คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SL.G&B : 02
SL.G&B : 02
เช้าวันใหม่ของการเปิดภาคเรียนยังคงสดใสเช่นเคย เพราะการเรียนการสอนยังไม่เข้าสู่ภาวะหนักหน่วงมากนักโรงเรียนดังย่านใจกลางเมืองแบบนี้ ภายนอกโรงเรียนดูจะค่อนข้างวุ่นวายแม้จะยังเป้นเวลาเช้าตรู่อยู่ก็ตาม แต่ภายในโรงเรียนยังคงไม่วุ่นวายเหมือนตอนสายมีนักเรียนที่มาแล้วบ้างประปราย หนึ่งในนั้นก็มีแบมแบมอยู่ด้วย
คนตัวเล็กสัญชาติไทยตื่นแต่เช้าตามนิสัยประจำ ขาเล็กก้าวพ้นประตูโรงเรียนเดินตรงไปยังโรงอาหาร โดยใช้เป็น
สถานที่นัดพบกับกลุ่มของตัวเองในตอนเช้า แบมแบมเดินไปนั่งโต๊ะว่างในโรงอาหารขนาดใหญ่ บริเวณริมหน้าต่างเพื่อจะมองออกไปด้านนอกได้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปคนคนหนึ่ง คนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อวาน ‘แจ็คสัน หวัง’
ตากลมโตมองรูปในมือถือยิ้มๆอย่างไม่รู้ตัว เขานอนดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ เขาไม่คิดว่าจะสนใจหรอก แต่ก็ละสายตาไปใหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ น่ากลัวหรอ? ลองเสี่ยงดุคงไม่เป็นไรมั้ง....
“เฮ้ ! มาเช้าจังแบมแบม” จองกุก ทักทายเพื่อนตัวเล็กของตนเองก่อนจะเดินเข้ามา ด้านหลังที่เดินตามมานิ่งๆ ก็เป็นแจบอม เสียงของจองกุกทำให้แบมแบมสะดุ้ง มือบางรีบกดปิดมือถือและเก็บลงกระเป๋าทันที
“ก่อนนายสักพักนี่เอง แล้วทำไมมาด้วยกันได้ล่ะ?” แบมแบมทักกลับ พร้อมกับที่จองกุกับแจบอมนั่งลงที่โต๊ะ
“กินไรยังอ่ะ ฉันว่าจะรอยองแจกับเจโฮปมาก่อนอ่ะ” จองกุกถาม
“ยัง ฉันก็ว่าจะรอนะ แจบอมอ่ะ หิวป่าว? ไปกินก่อนก็ได้นะ” แบมแบมตอบจองกุกไป อีกคนก็ทำแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปถามคนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม
“ยัง...” แจบอมตอบนิ่งๆ แบมแบมก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร เพราะเขารู้ว่ายังไงก็คงได้ความเงียบกลับมา
...
ลมเย็นสบายและหมอกขาวบางๆในยามเช้ามันช่างน่าตื่นมาทำกิจกรรมเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า ทำงานบ้านทั้งหลายนั้น และมันก็ช่างเป็นบรรยากาศที่ไม่อยากจะลุกจากเตียงเท่าไหร่นัก แต่กระนั้น บนถนนคอนกรีตในชุมชน ที่พื้นถนนปลอดรถยนต์หรือถ้าจะมีก็มีแค่ไม่กี่คันเท่านั้น ร่างหนาเดินตามทางถนนไปเรื่อยๆ ทางที่แสนคุ้นชินและเขามักจะเดินมาทางนี้ประจำ แม้อีกคนจะไม่บอกให้มาก็ตาม ‘มาร์ค’
แจ็คสันกำลังเดินตรงไปบ้านของมาร์ค ที่เขาก็เดินไปส่งเมื่อคืน ให้เดาเลยว่าอีกคนยังไม่ตื่นแน่นอน และก็จะไม่ตื่นๆง่ายๆด้วย ถ้าเช้าๆแบบนี้มีหมอกลง นึกไปถึงเมื่อวาน เขาก็โทรเช็คตามปกติว่าอีกคนกินข้าวแล้ว อาบน้ำแล้ว เตรียมจะเข้านอนแล้ว ทำไมเขาต้องทำน่ะหรอ? ไม่รู้สิ...เหมือนเป็นความเคยชินไปแล้ว ครอบครัวเขากับมาร์คก็สนิทกันไม่ต่างจากครอบครัวยูคยอมหรอก เขากับมาร์คเป็นลูกครึ่ง เขาน่ะฮ่องกง ส่วนมาร์คใต้หวัน เขาพูดภาษาจีนได้คล่องเลยล่ะ แต่อี๋เอินของเขานี่สิกว่าจะเรียงเป็นประโยคได้ก็ไม่ต้องคุยแล้วแหละ ไม่แปลกหรอก ก็ร่างบางไปโตที่แอลเอ แล้วเขากับมาร์คสนิทกันได้ไงน่ะหนอ? เขาก็ตามไปเรียนที่นั่นเหมือนกันซึ่งก็มียูคยอมด้วย ตอนนั้นยังเป็นเด็กโข่งงอแงน่ารำคาญทีเดียว แต่พอโตมาก็เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ยุคยอมติดมาร์ค และพออายุ 13 ปีกัน เขาสามคนก็ได้มาเรียนที่เกาหลี……
“อ้าว คุณแจ็คสัน อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านของมาร์คเอ่ยทักเขาอย่างสนิทสนม ป้าชูอาร์ แม่บ้านประจำบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นที่อยู่ชองมาร์ค ป้าชูอาร์อยู่กับมาร์คแค่สองคน เหมือนกับเขาที่ก็อยู่กับแม่บ้าน เพราะพ่อแม่เขาสองคนอยู่ที่บ้านเกิด
“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาทักทายกลับพร้อมรอยยิ้มอย่างเคย
“มารับคุณหนูสินะคะ...น่าจะยังไม่ตื่นนะคะ” ป้าชูอาร์บอก ซึ่งก็เป็นไปตามที่เขาคิด มาร์คต้วนน่ะขี้เซาจะตาย
“ผมขึ้นไปปลุกเองครับ” แจ็คสันบอก ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของอีกคน ซึ่งป้าชูอาร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันเป็นปกติอยู่แล้ว เธอจึงหันไปทำงานบ้านต่างๆตามหน้าที่อย่างเดิม
“...เอิน ตื่นได้แล้ว” หลังจากเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าหล่อก็ต้องหลุดยิ้มเอ็นดูพร้อมกับส่ายหน้าอย่างปลงๆ เมื่อเข้ามาเห็นก้อนผ่าห่มที่ในนั้นมีเจ้าของผิวขาวน่าฟัดขดตัวอยู่
“1 นาทีนะกากา” มาร์คยื่นมืออกจากก้อนผ้าห่มมาชูนิ้วชี้หนึ่งนิ้วประกอบ แจ็คสันเดินเข้าไปนั่งข้างๆยังไงก็ต้องตื่นเดี๋ยวนี้ เพราะ 1 นาทีของอี๋เอิน มัน 1 คูณ 10 ต่างหาก
“ไม่ได้ครับ กากามารับแล้ว ตื่นเร็ว...” แจ็คสันบอก แต่ก็ได้รับการขยุกขยิกใต้ผ้าห่มและความเงียบกลับมา
“…..”
