ตอนที่ 313 : บทที่ 313 มิติลับโลกวิเศษแห่งการประลอง
บทที่ 313 มิติลับโลกวิเศษแห่งการประลอง
หากมิคิดการณ์ไกลใหญ่โต ไหนเลยมากเมฆเขา จะยอมมีบทบาทเพียงน้อยนิดให้เจ็บปวดใจเล่น แต่ด้วยแผนการสารพัดอย่างในหัวสมองอันไม่ธรรมดา แผนการแบบปาหินก้อนเดียวเล็ก ๆ ได้นกหลายสิบตัว และหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ฝากมา ของเหล่าภรรยารักทั้งสามที่ต้องทำตามและให้เกิดเป็นจริงโดยเร็วที่สุด
เพื่อล่อลวงให้ศัตรูในเงามืด ไม่ว่าจะพระเจ้าจอมปลอม เหล่าร่างอวตารนับแสน ๆ ของมันที่หลบซ่อน
หรือแม้แต่เหล่าผู้ภักดีของพระเจ้าลี้ลับบรรพกาลที่เหลือรอดอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ ออกมาจากที่ซ่อนหรือไม่ก็เปิดเผยตัวออกมา และใช้ม่านพลังพิเศษของโลกแห่งเทพเซียนที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างลับ ๆ
ช่วยเป็นตัวสแกนและระบุตัวตนแบบขั้นเทพ พร้อมกับช่วยจดจำเอาไว้ ในระบบหลักที่เข้าถึงได้เฉพาะพระเจ้าผู้สร้างทั้ง 3 เพื่อที่จะได้ติดตามการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของอีกฝ่ายที่ต้องเฝ้าระวังได้โดยเร็ว ช่วยให้สามารถจำแนกได้ว่าใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ใครเป็นใส้ศึกและผู้ทรยศโดยไม่ลำบากอะไร
แผนในขั้นต่อ ๆ ไปก็คือ ทำการสร้างม่านพลังพิเศษที่ว่าออกไปยังดวงดาวต่าง ๆ อีกมากมาย ภายในจักรวาลสามพิภพหลังจากนี้ .. หรือแม้แต่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทั้ง 16 และมหานรกยมโลกเองก็เช่นกันที่ต้องมีม่านพลังพิเศษตรวจสอบติดตั้งเอาไว้อย่างลับ ๆ
แผนการสร้างชื่อและกระจายข่าวลืออันเกินจริงสุด ๆ เกี่ยวกับหยางซินหลินในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ต้องทำให้เอิกเกริกสุด ๆ เท่าที่เป็นไปได้
เพราะแบบนี้เอง มากเมฆจึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อให้มันสำเร็จ
เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนแบ่งร่างแยกพลังของตัวเอง ออกไปนับแสน ๆ ร่าง ออกเดินทางไปยังทวีปหลักต่าง ๆ ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อปลอมตัวเป็นนักเล่านิทานที่เสียสติ ในสภาพของยาจกผู้แก่ชราน่าตายที่พูดไปเรื่อย กระจายข่าวลือการปรากฏขึ้นของภูเขาเทียบฟ้าไร้นาม อันมีทรัพยากรล้ำค่าแทบจะไร้ขีดจำกัดบนทวีปบัลลังก์เมฆ และข่าวการลงมาจุติของพระเจ้าผู้สร้างที่เป็นเพศหญิง หญิงสาวผู้งดงามสมบูรณ์พร้อมอันดับหนึ่งในใต้หล้า
ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ระดับพระเจ้า หากชายใดได้แต่งงานได้ร่วมรักกับนางผู้นั้น จะกลายเป็นอมตะเป็นนิรันดร์รวมถึงกลายเป็นมหาเทพผู้มี 16 วงแหวนพลังในทันทีอย่างง่ายดาย
และผลจากการทำงานหนักตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ทั่วทั้งดวงดาวโลกเทพเซียนในเวลานี้ หรือแม้แต่เทพสวรรค์ชั้นฟ้าสูง ๆ ยังรับรู้ได้ ถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นในทวีปหลักต่าง ๆ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลโบราณจากทวีปต่าง ๆ รวมไปถึงนิกายใหญ่จำนวนมากจากนอกทวีป เดินทางมาถึงเมืองกิเลนทองได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และด้วยเหตุนี้เอง นับตั้งแต่ที่มากเมฆรู้ว่าเขาจะต้องกลับมาสร้างภูเขาสมุนไพรขึ้นมาใหม่ ให้กับเมืองกิเลนทองเป็นการขออภัยแบบอ้อม ๆ ที่ในวันนั้นเจ้าตัวอินจัดไปหน่อย จนระเบิดภูเขาสมุนไพรทิ้งไป อันเป็นที่ทำมาหากินของคนทั้งเมืองไปเสียดื้อ ๆ พร้อมกับทำลายดอกไม้ปีศาจสีม่วงอะไรนั่นไปด้วย
เจ้าตัวจึงได้คิดวางแผนการต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือการเปิดตัวให้โลกหล้าได้รู้จักเกี่ยวหยางซินหลินว่านางนั้นผู้งดงามมากเพียงใด วิเศษอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่
โดยทั้งหมดหาใช่ข่าวลือไร้ราคา แต่นางนั้นมีตัวตนอยู่จริง ๆ ไปในคราเดียว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหล่านี้ ผ่านการประลองแบบเปิดกว้างของมากเมฆ เพื่อให้ทุก ๆ กลุ่มอำนาจ ทุกสำนักพรรคและนิกายต่าง ๆ เข้าร่วมได้ ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลโบราณของทั้งในและนอกทวีปเองก็เช่นกัน
พร้อมกันนั้นมากเมฆยังได้คิดฉวยโอกาสที่ตนเองได้สร้างสถานการณ์ขึ้นมา
วางแผนคัดเลือกตระกูลโบราณที่เหลืออีก 3 ตระกูลที่คิดว่าเหมาะสม
เพื่อที่จะชักชวนให้มาสร้างมหานิกายร่วมกันอีกด้วย แต่คงมาในแบบของกองกำลังที่ภักดีมากกว่า
เพื่อให้ผ่านภารกิจในระดับความสำเร็จสูงสุด เพื่อที่จะได้รับ < อสูรผู้พิทักษ์นิกาย 1 ตน > เป็นรางวัลหลังจากที่สำเร็จนั่นเอง
// - - รายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจสร้างมหานิกายอยู่ในบทที่ 300 - - //
พอคิดย้อนกลับไปเล่น ๆ ของเจ้าตัวอย่างที่ผ่านมา .. ไม่ใช่ว่าตนเองมาที่โลกแห่งเทพเซียน เพียงเพื่อมาเที่ยวเล่นกับลูก ๆ ไม่ใช่หรือไงบวกกับทำภารกิจที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบอีกนิดหน่อย .. แต่ก็อย่างว่า คนไม่ทำงาน ไม่มีผลงานก็ไม่มีของตอบแทนใด ๆ และพวกเด็ก ๆ เองก็ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวอีกนานเช่นกัน
******
กลับมายังปัจุบัน ..
คนทั้งหมดภายในห้องประชุมของโรงเตี๊ยมระบบ ทั้งหมดยังคงตกตะลึงกับความงดงามหาใดเปรียบของหยางซินหลิน รวมไปถึงระดับพลังของนางที่สูงเทียมฟ้าในระดับ 1 วงแหวน
จนไม่กล้าที่จะหายใจแรง ๆ ออกมาให้เห็น
ด้วยกลัวว่าจะเสียมารยาทและเกิดทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมาได้
เพราะด้วยพลังขอบเขตระดับ “เซียนดาราเก้าสวรรค์ 1 วงแหวน” นั้น สามารถสังหารทุก ๆ คนที่อยู่ที่นี่ภายในห้อง ได้เพียงแค่มองดูอยู่เฉย ๆ ก็ยังได้ หากต้องการให้ทั้งหมดตกตายแบบหาซากไม่เจอ พลังของเทพนิรันดร์กับผู้ฝึกตนในอาณาจักรที่สองโลกบำเพ็ญนั้น ห่างกันราวกับสวรรค์และเม็ดทรายอย่างแท้จริง
