ตอนที่ 155 : บทที่ 155 สู่โลกมืด ตอน ไร้ผล หมดสภาพ
บทที่ 155 สู่โลกมืด ตอน ไร้ผลและหมดสภาพ
ยิ้ม
ยิ้มให้เห็นก็จริง แต่นั่นกับเป็นรอยยิ้มพึ่งใจและยินดียิ่ง ที่ได้พบเห็นวิชาลมปราณแปลกใหม่ สำหรับใช้ร่วมกับกายามนุษย์ปกติได้เป็นเลิศ ที่สามารถควบคุมบังคับกระแสพลังลมปราณในร่าง พร้อมจุดชีพจรให้เปิดและปิดจุดเหล่านั้น จนก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าตะลึงตาไม่ธรรมดา แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ใช้พลังลมปราณแบบธาตุพลังอีกด้วย ด้วยผลลัพธ์ของการใช้เคล็ดวิชาที่ว่าบวกกับพลังธาตุที่ไม่ธรรมดา จึงทำให้หมัดทมิฬที่ว่ามีสภาพไม่แตกต่างไปจากเหล็กกล้าที่ยากจะทำลาย และเต็มไปด้วยพลังทำลายที่สูงราวกับกระสุนปืนใหญ่สมัยโบราณเลยทีเดียว
ด้วยสิ่งเหล่านี้เอง ยิ่งทำให้มากเมฆรู้สึกสนใจหลงใหลไปกับสิ่งที่พบเห็นอยู่ไม่น้อย โลกมืดเหล่าผู้คนที่มักจะหลบซ่อนอยู่ในเงา มันช่างเป็นแหล่งรวมของแปลกอันหาได้ยากเสียจริงๆ
ในขณะที่มารหมัดเหล็กพุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง
มากเมฆมองดูและศึกษาวิชาของอีกฝ่ายได้ทั้งหมดภายในพริบตาด้วย “เนตรทฤษฎี” อันสุดแสนจะขี้โกงเอามากๆ ได้ช่วยเหลือมากเมฆไว้อีกครั้ง จนทำให้เขาเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของวิชาที่ว่าได้โดยง่าย
จึงเป็นผลให้ชายหนุ่มรูปงาม สามารถตอบโต้สวนกลับจนอีกฝ่ายกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
จนแทบจะตกจากรูปปั้นจักรพรรดิอสูรอยู่แล้ว หากมากเมฆลงมือรุนแรงมากกว่านี้ หรือใช้พลังลมปราณทมิฬเข้าช่วย
มารหมัดเหล็กรู้สึกทึ่งเอามากๆ และรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย ที่อยู่ๆ โดยคนรุ่นหลานปะทะพลังความแข็งแกร่ง จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ของการประสานงาของวิชาที่เหมือนกัน
แถมวิชาที่อีกฝ่ายใช้ออกยังดูเหนือกว่าของตัวมันเองถึง 1 ขั้นใหญ่ๆ
จนเป็นเหตุให้พ่ายแพ้ เป็นฝ่ายกระเด็นออกมาเสียเองแบบนี้ ทั้งที่มีขอบเขตพลังลมปราณสูงกว่าแท้ๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่าละอายและยอมรับไม่ได้สำหรับมารหมัดเหล็ก
".. เจ้าหนู เจ้าไปฝึกฝน “วิชาหมัดโลกทมิฬ” มาจากไหน เป็นไปไม่ได้ !! ข้าได้ทำลายตำราเล่มนั้นทิ้งไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 70 ปีก่อน ตระกูลหมัดเหล็กนั่นข้าก็ฆ่าทิ้งไปหมดแล้ว แม้แต่สุนัขของพวกมันข้าก็ฆ่าไม่มีเหลือ ไม่น่าจะหลงเหลือวิชาใดๆ ของพวกมันหลุดรอดออกมาได้อีก .." มารหมัดเหล็กรู้สึกซ็อคอยู่ไม่น้อย จากสิ่งที่เห็น แต่เพื่อไม่ให้ตนเองเสียหน้าไปมากกว่านี้ มารหมัดเหล็กจึงพุ่งร่างเข้าปะทะกับมากเมฆอยู่นานหลายกระบวนเพลงอย่างสุดกำลัง
