คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ● Chapter :: 4 ● Last night [ เริ่มเรื่องแล้วนะคะ ] ●
CHAPTER 4
Last night
ไม่ใช่ความฝัน...
กวิตาฟุบหน้าลงกับที่นอนพร่ำบอกกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ สัมผัสที่ยังติดตรึงอยู่ไปทั่วทุกอนูของร่างกายบอกเธอได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายนี้บ้าง เมื่อคืนเธอไปผับและควรจะได้ดื่มคลายเครียด แล้วกลับห้องมาพักผ่อนอย่างสงบสุข แต่แล้วทำไมพออลืมตาตื่นขึ้นมาเธอกลับอยู่ในห้องของใครก็ไม่รู้แถมยังมีผู้ชายอีกคนนอนอยู่ข้างกาย
คิดมาถึงจุดนี้กวิตาก็อยากจะก้มหน้าร้องไห้นัก แต่น่าเสียดายที่เธอจุกจนร้องไห้ไม่ออก เธอจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองไปนอนกับผู้ชายคนนั้นได้อย่างไรสิ่งที่เธอจำได้มีเพียงสำผัสของเขา สัมผัสที่พาดผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย เธอร่ำร้องขอให้เขาช่วย เบียดเสียดเสนอตัวให้เขาอย่างเชื้อเชิญ แล้วเขาก็ถามเธอว่า ‘เธอจะนอนกับเขาไหม’
หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอกับเขาน่ะไปถึงจุด.. ไหน
โชคยังดีที่ตอนเธอตื่นขึ้นมาผู้ชายคนนั้นยังหลับอยู่เธอเลยชิ่งหนีออกมาได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำหน้ายังไงตอนเขาตื่นขึ้นมา จะให้ทักว่าอ้าวอรุณสวัสดิ์เมื่อคืนหลับสบายไหมน่ะเหรอ บ้าน่ะ! นี่เธอตื่นมาเจอผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อกับตัวเองนอนเปลือยอยู่ด้วยกันนะ แถมหมอนั่นยังเป็นคนที่เธอเจอในผับแล้วดูถูกเธอไว้อย่างน่ารังเกียจอีก แค่คิดก็อยากจะร้องไห้ ฮือๆ ความบริสุทธิ์ของกวิตาไม่เหลือแล้ว ครั้งแรกของเธอไม่น่าประทับใจเอาซะเลย
“เจอหน้าเมื่อไหร่ แม่จะฆ่าให้ตายเลยคอยดู”
กวิตาจำได้ดีก่อนหน้าที่เธอจะควบคุมสติไม่ได้และเป็นสาเหตุที่ทำเรื่องที่เกิดราวเลวร้ายขึ้นทั้งหมด นายอีวาน เป็นคนที่วางยาเธอ! ทำให้เธอเสียสาวถึงแม้จะเป็นกับผู้ชายอีกคนแต่เธอก็เสียไปอยู่ดี
“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...”
