ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO x SNSD] ...."Operation Evil Nightmare"....

    ลำดับตอนที่ #22 : C H A P T E R 18 : Infectious!!! (100 %)

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 56


     

     

     

    C H A P T E18 : Infectious!!

     

     


     

     

    “สเปคเตอร์!!!!!!!!!”ทั้งไกสท์ เบอร์ต้าและเวกเตอร์ต่างรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของร่างลูกทีมที่ตกลงมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส

    “หึหึ เป็นไงล่ะ ดูไม่จืดเลยใช่มั้ย นี่แหละผลของคนที่กล้าต่อกรกับฉัน”เสียงปีศาจของแองเจิลยังคงพูดต่อ

    “เลือดออกเยอะมากเลย ให้ตายสิ!”เบอร์ต้ารีบถอดอุปกรณ์ตามตัวของสเปคเตอร์ออกพร้อมกับตรวจชีพจรของสเปคเตอร์ที่ตอนนี้มันอ่อนมากจนน่ากลัว หน้ากากรุ่นพิเศษของเบอร์ต้าทำการแสกนตรวจสอบร่างของสเปคเตอร์

    “พี่ทิฟฟานี่คะ เขาเป็นอะไรคะ”ลอเรนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “เขาโดนทำร้ายมาน่ะค่ะ แล้วลอเรนเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”ทิฟฟานี่หันมาตอบกับเด็กหญิง

    “ไม่ค่ะ ลอเรนแค่ล้มลงไป ไม่มีแผลอะไรคะ ตัวเมื่อกี๊น่ากลัวมาเลย ลอเรนกลัว”

    “ไม่เป็นไรนะคะ พี่กับพี่สาวพี่ชายอีก 2-3 คนเนี่ย จะปกป้องลอเรนเองนะคะ”ตำรวจสาวคลี่ยิ้มให้ลอเรนอย่างอ่อนโยน

    เบอร์ต้าเปิดเสื้อของสเปคเตอร์ขึ้น รอยแผลใหญ่เหวอะหวะ มีเต็มตัวไปหมด เบอร์ต้าหยิบเครื่องมือแพทย์ที่ต้องใช้ออกมาทั้งหมด เข็มฉีดยาสีใสถูกฉีดเข้าที่ต้นแขนของสเปคเตอร์ที่นอนหมดสติเพื่อลดการเสียเลือดที่มากเกินไป

    เบอร์ต้าใช้เข็มฉีดยาอีกเข็มหนึ่งดูดเลือดตัวอย่างของสเปคเตอร์ออกมา ดวงตากลมภายใต้หน้ากากมองเลือดในหลอดอย่างตั้งใจ ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตะลึง

    “อะไร! เบอร์ต้า สเปคเตอร์เป็นอะไร!”ไกสท์ถามด้วยความร้อนรน เธอเห็นลูกทีมของเธอถูกทำร้ายแล้วหมดสติไปอย่างนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย

    “ฉัน...ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่..เลือดของเขามีการตกตะกอนเหมือน...คนติดเชื้อ”เบอร์ต้ายื่นหลอดเข็มที่บรรจุเลือดของสเปคเตอร์ให้ไกสท์ดู เธอรับมันมาและสังเกตดู ปรากฏว่ามันเป็นอย่างที่เบอร์ต้าบอกจริงๆด้วย

    “ฉันต้องใช้แอนตี้ไวรัส แต่หลอดสุดท้ายฉันใช้มันกับทิฟฟานี่แล้ว จะมีที่โฟร์อายส์อีก 2 หลอด”เบอร์ต้าเอ่ยเสียงเหนื่อย พลางมองดูสเปคเตอร์ ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่เพียงรักษาบาดแผลภายนอกของเขาก่อน

    “ฮื่ออออ.....”เสียงครางในลำคอดังออกมาเบาๆแต่ทุกคนได้ยินมันชัดเจน เบอร์ต้าหยุดทำแผลทันที มือเรียวหยิบปืนด้านข้างขึ้นมาเพื่อความปลอดภัย

    “เขากำลังจะกลายเป็นพวกนั้นเหรอ?”ทิฟฟานี่ถาม

    “ดูเอาเองแล้วกัน”เบอร์ต้าตอบปัดๆ ขณะที่ร่างกายของสเปคเตอร์เริ่มกระตุกเล็กน้อย ทั้งหมดถอยห่างออกทันที

    “อึก...อึก...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”สเปคเตอร์ลุกขึ้นมาตามแรงกระชากบางอย่างภายในร่างกาย ความเจ็บปวดที่เหมือนกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผิวของเขาเริ่มซีดลงเรื่อยๆจนเห็นเส้นเลือดสีดำที่ปูดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะล้มลงไปหอบกับพื้น

    “แบคฮยอน แบคฮยอนเป็นยังไงบ้าง”ไกสท์ค่อยๆก้าวไปใกล้ๆร่างที่นอนหอบอยู่กับพื้น มือบางยื่นออกไปเพื่อจะสัมผัสกับคนตรงหน้า แต่ก็ถูกรั้งเอาไว้โดยเวกเตอร์ ใบหน้าคมภายใต้หน้ากากส่ายเป็นเชิงไม่เห็นด้วยที่เธอจะทำแบบนี้

    “อึก....อึก....อ่อก!!”ฉับพลันแบคฮยอนก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงกุมท้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะอ้วกออกมาเป็นเลือดสดๆกระจายเต็มพื้นไปหมด แบคฮยอนโซซัดโซเซเข้าไปหาไกสท์ที่ยืนอยู่ห่างๆ ตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มจะพร่ามัวและเรี่ยวแรงเริ่มหดหายลงเรื่อยๆ