“เอิน...”
“…”
“เอินครับ...”
“อือ...”
“ถ้าเอินไม่ลุก กากาจะไม่มารับแล้วนะ...”
“!!!”
“กากาจะไปรับคนอื่นแทนเอินเอินแล้วนะครับ…”
พรึ่บ !
“…” มาร์คลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อได้ยินคำพูดของร่างหนา ความรู้สึกหนักอึ้งที่ปัดทิ้งไปแล้ว ย้อนวนกลับมาอีก มาร์คไม่พูดอะไร มีเพียงใบหน้าหวานที่หม่นแสง ยิ่งเพิ่งตื่นนอนด้วยแล้ว คงทำให้ไม่น่าดูนัก มาร์คลุกขึ้นจากเตียงเข้าไปทุระส่วนตัว ทิ้งให้แจ็คสันมองตามอย่างงง ที่เห็นท่าทางแบบนั้นของร่างเพรียว
ไม่นาน มาร์คก็เดินออกมาแต่งชุดยุนิฟอร์มสีกรมท่า แต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรออกจากริมฝีปากสีชมพูอ่อนเสียที ตาโตๆคมๆก็ดูจะไม่มีประกาย แค่คำพูดไม่กี่ประโยค ทำไมต้องงอนด้วยล่ะ? แจ็คสันที่นั่งรออยู่ปลายเตียง ลุกขึ้นไปหา ก่อนกอดเอวบางจากด้านหลังไว้เบาๆ ทำให้คนถูกกอดชะงักไป ...เอาอีกแล้ว ...ทำไมต้องง้อกันด้วยวิธีนี้ด้วย
“เป็นอะไร หืม?” แจ็คสันถามเสียงนุ่ม เกยคางไว้บนไหล่ มองใบหน้าสวยผ่านเงาสะท้อนจากกระจก
“...”
“...เอินเอิน”
“ป่าว....”
“กากาทำอะไรผิดครับ ขอโทษนะ...” แจ็คสันบอกเสียอ่อนโยนก่อนจะจับอีกคนให้หันมาและดึงเข้ามากอดไว้อย่างที่เคยทำ เวลาร่างเพรียวบางโกรธ งอน เสียใจ ไม่สบายใจหรืออะไรทั้งหลายแหล่ที่คนคนนี้จะรู้สึก
“กากาจะไม่มารับเอิน...กากาจะไปรับคนอื่น” ประโยคน้อยใจดังอู้อี้อยู่ในอ้อมกอด แจ็คสันหลุดยิ้มออกมา เมื่อรู้ว่าเขาทำผิดอะไร
“กากาขอโทษครับ...ไม่งอนนะ”
“กากาจะมารับเอินไหม?”
“รับสิ...หายงอนนะ กากาจะมารับมาส่งทุกวันเลย ตกลงไหม?”
“อื้อ...”
หลังจากที่ร่างหนากอดปลอบร่างเพรียวเสร็จก็เดินลงมาทานมื้อเช้าอย่างๆง่ายๆที่ป้าแม่บ้านทำไว้ให้ ทั้งคู่จึงพากันเดินไปยังโรงเรียนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ก็มีนักเรียนมากกว่าเดิม แจ็คสันและมาร์คเดินเข้ามาพร้อมกับนัมจุนและซอกจิน เมื่อเจอกันกลางทางเข้าพอดี นักเรียนหลายคนก็ลอบมองมาที่พวกเขาสี่คน ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและอีกสองคนที่ออกไปทางน่ารักเสียมากกว่า มาร์คซึ่งไม่ได้สนใจอะไรเสียบหูฟังเพลงแนว R&B ที่เจ้าตัวชอบฟัง โดยมีแจ็คสันเดินอยู่ข้างๆ สายตาคมโตของมาร์คช้อนมองขึ้นไปบนตึก เพราะเขารู้สึกว่ากำลังมีคนมองลงมา ซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากนักเรียนทั่วไป และก็มีจริงๆนั่นแหละ แต่มันมีสองกลุ่ม คนแรกคือเด็กน้อยคนนั้น แบมแบม... เขาสมเข้ากับดวงตาโตนั่นพอดี ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบนสายตาหลบไป ทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กนั่นมองใคร มือบางเลื่อนขึ้นไปเกาะแขนแจ็คสันไว้อย่างเนียนๆ ร่างหนาหันมามองพลางเลิกคิ้วถาม
“…หิวน้ำ” มาร์คบอกสั้นๆ ก่อนจะยิ้มจนเห็นเขี้ยว แจ็คสันมองอาการอ้อนนิดๆของคนตรงหน้าอย่างยิ้มๆ ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมายีหัวอีกฝ่ายเบาๆ มือที่ถูกร่างเล็กเกาะก็เปลี่ยนไปโอบเอวแทน
“ฉันจะไปโรงอาหาร จะเอาอะไรไหม?” แจ็คสันหันไปถามนัมจุนกับซอกจิน เมื่อตัวเองกำลังจะเปลี่ยนทิศทางไปโรงอาหารแทนห้องเรียน คนถูกถามทั้งสองส่ายหน้า พวกเขาถึงแยกออกไป มาร์คลอบมองไปข้างบนก็เห็นว่าแบมแบมยังมองอยู่ สักพักก็มีคนที่เอาสเก็ตบอร์ดมาคืนเขามากอดคอลากกลับเข้าห้องไป ส่วนอีกคนที่มองมาทางพวกเขาน่ะหรอ มันก็คือซอง มินโอ และเวนดี้ เขาไม่รู้หรอกว่าพวกนี้ไปสนิทกันตอนใหน มันไม่ใช่เรื่องของเขา สายตาของทั้งคู่ไม่ได้มองแจ็คสัน ไม่ได้มองมาร์ค แต่มองนัมจุนและซอกจิน....
