ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    `Friend♡ 프렌드 เพื่อนรัก... รักเพื่อน {Chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #2 : `Friend♡프렌드 :: 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 57


     
          
     
          
     
       โรงเรียนมัธยมคังวอน ,โซล
     
          
     
       “พี่เคยบอกตัวเล็กแล้วไง บอกแล้วว่าอย่าร้องไห้เพราะเจ้านั่นอีก ทำไมเราถึงไม่ฟังพี่บ้างแบคฮยอน” เสียงทุ้มปลายสายพูดด้วยความโมโห แต่ถึงอย่างนั้นคนฟังก็รู้ดีว่าต้นเหตุของเสียงที่เกรี้ยวกราดนี้มาจากใคร มันจากความดื้อรั้นของตัวเขาเองทั้งนั้น
     
       “แบคขอโทษครับพี่คริส”
     
       “ขอโทษอีกแล้วนะ พี่ไม่ได้โทรทางไกลมาเพื่อฟังคำขอโทษของตัวเล็กนะ”
     
       “แล้วพี่คริสจะให้แบคทำยังไง ฮรึก... แบครักชานยอล แบคตัดใจจากเขาไม่ได้ พี่คริสจะให้แบคทำยังไง ฮรึก... ทำยังไงครับ” เสียงสะอื้นทำให้คนที่อยู่ในอารมณ์โกรธตอนแรก อึ้ง นี่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาเป็นคนทำให้น้องชายตัวเองร้องไห้เสียเองงั้นหรอ?
     
       “ตะ ตัวเล็ก พี่ขอโทษ ตัวเล็กอย่าร้องไห้เลยนะ” เสียงทุ้มของคนเป็นพี่อ่อนลงในทันที
     
       “พี่คริสไม่ผิดหรอกครับ แบคอ่อนแอเอง นิดหน่อยก็ร้องไห้ แต่ต่อไปนี้แบคจะไม่ร้องไห้แล้วครับ แบคจะเข้มแข็งให้ได้” มือเรียวของแบคฮยอนยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแบบลวกๆ 
     
       “แบคสัญญา ว่าแบคจะตัดใจจากชานยอลให้ได้”


     
     
       // ห้องเรียน //
     
          
     
       “ไอ้ชานยอล ทำไมวันนี้แบคฮยอนยังไม่มาวะ” 
     
       “กูไม่รู้”
     
       “เห้ย ไม่รู้ได้ไง มึงเป็นเพื่อนมันนะ ทำไมมึงถึงไม่รู้” 
     
       “แล้วมึงอ่ะไอ้จงอิน มึงก็เพื่อนมัน ทำไมมึงถึงไม่รู้”
     
       “ห่านี่แม่ง ยอกย้อนๆ ไอ้เซฮุนมึงดูมันดิ” จงอินสะกิดเซฮุนให้มองชานยอล ตอนนี้เพื่อนทั้งสองมองชานยอลด้วยสายตายากจะคาดเดา ทั้งอยากด่า ทั้งอยากถีบ
     
       ชานยอลไหวไหล่ก่อนจะหันกลับไปสนใจยังหน้าห้องตามเดิมอย่างไม่ใส่ใจทั้งสอง เขาไม่อยากสนทนากับกลุ่มเพื่อนมากนัก เพราะพวกนี้ชอบถามหาคนที่เขาไม่อยากจะสนใจ คนที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วย และก็ไม่จำเป็นที่เขาต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนๆนั้น
     
       คนที่ทำลายความเป็นเพื่อนของเรา คนที่ไม่ซื่อกับเขา…
     
       ชานยอลรู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าแบคฮยอนรู้สึกกับตัวเองยังไงและนานมากแค่ไหนแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยบอกความลับนี้ให้กับใครได้รับรู้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองในตอนนั้น เขาแอบเปิดไดอารี่ของเพื่อนรักตัวเล็กอ่าน แล้วก็เลยได้รู้ความลับมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ชานยอลก็ไม่ได้บอกให้แบคฮยอนรู้เช่นกัน ชานยอลพยายามทำตัวเป็นเพื่อนเลวๆที่ไม่ใส่ใจแบคฮยอนทั้งที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่ดูแลแบคฮยอนดีที่สุด บัดนี้เอาแต่คอยพูดจาทำร้ายน้ำใจให้ฟังทุกวัน หรือแม้กระทั่ง ปรึกษาปัญหาหัวใจและให้แบคฮยอนเป็นพ่อสื่อให้เขากับลู่หาน แฟนคนปัจจุบัน ได้คบกัน
     