มากเมฆเจ้าตัวแม้จะรู้ว่าถูกมองข้ามไปแล้ว
แต่ก็มิได้โกรธเคืองอันใดออกมาให้เห็น กลับกันเสียอีก การที่ซินหลินเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนจำนวนมาก
ทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องประชุมก็มีแต่คนแก่ ๆ กันแล้วทั้งนั้น มันก็มากพอแล้วที่จะสรุปผลได้ว่า
หากหยางซินหลินคนงามได้ปรากฏตัวในสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ จะปรากฏผลเช่นไรออกมาบ้าง
".. หยุดใจลอยกันได้แล้ว !!! .." เสียงที่เต็มไปด้วยพลังกดดันอันมากมายมหาศาลได้ปรากฏขึ้นจากด้านนอก
ผู้ที่เข้ามาใหม่หาใช่ใครอื่น คนผู้นี้คือ “หยางเจี่ย” อดีตผู้นำหมู่บ้านตระกูลหยางโบราณ
เฒ่าชราที่ปัจจุบันได้มีร่างกายสูงใหญ่กำยำยังกับเทพนักรบโบราณ ทรงพลังยังกับขุนเขาอมตะนิรันดร์แห่งเพลิงและสายฟ้าเคลื่อนที่ได้ ผู้มาพร้อมกับอาวุธคู่ใจที่สร้างแรงสั่นสะเทือน จนมิติแห่งการดำรงอยู่รอบ ๆ ห้อง
ถึงกับแตกร้าวมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้จะไม่อยากจะเห็น อาวุธวิเศษในมือของท่านผู้เฒ่าหยางเจี่ยนั้นก็คือ หอกมังกรแดงด้านยาวที่เต็มไปด้วยประกายแสงสายฟ้าสีม่วงเพลิง ลอยอยู่รอบ ๆ ยอดปลายแหลมอันทรงอานุภาพ พร้อมที่จะสังหารทุก ๆ สรรพชีวิตในพริบตาหากต้องการ
".. บ้าน่าระดับพลังนี้มัน เทพนิรันดร์ระดับสูง อาวุธนั่นก็ด้วยเป็นอาวุธเทพมีชีวิตจิตวิญญาณ นี่มัน!!?? ทวยเทพลงมาจากสวรรค์กันหรือยังไงตั้งมากมายในวันนี้ .." ผู้นำตระกูลเมฆาสังหาร “ชั่วเหนือเมฆ” กล่าวพูดขึ้นอย่างตื่นกลัว รู้สึกสะพรึงโลกในพลังเทพนิรันดร์ของอีกฝ่ายเอามาก ๆ จนไม่กล้าที่จะอยู่ภายในห้องเลยจริง ๆ อยากจะวิ่งหนีหายไปให้พ้น ๆ เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แต่กับไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่หนึ่งองคุลี
".. เซียนสงคราม 6 วงแหวน อาวุธในมือนั่นก็คือร่างแปลง จากวงแหวนพลังเทพสวรรค์ที่มี เทพสวรรค์ชั้นสูงถึงเพียงนี้ ทำไมกัน ทำไมถึงได้ลงมาอยู่ที่โลกเล็ก ๆ ใบนี้ได้โดยไม่เป็นอะไรเลย .." ผู้นำตระกูลมังกรเมฆ “กระบี่เข็ม” กล่าวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นกลัวอย่างปิดไม่มิด หลังจากที่ตรวจสอบระดับพลังของผู้มาใหม่โดยละเอียดจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา บวกกับนึกไปถึงข้อบังคับบางอย่างที่ถูกตั้งเอาไว้ตั้งแต่ในอดีต
เมื่อครั้งบรรพกาลนานมาแล้ว นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามของเหล่าทวยเทพ เกี่ยวกับการที่เทพสวรรค์ระดับสูงนับตั้งแต่ 1 วงแหวนขึ้นไป ไม่สามารถจะลงมายังโลกทางนี้ได้ตามใจชอบนักเช่นกาลก่อน หรือต่อให้ลงมาจริง ๆ ก็จะต้องถูกลงโทษ ถูกจำกัดพลังไปมากโข พร้อมกับมีเมฆสายฟ้าลงทัณฑ์อยู่รอบ ๆ ร่างกายตลอดเวลา