Loading.................
มาอัพแล้วนะคะ อัพแค่นิดเดียวก่อนเนอะ ตอนนี้เจไม่ค่อยสบายอ่ะ ปวดหัว เมื่อวานก็ด้วย วันนี้มีแฟนฟิคแอดไลน์ไปแล้วหนึ่งคน555 มีกำลังใจขึ้นมาอัพต่อเลย เข้าไปเซย์ไอกันก้ได้นะคะ อย่าปล่อยให้เจงงนาน55 ช่องทางการติดต่อจะเอาไว้ทวงฟิคก้ได้นะคะ ทวงกันเยอะๆ เจจะได้แวะมาโผล่บ่อยๆ เพราะถ้าเปิดเทอมแล้วคงชะแว้บมายากแน่นอนค่ะ วันนี้พอก่อนเนอะ ไว้มาต่อค่ะ อ่อๆ ขอบคุณหนึ่งคอมเมนต์นั้นด้วยนะคะ แม้จะไม่มีอะไรมาก แต่เจถือว่าเป็นกำลังใจนะ ฝันดีค่ะ ...คร่อก
.
.
.
.
มาต่อแล้ววว แต่ยังต่อไม่จบดีเลย รู้สึกยังค้างๆนิดๆ
.
.
.
.
“จีมิน เมื่อวานนายไปใหนมาน่ะ โทรไปที่เครื่องนายก็โทรไม่ติด พอดทรไปที่บ้าน แม่นายก็บอกว่านายยังไม่กลับบ้าน?”
จินยองเริ่มถามทันทีที่เดินเข้ามาในโรงเรียน ตอนนี้มีจีมินและยูคยอมที่เดินขนาบข้างมาด้วยกัน จริงๆแล้วพวกเขาเจอกันน้าโรงเรียนพอดี
“...เรื่อยเปื่อยน่า แล้วมีอะไรด่วนหรือไง?” จีมินตอบปัดๆ เขาไม่รู้จะพูดยังไงว่าเมื่อวานเขาหายไปใหน มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เขาก็ไม่เคยบอกใครอยู่ดี
“ก็ไม่ด่วนมากหรอก ฉันแค่ใจร้อนน่ะ จะถามว่าวิดีโอเกมส์ที่ฉันยืมไปมันมีอันหนึ่งที่ฉันเล่นไม่เป็นอ่ะ เกมส์ใหม่หรอ?”
จินยองตอบ พลางยู่ปากอย่างไม่ขัดใจนิดๆ เพราะเมื่อวานเขาว่าจะเล่นเกมส์เสียหน่อย เขาเล่นได้แค่เกมส์เดียว แต่อีกเกมส์เล่นไม่เป้นและก็ไม่เข้าใจด้วย เมื่อวานเขาเลยนอนไวกว่าปกติ
“อืมๆ เดี๋ยวสอน” จีมินตอบ พลางสอดสายตามองไปรอบๆอย่างทุกที แต่สุดท้ายก็หันกลับมามองทางตรงเช่นเดิมเพราะหาใครบางคนไม่เจอ
“เมื่อกี้นายมองหาใครอ่ะจีมิน?” เป็นยูคยอมที่ถาม ร่างสูงหันมาเห็นทันทีจึ่งเอ่ยถามคนเตี้ยกว่า
“ป่าว ไปเถอะ...” จีมินตีหน้านิ่งตอบกลับ โดยมีสายตาจับผิดของจินยองและยูคยอม ก่อนทั้งคู่จะเลิกสนใจแล้วพากันเดินขึ้นไปบนห้อง
“เฮ้ ! มากันครบแล้วหรอ” ยูคยอมพุดเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งตอนนี้มีนักเรียนแค่ไม่กี่คน ส่วนหลังห้องริมหน้าต่างก็เป็นของพวกเขา
“มาเกินว่ะ” แทฮยองพูดกวนใส่เพื่อนร่างสูง ก่อนจะได้มะเหงกกลางหน้าผากมาทีหนึ่ง
“โอ๊ย!! มือก็ใหญ่ยังมาทำคนอื่นอีก” แทฮยองบ่นอุบอิบ ก่อนจะเริ่มสงครามย่อมๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจินยองเอ่ยถามเพื่อนตัวขาว
“นายไปทำอะไรมาน่ะ ยุนกิ?” จินยองเดินเข้ามาสำรวจเพื่อนตนเอง ใบหน้าขาวใสมีรอยฟกช้ำหลายจุด จินยองคาดว่าตามร่างกายที่มีชุดยูนิฟอร์มปกปิดอยู่ก็คงจะหนักหนาเสียกว่าใบหน้าขาวใส
“มีเรื่องนิดหน่อย” ยุนกิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“คิม จินวู?” จินยองถามเพื่อความความแน่ใจ เมื่อได้รับคำตอบก็ต้องส่ายหน้า
“อืม”
“ให้ตายเถอะ ทำไมนายไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากพวกเราวะ!” แทฮยองบอกออกมาอย่าหัวเสีย เขาทนเห็นเพื่อนตัวขาวมีรอยฟกช้ำมานานแล้ว แต่มันก็เท่านั้น เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมรับมัน
“ช่างเถอะ มันใกล้จบแล้วแหละ” ยุนกิบอกปัดๆ ถึงเพื่อนของเขาจะอยู่ในฐานะที่ถือว่าทั้งชาติก็ใช้เงินไม่หมด แต่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาช่วยเสียหน่อย
“...เอาเถอะๆ ไม่ไหวก็บอกนะ” ซอกจินลูบหลังยุนกิเบาๆเชิงปลอบโยน ยุนกิพยักหน้ารับยิ้มๆให้กับคุณแม่ประจำกลุ่ม
กริ๊ง !
