ตอนที่ 312 : บทที่ 312 มากเมฆตัวประกอบ
บทที่ 312 มากเมฆตัวประกอบ
ผลลัพธ์ที่ได้ในครั้งนี้ !!
ทำให้มากเมฆกลายเป็นผู้มีพระคุณอย่างที่สุดและเป็นที่เคารพรักนับถือ ของทุก ๆ คนภายในเมืองกิเลนทองเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเหล่า NPC จำนวนไม่น้อย จะยังสงสัยอยู่ก็ตามในบางเรื่อง !?
ถึงจำนวนคนที่เข้ามาช่วยเหลือและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเมื่อเร็ว ๆ นี้
เหล่านักเดินทางข้ามฟากฟ้าที่มักจะอยู่ใครอยู่มันมาตลอด ตั้งหลายปีดีดักภายในเมืองราวกับภูติผี บางคนแทบจะอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในเงามืดเลยก็มี แต่ทว่าในวันนี้ คนจำนวนมากเหล่านั้นที่แม้แต่เหล่าชาวเมืองเอง ก็ไม่ให้ความสนใจอะไร ต่างก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ เพียงเพราะคำสั่งของคนคนเดียวอย่างพร้อมเพรียง
แน่นอนว่ามีเพียงชาวเมืองกิเลนทองเท่านั้นที่รับรู้ถึงตัวตนของมากเมฆได้
และเข้าใจในเนื้อหาบางส่วนของจดหมายที่ถูกส่งมา
แต่สำหรับเหล่าสมาชิกระดับล่างของโลกมืดประจำเมืองกิเลนทองแล้วนั้น
ทั้งหมดหาได้รับรู้อะไรเลย เกี่ยวกับตัวตนของมากเมฆ บุตรชายคนโตของมหาตระกูลเมฆาเทพแม้แต่น้อย
เพราะต่อให้พยายามจะสืบให้รู้ด้วยตัวเอง !!
สุดท้ายอยู่ ๆ ความทรงจำเหล่านั้นที่สืบรู้และหามาได้ ก็จะหายไปเองอยู่ดีอย่างไม่รู้ตัว
แถมสมาชิกที่กระทำเกินกว่าคำสั่งที่ได้รับ ในวันหลังยังถูกคัดออก หรือไล่ให้ไปทำงานในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิมอีกด้วยเป็นการลงโทษ ดังนั้นเนื้อความในจดหมายที่ฝากมาส่ง สมาชิกโลกมืดแต่ละคน จึงไม่มีใครกล้าที่จะอ่านเลยสักคนแม้แต่คนเดียว เพราะอาจจะถูกฆ่าเอาจริง ๆ ที่โลกภายนอกก็เป็นได้ รวมไปถึงครอบครัวที่เหลืออีกด้วย
หลังจากที่ภารกิจต่าง ๆ ภายในเมืองกิเลนทองได้จบลง เหล่าสมาชิกของโลกมืดก็หาใช่ว่าจะหายไปเฉย ๆ
ทั้งหมดยังคงทำหน้าที่ควบคุมและดูแลความสงบ และจัดกำลังบางส่วนลอบออกจากเมืองผ่านเส้นทางลับใต้ดิน ตามคำสั่งของอาวุโสระดับสูงอย่างหมื่นมารพันอสูร ที่ได้ติดต่อเข้ามาเป็นการส่วนตัวกับตัวแทนหัวหน้า เพื่อไปช่วยเหลือเหล่าชาวเมืองที่ถูกจับไปเป็นทาสอีกต่างหาก
แม้โลกมืดจะเลวและชั่วร้าย ราวกับมารปีศาจในสายตาของใครต่อใครบนดาวโลก ..
