คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SL.G&B : 01
SL.G&B : 01
“เอ่อ มาร์ค คือ มีคนฝากของมาให้น่ะ” ภายในห้องเรียนในคาบที่ 1 ของการเปิดเรียนในวันที่ 2 ค่อนข้างจะดูวุ่นวายพอๆกับวันแรก แต่ภายในห้องของนักเรียนห้อง G กลับดูจะสงบที่สุด ภายในห้องตอนนี้นักเรียนแต่ละคนต่างนั่งกลุ่มใครกลุ่มมัน แต่ก็พยายามจะไม่ส่งเสียงเอะอะออกมา และตอนนี้ทั้งห้องก็เงียบทันทีเมื่อมีนักเรียนชายคนหนึ่งเอ่ยเรียกร่างบาง 1 ในกลุ่มที่น่ากลัวที่สุด ชายหนุ่มบอกเสียงนิ่งๆอย่างไม่นึกกลัวกับความเย็นชาที่แพร่ออกมา
“…” เจ้าของชื่อหันไปมองนิ่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นหาคนที่เรียกตนเอง คนในห้องหลีกทางให้ร่างเพรียวเดินไปที่หน้าประตูทันที มาร์คยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าคนที่เอาของมาให้แต่ก็ไม่ยอมรับของมาเสียที จนคนถูกจ้องเริ่มเกร็งนิดๆแล้ว
“...ขอบใจ” เสียงทุ้มหวานตอบกลับเรียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปรับมา และเดินกลับไปที่โต๊ะเรียนของตนเองทันที มาร์คทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลางหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงต่ออย่างไม่สนใจใคร
เรื่องเมื่อวันก่อนที่แจ็คสันเกือบจะใช้ดาบฟันนักเรียนต่างโรงเรียนและของที่ว่ามันก็คือสเก็ตบอร์ดที่เจ้าตัวจะพกไว้ประจำ เรียกง่ายๆคือของรักของหวงของร่างเพรียวก็ได้ แต่ถ้าถามว่าทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ก็สุนัขรับใช้ต่างโรงเรียนนั่นมันยกพวกมาล้อมมาร์คเอาไว้ ในขณะที่คนตัวบางกำลังนั่งพักเหนื่อยจากการเล่นสเก็ตบอร์ดอยู่ที่สวนสาธารณะ เวลานั้นเป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว จึงไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมานัก ดังนั้น การจะรุมทำร้าคนคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องยาก ทีนี้รู้หรือยัง? ว่าใครที่หมาหมู่ รอยช้ำบริเวณหน้ากับแขนเรียวบ่งบอกให้รู้ว่ามาร์คโดนทำร้ายมา แต่มันก็ไม่ถึงกับเยอะแยะมากนัก เนื่องจากเจ้าตัวมีศิลปะการต่อสู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว และในวันนั้นคนที่มาช่วยร่างเพรียวก็คือจินยอง และได้จับหนึ่งคนมาเพื่อถามว่าใครสั่งให้มาทำ และที่สเก็ตบอร์ดของมาร์คไปอยู่ที่มันได้ก็เพราะพวกมันนั่นแหละขโมยไปเพื่อกวนประสาทคนหน้านิ่ง ยูคยอมและแทฮยองที่เป็นคนพานักเรียนต่างโรงเรียนอกไปให้พ้นโกดังของพวกเขา ทั้งสองก็เจอกับกลุ่มเพื่อนของร่างบอบช้ำ ที่มาสอดส่องว่าจะช่วยเพื่อนตนเองยังไง ก่อนจะฝากคำพูดเจ็บแสบไว้เล็กน้อย
‘วิธีนี้ทำอะไรเพื่อนฉันไม่ได้หรอกนะ หมาหมู่แล้วแย่งของเล่นไป ปัญญาอ่อน หึ ! ’
“มาร์ค.....” เสียงเรียกใกล้ๆร่างบาง พร้อมกับร่างหนาของแจ็คสันที่ขยับมานั่งข้างๆ แต่มาร์คก็ยังก้มหน้าสำรวจสเก็ตบอร์ดของตนเองและฟังเพลงจากไอพอดเครื่องหรูไปด้วย
“อี๋เอิน...”
“…”
“เอินเอินครับ....” แจ็คสันดึงหูฟังออกจากคนร่างบางทันที เพราะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่สนใจเขาเลย
“แจ็คสัน ! อะไรของนายน่ะ” มาร์คเหวขึ้นนิดๆ พลางหันไปมองคนที่เปลี่ยนมากยางไว้บนไหล่เขาแล้ว
“เอินไม่สนใจกากา...” แจ็คสันบอกออกมาเสียงกระเง้ากระงอด พลางเบะปากใส่ แขนแกร่งเลื่อนไปโอบเอวบางไว้อย่างเนียนๆ
“สนใจแล้วนี่ไง จะเอาอะไร?” มาร์คเสียงอ่อนลง เมื่อดูเหมือนร่างหนาจะเริ่มอ้อนแล้ว
“อยากกินช็อคโกแลตอ่ะ...” มาร์คส่ายหัวนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปหยิบช็อคโกแลตในกระเป๋าของตนเองมาให้อีกคนกิน แจ็คสันยิ้มกว้างให้ร่างบางและนั่งแกะช็อคโกแลตกินพลางแบ่งเจ้าของไปด้วย ไม่นานครูประจำชั้นก็เข้ามาและแนะนำตนเอง แต่ก็ไม่ได้เรียกความสนใจของนักเรียนชาย 9 คนหลังห้องริมหน้าต่างได้แม้แต่น้อย
กริ๊งงงง.....
เสียงบอกเวลาพักทานข้าวของโรงเรียนดังขึ้น พร้อมกับเสียงเฮของนักเรียนหลายๆคน ก่อนจะจะพากันเก็บของและทยอยลงไปทานอาหารกลางวันกัน
“แบมแบม...จะรีบไปใหนน่ะ” ยองแจ ถามคนตัวเล็กขำๆที่ดูจะรีบร้อนเก็บของเสียเหลือเกิน เพราะตัวเองดันงีบหลับ ในขณะที่คุณครูประจำวิชาพูดเกี่ยวกับรายวิชาของตนเอง และเมื่อพอถึงเวลาพัก ยองแจก็ปลุกอีกคนเสียจนแบมแบมตกใจ
“หยุดเลยนะยองแจ นายทำฉันตกใจหมดเลย” แบมแบมเถียงออกมาหน้าง้ำหน้างอ จนยองแจขำเข้าไปอีก
“เลิกแกล้งแบมได้แล้วหน่า ...ไปกินข้าวกัน” เจโฮปเดินเข้ามากอดคอคนโดนแกล้งไว้แล้วชวนเพื่อนในกลุ่มไปกินข้าว
“โอเคๆ ไปๆจองกุก... แจบอมลุกเร็ว ! ” ยองแจลากเพื่อนตัวสูตามสองคนที่นำหน้าไปแล้ว จองกุกวิ่งไปกอดคอเจโฮปทันที เหลือแต่ยองแจที่คอยลากแจบอมให้ไปกินข้าวด้วย เพราะเพื่อนเขาคนนี้ก็นิ่งเย็นชาเสียเหลือเกิน คุยกับเพื่อนนี่ก็แทบจะนับคำได้ ใหนอีกฝ่ายก็เอาแต่ฟังเพลงจากโทรศัพท์เครื่องสวยตั้งแต่เช้า ตั้งแต่เขากลับมาจากห้อง G ใช่! เขานั่นแหละ ที่เป็นคนเอา
สเก็ตบอร์ดไปคืนมาร์ค และที่ดูเหมือนว่าเขาไม่กลัวอีกฝ่ายก็คงเพราะเขาเรียนที่นี่มาตั้งนานเห็นกลุ่มนั้นมากเยอะแล้ว ความกลัวที่มีมันเลยไม่มีเหลืออยู่ อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้สึกเหมือนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากนักเรียนทั่วไปนักหรอก แต่แค่พวกนั้นไม่ชอบความวุ่นวายเท่านั้นเอง แต่กับแบมแบม เจโฮป จองกุก และแจบอม สี่คนนี้เพิ่งย้ายมาเรียนโรงเรียนนี้ อาจจะยังไม่รู้จักกับกลุ่มนั้นหรอก
“เฮ้ๆ พวกนายอย่าวิ่งบนทางเดินแบบนี้สิ ย๊าส์” ยองแจตะโกนบอกเจโฮปที่วิ่งไล่กับแบมแบมโดยมีจองกุกหัวเราะตาม
ปึก !
