คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SL.G&B : 03
SL.G&B – 03
“เจ้าฟันกระต่าย!!” แทฮยองหันไปมองคนที่เอ่ยถามตนเอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเจอรางสูงเจ้าของฟันกระต่ายน่ารักน่าชัง (?)
“ฟันกระต่าย? ห๊ะ?” นั่นใช้เรียกแทนชื่อเขางั้นหรอ? มันโดดเด่นมากสินะ
“นายมาทำอะไรที่นี่!?” แทฮยองตีหน้าขึงใส่อีกฝ่าย วันนี้มันวันอะไรเนี่ย! ต้องมาซื้อของคนเดียวในที่ที่คนเยอะแยะขนาดนี้ แอร์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วยังมาเจอเจ้าบ้านี่อีก
“ฉันก็มาซื้อชุดกีฬาน่ะสิ อยู่ร้านกีฬา ฉันคงมาเดินเลือกอาการกระต่ายมั้งครับ!” จองกุกตอบยียวนใส่อีกฝ่าย ก่อนจะได้สายตาเหวี่ยงๆกลับมา
“อย่ามาเกะกะฉัน!” คนตัวเล็กโวยวายออกมา ก่อนจะหันไปเลือกชุดต่ออย่างไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“เถอะน่าให้ฉันช่วยเลือกนะแทแท...” จองกุกพูดเสียงนุ่มเชิงอ้อนๆ
“ไม่ต้อง!!”
“นี่ร้านประจำฉันเอง ฉันช่วยนะ....” จองกุกบออกออกมาเหมือนภาคภูมิใจนักหนาโชว์ฟันกระต่ายสะท้อนแสงวิบวับ แต่ก็ต้องเก็บมันลงเมื่อคนตัวเล็กตอบกลับมา
“นี่ก็ร้านประจำฉัน...”
“แทแท...”
“แล้วใครใช้ให้นายมาเรียกชื่อฉันแบบนั้นกันห๊ะ!!” แทฮยองกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องจนคนโดนเอาเรื่องก้มหน้าลงพลางทำหน้าเศร้า
“คือ เพื่อนฉันมันหนีกลับไปแล้วอ่ะ ฉันขอไปเดินด้วยคนสิ นะๆ...” จองกุกช้อนตามองคนตัวเตี้ยกว่า มือบางคว้าหมับเข้าที่ถุงเท้าสำหรับนักฟุตบอลปาใส่อีกฝ่ายแล้วมันก็โดนเข้าที่ใบหน้าขาวเต็มๆ
“อย่ามาตอแหล…หลบไป!” จองกุกมองอีกคนตาปริบๆ นี่เล่นปาถุงเท้าเลยหรอ? น่ากลัวมาก!
“แทแท...”
“นี่นาย!! ป้านายสั่งให้เรียกแบบนี้รึไงห๊ะ!”
“แรงมาก ...ป้าครับ ป้าดูหลานสะใภ้ป้าสิ ทำไมถึงร้ายกาจแบบนี้ล่ะครับ” จองกุกทำท่าสะอึกสะอื้น พร้อมกับอมลมไว้ทำให้แก้มใสป่องขึ้น
“จองกุก!! หลานสะใภ้อะไรของนาย!! แล้วที่ทำนี่คิดว่าน่ารัก? ฉันอยากถีบหน้านายมาก” แทฮยองทำท่าจะถีบอย่างที่พูดจริงๆ ร่างสูงจึงได้แต่กระโดดหลบ ก่อนจะพูดให้อีกคนใจเย็นลง
“ไม่แกล้งแล้วๆ แต่คือฉันไม่อยากเดินคนเดียวจริงๆนะ นายก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ คนก็เยอะขนาดนี้....”
“…”
“มันไม่สนุกเลยอ่ะ ถ้าต้องเดินคนเดียว มันเหงาเปลี่ยวหัวใจ คิดวุ่นวายจะไปใหนดีหว่า... เพื่อนก็กลับไปแล้วด้วย”
“…”
“ดังนั้น นายควรให้ฉันไปด้วย ให้ฉันถือของให้ก็ได้นะ...”
“…” แทฮยองมองคนตรงหน้าตาปริบๆ เมื่อร่างสูงรัวประโยคใส่เขาแบบไม่ให้เขาได้พูดแทรกเลย
“นะครับ...”