แต่เดิมเทพนิรันดร์ที่สามารถอยู่ในโลกแห่งเทพเซียนได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ นั้น
ประกอบไปด้วย 3 ขอบเขตพลังดังนี้เท่านั้น 1.เซียนฟ้าเร้นลับ --> 2.เซียนปราชญ์เทวะ --> 3.เซียนอสูรมังกรฟ้า
หากสูงไปกว่านี้จะถูกบังคับให้ขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นฟ้าที่ 1 ในทันที
เพราะสภาพอากาศโดยรอบ ลมปราณวิญญาณบริสุทธิ์บนโลกแห่งเทพเซียนนับจากนี้ไป
จะถือว่าเป็นพิษร้ายสำหรับตัวตนระดับเซียนดาราเก้าสวรรค์ 1 วงแหวนขึ้นไปในทันทีเช่นเดียวกัน
แถมยังถูกลงทัณฑ์ด้วยเมฆสายฟ้าอย่างหนักตลอดเวลา จากเจตจํานงสวรรค์ที่เฝ้ามองดูเรื่องราวอยู่ในทุก ๆ ที่อีกด้วย จึงทำให้เทพสวรรค์ 1 วงแหวน หรือเหล่าปีศาจอสูรที่มีพลังตั้งแต่ 1 วงแหวนพลังขึ้นไป ไม่อาจจะอยู่บนโลกแห่งเทพเซียนได้นานนัก
แต่ทว่าในวันนี้ ทุก ๆ คนภายในห้องกับได้เห็นเต็มสองตา
เทพสวรรค์ทั้ง 2 ตัวตนเทียมฟ้าในระดับที่มีพลังวงแหวนแล้ว
อันเป็นข้อห้ามและข้อจำกัดมาตลอด เท่าที่รับรู้มาหลายหมื่นปีจากรุ่นสู่รุ่นนับตั้งแต่มีอารยธรรมมนุษย์
ทั้งสองเทพสวรรค์กับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากเจตจํานงสวรรค์เลยสักนิด
นี่มันอะไรกัน !? หรือนี่เป็นการกระทำของเจตจํานงสวรรค์เองหรือไม่สำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ในภายหลังที่ผู้เฒ่าหยางเจี่ยได้เข้ามาทำหน้าที่แทนมากเมฆผู้ที่มีบทน้อยนิดราวกับตัวประกอบราคาถูก
ท่านผู้เฒ่าได้เริ่มการอธิบาย รวมไปถึงเชิญชวนให้ทุก ๆ คนเข้าร่วมการประลองแบบเปิดกว้างที่จะจัดขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดนับจากนี้ไปในภายหลัง
โดยทุกคนที่เข้าร่วมจะได้เข้าไปภายในมิติลับอันเป็นโลกวิเศษแห่งนึงสำหรับการประลอง
ทุก ๆ คนจะถูกปรับระดับพลังให้อยู่ในขอบเขต “เซียนอสูรมังกรฟ้า” เหมือน ๆ กันหมด
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีพลังสูงส่งเลิศฟ้ามาจากไหน จะเป็นเทพสวรรค์ระดับมหาเทพเข้าร่วมเลยก็ตาม หรือจะมีพลังต่ำสุด ๆ จนระดับพื้นฐานแรกเริ่มของผู้ฝึกยุทธในอาณาจักรแรกวิถียุทธ์ก็ไม่ว่าอะไร
ทั้งหมดจะได้รับระดับพลังขอบเขตที่เท่าเทียมกัน และต่อสู้กันด้วยทุก ๆ อย่างที่มีแบบทีม หรือจะต่อสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 ก็แล้วแต่ จะไปตัดสินใจกันเอาเองยังไงก็ได้ และอนุญาตให้ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ภายในมิติลับโลกวิเศษแห่งนั้นได้ตามใจชอบโดยไม่จำกัดใด ๆ
ในการประลองจะเป็นการต่อสู้แบบเป็นตายคัดออก
เมื่อตายคนที่พ่ายแพ้จะถูกขับออกจากมิติลับโลกวิเศษในทันที
แต่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งที่โลกแห่งเทพเซียน เหมือนเดิมเป็นปกติทุกอย่าง หาใช่เสียชีวิตจริง ๆ
ทว่าสิ่งของใด ๆ องค์ความรู้จากตำราวิชาใด ที่หามาได้ภายในโลกวิเศษใบนั้นไม่ว่าจะมากหรือจะน้อย