แต่ตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา
โลกมืดจำต้องรับบทบาทของทั้งผู้ร้ายที่ชั่วเกินจะให้อภัย และผู้ปิดทองหลังพระไปด้วยในเวลาเดียวกันอยู่เสมอ
ตามแต่ล่ะภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากระดับสูง .. เรื่อยมา
เมื่อทุก ๆ การกระทำไม่ว่าจะกับใครหรือผู้ใด จะต้องมีผู้ที่ได้ประโยชน์และเสียผลประโยชน์เสมอไปเป็นสัจธรรม
*******
ดาวโลก ณ ฐานลับบนเกาะแห่งหนึ่งที่ถูกอำพรางไว้ทั้งเกาะ เป็นอย่างดีด้วยเทคโนโลยีวิทยาการขั้นสูง
จนแม้แต่รัฐบาลโลกก็ไม่อาจจะตรวจสอบ หรือมองเห็นได้ถึงตัวเกาะที่อยู่ ๆ ก็หายไป
แถมยังคิดไปว่ามันอาจจะหายไป เพราะธรรมชาติเป็นผู้กระทำอีกต่างหาก ตามปริมาณน้ำทะเลที่สูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
ชั้นใต้ดินของเกาะที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์
ภายในห้องรับรองแห่งหนึ่งของผู้นำระดับสูง
ข้าวของมีค่ามากมายได้ถูกทำลาย ด้วยพลังลมปราณระดับสูงอันเกรี้ยวกราดที่ระเบิดออก
จนข้าวของเครื่องใช้และสิ่งของต่าง ๆ กระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้องรับรองสุดหรูหรา
ไม่เว้นแม้แต่งานศิลปะอันทรงคุณค่าจำนวนหลายสิบชิ้น ต่างก็ถูกทำให้กลายเป็นเศษซากไร้ราคา ด้วยโทสะของชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “จักรพรรดิโลกทมิฬ” หัวหน้าองค์กรกลุ่มโลกทมิฬที่ได้แยกตัวออกมาจาก หนึ่งในหมื่นองค์กรกลุ่มชั้นนำที่สวามิภักดิ์ ต่อโลกมืดและเหล่าหมื่นมารพันอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน
".. สูญเงินไปเปล่า ๆ กว่า 2 หมื่นล้านพลังงานสุริยะ ไอ้พวกโลกมืดสารเลว พวกมัน พวกมันรู้ที่ซ่อนทั้งหมดได้ยังไง .."
".. รู้กระทั่งว่าใครเป็นผู้ถือครองกุญแจค่ายกล ของพื้นที่ลับทั้งหมดอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่แบ่งพื้นที่ลับสำหรับเก็บซ่อนออกไปตั้งมากขนาดนั้น พวกมันรู้ รู้กระทั่งที่อยู่ลับของสมาชิกทุก ๆ คนที่ต้องซ่อนตัว ไม่เว้นแม้แต่เรา ผู้เป็นจักรพรรดิโลกทมิฬก็ยังถูกค้นพบได้ .."
".. แผนการที่ได้เจ้าช่วยคิดเป็นอย่างดี และยังให้เอไอระดับสูง ทำการคำนวณสรุปผลหลายครั้งจน 100% ถึงความสำเร็จที่จะได้รับ แต่กับล้มเหลว มันล้มเหลว ไอ้โลกมืดสารเลว!!! ใครกัน ใครเป็นคนเปิดเผยข้อมูลแผนการทั้งหมดของพวกเราออกไป .." จักรพรรดิโลกทมิฬยังคงอารมณ์เสียและรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมภายในเกมตนเองยังถูกฆ่า ถูกทรมานจนตาย ถูกตัดของลับในระหว่างที่ยังมีสติ ความแค้นครั้งนี้ มันยังกับเพลิงนรกที่เผาไหม้อยู่ในอกที่ไม่รู้จะดับยังไงแล้ว
".. ใจเย็น ๆ ก่อน ท่านจักรพรรดิโลกทมิฬรุ่นที่ 3 การที่เราถูกโลกมืดเล่นงาน จนหมดสภาพแบบนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีวี่แววใด ๆ มาก่อน จากโปรแกรมประเมินความเสี่ยงเลย แม้แต่สายลับของเราในองค์กรต่าง ๆ ของโลกมืดเอง ก็ไม่ได้แจ้งบอกอะไรมาเลยเช่นกัน หรือพูดเตือนสักนิดก็ยังไม่มี .."