คนอื่นๆ ที่เป็นลูกน้องและผู้ติดตามของเฟิงเทียนอี้ เห็นว่าสถานการณ์ยังเป็นต่ออยู่หลายขุม และเจ้าหนูมากเมฆผู้มีพลังพิเศษอะไรนั่น ก็ไม่ได้มีเหนือไปกว่ามารหมัดเหล็กสักเท่าไหร่ พวกมันหลายสิบคนจึงได้กระโดดขึ้นไปบนศีรษะยักษ์ของรูปปั้นจักรพรรดิอสูร ร่วมต่อสู้ช่วยเหลือมารหมัดเหล็กในทันที
สามสิบต่อหนึ่ง แถมแต่ล่ะคนยังเป็นขอบเขตพลังลมปราณนภา ที่ใกล้จะบรรลุปราณสวรรค์ด้วยกันทั้งนั้น
และแต่ละคนยังเต็มไปด้วยไพ่ในมือสารพัด ลูกไม้สกปรกอันหน้ารังเกียจมากมาย และที่สำคัญที่สุด สกิลหมาหมู่ของพวกมันที่ประสานงานกันนั้น เรียกได้ว่าทีมเวิร์คระดับมืออาชีพเลยทีเดียว บ่งบอกได้เลยว่าพวกมันมักจะร่วมมือรุมสกรัมแบบนี้อยู่บ่อยๆ เป็นแน่
หากเปลี่ยนคนที่กำลังถูกรุมล้อมอยู่นี้ เปลี่ยนไปเป็น “ไป๋ตี้หลง” ความหวังหนึ่งเดียวของตระกูลไป๋อันเก่าแก่
ยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งคนปัจจุบัน คงจะไม่สามารถรับมือกับคนจำนวนมากเหล่านี้ได้นานนัก
เพราะทั้งสามสิบคนที่ว่าไม่ได้ต่อสู้ด้วยวิธีการปกติเลยสักคน พวกมันทั้งใช้อาวุธลับ ทั้งฉวยโอกาสทีเผลอ และหลายต่อหลายครั้งก็มักจะแอบใช้ยาพิษ หรือไม่ก็พวกอุปกรณ์ไฮเทคแปลกๆ
เพื่อให้สามารถจับกุมมากเมฆให้ได้ในที่สุด แต่สุดท้ายชายหนุ่มรูปงามก็ยังคงยิ้มยินดี เสพติดการเรียนรู้วิชาใหม่ๆ หลงใหลไปกับสิ่งที่ได้รับมาฟรีๆ อย่างต่อเนื่อง แต่กระนั้นมากเมฆก็ยังคงสามารถหลบหนี จากสถานการณ์ที่ตกเป็นรองเหล่านั้นมาได้เสมอ
พอเห็นว่าจำนวนคนที่กระโดดเข้ามาต่อสู้กับเขา ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยหลังจากที่ผ่านไปราว 2-3 นาที
และท่าทีของคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนเฝ้าคอย รอโอกาสจากที่ไกลๆ มันจึงทำให้มากเมฆเริ่มรู้สึกเบื่อ ทั้งที่ตอนแรกกะว่าคนพวกนี้ จะเข้ามารุมยำเขามากกว่านี้เสียอีก
จะได้ขโมยเรียนวิชาของแต่ละคนไปเรื่อยๆ เสียเลย ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าพวกนี้ มันจะระวังตัวกันขนาดหนัก
แถมยังเล่นเป็นเสือหมอบ รอคอยอย่างใจเย็นซะอย่างงั้นเสียได้
ในเมื่อไม่ได้อะไรอีกแล้ว จากกลุ่มคนแก่ๆ เหล่านี้
มากเมฆก็เกียจคร้านจะเล่นต่อไปที่แกล้งทำเป็นเสียเปรียบ
และจาก 50-60 วิชาที่เรียนรู้มา หนึ่งในนั้นมีวิชาดรรชนีที่ไม่ธรรมดาอย่างมากรวมอยู่ด้วย และในตอนที่เขาใช้มันเป็นครั้งแรก ตอบโต้ให้อีกฝ่ายได้เห็น ดูเหมือนเจ้าของวิชาจะเรียกมันว่า “ดรรชนีตวัดลม” เคล็ดวิชาชุดนี้เป็นวิชาสายสลายพลังที่แปลกประหลาด ไม่ได้มีพลังทำลายล้างอะไรเลย ไม่ได้ช่วยอะไรในการป้องกันแม้แต่น้อย แต่ทว่าพลังที่พุ่งออกจากปลายนิ้ว ไม่ว่าจะระยะใกล้หรือไกล ไม่ว่าจะอยู่ในกริยาท่วงท่าใดๆ มันกับสามารถตัดขาดได้แม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณ หรือแม้แต่ห้วงแห่งพลังลึกล้ำของอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด
