ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความหวัง
ตอนที่2
ในห้องเรียนยามเช้าที่มันสมควรจะเงียบสงบ นักเรียนทั้งหลายนั่งรออาจารย์เข้ามาสอนอย่างเรียบร้อย แต่มันไม่อย่างนั้นน่ะสิ!!! ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องเด็กเรียนดีก็เหอะ....ก็เพราะเรื่องที่อาจารย์ใหญ่ประกาศเมื่อวานนั่นแหละ วันนี้แต่ละห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันถึงเรื่องการจัดงานที่จะเกิดขึ้น ต่างคนก็ต่างเสนอไอเดียออกมาว่าจะจัดงานออกร้านที่เมื่อคืนต่างก็ไปนอนคิดกันมาอย่างไร คนนี้บอกอย่างนั้น คนนั้นบอกอย่างนี้ เสียงพูดของแต่ละคนตีกันเหมือนดาบที่ฟาดฟันกันดัง โช้ง-เช้งไปหมด ทั้งเสียงที่บอกให้ลงคะแนนเสียงความเห็นส่วนใหญ่แบบประชาธิปไตย และเสียงที่สนับสนุนความคิดเห็นของเพื่อนๆ ซึ่งเป็นเสียงในโซนหมู่ตึกนักเรียนปีที่ 4-6ทั้งนั้น และก่อนที่ทุกอย่างจะโกลาหลเสียงดังคับโรงเรียนกันไปมากกว่านี้...
!!!!@@@!!!!
“ประกาศ จากอาจารย์ใหญ่ ได้ยินมั้ย นี่คือประกาศจากอาจารย์ใหญ่” เสียงประกาศดังขึ้นทุกห้องเรียนที่ดังมาจากเสียงตามสายในโรงเรียน
“ก่อนที่นักเรียนทั้งหลายจะเสียงดังไปกว่านี้ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ได้ยินมั้ย อยู่ในความสงบ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องของนักเรียนปีที่4-6 จะเข้าไปรับฟังและให้คำปรึกษาเรื่องการจัดงานที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นชั้นรู้ว่าพวกเธอกระดี๊กระด๊ากันใหญ่นะจ๊ะที่จะได้จัดงาน แต่พวกเธอยังต้องเรียนหนังสือกันนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่พูดแล้วเงียบไปพักหนึ่ง เพื่อรอฟังเสียงของนักเรียน ซึ่งปรากฏว่าเสียงของนักเรียนก็เงียบลงและรอฟัง... อาจารย์ใหญ่ยิ้มนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“เอาล่ะ อาจารย์ใหญ่ที่เธอเคารพเนี่ย จะให้นักเรียนปีที่4-6 หยุด...” อาจารย์ใหญ่เว้นจังหวะให้นักเรียนลุ้นระทึกนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“หยุดเรียน 3 ชั่วโมงแรกของวัน ให้นักเรียนปรึกษาเรื่องงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องให้เสร็จเรียบร้อย...แล้ว...”
“โห่....โห่”เสียงดังมาจากโซนตึกนักเรียนปีที่1-3
“ไม่ต้องโห่จ๊ะนักเรียนปีที่1-3 อาจารย์ใหญ่ที่เคารพของนักเรียนได้ยินแล้วจ๊ะ และถ้าไม่ให้พวกรุ่นพี่ของเธอประชุมกัน อีก 2 เดือนงานก็คงยังไม่ได้จัดนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่พูดทันทีที่ได้ยินเสียงโห่ดังมา
“และสำหรับนักเรียนปี่ที่ 4-6 อาจารย์ใหญ่ผู้ใจดีจะให้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นนะจ๊ะ หลังจากนี้เธอต้องเรียนตามปกติ และอย่าทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอปวดหัวนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่กล่าวทิ้งท้ายแล้วหันไปยิ้มให้กับเลขาปิงที่ยืนทำหน้ากลุ้มใจอยู่ข้างหลัง
“โธ่อาจารย์ใหญ่ครับ ตามใจเด็กๆไม่ดีนะครับ”เลขาปิงท้วง
“ช่างเถอะ มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ เลขาปิง” อาจารย์ใหญ่หัวเราะ...
***********************************************************
“สรุปว่า ห้องของเราจะทำร้านขายเครปนะ” อาจารย์ซินกากบาทตัวเลือกบนกระดานหลังจากที่นับคะแนนเสร็จ
“ทุกคนยอมรับนะ”อาจารย์ซินถามย้ำ
“ยอมรับค่ะ-ครับ” นักเรียนทุกคนรับคำก็มีบ้างที่บ่นงึมงำที่หัวข้อของตัวเองไม่ได้รับเลือก
“งั้นขั้นตอนต่อไปเราจะตั้งประธานโครงงานกันนะ” อาจารย์ซินกล่าว
“หนูเสนอ นายชินค่ะ ไม่ต้องหาใครอื่น “จีนยกมือขึ้นและพูดเสนอกับอาจารย์
ทุกคนในห้องก็พากันสนับสนุนเพราะ ‘ชิน’ เป็นหัวหน้าห้อง และแทบจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคนที่2ของห้องไปแล้ว ด้วยบุคลิกขรึมๆใส่แว่นตาชอบจัดการเรื่องทุกอย่างเสมอ แม้กระทั้งเก็บสมุดไปส่งอาจารย์ประจำวิชาต่างๆ และมักจะคอยเช็คนั่นเช็คนี่ตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าจะขาดความเพอร์เฟคซ์ แต่เพื่อนๆในห้องก็ทำใจเสมอ เพราะ ‘ชิน’ เป็นลูกชายนายธนาคารมีผลการเรียนดีเด่นเกินหน้าเกินตาเป็นที่ 1 ของชั้นปีที่4 ทุกครั้ง ก็สมควรแล้วล่ะที่จะรอบครอบไปหมดซะทุกเรื่อง ดังนั้นเรื่องยากๆทุกคนจึงยกให้ ชิน จัดการทุกเรื่องไป และ ชิน เองก็เต็มใจซะด้วย (เจ๊ากัน พอดี)
“ทุกคนตกลงหรือเปล่า” อาจารย์ซินถามย้ำ
“ตกลงค่ะ-ครับ” นักเรียนทั้งห้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน (ของมันแน่นอนอยู่แล้ว)
เมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นชอบแล้วอาจารย์ซินก็มอบหมายให้ ชิน เป็นผู้ตั้งหัวข้อโครงการและกำหนดหน้าที่ต่างๆรวมทั้งผู้รับผิดชอบในแต่ละตำแหน่ง เมื่อร่างรายละเอียดเสร็จแล้วให้มาเสนออาจารย์ซินก่อน เพื่อจะได้ตรวจทานให้เรียบร้อยก่อนที่จะส่งกองกิจกรรม
“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์จะให้เวลาชิน สัก 1 ชั่วโมงนะ” อาจารย์มอบหมายงานเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่แล้ว...