‘ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว...’ ยองแจคิดในใจ เมื่อเพื่อนตัวเล็กชนเข้ากับหนึ่งในกลุ่มห้อง G ที่ไม่สมควรเข้าใกล้มากที่สุด ยองแจกระชับมือหนาแน่นขึ้นแจอมขมวดคิ้วสงสัยนิดๆแต่ก็ยอมแต่โดยดี ก่อนจะรีบเดินไปทางนั้นทันที
“ขอโทษครับ... ผมไม่ได้ตั้งใจ” แบมแบมบอกออกมาอย่างสำนึกผิด พลางก้มหัว 90 องศา เจโฮปและจองกุกก็เช่นเดียวกัน ยองแจที่เพิ่งเดินมาถึงมองแบมแบมที่สบตากับร่างสูงที่น่าจะชื่อยูคยอมหรือกำลังสบตากับร่างหนาของแจ็คสัน เขาก็ไม่แน่ใจ ยองแจดันหลังจองกุกให้เดินหน้าต่อ แล้วลากเจโฮปกลับแบมแบมให้ตามร่างโปร่งไป ยองแจก็รีบดึงมือของร่างสูงแสนเย็นชาตามมาด้วยความรวดเร็ว เพราะจากภาพเมื่อกี้คงดูเหมือนพวกเขาเผชิญหน้ากันอยู่ และถ้าดูไม่ผิดเมื่อกี้ เหมือนเขาจะเห็นรอยยิ้มจางๆของร่างที่สูงที่สุดในกลุ่มและรอยยิ้มจากชายหน้าหวานคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อน จริงไหมล่ะ!? ยองแจไม่ได้กลัวสายตาพวกนั้นนะ !! จริงๆ ! เชื่อน้องแตงเหอะT-T
“อ่ะ...” แต่ในขณะที่ร่างเล็กของยองแจจะพ้นกลุ่มนี้ไป สายตาก็สบเข้ากับตาเรียวรีคมกริบที่เหมือนกับกรีดอายมาโรงเรียน เข้าพอดี ‘จีมิน’ ยองแจส่งยิ้มแห้งให้คนที่เดินรั้งท้ายอย่างจีมิน อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่หันออกไปมองนอกระเบียงแทน แจบอมมองยองแจสลับกับร่างแกร่งของคนที่ไม่รู้จักแต่ก็เงียบไป เมื่อเดินพ้นแล้ว ร่างสูงของแจบอมก็ยังไม่วายหันกลับไปมองกลุ่มด้านหลัง เขาสบตากับคนที่ยองแจยิ้มให้พอดี เพราะอีกฝ่ายก็เอี้ยวหน้ากลับมามองเช่นกัน
...
“ใครวะจินยอง รู้ปะ?” ยูคยอมหันมาถามเพื่อนร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากที่เดินมานั่งที่โต๊ะประจำของพวกเขาแล้ว โต๊ะประจำที่มีตั้งแต่ ม.ต้น จนขึ้นม.ปลายนี่แหละ ยังไม่มีใครคิดจะแย่งเลย
“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวไปสืบมาให้ สนใจอ่อ!?” จินยองพูดล้อๆคนตัวสูง ยูคยอมเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะก้มหน้ากินข้าว
“จีมิน นายดูเงียบไปนะ” ซอกจินเอ่ยถามคนข้างๆ พลางยกมือกอดคออีกคนแล้วเอียงหน้ามอง จีมินหันมามองนิ่งๆ ตาคมดูตื่นๆเหมือนเพิ่งหลุดออกจากห้องความคิด ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วเอนพิงคนที่กอดคอตนเองไว้
“ฉันก็เห็นมันเงียบประจำอ่ะ ฝาแฝดคนละมดลูกกับนัมจุนก็เงี้ย!” แทฮยองหรือวีหันมาบอกซอกจิน และแอบกัดคนหน้านิ่งข้างๆจินเรียกสายตาขวางๆกลับไปให้หัวเราะเล่นๆ
“พูดมากว่ะวี ไปซื้อข้าวเป็นเพื่อนหน่อย เร็ว...” ซูการ์หยิกแก้มวีนิดหน่อยก่อนจะลากคนที่ทำท่าอิดออดไปซื้อข้าวด้วยกัน นัมจุนเบนสายตาจากมือถือเครื่องหรูไปมองซอกจินที่กำลังนั่งป้อนขนมเข้าปากตนเองและปากของคนที่พิงอยู่ สายตาคมมองนิ่งๆ ก่อนจะกลับมาสนใจมือถือดังเดิม
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าตนเองเหม่ออะไร จีมินเคยเห็นยองแจมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็คนร่างเล็กก็เรียนมานานเหมือนกันนี่ แต่ที่เขาหมายถึงคือนอกโรงเรียนต่างหาก ทั้งๆที่เขาหรือกลุ่มเขาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำ แต่ยองแจกับไม่ได้ดูกลัวแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังยิ้มให้อีก แต่ส่วนใหญ่มีแต่เขาเท่านั่นแหละที่ได้รอยยิ้มสว่างๆนั่น แล้ววันนี้บนทางเดินนั่นใคร ทำไมถึงเดินจับมือกันล่ะ? จีมินคิดได้ไม่นาน ก็โดนซอกจินเข้ามาแทรกเสียก่อน เขาจึงแค่ส่ายหัวแล้วนั่งให้ซอกจินป้อนขนมเข้าปากตนเองไปด้วย ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เขาน่ะไม่ค่อยกินข้าวหรอก ซอกจินจึงชอบหาอะไรมาป้อนเขาเหมือนเด็กๆ แม้ช่วงแรกๆจะไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่พอนานวันขึ้นก็เริ่มชินแล้ว
“แจ็คสัน ...นั่นแฮมเบอร์เกอร์ฉันนะ ! ” มาร์คหันไปมองค้อนเพื่อนตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะอีกฝ่ายกินของตนเองหมดก็มาขโมยของเขาไปกิน แจ็คสันส่งยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดให้ร่างบางก่อนจะแบ่งป้อนให้มาร์คที่ยังคงมองเขาแบบเชือดเฉือนอยู่
“เอาน่ามาร์ค ก็ฉันไม่อิ่มนี่” แจ็คสันบอกมาแล้วโอบกอดอย่างเอาใจ มาร์คผลักหัวของอีกคน แต่ริมฝีปากอิ่มกลับอมยิ้มด้วยนิสัยเด็กๆของแจ็คสัน ร่างหนามองมาร์คยิ้มๆแล้วก็เริ่มทำการแย่งของกินนู่นนี่ร่างเพรียวโวยวายเล่นๆ
