คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SL.G&B : 04
SL.G&B - 04
จินยองวิ่งมาตามที่สายตาเห็นกลุ่มคนพวกนั้น มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขารับรองได้ เมื่อร่างบางวิ่งมาเกือบจะถึงที่หมายก็เริ่มผ่อนฝีเท้าลงและค่อยๆย่างกายเข้าไปใกล้ๆ เพื่อแอบดูว่า เขาเห็นไม่ผิด...
ตามนั้นเลย... ผู้ชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเฉกเช่นเดียวกันกับเขายืนอยู่ในวงล้อมของบุคคลคุ้นหน้า ดวงตาตี่คมสีดำมองคนที่ล้อมตนเองอยู่นิ่งๆอย่างไม่สะเทือนต่อการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ มือหนายังคงล้วงกระเป๋ากางเกงตามปกติ ปลุกปั่นอารมณ์ของผู้หาเรื่องให้หมั้นไส้เข้าไปอีก ดวงตากลมโตของจินยองมองแจบอมด้วยประกายวาววับ ใบหน้าคมที่นิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ช่างน่าสนใจจนคนมองเหมือนถูกสะกด ร่างบางยังคงยืนนิ่งเพื่อดูสถานการณ์ว่าร่างสูงของแจบอมจะตอบโต้คิมจินวู นักเลงประจำโรงเรียนอย่างไร
“...พ่อแกเป็นนักการทูตสินะ ไม่ใช่ไอ้หน้าอ่อนนั่น!”
หลังจากปล่อยให้บรรยากาศโดยรอบเงียบไปชั่วอึดใจ เสียงของคิมจินวูก็ดังขึ้น ตอนนี้ภายในโรงยิมเริ่มมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ บอกให้รู้ว่าเริ่มมีนักกีฬาเข้ามาเพื่อซ้อมกีฬาของตนเองบ้างแล้ว
“….”
แจบอมไม่ตอบอะไร เพียงแค่ถอนหายใจออกมาช้าๆอย่างเบื่อหน่าย สายตาคมยังคงนิ่งมองคนตรงหน้าอย่างเย็นยะเยือก
“ลูกพี่ฉันถามก็ตอบดิวะ!...” ชายร่างผอมคนหนึ่งตะคอกออกมาอย่างหัวเสียเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงตรงหน้ากวนโอ๊ยเอามากๆ แต่ก็ต้องหยุดร่างกายที่จะพุ่งใส่แจบอมเพราะเพื่อนตนเองห้ามไว้
คิม จินวูมองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เขาให้คนไปสืบมาว่าเจ้าเด็กที่มาช่วยคนตัวขาวนั่นมันเป็นใคร แล้วก็ได้ความว่าพ่อมันไม่ได้เป้นนักการทูตอย่างที่อ้างไว้ แต่มันอ้างพ่อของเพื่อนตนเองขึ้นมาเพื่อให้หนีจากเขารอด จินยองเองก็มองแผ่นหลังเหยียดตรงของแจบอมไว้เหมือนกัน ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเสียเท่าไหร่
“ช่างเถอะ ฉันแค่จะบอกนายว่าอย่าให้เพื่อนของนายมาเสนอหน้าช่วยเหลือไอ้ยุนกิอีก!”
แจบอมส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะกลับหลังเพื่อเดินออกจากวงล้อมน่ารำคาญพวกนี้ จินวูกัดฟันกรอดเมื่อโดนคนตัวสูงเมินตน แต่ก็ทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ เพราะนี่ยังอยู่ในเขตโรงเรียนแล้วเขาแค่จะให้มันไปเตือนเพื่อนตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำตามคงต้องลงไม้ลงมือเสียหน่อย
แจบอมเดินออกมาจากกลุ่มนักเลงประจำโรงเรียน ร่างสูงเดินเลี้ยวตรงหัวมุมที่มีจินยองยืนพิงกำแพงรออยู่ก่อนแล้ว แจบอมเหลือบมองไปทางคิมจินวู ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังจ้องตนอยู่ ก่อนจะเบนสายตาสบกับคนตัวบางที่ยืนยิ้มแป้นมองเขา ร่างสูงเดินไปยังสระว่ายน้ำเพื่อไปซ้อมกีฬาของตนเองบ้าง ปล่อยให้ร่างบางในชุดกีฬาที่มีเหงื่อตามกายเดินตามมาอย่างไม่สนใจ ปาร์ค จินยอง เดินมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงอย่างหงุดหงิดใจ เมื่ออีกคนดูจะไม่สนใจเขาสักเท่าไหร่ บวกกับเหงื่อกาฬที่มีอยู่ตามตัว เสื้อกีฬาตัวบางที่แนบไปกับร่างกายสร้างความหงุดหงิดได้ไม่น้อย ใบหน้าขาวและผิวพรรณผ่องของจินยองชวนให้ใครต่างต้องหันมามอง ยิ่งมีเม็ดเหงื่อสีใสต้องแสงอ่อนๆยามเช้า มันยิ่งขลับให้ร่างบางดูดีขึ้นไปอีก
คงมีแค่คนเดียวนั่นแหละที่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด....