“ประจำที่เถอะ โรงเรียนเข้าละ” ยูคยอมบอก ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกลับไปที่โต๊ะ นักเรียนหลายคนก็เริ่มทยอยกันเข้าห้องของตนเอง นักเรียนชายเก้าคนด้านหลังห้องริมหน้าต่างเข้าทำทุกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คือ ไม่ได้ให้ความสนใจกับครูประจำชั้นที่เข้ามาโฮมรูมสักเท่าไหร่
“...สวัสดีค่ะนักเรียน วันนี้ครูมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ” ก็เห็นมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบทุกวันอ่ะ ! แจ็คสันคิดในใจพลางทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปยกแขนขึ้นพาดบนเก้าอี้ข้างๆ ซึ่งมีมาร์คเป็นเจ้าของ ใบหน้าหล่อคมเกยคางไว้บนไหล่หลุบตาต่ำมองคนตัวบางเล่นเกมส์ใต้โต๊ะ
“ศิษย์เก่าน่าจะรู้นะคะว่า...เดือนหน้าโรงเรียนเราจะมีการแข่งขันกีฬาภายในสร้างความสามัคคีภายในโรงเรียนนะคะ และก็จะแบ่งเป็นสีๆทั้งหมด 6 นะคะ ภายในห้องนี้นักเรียนจะไม่ได้อยู่สีเดียวกันนะคะ เดี๋ยวหัวหน้าห้องกับรองหัวหน้ามาหยิบกล่องฉลากไปให้เพื่อนในห้องจับเลยนะ...” เมื่อคุณครูเรียกตัวแทนนักเรียนสองคนออกไป ในห้องก็เริ่มมีเสียงจ้อกแจ้กทันที ทั้งศิษย์เก่าและใหม่ก็ดูจะตื่นเต้นน่าดู เพราะจะไม่ได้อยู่สีเดียวกัน นั่นหมายความว่าต่อให้รักกันมากแค่ใหน ก็ต้องแยกออกจากกันอยู่ดี
“เงียบหน่อยค่ะๆ เอาล่ะๆ วันนี้เราจะได้เรียนกันแค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายนักเรียนแต่ละสีจะต้องแยกกันไปรวมกับสีของตนเองตามกระดาษนี้นะคะ ครูจะแปะไว้หน้าห้อง เอาๆรีบๆหยิบกันหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะเกินเวลาเรียนเสียก่อน” ครูประจำชั้นบอก พลางมองความวุ่นวายภายในห้อง นักเรียนบางคนก็กรีดร้องยังกับได้มรดกร้อยล้านหล่นทับ บางคนก็โอดครวญปานจะขาดใจเสีย ยกเว้นก็แต่เก้าคนหลังห้องที่นั่งสงบไม่ไหวติงอยู่ จนกระทั่งหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าเดินเข้ามาเพื่อให้พวกเขาจับฉลาก
“เอ่อ...ซอกจิน ถึงนายจับฉลากแล้วอ่ะ” ชายหนุ่มสวมแว่นดูเด็กเนิร์ทตำแหน่งหัวหน้าห้อง เอ่ยเรียกซอกจินอย่างกล้าๆกลัวๆ ซอกจินหันมามองก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้ เพื่อไม่ให้หัวหน้าห้องเขาเกร็งจนเกินไป มือบางล้วงหยิบในกล่อง ปรากฏว่าเขาได้สีชมพู ซึ่งเป็นสีที่เจ้าตัวชอบ ซอกจินยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบคุณครับหัวหน้า” ซอกจินกล่าวยิ้มๆทำให้คนเป็นหัวหน้าห้องยิ้มออกมาได้นิดๆ แต่ก็ยังคงกลัวๆอยู่
“เอ่อ...นัมจุน ถึง...”
“ซอกจินได้สีอะไร?” นัมจุนเงยหน้าขึ้นมาถามคนเป็นหัวหน้า ทำให้อีกฝ่ายละล่ำละลักตอบทันที
“สะ...สีชมพู”
“ฉันอยู่สีเดียวกับซอกจิน” นัมจุนบอก ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง ซอกจินยิ้มนิดๆ ก่อนจะโดนแทฮยองแซวขำๆกันสองคน
“พวกฉันก็จะอยู่สีชมพูเหมือนกัน ทั้งหมดเลย” จินยองบอกออกมา พลางส่งยิ้มอ่อนๆให้
“ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” เป็นมาร์คที่เงยหน้าจากการฟุบหลับบนลำแขนแกร่งของแจ็คสันขึ้นมาเปล่งเสียงทุ้มหวานถามนิ่งๆ
“ไม่ๆ พวกนายจะอยู่สีเดียวกันสินะ โอเคๆ” หัวหน้าบอกก่อนจะรีบลากรองหัวหน้าที่ยืนเงียบข้างๆไปหน้าห้องทันที เพื่อบอกครูว่าจับฉลากครบแล้ว
“เอาล่ะ เดี๋ยวเรียนต่อได้เลย ครูจะไปสอนแล้ว อย่าลืมนะ กินข้าวเสร็จก็รีบๆไปรวมกับรุ่นพี่ซะ” หลังจากแจ้งข่าวสารที่นักเรียนม.ปลายทั้งโรงเรียนนี้ควรปฏิบัติเสร็จ ครูประจำชั้นจึงเดินออกไปทำหน้าที่อื่นของตนเองต่อ การเรียนการสอนในตอนเช้าจึงเริ่มขึ้นและดำเนินไปจนถึงเวลาพัก
...