".. แสดงว่าพวกมันจะต้องเล็งเป้าหมายมาที่พวกเราตั้งแต่แรก และสมควรเป็นความลับระดับสูง มาสักระยะหนึ่งแล้วแน่ ๆ และคนในองค์กรของเราเอง ผมคิดว่าจะต้องมีใส้ศึกอยู่ ผมขอแนะนำให้ท่านจักรพรรดิโลกทมิฬ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและคัดกรองสมาชิกใหม่อีกครั้งอย่างลับ ๆ เป็นการภายใน การที่พวกเราถูกเล่นงานอย่างหนักในครั้งนี้ได้ แสดงว่าโลกมืดได้เห็นเราเป็นภัยคุกคามแล้วจริง ๆ .." ชายคนหนึ่งได้กล่าวพูดเสียงเรียบ เรียกสติจักรพรรดิโลกทมิฬให้กลับมา คนคนนี้มีร่างกายกว่า 70% เป็นจักรกลล้ำสมัย แต่กับมีใบหน้าที่งดงามอย่างกับผู้หญิง แลดูเป็นคนผิดเพศอยู่เล็กน้อยและยากจะคาดเดา
คนผู้นี้มีนามว่า “ทมิฬราตรี” ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงดาวรุ่นพุ่งแรงสุด ๆ ผู้มีอนาคตไกลสดใสมากที่สุดคนหนึ่งของโลกใต้ดิน เป็นผู้มีพลังพิเศษตั้งแต่เกิดและมีพรสวรรค์ ในการฝึกฝนพลังลมปราณสูงมาก และอาจจะได้รับสืบทอดฉายานามของเหล่าหมื่นมารพันอสูร ของโลกมืดเมื่อ 50 ปีก่อนก็เป็นได้
แต่สุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะมีศักยภาพสูงมากในเวลานั้นจนเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร
ทว่าเจ้าตัวกับพ่ายแพ้ ในศึกท้าทายฉายานามหมื่นมารที่จัดขึ้นในอดีต และลงท้ายด้วยการเป็นผู้พิการขั้นสุด
ถูกทำลายร่างกายไปกว่า 30% จนใช้การไม่ได้ แถมยังถูกขับไล่ออกจากองค์กรใต้ดินที่เคยสังกัด จำต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ นับแต่นั้นมา จนวันนี้เจ้าตัวได้กลายมาเป็นผู้ช่วย และที่ปรึกษาคนสำคัญของจักรพรรดิโลกทมิฬรุ่นที่ 3 แต่ในความเป็นจริง ตัวมันเองต่างหากที่เป็นจักรพรรดิโลกทมิฬตัวจริง และเป็นรุ่นที่ 1 ผู้ก่อตั้งอีกด้วย และมีอำนาจสั่งการมากที่สุดในทางลับ ต่อเจ้าหน้าที่ในระดับสูงขององค์กร เพียงแค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น
จักรพรรดิโลกทมิฬคนปัจจุบันแท้ที่จริงก็แค่ตัวตายตัวแทน หรือตัวหมากของ “ทมิฬราตรี” เท่านั้น ในการแก้แค้นองค์กรใต้ดินที่ขับไล่ตนเองออกมาเมื่อหมดประโยชน์ พร้อมกับครอบครัวในเวลานั้นให้ต้องตกที่นั่งลำบาก และโลกมืดที่ทำให้ตัวมันเองต้องมีสภาพเป็นแบบนี้
แม้ว่ายุคสมัยแห่งการบุกเบิกอวกาศ การแพทย์การรักษาในปัจจุบันจะก้าวหน้าไปมาก
แต่ทมิฬราตรีกับเลือกที่จะเป็นครึ่งจักรกล เพราะต้องการจะใช้พลังพิเศษที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง รวมไปถึงเก็บงำความแค้นเอาไว้ เพื่อบอกตัวเองไม่ให้ลืมในทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และครอบครัวหลังจากที่ถูกขับไล่ออกมา
หลังจากที่เจ้าตัวเข้ามาเห็นจักรพรรดิโลกทมิฬเป็นเดือดเป็นแค้น
ตัวมันเองจึงคิดจะกล่าวเตือนสติและให้อีกฝ่ายสงบลง จากนั้นก็ทั้งสองจึงเร่งออกไปตรวจสอบ ความเสียหายของจำนวนเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมไปถึงหาให้ได้ว่าแผนการทำเงินในครั้งนี้ ที่จะได้ประโยชน์ในทุก ๆ ทาง ถึงเป็นอันล้มเหลวไปได้ยังไง
..
…
….
…..