“เออๆ งั้นเอาไปเลย” แทฮยองโยนกระเป๋านักเรียนให้อีกคนถือ แม้อีกฝ่ายจะถือถุงสีดำอยู่แล้วก็ตาม จองกุกสะพายกระเป๋าของอีกคนไว้ข้างหน้า เพราะข้างหลังเขาสะพายกระเป๋าของตนเองไว้แล้ว ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปประชิดตัวอีกคนเพื่อช่วยเลือกชุดกีฬา ไม่วายยังแอบเนียนไปโอบเอวบางไว้อีก แทฮยองที่คอยปัดก็แล้ว สะบัดก็แล้ว ก็ไม่หลุด จึงปล่อยเลยตามเลยอย่างไม่ใส่ใจ จองกุกยิ้มตลอดเวลา เพราะเขาถือคติที่ว่า ‘ด้านได้อายอด...ดีกว่ามโนครับ’
แม้แรกๆจะโดนเหวี่ยงก็ตาม แต่คงเพราะเขาแนะนำได้ดีละมั้ง คนตัวเล็กถึงล้มเลิกความคิดที่จะสะบัดเขาออก ตอนแรกเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมาเจอแทฮยอง แต่มันก็เจอแล้วนี่เนอะ ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากให้เจโฮปหายไปเร็วเลยล่ะ และเหมือนสวรรค์เข้าข้างเมื่อเพื่อนของเขาดันมีธุระด่วน เขาจึงรีบไล่(?)ให้เจโฮปรีบไปเดี๋ยวจะไปไม่ทัน การได้อยู่กับคนตัวเล็กสองต่อสองแบบนี้มันทำให้เขารู้อะไรบางอย่าง พูดอะไรนิดหน่อย ไม่เข้าหูก็โดนเหวี่ยง รำคายก็โดนวีน ไม่พอใจก็โวยวาย ไม่ได้ดั่งใจก็อาละวาด ร้อนก็บ่น คนเยอะก็หงุดหงิด
อืม....
นี่แค่ประมาณสองชั่วโมงนะครับ คิดดูสิ ว่าอีกคนอารมณ์แปรปรวนขนาดใหน เขาต้องรับมือทุกๆ 10 วินาที คุณนับเลขไว้ในใจได้เลย
1… 2… 3… … … … … … 10…!!
“ฉันหิวแล้วนะ!!”
ครับ.... ไปสิครับ ช้าอยู่ทำไม
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในร้านไอศกรีมสุดคูล ตกแต่งโทนสีหวานๆสบายตา เขาพาคนตัวเล็กมาที่นี่เพราะตั้งใจจะให้แทฮยองกินอะไรเย็นๆดับร้อนทั้งกายและใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเอามากๆ เพราะอีกฝ่ายสงบลงจริงๆ แถมยังสนใจแต่ของหวานตรงหน้าอีกต่างหาก
“โอเคใช่ไหม?” จองกุกเอ่ยถามหลังจากกินส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว พลางมองคนตรงข้ามยิ้มๆ เพราะเขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแทฮยอง นอกจากจะตีหน้านิ่งขึงขังหรือขี้เหวี่ยงขี้วีนแล้ว แทฮยองคงจะชอบของหวานด้วยแน่ล่ะ ดูจากการตอบคำถามโดยไม่เงยมามองหน้ากันเลยเนี่ยสิ
“ก็ดี ...นายไม่ซื้ออะไรบ้างหรอ?” แทฮยองตอบ เพราะสองชั่วโมงที่ผ่านมามีเขาคนเดียวที่ซื้อ โดยมีคนถือของรูปหล่อเดินตามหลัง
“ไม่ล่ะ...ฉันแค่จะมาซื้อชุดกีฬาอย่างเดียวน่ะ”
“แล้วนายมาตามวุ่นวายฉันทำไมเนี่ย!” แทฮยองเงยหน้าขึ้นมาวีนใส่คนตรงข้าม แต่กลับทำให้คนโดนวีนหลุดหัวเราะออกมา เพราะตอนนี้มุมปากของคนตัวเล็กเปื้อนช็อคโกแลตสีข้น
“หึหึ ...ก็ฉันเห็นนายอยู่คนเดียวเลยจะไปเดินเป็นเพื่อน แล้วฉันก็ยังไม่อยากกลับด้วย” มือหนาหยิบกระดาษทิชชู่ของตนเองที่พนักงานวางให้ข้างๆมาเช็ดปากของอีกคนพลางพูดไปด้วยเหมือนไม่สะทกสะท้าน แต่ผู้ถูกกระทำนี่สิ... เขาไม่ได้นั่งหน้าแดงใช่ไหม? เขาไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่านี่เนอะ ที่จะมานั่งเขินที่พระเอกเอาทิชชู่มาเช็ดปากให้แล้วต้องมานั่งบิดเป็นสปริง
“…นายมันน่ารำคาญจริงๆ!” หลังจากหายอึ้งกับการกระทำของร่างสูงแล้ว ก็พูดเสียงแข็งกลบเกลื่อนอาการแปลกๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย แทฮยองตักของหวานคำสุดท้ายเข้าปากและสุดท้ายมันก็เปื้อนมุมปากอีกครั้ง ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อนึก
เรื่องแกล้งคนตัวเล็กได้
กึก
มือหนาส่งมาเช็ดปากของแทฮยอง ทำให้ต้องชะงักไปอีกรอบ และดูจะอึ้งหนักกว่าตอนแรกเสียอีกเพราะอีกคนดันเช็ดด้วยมือตัวเองเนี่ยนะ! นายกำลังจะทำแบบละครน้ำเน่ารึไง แต่เหมือนแทฮยองจะคิดผิด เพราะมือหนายังไม่ชักกลับไปเลย แต่มันกลับจ่อตรงหน้าเขาเหมือนเดิม
“อะ...อะไรล่ะ!!”