“นี่! แจบอม...”
เสียงใสของจินยองเรียกคนที่เดินนำหน้า เมื่อเริ่มเบื่อที่จะเดินตามแบบนี้แล้ว แจบอมยอมหยุดตามเสียงที่คนตัวเล็กรียก แต่ก็ไม่ได้หันไปมอง จินยองจึงวิ่งเข้ามาเดินข้างๆแทน คนตัวบางเงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีใส่คนตัวสูง
“ทำไมนายไม่โต้ตอบพวกนั้นไปบ้างล่ะ?”
จินยองเริ่มออกปากถามก่อน เพราะถ้าจะรอให้ร่างสูงข้างๆนี่พูด เขาแกล้งจะกระโดดสระน้ำโรงเรียนตายก็คงยังไม่วี่แววจะพูดเลย
“...ไม่จำเป็น”
เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาสั้นๆห้วนๆแต่ก็ทำให้คนที่ได้รับคำตอบยิ้มออกมาได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้เมินเขาแบบนั้นล่ะนะ
“เวลาอยู่กับเพื่อนนายนิ่งแบบนี้เลยหรอ?” จินยองถามอีก ขณะที่ทั้งคู่ก็เดินมาจนถึงสระน้ำของโรงเรียนแล้ว แต่ร่างบางก็ยังเลือกที่จะเดินตามไปอีก ความตั้งใจอันแรงกล้านี้คือการได้รู้จักกับผู้ชายเย็นชาคนนี้อย่างลึกซึ้ง!
“นายก็น่าจะรู้นะ...”
แจบอมตอบพลางเหลือบมองคนข้างๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าปาร์ค จินยองสนใจเขา แจบอมไม่ได้เข้าข้างตนเองแต่เพราะการที่อีกฝ่ายมองแต่เขา ดวงตากลมๆที่จะเป็นประกายตลอดเวลาที่มองเขาแล้วนึกคิดอะไรในหัว
จินยองที่รู้ได้ว่าอิม แจบอมรู้ว่าเขาแอบมองตนเองมาตลอดก็ชะงักไปนิด แก้มใสขึ้นสีนิดๆอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใคร
ก็นายมันน่าสนใจเองนี่ อิม แจบอม...
“แล้วนายไม่ไปซ้อมรึไง?”
หลังจากที่จินยองปล่อยให้เกิดความเงียบระหว่างเขาสองคน แจบอมกลับเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเอง ทั้งๆที่ความเป็นได้ช่างน้อยนิดนัก จินยองยิ้มกริ่มคนเดียว ก่อนจะหันไปหาร่างสูงแล้วส่ายหัวพรืดพลางยิ้มน้อยๆ
“ฉันซ้อมตั้งแต่เช้า ปล่อยให้คนอื่นซ้อมต่อ”
“…”
“ฉันไปดูนายซ้อมนะ”
“...ตามมาขนาดนี้แล้วไม่ใช่รึไง”
แจบอมพูดนิ่งๆ แล้วเดินแยกไปยังห้องล็อกเกอร์สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ปล่อยให้จินยองนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าห้องล็อกเกอร์ ภายในโรงยิมสระน้ำดูจะให้ความสนใจกับร่างบางของจินยอง บางคนถึงกับวิ่งเข้าไปในห้องล็อกเกอร์เพราะไม่กล้าอยู่ด้านนอกคนเดียว เพราะเกรงว่าจะไปทำอะไรขัดหูขัดตาคนสวยตาโตเข้า
“นี่ๆ แจบอม ฉันเห็นนายเดินมากับจินยองหรอ?” เพื่อนหนึ่งในนักกีฬาว่ายน้ำเดินเข้ามาถาม เพราะตอนที่เขากำลังจะออกไปซ้อมก็ดันเห็นเพื่อนร่างสูงของเขาเดินคู่มากับปาร์ค จินยอง เขาเลยถอยหลังกลับมาก่อน ส่วนหนึ่งคืออยากรู้ และอีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะไม่กล้าออกไปซ้อม ทั้งๆที่มีจินยองนั่งอยู่
แจบอมเพียงแค่พยักหน้านิดหน่อยแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าไป สักพักจอน จองกุก เพื่อนในกลุ่มมาถึงก็เดินมาถามซ้ำอีก และไม่ใช่แค่นี้ เมื่อนักกีว่ายน้ำคนอื่นๆ ที่มาซ้อมก็ตื่นตลึงกันไปหมด บ้างจับกลุ่มคุยกันไม่ซ้อมเลย บางคนก็ไม่สนใจแล้วแยกไปซ้อม แต่ละคนต่างทำตัวอย่างสงบเสงี่ยมมากกว่าปกติ ซึ่งแจบอมก็รู้สึกว่ามันดีเอามากๆ ที่ไม่ต้องทนฟังเสียงโหวเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมชมรม
จินยองหันไปมองร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากล็อกเกอร์พร้อมกับเพื่อนๆที่เดินตามหลังมา ร่างบางหันไปยิ้มน่ารักให้จนเพื่อนๆของแจบอมต้องเบือนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่ามันน่ารักเกินไป นานๆทีจะได้เห็น พอเห็นทีทำเอาใจสั่นได้ขนาดนี้เลย
แจบอม นายทนได้ไง....
