ตอนที่ 147 : บทที่ 147 สู่โลกมืด ตอน เปิดโหมดพระเจ้า
บทที่ 147 สู่โลกมืด ตอน เปิดโหมดพระเจ้า
เพื่อไม่ให้ปัญหามันมากไปก่อนนี้ มากเมฆมองดูเวลาโดยละเอียดแล้วในขณะนี้มัน 6 โมงเช้าแล้ว
เพียงแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นให้เห็นเท่านั้น และเพื่อไม่อยากให้มีปัญหาที่เกินเลยมากเกินไป เขาจึงยังไม่ออกคำสั่งให้ระบบของสายรัดข้อมือ ทำการรับสายจากภรรยาทั้งสอง เพียงแต่ส่งข้อความด่วนกลับไปว่า ตนเองกำลังต่อสู้อยู่ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ในเวลานี้
หลังจากส่งข้อความกลับไป แลดูเหมือนภรรยาทั้งสองจะเข้าใจ และไม่ได้โทรมาอีก แม้แต่เจ้ารากไม้กับซีโร่เองก็ตามทั้งสองไม่ได้โทรมาหาเขาอีกเช่นกัน และจากการที่อยู่ๆ โดนโทรหาแบบนี้เอาเยอะๆ มากเมฆเองก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ อยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นเขาก็เลือกที่จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าก่อน
และในส่วนบรรดายอดฝีมือคนอื่นๆ ไม่ว่าจะฝ่ายธรรมะหรือโลกมืดที่แฝงตัวมา ต่างก็เลิกที่จะหาเรื่องมากเมฆไปแล้วด้วยกันทั้งหมด และสำหรับพวกโลกมืดที่ยังไม่ลงมือ ก็ดูเหมือนจะอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกใจไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากนัก ทำการหลบหนีออกไปหมดแล้ว
ส่วนพวกที่ตายก็นอนตายไปแบบนั้น เลือดสีแดงสดนองพื้นหินอ่อนราวกับงานศิลปะ แต่มากเมฆก็ยังไม่มีอารมณ์คิดอยากจะชุบชีวิตของพวกมันขึ้นมาเช่นกัน
แถมได้พอเห็นยอดฝีมือคนอื่นๆ เริ่มไม่กดดันอะไรแล้ว และเฒ่าชราเทพยุทธ์หานก็รู้งานของตัวเองดี
ท่านผู้เฒ่าจึงได้พลิ้วกายมายืนอยู่ข้างๆ มากเมฆ กล่าวถามความเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับร่างไร้วิญญาณพวกนี้ ว่าสมควรจัดการอย่างไรดี เพราะในที่นี้มีทั้งคนที่รู้เรื่องและไม่รู้เรื่องอยู่เช่นกัน บ้างส่วนโกรธแค้นเขาอยู่ก็มี
".. เจ้าหนูเจ้าจะให้ทางเราช่วยกำจัดศพ หรือจะคืนชีวิตให้พวกมัน เลือกมาสักอย่าง เราผู้เฒ่าจะได้ไปให้คำตอบกับทุกๆ คนที่ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น .." เทพยุทธ์หานถามแบบตรงประเด็ด เพราะเฒ่าชรานั้นรู้ดีว่าอีกฝ่าย ยังจำเป็นจะต้องใช้คนอีกมากในอนาคต และหากสามารถบีบบังคับและควบคุมคนพวกนี้ได้ โลกมืดสำหรับมากเมฆจากนี้ คงจะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นมาสักเล็กน้อย