“นายต้องรับผิดชอบ”
“ห๊ะ! รับผิดชอบอะไรของนายวะ”
“นิ้วฉันเปื้อน...”
“แล้ว?...” แทฮยองหยิบกระดาษทิชชู่ของตัวเองขึ้นมาตั้งใจจะเช็ดปากของตนเองอีกครั้งแต่จองกุกก็ไวกว่า เขาฉวยหยิบกระดาษทิชชู่ในมือบางมาเช็ดโต๊ะอย่างรวดเร็วก่อนจะวางแหมะตรงหน้าของคนที่มองมันอย่างงงๆ?
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย!” แทฮยองโวยวายออกมา เพราะมันไม่มีทิชชู่แล้ว ร้านไอศกรีมนี่ก็ยังไงวะ! ให้มากันคนละแผ่น เอามาประดับโต๊ะรึไง! ไม่คิดจะเผื่อบ้างหรอห๊ะ! ถ้าเกิดไม่ได้เลอะแค่ปากแต่ดันทำหล่นใส่โต๊ะอ่ะ ปล่อยไว้ให้พนักงานทำ อันนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดหกใส่เสื้อผ้าล่ะ จำเป็นต้องถอดให้เอาไปซักไหม
“นายต้องรับผิดชอบ ดูสิ มันจะเลอะนิ้วฉันอ่ะ”
“แล้วใครใช้ให้นายมาเช็ด เจ้าบ้า!”
“เลียมันสิแทแท...”
“ไม่มีทางเว้ย!...”
“จะให้ฉันเลียเองก็ได้นะ แต่มันจะเหมือนในละครนะแทแท... ที่ว่าพระเอกเช็ดปากให้นางเอก แล้วเอามาเลียเอง มองนางเอกนั่งเขินแก้มแดงหรอ” จองกุกทำท่าจะชักมือกลับ แต่ก็โดนมือบางดึงไว้ก่อน แทฮยองชังใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆแลบลิ้นเลียอย่างช้าๆ บริเวณรอยเปื้อน โดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มพออกพอใจของจองกุก แล้วใหนจะสายตาอึ้งๆ หรือวิบวับของคนที่หันมาเห็นพอดีอีก ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่
เมื่อแทฮยองจัดการรับผิดชอบนิ้วเรียวของจองกุกเสร็จก็ปัดมืออกทันที ใบหน้าใสขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ่งทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างเข้าไปอีก แต่ไม่ทันที่แทฮยองจะได้หันไปใหนเพื่อซ่อนใบหน้าแดงๆ ต้นเหตุที่ทำให้เขาเขินหน้าแดงดันยกนิ้วเรียวขึ้นมาละเลียดชิมความเปียกชื้นบนนิ้วเรียวที่ยังสัมผัสได้ถึงความอุ่นของริมฝีปากบางที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปแล้ว จองกุกยิ้มมุมปากนิดๆ เมื่อเขา ‘จูบทางอ้อม’ ให้คนขี้เหวี่ยงนี่เขินจนไปไม่เป็นเป็น
น่ารัก...
คงใช้ได้มากที่สุดแล้วล่ะ...