“อ่ะ...” มาร์คหยุดการโวยวายเมื่อเห็นว่าแจ็คสันเงียบไปและสายตาคมกำลังมองตรงไปที่ใครคนหนึ่ง คนที่พวกเขาเจอบนทางเดิน คนตัวเล็กหันมาสบกับตาคมเข้าอย่างจังก่อนจะเบนหลบไป มาร์ครู้ว่าแจ็คสันกำลังมองคนตัวเล็กนั่นอยู่ แต่แค่เขาไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่ายก็แค่นั้น ....ใครคนนั้นที่ชื่อ แบมแบม ....ใครคนนั้นที่ยูคยอมก็สนใจ
“…พี่มาร์ค” ยูคยอมเอ่ยเรียกชื่อลูกพี่ลูกน้องของตนเอง แม้จะอายุเท่ากัน แต่เพราะครอบครัวของพวกเขาสนิทกัน และมาร์คเกิดก่อนแค่ไม่กี่เดือน ทำให้เขาต้องเรียกอีกฝ่ายว่าพี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ และก็ติดปากมาโดยตลอด รวมทั้งเขายังติดมาร์คเอามากๆเหมือนน้องติดพี่ ประมาณนั้น และตอนนี้ร่างสูงก็เดินอ้อมมานั่งข้างมาร์ค โดยไล่คนตัวขาวอย่างซูการ์ให้ไปนั่งแทนที่เขา เพราะเขารู้สึกได้ว่ามาร์คเงียบกว่าปกติ ดวงตาสวยก็ดูหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
“หืม? ว่าไง” มาร์คตอบรับ และหันไปมองน้องชายร่างสูง ที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ข้างๆ จนคนเป็นพี่เอื้อมมือไปยีผมอย่างขำๆ เจ้าเด็กโข่งนี่มันติดเขาอย่างกับอะไร รู้ดีไปซะหมดว่าเขาเป็นอะไร ถ้าเขาทำหน้าเศร้านิดๆ เจ้าเด็กบ้านี่ก็เตรียมจะร้องไห้แล้ว ถึงแม้จะยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดก็เถอะ แต่ยูคยอมน่ารักนะ อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งให้เขาเวลาอ่อนแอ....
“พี่เป็นอะไร? อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ! ” ยูคยอมยกแขนกอดเอวพี่ตนเองไว้ พลางซุกหน้าลงกับไหล่บาง มาร์คหัวเราะขำก่อนจะกอดตอบแล้วโยกตัวไปมาเป็นเชิงปลอบ
“ไม่ได้เป็นอะไรหน่า...อย่างอแงสิ” มาร์คซุกหน้าลงกับไหล่กว้างของน้องชาย เสียงที่สดใสเมื่อครู่ขัดกับใบหน้าหวานที่ฉายความเศร้าจนน่าเห็นใจ ยูคยอมกระชับกอดให้แน่นขึ้น พลางละสายตาจากหน้าของพี่ชายมองคนข้างๆที่มองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะสนใจร่าบาง แต่เขาเห็นว่าแจ็คสันกำลังกัดฟันกรอดจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดออกมา สายตาของยูคยอมมองตามสายตาแจ็คสันไป ก็เจอกับกลุ่มที่เขาเจอกันบนทางเดิน ...ถ้าแจ็คสันสนใจเขาจะยอมหลีกให้ แต่เขาจะเอามาร์คคืน....
...
“นี่ ! ฉันจะเตือนอะไรให้ ว่าอย่าไปยุ่งกับกลุ่มที่ว่านั่นก็ดีว่านะ” ยองแจว่า พลางกินแตงกวาของโปรดไปด้วย
“ทำไมอ่ะ” แบมแบมถาม เมื่อสักครู่เขาก็เผลอไปสบตากับร่างหนาแล้ว ยอมรับเลยว่าหน้าตาดีมากๆ ไม่ใช่แค่นั้นหรอก แต่หมายถึงทั้งกลุ่มต่างหาก อย่างเช่นคนที่สูงที่สูงด้วย
“พวกนั้นอยู่ห้อง G เป็นกลุ่มที่ไม่สมควรเข้าใกล้ อันตราย เห็นคนอื่นว่างั้นนะ แต่สำหรับฉัน ฉันเฉยๆอ่ะ” ยองแจบอก พลางสังเกตอาการของแบมแบมที่ดูเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอยูคยอมกับแจ็คสันด้วย
“ฉันอยากรู้จัก ! ” จองกุกโพล่งขึ้นมา ทั้งโต๊ะจึงหันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่แจบอม
“เอาจริงดิ ไม่เล่นนะกุกกี้” ยองแจมองเพื่อนตนเองอย่างหวาดๆ
“ไอ้แตง... บอกๆมาเหอะว่าใครเป็นใคร” จองกุกว่ายองแจกลับไป ก่อนจะทำหนารำคาญเมื่ออีกคนมัวแต่ลีลาไม่ยอมบอกเขา
“เออๆก็ได้ ....เจโฮป ไม่ต้องทำท่าอยากรู้ขนาดนั้นก็ได้ ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่” คนที่เพื่อนๆในกลุ่มเรียกว่าแตงหันไปหยิกแขนของเจโฮปด้วยความหมั้นไส้ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น ยองแจหยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปผู้ชายทั้ง 9 คนก่อนจะไล่ชื่อให้ฟัง
“อ่า ...แทฮยองนี่ชอบทำหน้าโหดๆตลอดเวลาเลยหรอ?” จองกุกถามขึ้น เมื่อฟังยองแจพูดจบ
“ป่าวหรอก แค่ชอบทำหน้านิ่งๆอ่ะ ฉันเคยเห็นเขายิ้มอยู่ครั้งหนึ่ง น่ารักมากเลยล่ะ สตั๊นเลยทีเดียว” ยองแจบอกออกมา อย่างไม่ยี่ระ จองกุกพยักหน้ารับ ก่อนจะแกล้งทำเป็นมองนู่นมองนี่ แล้วเนียนหันไปมองข้างหลัง เพื่อดูร่างบางที่เขารู้สึกใจเต้นแรงตั้งแต่สบตากันบนทางเดินแล้ว จองกุกสบตากับแทฮยองเข้าพอดี โดยร่างบางก็ทำหน้านิ่งมองตอบเขา จองกุกยิ้มรับนิดๆก่อนจะหันมาที่เดิมแล้วฟังว่าเจโฮปถามอะไร
“นี่ๆแล้วขาวๆนี่อ่ะ ยุนกิสินะ ...โหย ขาวอย่างกับน้ำตาล” เจโฮปทำหน้าโอเวอร์ใส่จอโทรศัพท์