สุดท้ายแม้ว่าทั้งองค์กรกลุ่มโลกทมิฬจะพยายามสืบหายังไงก็ตาม ตลอดหลายวันหลังจากนี้ กับได้รับคำตอบจากสายลับ 000 ที่แฝงตัวอยู่ในโลกมืดตอบกลับมาเพียงว่า ทั้งหมดเป็นแผนปฏิบัติการลับสุดยอด จากหนึ่งในอาวุโสระดับสูง ผู้มีฉายานามอสูรเพียงเท่านั้น ส่วนคำตอบอื่น ๆ ไม่สามารถหามาให้ได้เลย แม้แต่เพียงเล็กน้อยเท่าฝุ่นธุลีก็ไม่มี แถมภายหลังในเวลาต่อมา สายลับ 000 ที่แอบส่งข่าวคนนั้นยังถูกฆ่าตายและหายไปจากจักรวาลอีกด้วย
********
โลกแห่งเทพเซียน ณ เมืองกิเลนทอง
ตลอด 7 วันที่ผ่านมาหลังจากที่ทั้ง 4 ตระกูลโบราณอันเป็นราชวงศ์เก่าแก่ได้มาถึง
พร้อมกับการบุกโจมตีอย่างรุนแรงเต็มกำลังจากทั้ง 4 ทิศทาง
ทั้ง 4 ตระกูลได้บุกยึดประตูหลักทั้ง 4 ทิศ สำหรับเข้าเมืองกิเลนทองเอาไว้อย่างเด็ดขาด เป็นเหตุให้ทหารกล้าของเมืองกิเลนทองล้มตายไปเป็นจำนวนมากนับแสนคน บาดเจ็บอีกจำนวนมากจนนับไม่ไหว แต่โชคยังดีที่เหล่าผู้เล่นซึ่งเป็นคนของโลกมืดเอง ได้เข้าร่วมต่อสู้อย่างไม่กลัวตายตามคำสั่งเบื้องบน
แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดีและถูกยึดครองพื้นที่รอบนอกเอาไว้
รวมไปถึงจุดยุทธศาสตร์ของเมืองกิเลนทองทั้ง 4 ทิศประตูไปได้ สุดท้ายกองกำลังทหารที่เหลือรอดทั้งหมด รวมไปถึงเหล่าผู้เล่นจากโลกมืดและคนอื่น ๆ จำต้องถอยหนี ลงไปอยู่รวมกันในเขตเมืองชั้นในที่มีค่ายกลผู้พิทักษ์ปกป้องอยู่ และหยุดการบุกโจมตีของทั้ง 4 ตระกูลเอาไว้ได้สักระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ศิลาเซียนสวรรค์จำนวนมากจะหมดพลังไปเสียก่อน
หลังจากที่ได้รับชัยชนะไปได้ไม่นาน ทั้ง 4 ตระกูลโบราณ จึงได้เริ่มปราบปรามสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอื่น ๆ รอบนอก โดยใช้กองกำลังทหารและเหล่ายอดฝีมือของตระกูล แสดงแสนยานุภาพจนเป็นที่ยอมรับ จนทำให้รอบ ๆ ตัวเมืองกิเลนทองกลับคืนสู่ความสงบในเวลาอันรวดเร็ว
เหล่านิกายมีชื่อเสียงจำนวนมาก พรรคหรือสำนักที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ทั้งหมดถูกบังคับให้ยอมสยบ
ด้วยพลังอำนาจระดับ “เซียนฟ้าเร้นลับ” ของเหล่าบรรพชนเก่าแก่ที่เข้าร่วมศึกสงครามในครั้งนี้
และเป็นเหตุให้เหล่านิกายใหญ่และสำนักพรรคต่าง ๆ จำต้องเลือกข้างเป็นครั้งแรกอย่างอัปยศ นับตั้งแต่ก่อตั้งมายาวนานหลายพันปี เพราะหากไม่ทำตามหรือไม่ยอมสยบแต่โดยดี นิกายและพรรคสำนักเหล่านั้น จะถูกกวาดล้างสังหารทำลายให้สิ้นในพริบตา
ภายหลังที่สถานการณ์ความวุ่นวายได้จบลง
เช้าอีกวันต่อมา !! กองทัพหลวงของราชวงศ์บัลลังก์เมฆได้มาถึง
พร้อมกับพระราชวังต้องห้ามลอยฟ้าขนาดใหญ่มหึมาที่ยกพลมาด้วยเต็มอัตรา
กองกำลังนับร้อยล้านคนของราชวงศ์ผู้ภักดี ได้เข้าปะทะกับ 4 ตระกูลโบราณอย่างดุเดือด ราวกับท้องฟ้าจะถล่มทลายลงมาให้ได้ตลอดเวลา ก่อนที่จักรพรรดิบัลลังก์เมฆองค์ปัจจุบัน จะฉวยโอกาสที่วุ่นวายเป็นที่สุด ลอบบังคับให้พระราชวังต้องห้ามของตระกูลบัลลังก์เมฆ ลงประทับที่เมืองกิเลนทองในจุดที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรก จนเป็นเหตุให้พลังในการป้องกันของเมืองแข็งแกร่งขึ้นเป็นพันเท่า ก่อนที่จะออกคำสั่งให้กองทัพหลวงและเหล่าขุนพล รวมไปถึงขุนนางคนสำคัญที่กำลังต่อสู้อยู่ ถอยกลับเข้ามาภายในเมืองหลวงแห่งใหม่ เพื่อวางแผนตั้งรับกันใหม่หลังจากนี้อีกครั้งในทันที
ทั้ง 5 ตระกูลได้เผชิญหน้าและมีพลังอำนาจพอ ๆ กันอย่างแท้จริง !!