“จะกลับบ้านรึยังแทแท...” จองกุกถาม หลังจากปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งหน้าแดงมาได้สักพัก
“กลับดิ จะอยู่ทำอะไรล่ะ!!” แทฮยองลุกขึ้นทันที แล้วรีบเดินเอาบิลไปจ่ายทันที จองกุกก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้น ก่อนจะถือถุงมากมายของแทฮยองและของตนเองมาถือไว้ แล้วรีบเดินตามไป เงินส่วนของเขาน่ะ แทฮยองจ่ายไปแล้ว
บอกแล้วว่าน่ารัก... แม้จะมีประโยคหนึ่งตามหลังมา
‘ฉันแค่ออกให้ก่อน แต่นายต้องเอามาคืนฉันด้วย’
ครับ... น่ารัก... มาก...
หลังจากฝ่าดงผู้คนมาแล้ว พวกเขาก็พากันขึ้นรถเมล์สายที่ผ่านบ้านของคนตัวเล็ก ซึ่งไม่ใช่ทางไปบ้านเขา แต่เขาก็ไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้หรอก มาถึงขนาดนี้แล้ว ขออยู่ด้วยกันจนถึงนาทีสุดท้ายเหอะ และที่ทำให้เขารู้สึว่ามันคุ้มมากๆเลยก็คงเป็นเพราะแทฮยองเอากระเป๋าเป้ไปถือเองและแบ่งของส่วนหนึ่งไปช่วยเขาถือ แต่เขาก็เลือกเฉพาะของที่เบาเบาให้เท่านั้นแหละ แม้ตอนที่เอาไปจะทำหน้าหงุดหงิดและบ่นอย่างเดียวก็เถอะ ดูก็รู้ว่าอีคนก็ไม่ได้อยากเอาเปรียบเขานักหรอก และที่เห็นเขาเรียกแทแทได้เนี่ย เขาต้องยืนเถียงกันอยู่นานทีเดียวกว่าจะยอมให้เรียก แต่ต้องเรียกเฉพาะตอนอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าคนตัวเล็กกับเขาจะได้อยู่ด้วยกันอีก
เจอกันพรุ่งนี้นะแทแท....
...
Loading...........
มาอัพแค่นี้ก่อนนะคะ ต่อไปเป็นคู่ใหนคงไม่ต้องบอกมั้ง555 เข้าใจเจนะ เพราะเจต้องเป่าขลุ่ยและก็อ่านหนังสือด้วย ดังนั้น ว่างแค่ช่วงนี้นะคะT^T
............................ >>>>>>>
เสียงเพลงแนวฮิปฮอปดังกระหึ่มภายในไนต์คลับหรูสไตล์อังกฤษชื่อดังย่านกรุงโซล ภายในเปิดไฟแสงสลัวแต่ก็ยังส่องแสงสว่างให้พอได้มองเห็นภาพเบื้องหน้าที่ทำให้ตนอื่นเห็นเป็นต้องอิจฉา หรือแม้แต่ทำให้ใครสักคนต้องนิ่วหน้าเพราะก้อนเนื้อข้างซ้ายที่บีบตัวแน่น หนุ่มสาวที่แต่งตัวตามสไตล์ของตนเองพากันโยกย้ายร่างกายไปตามเพลง บีทหนักๆของเสียงเพลงทำให้บรรยากาศดูครึกครื้น ลานกว้างตรงกลางของไนต์คลับมีกลุ่มคนที่กำลังออกท่าทางตามเพลงอย่างเมามันส์ คลอเคลียกันอย่างไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอย่าง คิม ซอกจิน ไม่พิศวงมันสักเท่าไหร่นัก