จนเป็นเหตุให้พลังของคู่ต่อสู้ไร้สภาพ หมดคุณสมบัติของพลังไปชั่วขณะ เป็นเอกอุในด้านการทำลายเคล็ดพลังของอีกฝ่ายให้ชะงัด และไร้ผลโดยสมบูรณ์ หรือสกัดกั้นสลายพลังให้ถูกยกเลิกไป
ยังดีที่อีกฝ่ายผู้ใช้เคล็ดวิชาชุดนี้ ฝีมือไม่ถึงขั้นบรรลุรู้แจ้ง และไม่ได้เข้าใจถึงจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์วิชาอย่างถึงที่สุด ไม่อย่างงั้นมากเมฆคงต้องเสียกระบวนท่าป้องกัน หรือแม้แต่พลังในการจู่โจมไปหลายรอบ จนปวดหัวแน่ๆ
เพราะ “ดรรชนีตวัดลม” มันเป็นวิชาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกวนบาทา กวนประสานของคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่หากสามารถพัฒนาต่อยอดได้ มันจะไปถึงขั้นที่เรียกได้ว่าไร้พ่าย ไม่พ่ายแพ้ให้กับผู้ใดก็ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีพลังสูงส่งมากมายกว่าก็ตาม
เป็นสุดยอดวิชาที่ถูกใจที่สุดแล้วในของวันนี้
ด้วยเหตุนี้เองมากเมฆจึงคิดจะตั้งชื่อมันใหม่ให้เป็น “ว่าวลมเทพดรรชนี” ยอดวิชาที่มีไว้ให้ทุกคนทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด สลายกระบวนท่า พลังลมปราณที่กำลังใช้ในพริบตา เป็นยอดวิชาที่ไม่แพ้แต่ก็ไม่ชนะเช่นกัน เพราะมันไม่มีพลังในการโจมตี แต่กระนั้นมากเมฆก็คิดจะนำเอาวิชาที่ว่าไปหลอมรวมกับวิชาอื่นๆ อีกครั้ง เพื่อให้มันเป็นเอกอุอย่างที่สุดที่สามารถจะไปถึง
และเพื่อให้วิชาที่ว่ามันสมบูรณ์ 100% มากเมฆจึงคิดที่จะบังคับเอาเคล็ดวิชานี้จากเจ้าของเดิม
หลังจากที่จัดการปัญหาต่างๆ ที่นี่หมดแล้ว โดยส่วนตัวมากเมฆเชื่อว่าอีกฝ่ายคงยินดีอย่างยิ่งที่จะมอบเคล็ดวิชาที่ว่าให้กับเขาโดยง่าย หลังจากที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นบางสิ่ง ที่แม้แต่มากเมฆเอง หากไม่คิดแค้นอะไรก็คงไม่อยากจะทำอยู่เหมือนกัน
ในเมื่อเบื่อที่จะเล่นแล้ว และตัวการทุกๆ ตัวที่ยังคงมีปัญหากับเขา ต่างก็ได้อยู่ที่นี่ทั้งหมด
มากเมฆจึงเลือกใช้วิธีที่โง่ที่สุด แต่มันก็ได้ผลอย่างเด็ดขาดทุกครั้งเช่นกัน นั่นก็คือ “ฆ่า” แต่คงจะดูใจดีเกินไปสำหรับคนสารเลวพวกนี้ ดังนั้นมากเมฆจึงเลือกทำในสิ่งที่เขากำลังสนใจและอยากจะลองอยู่พอดี แน่นอนว่าเฟิงเทียนอี้และซันอาก็ต้องเผชิญกับโชคชะตาที่ว่าเช่นกัน
มากเมฆเคลื่อนตัวหลบไปรอบๆ เว้นระยะถอยห่างจากทั้งสามสิบคน ราวกับกำลังเสียเปรียบ