“เดี๋ยวก่อนครับอาจารย์” ชินท้วง
“ผมร่างระเบียบการและกำหนดหน้าที่ต่างๆเรียบร้อยแล้วครับ” ชินพูดต่อ
“โห...”ทุกคนในห้องร้องพร้อมกัน และปรบมือให้... เพราะคิดไม่ผิดจริงๆที่ยกตำแหน่งให้ไป
“อะไร้ อะไร นายชิน เธอจะทำเสร็จได้ไง อาจารย์เพิ่งพูดจบนะ” อาจารย์ซินแย้ง
“อาจารย์...ไม่รู้จักนาย ชิน ซะแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งในห้องตะโกนขึ้น
นายชินขยับแว่นสายตานิดหนึ่งแล้วบอกกับอาจารย์ว่า
“ผมคิดไว้แล้วครับอาจารย์ ว่ายังไรก็ตามก็ต้องเป็นผมทำอยู่ดี และผมก็คิดแล้วว่าเพื่อนๆในห้องต้องคิดทำโครงการนี้ผมเลยร่างข้อมูลและจำแนกหน้าที่ต่างๆมาให้เรียบร้อย เหลือเพียงการกำหนดว่าใครทำหน้าที่อะไรเท่านั้น” ชินพูดอย่างมีหลักการ จนอาจารย์ซินเองชักเกรงใจ
“เอ่อ..จ๊ะ...” อาจารย์ตอบกลับอย่างทึ่งๆปนงงๆ
“เห็นมั้ยอาจารย์ หัวหน้าผมเค้า ‘คิดไว้แล้ว’ ” ไรท์พูดขึ้นน้ำเสียงประชดประชัน
“ฮา................” เสียงนักเรียน ฮาตรึมกันทั้งห้อง
แต่คิดว่าคนอย่างชินจะสนเหรอไม่มีทางซะหรอก เพราะชินถูกปลูกฝังมาว่าคนที่จะเป็นผู้นำคนนั้นต้องเตรียมพร้อมต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
“เอาล่ะๆ ขออาจารย์ดูรายงาน แป๊บ นะ เงียบๆหน่อยล่ะ” พูดแล้วอาจารย์ก็เปิดรายงานที่นายชินทำมาอย่างทึ่งๆ
เมื่ออาจารย์อ่านดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมาบอกกับนักเรียนว่าขั้นตอนต่อไปคือต้องเลือกบุคคลสำหรับทำหน้าที่ต่างๆที่นายชินกำหนดไว้ คือแผนกธุรการ(จัดร้านและสื่อสารกับแผนกต่างๆ) แผนกจัดซื้อ แผนกทำขนม แผนกบัญชี แผนกขายและประชาสัมพันธ์
นักเรียนต่างเสนอตัวทำแผนกต่างๆ อย่างที่ตัวเองต้องการ นีลและเพื่อนๆถูกผลักไปอยู่แผนกจัดซื้ออย่างช่วยไม่ได้ เพราะแผนกทำขนมต้องการคนที่ทำขนมเป็นเท่านั้น ส่วนแผนกขายและประชาสัมพันธ์ก็ต้องการแต่คนหน้าตาดีๆ เพื่อที่จะทำยอดขายและเรียกลูกค้าเข้าร้านให้ได้เยอะๆ
แน่นอน ‘เกรซ’ และเพื่อนในกลุ่มก็ต้องอยู่แผนกขายและประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว เพราะแผนกขายและประชาสัมพันธ์ต้องการสาวสวยเป็นพริตตี้แนะนำเครปใส้ต่างๆที่มีอยู่ในร้าน
เมื่อสรุปทุกอย่างลงตัวแล้วอาจารย์จึงให้นายชินนำไปเสนอต่อกองกิจกรรม....
***************************************************************
“โอ้ยทำไมเราต้องมาอยู่แผนกจัดซื้อด้วยนะ ชั้นอยากเป็นพริ้ตตี้....”ยัยจีนร้องลั่น
“นี่เธอถ้าหน้าตาดียังยัยเกรซก็น่าจะได้เป็นอยู่หรอกย่ะ แต่หน้าตาเหมือนเต้าหู้ยี้เนี่ย ไปซื้อของหลังร้านน่ะดีแล้ว” นายไรท์พูดอย่างล้อเลียนเมื่อได้ยินยัยจีนบ่น
“อยู่หลังร้านไปนั่นแหละ เดี๋ยวเธอไปวีนใส่ลูกค้าขายไม่ได้กันพอดี” นายคิง ผสมโรงแล้วหันไปพยักเพยิกกับคู่หูไรท์ที่นั่งข้างๆ
“เชอะ... นายก็หน้าเดียวกับชั้นแหละย่ะไม่งั้นจะอยู่แผนกเดียวกันได้ไง ”จีนสะบัดหน้าค้อนวงใหญ่ให้ไรท์และคิง เมื่อหันมาเห็นนีลนั่งขำ ก็ต่อว่าทันที “อะไรยะนีล เพื่อนโดนว่ายังจะขำอยู่ได้ ตัวเองก็อยู่แผนกจัดซื้อ หน้าก็คงเต้าหู้ยี้เหมือนกันแหละ” จีนพาล
นีลหยุดขำทันที ทำหน้าเศร้า แล้วก็บอกกับลีลี่ที่นั่งข้างๆว่า “แย่เนอะ ขนาดเต้าหู้มันยังยี้เราเลย”
ทุกคนในกลุ่มได้ยินก็หัวเราะกันยกใหญ่
จริงๆแล้วนีลก็อยากเป็นพริตตี้เหมือนกัน แต่หน้าตานีลมันคงเหมือนเต้าหู้พากันร้องยี๊อย่างที่ไรท์ว่า ทำได้แค่อยู่หลังฉากเท่านั้น ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำงานทั้งวันแค่จัดเตรียมซื้อของให้พร้อมก็เสร็จ นีลจะได้ปลีกตัวไปเที่ยวงานได้อย่างสบาย และที่สำคัญนีลจะไปดูรุ่นพี่ได...ที่นีลชอบอีกด้วย เรื่องความงามน่ะ นีลคงสู้เกรซไม่ได้อยู่แล้วล่ะ นีลคงเป็นได้แค่คนเบื้องหลังอย่างนี้ตลอดไป จะมีโอกาสบ้างไหมนะที่นีลจะก้าวออกไปสู่เบื้องหน้า มีโอกาสบ้างไหมนะที่นีลจะได้เฉิดฉายกับเค้าบ้าง....
“นี่นีล นีล นีล” จีนเรียก
“เป็นอะไรนะ ใจลอยไปถึงไหนจ๊ะ ลอยไปถึงปี 6 รึเปล่า ระวังนะ มีสาวแถวๆนี้เค้าคั่วอยู่”จีนแซวเมื่อเรียกนีลตั้ง 3 ครั้งนีลก็ยังนั่งใจลอยอยู่
“อะไรยัยจีน ไปแซวยัยนีลเค้า ดูซิหน้าแดงเป็นลูกพีชเน่าแล้ว”ลีลี่โต้กลับ
“เออ...พูดถึงพีช...วันนี้จะไปร้าน’พีชเค้ก’รึเปล่ายะ เมื่อวานเสียฤกษ์ไปวันหนึ่งแล้วนะ”ลีลี่ถามต่อเมื่อนึกขึ้นได้ถึงการฉลองการกลับบ้านเองของนีล
“ไปสิ...ไป...นีลอยากไปจะแย่แล้ว”นีลรีบบอก กลัวว่าเพื่อนๆจะเปลี่ยนใจ
“งั้นตกลง วันนี้ไปร้านพีชเค้กกัน” จีนสรุป
***********************************************************************
“บ้าหน่า พวกนายเห็นเราเป็นอะไร เอาเรามาขาย” ไดบ่นเมื่อรู้โปรเจ็คโครงการออกร้านของเพื่อนๆ
“เออ...เข้าใจหน่อยสิ ห้องเรามีเจ้าชายสุดหล่อหนึ่งในโรงเรียนนะ นายก็ต้องเป็นตัวชูโรงของห้องเราสิ”เพื่อนคนหนึ่งตอบไดขึ้นมา และเพื่อนๆทั้งห้องก็พยักหน้ารับ
“เฮ้ย...ไม่ดีนะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีมั้ย” ไดต่อรอง
“ไม่ดี” เสียงเพื่อนทั้งห้องตอบพร้อมกัน
“งานนี้ห้องเราต้องกำไรสุดๆแน่ นายแค่อยู่เฉยๆเองไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย” จิ๊กกี๊ปลอบ
“อยู่เฉยๆ แค่ฟังคำสารภาพรักแค่นั้นเอง”เพื่อนคนหนึ่งต่อให้
“แต่ว่า.....”ได้แย้ง
“ไม่มีแต่...ทุกคนลงคะแนนเป็นเอกฉันท์แล้วนะ เสียงส่วนใหญ่นะโว้ยเสียงส่วนใหญ่”
“แต่...”ไดพยายามส่งเสียง
“แต่อะไรอีกเล่า บอกว่าเอกฉันท์ก็เอกฉันท์สิ” “ห้องเราตกลงกันแล้วว่า จะจัดงานประกวดสาวงามขึ้น รางวัลที่สาวงามจะได้รับคือการได้สารภาพรักกับนาย ซึ่งมันก็เป็นความหวังของสาวๆทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไรให้เปลืองเงินอีกด้วย”