เสียงโทรศัพท์มือถือเรียกสติของกวิตาให้กลับมา เจ้าตัวผงกหัวขึ้นพาตัวเองนั่งพิงหัวเตียงก่อนเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างเตียง ผมยาวสวยสีน้ำตายสยายลงมาเกือบถึงเอวนั้นยุ่งเล็กน้อยเพราะการดึงทิ้งของเจ้าตัวเอง
โทรศัพท์โชว์เบอร์ที่เจ้าตัวไม่อยากรับสักเท่าไหร่ ‘Boss’
“โทรมาทำไมแต่เช้าคะเนี่ยบอส” กวิตากรอกเสียงลงไปผ่านโทรศัพท์ เวลา 9 โมงเช้าของเกาหลีแบบนี้มันน่าจะเป็น 7 โมงเช้าของเมืองไทยไม่ใช่รึไง
[นี่แกเป็นลูกน้องหรือเป็นเจ้านายฉันกันแน่เนี่ยยัยวิต้า เต็มใจรับโทรศัพท์ฉันหน่อยไม่ได้รึไง]
“แค่เคยเป็นเท่านั้นแหละค่ะ พี่เจตอย่าลืมสิคะว่าวิต้าย้ายมาสำนักงานใหญ่ที่เกาหลีแล้วฉะนั้นพี่เจตหมดสิทธิ์ในความเป็นเจ้านายของวิต้าแล้วค่ะ”
[เออๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิแก พอหนีไปนู่นปุ๊บก็ทิ้งพี่ปั๊บเชียวนะ]
“ช่วยไม่ได้นี่คะ ยอมรับชะตากรรมซะเถอะค่ะ”
กวิตาพูดทีเล่นทีจริง เธอกับเจษฎาทำงานด้วยกันมาหลายปี ด้วยอายุที่ไล่เลี่ยกันและเจษฎาเห็นกวิตาเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ เลยทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก เจษฎาก็จัดเป็นเจ้านายที่ใจดีและให้โอกาสในการทำงานของลูกน้องมากคนหนึ่ง
[ถ้าพูดอีกนี่พี่จะร้องแล้วนะ]
“แหมวิต้าล้อเล่นค่ะ เอาเถอะๆ ว่าแต่พี่เจตโทรหาวิต้ามีอะไรรึป่าวคะ”
[ก็แค่จะโทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง อยู่คนเดียวโอเคไหม]
“ก็.. โอเคค่ะ” ถ้าไม่นับเรื่องเมื่อคืนน่ะนะ
[แน่ใจนะวิต้า น้ำเสียงแกฟังดูไม่ดีเท่าไหร่เลย มีอะไรบอกพี่ได้นะ]
“แค่เหนื่อยๆ กับการเดินทางน่ะค่ะไม่มีอ่ะไรหรอก]
[พี่ไม่สบายใจเลยที่ช่วยอะไรแกไม่ได้จนแกต้องตัดสินใจแบบนี้]
“ทำไมอยู่ๆ ถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่เจตสักหน่อย แล้วอีกอย่างวิต้าก็ตัดสินใจเลือกเองนี่คะ”
ใช่แล้วกวิตาเดินทางมาเกาหลีเพื่อมาทำงานกับบริษัทแม่ที่นี่จริงๆ แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รู้เหตุผลที่แท้จริงในการที่กวิตาตัดสินใจมาเกาหลี และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเจษฏาเจ้านายหน้าของเธอ
กวิตาเป็นหญิงสาวฉลาด เธอเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ฐานะทางบ้านจัดอยู่ในระดับปานกลางไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่ก็ไม่ได้จัดว่าขี้เหร่อะไร พ่อแม่ของเธอมีธุรกิจไรส้มเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย หญิงสาวก้าวเข้ามาทำงานในบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในแห่งใหญ่แห่งนี้ในทันทีหลังจากเรียนจบจากมหาลัยชื่อดังของรัฐบาล ด้วยความสามารถอันโดดเด่นและการทำงานมีเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ทำให้แค่ชั่วเวลาไม่นานชื่อของกวิตาก็ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของนักออกแบบตกแต่งภายในที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมากที่สุด แต่ก็ใจว่าทุกคนจะสมบูรณ์แบบเสมอไปเพราะด้วยความที่เธอเก่งและฉลาดนี่เองที่ทำให้กวิตามีจุดบอด เธอไม่มีแฟน...
ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีผู้ชายเข้ามาจีบหรือไม่สนใจผู้ชายอะไรทำนองนั้น ตรงกันข้าม หญิงสาวสวยรวยเสนห์มีผู้ชายเข้ามารุมล้อมเธอมากมายแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถชนะใจเธอได้ต่างหาก หญิงสาวต้องการผู้ชายที่มีสมองและสามารถที่จะเป็นผู้นำให้กับเธอได้ ผู้หญิงอย่างกวิตาเก่งและใช้ชีวิตแบบผู้นำมาโดยตลอดฉะนั้นเธอจึงคิดว่าถ้าเธอมีคนรักแล้วไม่สามารถเป็นผู้นำหรือดูแลเธอได้สู้เธออยู่เฉยๆ คนเดียวซะยังดีกว่า และด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะขึ้นคาน ความซวยหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ที่ทำให้ท่านประธานบริษัทที่แทบไม่เคยจะเสวนากับเธอดันเกิดนึกเอ็นดูและอยากจะนัดดูตัวให้กับเธอขึ้นมา กวิตาอยากจะถามจริงๆ ว่าใครขอร้อง! ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ของเธอก็ดันเห็นดีเห็นงามไปกับเขาเสียด้วยสิ
โชคยังเข้าข้างหน่อยที่ดันมีโปรเจคใหญ่เข้ามา บริษัทแม่ทางเกาหลีต้องการนักตกแต่งภายในที่มีฝีมือเข้ามาช่วยงานโดยขอกำลังคนจากเมืองไทย และเมื่อโอกาสทองในการหนีรอดมาถึงขนาดนี้ก็แน่นอนว่ากวิตาจะต้องคว้าไว้ กวิตาแทบจะแพคกระเป๋าเดินทางมาโซลในทันทีที่ยื่นเรื่องขอย้ายเสร็จ
“อย่าคิดมากสิคะพี่เจต”
[อื้มๆ พี่จะพยายามไม่คิดอะไรนะ แต่อยู่ทางนู้นก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน]
แม้จะเสียดายในความสามารถของกวิตาแค่ไหนแต่เจษฎาก็เข้าใจดีว่าทำไมกวิตาถึงตัดสินใจแบบนี้ เขาเป็นแค่หัวหน้ามีหน้าที่ในฝ่ายออกแบบเท่านั้นย่อมไม่มีกำลังมากพอที่ยื่นมือเข้าไปช่วยกวิตาผู้เป็นลูกน้องได้เพราะเรื่องดูตัวนี้เป็นความต้องการโดยตรงของท่านประทานบริษัทเอง ไม้ซี่อย่างเขาจึงไม่มีกำลังมากพอที่จะไปแข็งข้องัดกับไม้ซุงแต่เมื่อกวิตามีทางรอดโดยการต้องหนีมาทำงานยังต่างเมืองเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะเซ็นอนุญาติให้เธอย้ายสาขามายังบริษัทแม่
[แล้วก็อย่าลืมล่ะว่ามะรืนนี้ต้องเริ่มงานแล้ว ไปรายงานตัวกับเจ้านายใหม่แกด้วยล่ะ ทำตัวให้มันดีๆ ไม่งั้นถูกส่งกลับไทยมาแต่งงานพี่ไม่รู้ด้วยนะ] เจษฎาอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าปลายสาย
“แค่ดูตัวค่ะไม่ได้แต่งงาน”
[เออนั่นแหละไม่ต่างกันหรอก]
“พี่เจต!”
[ฮ่าๆ โอเคๆ พี่ไม่แซวแล้ว แค่นี้นะดูแลตัวเองดีๆ]
เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตนเริ่มจะแยกเขี้ยวแล้วเจษฎาเลยรีบชิ่งวางสายโดยไวก่อนที่ระเบิดลูกใหญ่ที่ชื่อกวิตาจะทิ้งดิ่งส่งตรงมาใส่เขาจากแดนกิมจิ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ยังอดเป็นห่วงปลายสายไม่ได้ แม้กวิตาจะเก่งแค่ไหนแต่ผู้หญิงก็ยังคงเป็นผู้หญิงอยู่วันยันค่ำ
ชอบไม่ชอบติชมสักนิด :) ไรเตอร์จะได้มีกำลังใจอัพตอนต่อไปนะคะ
ความคิดเห็น