ร่างกายแข็งแรงกำยำ ภายใต้ผืนน้ำที่ชโลมร่างกาย แรงกระเพื่อมของน้ำใสที่เกิดจากการวาดวงแขนไปข้างหน้าเพื่อว่ายน้ำไปยังทิศทางตรงด้วยความเร็วเท่าที่ร่างกายจะทำได้ แผ่นหลังกว้างที่มีกล้ามเนื้อเห็นชัด บ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี
พอสมควร จินยองนั่งมองแจบอมว่ายน้ำพร้อมเพื่อนๆ โดยคอยแลกกันจับเวลา วันนี้เป็นวันแรกที่นักกีฬาของโรงเรียนพากันมาซ้อมโดยพร้อมเพรียง คงเป้นเพราะการประชุมสีของแต่ละสีสั่งให้มาซ้อมได้แล้ว แต่โค้ชยังไม่เห็นมีใครมาเลย นักเรียนจึงต้องช่วยกันเองไปก่อน ล่วงเลยเวลาจวนจะใกล้คาบเรียนคราบแรกข้าไปทุกที จินยองไม่ได้ห่วงว่าจะเข้าเรียนไม่ทันหรอก เพราะปกติก็เคยสนใจที่ใหนล่ะ? แต่ประเด็นคือ เขายังอยู่ในชุดกีฬาและเหงื่อก็ยังคงตดตามร่างกายขาวบาง จะให้เดินกลับไปเอาก็ได้ แต่สระน้ำของโรงเรียนกับโรงยิมของนักวิ่งมันอยู่กันคนละฝากฝั่งเลยนะ แม้จะเดินไกลก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่กว่าจะเดินไปถึงก็ใช้เวลาพอสมควร ใหนจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะเหงื่อขนาดนี้ ให้อยู่สภาพเดิมทั้งวันคงไม่ไหว โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามา เพราะมัวแต่สนใจร่างสูงที่โดนจินวูลากไปนี่สิ!
“แจบอม ขอยืมโทรศัพท์นายหน่อยได้ไหม ฉันไม่ได้เอามา จะบอกให้แทฮยองมันเอาเสื้อผ้ามาให้”
หลังจากนั่งคิดไปสักพัก ร่างบางจึงตัดสินใจไปขอยืมมือถือของคนร่างสูงให้เพื่อนเอาของของตนเองมาให้ และกะว่าจะขออาบน้ำที่นี่เลย ดูเหมือนว่านักกีฬาว่ายน้ำหลายคนจะโดดคาบแรกเสียด้วย คงไม่ต้องแย่งกับใครอาบ จินยองเดินมาหยุดยืนตรงเขตของแจบอมเพื่อรอให้อีกฝ่ายว่ายกลับมาแล้วก้มลงไปถามพลางยิ้มอย่างอ้อนๆ แจบอมเพียงมองแค่นิ่งๆก็พอจะเข้าใจว่าคนตัวเล็กจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่เลย
“147…” ร่างสูงบอกเลขประจำล็อกเกอร์ จินยองยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งหายเข้าไป หาอยู่สักพักก็จัดการเปิดแล้วหยิบมือถืออกมาโทรหาแทฮยอง ซึ่งเป็นคนเดียวที่เขาจำเบอร์ได้ รอสายสักพักก็ได้ยินเสียงตอบรับอย่างไร้มารยาทของเพื่อนตัวแสบ
[ฮัลโหล ใครวะ... โทรมามีไร!]
เป็นเรื่องปกติครับ ที่แทฮยองจะเบอร์แปลกด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดและประโยคที่ทำเอาคนถือสายผงะ
“จินยองเว้ย... แทแท นายเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนที่สระน้ำหน่อยได้ไหม?”