“ใช่แค่จัดเวทีขึ้นมา ประชาสัมพันธ์ซะหน่อย เท่านั้นเอง เดี๋ยวสาวๆก็แห่มาสมัครกันตรึม”
“ใช่เรื่องแต่งตัวก็เป็นเรื่องของสาวๆเองเราก็ไม่ต้องลงทุน”
และอีกหลาย “ใช่” ที่สนับสนุนความคิดนี้ จนไดเองก็พูดไม่ออก เมื่อทั้งห้องลงความเห็นอย่างนี้แล้ว ไดจะไปพูดอะไรได้ ลำพังตัวเขาเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เป็นตัวชูโรงเท่านั้น ในกติกาที่กำหนดกันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าเขาต้องรับรักด้วย แค่ฟังเฉยๆคงไม่เป็นอะไรมั้ง แต่ที่เป็นห่วงที่สุดคือ ถ้าสาวน้อยข้างบ้านของไดรู้ขึ้นมา จะว่าอย่างไรบ้าง สาวน้อยขี้เหงา เอาแต่ใจ งอนทีไร หน้าสวยๆของหล่อนก็งอนเหมือนเป็ดชวนให้น่าเอ็นดูซะทุกทีเฮ้อ...แล้วนี้เขาจะบอกเกรซว่ายังไงดีนะ ไดเริ่มกลุ้มใจ
******************************************************
ร้านพีชเค้ก ที่นีลและเพื่อนๆมานั้น เป็นร้านที่นิยมกันในหมู่นักเรียน เหตุเพราะมีเค้กและเครื่องดื่มแสนอร่อยที่หลากหลายและที่สำคัญอยู่ใกล้โรงเรียนด้วย จึงไม่แปลกอะไรที่หลายคนมานั่งที่นี่ ร้านพีชเค้กมีทั้งส่วนในร้านและนอกของร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามน่านั่ง จนหลายคนอดใจไม่ไหวต้องแวะมานั่งกันเป็นประจำ และเป็นร้านยอดฮิตของหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกัน เพราะมีมัพฟินเค้กสำหรับคู่รัก ใครที่ต้องการจะประกาศว่าเป็นแฟนกันต้องมาสั่งขนมชนิดนี้ แล้วนั่งกินที่ร้านเพื่อเป็นการประกาศให้รู้
“นีล ตกลงจะเอาอะไรกันแน่ เลือกอยู่นั่นแหละ” จีนทักเพราะเห็นนีลก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เค้กหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นสั่งซักที
“จะเอามัพฟินคู่รักรึงัยจ๊ะ สั่งมาก็ได้นะมากินกับชั้น 2 คน”ลีลี่เย้า
“บ้า”นีลว่าเพื่อนพร้อมกับหัวเราะ
“เอาเชอรี่เค้ก 3 ชิ้นแล้วกันค่ะ แล้วก็เรนโบว์ไอส์ 3 แก้ว”จีนหันไปสั่งเค้กแทนเพื่อน
“ขืนรอ ยัยพวกนี้ มีหวังพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้กิน”จีนบอกพนักงานขายหน้าเคาร์เตอร์ แล้วก็พากันออกไปหาที่นั่งนอกร้าน
เกร๊ง เกร๊ง
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น พร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปสั่งอาหาร ชายคนนั้นต้องชนกับนีลเข้าอย่างจัง เพราะนีลกำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปหาที่นั่งในสวนนอกร้านอยู่พอดี ทำให้ทั้งสองคนที่ชนกันอย่างแรง ล้มลง
“นีลเป็นไงบ้าง”เพื่อนทั้งสองฉุดให้นีลลุกขึ้น
“ไม่เป็นไร เออ...ขอโทษนะคะ”ปรโยคหลังนีลพูดกับคนที่ชนกับเธอ แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนที่เธอชนนั้นคือ รุ่นพี่ได...ที่เธอใฝ่ฝันนั่นเอง
“รุ่นพี่....”นีลพึมพำ
“ชั้นไม่เป็นไร แล้วเธอล่ะ เจ็บตรงไหนมั้ย...”ไดถามสาวน้อยตรงหน้าซึ่งเขาคุ้นๆว่า
เรียนห้องเดียวกับเกรซ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ไม่ค่ะ...ไม่ เออ...ขอโทษนะคะ รุ่นพี่ นีลเองต่างหากที่เดินไม่ระวัง”นีลก้มหน้าก้มตาพูดอย่างไม่กล้าที่เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอีกครั้ง ทั้งที่ในใจนี่คิดว่าเป็นโอกาสดีแล้วทีเดียวที่จะมีโอกาสเสนอตัว เอ้ย...ทำความรู้จักกับรุ่นพี่
“งั้นก็ไปล่ะนะ ชั้นก็ต้องขอโทษเธอด้วยเหมือนกัน” ไดพูดแล้วขอตัวไปสั่งอาหารเมื่อเห็นว่าคู่กรณีไม่เป็นอะไรจริงๆ
‘เจ็บตรงไหนมั้ย’ น้ำเสียงอาทรของรุ่นพี่ ทำให้นีลเคลิ้มไปทีเดียว โอกาสอยู่ใกล้แค่มือคว้าแล้วทำไมนะ นีลถึงไม่ยอมใช้มัน นีลก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อาจเป็นเพราะมันรวดเร็วจนนีลไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ เลยทำให้นีลพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตะกุกตะกักพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่อย่างใจคิดซะหน่อย เวลาเพียง 2 นาทีที่ผ่านมาเมื่อกี๊แค่คิดถึง ใจนีลก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้วล่ะ
“พวกเธอได้ยินหรือเปล่า รุ่นพี่เค้าพูดกับชั้น ว่า ‘เจ็บตรงไหนมั้ย’ น้ำเสียงของเค้ามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน” นีลพูดกับเพื่อนๆ
“ได้ยิน” เสียงทั้งสองคนประสานกัน
“แต่ชั้นว่าก่อนที่เธอจะฝันหวานไปกว่านี้นะนีล ชั้นว่าเธอหันไปดูตรงโน้นดีกว่า”ลีลี่พูดพลางชี้ให้เพื่อนทั้งสองหันไปดูทางด้านซ้ายของสวนซึ่งติดกับน้ำพุเล็กๆข้างร้าน
ภาพที่ทั้งสองคนหันไปดูตามที่ลีลี่ชี้ไปนั้น คือภาพของชายหนุ่มและเด็กสาวนั่งจิบชากันอยู่ เป็นภาพงดงามราวกับบรรจงสร้างไว้ หนุ่มหล่อสาวสวยที่นีลและจีนเห็นคือ รุ่นพี่ไดและเกรซ ที่กำลังยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข
“ไง ยัยนีล ยังจะฝันต่อไปอีกไหม เห็นกันจะจะตาขนาดนี้แล้ว”
“เรามาฉลองให้เธอ แต่เขามาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์” จีนพูดประชด
ภาพความฝันและเรื่องราวระทึกใจของนีลเมื่อ 10 นาทีที่แล้วมันพังทลายลงพริบตา ภาพที่นีลเห็นนั้นทำให้นีลคิดได้ว่าหนุ่มหล่อกับสาวสวยเป็นของคู่กัน แล้วหน้าอย่างนีลล่ะ จะมีน้ำหน้าไปสู้ยัยเกรซคนสวยได้เหรอ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่ในความคิด ทำยังงัยนะนีลจะได้หนุ่มหล่อมาครอบครองบ้าง ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย จะมีโอกาสบ้างไหมที่นีลจะได้เป็นแฟนกับรุ่นพี่ จะมีโอกาสบ้างไหม ที่นีลจะได้มานั่งจิบชากับรุ่นพี่จะมีบ้างไหมที่นีลจะมีโอกาส......
นีลมองทั้งสองคนอย่างเคียดแค้นกับความไม่ยุติธรรมที่เธอรู้สึก.......................