เฟิงเทียนอี้และซันอา ที่ได้เฝ้ามองการกระทำต่างๆ และความก้าวหน้าของมากเมฆมาได้สักระยะ พวกมันเริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจ ทั้งสองได้แอบติดต่อพูดคุยกันอย่างลับๆ ผ่านคลื่นเสียงลมปราณเฉพาะ หาลือเกี่ยวกับการหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนี้ มันไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่หวังไว้ บวกกับคนของตนเองไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในที่สุด
".. ซันอา เจ้าเด็กขยะนั่นดูเหมือนจะขโมยทักษะวิชาของผู้อื่นได้ หากนี่ไม่ใช่พลังพิเศษ ก็แสดงว่าเจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์สูงล้ำเกินคนไปแล้ว หรือเจ้ามารเฒ่านั่นจะมีสุดยอดวิชาที่สามารถลอกเลียนแบบวิชาอื่นๆ ได้ และเป็นไม้ตายที่พวกเราไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะข้าอยู่ข้างกายเจ้าเฒ่านั่นมาสิบหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นมันใช้วิชาที่คล้ายกัน หรือใกล้เคียงที่คิดเลยสักครั้ง .." เฟิงเทียนอี้ได้พูดคุยกับสหายสนิทซันอา ผ่านคลื่นลมปราณอย่างลับๆ
ซันอาเองตั้งแต่แรกก็รู้สึกได้ว่ามันผิดปกติ เพราะถึงแม้ตนเองจะฝึกยุทธ์แต่ก็หาได้มีฝีมือโดดเด่นอะไรมากมาย สิ่งที่มันเก่งกาจก็มีแต่การคิดแผนร้ายชั่วๆ เท่านั้น
".. ไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้สมควรแก่เวลาแล้ว เทียนอี้เจ้าสมควรออกคำสั่งให้เหล่ายอดยุทธ์ระดับขอบเขตสวรรค์ลงมือได้แล้ว ส่วนข้าจะแยกตัวออกไปนำร่างของเจ้าเด็กหญิงที่ท่านนำมากลับไป ข้าจะออกไปเตรียมพร้อมหลบหนีไว้ก่อน และหากสถานการณ์ยังไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ให้ท่านไปยังจุดนัดพบในทันที .." ซันอากล่าวบอกสหายสนิทเก่าแก่ของตน ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีใครสักเกตเห็น เพื่อเตรียมหนทางหนีเอาไว้ให้พร้อม เผื่อสถานการณ์ที่ว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง เพราะเจ้าหนูมากเมฆ ดูเหมือนจะอยู่เหนือจากความเข้าใจของพวกมันทุกคนไปไกลโข
".. ข้ารู้แล้ว ระวังคนของราชันย์อสูร กับอสูรผีอมตะไว้ด้วย พวกมันจะต้องแอบติดตามเจ้าไปอย่างลับๆ เป็นแน่ .." เฟิงเทียนอี้กล่าวเตือนสหายอีกครั้ง ก่อนที่จะออกคำสั่งให้เหล่ายอดยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ของตนเองลงมือ
แต่ทว่าก่อนที่จะทันได้ออกคำสั่งใดๆ จนครบคำเต็มประโยค
เหล่ายอดยุทธ์ขอบเขตนภาทั้งสามสิบคนก่อนหน้า ได้ถูกเปลวเพลิงสีเงินขนาดใหญ่ยักษ์ลุกไหม้
จนถึงขนาดส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอย่างสุดแสนตลอดเวลา คล้ายกับพวกที่อยากจะตายแต่ไม่ได้ตาย
เปลวเพลิงสีเงินถึงขนาดรุกลานเผาไหม้ไปทั่วบริเวณกว้าง จนแม้แต่ยอดยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ที่เพิ่งจะได้รับคำสั่งให้ออกไปจัดการมากเมฆ ถึงกับหยุดเคลื่อนไหว ขัดคำสั่งไม่บุกเข้าไปแม้แต่คนเดียว เพราะแต่ละคนสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพวกที่ถูกเปลวไฟลุกไหม้เหล่านี้