    “ได้โปรด....ฆ่าผมที”แบคฮยอนนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าหัวหน้าทีม ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้าเพื่อเป็นการเว้าวอน

     

     

     

     “ให้ฉันฆ่านายเนี่ยนะ แบคฮยอน ไม่มีทาง ฉันไม่ฆ่านาย”ไกสท์ส่ายหัว

    “ได้โปรด...ผมไม่อยาก....กลายเป็น...แบบพวกนั้น ใครก็ได้ เวกเตอร์หรือเบอร์ต้าก็ได้ ”

    “มันยังไม่หมดหนทางนะ แบคฮยอน มีแอนตี้ไวรัสที่โฟร์อายส์เราจะไปเอามันมาเพื่อรักษานาย”เบอร์ต้าเดินเข้ามาตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ ถือว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เพราะไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะขาดสติเมื่อไหร่

    “ใช่ และเราก็จะไม่ฆ่านาย เพราะนายเป็นทีมเรา”เวกเตอร์ย่อตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกับแบคฮยอนพร้อมกับพูด ขณะที่ทิฟฟานี่นั้นยืนมองการกระทำของทั้งหมดอยู่ห่างๆ เธอนึกสงสัยว่าพวกนี้ห่วงคนเป็นด้วยเหรอ?

    “แต่ผม...ไม่ไหวแล้ว”แบคฮยอนเอ่ยอย่างหมดกำลังใจ พลางก้มลงมองผิวของตัวเองที่ซีดขาวจนน่ากลัว

    “เดี๋ยวฉันจะพยุงนายไปเอง ไม่ต้องห่วง”เป็นเสียงของเวกเตอร์ที่ตอบ

    “นี่! แล้วจะไปยังไงในเมื่อมันไม่มีทางออกเลย”ตำรวจสาวเอ่ยถามทุกคนๆ

    “พิกัด 59 67 ตรงนั้น...มีปุ่มปลดล็อคทางออก”แบคฮยอนชี้ไปยังมุมห้องอีกฝั่ง ไกสท์เดินไปตามที่ลูกทีมบอก มือบางคลำหาบริเวณนั้นจนกระทั่งพบปุ่มบางอย่างเข้า เธอไม่รอช้าที่จะกดมันทันที

     

     

     
     

    กึง!!!

     

     
     

     

    ทันใดนั้นประตูก็ค่อยๆเลื่อนเปิดออก เวกเตอร์พยุงสเปคเตอร์ขึ้นมาพร้อมกับเบอร์ต้าที่เดินเข้าไปช่วยพยุงทิฟฟานี่ด้วยเช่นกัน ไกสท์ทำสัญญาณมือให้หยุดรอที่นี่ เธอจะออกไปตรวจความปลอดภัยด้านนอกก่อน

    ปืนกระบอกยาวของเธอกระสุนหมดแล้ว มือบางจึงหยิบปืนพกสองกระบอกขึ้นมาจากต้นขาเล็งไปด้านหน้าเพื่อความปลอดภัย

    ทางเดินนี้ดูคล้ายกับทางเดินภายในตัวอาคารวิจัย เธอจึงมั่นใจว่านี่คือทางออกจากกับดักนรกนั่น หลังจากสำรวจเสร็จแล้ว ไกสท์ก็วิ่งกลับมาเรียกทุกคนให้ตามออกมา เวกเตอร์พยักหน้ารับและค่อยๆพยุงสเปคเตอร์เดินไปพร้อมกับเบอร์ต้าและทิฟฟานี่

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก ตึก

     

     

     

     

    ไกสท์เดินนำมาเรื่อยๆ ร่างบางพยายามมองหาสัญลักษณ์หรือป้ายอะไรซักอย่างที่จะบอกทางออกให้กับเธอ

    “ทางออก...”เสียงทุ้มของสเปคเตอร์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ไกสท์จึงหยุดเดินและหันมาทันที

    “นายรู้เหรอ?”

    “ผม...เห็นจากห้องควบคุมย่อย...มันจะมีประตูชัตเตอร์หนาๆอยู่ มันคือ..ทางออก”

    “งั้น....มันก็อยู่ตรงหน้าเราแล้วนี่ไง”ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นภายใต้หน้ากาก เมื่อประตูที่ว่านั้นก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง...

     

     

     

     

     

     


     

     

     

    “เขาหายไป!?”เมื่อเบลท์เวย์มาถึงห้องควบคุมย่อยก็พบว่าสเปคเตอร์หายไปเสียงแล้ว มีเพียงคราบเลือดที่หยดเป็นทาง ทำให้เบลท์เวย์รู้สึกว่าจะต้องเกิดอันตรายกับเพื่อนของเขาอย่างแน่นอน

    “เขาหายไปไหน?”ยุนโฮถาม

    “คงถูกจับตัวไป ดูจากรอยเลือดพวกนี้”

    “งั้นแสดงว่าเขาก็ต้องถูกทำร้ายด้วยน่ะสิครับ”คยองซูเสริมขึ้น

    “ก็อาจจะใช่”

    “แล้วเราจะทำยังไงต่อ?”ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เบลท์เวย์นั่งลงบนเก้าอี้และเพ่งเล็งมองไปยังภาพต่างๆในกล้องวงจรปิด แต่แล้ว...ก็ต้องตกตะลึง!