จะหล่นหายไปทั้งหมดไม่มีเหลือ แม้แต่ในความทรงจำที่เรียนรู้ได้มา จนเข้าใจอย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีเช่นกัน
แต่ทว่าหากเป็นผู้ชนะที่เหลือรอดเป็นกลุ่มนิกาย พรรคสำนัก หรือตระกูลสุดท้าย ของรางวัลใด ๆ ที่หามาได้ทั้งหมด หรือของวิเศษล้ำค่าที่เก็บหามาได้ภายในโลกวิเศษแห่งการประลองต่อสู้นั้น จะถูกมอบให้กับกลุ่มหรือตระกูลนั้น ๆ ไปเลยทั้งหมด 100%
และก่อนที่การประลองจะเริ่มต้นขึ้นยังอนุญาตให้ตระกูลต่าง ๆ พรรคหรือนิกายน้อยใหญ่ สามารถนำของวิเศษหรือวัตถุดิบจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ศาสตราวุธต้องห้าม อาวุธพิสดารหรืออะไรก็ตามเข้าไปภายในมิติลับโลกวิเศษแห่งการประลองได้ โดยไม่จำกัดใด ๆ อีกด้วย
และในทุก ๆ 1 วันที่ผ่านไปภายในมิติลับโลกวิเศษ
โลกวิเศษที่ว่านั้นจะเล็กลงเรื่อย ๆ ตามลำดับ เพื่อที่จะบีบให้ผู้เข้าร่วมต้องเผชิญหน้ากันเร็วขึ้น ต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องมากขึ้น พร้อมกับการปรากฏขึ้นของเหล่าสมุนไพรวิเศษ ของล้ำค่านานาชนิดจากสวรรค์ ตำรามหาเทพและทักษะเทพเจ้าอีกมากมาย
และสำหรับเวลากลางคืนในยามราตรีกาลในทุก ๆ วัน ภายในโลกวิเศษแห่งการประลองนั้น จะปรากฏฝูงปีศาจโบราณผู้กระหายโลหิต เหล่าอสูรกายทรงพลังจากยุคบรรพกาลออกมา เพื่อไล่ล่าสังหารผู้เข้าร่วมการประลองจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนจะเช้าอยู่เสมอ โดยเวลาของมิติลับโลกวิเศษแห่งการประลอง จะเดินไปพร้อม ๆ กับโลกแห่งเทพเซียนทุก ๆ อย่าง
หลังจากผู้นำทั้ง 5 ตระกูลราชวงศ์โบราณได้รับฟังโดยละเอียด ต่างก็เข้าใจและเห็นว่าเหมาะสมแล้วจริง ๆ
ทั้งหมดจึงตอบรับออกมาว่า
".. พวกเราตระกูลมังกรเมฆ ยินดีเข้าร่วมการประลองด้วยความเต็มใจ .." ผู้นำตระกูลมังกรเมฆมั่นใจเกินร้อยในเคล็ดวิชาลับของตระกูล สำหรับการต่อสู้เหนือระดับชั้นเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพลังที่มีการจะชิงชัยและเหนือกว่าทุก ๆ ตระกูลที่จะมาเข้าร่วมในศึกครั้งนี้ ตระกูลมังกรเมฆยังเหนือกว่ามาก ในด้านของพลังกายและเคล็ดวิชาที่เหมาะสมทางสายเลือดที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
".. พวกเราตระกูลเมฆคลั่ง ยินดีเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ .." ผู้นำตระกูลเมฆคลั่งถึงกับยิ้มออก เพราะหากเป็นพลังทางสายเลือดของตระกูลโบราณอันเก่าแก่ทั้งหมดที่เคยได้ยินมา การจะต่อสู้กับผู้ที่มีพลังขอบเขตเท่า ๆ กัน มันเป็นเพียงเรื่องตลกขำขันเท่านั้น งานนี้ชนะใส ๆ ขอเพียงใช้ตัวแทนที่มากประสบการณ์สักหน่อย เท่านี้ก็เกินพอแล้วสำหรับชัยชนะที่จะได้รับ