พร้อมกับสงสัยเจ้าหนูขยะมากเมฆ ว่าในระหว่างที่หลายๆ คนไม่ให้ความสนใจ มันได้แอบใช้ระเบิดเพลิงที่เป็นอาวุธลับหรือไม่ เพราะทุกๆ คนต่างก็คิดได้เหมือนๆ กันว่า พลังพิเศษไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว เปลวเพลิงสีเงินที่กำลังปรากฏอยู่นี้ สมควรมาจากอาวุธลับอะไรสักอย่างมากกว่า
แต่ทันใดนั้น !! แต่ละคนถึงกับตาโตเท่าไข่ห่านกับสิ่งที่กำลังเห็น เพราะอยู่ๆ ทุกคนที่กำลังถูกเปลวเพลิงสีเงินลุกไหม้ทรมานให้ตายไม่ได้ตายอยู่ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดทั้ง 30 คน แทนที่พวกมันจะตายจากไปจากความร้อนแรงของเปลวเพลิง
แต่ทว่าทุกๆ คนกับถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นไส้เดือนทะเล ขนาดเท่าตัวคน อันมีรูปร่างแปลกประหลาดอย่างเหลือทน เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์หลายๆ คนไม่ยินดีจะเห็นพวกมันมากนัก
ภาพประกอบจากเน็ต
แต่ละคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่มี ขนาดกว้าง 30 เซน ยาวราว 1.5 เมตร ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ หรือต่อจะให้พยายามเคลื่อนไหวก็ทำได้ช้ามากๆ ยิ่งกว่าหอยทากติดดีบัพสโลโมชั่นเสียอีก
และที่ประหลาดสุดๆ แบบที่เรียกได้ว่าผิดธรรมชาติไปเลย ก็คือบริเวณหัวของพวกมันแต่ล่ะตัว ดันมีศีรษะมนุษย์ของคนที่ถูกเปลี่ยนให้มีสภาพแบบนี้ยืดออกมาให้เห็น สีหน้าของแต่ละคนที่ถูกเปลี่ยนสภาพจากมนุษย์ให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์แบบนี้ เล่นทำเอาทุกๆ คนที่ยืนดูอยู่โดยรอบ ถึงกับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับจิตจับใจ และมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกทีราวกับภาพที่เห็นเหล่านี้ ได้กลืนกินความกล้าของแต่ละคนไปจนหมดสิ้น
".. ดูตลกดีนะ เอางี้ เรามากเมฆรู้ว่าพวกเจ้ายังคงพูดได้ตามปกติ แบบเดียวกับก่อนหน้านี้ แต่คงจะรู้สึกซ็อคเอามากๆ จนพูดอะไรไม่ได้เลยสินะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ เจ้าไส้เดือนทะเลทั้งหลายทั้ง 30 คน .."
".. เพราะเรามีข้อเสนอมาให้ หากพวกเจ้ายินดีติดตามรับใช้เรามากเมฆ จากนี้และตลอดไป เราจะเปลี่ยนสภาพให้เจ้าเป็นเช่นเดิม เป็นมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง และมีชีวิตใกล้เคียงกับความเป็นอมตะยืนยาวไปหลายพันปี โดยแลกกับความภักดีอย่างที่สุด ที่พวกเจ้าจะมีให้กับเราผู้นี้ได้ เป็นไงข้อเสนอของเราเป็นประโยชน์ต่อเจ้าและทุกๆ คนที่ได้ยินหรือไม่ เลือกเอาเองแล้วกัน เรามากเมฆ เมฆาเทพ พูดได้ก็ต้องทำได้แน่นอน ขอใช้ชื่อตระกูลเป็นประกัน .."