    “นั่นไกสท์นี่!!”เบลท์เวย์ชี้ไปยังหน้าจอหนึ่งที่มีเวกเตอร์และไกสท์กำลังหมุนเปิดชัตเตอร์ประตูอยู่

    “มีสเปคเตอร์ด้วย”เบลท์เวย์โล่งใจไปอีกเปราะหนึ่ง อย่างน้อยเพื่อนเขาก็ไม่ได้ตาย

    “แต่ผมว่าเขาดูซีดๆนะครับ”คยองซูเข้าไปดูใกล้ ดวงตากลมจดจ่ออยู่กับภาพในกล้องเพราะเห็นความผิดปกติบางอย่าง

    “เราต้องหาพวกเขา ส่วนนายอยากรู้อะไร ไว้ค่อยถาม”ร่างสูงของเบลท์เวย์พูดขณะบรรจุกระสุนปืนใหม่

     

     

     

    “อึก...”เทาล้มลงกับพื้น ใบหน้าคมเหยเกด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

    “เทา นายเป็นอะไร?”ซูโฮนั่งลงและรีบถามเพื่อนทันที เทามีอาการกระสับกระส่ายมาตั้งแต่เมื่อกี๊นี้แล้ว

    “นี่มัน...”คยองซูอ้อมไปดูด้านหลังของเทา ก็พบว่ามีแผลคล้ายกับโดนฟันเป็นทางยาว

    “รอยกัดหรือไง?”เบลท์เวย์ถาม

    “ไม่ใช่รอยกัด แต่เป็นรอยข่วน ต้องเป็นตอนที่ต่อสู้เมื่อกี๊แน่ๆเลย”ดวงตากลมของคยองซูจับจ้องกับอาการของคนตรงหน้าที่ เริ่มตัวสั่น ผิวซีด และเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด

    “ถ้างั้นก็คงไม่รอดแล้วล่ะ ถ้าหาโฟร์อายส์ไม่ทัน”

    “หมายความว่าอะไร เขาติดเชื้องั้นเหรอ?”ยุนโฮหันมาถาม คิ้วหนาขมวดกันจนเป็นปม

    “คิดว่าไงล่ะ ก็นี่คืออาการเริ่มแรก”

     

     

     

    “อึก..อึก...”เทาสั่นไปทั้งตัวพร้อมกับกระตุกอยู่สองสามครั้ง ซูโฮที่ดูอยู่ใกล้ๆก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

    “คุณช่วยเขาสิ!”ไคหันไปพูดกับเบลท์เวย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

    “ฉันไม่ใช่หมอ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เป็นทหาร จะให้ทำอะไรล่ะ ที่ทำได้ก็มีเพียงทำให้เขาหายไปจากโลกนี้ไง”พูดพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

    “ให้ตาย ขอฉันตรวจชีพจรเขาหน่อย”ร่างเล็กค่อยๆย่อตัวลงจนกลายเป็นนั่งยองๆ มือเรียวยื่นออกไปกดวัดชีพจรที่บริเวณคอของทหารหนุ่มที่กำลังหน้าซีดเพราะฤทธิ์ของไวรัส

    “ชีพจรเต้นเร็วมากเลย”

    “คุณจะไม่ช่วยเขาหน่อยเหรอครับ?”คยองซูหันมาถามเบลท์เวย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่สนใจพวกเขาเลยซักนิด

    “เฮ้ออออ...โอเคๆเดี๋ยวฉันจะพาไปหาเบอร์ต้า”ร่างสูงพ่นลมหายใจพรืดก่อนจะลุกขึ้นมาเดินนำทุกคนออกไป

    “เทา..นายพอไหวมั้ย?”ยุนโฮเอ่ยถาม

    “แค่กๆ..วะ ไหวครับ”เทาตอบเสียงสั่น ลำพังเขาก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว หัวสมองเบลอไปหมด ร่างของเทาโซเซไปมา ร้อนถึงยุนโฮต้องไปช่วยพยุงทันที

    “เอาล่ะเราจะไปกันแล้วนะ อยู่ครบทุกคนใช่มั้ย”ทหารร่างที่สูงที่สุดในทีมหันไปตรวจตราความเรียบร้อย

    “ผมว่า....ไม่ครบนะครับ”ซูโฮทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง เขาว่ามันผิดปกติมาตั้งแต่แรกแล้ว

    “......ซีวอนอยู่ไหน?”

    “ผมไม่เห็นเขาตั้งแต่แรกแล้วครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

     

     




     

     

     

    “......อืมมม....”เสียงหวานครางน้อยๆ ดวงตากลมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ จนกระทั่งดวงตาปรับสภาพกับแสงได้แล้ว ก่อนจะค่อยๆยันตัวเองขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ

    “บ้าจริง...คุณหมอซอฮยอน เลย์ ลีโอ”มือบางเอื้อมไปเขย่าหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ด้านข้าง

    “..............”