“เราได้อยู่สีเดียวกันหมดเลยเนอะ!!” เจโฮปบอกออกมาอย่างร่าเริง หลังจากถึงเวลาพักกลางวัน นักเรียนทุกคนจึงพากันเดินออกจากห้องเรียนตรงไปยังโรงอาหารขนาดใหญ่ พลางคุยกันจ้อกแจ้กไปตามปกติ แต่สำหรับวันนี้ ประเด็นสำคัญคือ นักเรียนต่างห้องที่รู้จักกันพากันถามว่าอยู่สีใหนอย่างสนุกสนาน พร้อมพูดถึงรุ่นพี่ปี 3 ที่จะมาประจำในแต่ละ 6 สี
“จ้า...ไม่อยู่ด้วยกันได้ไง ก็นายเป็นคนขอเปลี่ยนสีเองนี่” แบมแบมเบ้ปากใส่เจโฮปอย่างหมั้นไส้ ตอนแรกพวกเขาก็แยกกันอยู่อ่ะนะ แต่เจโฮปมันไปขอหัวหน้าห้องเปลี่ยนน่ะสิ โดยใช้ความทะเล้นของตนเองไปขอหัวหน้าห้อง เพราะว่าดันเป็นผู้หญิงเข้าพอดี
“เอาน่าๆ ยองแจก็อยากอยู่สีเดียวกันใช่ไหมล่ะ!?” เจโฮปหันไปหาแนวร่วม ยองแจจึงพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะพากันรีบเดินไปหาที่นั่งกินข้าว ตอนแรกเจโฮปและยองแจอยู่สีเขียว ส่วนแจบอมสีม่วง แบมแบมและจองกุกอยู่สีชมพู แต่เจโฮปก็ไปขอแลกมาอยู่สีชมพู รวมทั้งเปลี่ยนสีแจบอมด้วยเลย พอดีกับที่นักเรียนห้อง B หลายคน ไม่ค่อยมีใครจับได้สีชมพู......
.
.
.
“…..ขอให้นักเรียนที่ทราบสีของตนเองแล้วไปรวมกันตามสีที่ประจำเลยนะคะ ครูจะประกาศซ้ำอีกรอบหนึ่งนะคะ สีเหลืองไปที่หอประชุมใหญ่ สีแดงที่โรงอาหาร สีม่วงห้องบรรยายกลาง สีชมพูโรงยิม..............” เสียงประกาศดังขึ้น เมื่อได้เวลาเข้าเรียนในคาบบ่าย แต่สำหรับวันนี้นักเรียนม.ปลายทุกคนต้องไปรวมกันตามสีต่างๆ ภายในโรงเรียนดุจะวุ่นวายเป็นพิเศษ เมื่อนักเรียนทั้งโรงเรียนต่างต้องพากันทะยอยไปตามสีของตนเอง
“โอ๊ยๆ คนไม่เยอะเลยเหอะ!!” จองกุกบ่นอุบ หลังจากฝ่าฝูงชนเข้ามาในโรงยิมขนาดใหญ่ได้
“เข้ามาได้แล้วน่า ไปนั่งกันเถอะ” แบมแบมบอกออกมา แต่ใบหน้าน่ารักก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่
“แจบอม...ไปนั่งเถอะ นายดูหงุดหงิดมากเลยนะ แหะๆ” ยองแจส่งยิ้มแห้งๆให้กับใบหน้าคมที่เคยนิ่งๆแต่ตอนนี้มันกำลังฉายความหงุดหงิดอย่างเต็มที่
“….” แจบอมไม่ตอบ แต่เดินนำหน้าไปนั่งบริเวณชิดกำแพงและอยู่ประมาณกลางๆของโรงยิม ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงกว่ารุ่นพี่ปี 3 จะควบคุมน้องๆได้
“เงียบหน่อยนะครับ ให้พวกพี่แนะนำตัวกันก่อนนะครับ...” เสียงพูดผ่านไมค์ดังอยู่ด้านหน้าสุดของโรงยิม ซึ่งตอนนี้มีรุ่นพี่ชั้นปีที่ 3 กำลังนั่งบ้างยืนบ้าง เพื่อรอแนะนำตัว
“...เอาล่ะ พี่จะให้ประธานสีชมพูแนะนำตัวก่อนเลยนะ” หลังจากนั้นไมค์ก็ถูกส่งให้กับร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงยิม
“สวัสดีนะครับ พี่ชื่อ ฮวังชานซอง ห้อง A เป็นประธานสีปีนี้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชานซองยิ้มทักทายนิดๆ เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาพวกผู้หญิงและผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชาย(?)
“โอยๆ เบาครับเบา... ยังเหลืออีกตังเยอะนะครับ เก็บเสียงไว้กรี๊ดคนอื่นก่อน .....ไอ้ชานซองหลบไปได้แล้วไป!” เมื่อแกล้งแซวเพื่อนสุดหล่อและน้องๆเสร็จก็ปล่อยให้รุ่นพี่แนะนำตัวกันไป ใน 6 สีจะมีรุ่นพี่ปี 3 หนึ่งคนที่ถูกเลือกให้เป็นประธานสีเพื่อรับผิดชอบงาน และในปีนี้เหมือนโดนกลั่นแกล้ง เมื่อพวกกลุ่มของชานซองถูกแยกกัน และยังให้เป็นประธานสีเหมือนกันอีกต่างหาก คือ ฮวังชานซอง-สีชมพู คิมจุนซู-สีแดง นิชคุณ-สีเขียว อกแทคฮยอน-สีม่วง ชางอูยอง-สีฟ้า อีจุนโฮ-สีเหลือง ทั้งๆที่พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
“เอาล่ะครับ แนะนำตัวกันไปแล้ว ต่อไปเราจะให้น้องๆมาลงชื่อเป็นนักกีฬาตัวแทนสีนะครับ...” รุ่นพี่ชานซองพูด หลังจากให้รุ่นพี่ปี 3 แนะนำตัวไป นักเรียนหลายคนดูจะตื่นเต้นไม่น้อยที่จะลงชื่อเป็นนักกีฬาตัวแทนของสีตนเอง
“ก่อนอื่นเลยนะครับ ปีนี้เราได้เป็นคนเปิดงานและปิดงานนะครับ... น้องคนใหนที่เป็นนักกีฬาอยู่แล้ว ช่วยแยกออกไปยืนตรงหน้าประตูหน่อยครับ” แทคฮยอนพูด นักเรียนหลายคนที่เป็นนักกีฬาของโรงเรียนอยู่แล้วจึงค่อยลุกและเดินแทรกเพื่อนๆออกไป รวมทั้งแจบอม จองกุก เจโฮปด้วย เนื่องด้วยที่พวกเขาได้มาเรียนที่นี่ก็เพราะได้โควตานักกีฬานี่แหละ แล้วจับพลัดจับพลูมาจบที่โรงเรียนนี้ได้ไงก็ไม่รู้ ยองแจและแบมแบมโบกมือให้เพื่อนตนเอง แต่ที่ทำให้คนตัวเล็กทั้งสองเบิกตากว้างคือ นักกีฬาที่เพิ่งเดินออกไปรวมเมื่อกี้มีแจ็คสัน จินยอง ยูคยอม ซอกจิน แทฮยอง และจีมินด้วย ไม่ต้องคิดเลยว่าที่เหลือในกลุ่มนั้นอยู่สีใหน ก็คงไม่พ้นสีชมพูเหมือนกันนั่นแหละ......