มากเมฆกล่าวจบก็มิได้สนใจเจ้าไส้เดือดทะเลขนาดยักษ์ ทั้งสามสิบคนอีกเลย ใช้พลังลมปราณอัดกระแทกพวกมันตกจากศีรษะของรูปปั้นจักรพรรดิอสูรในทันที เพราะแม้แต่มากเมฆเองยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกชูชัน หากให้อยู่ใกล้ๆ กับพวกมันเหล่านี้นานๆ
มากเมฆได้ก้าวเดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะวาร์ปหายตัวออกไปยังจุดที่ยอดยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ทั้ง 10 คนยืนอยู่
เหล่ายอดคนที่คิดจะลงมือกับมากเมฆก่อนหน้านี้ ตามคำสั่งของเฟิงเทียนอี้ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นชายชราสูงอายุผู้ที่ได้รับฉายานามหมื่นมารทั้งสิ้น
".. เลือกเอา !! จะเป็นไส้เดือนทะเลแบบนั้นไปจนตาย หรือจะติดตามเรามากเมฆ .." มากเมฆกล่าวถามด้วยคลื่นพลังวิญญาณอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง เสียงที่ถูกส่งออกไป เข้ากระทบกับจิตวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างแรง จนแม้แต่พวกมันเองยังรู้สึกสับสนและหวาดกลัวไปตามๆ กัน และพวกมันแต่ล่ะคนล้วนแล้วแต่มีคำตอบในใจอย่างชัดเจนในที่สุด แสดงความเคารพมากเมฆในทันที โดยการโค้งคำนับและถอยห่างจากมากเมฆอย่างรู้งาน
แต่สำหรับเฟิงเทียนอี้ มันได้หน้าเปลี่ยนสีไปแล้วหลายสิบรอบ
เพราะเท่าที่มันเห็นและสรุปได้เองตามความฉลาดของมัน
เจ้าหนูมากเมฆไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย กับเครื่องสลายพลังพิเศษที่ถูกพัฒนามาจนเหนือล้ำในปัจจุบัน มันเป็นไปได้ไง หรือเจ้าหนูนี่มันมีอุปกรณ์พิเศษที่ตนเองไม่รู้จักอยู่อีก
ทันใดนั้นอยู่ๆ ที่สายรัดข้อมือของเฟิงเทียนอี้ก็ดังขั้น เป็นเสียงแจ้งเตือนแบบพิเศษเฉพาะ เป็นการส่งข้อความลับมาจากสหายสนิทซันอา แต่ทว่าพอเปิดอ่านดูกับกลายเป็นภาพที่ศีรษะของซันอาถูกตัดขาด และกำลังถูกถืออยู่ในมือเล็กๆ ของโลลิหญิงตัวน้อย หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง และเด็กผู้หญิงคนนั้นเอง เฟิงเทียนอี้รู้จักดีเลยว่าเป็นใคร เพราะมันเป็นคนขโมยและจับเด็กหญิงคนนี้มาจากโคโลนีลับที่ว่านั่นเอง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น !?
มากเมฆก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ จุดที่เฟิงเทียนอี้นั่งอยู่ พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งที่ช่วยให้เฟิงเทียนอี้หายโง่ในทันที
".. พลังที่มากมายเหนือกว่า ต่อให้เจ้ามีแผนการลึกล้ำปานใดก็ไร้ผล เข้าใจนะ .."
มากเมฆยิ้มหวาน รอยยิ้มชายงามของเขาทำให้ผู้ที่พบเห็น หลงใหลไปกับรอยยิ้มที่ว่าอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นมันก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาที่แฝงอยู่ รวมถึงความตายแห่งหายนะที่มองไม่เห็น
พร้อมกันนั้นมากเมฆได้ใช้พลังลมปราณทมิฬ อันสุดขั้วของเขาที่คิดค้นมาเอง ทำการดึงเฟิงเทียนอี้เข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับบีบคอของอีกฝ่ายเอาไว้เต็มแรง ด้วยมือข้างขวาอันทรงพลัง ราวกับคีบเหล็กที่เมื่อได้จับยึดอะไรไว้แล้ว มันยากที่จะหลุดออก
เดิมเฟิงเทียนอี้เป็นยอดยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ ผ่านวิชามารสารพัดที่มี แต่เมื่อตกอยู่ในสภาพที่จิตใจไม่พร้อม กับความจริงที่ว่าสหายอันเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของแผนสำรองต่างๆ พลาดท่าแบบนี้ เล่นทำเอาเสียศูนย์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว กว่าจะได้สติรู้ตัว กับถูกอีกฝ่ายบีบคอไว้แล้วเสียอีก ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที เพียงแค่เผลอเปิดช่องว่างเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ยังไงวายร้ายแบบเฟิงเทียนอี้ ไหนเลยจะยอมจบลงง่ายๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่ขนเพิ่งจะขึ้น
สยบให้ง่ายๆ ไม่มีวัน !