    “ให้ตาย!”โฟร์อายส์สบถเบาๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด เธอเรียกคนอื่นแต่ไม่มีใครตื่นซักคน ห้องบ้านี่ก็ไม่มีทางออกมีแต่งรูปสี่เหลี่ยมเต็มห้องไปหมด

    “นี่โฟร์อายส์ มีใครได้ยินบ้าง ตอบด้วย”เสียงหวานกรอกลงเครื่องสื่อสารขณะเขย่าให้ซอฮยอนตื่นด้วย

    “ห้ะ....”หลังจากเขย่าอยู่นาน ซอฮยอนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่ง โฟร์อายส์หันไปปลุกเลย์และเด็กชายตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ

    “อืมมม.....”เลย์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงตาคมกวาดตาไปรอบห้องเพื่อหาลีโอน้องชายตัวน้อยของเขาก็พบว่าพึ่งจะสะลึมสะลือตื่นอยู่ข้างๆเขานี่เอง

    “นี่มันที่ไหนกันคะ? โฟร์อายส์”

    “ฉันก็ไม่แน่ใจ เครื่องบอกพิกัดฉันไม่ทำงาน แล้วก็ตรวจดูซิ มีใครบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”ซอฮยอนสำรวจตัวเองและคนอื่นให้แน่ใจว่าไม่มีใครบาดเจ็บ

    “ไม่มีค่ะ”

    “ต่อไปทุกคนต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ เพราะฉันไม่สามารถปกป้องทุกคนได้”โฟร์อายส์กล่าวและพยายามจูนหาคลื่นสัญญาณ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

     

     

    “คุณไม่คิดจะทานอะไรเลยเหรอ?”ใบหน้าหวานเอียงคอถามอย่างไร้เดียงสา ริมฝีปากอิ่มนั่นคลี่ยิ้มเบาๆ

    “..............................”แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบงันจากคนตรงหน้า

    “คุณเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณจะสื่ออะไร”

    “คุณรู้ดีว่าผมจะพูดอะไรกับคุณ”นั่นเป็นประโยคแรกที่เวธพูดหลังจากที่นั่งมองหน้าหญิงสาวมานานกว่า 15 นาที

    “ไม่ ฉันไม่รู้”ดวงตากลมสีเขียวทะเลฉายแววแข็งกร้าวออกมา

    “คุณเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

    “อะไร? ฉันเป็นอะไร”อแมนด้าถามพลางทำตาโตอย่างสงสัย

    “คุณกลายเป็นอะไร แองเจิลทำอะไรคุณ!?”

    “แองเจิลไม่ได้ทำอะไรฉันซะหน่อย!!

    “ไม่ คุณไม่เหมือนเดิม คุณไม่ใช่อแมนด้าคนเดิม”น้ำเสียงของเวธอ่อนลง ในแววตาคมนั่นฉายแววผิดหวัง

    “คุณนั่นแหละที่ไม่เหมือนเดิม เพราะผู้หญิงคนนั้น!!!”อแมนด้าลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เสียงหวานตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

    “ไม่เกี่ยวอะไรกับทิฟฟานี่ คุณเองนั่นแหละ คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังเป็นอะไร!!!

    “ฉัน...........คือความสมบูรณ์แบบ”หญิงสาวคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไป ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างมั่นใจ

    “คุณไม่รู้ตัวจริงๆด้วย อแมนด้า คุณไม่ใช่คนแล้ว!!!

    “ไม่!!! คุณไม่เข้าใจฉัน!! เมื่อก่อนคุณไม่เคยเป็นแบบนี้!! คุณไม่เคยว่าฉัน!! ไม่เคยตะคอกใส่ฉัน!!! ไม่เคยมองฉันด้วยสายตาแบบนี้!! จนกระทั่งคุณเจอกับนังผู้หญิงนั่น คุณก็เปลี่ยนไป!!!! ฮึก….”อแมนตะโกนรัวออกมาเป็นชุดก่อนจะค่อยๆเงียบลง ดวงตากลมโตระรื้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมาและเต็มไปด้วยการตัดพ้อ

    “ฮึก....คุณ..ไม่เข้าใจ..ฉัน....ฮือๆ”ร่างเล็กสั่นตามแรงสะอื้นเบาๆ เวธมองร่างตรงหน้าก่อนจะเข้าไปสวมกอด

    “ผม....ขอโทษ”

    เวธกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เสียงสะอื้นของอแมนด้าค่อยๆเบาลงจนเงียบไป ร่างบางยังคงนิ่งเงียบอยู่นาน จนกระทั่งเอ่ยบางอย่างขึ้นมา

     

     

     

    “ฉันป่วยหนัก....”

     

     

     

    “และฉันกำลังจะตาย.....”

     

     

     

    “แต่แองเจิลมาหาฉัน เธอบอกว่าคุณกำลังจะมาและเธอบอกว่าเธอจะรักษาฉันเอง”

     

     

    “เธอฉีดไวรัสชนิดพิเศษให้ฉัน แต่ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้ฉันแข็งแรงขึ้น”

     

     

    “ฉันแข็งแรงขึ้นมากกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่...บางครั้งฉันก็ควบคุมมันไม่ได้เหมือนกัน”

     

     

     

    “ไม่หรอก คุณควบคุมมันได้ และผมเห็นว่าคุณยังเป็นอแมนด้าคนเดิมอยู่”มือหนาลูบหน้าเรียวเบาๆก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มนั่นเบาๆ

    “ขอโทษที่ตะคอกใส่คุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

    “ผมรู้คุณไม่ได้ตั้งใจ”เวธคลี่ยิ้มบางๆ

    “ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้าง?”