******************************************************************
“เกรซ” ไดเรียกสาวน้อยที่กำลังก้าวลงมาจากรถ
หลังจากที่แวะดื่มชาที่ร้านพีชเค้กเพื่อพูดคุยกันแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไดยังไม่ได้บอกเกรซ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไดไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าสาวน้อยจะเข้าใจผิด ขากลับที่นั่งมาในรถนั้น ไดคิดได้ว่าหากเมื่อถึงวันประกาศกิจกรรมเกรซก็ต้องรู้เข้าจนได้ ไดจึงคิดว่าบอกเธอซะแต่ตอนนี้เลยดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีเวลาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้าง...
บ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน บ้านของไดจะถึงก่อนบ้านของเกรซ ดังนั้นเมื่อคนขับรถของไดจอดรถที่หน้าบ้าน ไดจึงรีบวิ่งมาที่ประตูเล็กข้างรั้วทันที
เดิมทีตอนที่ไดและเกรซยังเด็กๆประตูรั้วนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น แม้พ่อแม่ของทั้งสองคนจะรู้จักกันดี แต่เมื่อเกรซอายุได้ 5 ขวบ ได้พยายามปีนข้ามรั้วมาหาเพื่อนเล่นซึ่งก็คือไดที่อายุ 7 ขวบนั่นเอง พฤติกรรมการปีนรั้วหากันของทั้งสองคนทำให้ป้าเหมยมาบอกกับแม่ของเกรซ เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้เข้าจึงทุบกำแพงรั้วส่วนหนึ่งทำประตูให้กับเด็กทั้งสองคนได้เล่นด้วยกันจะได้ไม่มีอันตรายจากการปีนรั้วเกิดขึ้น ประตูนี้จึงเป็นประตูหัวใจ ที่เชื่อมความรักความผูกพัน กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“เกรซ พี่มีเรื่องจะบอก” ไดเรียก พร้อมกับชวนให้เกรซมาที่สวนดอกไม้ข้างบ้าน
“อะไรคะพี่ได คิดถึงเกรซขนาดนี้เลยเหรอคะ”เกรซแซวกลับ แต่ใจก็อยากให้ไดคิดอย่างนั้น
“เซี้ยวแล้วนะเรา พี่จะบอกว่า งานออกร้านของพี่น่ะ....”แล้วไดก็อธิบายเรื่องต่างๆให้เกรซฟังอย่างละเอียด
“หวังว่าเกรซคงเข้าใจพี่นะ พี่ไม่ได้อยากเป็นเองสักหน่อย”
“ฮือ...พี่ไดก็...เกรซจะว่าพี่ไดได้ยังไงคะ...”เกรซพูดพร้อมพยายามยิ้มทั้งที่ไม่ชอบใจเลย แต่กลัวว่าพี่ไดจะคิดว่าเธอก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา
“นั่นสินะ”ไดพึมพำ “คือ...พี่อยากบอกให้เกรซรู้ก่อน” ไดบอกเกรซอีกครั้ง ในใจของไดนั้นกลับคิดว่า ‘หรือว่าเกรซจะเห็นว่าเขาเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น’ ..
***********************************************
5 ทุ่มแล้วเกรซยังคงนอนไม่หลับ ยังคงคิดวนเวียนแต่ว่าพี่ไดจะเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวข้างบ้านรึเปล่านะ หลายครั้งที่ไดดูเหมือนว่าจะทำตัวห่างเหินกับเกรซ ตั้งแต่เกรซขึ้น ปี4 มา บางแว๊บเกรซรู้สึกว่าพี่ไดของเธอไม่เหมือนเดิม...
แค่น้องสาวรึเปล่านะ แค่น้องสาวเท่านั้นที่ไดรู้สึก แต่เกรซหลงรักพี่คนนี้ตั้งแต่เธออายุ 5 ขวบนั่นแหละ ตั้งแต่พี่ไดกวักมือเรียกเธอข้างบ้าน ตั้งแต่เธอและพี่ไดพยายามปีนั้วไปเล่นด้วยกัน ความรักความผูกพันที่เธอมีให้ไดไม่เคยเปลี่ยนแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้ว
ทุกครั้งเมื่อถึงวันครบรอบวันเกิดของเธอ ไดไม่เคยซื้อของขวัญให้เลย แต่ไดจะมาอวยพรวันเกิดให้เธอเองทุกครั้งและทุกปีจะมีการ์ดใบสวยๆที่มีลายมือของไดเขียนอวยพรวันเกิดมาให้ และทุกครั้งจะขึ้นต้นด้วยน้องสาวตัวน้อยเสมอ แต่ช่วง 2 ปีหลังมานี่ ไดขึ้นต้นด้วยชื่อของเกรซตรงๆ ซึ่งเกรซก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
เกรซหยิบรูปข้างเตียงมาดูอีกครั้ง แล้วจับมามาทาบไว้ตรงหัวใจ และผล่อยหลับไปในที่สุด...
**************************************************
5ทุ่มแล้วไดเองก็ยังไม่นอน ยังคงนั่งมองผ่านหน้าต่างออกไป สายตาที่เขามองไปนั้น พุ่งตรงไปสู่ห้องนอนของสาวน้อยข้างบ้านที่เขารัก ไฟในห้องของเกรซดับไปแล้วเมื่อกี้ ทำไมเกรซนอนดึกนักนะ ไดคิด ทั้งที่ก็ลืมคิดไปว่าตัวเองก็ยังไม่นอนเหมือนกัน
เรื่องกิจกรรมที่ไดบอกเกรซไปวันนี้ ทำไมเกรซดูช่างเฉยชานัก พูดจายิ้มๆ ไม่หึงเราเลยหรืออย่างไรนะ หรือเกรซไม่รู้สึกอะไรกับเรา หรือเธอเห็นเราเป็นเพียงแค่พี่ชาย....
2 ปีมานี่ความรู้สึกของไดเปลี่ยนไป จากเคยเห็นเกรซเป็นน้องน้อยที่ต้องดูแล แต่เมื่อเกรซโตขึ้น กลายเป็นสาวสวย ตั้งแต่เกรซเป็นนางแบบให้นิตยสารต่างๆ ก็มีหนุ่มๆมาตามจีบหลายคน ไดก็รู้ว่า ไดไม่สามารถปล่อยเกรซให้หลุดมือไปได้ แต่เกรซยังเด็กนัก บ่อยครั้งที่เกรซมักจะทำหน้าเศร้าๆแต่เมื่อเห็นได สายตาของเกรซเปลี่ยนไป เป็นประกาย สดใสขึ้น เกรซยังคุยกับเขาเหมือนทุกครั้ง เหมือนว่าเธอพบที่พักพิงใจ
เรื่องราวต่างๆในชีวิตเกรซ ไดเองก็รับรู้มาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กๆแล้วหากวันไหนที่เธอคิดถึงพ่อและแม่ เธอก็จะมาหลับอยู่ข้างๆในห้องของไดเสมอ เมื่อเธอโตขึ้นมาหน่อยหลายครั้งที่เธอเหนื่อยกับการเรียนต่างๆที่แม่ของเธอกำหนดไว้ให้ เธอก็จะมาระบายกับไดเสมอ
แต่ตอนนี้เธอโตขึ้น บ่อยครั้งที่ไดไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเธอเหมือนเก่า บางครั้งที่ไดเห็นเธอออกเดทกับหนุ่มเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ไดรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเมื่อเจอหน้ากันอีกครั้งในตอนค่ำเกรซก็คุยกับเขาอย่างปกติและไม่มีทีท่ากับเพื่อนนักเรียนคนนั้นแม้แต่น้อย เกรซจะคิดกับไดอย่างไรในตอนนี้ ไดไม่รู้ แต่ไดก็จะรอ...รอว่าสักวันหนึ่งให้เมื่อเกรซโตขึ้นอีกนิด เกรซจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มองเขาจากพี่ชายเป็น...คนรัก...
*************************************************
สวรรค์...จะบันดาลสิ่งใดให้เกิดขึ้น...ใครบ้างที่จะรู้....
