดคิ้วอย่างเซ็งๆ เมื่อไอ้หมียักษ์เพื่อนกลุ่มเขาดันมาขัดเขากับมาร์คเสียได้ ทั้งๆที่ปกติไม่เคยจะโผล่มาให้เห็น
“เย็นชามาก... ก็แค่วันนี้กลับบ้านช้าโดยบังเอิญ เลยแวะเข้ามาหาเฉยๆ ก็นายเล่นเอาพี่มาร์คของฉันมากกอยู่คนเดียวอ่ะ”
ยูคยอมเดินเข้ามาข้างใน มือใหญ่ก็เอื้อมไปดึงแขนของคนตัวเล็กให้เดินเข้ามาพร้อมกัน
“ของนายหรอ?...เดี๋ยวเหอะ! ฉันไปเปลี่ยนชุดละ”
แจ็คสันเดินไปหยิบกระเป๋าเป้สีดำตรงไปยังห้องเปลี่ยนชุดทันที โดยไม่ได้สนใจคนตัวเล็กที่ยูคยอมลากมาด้วย แม้ตอนแรกจะแปลกใจอยู่นิดก็เถอะ
“แล้วนี่?” มาร์คชี้นิ้วไปทางแบมแบมที่ยืนอยู่หลังยูคยอม ศรีษะเอียงเล็กน้อยเพื่อมองอีกคนชัดๆ แต่สำหรับคนที่มองมาร์คในท่าทางแบบนี้ ยอมรับเลยว่ามันน่ารักเอามากๆเลยล่ะ
“อ่อ เห็นว่ามันมืดแล้วเลยจะเอากลับด้วย ....ผมก็เลยแวะมาเอาพี่ผมกลับด้วย!!” ประโยคหลังของยูคยอม คนตัวสูงตั้งใจตะโกนให้คนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ได้ยิน ก่อนจะได้ยินเสียงเหวของคนในห้องดังออกมา
และก็ไม่ได้มีใครสังเกตหรือสัมผัสได้ว่าการที่ปล่อยให้ร่าเพรียวบางและร่างเล็กยืนอยู่ด้วยกันสองคนมีนสร้างบรรยากาศอึดอัดได้มากแค่ใหน ยูคยอมที่เดินไปแกล้งแจ็คสันใกล้ๆประตู ก็ไม่ได้หันมามองว่าในสายตาของคนทั้งคู่มันมีบางอย่างที่ดูจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ ต้นเหตุก็มาจากเจ้าของเสียงโวยวายภายในห้องเปลี่ยนชุดนั่นแหละ และคนที่จะทำให้มันติดไฟง่ายขึ้นก็เป็นร่างหมีๆของคิม ยูคยอม...
***ในภาพนี่ แจ็คสันหวังนะคะที่หันหน้ามาทางนี้ เอามาฝากเพื่อความสมจริง ประกอบข้อมูลกีฬาฟันดาบที่เจไปหามา
Loading……………………………………………………………………………….
มาต่อแล้วนะครับผม พรุ่งนี้วันจันทร์ เหอๆ รู้สึกแย่อ่ะ- - เอาไปแค่นี้ก่อนเนอะ เมื่อวานเจนั่งทำของขวัญให้พี่แล้วก็เพื่อนแหละ ดึกเลยอ่ะ #ปรบมือ แปะๆๆ วันนี้เจก็ทำการบ้านอ่านหนังสือทั้งวันเล้ยยยย เลยมาอัพเอาตอนนี้ โทษนะครับผม^^ เจอกันวันใหนไม่รู้ แต่จะพยายามโผล่มาบ่อยๆนะ เพราะเจก็อ่านหนังสือด้วย ฝันดีนะคะ บ๊ายบายยยย.....
.
.
.
.
.
.
Loading…………………………………………………………………….