    “มีสิ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

     

     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

    “บ้าจริง! ทางออกมันอยู่ไหนกันเนี่ย!?”โฟร์อายส์พยายามหาทางออกของห้องอยู่นาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ ร่างเล็กจึงสบถออกมาเสียงดัง

    “เราจะรอดมั้ยครับ? พี่เลย์”เด็กชายลีโอเอียงคอถามพี่ชาย ดวงตากลมใสเต็มไปด้วยความกลัว

    “เราต้องรอดแน่นอนครับ ลีโอ เชื่อพี่สิ”เลย์ยกยิ้มบางๆเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับลีโอว่าเขาจะต้องพาน้องชายออกไปจากที่นี่ให้ได้

     

     
     

     

    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

     

     

     

     

    [ เตือนภัย ระดับออกซิเจนในอากาศต่ำลง ]

     

     

     

     

    โฟร์อายส์ก้มลงมองบนเครื่องตรวจสอบสภาพอากาศที่ข้อมือก็พบว่าระบบกำลังเตือนระดับออกซิเจนในอากาศต่ำลง นั่นก็คือ อากาศที่ใช้หายใจกำลังจะหมด!!

    “ทุกคน!! หายใจสั้นๆและถี่ๆนะ ตอนนี้อากาศกำลังถูกดูดออกไป!

    “นี่โฟร์อายส์มีใครได้ยินบ้าง ตอบด้วย!!

    (.......................................................)

    “นี่โฟร์อายส์ มีใครได้ยินมั้ย ตอบด้วย!!!

    (.............................)

    “ให้ตายสิ!!”โฟร์อายส์กดเปิดระบบยังชีพภายในตัว อันที่จริงถึงแม้ว่าออกซิเจนในอากาศจะหมด เธอก็อยู่ได้นานกว่า 30 นาที เพราะกระเป๋าด้านหลังของเธอมีถังสำรองบรรจุออกซิเจนไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน แต่เธอเป็นห่วงคนที่เหลือมากกว่า เพราะทุกคนจะตายจากการขาดอากาศหายใจถ้าหาทางออกไม่ทัน

     

     

     

     

    ปังๆๆ!!!!

     

     

     

     

    โฟร์อายส์เล็งปืนยิงไปที่ผนังของห้อง แต่ปรากฏว่าไม่มีผลอะไร ผนังมีรอยเพียงเล็กน้อย ขณะที่อากาศกำลังเหลือน้อยลงเรื่อยๆ

    “พี่เลย์ครับ....ผม...หายใจไม่ค่อย...ออก”แต่ละคนเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้ายกเว้นโฟร์อายส์ พร้อมกับหายใจติดขัดมากขึ้น

    “ใจเย็นๆลีโอ หายใจเร็วขึ้นหน่อย”

    “ฮื่ออออ....แฮ่ก....แฮ่ก......”ซอฮยอนเริ่มรู้สึกดวงตาพร่ามัวและมึนหัวไปหมด เป็นเพราะสมองกำลังขาดออกซิเจน ถ้านานกว่านี้เธอและทุกคนอาจจะตายได้

    “ทุกคนแข็งใจไว้ก่อน หายใจถี่ๆ ออกซิเจนจะอยู่ด้านบน พยายามลุกขึ้นยืน เร็วเข้า!!!”เลย์พยายามลุกขึ้นยืนโดยยันตัวเองไว้กับผนัง และใช้แรงเฮือกสุดท้ายแบบน้องชายขึ้นบนไหล่ เพื่อให้ได้อากาศที่บริสุทธิ์

    “พระเจ้า....ได้โปรด”โฟร์อายส์มองดูคนทั้งสามคนที่ทรงตัวแทบไม่อยู่ ใบหน้าหวานพยายามทุกวิถีทางที่จะหาทางออกจากห้องนี้

     

     

    ตุบ!

     

     

     

    เลย์ล้มลงเพราะทรงตัวไม่อยู่พร้อมกับลีโอที่หล่นลงมาด้วย ดวงตากลอกไปมาพร้อมกับการกระตุกเกร็งเป็นผลมาจากการขาดออกซิเจน

    โฟร์อายส์เก็บปืนไว้ด้านหลังก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆและปลดหน้ากากออกจากหน้าอย่างรวดเร็ว มือบางจับหน้ากากของตัวเองครอบลงบนจมูกของเด็กชายลีโอพร้อมกับดึงสายที่เชื่อมกับถังออกซิเจนออกมาให้ยาวขึ้น

    หนูน้อยลีโอสูดอากาศจากหน้ากากเต็มที่ก่อนจะกลั้นหายใจไว้เพราะโฟร์อายส์เปลี่ยนหน้ากากไปครอบที่หน้าของเลย์แทนซักพักก็เปลี่ยนเป็นซอฮยอนที่อยู่ไม่ไกล นั่นจึงทำให้ยืดเวลาชีวิตของทั้งสามออกไปได้

     

     

     

    อีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องของโฟร์อายส์นัก นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกราวด์สองคนกำลังทำหน้าที่ปรับระดับออกซิเจนในห้องให้เหลือ 0 ตามคำสั่งของแองเจิลเบย์

     

     

     
     

    ตึก ตึก ตึก ตึก

     

     
     

     

    เสียงก้าวฝีเท้าดังขึ้น เรียวขาบางค่อยๆเดินเข้ามาใกล้นักวิทยาศาสตร์ พร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ

    “มีอะไรเหรอครับ คุณอแมนด้า”นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งหันมา

    “เปล่า ฉันแค่มาหาอะไรเล่นๆแก้เซ็ง”ดวงตาสีเขียวทะเลฉายแววดุดันออกมาถึงแม้ว่าใบหน้าหวานยังคงยิ้มอยู่ก็ตาม

    “คือตอนนี้ผมกำลังยุ่........”

     

     
     

     

    ฉึก!!!!