ในห้องเรียนยามเช้าที่มันสมควรจะเงียบสงบ นักเรียนทั้งหลายนั่งรออาจารย์เข้ามาสอนอย่างเรียบร้อย แต่มันไม่อย่างนั้นน่ะสิ!!! ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องเด็กเรียนดีก็เหอะ....ก็เพราะเรื่องที่อาจารย์ใหญ่ประกาศเมื่อวานนั่นแหละ วันนี้แต่ละห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันถึงเรื่องการจัดงานที่จะเกิดขึ้น ต่างคนก็ต่างเสนอไอเดียออกมาว่าจะจัดงานออกร้านที่เมื่อคืนต่างก็ไปนอนคิดกันมาอย่างไร คนนี้บอกอย่างนั้น คนนั้นบอกอย่างนี้ เสียงพูดของแต่ละคนตีกันเหมือนดาบที่ฟาดฟันกันดัง โช้ง-เช้งไปหมด ทั้งเสียงที่บอกให้ลงคะแนนเสียงความเห็นส่วนใหญ่แบบประชาธิปไตย และเสียงที่สนับสนุนความคิดเห็นของเพื่อนๆ ซึ่งเป็นเสียงในโซนหมู่ตึกนักเรียนปีที่ 4-6ทั้งนั้น และก่อนที่ทุกอย่างจะโกลาหลเสียงดังคับโรงเรียนกันไปมากกว่านี้...
!!!!@@@!!!!
“ประกาศ จากอาจารย์ใหญ่ ได้ยินมั้ย นี่คือประกาศจากอาจารย์ใหญ่” เสียงประกาศดังขึ้นทุกห้องเรียนที่ดังมาจากเสียงตามสายในโรงเรียน
“ก่อนที่นักเรียนทั้งหลายจะเสียงดังไปกว่านี้ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ได้ยินมั้ย อยู่ในความสงบ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องของนักเรียนปีที่4-6 จะเข้าไปรับฟังและให้คำปรึกษาเรื่องการจัดงานที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นชั้นรู้ว่าพวกเธอกระดี๊กระด๊ากันใหญ่นะจ๊ะที่จะได้จัดงาน แต่พวกเธอยังต้องเรียนหนังสือกันนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่พูดแล้วเงียบไปพักหนึ่ง เพื่อรอฟังเสียงของนักเรียน ซึ่งปรากฏว่าเสียงของนักเรียนก็เงียบลงและรอฟัง... อาจารย์ใหญ่ยิ้มนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“เอาล่ะ อาจารย์ใหญ่ที่เธอเคารพเนี่ย จะให้นักเรียนปีที่4-6 หยุด...” อาจารย์ใหญ่เว้นจังหวะให้นักเรียนลุ้นระทึกนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า
“หยุดเรียน 3 ชั่วโมงแรกของวัน ให้นักเรียนปรึกษาเรื่องงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาประจำห้องให้เสร็จเรียบร้อย...แล้ว...”
“โห่....โห่”เสียงดังมาจากโซนตึกนักเรียนปีที่1-3
“ไม่ต้องโห่จ๊ะนักเรียนปีที่1-3 อาจารย์ใหญ่ที่เคารพของนักเรียนได้ยินแล้วจ๊ะ และถ้าไม่ให้พวกรุ่นพี่ของเธอประชุมกัน อีก 2 เดือนงานก็คงยังไม่ได้จัดนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่พูดทันทีที่ได้ยินเสียงโห่ดังมา
“และสำหรับนักเรียนปี่ที่ 4-6 อาจารย์ใหญ่ผู้ใจดีจะให้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นนะจ๊ะ หลังจากนี้เธอต้องเรียนตามปกติ และอย่าทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอปวดหัวนะจ๊ะ” อาจารย์ใหญ่กล่าวทิ้งท้ายแล้วหันไปยิ้มให้กับเลขาปิงที่ยืนทำหน้ากลุ้มใจอยู่ข้างหลัง
“โธ่อาจารย์ใหญ่ครับ ตามใจเด็กๆไม่ดีนะครับ”เลขาปิงท้วง
“ช่างเถอะ มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ เลขาปิง” อาจารย์ใหญ่หัวเราะ...
***********************************************************
“สรุปว่า ห้องของเราจะทำร้านขายเครปนะ” อาจารย์ซินกากบาทตัวเลือกบนกระดานหลังจากที่นับคะแนนเสร็จ
“ทุกคนยอมรับนะ”อาจารย์ซินถามย้ำ
“ยอมรับค่ะ-ครับ” นักเรียนทุกคนรับคำก็มีบ้างที่บ่นงึมงำที่หัวข้อของตัวเองไม่ได้รับเลือก
“งั้นขั้นตอนต่อไปเราจะตั้งประธานโครงงานกันนะ” อาจารย์ซินกล่าว
“หนูเสนอ นายชินค่ะ ไม่ต้องหาใครอื่น “จีนยกมือขึ้นและพูดเสนอกับอาจารย์
ทุกคนในห้องก็พากันสนับสนุนเพราะ ‘ชิน’ เป็นหัวหน้าห้อง และแทบจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคนที่2ของห้องไปแล้ว ด้วยบุคลิกขรึมๆใส่แว่นตาชอบจัดการเรื่องทุกอย่างเสมอ แม้กระทั้งเก็บสมุดไปส่งอาจารย์ประจำวิชาต่างๆ และมักจะคอยเช็คนั่นเช็คนี่ตลอดเวลาเหมือนกลัวว่าจะขาดความเพอร์เฟคซ์ แต่เพื่อนๆในห้องก็ทำใจเสมอ เพราะ ‘ชิน’ เป็นลูกชายนายธนาคารมีผลการเรียนดีเด่นเกินหน้าเกินตาเป็นที่ 1 ของชั้นปีที่4 ทุกครั้ง ก็สมควรแล้วล่ะที่จะรอบครอบไปหมดซะทุกเรื่อง ดังนั้นเรื่องยากๆทุกคนจึงยกให้ ชิน จัดการทุกเรื่องไป และ ชิน เองก็เต็มใจซะด้วย (เจ๊ากัน พอดี)
“ทุกคนตกลงหรือเปล่า” อาจารย์ซินถามย้ำ
“ตกลงค่ะ-ครับ” นักเรียนทั้งห้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน (ของมันแน่นอนอยู่แล้ว)
เมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นชอบแล้วอาจารย์ซินก็มอบหมายให้ ชิน เป็นผู้ตั้งหัวข้อโครงการและกำหนดหน้าที่ต่างๆรวมทั้งผู้รับผิดชอบในแต่ละตำแหน่ง เมื่อร่างรายละเอียดเสร็จแล้วให้มาเสนออาจารย์ซินก่อน เพื่อจะได้ตรวจทานให้เรียบร้อยก่อนที่จะส่งกองกิจกรรม
“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์จะให้เวลาชิน สัก 1 ชั่วโมงนะ” อาจารย์มอบหมายงานเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่แล้ว...