เฟิงเทียนอี้ไม่พูดมากทำเพลงอะไรอีก แบบตัวประกอบชั้นนำทั่วไป แต่มันได้สั่งการผ่านอุปกรณ์พิเศษที่สั่งการด้วยความคิดขนาดเล็กคลื่นสมอง ที่ได้ติดตั้งเอาไว้แล้วภายในหัว สั่งให้ระเบิดร่างกายของตัวเองในทันที พร้อมๆ กับเรียกให้อุปกรณ์ขนาดใหญ่บางอย่าง พุ่งบินใกล้เข้ามาหาตนเองด้วยความเร็วสูง
ความเร็วเท่าความคิด
ตูมม!! ระเบิดมีความรุนแรงพอๆ กับ C4 200 กิโลกรัม จนแม้แต่รูปปั้นประจำแหน่งอสูรยังถูกทำลาย ส่วนยอดยุทธ์คนอื่นๆ ถอยห่างออกไปแล้วตั้งแต่แรก จนรอดตายมาได้อย่างกับปาฏิหาริย์
เฟิงเทียนอี้ระเบิดร่างตนเองได้สำเร็จ พร้อมๆ กับศีรษะที่ขาดกระเด็นไปยังทิศทางของเกราะเหล็กที่พุ่งเข้ามา ราวกับได้คำนวณทิศทางเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี เกราะจักรกลที่ว่าได้บินมารับศีรษะของมันเอาไว้ได้ ก่อนที่จะพยายามหลบหนีออกไปด้วยความเร็วสูง
มากเมฆสัมผัสได้ตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็นในลูกเล่นของเจ้าสารเลวนี่อยู่ไม่น้อย จึงยอมให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นและเป็นไปตามที่มันต้องการ
".. ยอมตายไม่ยอมจำนน เหลือแต่หัวแต่ก็ยังสู้ต่อได้อีก แสดงว่าภายในเกราะจักรกลยักษ์ตัวนั้น จะต้องมีสารเหลวเปลวเพลิงอมตะอยู่สินะ ไม่เลวไม่เลวเลย .." มากเมฆพูดบ่นพึมพำเสียงเบา แต่เขาก็หาได้เคลื่อนไหวอะไรอีก เพราะมีคนคนหนึ่งที่ต้องการจะทำคะแนนความดีพิเศษ เสนอตัวออกมาจัดการปัญหาเล็กๆ นี่ให้อยู่แล้ว
ร่างเล็กๆ พุ่งบินติดตามเกราะจักรกลที่ว่าไปอย่างกับแสง และเกิดการต่อสู้ขึ้นที่ด้านนอกของตัวอาคาร
มากเมฆหันกลับไปมองทุกๆ คนที่ยืนปากอ้าตาค้างอีกรอบ
เพราะแม้แต่ระเบิดแรงสูงขนาดนั้น ในระยะใกล้แบบสุดๆ จนแม้แต่เฟิงเทียนอี้ยังเหลือแต่หัวที่ไม่สมบูรณ์
แต่กับชายหนุ่มรูปงามคนนี้ กับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือไง
มากเมฆกระโดดลอยตัวกลับไปยังที่นั่งบัลลังก์จักรพรรดิอสูรเช่นเดิม เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เคยกระทำ ก่อนที่จะกล่าวถามทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ยักษ์กว้างไกลอีกครั้ง
".. เลือกเอา จะติดตามรับใช้เรามากเมฆ หรือจะตายอย่างน่าทุเรศ .."
มากเมฆมองไปยังเหล่าอสูรชนชั้นนำ ทีละคนทีละคนอย่างช้าๆ
เหล่าหมื่นมารที่ต่างก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวไปไหนอีก ด้วยดวงเนตรที่เต็มไปด้วยพลังของจิตวิญญาณอันไม่ธรรมดาของโลกหล้า ส่งผลให้ทุกๆ คนรู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่าย ตรวจสอบไปถึงจิตวิญญาณอย่างตื่นตะลึง กันทุกผู้ ..
------------
ตอนนี้ไม่น่าจะค้าง ขอโทษที่อัพช้านะครับ พอดีเผลอหลับไปตอนเย็น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยัยโลลิ ทำทุกอย่างจริงๆ
ขอตอนต่อไปครับแค่คนเดียวมันไม่พอ
ค้างสุดเลยต่างห่างละไรต์
มันดันสะเอือกลักพาตัวเกรียนอย่าง ZERO มาซะงั้น