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาไม่ว่าจะเช้ามืด หรือในยามค่ำคืนไร้แสงไฟ สารพัดกลอุบายสกปรก หรือแผนการร้ายใด ๆ ต่างถูกใช้ออกจนหมดสิ้น
จนหลายต่อหลายครั้ง 4 ตระกูลโบราณต่อสู้กันเองจนสูญเสียอย่างหนัก และบ่อยครั้งที่พลาดท่าจนสูญเสียยอดฝีมือรุ่นเยาว์ หรือแม้แต่ยอดฝีมือที่บ่มเพาะมานาน แต่กระนั้นทางราชวงศ์บัลลังก์เมฆเอง ก็สูญเสียหนักกว่าใครเพื่อน เพราะบ่อยครั้งที่ทั้ง 4 ตระกูลร่วมมือกันโจมตี จนแม้แต่ม่านพลังจากค่ายกลผู้พิทักษ์เองถึงกับแตกสลาย และจำเป็นต้องแข่งกับเวลาสร้างขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย ๆ ทำให้สูญเสียทรัพยากรอย่างต่อเนื่องเป็นอันมาก
จนในที่สุดทั้ง 5 ตระกูลราชวงศ์โบราณ ก็ไม่อาจจะแบกรับความเสียหายอันมหาศาลต่อไปได้มากกว่านี้ จึงได้นัดกันมาหารือประชุมลับและหาข้อสรุปที่เกิดขึ้น ภายในโรงเตี๊ยมของทางระบบหลัก หรือจะเรียกว่าโรงเตี๊ยมสวรรค์ก็ได้ ไม่อย่างงั้นเหล่านิกายใหญ่และพรรคสำนักต่าง ๆ คงจะฉวยโอกาสในการกวาดล้าง ผู้ที่พ่ายแพ้และอ่อนแอที่สุดเป็นแน่หลังจากที่ศึกสงครามของทั้ง 5 ตระกูลราชวงศ์ได้จบลง
".. พวกเจ้าคิดจะจับราษฎรของข้าไปเป็นทาส ต่อให้ราชวงศ์บัลลังก์เมฆถูกทำลาย ข้าก็ไม่ยอมแพ้ พวกเจ้าไม่เห็นด้วยกับกฎที่ตั้งขึ้นของภูเขาเทียบฟ้า และคิดจะใช้ประโยชน์ที่สวรรค์ประทาน พวกเจ้าไม่กลัวจะถูกทวยเทพลงทัณฑ์หรืออย่างไร .." องค์จักรพรรดิบัลลังก์เมฆกล่าวตอบโต้เสียงแข็ง หลังจากที่ผู้นำสูงสุดของอีก 4 ตระกูลราชวงศ์โบราณ พยายามจะขอแบ่งชาวเมืองและขอแบ่งพื้นที่รอบ ๆ ของเมืองกิเลนทอง มาเป็นทาสชั้นต่ำในตระกูลของพวกมัน
".. แต่เดิมมนุษย์ทุกคนบนทวีปแห่งนี้ ล้วนได้บรรพบุรุษบรรพกาลของตระกูลมังกรเมฆของข้า ช่วยเอาไว้ทั้งนั้นจากเทพอสูรผู้ทำลายล้าง การที่ข้าจะขอให้พวกมันมาเป็นทาส ในตระกูลมหาจักรพรรดิโบราณของข้า มันเป็นเกียรติยศอย่างที่สุด ที่ต่อให้ตายเกิดใหม่เป็นสิบ ๆ ชาติก็ยังหาไม่ได้ เจ้าเป็นแค่จักรพรรดิที่เพิ่งจะมีอำนาจได้ไม่กี่ร้อยปี หากในครานั้น ตระกูลของข้าไม่รามือยอมให้ตระกูลเจ้าเป็นใหญ่ขึ้นมา เจ้าคิดว่าตระกูลบัลลังก์เมฆเล็ก ๆ ที่ได้มรดกจากพระราชวังต้องห้ามลอยฟ้าจากเทพสวรรค์ไร้นาม ที่ด้านในมีบัลลังก์บรรพกาลอยู่ เจ้าจะมีหน้ามาเสนออยู่ที่นี่ได้หรือยังไง .." ผู้นำตระกูลมังกรเมฆ นามว่า “กระบี่เข็ม” กล่าวพูดขึ้นเสียงดังอย่างแข็งกร้าว ไม่เห็นหัวจักรพรรดิคนปัจจุบันของทวีปเลยสักนิดอยู่ในสายตา