“เดี๋ยวก่อนครับอาจารย์” ชินท้วง
“ผมร่างระเบียบการและกำหนดหน้าที่ต่างๆเรียบร้อยแล้วครับ” ชินพูดต่อ
“โห...”ทุกคนในห้องร้องพร้อมกัน และปรบมือให้... เพราะคิดไม่ผิดจริงๆที่ยกตำแหน่งให้ไป
“อะไร้ อะไร นายชิน เธอจะทำเสร็จได้ไง อาจารย์เพิ่งพูดจบนะ” อาจารย์ซินแย้ง
“อาจารย์...ไม่รู้จักนาย ชิน ซะแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งในห้องตะโกนขึ้น
นายชินขยับแว่นสายตานิดหนึ่งแล้วบอกกับอาจารย์ว่า
“ผมคิดไว้แล้วครับอาจารย์ ว่ายังไรก็ตามก็ต้องเป็นผมทำอยู่ดี และผมก็คิดแล้วว่าเพื่อนๆในห้องต้องคิดทำโครงการนี้ผมเลยร่างข้อมูลและจำแนกหน้าที่ต่างๆมาให้เรียบร้อย เหลือเพียงการกำหนดว่าใครทำหน้าที่อะไรเท่านั้น” ชินพูดอย่างมีหลักการ จนอาจารย์ซินเองชักเกรงใจ
“เอ่อ..จ๊ะ...” อาจารย์ตอบกลับอย่างทึ่งๆปนงงๆ
“เห็นมั้ยอาจารย์ หัวหน้าผมเค้า ‘คิดไว้แล้ว’ ” ไรท์พูดขึ้นน้ำเสียงประชดประชัน
“ฮา................” เสียงนักเรียน ฮาตรึมกันทั้งห้อง
แต่คิดว่าคนอย่างชินจะสนเหรอไม่มีทางซะหรอก เพราะชินถูกปลูกฝังมาว่าคนที่จะเป็นผู้นำคนนั้นต้องเตรียมพร้อมต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
“เอาล่ะๆ ขออาจารย์ดูรายงาน แป๊บ นะ เงียบๆหน่อยล่ะ” พูดแล้วอาจารย์ก็เปิดรายงานที่นายชินทำมาอย่างทึ่งๆ
เมื่ออาจารย์อ่านดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมาบอกกับนักเรียนว่าขั้นตอนต่อไปคือต้องเลือกบุคคลสำหรับทำหน้าที่ต่างๆที่นายชินกำหนดไว้ คือแผนกธุรการ(จัดร้านและสื่อสารกับแผนกต่างๆ) แผนกจัดซื้อ แผนกทำขนม แผนกบัญชี แผนกขายและประชาสัมพันธ์
นักเรียนต่างเสนอตัวทำแผนกต่างๆ อย่างที่ตัวเองต้องการ นีลและเพื่อนๆถูกผลักไปอยู่แผนกจัดซื้ออย่างช่วยไม่ได้ เพราะแผนกทำขนมต้องการคนที่ทำขนมเป็นเท่านั้น ส่วนแผนกขายและประชาสัมพันธ์ก็ต้องการแต่คนหน้าตาดีๆ เพื่อที่จะทำยอดขายและเรียกลูกค้าเข้าร้านให้ได้เยอะๆ
แน่นอน ‘เกรซ’ และเพื่อนในกลุ่มก็ต้องอยู่แผนกขายและประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว เพราะแผนกขายและประชาสัมพันธ์ต้องการสาวสวยเป็นพริตตี้แนะนำเครปใส้ต่างๆที่มีอยู่ในร้าน
เมื่อสรุปทุกอย่างลงตัวแล้วอาจารย์จึงให้นายชินนำไปเสนอต่อกองกิจกรรม....
***************************************************************
“โอ้ยทำไมเราต้องมาอยู่แผนกจัดซื้อด้วยนะ ชั้นอยากเป็นพริ้ตตี้....”ยัยจีนร้องลั่น
“นี่เธอถ้าหน้าตาดียังยัยเกรซก็น่าจะได้เป็นอยู่หรอกย่ะ แต่หน้าตาเหมือนเต้าหู้ยี้เนี่ย ไปซื้อของหลังร้านน่ะดีแล้ว” นายไรท์พูดอย่างล้อเลียนเมื่อได้ยินยัยจีนบ่น
“อยู่หลังร้านไปนั่นแหละ เดี๋ยวเธอไปวีนใส่ลูกค้าขายไม่ได้กันพอดี” นายคิง ผสมโรงแล้วหันไปพยักเพยิกกับคู่หูไรท์ที่นั่งข้างๆ
“เชอะ... นายก็หน้าเดียวกับชั้นแหละย่ะไม่งั้นจะอยู่แผนกเดียวกันได้ไง ”จีนสะบัดหน้าค้อนวงใหญ่ให้ไรท์และคิง เมื่อหันมาเห็นนีลนั่งขำ ก็ต่อว่าทันที “อะไรยะนีล เพื่อนโดนว่ายังจะขำอยู่ได้ ตัวเองก็อยู่แผนกจัดซื้อ หน้าก็คงเต้าหู้ยี้เหมือนกันแหละ” จีนพาล
นีลหยุดขำทันที ทำหน้าเศร้า แล้วก็บอกกับลีลี่ที่นั่งข้างๆว่า “แย่เนอะ ขนาดเต้าหู้มันยังยี้เราเลย”
ทุกคนในกลุ่มได้ยินก็หัวเราะกันยกใหญ่
จริงๆแล้วนีลก็อยากเป็นพริตตี้เหมือนกัน แต่หน้าตานีลมันคงเหมือนเต้าหู้พากันร้องยี๊อย่างที่ไรท์ว่า ทำได้แค่อยู่หลังฉากเท่านั้น ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำงานทั้งวันแค่จัดเตรียมซื้อของให้พร้อมก็เสร็จ นีลจะได้ปลีกตัวไปเที่ยวงานได้อย่างสบาย และที่สำคัญนีลจะไปดูรุ่นพี่ได...ที่นีลชอบอีกด้วย เรื่องความงามน่ะ นีลคงสู้เกรซไม่ได้อยู่แล้วล่ะ นีลคงเป็นได้แค่คนเบื้องหลังอย่างนี้ตลอดไป จะมีโอกาสบ้างไหมนะที่นีลจะก้าวออกไปสู่เบื้องหน้า มีโอกาสบ้างไหมนะที่นีลจะได้เฉิดฉายกับเค้าบ้าง....
“นี่นีล นีล นีล” จีนเรียก
“เป็นอะไรนะ ใจลอยไปถึงไหนจ๊ะ ลอยไปถึงปี 6 รึเปล่า ระวังนะ มีสาวแถวๆนี้เค้าคั่วอยู่”จีนแซวเมื่อเรียกนีลตั้ง 3 ครั้งนีลก็ยังนั่งใจลอยอยู่
“อะไรยัยจีน ไปแซวยัยนีลเค้า ดูซิหน้าแดงเป็นลูกพีชเน่าแล้ว”ลีลี่โต้กลับ
“เออ...พูดถึงพีช...วันนี้จะไปร้าน’พีชเค้ก’รึเปล่ายะ เมื่อวานเสียฤกษ์ไปวันหนึ่งแล้วนะ”ลีลี่ถามต่อเมื่อนึกขึ้นได้ถึงการฉลองการกลับบ้านเองของนีล
“ไปสิ...ไป...นีลอยากไปจะแย่แล้ว”นีลรีบบอก กลัวว่าเพื่อนๆจะเปลี่ยนใจ
“งั้นตกลง วันนี้ไปร้านพีชเค้กกัน” จีนสรุป
***********************************************************************
“บ้าหน่า พวกนายเห็นเราเป็นอะไร เอาเรามาขาย” ไดบ่นเมื่อรู้โปรเจ็คโครงการออกร้านของเพื่อนๆ
“เออ...เข้าใจหน่อยสิ ห้องเรามีเจ้าชายสุดหล่อหนึ่งในโรงเรียนนะ นายก็ต้องเป็นตัวชูโรงของห้องเราสิ”เพื่อนคนหนึ่งตอบไดขึ้นมา และเพื่อนๆทั้งห้องก็พยักหน้ารับ
“เฮ้ย...ไม่ดีนะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีมั้ย” ไดต่อรอง
“ไม่ดี” เสียงเพื่อนทั้งห้องตอบพร้อมกัน
“งานนี้ห้องเราต้องกำไรสุดๆแน่ นายแค่อยู่เฉยๆเองไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย” จิ๊กกี๊ปลอบ
“อยู่เฉยๆ แค่ฟังคำสารภาพรักแค่นั้นเอง”เพื่อนคนหนึ่งต่อให้
“แต่ว่า.....”ได้แย้ง
“ไม่มีแต่...ทุกคนลงคะแนนเป็นเอกฉันท์แล้วนะ เสียงส่วนใหญ่นะโว้ยเสียงส่วนใหญ่”
“แต่...”ไดพยายามส่งเสียง
“แต่อะไรอีกเล่า บอกว่าเอกฉันท์ก็เอกฉันท์สิ” “ห้องเราตกลงกันแล้วว่า จะจัดงานประกวดสาวงามขึ้น รางวัลที่สาวงามจะได้รับคือการได้สารภาพรักกับนาย ซึ่งมันก็เป็นความหวังของสาวๆทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไรให้เปลืองเงินอีกด้วย”