       ฟังดูแล้วมันอาจจะดูใจร้ายและนิสัยไม่ดี แต่นี่คือวิธีที่ชานยอลคิดว่าจะทำให้แบคฮยอนตัดใจจากเขาได้และเขาก็จะได้แบคฮยอนเพื่อนที่เขารักกลับมา
     
          
     
       “เห้ย! เซฮุนมึงว่านั่นใช่แบคฮยอนป่ะวะ มากับใครอ่ะโคตรรดูดีเลย” เสียงของจงอินทำให้เซฮุนที่นั่งข้างๆชะโงกหน้าไปดูนอกหน้าต่างบ้าง แล้วจากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
     
       “เออ แบคฮยอนจริงๆ ว่าแต่ทำไมมากับหมอนั่นได้วะ แล้วนี่ก็คาบสามแล้วนะมึง! อย่าบอกนะว่าไอ้หมามันโดดเรียนไปเดทกับผู้ชาย” คำพูดของเซฮุนทำให้ปฎิกิริยาของคนที่นั่งเฉยตอนแรกเริ่มไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป 
     
       ชานยอลเมื่อได้ฟังทั้งสองคนพูดก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าน้อยๆไปมองบ้าง แล้วก็ได้เห็นตามคำบอกเล่าของเพื่อนดำขาวข้างหลัง ร่างเพียวบางของแบคฮยอนที่กำลังเดินคู่มากับนักเรียนชายอีกคนซึ่งชานยอลรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าดูดีมากจริงๆ ทั้งสองเดินกันไปคุยกันไปอย่างร่าเริง รอยยิ้มของแบคฮยอนที่ชานยอลไม่ได้เห็นบ่อยนักหลังจากที่เขาเริ่มทำร้าย ตอนนี้มันกลับมาแล้ว รอยยิ้มที่สดใสของแบคฮยอนกลับมาแล้ว คงกลับมาเพราะไอ้ผู้ชายข้างกายคนนั้นแน่ๆ
     
       “หึ ตัดใจได้แล้วสินะ ก็ดีนี่” ชานยอลแค่นหัวเราะ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันกลับมาสนใจด้านหน้าต่อ โดยไม่หันกลับไปข้างนอกหน้าต่างอีกเลย
     
       จงอินและเซฮุนที่มองดูอยู่เงียบๆต่างก็มองหน้ากัน ทำไมทั้งคู่จะดูไม่ออกว่าระหว่างชานยอลและแบคฮยอนแปลกไปจากแต่ก่อนมากแค่ไหน โดยเฉพาะชานยอลที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วไอ้การกระทำเมื่อกี้คืออะไร? ไหนบอกว่าไม่อยากสนใจ ไม่อยากรับรู้ แต่กลับชะโงกหน้าไปดูแถมพึมพำคนเดียวเสียงเย็นชาอีกต่างหาก
     
       “กูต้องรู้ให้ได้ ว่าแม่งเรื่องเหี้ยอะไรกันแน่” จงอินกระซิบเสียงแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคนกับเซฮุน
     
       “อืม กูก็ด้วย กูว่าเรื่องนี้มันชักจะไม่ธรรมดาละนะ” เมื่อเซฮุนพูดจบ ทั้งก็คู่สบตากัน
     
       “ถ้าเป็นอย่างที่กูคิดจริงๆล่ะก็ งานนี้บันเทิงแน่ เตรียมดูละครฉากใหญ่ได้เลย มึงเตรียมป๊อปคอร์นรึยังเซฮุน”
     
       “ป๊อปคอร์นเหี้ยอะไร นี่เรียนอยู่จะไปหามาจากไหนวะ”
     
       ป๊าบ!!
     