     

     

     

     
     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”ร่างของนักวิทยาศาสตร์ลอยขึ้นจากพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลใหญ่ นักวิทยาศาสตร์อีกคนเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งหนี อแมนด้าดึงมือที่แปรสภาพเป็นเคียวแหลมคมขนาดใหญ่ วิ่งไปดักหน้านักวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงวินาที

    “คือ...ผะ...ผม......”นักวิทยาศาสตร์ตกใจกลัว เม็ดเหงื่อใหญ่ผุดขึ้นมาจนเต็มไปใบหน้า หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างก่อนจะฉีกร่างของนักวิทยาศาสตร์ออกเป็นชิ้นๆ

    “หึ...”อแมนด้าเหลือมองเศษซากศพด้วยความสมเภชก่อนจะรีบไปปรับระบบห้องที่แผงควบคุม มือเรียวเปื้อนเลือดกดไปตามปุ่มต่างๆอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ขึ้นแสดงข้อมูล

     

    [ ระบบอากาศทำงาน      ระดับออกซิเจนในอากาศเพิ่มขึ้นเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ]

     

     

     

     

     

     

    “แฮ่ก.....แฮ่ก.....”ทุกคนในห้องรวมถึงโฟร์อายส์สูดอากาศเข้าเต็มปอด จู่ๆก็มีระดับออกซิเจนเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องมีใครกำลังช่วยพวกเธออยู่แน่ๆ

    “เรา....รอดแล้ว”ซอฮยอนเอ่ยขึ้นเบาๆ ร่างบางหอบเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว

    ((ฉันเปิดทางออกให้เธอแล้ว พาทุกคนออกไป ตรงไปยังชั้น 2F ที่ห้องปฏิบัติการทางการบิน ที่นั่นมีเครื่องบินที่พร้อมใช้งานอยู่ 3 ลำ))

    “นั่นใครน่ะ?”คิ้วเรียวขมวดด้วยความส่งสัย จู่ๆก็มีใครบางติดต่อมายังเธอ และมั่นใจว่าเสียงนั่นไม่ใช่คนในทีมเธอแน่ๆ

    ((ซ่า.....ซ่า......ซ่า.....))แต่เมื่อติดต่อกลับไปอีกกลับไม่มีสัญญาณ ดวงกลมมองไปยังประตูที่เปิดขึ้นพบว่ามันเป็นอย่างที่บุคคลปริศนานั่นบอกจริงๆ โฟร์เข้าไปพยุงซอฮยอนพร้อมกับเลย์และลีโอขึ้นมา

    “ไปเถอะ เราต้องรีบหนี”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

     

     

     

    “นี่มันที่ไหนกัน?......”ชายหนุ่มมองไปรอบๆซึ่งเป็นสีขาวสว่างไปหมด ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เป็นสีขาว ขายาวก้าวเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย

    “ฮัลโหล!!! มีใครได้ยินฉันบ้างมั้ยยยยย!!!??”เสียงทุ้มตะโกนออกไปหวังว่าจะยินใครตอบรับมาบ้าง แต่ไม่เลย...มีเพียงความเงียบ

    “แบคฮยอน....”

    “ห้ะ?.....นั่นแม่เหรอครับ?”ฉับพลันสีขาวรอบๆตัวก็หายไป แปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ดูคล้ายกับห้องครัวในบ้านหลังหนึ่ง มีหญิงสาวที่กำลังก้มก้มตาทำกับข้าวอย่างตั้งใจ

    “วันนี้แม่ทำของโปรดให้ลูกด้วยนะจ้ะ แบคฮยอน”หญิงสาวคนนั้นหันมา ใบหน้าสวยแลดูอ่อนเยาว์คลี่ยิ้มให้กับลูกชายตัวน้อย

    “คุณแม่.....”แบคฮยอนมองดูภาพนั้น ภาพที่แม่ของเขายิ้มให้เขาในวัยเด็กอย่างอ่อนโยน ก่อนที่รอบๆตัวจะแปรเปลี่ยนอีกครั้งกลายเป็นโรงเรียนไฮสคูลสมัยอายุ 17-18 ของเขา

     

     

     

     

    “แบคฮยอนอา~~~”หญิงสาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มตะโกนเรียกแบคฮยอนเสียงใส

    “คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ~~

    “มากินข้าวด้วยกันเร็ว เรนะห่อพีบิมบับบ ของโปรดมาให้แบคฮยอนด้วย”หญิงสาวคลี่ยิ้มออกอย่างสดใสพร้อมกับชูกล่องข้าวสีฟ้าลายการ์ตูนน่ารักให้แบคฮยอนดู

    “คร้าบบบ~~~ ไปแล้วคร้าบ”แบคฮยอนมองดูตัวเองวิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ในตอนนั้นเขาดูมีความสุขมากๆกับ “แฟนคนแรก” ของเขา

     

     

     

     

    ฉับพลันภาพรอบๆตัวก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นผู้คนรอบๆตัวเขาใส่ชุดดำ และเห็นตัวของเขาเองกำลังยืนไว้อาลัยอยู่หน้าโลงศพของใครบางคน ดวงตาคมนั่นแดงก่ำเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ

    “แม่.....”แบคฮยอนมองดูรูปภาพที่ตั้งอยู่ข้างๆโลงศพ ผู้หญิงที่เขารักที่สุดในโลก ได้จากเขาไปแล้ว

    ก่อนที่ภาพจะเปลี่ยนไปอีกกลายเป็นวันที่เข้าร่วมกับเดลต้าทีมหลังจากที่ได้รับการคัดเลือกจากอัมเบรลล่า จากกองทัพสู่เดลต้าทีม....