“ใช่แค่จัดเวทีขึ้นมา ประชาสัมพันธ์ซะหน่อย เท่านั้นเอง เดี๋ยวสาวๆก็แห่มาสมัครกันตรึม”
“ใช่เรื่องแต่งตัวก็เป็นเรื่องของสาวๆเองเราก็ไม่ต้องลงทุน”
และอีกหลาย “ใช่” ที่สนับสนุนความคิดนี้ จนไดเองก็พูดไม่ออก เมื่อทั้งห้องลงความเห็นอย่างนี้แล้ว ไดจะไปพูดอะไรได้ ลำพังตัวเขาเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เป็นตัวชูโรงเท่านั้น ในกติกาที่กำหนดกันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าเขาต้องรับรักด้วย แค่ฟังเฉยๆคงไม่เป็นอะไรมั้ง แต่ที่เป็นห่วงที่สุดคือ ถ้าสาวน้อยข้างบ้านของไดรู้ขึ้นมา จะว่าอย่างไรบ้าง สาวน้อยขี้เหงา เอาแต่ใจ งอนทีไร หน้าสวยๆของหล่อนก็งอนเหมือนเป็ดชวนให้น่าเอ็นดูซะทุกทีเฮ้อ...แล้วนี้เขาจะบอกเกรซว่ายังไงดีนะ ไดเริ่มกลุ้มใจ
******************************************************
ร้านพีชเค้ก ที่นีลและเพื่อนๆมานั้น เป็นร้านที่นิยมกันในหมู่นักเรียน เหตุเพราะมีเค้กและเครื่องดื่มแสนอร่อยที่หลากหลายและที่สำคัญอยู่ใกล้โรงเรียนด้วย จึงไม่แปลกอะไรที่หลายคนมานั่งที่นี่ ร้านพีชเค้กมีทั้งส่วนในร้านและนอกของร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามน่านั่ง จนหลายคนอดใจไม่ไหวต้องแวะมานั่งกันเป็นประจำ และเป็นร้านยอดฮิตของหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกัน เพราะมีมัพฟินเค้กสำหรับคู่รัก ใครที่ต้องการจะประกาศว่าเป็นแฟนกันต้องมาสั่งขนมชนิดนี้ แล้วนั่งกินที่ร้านเพื่อเป็นการประกาศให้รู้
“นีล ตกลงจะเอาอะไรกันแน่ เลือกอยู่นั่นแหละ” จีนทักเพราะเห็นนีลก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เค้กหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นสั่งซักที
“จะเอามัพฟินคู่รักรึงัยจ๊ะ สั่งมาก็ได้นะมากินกับชั้น 2 คน”ลีลี่เย้า
“บ้า”นีลว่าเพื่อนพร้อมกับหัวเราะ
“เอาเชอรี่เค้ก 3 ชิ้นแล้วกันค่ะ แล้วก็เรนโบว์ไอส์ 3 แก้ว”จีนหันไปสั่งเค้กแทนเพื่อน
“ขืนรอ ยัยพวกนี้ มีหวังพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้กิน”จีนบอกพนักงานขายหน้าเคาร์เตอร์ แล้วก็พากันออกไปหาที่นั่งนอกร้าน
เกร๊ง เกร๊ง
เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น พร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปสั่งอาหาร ชายคนนั้นต้องชนกับนีลเข้าอย่างจัง เพราะนีลกำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปหาที่นั่งในสวนนอกร้านอยู่พอดี ทำให้ทั้งสองคนที่ชนกันอย่างแรง ล้มลง
“นีลเป็นไงบ้าง”เพื่อนทั้งสองฉุดให้นีลลุกขึ้น
“ไม่เป็นไร เออ...ขอโทษนะคะ”ปรโยคหลังนีลพูดกับคนที่ชนกับเธอ แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าคนที่เธอชนนั้นคือ รุ่นพี่ได...ที่เธอใฝ่ฝันนั่นเอง
“รุ่นพี่....”นีลพึมพำ
“ชั้นไม่เป็นไร แล้วเธอล่ะ เจ็บตรงไหนมั้ย...”ไดถามสาวน้อยตรงหน้าซึ่งเขาคุ้นๆว่า
เรียนห้องเดียวกับเกรซ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ไม่ค่ะ...ไม่ เออ...ขอโทษนะคะ รุ่นพี่ นีลเองต่างหากที่เดินไม่ระวัง”นีลก้มหน้าก้มตาพูดอย่างไม่กล้าที่เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอีกครั้ง ทั้งที่ในใจนี่คิดว่าเป็นโอกาสดีแล้วทีเดียวที่จะมีโอกาสเสนอตัว เอ้ย...ทำความรู้จักกับรุ่นพี่
“งั้นก็ไปล่ะนะ ชั้นก็ต้องขอโทษเธอด้วยเหมือนกัน” ไดพูดแล้วขอตัวไปสั่งอาหารเมื่อเห็นว่าคู่กรณีไม่เป็นอะไรจริงๆ
‘เจ็บตรงไหนมั้ย’ น้ำเสียงอาทรของรุ่นพี่ ทำให้นีลเคลิ้มไปทีเดียว โอกาสอยู่ใกล้แค่มือคว้าแล้วทำไมนะ นีลถึงไม่ยอมใช้มัน นีลก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อาจเป็นเพราะมันรวดเร็วจนนีลไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ เลยทำให้นีลพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตะกุกตะกักพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่อย่างใจคิดซะหน่อย เวลาเพียง 2 นาทีที่ผ่านมาเมื่อกี๊แค่คิดถึง ใจนีลก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้วล่ะ
“พวกเธอได้ยินหรือเปล่า รุ่นพี่เค้าพูดกับชั้น ว่า ‘เจ็บตรงไหนมั้ย’ น้ำเสียงของเค้ามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน” นีลพูดกับเพื่อนๆ
“ได้ยิน” เสียงทั้งสองคนประสานกัน
“แต่ชั้นว่าก่อนที่เธอจะฝันหวานไปกว่านี้นะนีล ชั้นว่าเธอหันไปดูตรงโน้นดีกว่า”ลีลี่พูดพลางชี้ให้เพื่อนทั้งสองหันไปดูทางด้านซ้ายของสวนซึ่งติดกับน้ำพุเล็กๆข้างร้าน
ภาพที่ทั้งสองคนหันไปดูตามที่ลีลี่ชี้ไปนั้น คือภาพของชายหนุ่มและเด็กสาวนั่งจิบชากันอยู่ เป็นภาพงดงามราวกับบรรจงสร้างไว้ หนุ่มหล่อสาวสวยที่นีลและจีนเห็นคือ รุ่นพี่ไดและเกรซ ที่กำลังยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข
“ไง ยัยนีล ยังจะฝันต่อไปอีกไหม เห็นกันจะจะตาขนาดนี้แล้ว”
“เรามาฉลองให้เธอ แต่เขามาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์” จีนพูดประชด
ภาพความฝันและเรื่องราวระทึกใจของนีลเมื่อ 10 นาทีที่แล้วมันพังทลายลงพริบตา ภาพที่นีลเห็นนั้นทำให้นีลคิดได้ว่าหนุ่มหล่อกับสาวสวยเป็นของคู่กัน แล้วหน้าอย่างนีลล่ะ จะมีน้ำหน้าไปสู้ยัยเกรซคนสวยได้เหรอ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่ในความคิด ทำยังงัยนะนีลจะได้หนุ่มหล่อมาครอบครองบ้าง ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย จะมีโอกาสบ้างไหมที่นีลจะได้เป็นแฟนกับรุ่นพี่ จะมีโอกาสบ้างไหม ที่นีลจะได้มานั่งจิบชากับรุ่นพี่จะมีบ้างไหมที่นีลจะมีโอกาส......
นีลมองทั้งสองคนอย่างเคียดแค้นกับความไม่ยุติธรรมที่เธอรู้สึก.......................