Loading..................
พระเจ้า......
ยองแจอุทานในใจอย่างตื่นๆ ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขารู้สึกอย่างเปลี่ยนไปเป็นสีอื่นแทน มีตั้งหกสี แต่ดันยกโขยงพากันมาอยู่สีนี้สีเดียว ยองแจจะบ้าตาย......
หลังจากเดินมาทางประตูโรงยิมตามที่รุ่นชานซองบอก ก็โดนรุ่นพี่อีกคนให้เดินไปรวมกันข้างหน้าเพื่อที่จะจดชื่อ เพราะอย่างไรซะคนที่เป็นนักกีฬาโรงเรียนอยู่แล้วก็ต้องลงแข่งกีฬาของสีอยู่ดี คงเพราะอย่างนี้ด้วยละมั้งที่ทำให้พวกเขา หรือกลุ่มของแจ็คสัน ไม่สามารถไล่ออกได้ จินยองที่เดินรั้งท้ายกลุ่มของตนเอง เงยหน้าไปเห็นแจบอม จองกุก และเจโฮปเข้าพอดี ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าสะกิดแทฮยองที่ดูจะไม่สนใจอะไรเลย นอกจากลวดลายล้อรถยนต์และความหยาบกระด้างของพื้นถนนหน้าโรงยิม แทฮยองหันมาตามแรงสะกิดก่อนจะมองตามตาโตๆของเพื่อนตนเองที่เหล่ๆไปทางด้านข้าง ก็พบเข้ากับเจ้าของฟันกระต่ายที่ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่ รวมทั้งเพื่อนร่างสูงอีกสองคน
“พวกนั้นเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วยหรือไงกัน” แทฮยองเมินจองกุกแล้วเดินเข้าไปรวมกับคนอื่น ก่อนจะหันไปกระซิบกับ จินยอง คนตาโตส่ายหน้าช้าๆก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ
“ฉันว่ามันก็ดีนะ” แทฮยองทำหน้าเอือมใส่เพื่อน เขารู้จุดประสงค์ของจินยองก็แล้วกัน
“ดีกับนายคนเดียวน่ะสิ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ดูสายตามันมองฉันสิ ไม่บ่งบอกเลยเหอะ” แทฮยองบอกออกมาอย่างหงุดหงิด แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนมองแบบนั้น ซึ่งไม่ใช่สายตาที่เห็นเขาเป็นคนน่ากลัว แต่มองแบบว่าเขา เอ่อ...น่ารัก ซึ่งมันไม่ใช่ป่ะ? เขาแมนนะเว้ย !
“จ้ะ ทำหน้ายุ่งเชียว” จินยองบอกพลางหัวเราะและแหย่แทฮยองให้โวยวายออกมาเล่นๆ ใบหน้าหวานคมของแทฮยองดูจะรำคาญแต่ก็ยังหลุดขำออกมานิดๆเมื่อโดนจินยองจี้ที่เอว ส่วนคนที่แกล้งอยู่ก็ดูจะร่าเริงจนคนโดนแกล้งหมั้นไส้ โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจสายตาสองคู่ที่มองมาสักนิด แจบอมและจองกุก.....
“น้องๆครับ ที่พี่เรียกออกมา พี่ก็จะบอกพวกเราว่าพวกน้องๆต้องเป็นตัวแทนสีของเรานะครับ.....” แล้วรุ่นพี่ก็ร่ายออกมาซะยาวเหยียด ก่อนจะให้น้องๆที่เป็นนักกีฬาแต่ละประเภทมาลงชื่อ จินยอง แทฮยองและซอกจินลงชื่อในส่วนของนักวิ่ง ยูคยอมนักบาส จีมินนักกีฬาเทควันโด ส่วนแจ็คสันก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากนักกีฬาฟันดาบ ส่วนแจบอมและจองกุกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และเจโฮปเป็นนักบาส คนที่ลงชื่อแล้วก็พากันเดินไปนั่งที่เสตจหน้าโรงยิม เพื่อรอให้พวกรุ่นพี่ดูแลน้องๆที่ลงชื่อที่เหลือกันอยู่
ครืด... ครืด...
[เบื่อไหม??] มือถือเครื่องบางสั่นนิดๆให้เจ้าของรู้สึกตัว ยุนกิหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะเห็นข้อความจากคนที่ขอเบอร์เขาไปเมื่อวานและก็ยังเป็นคนมามอร์นิ่งเขาตอนเช้าด้วย คนตัวขาวยู่หน้านิดๆ แต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ แต่มันเพราะว่าตอนนี้เขาเบื่อมากๆต่างหาก
[สุดๆอ่ะ นายเป็นนักกีฬาด้วยหรอ?] ยุนกิพิมพ์ข้อความส่งกลับไปผ่านโปรแกรมไลน์ เจโฮปยิ้มกว้างออกมา เพราะไม่คิดว่าคนตัวขาวจะตอบ
[อืม เป็นนักบาสน่ะ...]
[ไม่น่าเชื่อ...]
[ทำไมล่ะ? ฉันออกจะดุดีขนาดนี้]
[แหวะ...หลงตัวเอง]
[อ่ะๆ...งั้นมาดูตอนฉันซ้อมและก็แข่งเลย จะได้เห็นกับตา หึหึ]
[ฉันรู้จุดประสงค์นายเจโฮป- -]
[แสนรู้จัง...]