".. ในเมื่อคุยมาก็นาน ตกลงอะไรไม่ได้เลย ไม่สู้พวกเรามาสู้กันให้ตายไปข้างไปเลย ไม่ดีกว่าหรือไง .." ผู้นำตระกูลเมฆคลั่งกล่าวพูดเสียงเย็นจนน่ากลัว คนผู้นี้มีนามว่า “คลั่งแค้น” เป็นคนตรงไปตรงมาแต่อารมณ์ร้อนดุจภูเขาไฟ แต่ทว่าเวลาพูดจากับเหมือนคนใจเย็นจนติดลบ
".. สู้กันให้ตายไปข้าง เจ้าไม่เห็นพวกนิกายกับสำนักต่าง ๆ ที่รอฉวยโอกาสอยู่หรือยังไง แน่ล่ะพวกเราในตอนนี้กวาดล้างนิกายและสำนักเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่หลังจากนั้นหล่ะ 1 เดือน 1 ปี ข่าวสารสำคัญการมีอยู่ของภูเขาเทียบฟ้าไร้นามแห่งนี้ อีกไม่นานก็จะโด่งดังออกไปทั่วทวีปต่าง ๆ ทั้ง 9 ทวีป ศัตรูที่พวกเราต้องเผชิญ ไม่ใช่แค่คนในทวีปหลอกนะ พวกเจ้าคงไม่ลืมการมีอยู่ของมหาตระกูลระดับ 10 เมฆาที่แท้จริงหลอกใช่มั้ย .." ผู้นำตระกูลเมฆโอสถกล่าวพูดเตือนสติทุก ๆ คนภายในห้อง คนผู้นี้มีนามว่า “เม็ดยาหวาน” เป็นชายวัยกลางคนที่ดูจะมีเหตุมีผลมากที่สุดแล้ว ในที่ประชุมหารือในครั้งนี้
".. ในเมื่อแบ่งกันไม่ได้สักที อันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้ มิสู้พวกเรา 4 ตระกูลที่เห็นด้วยเหมือน ๆ กัน ฆ่าล้างตระกูลบัลลังก์เมฆไปให้มันจบ ๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้เลย ด้วยพลังของทั้ง 4 ตระกูล ข้าไม่เชื่อว่าแค่ตระกูลเล็ก ๆ 1 ตระกูลจะทำอะไรได้ จากนั้นพวกเราหารือกันอีกครั้ง และแบ่งสมบัติที่ได้มาอย่างลงตัว เท่านี้ก็จบแล้ว พวกเจ้าคิดเห็นยังไง .." ผู้นำตระกูลเมฆาสังหารที่มีความแค้นอยู่มากกับตระกูลบัลลังก์เมฆ นับตั้งแต่ที่ตระกูลตัวเองพ่ายแพ้ในวันวานจนสูญเสียอำนาจไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้กล่าวพูดเสนอแผนชั่วอย่างไม่เกรงใจ 4 รุม 1 มันผู้นี้มีนามว่า “ชั่วเหนือเมฆ” เป็นคนที่ชั่วร้ายและเชื่อถืออะไรไม่ได้อย่างแท้จริง เป็นคนเลวที่ชอบกระทำการลับหลังผู้อื่น และเป็นราชันย์มักมากที่ชอบแย่งเมียชาวบ้านเป็นที่สุด
ทว่าทันใดนั้นเอง .. กับมีเสียงพูดของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นภายในห้อง
พร้อมกับการมาถึงของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวและหญิงสาวชุดขาวชมพูที่งดงาม ราวกับนางฟ้านางสวรรค์อันดับหนึ่ง
".. ทั้ง 5 ตระกูลไม่สู้ ส่งตัวแทนแบบกลุ่ม 5 คนไม่จำกัดอายุหรือขอบเขตพลัง เข้าต่อสู้ประลองเป็นตายบนเวทีประลองพิเศษของข้า ใครเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายหรือกลุ่มสุดท้ายที่มีชีวิต จะกลายเป็นผู้ชนะและครอบครองทุก ๆ อย่าง ทั้งเมืองกิเลนทองและชาวเมืองทั้งหมดเป็นอย่างไร .."