หลังจากมองส่งยองแจเพื่อนตาหยีของเขาเดินออกจากห้องไปแล้ว แบมแบมก็ต้องหันกลับมาเพื่อเตรียมตัวเรียนพิเศษในภาคค่ำที่โรงเรียน ภายในห้องเรียนยังคงมีเสียงจ้อกแจ้กเพราะครูยังไม่เข้า แม้ทั้งห้องเรียนจะมีนักเรียนอยู่บ้างประปรายก็ตาม แบมแบมที่ลงเรียนพิเศษในภาคค่ำของโรงเรียน ก็เพราะเขาเป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากไทย เขากลัวเรียนไม่ทันกับคนอื่นๆ แล้วเรียนพิเศษนี้ก็จะเริ่มคาบเรียนในเวลาหกโมง แล้วช่วงก่อนที่จะถึงเวลาเรียนนี้ก็จะปล่อยให้นักเรียนไปหาทานกันเสียก่อน แล้วจะเลิกเรียนก็ตอนสามทุ่ม
แบมแบมนั่งฟังสิ่งที่ครูผู้สอนพูดหน้ากระดานอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ได้หันไปสนใจรอบๆห้องนัก ที่ตอนนี้มีเพื่อนบางคนในห้องของเขาเริ่มฟุบหน้าลงกับโต๊ะไปแล้ว และคนตัวเล็กก็คงไม่รู้อีกเหมือนกันว่าที่หน้าห้องเรียนมีใครคนหนึ่งยืนมองอยู่ห่างๆ
เวลาล่วงเลยประมาณสามทุ่มนิดๆแล้ว หลังจากหมดเวลาเรียนพิเศษก็พอๆกับหมดคาบหรือเลิกเรียน ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นวันปล่อยผียังไงยังงั้น ภายในห้องมีเสียงพูดคุยระหว่างหัวหน้าห้องหญิงร่างเล็กกับแบมแบม ที่ช่วยกันปิดหน้าต่างและเช็คความเรียบร้อยก่อนจออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอกับร่างสูงที่ยืนหันหลังพิงกำแพงพลางฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งใหทั้งคู่ ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มที่ดูจริงใจทำให้แก้มหัวหน้าห้องตัวเล็กขึ้นสีระเรื่อ
“ขอโทษนะ... แต่เธอ อืม... หัวหน้าห้องสินะ ฉันขอคุยกับแบมแบมหน่อยได้ไหม?”
ยูคยอมเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน หัวหน้าห้องมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย ถึงแม้ใบหน้าของยูคยอมจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นและใจดี แต่ก็นั่นแหละใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าอย่าเข้าใกล้ จะให้เธอเอาตัวรอดแล้วปล่อยเด็กแลกเปลี่ยนแสนดีไว้หรอ
“เอ่อ...”
“ฉันไม่ทำอะไรเขาหรอก แค่มีเรื่องจะคุยด้วย ...ฉันรับรองได้ พรุ่งนี้แบมแบมจะเป็นปกติทุกอย่าง”
ยูคยอมขำในลำคอเบาเบา แล้วพุดยืนยันออกมาอีก แววตาสดใสไม่ได้มีแววน่ากลัวหรือเล่ห์เหลี่ยมให้เห็น แบมแบมจึงยอมหันไปยิ้มให้กับหัวหน้าห้องขี้ห่วงให้สบายใจ
“หัวหน้าห้องกลับไปก่อนเถะครับ ดึกแล้ว...”
“ตะ...แต่” หัวหน้าห้องยังคงลังเลต่อไป นี่มันก็ดึกจริงๆนั่นแหละ แต่ว่าแบมแบม...
“ผมไม่เป็นไร ถึงบ้านแล้วไลน์มานะ ...ผมจะทำด้วย”
“อะ ...ก็ได้ งั้นฉันไปก่อนนะ โชคดีนะ”
หัวหน้าห้องโบกมือลาแบมแบมแล้วยิ้มให้ยูคยอมนิดๆ แต่ตาคู่สวยก็ยังคงหันกลับมามองด้วยความเป็นห่วง จนเดินลงบันไดไปนั่นแหละ ถึงไม่ได้หันกลับมา
“แล้ว...คุณมีอะไรกับผมงั้นหรอ?”