[เฮ้ๆ ฉันไม่ใช่หมานะ...] ทั้งสองโต้ตอบกันด้วยรอยยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ตัว โดยมีสายตาของเพื่อนตนเองมองอย่างจับผิด แต่ก็ไม่ได้มีใครถามอะไร เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงไม่บอกง่ายๆหรอก
“เอาล่ะๆ ตอนนี้พี่ให้พวกน้องลงชื่อครบแล้ว เพื่อนใครที่วันนี้ไม่มาก็ให้ตามไปลงชื่อทีหลังนะครับ พวกน้องๆเป็นนักกีฬากันอยู่แล้ว ก็เมซ้อมได้เลยนะครับ ส่วนนักเรียนคนอื่นๆที่ลงชื่อด้วย พี่จะให้มาแนะนำกันทีหลังเพื่อร่วมทีมนะ กลับเข้าไปในโรงยิมได้เลยครับ” จบคำพูดของรุ่นพี่ นักกีฬาของโรงเรียนก็ทยอยกันเดินเข้าไปประชุม
ระยะเวลาในการประชุมกันในแต่ละสีดำเนินมาตั้งแต่หลังพักกลางวัน จนตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็เริ่มทอแสงลงแล้วพอดีกับที่แต่ละสีเริ่มปล่อยนักเรียนปี 1 และปี 2 กลับบ้าน การประชุมกันในวันนี้เป็นแค่การแนะนำน้องๆว่าควรจะทำอะไรตรงใหน การลงชื่อนักกีฬาและการเล่นเกมส์สร้างมิตรกันภายในสีเสียก่อน หลังจากที่รุ่นพี่ชั้นปีสูงสุดปล่อยออมาแล้ว ก็ราวกับตีรังผึ่ง ทำให้พวกมันแตกฮือบินออกไปยังเป้าหมายทันที ก่อนจะค่อยๆทยอยกันออกไปตามกลุ่มของตนเอง
“ห้าววว...น่าเบื่อชะมัดเลย!” ยูคยอมบ่นออกมาพลางบิดขี้เกียจไปด้วยเอามือปิดปากหาวไปด้วย หลังจากออกจากโรงยิมแล้ว
“ทำอะไรกันต่ออ่ะ?” จินยองถาม ทุกคนหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นมาร์คที่ตอบก่อน
“วันนี้ฉันจะไปนอนบ้านแจ็คสันอ่ะ” มาร์คพูด โดยมีแจ็คสันพยักหน้ารับอีกที
“วันนี้ป้าฉันกลับมาจากลอนดอนอ่ะ เลยต้องกลับไป” จินยองบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างดีใจ ก็เพราะป้ายูราของเขาใจดีจะตาย ไม่เชื่อลองดูยูคยอมตอนนี้สิ
“จริงอ่ะ ! ทำไมเพิ่งมาบอกวะ ! งั้นวันนี้ฉันขอไปบ้านนายนะจินยอง” บอกแล้วไง... ยูคยอมมันชอบไปอ้อนป้าเขาจะตายเลยเถอะ
“วันนี้ฉันจะรีบกลับไปช่วยแม่ที่ร้าน เห็นบอกลูกค้าเยอะ มีคนสั่งเค้กด้วย” ยุนกิบอก ก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่เหลือ
“พวกนายอ่ะ...จะไปใหนกัน?”
“...ฉันจะไปร้าน” นัมจุนตอบนิ่งๆตามเคย
“ฉันไปกับนัมจุนอ่ะ” ซอกจินบอก
“ย๊า...ทุกคนไปกันหมดเลยอ่ะ ฉันจะไปซื้อชุดกีฬาใหม่อ่ะ .....จีมินอ่า นายว่างไหม?” แทแทหันไปทำหน้าอ้อนใส่เพื่อนอีกคน จีมินมองนิ่งๆก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ว่าง...ไปคนเดียวละกันนะ”
“ใจร้ายมาก...” แทฮยองเบะปากอย่างงอนๆ ก่อนจะโดนมาร์คดีดปากอย่างหมั้นไส้ คุยกันอีกเล็กน้อยทุกคนก็แยกกันไป
…
“ย๊า...พวกนายเล่นกันดีๆสิ” ยองแจเหวออกมา เมื่อสองหนุ่มสุดหล่อที่กำลังดึงดูดสาวๆหนุ่มตอนนี้เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ
“ขอโทษๆยองแจ ตกลงนายเล่นเปียโนอยู่ร้านใหนน่ะ” จองกุกถามเพื่อนตัวเล็ก
“ถัดไปอีกสองร้าน...อ่ะ ถึงละๆ” ยองแจชี้ให้เพื่อนทั้งสองดู มันเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ตกแต่งแบบวินเทจ โดยเน้นไปที่ไม้ลวดลายสวยงาม เป็นร้านกึ่งบาร์นิดๆ มีเวทีอยู่ด้านหน้าสุดและเปียโนสีขาวมันวาวอยู่บนนั้นด้วย และเครื่องดนตรีอื่นๆ
“ว้าว...ร้านสวยนะเนี่ย” เจโฮปพูดชม มันสวยจริงๆนะ
“ใช่ไหมล่ะ...เป็นความคิดของเมียฉันเอง” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง เด็กหนุ่มทั้งสามจึงหันไปมอง
“ผู้จัดการโกซัง...เอ่อ...นี่เพื่อนผมครับ จองกุก เจโฮป ...แล้วพวกนาย นี่เจ้าของร้านที่ฉันทำงานอยู่” หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ทั้งสี่คนก็พูดคุยกันอย่างร่าเริง โดยเฉพาะเจโฮปที่ดูจะสนใจความคิดของภรรยาของผู้จัดการโกซังเป็นพิเศษ แต่คุยกันได้ไม่นานก็ต้องแยกย้ายไป จองกุกลากเจโฮปให้ไปซื้ออุปกรณ์สำหรับนักกีฬาว่ายน้ำ เช่นหมวก แว่นตา เพราะอันเก่ามันก็เก่าจนไม่น่าใช้นั่นแหละ ส่วนยองแจก็เข้าไปทำหน้าที่ตามเดิม
“นายจะไปซื้อที่ร้านใหนเนี่ยกุกกี้??” เจโฮปบ่นออกมาพลางเดินตามแรงลากของเพื่อนตนเอง คนก็เยอะอย่างกับว่างนักหนาจนมีเวลามาเดินช้อปปิ้ง ร้านขายของก็เยอะเสียจนหาทางเดินไม่ค่อยจะเจอ นี่ถ้าไม่ติดว่ายองแจทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ คงเลี่ยงไปเดินซื้อของที่อื่นแล้วแหละ
“นายอย่าเพิ่งบ่นสิ จะถึงแล้วๆ นี่ร้านประจำฉันเลยนะเนี่ย” จองกุกเดินปลอบไปพลาง ลากไปพลาง กว่าจะมาถึงก็ทำเอาทั้งคู่เหงื่อตก มันเป็นร้านขายชุดกีฬา อุปกรณ์กีฬาต่างๆ ซึ่งเขามักจะมาซื้อร้านนี้ เพราะมันไม่แพงมากนัก แถมยังมีครบอีกต่างหาก มาร้านเดียวได้ครบเลย
“สวัสดีครับพี่ซันนี่” จองกุกทักทายอย่างสนิทสนมตามเคย พลางแนะนำเจ้าของร้านคนสวยให้รู้จักกับเจโฮปด้วย
“...เลือกตามสบายเลยจองกุก ได้แล้วก็ไปที่เคาน์เตอร์เลยนะ” เธอบอกอย่างใจดี
“นายจะซื้ออะไรป่าว...ชุดนักบาสอ่ะ จะได้ไม่เบื่อ” จองกุกหันไปแนะนำเพื่อนตนเอง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเบื่อเสียก่อน
“ก็ดี ...นายรีบๆไปซื้อของๆนายเถอะ” เจโฮปบอกก่อนจะแยกออกไปดูชุดนักกีฬาที่ตนเองต้องการ
ครืด... ครืด...