".. อ้อ ๆ จะบอกทั้ง 5 ตระกูลก็ไม่ได้ เพราะในเวลานี้ ตระกูลระดับ 8 -10 เมฆาจากทวีปต่าง ๆ ทั้ง 9 ทวีปโดยรอบ ได้เดินทางมาถึงทวีปบัลลังก์เมฆแล้ว เอาล่ะ .. นี่คือข้อเสนอของเราที่เตรียมไว้แล้ว พวกเจ้าทั้ง 5 ตระกูลรวมทั้งเราที่เป็นเจ้าบ้าน ดังนั้นมาประลองกันและเป็นผู้ตั้งกฎในการแย่งชิง หรือพวกเจ้าจะรอให้กลุ่มอำนาจอื่น ๆ จากภายนอก มาชี้นิ้วสั่งเอาสั่งเอาล่ะ คิดให้ดี ๆ นะ .."
มากเมฆปรากฏออกมาและพูดบอกไปเรื่อย
แต่ทว่าทุก ๆ คนภายในห้องประชุมกับมองไปยังหยางซินหลินเป็นตาเดียว เหมือน ๆ กันหมด
ราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง แต่กระนั้นกับไม่มีใครกล้าที่จะเสียมารยาท เพราะหลังจากที่สัมผัสพลังของบ่มเพาะของหญิงสาวผู้งดงามได้ คนทั้งหมดภายในห้องเหล่า 5 ผู้นำตระกูลราชวงศ์โบราณและเหล่าอาวุโสระดับเซียนฟ้าเร้นลับคนอื่น ๆ ที่ติดตามมาดูแลความปลอดภัยของเหล่าผู้นำ ต่างก็สัมผัสได้ว่าหญิงสาวผู้งดงามปานจะล่มจักรวาลให้ได้นางนี้
มีขอบเขตพลังอยู่บ่มเพาะในอาณาจักรที่สาม “เทพนิรันด์” แถมยังอยู่ในขอบเขต “เซียนดาราเก้าสวรรค์ 1 วงแหวน” ที่ไม่มีลำดับขั้นย่อยของพลังอีกต่อไปอีกด้วย เป็นระดับพลังบ่มเพาะชั้นสูงที่ทุก ๆ คนของโลกแห่งเทพเซียนได้แต่ฝันถึง และทำไมกันตัวตนระดับนี้ ถึงยังไม่ขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า แต่กับยังอยู่ในโลกเทพเซียนเล็ก ๆ แห่งนี้อีก
ในที่สุดหลังจากที่มากเมฆพูดจบ
เจ้าตัวถึงได้รู้ว่าตนเองถูกซินหลินแย่งซีนไปหมดแล้ว ที่พูดบอกออกไปไม่ได้เข้าหูใครเลยสักคนเดียว T^T
*********
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ก็เอาแต่หญิงออกมาดีนักบักปอบ
พอดีปูเนื้อเรื่อง เพื่อให้ตัวละครในกลุ่มเด่นขึ้นมา T^T
10 ปีแล้วมั้ง หุหุ..