จินยองตอบกลับไป ก่อนจะหันไปมองทางประตูเพราะได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ก็เป็นแจบอมเอง เดินโชว์สัดส่วนกล้ามเนื้อช่วงบนด้วยใบหน้านิ่งๆแต่มีเสน่ห์ จินยองเบี่ยงตัวหลบให้เจ้าของล็อกเกอร์หยิบผ้าขนหนูไปเช็ดผมและร่างกายของตนเอง
[อ้าวหรอ...จินยอง... โทษทีนะ เผอิญว่าฉันกับซอกจินเลิกซ้อมเร็วเลยเดินขึ้นมาก่อน แล้วก็พอดีเลย แบบว่า..]
จินยองขมวดคิ้วฟังเสียงของแทฮยอง แจบอมที่เงยหน้ามาเห็นก็มองนิ่งๆแล้วจัดการเช็ดผมตัวเองต่อ
“อะไรของนาย?” จินยองเร่ง
[ฉันหยิบของของนายมาด้วยอ่ะ คือมันติดมือมาไง... แล้วแบบว่าคาบแรกราอยู่ที่ห้องบรรยายกลางไง...]
“น่ารักมากแทแทของปาร์คจินยอง... นายจะบอกว่านายขี้เกียจเดินลงจากห้องบรรยายกลางมาสระน้ำ ถ้าฉันจะเอาเสื้อผ้าให้เดินใส่ชุดกีฬาชุ่มเหงื่อไปเอามางั้นสินะ”
จินยองถอนหายใจออกมาเบาๆ จะโทษก็ไม่ได้ เพราะยังไงมันก็อุตส่าห์ถือกระเป๋าขึ้นไปให้ จินยองกดวางสายและเอาไปไว้ในกระเป๋าสีดำของแจบอมเหมือนเดิม ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่หน้าล็อกเกอร์ตนเองพลางยิ้มบางๆอย่างปลงๆ
คงต้องไปชุดนี้แหละ... แต่เหงื่อเยอะไปหน่อยแหะ
“ฉันไปละ ดูเหมือนคงต้องไปชุดนี้ ไว้เจอกันนะ”
จินยองบอกเสียงร่าเริงเหมือนเดิม แต่ไม่ทันจะหันหลังกลับ คนตัวสูงก็เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่สีเขียวเข้มวางลงบนหัวกลมๆที่กลุ่มผมสีดำสนิท
“คนคงได้มองทั้งโรงเรียน...”
แจบอมพูดแค่นั้นแล้วถือผ้าขนหนูผืนเล็กสีน้ำตาลที่ใช้เช็ดผมตัวเองเช็ดต่อให้แห้ง จินยองที่ยังดูงง? แต่พอเจอสายตาดุๆก็พอจะเข้าใจว่าร่างสูงให้เขาไปอาบน้ำ เพียงไม่นานก็ออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูคลุมอยู่ช่วงบน เพราะเสื้อกีฬาเขาน่ะ ชุ่มเหงื่อไปหมดละ
“ขอโดดคาบแรกด้วยได้ไปไหมอ่ะ?”
จินยองถาม พลางเอาเสื้อกีฬาตนเองไปตากไว้ ให้เหงื่อแห้ง
“...” แจบอมเงียบ ก่อนจะยื่นเสื้อก้ามสีขาวสะอาดตามาให้พร้อมกับเสื้อกันหนาวสีส้มอ่อน กางเกงพละวอร์มสีดำสนิท จินยองรับมาใส่ก่อนจะนั่งลงข้างๆคนตัวสูง ตอนนี้ก็เริ่มมีนักเรียนบางคนที่ทยอยเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จินยองยิ้มอ่อนให้เพื่อไม่ให้เพื่อนๆของร่างสูงเกร็งจนเกินไป ตอนนี้แจบอมก็เปลี่ยนเป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียน พวกเขาที่อยู่สระว่ายน้ำของโรงเรียนนักเล่นกันเงียบๆภายในห้องล็อกเกอร์ รอเวลาคาบแรกผ่านไปก่อนถึงจะแยกย้าย มีบางคนที่ใจกล้าเริ่มคุยกับจินยอง ร่างบางเองก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาล่ำลือ แค่บางคำถามไม่จำเป็นต้องตอบ.....
กริ๊ง...!
เสียงออดดังบอกเวลาคาบเรียนแรกได้จบลง นักกีฬาว่ายน้ำหลายคนทยอยกันออกมาเพื่อกลับไปยังห้องเรียนของตน แจบอม จินยองและจองกุกเดินรั้งท้าย เสียงพูดคุยของจองกุกและจินยองยังคงมีตลอดทาง แจบอมเองเมื่อถูกถามก็ตอบบ้างเล็กน้อย ตลอดเวลาคาบแรกที่อยู่ในห้องล็อกเกอร์ ทำให้เพื่อนๆของร่างสูงเริ่มผ่อนคลายลงและพูดคุยกับจินยองบ้าง ตามประสาของคนอัธยาศัยดี โดยเฉพาะจองกุกที่ดูจะคุยกันถูกคอกับจินยองเสียเหลือเกิน
“พวกนายเรียนอะไรต่อไปอ่ะ?”
ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงกลางโดยมีแจบอมและจองกุกขนาบข้าง เงยหน้าถามร่างสูงทั้งสองคน และก็เป็นเหมือนเคยที่จองกุกจะเป็นฝ่ายตอบ
“พละอ่ะ จินยองล่ะ?”
“วรรณกรรมอ่ะ ...แจบอมแล้วนายจะเอาชุดใหนใส่อ่ะ นี่ก็ขึ้นคาบ 2 แล้วนะ”
จินยองถามเสียงตระหนก เพราะชุดพละที่ควรจะอยู่บนร่างกายของตัวสูง แต่ว่าแจบอมก็เอามาให้เขาใส่เสียก่อน แถมทั้งเสื้อทั้งกางเกงยังใหญ่กว่าเขาอีก แล้วชุดกีฬาเขาอยู่ใหนน่ะหรอ ในห้องล็อกเก็ตของคนตัวสูงไง^^
“ใส่ไปเถอะ...”
แจบอมตอบนิ่งๆ จินยองขอโทษขอโพยร่างสูงยกใหญ่ที่ทำให้ต้องโดดเช็คขาดหรืออาจจะโดนทำโทษเพราะไม่มีความพร้อมที่จะมาเรียน จองกุกก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก เดินมาสักพักเขาสามคนก็แยกออกไปเรียนของใครของมัน
การที่จินยองใส่ชุดพละเข้ามาในห้อง ค่อนข้างจะเป็นที่สนใจพอสวร หรือต่อให้เป้นชุดปกติก็น่าสนใจพอแล้ว แต่ร่างบางก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะและสร้างสงครามขนาดย่อมๆกับแทฮยอง โดยมียูคยอมกับมาร์คนั่งเชียร์ระริกรี้อยู่ใกล้ๆ แจ็คสันก็นั่งหัวเราะคิกคักไปด้วยมองหน้าหวานๆของอี๋เอินไปด้วย ในขณะที่เพื่อนในห้องตาโตกันเป็นแถบๆเพราะชื่อที่ปักอยู่ใต้สัญลักษณ์ของโรงเรียนมันเป็นชื่อของอิม แจบอม นักกีฬาว่ายน้ำที่กำลังจะฮอตในตอนนี้
ทางด้านร่างสูงก็โดนทำโทษโดยการวิ่งรอบสนามไปสามรอบ แต่ไม่ได้เป็นปัญหาของร่างสุงนัก เมื่อวิ่งเสร็จแจบอมก็นั่งรอเพื่อนๆอยู่ข้างสนาม
‘ชุดนายไปใหนอิม แจบอม?’
‘ผมไม่ได้เอามาครับ...’
คำตอบที่เขาตอบครูพละไป เขาไม่ได้โกหกครูนะ เขาไม่ได้เอามาจริงๆ เพราะเขาเอาให้จินยองไปแล้ว เลยไม่ได้เอามาใส่เอง เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แค่นั่งรอให้หมดคาบไปก็เท่านั้น ในขณะที่ข่าวระหว่างแจบอมกับจินยองก็เริ่มกระจายออกไปด้วย รูปภาพที่มีคนถ่ายได้ตอนทั้งคู่เดินตามกัน ยืนข้างกัน นั่งรออีกคนซ้อมกีฬา และจินยองที่ใส่ชุดพละของแจบอมกับแจบอมที่ยอมโดนทำโทษเพราะเอาชุดให้จินยองใส่.....
News of the week … … … …
Laodinng……………………………………………………………………………………
พรุ่งนี้เจต้องไปโรงเรียนแล้ว อยากร้องไห้มาก ขอโทษที่มาช้านะคะ^^ ช่วงเปิดเทอมแรกๆจะพยายามแวะมานะคะ อาจจะยังไม่ยุ่งเท่าไหร่ กำลังใจดีให้พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง เจอาจจะฝืนสังขารมาอัพเลย5555
.
.
.
.
#SLGB
“แบมแบม ฉันกลับก่อนนะ...”
ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ยองแจก็ขอตัวกลับเร็วกว่าปกติ ส่วนเพื่อนร่างสูงของพวกเขาก็ไปซ้อมกีฬาของตนเองแล้ว ภายในห้องก็ยังมีนักเรียนอยู่บางส่วน ซึ่งเป็นนักเรียนที่จะเรียนพิเศษกับครูประจำชั้น หนึ่งในนั้นก็มีแบมแบมด้วย แม้เวลานี้ก็ถือว่าเย็นมากแล้วก็ตาม
“กลับดีดีนะ...” แบมแบมโบกมือใหเพื่อนตัวเล็ก ก่อนที่ตัวเองจะหันมาสนใจหนังสือบนโต๊ะ เพื่อเตรียมตัวเรียนในภาคค่ำ การเรียนพิเศษแบบนี้มีแค่บางห้องเท่านั้นที่ทำ อันนี้ก็แล้วแต่ครูที่ปรึกษาว่าจะสอนไหม
ยองแจเดินเข้าสู่ย่านเมียงดง ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานพาร์ทไทม์ของเขา ท้องฟ้าพลบค่ำไปแล้ว ถือว่าวันนี้เขามาทำงานช้ากว่าปกติ แต่ไม่ถึงกับสาย เขาชอบที่จะร้องเพลง เล่นดนตรี จึงเลือกที่จะทำงานในร้านนี้
“ยองแจ มาแล้วหรอ?” เสียงของผู้จัดการโกซังดังขึ้น หลังจากเดินออกมาจากห้องทำงาน
“ครับ ผู้จัดการมีอะไรรึป่าวครับ?” คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาเจ้าของร้าน หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทสบายๆแทนชุดนักเรียนแล้ว
“ฉันจะบอกนายว่า วันนี้เลื่อนเป็นสามทุ่มนะ อยู่ได้ไหม?” ผู้จัดการโกซังถามยองแจยิ้มจนตาที่ตี่อยู่แล้วหยีลงไปอีก ก่อนจะตอบตกลกว่าอยู่ได้
ค่ำคืนแสนสงบของใครหลายๆคน แต่สำหรับร้านอาหารกึ่งบาร์ก็ไม่ได้เงียบเหงาไปด้วย เสียงเปียโนที่ค่อยๆบรรเลงไปพร้อมๆกับเสียงใสๆทรงเสน่ห์ของคนบนเวที ขับกล่อมทุกคนในร้านให้นิ่งฟัง ใบหน้าน่ารักที่แสดงออกถึงความสุขที่ได้เป็นคนเล่นดนตรีและขับร้องเพลงเอง ดวงตาตี่พราวประกายแม้มันจะตี่จนแทบมองไม่เห็นก็ตาม แต่เพราะริมฝีปากอิ่มที่เปล่งเสียงร้องออกมา มันยกยิ้มออยู่ตลอดเวลา สะกดทุกสายตาให้ต้องมองตามและเผลอยิ้มตามทุกๆครั้ง เหมือนกับคนบางคน ผิวขาวผ่องต้องแสงจากโคมไฟประดับร้าน สร้างเสน่ห์ของคนเล่นเปียโนให้มีมากขึ้น ภาพตรงหน้าก็ถูกขลับให้สวยมากขึ้น
“……Oh, her eyes, her eyes make the stars look like they.re not shining. Her hair, her hair falls perfectly without her trying. She’s so beautiful And I tell her everyday…
Yeah, I know, I know when I compliment her, she won’t believe me And it’s so, it’s so sad to think that she doesn’t see what I see. But every time she ask me do I look okay? I say…
จีมินนั่งมองเจ้าของเสียงใสที่กำลังร้องเพลงสากลพร้อมเลื่อนนิ้วเรียวกดแป้นยาวๆขาวดำจนเกิดเสียงแสนไพเราะ ริมผีปากหยักบางยกยิ้มพอใจโดยไม่รู้ตัว มันเป็นแบบนี้ทุกๆครั้งที่ได้ฟัง ที่ได้มานั่งมองคนตัวเล็กทำในสิ่งที่ชอบ ส่งผลถึงใบหน้าน่ารักที่มีความสุขและรอยยิ้มสว่างๆนั่น
When I see your face. There’s not a thing that I would change ‘Cause you’re amazing Just the way you are And when you smile The whole world stops and stares for a while ‘Cause you’re amazing Just the way you are….
ยองแจยังคงร้องเพลงต่อไปพร้อมรอยยิ้มจางๆที่ประดับอยู่บนหน้า รอยยิ้มที่ใครหลายๆคนก็มองว่าสดใส รอยยิ้มสว่างๆดั่งดวงอาทิตย์ และมันยิ่งกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเหลือบไปเห็นใครบางคนตรงนั้น ที่เดิม ที่ประจำ ที่คอยมาฟังเขาร้องเพลงเสมอ... ทุกตัวโน้ตที่สะกดคนดูทำให้รอยยิ้มสดใสมีอยู่ทุกๆวัน ความสุขเล็กจากการได้ร้องเพลง ได้ถ่ายทอดความรู้สึกให้ทุกคนรู้ว่าเขาชอบมากแค่ใหนและมีความสุขเพียงใด รวมทั้งมันยังทำให้คนอื่นๆมีความสุขไปด้วย
And when you smile The whole world stops and stares for a while ‘Cause you’re amazing Just the way you are….