ไนท์คับหรูใจกลางกรุงโซลที่ใครๆก็อยากจะเข้ามาลิ้มลอง โดยเฉพาะการที่ได้แวะไปชิมรสชาติละมุนปากแต่ขมเฝื่อนและเร้าใจของเจ้าของไนท์คลับนี้แล้วล่ะก็... ช่างน่าเอาไปอวดโอ้เสียจริง คิม นัมจุน ชายหนุ่มม.ปลายของโรงเรียน High school ชื่อดัง ควบตำแหน่งเจ้าของไนต์คลับที่สาวๆและหนุ่มน้อยต่างฝันหวานถึงเมื่อได้ติดใจรสชาติของเวลายามราตรีที่ควรจะพักผ่อน ใครๆก็รู้ว่าชายหนุ่มผู้เย็นชาคนนี้ไม่เคยแตะต้องของที่ไม่ถูกใจพอ ความเจ้าชู้ในหมาดคุณชายเย็นชามันน่าลิ้มลองเป็นใหนๆ แต่ถึงกระนั้นทุกคนที่ผ่านเข้ามาเป็นได้แค่ One nightstand ถ้าตามตื้อเขาหนักก็ขอจัดให้แบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถตีตราได้เลยว่า ‘เลว’
ร่างสองร่างที่นั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนโซฟาสีแดงตัวนุ่ม หญิงสาวในชุดเดรสสีบานเย็นแสบตาที่เปิดเนินอกขาวจนแทบจะไม่ต้องจินตนาการกับช่วงล่างที่ไม่น่าปิด(?) เพราะว่ามันก็สั้นเสียเหลือเกิน ร่างผอมบางของหญิงสาวนั่งเกยตักชายหนุ่มเจ้าของไนท์คลับที่ใครๆก็อยากจะเข้ามาสัมผัสกันทั้งนั้น สายตาหลายคู่ที่มองมาต่างพากันอิจฉาที่หญิงสาวผมบรอนน์เข้าหาคุณชายเย็นชาคนนี้ได้ แต่อีกสายตาอีกหนึ่งคู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับฉายความเจ็บปวดออกมาจนต้องเบือนหน้านี้ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นยังไง ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะเจ็บแค่ใหน แต่ก็ยังเลือกที่จะตามมา ยังเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ แอลกอฮอล์สีอำพันที่ถูกกรอกผ่านริมฝีปากอิ่มไม่ได้ช่วยให้ภาพเบื้องหน้าเลือนลางเลยสักนิด ดวงตากลมเสมองไปทางอื่นโดยไม่ได้เห็นสายตาคมที่เหลือบมองตนเอง ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นน้อยๆเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ดูออกเลยว่าทนเห็นภาพนี้ไม่ได้
“อื้อ...นัมจุนคะ เบาๆหน่อยสิ อือ....”
ทรมาน......
คำเดียวที่น่าจะสามารถอธิบายความรู้สึกของร่างบางได้ในตอนนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาไม่มีทางเลือก เพราะเขาตัดสินใจไปแล้ว ที่จะรักคนคนนี้ คนที่ทำให้เขาไม่รู้สึกไร้ค่า... แต่ไม่รู้ว่าสถานะตอนนี้มันต่างจากตอนนั้นแค่ใหน ต่อให้พยายามเท่าไหร่ก็เป็นได้แค่นี้ แค่คนที่เห็นนายมอบสัมผัสให้กับคนอื่น คนที่ได้แค่เศษเสี้ยวความอุ่นจากร่างกายหนาเท่านั้น
“นี่! ซอกจิน จะกลับเลยก็ได้นะ” เสียงทุ้มแหบดังแทรกเสียงเพลงภายในไนต์คลับมา พวกเขาอยู่ในห้องวีไอพีชั้นบนสุด เพราะไนต์คลับนี้มาสามชั้น และห้องที่พวกเขาอยู่ก็เป็นกระจกใสแต่สามารถเก็บเสียงได้ดี ทำให้เสียงเพลงจากข้างนอกไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสานทนาเท่าไหร่นัก
“ไม่เป็นไร... ฉันไปเข้าห้องนำก่อนนะ” ซอกจินลุกขึ้นออกไปจากห้องที่แสนอึดอัดและปวดหนึบทันทีที่ขอตัวมาเข้าห้องน้ำ ร่างสูงก็เพียงแค่พยักหน้ารับนิดหน่อยเป็นเชิงรับทราบ
“ทำไมไม่ชินสักทีล่ะซอกจิน...”
เสียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ หลุดออกมาจากริมผีปากอิมสีชมพูอ่อนราวกับกลีบดอกซากุระ ใบหน้าสวยก้มมองพื้นจนไม่ได้ระวังทาง คงเพราะคนที่นี่รู้ว่าเขาเป็นอะไรกับเจ้าของไนต์คลับแห่งนี้ ....เพื่อนกลุ่มเดียวกันไง
พลั่ก
“อ๊ะ!” ซอกจินร้องออกมาเบาๆ เพราะความไม่ระวังตัวจึงทำให้ชนกับร่างใหญ่ของใครสักคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ดวงตากลมเบิกตากว้างเพราะคิดว่าตนเองจะล้มลงไปแล้ว เพราะเดาจากขนาดตัว แต่มือหน้าก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือขาวเสียก่อน
“ขอโทษครับ เป็นอะไรรึป่าว?” ชายร่างสูงกำยำถามคนตัวเล็กกว่าพลางดึงอีกคนให้เดินหลบมาอีกทางที่คนน้อยๆ เพราะถ้าขืนยังอยู่หน้าห้องน้ำต่อ คงมีใครสักคนมาชนพวกเขาอีกเป็นแน่
“ฉันไม่เป็นไร ขอโทษด้วยนะ...” ซอกจินบอกอย่างสุภาพ ก่อนจะดึงข้อมืออกมา ร่างสูงคลี่ยิ้มนิดๆยามมองใบหน้าสวยที่หลายๆคนเคยบอกว่าน่ากลัว ท่าทางสุภาพขนาดนี้คงเป้นพวกเพื่อนๆของคนตัวเล็กละมั้งที่น่ากลัว
“ฉันมินโฮ ...ซง มินโฮ!” ร่างหนาแนะนำตัวเองออกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ไม่สามารถคาดเดาได้
“อืม...คิม ซอกจิน” ซอกจินแนะนำกลับตามมารยาทแต่ก็ยังคงไว้ท่าทีที่เย็นชาอยู่ คงเพราะเจ้าตัวเข้ากับคนแปลกหน้าไม่เก่งเหมือนจินยองแล้วก็แทฮยองมั้ง
“เราอยู่โรงเรียนเดียวกันนะ” ซงมินโฮบอก พลางมองใบหน้าสวยที่ฉายแววสงสัยและกำลังนึก รอยยิ้มมุมปากที่ยังไม่จางหายเผยอกว้างขึ้นอีกนิด เมื่อท่าทางนั้นมันช่าง.... น่ารัก
“?”
“รุ่นพี่นาย ฉันอยู่ปี 3 ห้อง C”
“เอ่อ...ครับ เจอกันที่โรงเรียนนะครับ ผมขอตัว” ซอกจินโค้งให้นิดๆ ก่อนจะปลีกตัวออกไป มินโฮยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนกลุ่มของตนเอง
ด้านของนัมจุน เขาปล่อยหญิงสาวผู้กระหาย(?)อยากลิ้มลองไวน์ชั้นดีจากต้นตำหรับอิตาลี(?) ไว้ในห้องวีไอพี ส่วนร่างสูงก็เดินตามร่างบางออกไปข้างนอก ไม่ได้ห่วง... ไม่ได้หวง... หรืออะไรทั้งสิ้น แค่... สมเพช
เขารู้ว่าซอกจินคนสวยนั่นคิดอะไรกับเขา แต่ก็ไม่จำเป็นที่เขาต้องตอบสนองไหม? เขาก็ทำตัวตามปกติ ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องตามมา ทนได้ก็ทน ใครแคร์? และที่ตามมาก็เพราะเด็กโง่นั่นไม่ยอมไปเข้าห้องน้ำส่วนของเจ้าของไนต์คลับ ดันเดินออกมาข้างนอกที่มีแต่คนเยอะๆ ซุ่มซ่ามแบบนั้นเดี๋ยวก็ไปชนใครเข้า ใหนจะเข้าหาคนไม่เก่ง แล้วยังตามคนอื่นไม่ทันอีก ไม่ได้ห่วง... แต่เพราะความไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่างนั่นต่างหาก... น่ารำคาญ....
หืม...
ร่างสูงที่เดินฝ่าวงล้อมของคนที่สนใจในตัวเขามาอย่างเย็นชายนมองภาพตรงหน้านิ่งๆตามนิสัยส่วนตัว ข้อมือบางที่โดนมือหนาจับอยู่ในมุมมืดของไนท์คลับ แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนา แต่ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าของร่างสูงนั่นกำลังสนใจของของเขา
ใช่! ฟังไม่ผิดหรอก ‘ของของเขา’ ไม่ยกให้ก็อย่าหวังเพราะซอกจินเป็นของเขา ‘ของเล่น’ พรีเมี่ยม ที่เขาต้องวางไว้ในฐานะเพื่อน เพราะมันเล่นได้นานกว่า เล่นอะไรน่ะหรอ? ความรู้สึกไง
คิม ซอกจิน อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่กับป้าเยรินและแม่บ้านพ่อบ้านแค่นั้น เพราะพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ที่ซอกจินอายุเพียง 10 ปี เขาจึงเหลือแค่ป้า แต่คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าความทรงจำอันเลวร้ายที่สุดในชีวิตที่ใครหลายๆคนคงไม่อยากจะเจอ ความทรงจำที่คอยตามหลอกหลอนเขามา 3 ปี มันยังชัดเจนในความฝัน ที่ทำให้เขาต้องผวาทุกครั้ง ไม่เคยมีสักครั้งที่จะหลับตาลงสนิท ไม่เคยได้นอนในท่าที่สบายตัว เขาต้องนอนขดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ถุกคลุมจนถึงคอ เพราะคิดว่ามันเป็นเกาะกำบังสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาสามารถหลับตาลงในยามราตรีได้
ข่มขืน... มีอะไรบัดซบกว่านี้ไหม? มันน่าขยะแขยงจนแทบขาดใจ อารมณ์ชั่ววูบที่เกือบปลิดชีวิตของตนเอง สัมผัสหยาบคายที่รับรู้ได้แต่มองไม่เห็น เพราะเนื้อผ้าที่ถูกปิดตาไว้ เสียงร้องที่แสนทรมานปานจะขาดใจของตนเองยังคงก้องอยู่ในหัวยามหลับใหล มันแทบจะคร่าชีวิตของคนคนหนึ่งไปกับห้วงนิทราสกปรกนั่น!