แบมแบมถามเสียงแผ่วอย่างกล้าๆกลัวๆ หรุบตาลงต่ำจนร่างสูงกว่าอมยิ้มนิดๆ
“ก็แค่เห็นนายเรียนเลิกดึกๆดื่นๆเลยจะมาชวนกลับด้วยกันน่ะ”
ยูคยอมยิ้มจนตาหยี ปกติแล้วเวลานี้เขาคงนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอนอย่างคนไม่มีอะไรทำไปแล้วล่ะ ถ้าไม่ติดว่าเขาไปได้ยินมาว่า วันนี้เป็นวันแรกที่จะมีนักเรียนบางห้องเรียนพิเศษภาคค่ำ และหนึ่งในห้องนั้นก็มีนักเรียนห้อง B ด้วย ร่างสูงแทบไม่ต้องเดาเลย เพราะเขามั่นใจว่าแบมแบมต้องเรียนด้วยแน่
“ไม่เป็นไรครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ หอผมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่”
แบมแบมรักษาระยะห่างไว้เป็นอย่างดี จะว่าเขาคิดมากก็ได้ แต่เขารู้สึกว่าการที่ยูคยอมเข้ามามันมีอะไรมากกว่านั้น
“ฉันก็ต้องกลับดึกเหมือนกันนะ ฉันไม่ค่อยเข้าไปซ้อมกับคนอื่นๆเลยต้องแยกซ้อมช่วงเย็นมากๆจนดึกอ่ะ”
โกหก... ใช่ ยูคยอมโกหก เขาไม่ได้ซ้อมหนักขนาดนี้หรอก แต่ดูเหมือนคราวนี้คงต้องซ้อมดึกจริงๆแล้วล่ะ แบมแบมมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา คงเป็นนักกีฬาบาสชัวร์ล่ะ ร่างสูงแตะ 180 ซม. จะว่าไปสิ่งที่ยูคยอมแบมแบมก็มีแววว่าจะเชื่อ เพราะจากการที่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนค่อนข้างไม่เรียบร้อยกว่าตอนเช้า แล้วใหนจะสีหน้าที่มีเหงื่อเม็ดใสอยู่อีก แต่คนตัวเล็กก็หารู้ไม่ว่าเหงื่อกาฬนั้นมันมาจากการที่ร่างสูงเดินไปเดินมารอเขาที่หน้าห้อง ไม่ได้มาจากการซ้อมกีฬาแต่อย่างใด
“….”
แบมแบมเงียบ เพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“กลับด้วยกันนะ... หรือนายจะให้ฉันกลับพร้อมแจ็คสัน...”
ยูคยอมเว้นช่วงไว้เล็กน้อย พลางลอบมองปฏิกิริยาของคนตัวเล็ก ดวงตาโตวาวประกายขึ้นมาช่วงหนึ่งก่อนจะหายไป ยูคยอมยิ้มอย่างเป็นต่อ เขารู้ เขาเห็นว่าคนตรงหน้าแอบมองแจ็คสัน เพราะเขาก็คอยมองแบมแบมเหมือนกันๆ
“...กับมาร์ค สองคนนั้นตัวติดกันอย่างอะไรดี ฉันกลับบ้านด้วยก็เหมือนแค่ธาตุในอากาศชนิดหนึ่งทางหลักเคมีอ่ะ”
ยูคยอมจงใจพูดให้แบมแบมรู้ว่าแจ็คสันกับมาร์คสนิทกันแค่ใหน แต่จากการแอบมองของแบมแบมคงไม่ต้องเน้นอะไรมาก ทำไมคนตัวเล็กจะไม่รู้ว่าในสายตาของมาร์คที่นิ่งเรียบนั้นก็มองแค่แจ็คสัน และแจ็คสันเองก็ไม่เคยละสายตาไปจากมาร์คเหมือนกัน...
“ดึกมากแล้วล่ะ กลับเถอะ”
ยูคยอมบอก ก่อนจะเอื้อมมือหนาๆไปจับมือเล็กไว้แล้วออกแรงดึงให้อีกคนเดินตามอย่างไม่มีทางปฏิเสธ
“อ๊ะ...”
แบมแบมเร่งฝีเท้าตามแรงดึงของคนตัวโตกว่า ช่วงขาก็ต่างกันมากแล้ว นี่ยังลากเอาลากเอาอีก!