“อืมใช่ นอกจากชื่อยุนกิ ก็เรียกอีกอย่างว่าซูการ์นั่นแหละ” ยองแจบอก เขานั่งจ้องหน้าเพื่อนของตนเองแต่ละคน โดยเฉพาะจองกุกกับเจโฮปที่ดูจะออกนอกหน้ากว่าใคร
“ว้าว ! แล้วนี่อ่ะ จินยองหรอ” เจโฮปถามขึ้น พลางเหลือบไปมองเพื่อนหน้านิ่งข้างๆ เขาเห็นนะตอนสวนกัน แจบอมมอง
จินยองอ่ะ แล้วจินยองคนสวยก็มองแจบอมผู้ชายสุดชิคของเราด้วย แต่ไม่ได้ผล เพราะร่างสูงไม่ได้สนใจเลยสักนิด ยองแจที่พอจะเดาได้ว่าเจโฮปคิดอะไรก็พยักหน้ารับรู้นิดๆ ดูเหมือนว่าการจะห้ามเจ้าพวกนี้ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มนั้นจะยากเสียกว่าการที่เขาเปลี่ยนแนวร้องเพลงจาก R&B มาเป็นฮิบฮอบเสียอีก
“อืมใช่ เขาชื่อจินยอง นิสัยก็ดีพอๆกับซอกจินนั่นแหละ แต่ที่ไม่มีใครกล้ายุ่งก็เพราะเขาอยู่ในกลุ่มนี้แค่นั้นเอง แต่จะเรียกว่าโหดนิดๆด้วยก็ได้” ยองแจอธิบาย พร้อมๆกับกินแตงกวาหมดแล้ว เขาลอบมองไปที่แจบอม แต่อีกคนก็นั่งนิ่งไม่ไหวติงอะไรเลยสักอย่าง ทุกคนจึงเลิกพยายามทำให้แจบอมสนใจคนสวยอย่างจินยอง โดยไม่มีใครสังเกตท่าทีของแบมแบมเลย
“รีบกินดีแล้วรีบขึ้นเหอะ ฉันอยากนอนแล้ว” จองกุกพูดแล้วหันไปกินส่วนของตนเองต่อ ทุกคนจึงเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วกินไปพูดคุยกันไปเรื่อยๆ
…
“นี่ๆ ซูการ์ ฉันขี่หลังนายบ้างได้ไหมอ่ะ คิกๆ” จินยองบอกออกมาเสียงร่าเริง แล้ววิ่งไปกอดคอคนตัวขาวหันกลับมารับมุกต่อจากเขา
“กระโดดขึ้นมาเลยเพื่อน ฮ่าๆๆ...” ซูการ์หัวเราะร่า มองภาพตรงหน้ายิ้มๆ สิ่งที่เห็นตอนนี้คือภาพของมาร์คที่กำลังขี่หลังลูกพี่ลูกน้องอย่างยูคยอมอยู่ คนตัวสูงหันมามองเพื่อนร่างบางที่ล้อเขาสองคน ก่อนจะไล่ให้ไปไกลๆ
“นี่จินยอง นายควรไปสืบมานะว่าเด็กพวกนั้นคือใคร” ยูคยอมบอก ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเผลอพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าในตอนนี้ มาร์คกำลังกลัว... กลัวสิ่งที่จะเปลี่ยนไป
“เออๆ อยากรู้จริงๆเลยนะ งั้นคาบบ่ายฉันโดดนะ ซูการ์ไปเป็นเพื่อนหน่อย” จินยองว่า แต่เพื่อนตัวขาวดันขืนตัวไว้เสียนี่สิ
“ไม่เอาอ่า ฉันง่วง... แทแทไปเป็นเพื่อนจินยองหน่อยสิ” แทฮยองพยักหน้ารับก่อนจะเดินแยกออกไปกับจินยอง ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินตามทางเพื่อกลับห้องเรียน โดยตลอดทางนักเรียนหลายๆคนต่างหลบทางให้ ยิ่งตอนนี้ใบหน้าของหนุ่มนักกีฬาฟันดาบกำลังดูจะหงุดหงิดเอามากๆ จนแทบจะฆ่าทุกคนที่เผลอไปสบตาได้....
กริ๊งงงง....
เสียงออดบอกเวลาโรงเรียนเลิก ซึ่งก็ถือเป็นสวรรค์ของนักเรียนหลายๆคน บางคนก็นัดกันไปเดินห้างสรรพสินค้า บางคนก็ไปอ่านหนังสือ บ้างหาอะไรทาน ซื้อของบ้าง แล้วแต่กิจวัตรประจำวัน ทุกคนทยอยออกไปจนหมด จึงเหลือแค่นักเรียนแสนจะเย็นชาเทานั้นในห้อง สักพักร่างของจินยองและแทฮยองก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่แยกกันตั้งแต่ช่วงกลางวัน ตลอดการเรียนคาบบ่าย ทั้งสองคนก็ไม่เข้ามาในห้องอีกเลยจนโรงเรียนเลิกนี่แหละ
“แหมๆ หายเงียบนะครับ” ยูคยอมเอ่ยแซวนิดๆ จินยองเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะหน้าแจ็คสันที่ตอนนี้เจ้าของโต๊ะเงยหน้าจากการนอนซบร่างบางๆของมาร์คมามองเขาอย่างเคืองๆ จินยองยิ้มรับนิดๆแล้วเอามือลูบหัวมาร์คที่กำลังหลับอยู่เบาๆ ก่อนจะหันไปทำสีหน้าจริงจัง เหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงมาก
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่วันนี้ไปสืบมา พวกนั้นอยู่ห้อง B....” จินยองมองหน้ายูคยอมก่อนจะเบ้ปากใส่อย่างหมั้นไส้แต่ก็ยอมพูดต่อ
“วี ขอรูปหน่อยสิ...” คนตัวขาวหยิบมือถือขึ้นมาและส่งให้ซอกจินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รูปพวกนี้และชื่อของคนในรูปไม่ใช่เรื่องยากเลยที่พวกเขาจะหามาไม่ได้
“ตัวเล็กๆ ตาโตๆ น่ารักๆของนายน่ะ ชื่อ แบมแบม... หน้าทะเล้นๆดูกวนๆหน่อยชื่อ เจโฮป... ร่างโปร่งๆสูงๆ ยิ้มเห็นฟันกระต่ายนั่นจองกุก อีกคนที่ยิ้มจนฉันคิดว่าเวลาเดินต้องหยุดหัวเราะก่อนไหม เดี๋ยวจะไปชนอย่างอื่นเข้า นั่นยองแจ... และก็หน้านิ่งๆเหมือนโลกนี้มีแค่ตัวเองกับโทรศัพท์ นั่น ...แจบอม” จินยองบอกออกมายาวเหยียดไล่ไปทีละคน ทุกคนดูรูปในมือถือของคนตัวขาวก็พยักหน้ารับ แทแททำหน้าล้อเลียนทันที่จินยองคนสวยพุดชื่อคนสุดท้ายจบ
“หรอออ... ฉันนึกว่าแจบอมอะไรนั่นจะทำหน้าแบบว่าโลกนี้มีแค่เขากับนาย ชิ ! ” แทแทบอกออกมาอย่างหมั้นไส้ ก่อนจะได้ค้อนวงใหญ่จากร่างบางบนโต๊ะไป