แต่เพราะป้าเยริน และป้าแม่บ้านที่คอยเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กคอยให้กำลังใจและดูแลเขามาอย่างดี จนซอกจินคนนี้เดินมาจนถึงตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมือหนาของนัมจุนที่จับเขาไว้ตอนนั้น พี่ชายญาติห่างๆที่เข้ามาในชีวิตของเขา คงเพราะเหตุผลนี้ด้วยที่ทำให้คิม ซอกจิน คนนี้รัก... คิม นัมจุน ผู้ชายเย็นชาจนไม่เหลือที่ว่างใดๆ แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้คิดเหมือนกัน ถ้าจะเจ็บก็แค่เขาคนเดียว เจ็บแค่นี้คงไม่เป็นไร เอาให้มันชาไปเลยน่าจะเป็นทางออกที่ดีในความคิดของเขา....
และที่เขาบอกว่านัมจุนเป็นพี่ชาย นั่นเป็นความจริง นัมจุนไม่ได้อายุเท่าพวกเขาในกลุ่ม แต่อายมากกว่าพวกเขาถึงสองปี ซึ่งต้องอยู่ปี 3 ไปแล้ว แต่เพราะปัญหาที่เจ้าตัวเป็นคนก่อเรื่องทำให้ต้องซ้ำชั้น 1 ปี และอีก 1 ปีถูกส่งไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศเพื่อดัดนิสัย ตอนนี้เลยได้อยู่รุ่นเดียวกัน นอกจากกลุ่มเขาแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอก เพราะคุณครูก็ไม่ได้สนใจประวัติของนักเรียนมากนัก......
Loading.......
แต่งไปหมั้นไส้ผู้หญิงชุดบานเย็นไป แม้บทนางจะมีน้อยก็เถอะ5555 มีใครอยากถีบนัมจุนเหมือนเจบ้าง ยกมือขึ้น!! ซอกจินน่าสงสารมากอ่ะ เจแต่งไปแต่งมารู้สึกใจจะขาดกว่าจะจบ อย่าเพิ่งมากระโดดถีบเจนะ เจก็ทำใจยากมาแรมปี(?) กว่าจะออกมาเป็นเช่นนี้แล..... ติดตามกันต่อไปนะคะว่าคนสวยซอกจินโดน....ได้ยังไง! ใครมันเป็นคนทำกัน ตอบ! ตอนนี้ยังแต่งไม่จบ เจพาทุกคนไปสูดอากาศก่อน แล้วเราค่อยไปตอนใหม่กันนะ ต่อไปเราจะเริ่มคู่ใหนกันดีน้าาาาา.... #SLGB
SLGB >>>>
“เหอะ....” เสียงทุ้มแหบส่งสียงเหอะออกมาจากลำคอ ที่ได้เห็นภาพคนสวยซอกจินตกเป็นที่สนใจของคนอื่น ก่อนร่างสูงจะเคลื่อนตัวออกมาจากตรงนั้น แล้วกลับไปหาสาวบานเย็นที่จะมาแก้ขัดให้เขาในคืนนี้
ซอกจินเดินกลับเข้ามาในห้องก็พบกับความว่างป่าว คงเดาไม่ยากหรอกว่าทั้งคู่หายไปใหน ซอกจินทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เปลือกตาบางปิดลงช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อกลับไปในที่ของตนบ้าง รถสปอร์ตสีดำวาวคันหรูเคลื่อนตัวออกไปบนถนนยามราตรี แสงไฟตามหลอดไฟข้างทางยังคงส่องแสงสว่างให้คนบนรถมองเห็นทางได้สะดวกขึ้น
01:15
เข็มนาฬิกาข้อมือชี้บอกเวลาตี 1 ซึ่งจากการสำรวจพบว่าเวลานี้มนุษย์จะเข้าสู่ห้วงนิทราลึกที่สุด จะร่วงโรยจมไปกับความฝันของความนึกคิดในยามรัตติกาล เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างสนิท แต่มันเป็นสิ่งที่คนอย่างซอกจินกลัวที่สุด เขาไม่อยากจมไปกับความมืดมิดนั้น การขับรถเอื่อยๆไปเรื่อยๆจึงเป็นสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด กว่าจะถึงบ้านของเขาก็คงเลยเวลามาพอสมควร และการที่ทำแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็มีเวลาพอที่จะคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิต
...