".. พวกเราตระกูลเมฆโอสถ ยินดีเข้าร่วมการประลองขอรับท่านเทพอาวุโส .." ผู้นำตระกูลเมฆโอสถแม้จะกล่าวคำเข้าร่วม แต่ภายในใจกับเต็มไปด้วยความไม่สบายใจอยู่มากมาย เพราะหากเป็นการแข่งขันปรุงยา ตระกูลของตนคงจะไร้พ่ายไปแล้ว แต่พอเป็นการประลองด้วยขอบเขตพลังที่เท่า ๆ กัน และการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ตระกูลของตนที่สูญเสียไปมากกับเคล็ดวิชาต่อสู้โบราณที่เคยมี ทำให้อ่อนแออย่างมากหากจะต่อสู้กันตรง ๆ งานนี้คงจะต้องเปิดเผยความลับของเหล่าเม็ดยาที่สามารถนำมาเป็นอาวุธได้เสียแล้ว
".. พวกเราตระกูลเมฆาสังหาร ยินดีเข้าร่วมการประลองและยินดีเข้าร่วมในทันที .." ผู้นำตระกูลเมฆาสังหารถึงกับยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้ทุก ๆ คนได้เห็น เพราะหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการต่อสู้ การสังหารอีกฝ่ายให้ตาย แผนการสกปรกนานาชนิดที่โลกหล้ารู้จัก ไม่ว่าจะสู้รบกันแบบไหน ตระกูลเมฆาสังหารมีประสบการณ์ที่สูงมาก แม้แต่เด็กอายุ 5 ขวบของตระกูลสาขา ยังถูกฝึกให้รู้จักการสังหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตั้งแต่ที่อายุยังน้อย ๆ ดังนั้นคนในตระกูลเมฆาสังหาร จึงเก่งกาจเป็นอย่างมากในการต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน
".. พวกเราตระกูลบัลลังก์เมฆ ยินดีเข้าร่วมการประลองที่จัดขึ้น .." องค์จักรพรรดิกล่าวตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก พร้อมกับมองไปยังคุณชายมากเมฆที่นั่งหงอยเหงาอยู่ตรงมุมห้อง อย่างงง ๆ ไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเลยจริง ๆ แค่ไม่มีคนสนใจจะฟัง เจ้าตัวถึงกับออกอาการอะไรจะปานนั้น
".. สำหรับตระกูลบัลลังก์เมฆที่เป็นราชวงศ์จักรพรรดิ ในปัจจุบันของทวีปบัลลังก์เมฆแห่งนี้ ข้าจะให้สิทธิพิเศษกับเจ้าเพียงตระกูลเดียวเท่านั้น เนื่องจากภูเขาเทียบฟ้าไร้นามและเมืองกิเลนทอง ล้วนแล้วแต่อยู่ในการปกครองของพวกเจ้ามาหลายร้อยปี ดังนั้นทุก ๆ ตระกูลหรือนิกายและพรรคสำนักต่าง ๆ จะส่งตัวแทนได้เพียง 5 คน แต่สำหรับตระกูลบัลลังก์เมฆ ข้าผู้เฒ่าจะอนุญาตให้ส่งตัวแทนเข้าไปได้ทั้งหมด 8 คนด้วยกัน .." ผู้เฒ่าหยางเจี่ยกล่าวพูดอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับทำท่ากำลังจะเดินออกไปจากห้องประชุมลับแห่งนี้ เพื่อไปประกาศให้ทุก ๆ ตระกูลและนิกายต่าง ๆ เข้าใจและเชิญชวนให้เข้าร่วม ทำหน้าที่ในฐานะพิธีกรและผู้ประกาศข่าวมันเสียเลย
ในขณะที่มากเมฆและกลุ่มตระกูลหยางกำลังจะออกจากห้องไปนั้น
เสียงตอบรับขององค์จักรพรรดิก็ดังขึ้น ".. ขอบคุณท่านอาวุโสเทพสวรรค์ 6 วงแหวน ข้าและตระกูลบัลลังก์เมฆ ขอสิทธิ์ตัวแทนเพียง 5 คนเช่นกัน ข้าไม่อยากจะถูกกล่าวหาว่าเอาเปรียบ แม้ว่าทวีปแห่งนี้จะอยู่ในการปกครองของตระกูลข้าน้อยก็ตาม .." องค์จักรพรรดิกล่าวตอบ
มากเมฆที่ได้ฟังและเห็นการแสดงออกแบบนั้น จึงยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า
".. ฉลาดมาก เป็นตระกูลที่เอาตัวรอดได้ดี และรู้จักปรับเปลี่ยน ไม่โลภ เพื่อไม่ให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากอย่างไม่จำเป็น .."