“หุบปากไปเลยแทแท... ก็แค่เห็นว่าน่าสนใจดี” ท้ายประโยคพูดเสียงเบาๆพร้อมกับเบือนใบหน้าสวยออกไปนอกหน้าต่าง วีหัวเราะขำนิดๆ ก่อนจะต้องหุบปากฉับเมื่อคนนิ่งเงียบอย่างจีมินดันโพล่งขึ้นมา
“ฉันก็เห็นว่านายฟันกระต่ายอะไรนั่นมองนายนะแทแท...” จีมินบอกออกมา เรียกเสียงล้อของคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี วียู่จมูกใส่นิดๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทันที
“แยกย้ายเหอะ วันนี้ฉันไม่เข้าไปที่โกดังนะ จะกลับบ้าน” ซอกจินบอก ทุกคนจึงเดินออกไปรอร่างสองร่างที่นั่งเกยกันอยู่
“มาร์ค...ตื่นได้แล้ว” แจ็คสันเรียกอีกคนข้างหูเบาๆ พลางเก็บของและถือกระเป๋าพร้อมสเก็ตบอร์ดมาไว้ในมือทั้งหมด มาร์คครางรับในลำคอ แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นมา
“เอินครับ...เดี๋ยวไปส่งบ้าน ตื่นก่อนเร็ว” แจ็คสันก้มลงไปเรียกอีกคนอีกครั้ง ดวงตาสวยปรือตาขึ้นมองช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นออกไปนอกห้อง โดยมีมือหนาที่จูงอยู่ข้างหน้า
“สองผัวเมียนี่กลัวหลงกันใช่ไหม จูงกันอยู่ได้ หมั้นไส้จริงๆเลย...” แทฮยองพูดล้อเลียนยิ้มๆ ก่อนจะกระโดดหลบไม่ให้โดนเตะโดยแจ็คสัน
“ฮ่าๆๆ ...นี่ๆ จีมินถือกระเป๋าให้ด้วยสิ อิจฉาคนสวยแถวนี้ คิกๆ” ซอกจินหันหลังมาพูดต่อ ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับจินยองที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางในหัวข้อสนทนาเดินตามแรงจูงของร่างหนาแต่กลับก้มหน้างุดซ่อนแก้มแดงๆไว้ แต่เจ้าของมือที่เดินจูงอยู่เห็นมันชัดเจน แจ็คสันยิ้มบางๆก่อนจะกระชับมือสอดประสานมือนิ่มๆนั่นๆ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อร่างเพรียวบางเงยหน้าขึ้นมามอง มาร์คอมยิ้มนิดๆแล้วกระชับมือตอบพร้อมกับหันใบหน้าหวานนี้เมื่อรู้สึกว่ามันร้อนๆไปหมด
โดยทุกการกระทำอยู่ในสายตาของร่างสูงเด่นอย่างยูคยอม......
...
“กลับยังไงอ่ะแตง” จองกุกถาม เมื่อพวกเขาเดินลงมาจากอาคารเรียนแล้ว ตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าตึกเรียน คนถูกเรียกว่าแตงหันมามอง ก่อนจะตอบออกไป
“เดี๋ยวฉันจะไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารย่านเมียงดงอ่ะ” ยองแจพลางชูโน้ตเพลงประกอบ
“จริงสิ นายเคยบอกว่านายทำงานพิเศษด้วยนี่” เจโฮปบอกออกมาอย่างนึกได้
“ไว้เดี๋ยวจะแวะไปฟังนะ” แบมแบมบอกออกมาอย่างตื่นเต้น ที่เหลือก็เช่นกัน ยกเว้นแค่คนคนเดียว คนที่แทบจะไม่มีบทกับใครเลยไง
“....”
“แจบอม วันนี้ว่างไปด้วยกันไหม เลิกทำหน้านิ่งๆสักทีเถอะ ไหว้ล่ะ” ยองแจบ่นอุบอิบพร้อมหน้างอๆหันไปมองแจบอม ร่างสูงมองคนเตี้ยกว่านิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไว้วันหลัง จะแวะไป” แจบอมตอบ ยองแจยิ้มกว้างออกมาทันทีที่ร่างสูงหัดสนใจเพื่อนร่วมโลกบ้าง
“งั้นไว้นายไปพร้อมฉันก็ได้นะ ช่วงนี้ว่างๆ เดี๋ยวต้องให้แตงพาทัวร์เสียหน่อย” จองกุกบอก
“แยกกันเลยไหม ฉันว่าจะไปซื้อวิดีโอเพลงใหม่ด้วย” เจโฮปบอก
“แยกเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันว่าจะไปซื้อของสักหน่อย” แบมแบมบอก แต่ทุกคนยังไม่ทันจะได้เดินไปใหนนัก นักเรียนกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากอาคารพอดี กลุ่มที่สามารถหยุดทุกการกระทำทุกอย่างได้
มาร์คเหลือบมองแจ็คสันทันทีที่เห็นว่ากลุ่มนักเรียนชายกลุ่มนี้ยืนอยู่หน้าอาคาร แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะร่างหนาข้างๆมองสบตาตอบกลับคนตัวเล็กอย่างแบมแบมตามที่เขาคาดไว้ มือบางชักออกจากการเกาะกุมของอีกคน พร้อมกับเอากระเป๋าและสเก็ตบอร์ดของตนเองคืน ก่อนจะเดินแทรกไปข้างหน้าคู่กับยูคยอม แจ็คสันมองตามร่างบางก็ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจทันที เขาชักจะไม่ชอบหน้ายูคยอมยังไงไม่รู้ แต่เขาก็ยังเดินตามไปเงียบๆและไม่ได้หันไปสนใจแบมแบมอีก ยกเว้นจินยองกับแทฮยอง คนสวยตาโตอย่างจินยองเงยหน้ามองผู้ชายหน้านิ่งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ ยิ้มที่ไม่มีใครจะได้เห็นง่ายๆ นอกจากเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น
“….” แจบอมมองตอบแต่ไม่ได้พูดอะไรหรือยิ้มกลับ จินยองถอนหายใจนิดๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปและลากแทฮยองไปด้วย เพราะตอนนี้ร่างบางเจ้าของดวงตาโตเรียวรีกำลังตีหน้าขึงใส่เจ้าฟันกระต่ายนั่นอยู่ ไปโกรธเคืองอะไรมันล่ะนั่น !