ป๊าดดดดด!!.....
เสียงเล็กแหลมของนกหวีดดังไปทั่วบริเวณจนหลายคนหันมามอง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้สนใจมากนัก ในสนามมีนักวิ่งที่กำลังซ้อมอยู่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักกีฬาของโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว บนลู่วิ่งทั้ง 6 ลู่ มีร่างของจินยอง ซอกจิน และแทฮยองที่มาซ้อมกันตั้งแต่เช้า โดยมีโค้ชรุ่นพี่ปี 3 อย่างชานซองมาคอยเป่านกหวีดและจับเวลาให้เพราะยังไงก็ถือเป็นประธานสีชมพู แล้วเด็กๆสามคนก็เป็นคนไปขอเขาด้วย เพราะเจ้าตัวมาเช้ากว่าคนอื่นๆ ในสนามก็มีนักกีฬากรีฑาบางคนที่เริ่มทยอยมาแล้ว แต่ต้องวอร์มร่างกายและวิ่งล้อมสนามนอกลู่ได้เท่านั้น
ปี๊ดดดดด!!....
พรึบ!
“...ซอกจิน สปีดลดลงนะ” จินยองพูดขึ้นหลังจากวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ตามด้วยแทฮยองและวอกจิน ตามลำดับ โดยมีรุ่นพี่ชานซองเป็นคนกดหยุดเวลาให้
“คงงั้นนะ... ซอกจินนายทำเวลาไปเกือบ 5 นาที” ซานชองพูดพลางหยิบขวดน้ำส่งให้สามหนุ่มที่นั่งแหมะลงบนพื้น
“คงนอนน้อยมั้ง” ซอกจินบอกแล้วทิ้งตัวลงนอนบนลู่วิ่งทันที
“นายต้องเริ่มซ้อมแล้ว อย่าทำแบบนี้อีกนะ” แทฮยองบอกอย่างเป็นห่วงแล้วทิ้งตัวนอนลงข้างๆบ้าง
“….พี่ต้องไปแล้วล่ะ นิชคุณมาละ ซ้อมกันเองต่อได้ใช่ไหม?” ชานซองซึ่งเหลือบไปเห็นนิชคุณเข้าพอดีก็บอกรุ่นน้องที่นั่งมองคนอื่นๆซ้อมอยู่
“ได้ครับ ขอบคุณนะครับ” จินยองโค้งหัวให้รุ่นพี่ปี 3 ร่างบางที่นอนอยู่ก็รีบลุกขึ้นมาโค้งให้ตาม ก่อนจะมองส่งรุ่นพี่ร่างบึก ตากลมของจินยองก็เหลือบไปเห็นใครสักคนที่เดินตามกลุ่มผู้ชายไปทางด้านหลังโรงยิมที่สีชมพูใช้ประชุมกันเมื่อวาน
“เดี๋ยวฉันมานะ...” จินยองพูดเสร็จก็วิ่งออกไปทันที ปล่อยให้เพื่อนร่างบางมองตามอย่างงงๆ? แทฮยองเลิกสนใจจินยองแล้วลากซอกจินไปเริ่มซ้อมใหม่ เพื่อเพิ่มสปีดของเพื่อนตนเองให้ทันพวกเขา
.............................................................................................
สั้นเนอะ วันนี้เจไปมอบตัวมา ก็แบบว่า...... วัยรุ่นครั้งเดียว เหอเหอๆ ตอนแรกว่าจะต่อให้จบนะ แต่วันนี้เพลียมาก ไว้ไปขึ้นตอนหน้าเถอะ แต่เจพาขึ้นรุ่งเช้าแล้วนะ 555
ความคิดเห็น