       “โฮ้ย ไอ้เหี้ยดำ ตบหัวกูทำไมวะ????” เซฮุนลูบหัว พร้อมกับมองหน้าจงอินแบบเคืองๆ เพราะอยู่ดีๆก็โดนตบซะงั้น
     
       “กูตบข้อหาไม่รับมุขกู จบมั้ย” พูดจบจงอินก็หันไปสนใจหน้าห้องเหมือนกันกับชานยอลที่นั่งข้างหน้า ปล่อยให้เซฮุนได้แต่ฟึดฟัดอย่างหัวเสียอยู่คนเดียว
     
          
     
       // 3 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น //
     
          
     
       “พี่คริสครับ แบคฮยอนต้องไปโรงเรียนแล้วคงต้องวางสายแล้วนะครับ” คนตัวเล็กหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพายพร้อมกับร่ำลาพี่ชายตัวโต
     
       “อย่าลืมที่สัญญากับพี่นะตัวเล็ก ถ้าวันนี้เจอมันอีกก็ไม่ต้องไปคุยด้วยเลยนะเข้าใจมั้ย”
     
       “โธ่ พี่คริสอ่ะ ยังไงชานยอลก็เป็นเพื่อนแบคนะ เอาเป็นว่าแบคสัญญาว่าจะคุยในฐานะเพื่อนนะครับ ถึงแม้ว่า... เอ่อ ถึงแม้ปกติแล้วชานยอลจะคุยกับแบคนับคำได้อยู่แล้วก็ตาม” พอคิดถึงจุดนี้ คนตัวเล็กก็นิ่งไปอีกครั้ง จนปลายสายรู้สึกถึงความผิดปกติ
     
       “นี่! ไหนว่าจะตัดใจแล้วยังไงล่ะ พอแล้วๆพี่ว่าเราเลิกคุยเรื่องมันกันเถอะ ไปเรียนได้แล้ว ถ้าว่างก็โทรหาพี่ด้วยนะ” แบคฮยอนยิ้ม
     
       “คนบ้า ค่าโทรแพงจะตาย ถ้าแบคโทรหาพี่คริสบ่อยๆค่าขนมคงไม่เหลืออ่ะครับ แคนนาดานะไม่ใช่เกาหลี” ปลายสายหัวเราะกลับมา
     
       “เออ ลืมไปเลย เอางี้ เดี๋ยวพี่จะโทรหาเราอีกทีค่ำๆ โอเคมั้ย?” แบคฮยอนยิ้มตาปิดอีกครั้ง เพราะคำพูดของพี่คริส
     
       “อื้อ เอางั้นก็ได้ครับ แบคไปเรียนก่อนนะพี่คริส บั้ยบาย”
     
       “บายครับ ตัวเล็ก” แบคฮยอนลูบหน้าจอโทรศัพท์แก้คิดถึงพี่ชายก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกงนักเรียน และออกจากห้องเพื่อที่จะไปโรงเรียนเฉกเช่นทุกวัน
     
       หวังว่าวันนี้จะเป็นวันดีๆนะ แบคฮยอนได้แต่คิดและถอนหายใจ
     
          
     
          
     
        
          
     
       “เอี้ยดดดดดดดด!!!!!!”
     
          
     
          
     
       เสียงเบรกรถดังสนั่นทำให้แบคฮยอนที่กำลังเดินมาต้องชะงัก อีกนิดเดียวเท่านั้นแบคฮยอนก็จะถึงโรงเรียนแล้ว แต่เสียงนั้นที่ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้แบคฮยอนลังเล ถ้าหาก เขาเดินผ่านไปโดยไม่สนใจจะเป็นอะไรมั้ยนะ?... 
     
          
     
       แล้วถ้า... มีคนต้องการความช่วยเหลือล่ะ
     
          
     
       “ช่วยด้วยค่า!!! ช่วยด้วย!”
     
       ไม่ต้องรอให้แบคฮยอนคิดนาน อยู่ๆเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น ร่างเล็กไม่ลังเลอีกต่อไป เขาวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุใกล้ๆในทันที โดยลืมไปเลยว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เขาจะต้องเข้าเรียนแล้วก็ตาม
     
          
     
          
     
       // แบคฮยอน’s พาร์ท //
     
          
     
       ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นทำให้ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ คนมากมายมุงดูแต่ไม่มีสักคนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ไม่มีใครบาดเจ็บอะไรทั้งนั้น มีเพียงแค่คนเป็นลม
     
       และคนพวกนั้นก็ปล่อยให้คุณป้าที่เป็นลมนอนอยู่บนพื้นเพียงลำพัง
     
       “คุณป้าเป็นอะไรครับ!” ผมคุกเข้าลงข้างๆคุณป้าและตะโกนถาม แต่ไม่มีใครตอบ พวกเขาเอาแต่มองมาที่ผมและคุณป้าสลับกันไปมา
     
       “ผมถามว่าคุณป้าเป็นอะไร!”
     