“เอ๋?? ทำไมไม่มีซูการ์เลยล่ะ” เมื่อกลุ่มของแจ็คสันเดินพ้นไปแล้ว เจโฮปที่คอยมองหาคนตัวขาวแต่ไม่พบก็เปรยขึ้นมาอย่างสงสัยนิด ยองแจที่ได้ยินก็ทำแค่ส่ายหัวช้า ก่อนที่พวกเขาจะเดินแยกย้ายกันไป ซึ่งกลุ่มของแจ็คสันก็แยกกลับบ้านด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ไปรวมตัวกันที่โกดังอย่างเคย
ช่วงเวลาเย็นที่แสงแดดเริ่มทอแสงสีส้ม ลมพัดเอื่อยๆในช่วงยามเย็น ทำให้รู้สึกสงบและสบาย และบริเวณนี้ก็ถือเป็นสถานที่ที่สวยที่หนึ่งของเกาหลีใต้เชียวล่ะ ซึ่งตอนนี้เหมือสถานที่และบรรยากาศจะเป็นใจ ให้คนไม่ผ่านไปมาเยอะนัก มาร์คปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามความเคยชินที่เล่นสเก็ตบอร์ดเป็นประจำบนพื้นคอนกรีตริมแม่น้ำฮัน โดยมีแจ็คสันที่นั่งเฝ้ากระเป๋ามองร่างบางอยู่เงียบๆ ข้างๆกันก็มีน้ำอัดลมที่เริ่มมีหยาดน้ำเกาะตามขวดบ้างแล้ว เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วแหละ ทุกๆครั้งที่ไม่ไปที่โกดัง ถ้ามาร์คบอกจะกลับบ้าน เขาก็จะพากลับ ถ้ามาร์คจะอยู่โกดังเขาก็จะอยู่ ถ้ามาร์คจะมาเล่นสเก็ตบอร์ดที่แม่น้ำฮันก็จะพามา ส่วนเขาก็จะนั่งเฝ้าแบบนี้ เป็นประจำ ทุกๆครั้ง จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แจ็คสัน หวัง ตามใจมาร์ค ต้วนทุกๆอย่าง ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันตอนเด็กๆจนโตมาขนาดนี้เหมือนหน้าที่อย่างหนึ่งของแจ็คสัน แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ามันก็กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ของคนที่เล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนกัน
“...รู้สึกกลัวยังไงไม่รู้แหะ” มาร์คพึมพำเบาๆขณะหยุดเล่นสเก็ตบอร์ด ก่อนจะถือมันขึ้นมาแล้วเดินไปหาแจ็คสัน
“เหนื่อยแล้วหรอ...” แจ็คสันถาม พลางส่งน้ำให้คนที่เพิ่งเดินมา
“...” ร่างบางเงียบแล้วดื่มน้ำแทน แจ็คสันหยิบผ้าในกระเป๋าของร่างบางขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้านวลให้อย่างเบามือ มาร์คนิ่งไปสักพัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกจนต้องอึ้งหรอก แต่มันรู้สึกหนักอึ้งต่างหาก
“เป็นอะไรรึป่าว?” แจ็คสันถามอย่างสงสัย เพราะดูเหมือนมาร์คจะเงียบมากกว่าปกติ
“ป่าว กลับบ้านกัน” มาร์คพูดขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองและดึงแจ็คสันให้ลุกตาม ร่างเพรียววางสเก็ตบอร์ดก่อนจะสไลด์ไปตามทาง โดยมีแจ็คสันเดินตามอยู่ข้างหลัง
ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว รัตติกาลแสนสงบมีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่ไม่มากนัก สองร่างของมาร์คที่สไลด์สเก็ตบอร์ดนำหน้าร่างหนาที่เดินตามมาข้างหลัง ยังคงก้าวไปตามทางอย่างไม่รีบร้อนอย่างเช่นประจำ ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมคนทั้งคู่ไว้ แจ็คสันมองร่างตรงหน้านิ่งๆ พอคิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบ ในเมื่อมาร์คไม่พูดก็จะไม่ถาม แค่ได้ดูอยู่ใกล้ๆก็น่าจะพอแล้ว จริงๆน่ะหรอ...... อีกด้านของร่างบาง มาร์คพยายามสลัดสายตาของแจ็คสันที่มักจะมองสบกับแบมแบม ทั้งๆที่เคยเจอกันครั้งแรก แต่ห้วงความคิดของทั้งคู่ก็ต้องหยุดลง เมื่อมาถึงหน้าบ้านของตระกูลต้วนแล้ว
“กินข้าวด้วยนะมาร์ค...” แจ็คสันบอกคนตัวเล็กกว่า ประโยคเดิมๆซ้ำๆที่ร่างหนาคอยบอก แต่มันไม่ได้น่าเบื่อเลยสักนิด มันมักจะทำให้คนที่ได้รับประโยคนั้นยิ้มออกมาทุกๆครั้ง
“รู้แล้วหน่า...” และคำตอบแบบเดิมๆ ที่ยอมทำตามบ้าง ไม่ทำบ้าง ซึ่งแจ็คสันก็ส่ายหัวยิ้มๆ แล้วมักจะโทรมาเช็คเป็นประจำ
“ให้จริงเถอะ เข้าบ้านไปได้แล้ว”
“อ่าๆ ไปแล้วนะ ...โทรมาด้วย” มาร์คอมลมไว้ในแก้มมองคนตัวหนา จนอีกคนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปดึงหันไปหันมา
“ครับๆ ถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ”
“ตอนเช้ามารับด้วย”
“อย่านอนตื่นสายนะ”
“โทรมาปลุก...”
“หึหึ งั้นก็ห้ามปิดเสียง ปิดสั่น”
“เข้าใจแล้ว...”
“เข้าบ้านได้แล้ว มืดแล้ว”
“กลับดีๆนะกากา...”
“ไปส่งไหมล่ะ...”
“แล้วกากาจะให้ฉันย้อนกลับมาเองรึไง”
“ไม่มีทาง.....”
“ไปได้แล้วๆ เข้าบ้านแล้วนะ....” ร่างบางบอก ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าบ้านไป แจ็คสันหัวเราะออกมานิดๆ ก่อนจะตะโกนบอกอีกฝ่าย
“...เดี๋ยวโทรหานะเอินเอิน !! ”
“ไม่รับหรอก แบร่ !! ” มาร์ควิ่งเข้าบ้านทันที หลังจากแลบลิ้นใส่ร่างหนาเสร็จก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นอมยิ้มแทน
...
หลังจากแยกกับกลุ่มเพื่อนเมื่อตอนเย็นเพื่อไปหาซื้อวิดีโอเพลงใหม่ เจโฮป เดินผ่านตรอกซอยอับๆ ค่อนข้างมืดซึ่งเป็นทางผ่านไปร้านขายดีวีดี/ซีดี เลยย่านขายของไปอีกนิด เลี้ยวไปทางขวาก็จะถึงซอยบ้านเขา ซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลมากนัก แต่ระหว่างที่ขายาวกำลังจะเดินพ้นซอยอับๆนั่นก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายออกมาจากมุมมืด เจโฮปเดินเข้าไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเห็นว่าเป็นยุนกิ ที่กำลังโดนผู้ชายชุดดำร่างใหญ่ล้อมอยู่ ร่างกายบอบช้ำ และกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้นสกปรก แต่ยังไม่ทันส่งเสียงอะไรออกไปเจ้าของร่างขาวซีดก็หันมาเห็นเขาเสียก่อน ก่อนตาตี่ๆนั่นจะเบิกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเรียวขยับเป็นเลขหนึ่ง พร้อมกับริมฝีปากที่แตกช้ำทำปากจู๋ เป็นเชิงบอกให้เจโฮปเงียบและไม่ให้เข้ามา
"หึ...นึกว่าจะแน่ เจอแค่นี้หมอบเลยหรอวะ!!" ชายร่างสูงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน
"...." ยุนกิไม่ตอบ สายตายังคงจ้องมองไปที่เงาตะคุ่มๆ
"ตายยังวะ! เงียบเชียว"
"พอใจรึยัง?..." เสียงหวานเรียบนิ่งเอ่ยออกมาเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆขยับกายลุกขึ้น
"ไม่เว้ย!! แม่แกเป็นหนี้พ่อฉัน และต่อให้แกไม่เป็นหนี้แล้ว ฉันก็จะยังราวีแกต่อไปเรื่อยๆ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างหนาจากมุมมืดอีกด้านขวามือ ซึ่งเจโฮปไม่สามารถมองเห็นได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาเผชิญหน้ากับคนที่นั่งอยู่ เจโฮปถึงได้รู้ว่านั่นเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามา และคนคนนี้ก็หน้าคุ้นๆเหมือนเขาเคยเห็นด้วย
"...คิม จินวู" ยุนกิพูดชื่ออีกฝ่ายออกมา เจโฮปเบิกตากว้างเมื่อจำได้แล้วว่านั่นเป็นรุ่นพี่ปี 3 ห้องอะไรเขาจำไม่ได้หรอก
"ทำไม! เรียกชื่อฉันทำไม!!" จินวูบอกเสียงเย็นพลางแสยะยิ้มร้ายออกมา
"..."