    “ยินดีต้อนรับ”ผู้ชายที่มีแววตาและใบหน้าที่ดูเย็นชาพูดกับเขาเป็นคนแรก ถึงแม้ว่าเขาจะดูน่ากลัวไปหน่อยแต่แบคฮยอนก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีสัมพันธไมตรีดี

    “ไหน....ขอฉันดูหน้าสมาชิกทีมคนใหม่หน่อย”หญิงสาวๆตัวเล็กๆวิ่งกระเซอะกระเซิงเข้ามาพร้อมกับแว่นตาสีชมพูดสดใสบวกกับหัวที่ดูยุ่งเหยิง

    “โอ๊ะ....ยินดีที่ได้รู้จักนายสมาชิกใหม่ ฉันแทยอน”มือเล็กยื่นออกไปอย่างเป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า แบคฮยอนลังเลอยู่ซักพักก่อนจะจับมือเชคแฮนด์กับแทยอน

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมเดลตี้!!!!”แทยอนตะโกนขึ้นเสียงใสพร้อมกับแววตาที่วาววับเป็นประกาย

    “เดลต้า แทยอน เดลต้าทีม ไม่ใช่เดลตี้ = =”หญิงสาวผมบลอนด์อีกคนเข้ามาสะกิดสาวแว่นตัวเล็กที่ดูจะเบอะๆเบลอๆ

    “เดลตี้นี่แหละ น่ารักดี เนอะ!”แทยอนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนคนใหม่อย่างตื่นเต้น และภาพรอบๆตัวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

     

     

     

     

    ปังๆๆๆๆๆๆๆ!!!!

     

     

     

     

     

    USS Command นี่คือเดลต้าทีม เราต้องการความช่วยเหลือด่วน!!!”สเปคเตอร์กรอกเสียงใส่เครื่องสื่อสารอย่างรวดเร็วพร้อมกับระบุพิกัดตำแหน่งอย่างรีบร้อน ตอนนี้เดลต้าทีมกำลังโดนโจมตีอย่างหนัก

    ((รับทราบ เรากำลังส่งคนไป))

    “สเปคเตอร์ หลบ!!!”ไกสท์ตะโกนก่อนจะขว้างมีดใส่ซอมบี้ด้านหลังของสเปคเตอร์อย่างแม่นยำ

     

     

     

    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

     

     

     

     

    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!

     

     

     

     

     

     

    ((แบคฮยอน!! นายห้ามหลับนะ!!))

     

     

     

     

    ((แบคฮยอนลืมตาสิ!!!!))

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”ไกสท์ตะโกนเสียงดังขณะที่กำลังวิ่งขนาบอยู่ด้านข้างด้วย แบคฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น จากนั้นพบว่าตัวเองกำลังถูกแบกโดยเวกเตอร์เหมือนกับวิ่งหนีอะไรบางอย่าง

    “นายต้องห้ามหลับนะ แบคฮยอน!!!”เบอร์ต้าตะโกนบอกด้านข้างเช่นกัน แต่ดวงตาของเขามันพร่ามัวเหลือเกิน ภาพที่เห็นกลายเป็นขาวดำ แถมหูเขายังอื้อด้วย ได้ยินไม่ค่อยชัดด้วย

    “ใกล้แล้ว ใกล้ถึงแล้ว ทุกคนอดใจอีกนิดเดียว!!!”ไกสท์หันกลับไปยิงจูอาโวที่วิ่งตามพวกเธอมาเป็นกลุ่ม พลางหันไปมองป้ายที่ติดอยู่ที่ผนัง “ชั้น 1F

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก!!!

     

     

     

     

    ปัง!! ปัง!! ปัง!! แกร๊ก!!

     

     

     

     

    “บ้าจริง!! กระสุนฉันหมดแล้ว!”ไกสท์โยนปืนพกทิ้งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กระสุนของทุกคนหมดแล้ว มีเพียงอาวุธระยะประชิดอย่างมีดเท่านั้น

    “โอ๊ย!!!”ทิฟฟานี่ล้มลง ความเจ็บจากบาดแผลที่ขาแล่นริ้วขึ้นทำให้ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวด

    “ลุกขึ้น!! เร็วเข้า!!”ไกสท์วิ่งเข้าพยุงทิฟฟานี่ขึ้นมาแต่ความเจ็บนั่นมันมากเกินกว่าที่เธอจะลุกไหว

    “เร็วเข้า!!”เบอร์ต้าตะโกนออกไป เธอเองก็แทบจะไม่ไหวเหมือนกัน ต้องมาแบกเด็กผู้หญิงนี้ด้วย

    “ไปก่อนเลย!!!!”ไกสท์ตะโกนกลับไปและทำสัญญาณมือให้ไปก่อน ทั้งสองพยักหน้ารับและรีบวิ่งไปทันที

     

     

     

     

    “อึก.....”ผิวของแบคฮยอนซีดมากจนน่ากลัวและเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดนูน มือหนาของแบคฮยอนกำเสื้อเกราะของเวกเตอร์แน่นจนเวกเตอร์รู้สึกถึงความผิดปกติ

     

     

     

     

     

     

    ฟึ่บ!!!!.....