       “คุณป้าแกจะข้ามถนน เกือบถูกรถชน ดีที่รถบรรทุกเบรกทัน แต่คุณป้าแกตกใจก็เลยเป็นลมไปน่ะจ้ะ” พี่สาวคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ก้าวมายืนข้างหน้าและเล่าให้ผมฟัง
     
       “พี่ว่าเราพาคุณป้าไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ แล้วก็พวกคุณน่ะ! ยืนทำอะไรกันช่วยกันเรียกแท็กซี่หน่อยสิคะ!” พี่สาวใจดีบอกกับผมก่อนที่ท้ายประโยคจะหันไปบอกพวกที่ยืนมุงดูให้ช่วยเรียกแท็กซี่
     
       ครู่เดียวแท็กซี่ก็มาจอด ผมอุ้มคุณป้าขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ก็พยายามได้ไม่นานจู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากทางไหนก็ไม่รู้ มาแย่งคุณป้าไปอุ้มขึ้นรถแท็กซี่ ผมก็ได้แต่ทำหน้างง สักพักผมก็รู้สึกถึงแรงกระตุกแขนเสื้อเบาๆ ทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง
     
       “ขึ้นมาสิครับ”
     
       “อ่อๆ ครับๆ” ผมรีบรับคำก่อนจะขึ้นไปนั่งข้างๆเขา ผู้ชายที่ช่วยผมอุ้มคุณป้า ผู้ชายคนนี้เมื่อผมมองดีๆแล้ว ผมก็สังเกตเห็นว่าชุดยูนิฟอร์มที่เขาใส่เป็นแบบเดียวกันกับที่ผมใส่ ซึ่งก็แปลว่า เขาเรียนที่เดียวกันกับผม? ทำไมหน้าไม่คุ้นเลยแฮะ...
     
       “นายเอ่อ.. อยู่มัธยมคังวอนหรอ?” ผมถามเสียงเบา เขาหันมามองหน้าผมนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้า แต่ผมเห็นเขายิ้ม
     
       “ไม่น่าถาม ชุดชัดเจนขนาดนี้ ฮ่าๆ” เขาหัวเราะผม!
     
       “ย่า! ฉันก็แค่ถามเพื่อความมั่นใจเฉยๆหรอก หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ!” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หมอนี่ก็ยิ่งหัวเราะผมหนักเข้าไปอีก
     
       “โอเคๆ ฉันจะเห็นแก่คุณป้านะ หยุดหัวเราะก็ได้ ขืนฉันหัวเราะต่อนายโวยวายรบกวนคุณป้าขึ้นมาแย่แน่ๆ” เขาหันมามองผมและยิ้มกวนๆ จังหวะนี้ทำให้ผมสังเกตุใบหน้าเขาได้ชัดเจนมากขึ้น อีกอย่างที่ผมเห็น เขาไม่ใช่คนเกาหลีแน่ๆ
     
       ผมยืนยันได้เลย
     
       “นายไม่ใช่คนเกาหลีใช่มั้ย?” ผมถามออกไปในทันที
     
       “ในเวลาแบบนี้ยังขี้สงสัยได้จริงๆนะนายเนี่ย ฮ่าๆ บอกก็ได้ ฉันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน มาจากประเทศจีน จะถามขื่อฉันด้วยหรือเปล่าล่ะนายตัวเล็ก” เขาถามผมยิ้มๆ 
     
       “แน่นอน ฉันอยากรู้ชื่อนาย เดี๋ยวเสร็จจากพาคุณป้าไปหาหมอฉันจะได้ไปคิดบัญชีกับนายถูกโทษฐานกวนประสาท” เขาหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะบอกว่าเขาชื่อ...
     
          
     
          
     
       // พักกลางวัน //
     
          
     
       “ชื่ออะไรเถาๆนี่แหละ จงอิน” 
     
       ตอนนี้พวกผมสี่คนอยู่ที่โรงอาหาร และผมก็กำลังเล่าทุกอย่างให้ในกลุ่มฟัง รวมทั้งชานยอลก็นั่งฟังอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ไม่ได้ดูจะสนใจผมสักนิด ซึ่งผมก็น่าจะชินได้แล้ว แต่มันก็ไม่เลย เขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตน...
     