อาการสั่นของโทรศัพท์เครื่องสวย ทำให้คนที่ตั้งใจจะเลือกชุดนักกีฬาต้องหันมาให้ความสนใจในการหยิบมันขึ้นมาเปิดดูเสียก่อน
[เจโฮป....] ร่างสูงยิ้มกว้างออกมา เพราะไม่คิดว่าคนตัวขาวจะทักมาก่อน
[ครับ...? คิดถึงฉันอ่ะดิ] เจโฮป ตอบออกไปอย่างยียวน
[นายอยู่ใหน?] คนตัวขาวถาม ทำให้ร่างสูงชะงัก ก่อนที่ใบหน้าขาวใสจะขึ้นสีแดงระเรื่อ
[เมียงดงอ่ะ พาจองกุกมาซื้อของ มีไรป่าว?]
[ป่าว...คือ ฉันจะชวนนายออกไปซื้อของมาทำเค้กอ่ะ ไม่ว่างไม่เป็นไรนะ]
[เอ้ย!...ว่างๆ จองกุกมันจะจ่ายตังค์ละเนี่ย] เจโฮปบอกออกมา ก่อนจะเหลือบมองหาเพื่อนตนเอง ก็ต้องทำตาปริบ เมื่อเพื่อนของเขาไม่ได้จะจ่ายตังค์ แต่มันกำลังเลือกอยู่ต่างหาก
[จริงอ่ะ?]
[จริงดิ ...แล้วทำไมรีบจังอ่ะ]
[ฉันต้องช่วยแม่ทำเค้กแต่งงาน ก้อนใหญ่ๆอ่ะ แต่ของไม่พอ แล้วต้องส่งในวันมะรืนนี้อ่ะ]
[อ่อ ได้ๆ ที่ใหนล่ะ] คนตัวขาวบอกสถานที่นัดหมายมาเรียบร้อย ทีนี้ก็เหลือแต่เขาจะบอกจองกุกยังไงที่ว่าจะหนีกลับก่อน
“เอ่อ...กุกกี้ คือ...”
“มีอะไรหรอ?”
“ฉันขอกลับก่อนได้ไหม? พอดีมีธุระด่วนอ่ะ” เจโฮปบอกออกมา พลางทำหน้าสำนึกเสียเต็มประดา แต่ผิดคาดเมื่อจองกุกยิ้มกว้างออกมา จนคนโกหกต้องทำหน้างง? หรือว่าจองกุกจะรู้เรื่อง !
“ได้ๆ ไปเลย...เอ้ย! ไปก่อนก็ได้ ฉันคงเลือกอีกนานเลยอ่ะ” จองกุกตอบ พร้อมกับดันหลังเพื่อนตนเองให้ออกจากร้าน โบกไม้โบกมือเสียจนคนโดนไล่กลายๆ ได้แต่มองตาปริบๆ แต่ก็เลือกที่จะเดินตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลมากนักจากเมียงดง เพราะเขานัดกับยุนกิที่นั่น
.
.
“...ขอบคุณนายมากเลยนะเจโฮป ที่นายมีธุระด่วน” จองกุกพึมพำคนเดียวอยู่หน้าร้าน ก่อนจะหันกลับเข้าไปในร้านแล้วจ่ายเงิน ก่อนจะเดินลึกเข้าไปในร้านอีกเพื่อไปหาคนบางคน
“มาคนเดียวจนได้สิน่า...” คิมแทฮยองพึมพำกับตนเองเบาๆ ตอนนี้เขาอยู่ที่เมียงดง เพื่อมาซื้อชุดนักกีฬาที่ว่าจะเอาไว้ใส่ซ้อมวิ่งเสียหน่อย เขาไม่น่ามีร้านประจำอยู่ที่นี่เลย และก็ไม่น่ามีร้านนี้อยู่ซะลึกจนเดินเหนื่อย คนก็เยอะ หงุดหงิดครับ! หงุดหงิด!
.
.
“ให้ช่วยเลือกไหมครับ^^” เสียงทุ้มใสดังอยู่ทางด้านหลัง คนถูกถามหันกลับไปมองเจ้าของสียงก็ต้องเบิกตากว้าง
“เจ้าฟันกระต่าย!!”
..................................................................................
มาต่อจบตอนที่ 2 แล้วค่ะ แต่ความสัมพันธ์ยังไม่จบ 555 ตอนแรกว่าจะให้จบในตอนนี้นะคะ แตพอดีเจคิดว่าเอาไว้ต่อตอนหน้าดีกว่า เพราะความสัมพันธ์ของสองคนนี้ในฉากนี้มันยังอีกยาวไกลคล้ายๆโฮปก้าค่ะ วันนี้เจไม่มีเรื่องพูดเยอะเนอะ
ฝากด้วยนะคะ^^ #SLGB @y33_b Line ID : jarkyb E-mail : T.j.309by33@gmail.com ไปตามทวงฟิคได้เลยนะคะ ตอนนี้เจใกล้ไปมอบตัวละ แล้วก็จะเปิดแล้วด้วย
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านนะคะ และก็สำหรับ 2 คอมเมนต์ด้วย^^
เอามาฝากก่อนไปค่ะ ทดแทนสำหรับการรอคอย^^
ความคิดเห็น