“เดี๋ยวนะ เอ?...ยังไม่กลับกันอีกหรอ”
ยูคยอมชะงักฝีเท้าหน้าห้องของนักกีฬาฟันดาบ ก่อนจะค่อยๆแง้มประตูเข้าไปดู เมื่อเห็นแจ็คสันและมาร์คอยู่ในนั้นจริงๆ รอยยิ้มตรงมุมปากก็ฉายบนใบหน้าหล่อ มือหนาค่อยๆดันออกให้คนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังได้เห็นภาพเช่นเดียวกันบ้าง
แบมแบมยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองนัก ว่าทำไมต้องปวดหนึบที่หน้าอกด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่ไม่มีทางที่จะได้เห็นง่ายๆในที่สาธารณะ ทั้งของแจ็คสันและมาร์คที่ต่างส่งให้อย่างไม่มีปิดบัง ยูคยอมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นอาการนิ่งงันของแบมแบม เขาไม่ได้ทำร้ายจิตใจสักหน่อย แค่อยากให้ดูบ้างว่าใครกันแน่ที่เป็นพื้นที่หัวใจของชายหนุ่มนักกีฬาฟันดาบทีมชาติจากฮ่องกง แต่ก่อนจะไป ร่างสูงก็หันไปส่งเสียงกระแอมฉุดทั้งคู่ออกจากบรรยากาศสีชมพูบริ๊งว์ๆ แล้วก่อกวนอีกเล็กน้อย ถึงได้พาแบมแบมออกมาจากโรงเรียน ปล่อยให้แจ็คสันเป็นกับมาร์คเดินออกมาทีหลัง
“นายไปโรงเรียนกี่โมง?”
หลังจากพ้นโรงเรียนมาได้สักพัก ร่างสูงใหญ่ก็เป็นฝ่ายชวนคุยแทรกผ่านอากาศหนาวเย็นยามค่ำคืนของกรุงโซล พื้นที่ถนนยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ไม่หลับใหลเสียที แสงไฟจากหลอดไฟข้างทางคอยส่องแสงสว่างให้ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ ลมเอื่อยๆพัดผ่านร่างกายให้รู้สึกสะท้าน แต่กระนั้นมันก็ทำให้เย็นสบายและสงบได้เช่นกัน
“ค่อนข้างเช้าน่ะ ทำไมหรอ?”
แบมแบมเงยหน้ามองคนถามที่ยังคงรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่บนใบหน้าหล่อ
“จะมารับ...”
ยูคยอมตอบแค่นั้น ก่อนจะหันมายิ้มตาหยีให้คนเตี้ยกว่า
“ไม่ต้องๆ... ผมไป-กลับเองได้”
สรรพนามที่ยังคงดูห่างเหินทำให้ยูคยอมต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ก่อนจะหยุดเดินแล้วจ้องคนเตี้ยกว่าเขม็ง
“อะ..อะไรครับ?”
“พูดให้เป็นธรรมชาติหน่อยสิ เลิกแทนตัวเองว่าผม ว่าคุณได้แล้ว หางเสียง...ครับ...อะไรนั่นน่ะ ก็ไม่ต้องพูด”
ยูคยอมพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะออกเดินอีกครั้ง
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนี่ครับ...”
แบมแบมก้มหน้าหลบตายูคยอมที่ตวัดลงมามองเขา ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เดี๋ยวก็สนิทน่า...ใหนลองพูดใหม่สิ”
“ครับ?”
“ยังอีก...ลองเปลี่ยนประโยคนี้ให้เป็นธรรมชาติสิ ‘ผมยอมให้คุณมารับมาส่งก็ได้’ อ่ะ เริ่ม!”
“เอ่อ...ฉันยอมให้คุณ ...เอ้ย ให้นายมารับมาส่งก็ได้”
“ดีมาก! ต่อไปนี้ฉันกับนายจะบ้านพร้อมกัน”
“อะไรนะครับ!??”
“เมื่อกี้นายพูดแล้วว่ายอมให้ฉันไปรับไปส่ง”
“คุณหลอกผม!”
“อ่ะๆ ไม่พูดฉันหรือคุณสิ ฮ่าๆๆ”
ตลอดทางเดินไปยังหอพักขนาดกลางๆของแบมแบม ก็มีเสียงหัวเราะหรือเสียงตะโกน โดยมียูคยอมเป็นคนเริ่ม ร่างสูงมองรอยยิ้มสดใสของคนตัวเล็กที่เผลอยิ้มออกมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ ริมฝีปากหนาก็เผลอยิ้มตามไปด้วยเหมือนกัน เดินมาได้สักพักก็ถึงที่พักของคนตัวเล็ก ทั้งคู่ล่ำลากันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง
...ก็แค่อยากเป็นคนที่ทำให้ยิ้มแบบนี้
...ก็แค่จะเป็นคนทำให้เสียน้ำตา ถ้าแบมแบมทำให้ใครอีกคนเสียน้ำตาด้วย
............................................................................
ความคิดเห็น