       “คนบ้าอะไรวะชื่อเถา” เซฮุนพูดก่อนจะเกาหัว
     
       “จะชื่ออะไรก็ช่างเหอะ ว่าแต่หลังจากนั้นมีแผนจะสานต่อความสัมพันธ์กันบ้างป่ะถามจริง” จงอินถามพร้อมกับยื่นหน้ายื่นตามาหาผม
     
       “ย่า! ไม่มีๆ หมอนั่นไม่ได้มีทีท่าว่าจะจีบฉันสักนิด” ผมตอบไปตามความจริง ก็นายคนจีนนั่นไม่ได้เหมือนจะจีบผมเลยสักนิด
     
       “ก็แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆงั้นสิ ว้า... เสียดายอ่ะ อยากเห็นคนอกแตกตาย” จงอินพูดพร้อมกับมองไปทางชานยอล
     
       ทำไมต้องมองชานยอล?
     
       “อกแตกตายอะไรของมึงวะจงอิน” เซฮุนถามขึ้น เป็นคำถามที่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
     
       “เอาเป็นว่า กูอยากให้คนบางคนมันอกแตกตายบ้างอะไรบ้าง แบบไม่เห็นค่าเขาแล้ววันนึงเขาไปรักคนอื่นนี่มันจะเป็นไงอะไรแบบเนี้ย”
     
       ผมคงไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย ผมเห็นชานยอลค้อนจงอินวงใหญ่เลย สายตาเหมือนพร้อมถีบเลยก็ว่าได้
     
       “มึงนี่มันขี้สงสัยสัส เฮ้อ” เซฮุนถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น แต่แล้วเขาก็หันขวับกลับมาใหม่
     
       “เป็นบ้าอะไรของมึง หันไปหันมาระวังคอเคล็ดนะ” จงอินหยอกเซฮุน
     
       “แฟนมึงมาอ่ะ ไอ้ชานยอล” เซฮุนตอบพร้อมพยักเพยิดไปทางที่ลู่หานกำลังเดินมา ผมเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศเดิมๆกลับมาอีกแล้ว ผ่อนคลายได้ไม่นานจริงๆสินะ
     
       “ฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะ เจอกันบนห้องล่ะ” ผมบอกก่อนจะชิ่งลุกมา พร้อมกับจานข้าวที่บอกจะเอาไปเก็บ ผมคงทนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้แน่ ผมไม่อยากเห็นสายตาหวานซึ้งที่สองคนนั้นส่งให้กัน มันทำให้ผมหวนนึกไปถึงวันนั้น วันที่ชานยอลบอกรักลู่หาน และ ผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
     
          
     
       // สองวันก่อนหน้า //
     
          
     
       “ลู่หานว่าไง” ชานยอลถามผมเสียงเรียบ
     
          
     
       วันนี้เป็นวันพิเศษแต่คงไม่ใช่วันพิเศษสำหรับผม ผมกำลังหมายถึงชานยอลต่างหาก ชานยอลกับลู่หาน ก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง ชานยอลบอกให้ผมไปพาลู่หานมาเจอกันที่ข้างตึกเรียนให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม วันนี้เขาจะสารภาพรักกับลู่หาน ตอนที่ได้ฟังครั้งแรก ผมแทบเก็บก้อนสะอื้นในคอไม่ทัน มันเจ็บยิ่งกว่าเอาเข็มมาทิ่มอีก ชานยอลกำลังทำร้ายหัวใจผม ทั้งที่มันบอบช้ำอยู่แล้วแท้ๆ
     
       “อื้ม ลู่หานกำลังมา”
     
       “ดี” 
     
       ผมได้รับคำตอบแค่นั้นจากชานยอล
     
       แล้วไม่นานลู่หานก็มา
     
       “ไปหลบก่อน เดี๋ยวลู่หานจะเขิน แล้วอย่าเพิ่งไปไหน” ชานยอลสั่งผม แล้วผมก็จะทำไงได้นอกจากต้องหาที่หลบ ทำไมนะ ชานยอลถึงไม่ให้ผมไปจากที่นี่ซะเลย
     
       “ชานยอล” เสียงหวานของลู่หานเอ่ยทักชานยอล ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าชานยอลทำหน้ายังไง เพราะผมไม่ได้มอง ผมคิดว่าแค่เสียงก็คงพอแล้ว...
     
       “ฉันมีอะไรจะบอกลู่หาน”
     
       “อะไรหรอ?”
     
       “ฉันรักลู่หาน เป็นแฟนกับฉันนะ"
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×