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอน!!”เวกเตอร์หยุดวิ่งทันทีเมื่อจู่ๆแบคฮยอนก็โดดลงจากหลังเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวิ่งกลับทางเดิมไปอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

    “ลุกเร็วเข้าๆ!!!”ไกสท์พยุงแขนทิฟฟานี่ขึ้น ตำรวจสาวพยายามฝืนความเจ็บยืนขึ้นมา จูอาโวตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาหาไกสท์จนล้มลงไป มันง้างมือที่เป็นเล็บคมยาวขึ้นหมายจะฉีกร่างตรงหน้าให้กลายเป็นชิ้นแต่ทว่า....

     

     

     

    ฟึ่บ!!! ตุ่บ!!

     

     

     

     

    ร่างของใครบางคนวิ่งผ่านไกสท์ไปและผลักเอาจูอาโวตัวนั้นออกไปด้วย ร่างของจูอาโวกระเด็นไปติดกับผนังพร้อมกับมือซีดของบุคคลปริศนาที่หักคอและดึงหัวมันออกมาด้วยแรงมหาศาลก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าใส่จูอาโวตัวอื่นๆอย่างรวดเร็วจนพวกมันล้มลงไปหมด

    “แบคฮยอน....”ไกสท์มองด้วยความตกตะลึง แบคฮยอนกำลังต่อสู้กับพวกนั้นด้วยมือเปล่า....

    “ไกสท์เป็นอะไรหรือเปล่า!!”เวกเตอร์กับเบอร์ต้าวิ่งกลับมาช่วยไกสท์และทิฟฟานี่ ทั้งสองก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นแบคฮยอน

     

     

     

    เสียงเนื้อถูกฉีกดังกึกก้อง เลือดสีดำกระจายเปรอะเปื้อไปทั่วห้องรวมถึงตัวแบคฮยอนด้วย ดวงตาคมแดงก่ำจนน่ากลัวขณะที่มือหนายังคงลงมือฉีกร่างของพวกมันไม่ยั้งแม้ว่าพวกมันจะตายหมดแล้วก็ตาม

    “แบคฮยอนพอแล้ว!!”ไกสท์ตะโกนสั่งให้ลูกทีมหยุดการกระทำแบบนี้ เธอทนดูไม่ได้จริงๆ

     

     

     

    กึก!

     

     

     

    แบคฮยอนหยุดทันที ก่อนจะค่อยๆหันหน้ามา ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่กระเด็นใส่และเส้นเลือดที่ปูดนูนขึ้นกระจายเต็มทั่วใบหน้า อีกทั้งดวงตาที่แดงก่ำจนน่ากลัว ทำให้ไกสท์ไม่แน่ใจว่านั่นใช่แบคฮยอนคนเดิมหรือเปล่า

    แบคฮยอนค่อยๆลุกขึ้นยืน ดวงตาแดงก่ำนั่นจ้องไกสท์เขม็งก่อนจะวิ่งพุ่งตรงมาทางไกสท์อย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

    พลั่ก! ตุ่บ!

     

     

     

     

     

    เวกเตอร์พุ่งตัวออกมาถีบแบคฮยอนออกไปจนกระเด็นไปติดกำแพง แบคฮยอนค่อยๆลุกขึ้นยืน แววตาเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง

    “แบคฮยอนหยุด!!!

    เสียงตะโกนของเวกเตอร์ดูเหมือนจะไม่เข้าหัวของแบคฮยอนเลยแม้แต่นิดเดียว เขามีควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างของแบคฮยอนพุ่งเข้าใส่เวกเตอร์อีกครั้ง พร้อมกับตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง

     

     

    ตุ่บ!

     

     

    แรงของแบคฮยอนในตอนนี้มันเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะมี เวกเตอร์ถูกดันไปชิดกำแพงอย่างแรง มือของแบคฮยอนบีบคอเวกเตอร์ไว้ เบอร์ต้าปล่อยลอเรนลงแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้วยเวกเตอร์ที่พยายามถีบแบคฮยอนออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล

    “แบคฮยอนหยุด!!!”ไกสท์พยายามสั่งขณะพยายามดึงแบคฮยอนออกมาด้วย

    ไกสท์วิ่งถอยออกมาตั้งหลักก่อนจะวิ่งยันตัวเองกับกำแพงและกระโดดถีบแบคฮยอนออกไปเต็มแรง ซึ่งก็ได้ผล แบคฮยอนเซออกไปจังหวะเดียวกับที่โฟร์อายส์วิ่งมาถึงจุดนี้พอดี

    “โฟร์อายส์ระวัง!!!!!!!!”เบอร์ต้าตะโกน

     

     

     

     

    “พระเจ้า....แบคฮยอน.....”โฟร์อายส์ตื่นตะลึงด้วยความตกใจ คนตรงหน้าเธอดูเหมือนไม่ใช่คนเดิม กลับดูคลุ้มคลั่งจนน่ากลัว

    “โฟร์อายส์ หลบไป!!!!!”เวกเตอร์ตะโกนบอกอีกคนที่กำลังยืนตะลึงอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

    “ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

    “โฟร์อายส์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .....................................................................................................................................................

    คุยกันซักติ๊ส!!!!!!!!!!!!!!

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! ได้มาอัพซะที! หายไปนาน แฮ่ๆๆ (พลั่ก ตุ่บ ผั่วะ ตู้มมม บึ้มมมม)  แง้!! เขาขอโต๊ด ที่หายไปนาน คือมันไม่มีเวลาว่างจริงๆอ่ะ + กับความขี้เกียจด้วย T^T เค้าขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! อย่าโกรธกันเลยน้า เค้ามาอัพให้แย้วว ดีกันนะตะเอง จุ๊บุๆๆๆๆ  T^T

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    The Room ! ,,MINUS

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×