เสียงเปียโนจบลงพร้อมกับเสียงปรบมืออย่างชื่นชม ยองแจลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเล็กที่ใช้นั่งบรรเลงเสียงเพลงไปโค้งขอบคุณพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะลงไปยังที่พักของพนักงาน ปล่อยให้รุ่นพี่นักดนตรีได้ขึ้นไปครองบาง
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเกือบจะตีหนึ่ง ภายในร้านจึงเหลือแค่พนักงานบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็กลับไปหมดแล้ว รวมทั้งยองแจด้วย ทางเดินกลับบ้านเงียบสงบเช่นที่เคยเป็น ขาเรียวก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังทางกลับบ้าน เวลานี้ไม่มีรถเมล์ผ่านอยู่แล้วจึงไม่ต้องคิดเลยว่าจะเดินกลับดีไหม แต่บนเส้นทางนี้เขาไม่ได้เดินกลับบ้านคนเดียว ทุกๆวันหลังเลิกงานจะมีคนไปส่งเขา แม้จะไม่ได้ขึ้นมาเดินข้างๆกัน แต่ก็ยังตามไปจนถึงบ้านเขาอยู่ดี
กึก
ยองแจหยุดชะงักที่หน้าบ้านของตนเอง และยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปเกือบสองนาที ก่อนที่คนตัวเล็กจะหันหลังกลับไปทางเดิม แต่ก็ไม่ได้ก้าวไปใหน วันนี้แหละ! จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆสักที
“นี่! ออกมาเดินข้างกันเถอะนะ”
เสียงใสเอ่ยเรียกภายใต้ความว่างเปล่าเบื้องหน้า มีเพียงเสียงลมพัดเอื่อยๆตอบกลับมาพัดผ่านให้ร่างกายรู้สึกเย็น
“มันเหงานะ... ฉันรู้ว่านายตามฉันอยู่ตลอด”
...
“มาเดินข้างๆกันสิ...”
…
“จีมิน”
เจ้าของชื่อเบิกตากว้างนิดๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่ตัวเองคอยตามเฝ้าดูแลมาตลอดตั้งแต่ม.ต้น จะรู้ว่าเป็นเขา ตอนแรกก็ตกใจพอแล้ว ที่คนความรู้สึกช้าอย่างยองแจรู้ว่ามีคนตาม
เมื่อคนตัวเล็กรู้แล้วว่ามีเขาที่คอยตาม ก็ไม่จำเป็นต้องแอบแล้ว จีมินเคลื่อนตัวออกมาจากพุ่มไม้ข้างกำแพง ที่เขาทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร แต่ก็สามารถมองหน้าของกันและกันได้จากหลอดไฟข้างทาง ยองแจส่งยิ้มสดใสอย่างดีใจมาให้จีมิน ก่อนที่คนได้รับรอยยิ้มนั้นจะเบนหลบใบหน้าน่ารักและก้าวเดินเข้าไปหา แต่ก็ยังเว้นช่องว่างไว้พอสมควร
หมับ
“ทำไมยืนห่างกันนักล่ะ”
ยองแจขยับเข้าหาจีมิน แล้วยื่นมือไปจับลำแขนของฝ่ายตรงข้ามก่อนจะดึงให้เดินมาอยู่ใกล้ๆ รอยยิ้มใสซื่อยังคงถูกส่งให้อย่างเป็นมิตร ทำให้ปมคิ้วที่ขมวดอยู่ก่อนหน้าค่อยๆคลายออก
“…”
“...นายตามฉันมานานรึยัง?”
ยองแจเอียงคอมอง พลางหันไปไขประตูบ้านไปด้วย ป่านนี้พ่อแม่เขาคงหลับไปแล้วล่ะ
“ม.ต้น”
คำตอบสั้นๆจากจีมิน แต่ก็ทำให้ยองแจอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ งั้นแสดงว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้เดินกลับบ้านคนเดียว แล้วก็มีคนคนนี้ที่ไปฟังเพลงของเขาเสมอและตามไปส่งทุกๆครั้งสินะ
“นายอย่าทำเหมือนพวกสโตกเกอร์สิ! ทำไมนายไม่มาคุยกับฉันล่ะ”
“รู้ตัวตอนใหน?” จีมินไม่ตอบคำถามของยองแจ แต่กลับสวนคำถามของตนเองกลับไป
“สักพักละ ฉันสังเกตเห็นนายในร้านน่ะ”
“อืม”
จีมินรับคำเบาๆ ทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวเงียบ ยองแจก้มหน้ามองพื้นๆ แก้มอวบขึ้นสีอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกย้อนไปในตอนที่เขาทำงานพิเศษอยู่ แล้วักจะเห็นจีมินในมุมส่วนตัวที่สุดของร้น ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่นานๆเข้า เขาก็เห็นอีกฝ่ายบ่อยขึ้น และมักจะเผลอยิ้มทุกครั้งที่เห็นว่าจีมินชอบที่เขาร้องเพลงละเล่นเปียโนไปด้วย แล้วยิ่งรู้ว่าคนตรงหน้าคอยตามไปส่งเขาที่บ้านทุกๆวัน ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก ทำไมเขารู้สึกตัวช้าจังเลย....