******************************************************************
“เกรซ” ไดเรียกสาวน้อยที่กำลังก้าวลงมาจากรถ
หลังจากที่แวะดื่มชาที่ร้านพีชเค้กเพื่อพูดคุยกันแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไดยังไม่ได้บอกเกรซ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไดไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าสาวน้อยจะเข้าใจผิด ขากลับที่นั่งมาในรถนั้น ไดคิดได้ว่าหากเมื่อถึงวันประกาศกิจกรรมเกรซก็ต้องรู้เข้าจนได้ ไดจึงคิดว่าบอกเธอซะแต่ตอนนี้เลยดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีเวลาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้าง...
บ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน บ้านของไดจะถึงก่อนบ้านของเกรซ ดังนั้นเมื่อคนขับรถของไดจอดรถที่หน้าบ้าน ไดจึงรีบวิ่งมาที่ประตูเล็กข้างรั้วทันที
เดิมทีตอนที่ไดและเกรซยังเด็กๆประตูรั้วนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น แม้พ่อแม่ของทั้งสองคนจะรู้จักกันดี แต่เมื่อเกรซอายุได้ 5 ขวบ ได้พยายามปีนข้ามรั้วมาหาเพื่อนเล่นซึ่งก็คือไดที่อายุ 7 ขวบนั่นเอง พฤติกรรมการปีนรั้วหากันของทั้งสองคนทำให้ป้าเหมยมาบอกกับแม่ของเกรซ เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้เข้าจึงทุบกำแพงรั้วส่วนหนึ่งทำประตูให้กับเด็กทั้งสองคนได้เล่นด้วยกันจะได้ไม่มีอันตรายจากการปีนรั้วเกิดขึ้น ประตูนี้จึงเป็นประตูหัวใจ ที่เชื่อมความรักความผูกพัน กันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“เกรซ พี่มีเรื่องจะบอก” ไดเรียก พร้อมกับชวนให้เกรซมาที่สวนดอกไม้ข้างบ้าน
“อะไรคะพี่ได คิดถึงเกรซขนาดนี้เลยเหรอคะ”เกรซแซวกลับ แต่ใจก็อยากให้ไดคิดอย่างนั้น
“เซี้ยวแล้วนะเรา พี่จะบอกว่า งานออกร้านของพี่น่ะ....”แล้วไดก็อธิบายเรื่องต่างๆให้เกรซฟังอย่างละเอียด
“หวังว่าเกรซคงเข้าใจพี่นะ พี่ไม่ได้อยากเป็นเองสักหน่อย”
“ฮือ...พี่ไดก็...เกรซจะว่าพี่ไดได้ยังไงคะ...”เกรซพูดพร้อมพยายามยิ้มทั้งที่ไม่ชอบใจเลย แต่กลัวว่าพี่ไดจะคิดว่าเธอก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา
“นั่นสินะ”ไดพึมพำ “คือ...พี่อยากบอกให้เกรซรู้ก่อน” ไดบอกเกรซอีกครั้ง ในใจของไดนั้นกลับคิดว่า ‘หรือว่าเกรซจะเห็นว่าเขาเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น’ ..
***********************************************
5 ทุ่มแล้วเกรซยังคงนอนไม่หลับ ยังคงคิดวนเวียนแต่ว่าพี่ไดจะเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวข้างบ้านรึเปล่านะ หลายครั้งที่ไดดูเหมือนว่าจะทำตัวห่างเหินกับเกรซ ตั้งแต่เกรซขึ้น ปี4 มา บางแว๊บเกรซรู้สึกว่าพี่ไดของเธอไม่เหมือนเดิม...
แค่น้องสาวรึเปล่านะ แค่น้องสาวเท่านั้นที่ไดรู้สึก แต่เกรซหลงรักพี่คนนี้ตั้งแต่เธออายุ 5 ขวบนั่นแหละ ตั้งแต่พี่ไดกวักมือเรียกเธอข้างบ้าน ตั้งแต่เธอและพี่ไดพยายามปีนั้วไปเล่นด้วยกัน ความรักความผูกพันที่เธอมีให้ไดไม่เคยเปลี่ยนแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้ว
ทุกครั้งเมื่อถึงวันครบรอบวันเกิดของเธอ ไดไม่เคยซื้อของขวัญให้เลย แต่ไดจะมาอวยพรวันเกิดให้เธอเองทุกครั้งและทุกปีจะมีการ์ดใบสวยๆที่มีลายมือของไดเขียนอวยพรวันเกิดมาให้ และทุกครั้งจะขึ้นต้นด้วยน้องสาวตัวน้อยเสมอ แต่ช่วง 2 ปีหลังมานี่ ไดขึ้นต้นด้วยชื่อของเกรซตรงๆ ซึ่งเกรซก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
เกรซหยิบรูปข้างเตียงมาดูอีกครั้ง แล้วจับมามาทาบไว้ตรงหัวใจ และผล่อยหลับไปในที่สุด...
**************************************************
5ทุ่มแล้วไดเองก็ยังไม่นอน ยังคงนั่งมองผ่านหน้าต่างออกไป สายตาที่เขามองไปนั้น พุ่งตรงไปสู่ห้องนอนของสาวน้อยข้างบ้านที่เขารัก ไฟในห้องของเกรซดับไปแล้วเมื่อกี้ ทำไมเกรซนอนดึกนักนะ ไดคิด ทั้งที่ก็ลืมคิดไปว่าตัวเองก็ยังไม่นอนเหมือนกัน
เรื่องกิจกรรมที่ไดบอกเกรซไปวันนี้ ทำไมเกรซดูช่างเฉยชานัก พูดจายิ้มๆ ไม่หึงเราเลยหรืออย่างไรนะ หรือเกรซไม่รู้สึกอะไรกับเรา หรือเธอเห็นเราเป็นเพียงแค่พี่ชาย....
2 ปีมานี่ความรู้สึกของไดเปลี่ยนไป จากเคยเห็นเกรซเป็นน้องน้อยที่ต้องดูแล แต่เมื่อเกรซโตขึ้น กลายเป็นสาวสวย ตั้งแต่เกรซเป็นนางแบบให้นิตยสารต่างๆ ก็มีหนุ่มๆมาตามจีบหลายคน ไดก็รู้ว่า ไดไม่สามารถปล่อยเกรซให้หลุดมือไปได้ แต่เกรซยังเด็กนัก บ่อยครั้งที่เกรซมักจะทำหน้าเศร้าๆแต่เมื่อเห็นได สายตาของเกรซเปลี่ยนไป เป็นประกาย สดใสขึ้น เกรซยังคุยกับเขาเหมือนทุกครั้ง เหมือนว่าเธอพบที่พักพิงใจ
เรื่องราวต่างๆในชีวิตเกรซ ไดเองก็รับรู้มาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กๆแล้วหากวันไหนที่เธอคิดถึงพ่อและแม่ เธอก็จะมาหลับอยู่ข้างๆในห้องของไดเสมอ เมื่อเธอโตขึ้นมาหน่อยหลายครั้งที่เธอเหนื่อยกับการเรียนต่างๆที่แม่ของเธอกำหนดไว้ให้ เธอก็จะมาระบายกับไดเสมอ
แต่ตอนนี้เธอโตขึ้น บ่อยครั้งที่ไดไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเธอเหมือนเก่า บางครั้งที่ไดเห็นเธอออกเดทกับหนุ่มเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ไดรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเมื่อเจอหน้ากันอีกครั้งในตอนค่ำเกรซก็คุยกับเขาอย่างปกติและไม่มีทีท่ากับเพื่อนนักเรียนคนนั้นแม้แต่น้อย เกรซจะคิดกับไดอย่างไรในตอนนี้ ไดไม่รู้ แต่ไดก็จะรอ...รอว่าสักวันหนึ่งให้เมื่อเกรซโตขึ้นอีกนิด เกรซจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มองเขาจากพี่ชายเป็น...คนรัก...
*************************************************
สวรรค์...จะบันดาลสิ่งใดให้เกิดขึ้น...ใครบ้างที่จะรู้....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น