การที่อีกฝ่ายไม่ใช่สิทธิพิเศษ 8 คนเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งในวิธีเลี่ยงปัญหาของการเผชิญหน้าแบบถูกรุมทำร้ายจากตระกูลต่าง ๆ จำนวนมากไปได้ เพราะหากตระกูลบัลลังก์เมฆได้เข้าร่วมแบบ 8 คนจริง ๆ แน่นอนว่าจะต้องถูกรุม จนยืนขึ้นมาไม่ได้เป็นแน่ เพื่อเป็นการตัดกำลังของตระกูลที่เข้ามาเยอะกว่าใครเพื่อน ซึ่งมันเป็นตรรกะความคิดง่าย ๆ ที่ทุกคนก็คิดออกและคาดเดาได้
แต่ด้วยที่องค์จักรพรรดิกับไม่โลภจนตัดสินใจผิดพลาด .. ขอใช้สิทธิ์เหมือนคนอื่น ๆ จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
หลังจากที่ทั้งสามคนออกมายังนอกเมืองกิเลนืองและเหาะขึ้นไปบนฟ้า .. ภาพที่เห็นก็คือการมาถึงของมหานิกายและกลุ่มตระกูลโบราณต่าง ๆ นับตั้งแต่ระดับ 6 เมฆาจนไปถึง 10 เมฆาเต็มไปหมดราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน ภาพตรงหน้าในเวลานี้ ต้องบอกเลยว่าขุมอำนาจใด ๆ ก็ตามของโลกแห่งเทพเซียนในปัจจุบัน ได้มารวมกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว .. ดูเหมือนการที่มากเมฆแกล้มเป็นนักเล่านิทานอยู่เป็นเดือน ๆ จะได้ผลลัพธ์เกินคาดจริง ๆ กับสิ่งที่เห็น
มากเมฆถึงกับอดไม่ได้ยิ้มหวานออกมาอย่างลืมตัว งานนี้ได้คัดคุณภาพของตระกูลต่าง ๆ สนุกแน่
พร้อมกับความคิดสนุก ๆ ที่ว่า จำเป็นมั้ยที่จะต้องใช้ตระกูลโบราณเพียงแค่ 5 ตระกูลในการก่อตั้งมหานิกายที่กำลังจะเกิดขึ้น !?
ซินหลินที่คนงามเห็นชายหนุ่มที่ตัวเองตกหลุมหลงรัก ยิ้มออกมาเสียขนาดนั้นอย่างอ่อนหวาน จึงอดไม่ได้เช่นกันที่จะยิ้มตามไปด้วยอย่างลืมตัว
แน่นอนว่ารอยยิ้มของสาวงามที่ปรากฏขึ้นกลางท้องนภาใสอันบริสุทธิ์ ถึงกับทำให้เหล่ายอดคนจำนวนมากนับแสน ๆ เป็นอันต้องตกลงจากท้องฟ้าราวกับคนไร้สติพร้อมรอยยิ้ม เพราะจิตวิญญาณได้หลุดลอยหลงใหลไปกับรอยยิ้มอันงดงามชวนฟันหวาน มิรู้ตื่นที่พบเห็นเข้าให้อย่างจังเสียแล้ว
ภายในเมืองกิเลนทอง บนยอดหอสูงที่อนุญาตให้ชาวบ้านขึ้นมาชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวเมืองได้
".. แม่จ๋า ๆ มนุษย์ดาวตกหล่ะ ตกลงมาเต็มไปหมดเลย ดูสิ มองดูผ่านกล้องส่องทางไกล แต่ละคนยิ้มด้วยล่ะ .."
".. จริงด้วย ตกลงมาเยอะมาก ๆ เลย แม่ว่าพวกเรากลับบ้านดีกว่าเนอะ คนบ้าอะไรตกจากท้องฟ้าทั้งที่ยิ้ม .."
ในขณะเดียวกันหลุมลึกรูปร่างมนุษย์เพศชายได้ปรากฏขึ้นอยู่รอบ ๆ เมืองกิเลนทองเต็มไปหมด บางคนที่อ่อนหัดตกลงมาจากที่สูงสักหน่อย ถึงกับกลายเป็นเศษชิ้นเนื้ออยู่ที่พื้นดิน เป็นบ่อเลือดสระโลหิตไปแล้วจำนวนมาก พร้อมกับเสียงการกระแทกและระเบิดออกของบางสิ่งที่ตกจากที่สูงเองอยู่เรื่อย ๆ
เฮอออ ใครจะไปคิดล่ะว่าเพียงหนึ่งรอยยิ้มงดงามอันไม่ตั้งใจของซินหลิน .. จะทำให้บางนิกายและตระกูลเล็ก ๆ ถึงกับล่มสลายหายไปตลอดกาล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เกรียนมาก555555