"...ดูแกยังมีแรงอยู่นะ เอาให้หมอบเลยเป็นไง" จบคำพูด ร่างของชายชุดดำก็เข้าไปกระทืบซ้ำ
พลั้ว!! พลั่ก!! อั่ก...อึก
ยุนกิยกแขนขึ้นมาบังศรีษะและส่วนสำคัญ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก แม้ตอนนี้จะไม่เกลือเรี่ยวแรงแล้วก็ตาม เจโฮปที่เห็นเหตุการณ์นั้นตะโกนขึ้นมาดังๆจนพวกนั้นหยุดการกระทำไปชั่วขณะ
"พี่ๆๆ ทางนี้เลยพี่ มีคนรุมซ้อมเด็กนักเรียนอยู่พี่!!!!" เมื่อคนทั้งหมดหันมองหาต้นเสียง เจโฮปก็รีบพุ่งเข้ามาหายุนกิทันที
"เฮ้ย!! มันจะหนีไปแล้ว!!"
"หยุดนะครับ!! ถ้าพี่เข้ามาทำร้ายพวกผม เรื่องนี้ถึงหู ผอ. โรงเรียนแน่!!" เจโฮปตวาดลั่น ใบหน้าขาวที่เคยฉายความทะเล้นตอนนี้เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที โดยที่ในวงแขนยังมีร่างของยุนกิอยู่
"เป็นแค่รุ่นน้องอย่ามาสะเออะ! แล้วแกไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากัน!" คิม จินวู บอกออกมาอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเจโฮปพูดออกมา
"งั้นหรอครับรู้ได้ไงว่าผมไม่มี? ผมยืนอยู่นานแล้ว และคิดว่าผมจะยืนเฉยๆให้ยุงมันดูดเลือดเลี้ยงชีพเล่นๆหรอครับ!" เจโฮปว่าพลางแสยะยิ้ม ยุนกิเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมกอด ก็ต้องก้มหน้าแอบยิ้มทันที เขาไม่เห็นว่าคนตัวสูงจะทำอะไรเลย นอกจากยืนอึ้งๆ
"กะ...แก!! มีหลักฐานแล้วไงวะ แกรู้ไหมพ่อฉันเป็นใคร!!"
"ไม่รู้ครับ คงดังไม่พอมั้งครับ แต่จะลองดีกับพ่อผมก็ได้นะ"
"ทำไม!! พ่อแกเป็นใคร ฉันลูกเจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่นะ!!!"
"อ้อหรอ... พ่อผมเป็นนักการทูตจากสวิตเซอร์แลนด์ ลองดูมั้ยล่ะ...หึ ถอยไปดีกว่านะครับ รุ่นพี่!"
"ไอ้เด็กเวร! ฝากไว้ก่อนเถอะ แกทั้งสองคนด้วย" พูดจบ ชายชุดดำก็เดินออกไปทันที เจโฮปลอบถอนหายใจ ก่อนจะมองคนในอ้อมกอด
"ซูการ์...ไหวไหม?" เจโฮปถามด้วยความเป็นห่วง ยุนกิจึงแค่พยักหน้ารับ เลือกที่จะเงียบแทนคำถาม
"...."
.
.
.
.
.
"อา...เสร็จแล้ว" เสียงแหบทุ้มเอ่ยบอกคนตัวขาวเมื่อจัดการทำแผลให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ขอบใจ..." ยุนกิเอ่ยบอกเสียงเบา ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เพราะเจโฮปเป็นคนพามาหาซื้อยาและทำแผลให้ ทั้งที่บอกแล้วแท้ๆว่าเดี๋ยวกลับไปทำบ้าน แต่ร่างสูงก็ยังทำหูทวนลมใส่อยู่ดี
"ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่!...." เจโฮปบอกออกมาอย่างนึกได้ ใบหน้าที่เคยจริงใจตอนเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ ตอนนี้มีแต่ความร่าเริง ทะเล้น และอ่อนโยน.....
"รู้แล้ว..." ยุนกิบอก เจโฮปหันมามองหน้าขาวซีดทันที ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งให้
"แอะๆ...สนใจฉันล่ะสิ! หึหึ"
"อย่ามาทำหน้าโรคจิตใส่จะได้ไหม!..." ยุนกิทำหน้าเซ็งใส่ เจโฮปหัวเราะร่า ก่อนจะได้ค้อนวงใหญ่จากคนตาตี่
"...."
"เออนี่! แม่นายเป็นหนี้พ่อของรุ่นพี่ แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ!"
"...."
"เอ่อ...ขอโทษนะ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร"
"นายมีหลักฐานของมันด้วยหรอ?"
"แหะๆ..ไม่มี! ฉันพูดไปงั้นแหละ"
"แล้วพ่อนายล่ะ?"
"ฮ่าๆๆ...นักการทูตน่ะหรอ นั่นพ่อเพื่อนฉัน อิม แจบอม...คิกๆ คุณพ่ออิมครับ ผมขอยืมพ่อมาใช้ก่อนนะ" เจโฮปยกมือไหว้ในประโยคหลัง สีหน้าอ้อนวอนซะสมจริงจนยุนกิหลุดขำออกมานิดๆ แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาซุกซนของเจโฮปพ้น
"เอ๋!?...นายยิ้มแล้ว"
"ฉันก็ยิ้มได้อยู่แล้วปะ?"
"ฮะๆๆ ไม่ใช่ๆ ฉันเห็นนายไม่ค่อยยิ้มอ่ะ"
"เราเจอกันวันเดียวนะ"
"จริงสิ...แต่นายยิ้มแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ"
"พูดอะไรน่ะ...ไปๆกลับบ้านๆ" ยุนกิบอกปัด ซ่อนใบหน้าขาวซีดที่รู้สึกว่ามันร้อนๆยังไงไม่รู้ คงเพราะแอลกอฮอร์ทำแผลแน่ๆเลย
"บ้านนายอยู่ใหนอ่ะ...เดี๋ยวไปส่ง"
"เฮ้ย! ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้"
"ไม่เป็นไร เผื่อพวกนั้นมันดักสุ่มทำไงอ่ะ...ย๊าส์ ไปเถอะๆ"
"ไม่ต้องไง..."
"เอาน่า~ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายเยอะแยะเลย"
"เรื่องอะไร?"
"มันเยอะ เดินไปคุยไปดีกว่านะ^∆^"
"- -"
...
"ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่กับป้า พ่อแม่ฉันทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆทีถึงจะกลับมา ฉันชอบเล่นบาสนะ... และฉันก็อยากทำงานพิเศษด้วย อยากลองช่วยตัวเองดูอ่ะ..."
"..." ยุนกิมองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังพูดเล่าประวัติของตนเองให้เขาฟัง ทั้งๆที่เขาอยู่ในกลุ่มของนักเรียนที่ไม่น่าเข้าใกล้ มีเรื่องกับรุ่นพี่ แต่คนคนนี้ก็ไม่กลัวอะไรเลยด้วยซ้ำ แถมยังเข้าหาเขา ทำแผลให้ ชวนคุย ไปส่งที่บ้าน เล่าชีวิตของตนเองให้ฟัง พิลึกจริง.... แล้วรู้จักบ้านฉันรึไง เดินนำหน้ากันน่ะ?
"ซูการ์ล่ะ...ชอบทำอะไร" เจโฮปหันมาถาม คนที่เดินอยู่ข้างหลัง ซูการ์เงยหน้ามองก่อนจะส่ายหน้าหน้าช้าๆ
"...ไม่รู้ ไม่มีมั้ง"
"เย็นชาจังเลย... ไม่เป็นไร แต่นับจากวินาทีนี้ฉันเป็นเพื่อนนาย"
"ตามใจ...แล้วทำไมนายถึงพูดเรื่องส่วนตัวให้ฉันฟัง ทั้งๆที่...." คนตัวขาวพูดไม่ทันจบ ร่างสูงก็แทรกขึ้นก่อน
"ฉันว่ามันสบายใจดี นายไม่ได้ดูน่ากลัวสักหน่อยนี่!"
"...งั้นหรอ?" ยุนกิทำหน้าสงสัย เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนพูด
"ฉันพูดจริงๆนะ นายคงทำแค่ปกป้องตัวเองใช่ไหมล่ะ เพื่อนกลุ่มของนายก็ดูนิสัยดีนะ"
"ก็...อืม"
"นี่ๆ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม"
"เอาไปทำไม?"
"เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"
"เอาโทรศัพท์นายมา...."
หลังจากเดินมาได้สักพัก ก็เดินมาถึงร้านกาแฟขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป คนตัวขาวบอกร่างสูงว่านี่เป็นร้านของแม่ ทะลุหลังร้านไปก็เป็นบ้านเขา
"บ้านฉันใกล้กับบ้านนายเลย!!"
"....?"
"ถัดไปอีก 3 ซอย แห่ๆ"
"พูดมาก...กลับบ้านไปได้แล้ว ขอบคุณสำหรับวันนี้"
"...ซูการ์!"
"อะไรอีก ฉันง่วงแล้ว..."
"ฉันเป็นเพื่อนนายแล้ว...."
"แล้ว?...อ่อ ฉันต้องชวนนายเข้าบ้าน!?"
"ป่าว...แค่จะบอกว่าเพื่อนคนนี้... จะจีบเพื่อนซูการ์นะครับ"
"!!!???"
"ฮ่าๆๆ ฉันพูดจริงๆนะ ไว้เจอกันที่โรงเรียน ฝากสวัสดีแม่ยายด้วยนะ ไปละ..."
"....ไอ้บ้า!!! ไอ้ๆ...!! โว้ยยย!" ยุนกิเดินหนีเข้าไปในบ้านทันที ใบหน้าขาวใสถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขิน... จะเขินได้ไง เพิ่งเคยเจอกันนะ!!
"กลับช้าจังยุนกิ แล้วใครมาส่งหรอเห็นเสียงดัง?" คุณแม่ของยุนกิส่งเสียงออกมาจากในครัว เมื่อลูกชายตัวขาวกลับมาแล้ว เธอได้ยินเสียงพูดคุยจากทางหน้าร้านซึ่งตอนนี้มันปิดแล้วเพราะเป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ คุณแม่ก็กำลังเช็ดแก้วใสเก็บใส่กล่องไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง จึงไม่เห็นรอยแผลตามร่างกาย
"คนบ้าครับ!" ยุนกิตอบแม่ออกไป ก่อนจะรีบขึ้นห้องปิดประตูทันที ริมฝีปากบางเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะนิสัยปัญญาอ่อนของ เอ่อ... เพื่อนใหม่... ก่อนจะพาร่างกายอันอ่อนล้าไปชำระร่างกายให้สะอาด และล้มตัวลงนอน เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป.....
....................................................
Talk : Wow!! จัดไป 16 หน้า (เหมือนจะขยัน- -) เรื่องแรกเลยนะคะ เราเตรียมการนานมาก กว่าจะตัดสินใจได้ อิมเมจนั่นก็แต่งเอง ขัดใจเอง กว่าจะได้แบบนั้นออกมา(--*) เจโฮปกับยุนกินี่เร็วไปไหม เค้าก็รู้สึกนะ แต่คือไม่อยากดองไว้นานค่ะ เลยเริ่มความสัมพันธ์ของคู่นี้ก่อนเลย เจพยายามเต็มที่แล้วนะเพื่อไม่ให้มันงงหรือซับซ้อนเกินไป ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ กำลังใจจะดีมากๆเลยถ้ามีเม้นต์ มีแท็ก พูดคุยกันได้ในทวิตเลยนะคะหรือผ่านเมล์ที่ทิ้งไว้ได้นะคะ สารภาพบาปกันเถอะ......
สารภาพบาป : ตอนนี้เข้าสู่เนื้อเรื่องแล้วล่ะค่ะ และสิ่งที่จะสารภาพไว้ ณ ที่นี้คือ เจไม่ได้ใส่บทของพี่บี๋ นัมจุน เลยอ่ะ น้อยมากเลยเนอะ จีมินเขามีบทนะคะ จีมินเราเริ่มแล้ว รอไปก่อนเนอะ ยังไม่ถึงเวลาค่ะสุดหล่อ เจพยายามจะไม่ทำให้งงนะคะ แก้คำผิดแล้ว เรื่องต่อไปที่จะสารภาพเลยคือ โฮปก้า กลัวอ่านแล้วจะรู้สึกว่าไวไปไหม? เจอยากรู้นะคะ (แต่จะมีใครเม้นต์ไหมTT) แล้วก็สารภาพเรื่องสุดท้ายค่ะ คือ ตอนนี้จริงๆแล้วไม่ได้จบแค่นี้ค่ะ มันต้องต่อไปอีก แต่ว่าเจเห็นว่ามันจะยาวเกินไปจนจะเบื่อ เลยตัดไปผสมโรงกับตอนหน้า ก้เหมือนกับขึ้นตอนหน้าขึ้นวันใหม่ไปเลยค่ะ แล้วเราค่อยมาไล่ความสัมพันธ์กันทีละนิดเนอะ
▶▶▶ Tag : #SLGB Twitter : @y33_b IG : Markson853_626
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ทั้งคนเม้นต์ (บอกไว้ล่วงหน้า~~จะมีไหมอ่าT-T) และก็นักอ่านเงานะคะ (อย่างน้อยก็หลงเข้ามาเนอะ~~) ฝากติดตามต่อไปนะคะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ พูดมากไปละ ไว้ต่อกันตอนหน้าเนอะ บายยยยย~~~~
ความคิดเห็น