จีมินเองก็หันหน้าไปทางอื่น พลางทำตัวไม่ถูก ใครรู้ก็คงไม่เชื่อทั้งนั้นแหละว่าผู้ชายน่ากลัวอย่างเขาจะมาคอยตามส่งผู้ชายซื่อบื้ออย่างนี้ แต่ก็นั่นแหละ เขาชอบเสียงเปียโน ยองแจก็เป็นเหมือนเสียงเปียโนที่ได้ฟังได้เห็นแล้วก็เพลินจนถอนตัวไม่ขึ้น ได้มองความซุ่มซ่าม ไร้เดียงสาแล้วมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว จนกลายเป็นว่าเขาอยากจะฟังเสียงเปียโนที่มียองแจเป็นคนเล่น อยากจะฟังเสียงร้องเพลงที่มียองแจเป็นคนร้อง ความรู้สึกนี้ที่อยากจะบอก มันจะเร็วไปรึป่าว?
“ฉันชอบนาย...” เสียงทุ้มห้าว ดังแทรกอากาสแห่งความเงียบผ่านเข้ามาในโสตประสาทของคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ จนต้องเงยหน้าขึ้นมาเบิกตาตี่ๆของตนเองให้กว้างขึ้น
“นะ...นาย ว่าไงนะ!!”
ยองแจถามเสียงดังอย่างตกใจ สิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ล้อเล่นหรือเรื่องจริง?
“ซื่อบื้อ...” จีมินส่ายหัวอย่างเบื่อๆ พลางขยับกายเข้ามาใกล้ๆ มือหนาเลื่อนไปจับเอวบางไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าคมโน้มลงมากระซิบข้างๆหู
“ฉัน-ชอบ-นาย ชเว ยองแจ”
ชัดเจน... ยองแจนิ่งงันไปกับคำตอบของจีมิน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจีมินขบเม้มใบหูเบาๆแล้วกดจมูกโด่งลงบนแก้มอวบ จนแก้มใสขึ้นสีแดงชัดเจน แม้บริเวณโดยรอบจะไม่สว่างเท่าตอนกลางวันก็ตาม เสียงหัวเราะขำในลำคอของจมินดึงสติที่เหลืออยู่น้อยนิดของยองแจจนสะดุ้ง
“ฉันกลับละ...”
จีมินเดินออกมาจากบริเวณนั้น แต่ยังไม่ทันถึงใหนก็โดนคนตัวเล็กเรียกไว้ก่อน
“เอ่อ...จีมิน! มันดึกแล้ว จะนอน เอ่อ.. บะ บ้าน ฉันก่อน...ไหม?”
แม้เสียงจะตะกุกตะกักด้วยความไม่แน่ใจแต่ก็ยังเอ่ยออกไปอยู่ดี เพราะตอนนี้ก็ดึกมากๆแล้ว ยอมรับก็ได้ว่า เอ่อ เป็นห่วง
“หึ รีบหรอ? ไว้นายพร้อมก่อน ฉันทำแน่”
ฉ่า...
“มะ ไม่ใช่นะ!! ฉ...ฉันแค่ ...แค่ คือ มันดึกแล้วอ่ะ!! แล้ว.. ละ!”
“เข้าบ้านไปได้แล้ว ไว้คราวหน้านะ”
พูดจบ ก็หันหลังเดินกลับไปเลย ปล่อยให้คนโดนแกล้งยืนหน้าแดงอยู่หน้าบ้าน กว่าจะได้สติก็ไม่เห็นจีมินแล้ว จึงรีบเข้าบ้านไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี เพราะคำพุดของจีมินยังคงหลอกหลอนเขาไม่เลิก
‘ฉัน-ชอบ-นาย ชเว ยองแจ’
…………………………………………………………………………………………………………
มาต่อจนจบตอนแล้วนะครับผม เปิเทอมสองวันแรกก้ไม่มีไรมากค่ะ แค่ไปฟังเขาพูดอะไรต่อมิอะไร แล้วก็โดนตรวจเครื่องแบบเล็กๆน้อย- - ขอโทษที่มาช้านะคะ แห่ๆๆ
เจไม่รู้จะพูดอะไรกันดี เอาไว้คราวหน้าละกันเนอะ นึกออกแล้วค่อยมาคุยกัน เหอๆ ขอบคุณสำหรับเม้นต์นะคะ แค่เม้นต์เดียวเจก็มีกำลังใจละ ติดตามกันเยอะๆนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ
ขอบคุณมากๆนะคะ^^
ความคิดเห็น