".. ผมจะลองคืนชีพให้พวกเขาก่อน แต่หากไม่เชื่อฟัง ผมคงส่งพวกมันไปโลกหน้า แบบนกสองหัวทั้งแปดพวกนั้น .." มากเมฆกล่าวตอบราวกับสิ่งที่ทำเป็นเรื่องง่ายๆ และหาได้สำคัญอะไรกับเขา
เล่นทำเอาเฒ่าชราเทพยุทธ์อีกคนอย่างพี่เก้าทนไม่ได้
จำต้องกระโดดเข้ามาหาถามถึงสิ่งที่กำลังพูดคุยในทันที เพราะเทพยุทธ์ราชันย์เก้ามังกรไม่รู้มาก่อนว่ามากเมฆมีพลังพิเศษอย่างเพลิงอมตะอยู่กับตัว เป็นพลังที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้
แต่ทว่าเทพยุทธ์หานและหกเทพเสรีได้เห็นพลังสุดวิเศษนี้มากับตาตนเองแล้ว หลายต่อหลายครั้งในขณะที่มากเมฆทรมานสอบสวน และฆ่านกสองหัวทั้งแปดอยู่นานสองนาน จนสุดท้ายพวกมันจำต้องร้องขอความตายอย่างแท้จริง และได้สมใจในเวลาต่อมา
".. อุว่ะฮ่าฮ่า ไม่เลวๆ ด้วยพลังนี้ของเจ้า สมควรทำให้มีผู้คนมากมายเข้าร่วมโดยง่าย เพราะหลักประกันชีวิตที่ต่อให้ตายก็ยังสามารถกลับมาอีกครั้งได้แบบนี้ แต่เดี๋ยวก่อน พลังของเจ้าทำไมมันเหมือนกับสารเหลวเพลิงอมตะนัก หรือว่า .." เทพยุทธ์จิ่วถันหลงกล่าวถามอย่างใคร่รู้ และคนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบก็เช่นกัน
หนึ่งในพลังอำนาจสุดแสนจะโกงของตระกูลเมฆาเทพที่หาซื้อไม่ได้ ไม่ว่ากับใครหรือรัฐบาลใดๆ
กองทัพอมตะ ฆ่าไม่ตาย ซ่อมยานอวกาศหรือยานรบได้ในพริบตา และอื่นๆ อีกมากที่สารเหลวที่ว่าสามารถกระทำได้ แต่หนึ่งในนั้นที่เป็นที่ต้องการของทุกๆ คนที่ทรงพลังอำนาจอยากจะได้ สารเหลวเพลิงอมตะสุดยอดขวดที่บรรจุปาฏิหาริย์เอาไว้ราวกับโลกแห่งความฝันที่ไม่มีอยู่จริง และเคยมีคนเสนอราคาซื้อให้ตระกูลเมฆาเทพมากถึง 9 แสนล้านสุริยะพลังงานต่อ 1 ขวด แต่ทว่ากับถูกปฏิเสธอย่างไร้ไมตรี และของสิ่งนี้ตระกูลเมฆาเทพไม่ได้มีไว้เพื่อขาย
มากเมฆแต่เดิมคิดจะไม่พูดถึงของสิ่งนี้
แต่ทว่าอีกฝ่ายคิดอยากรับเขาเป็นศิษย์และสัมผัสได้ถึงความจริงใจอย่างที่สุด ชายหนุ่มผู้ใคร่เรียนรู้ไม่สิ้นสุด ไหนเลยจะปฏิเสธผู้ที่จะเป็นว่าที่อาจารย์ได้ จึงไม่คิดอะไรให้ยุ่งยากมากนัก และบอกกล่าวในสิ่งที่พอจะพูดออกไปได้เท่านั้น
".. สารเหลวเพลิงอมตะ แต่เดิมเป็นพลังพิเศษแต่กำเนิดของผมนะครับ ทุกคนน่าจะคาดเดากันได้ว่าสารเหลวที่ว่ามันเพิ่งจะมีมาไม่นานนัก และ .......> .." มากเมฆกล่าวตอบเท่าที่สามารถ แต่ก็ยังปกปิดความลับของตระกูลเอาไว้โดยสมบูรณ์
ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกันนั้น ทางวัดมารฟ้าเหล่าศิษย์ชั้นสูงก็ได้แสดงตัวออกมา
กล่าวอ้างสารพัดเหตุผลว่าวิชาที่มากเมฆใช้ มันเป็นวิชาโบราณของพวกตน และขอให้อีกฝ่ายส่งมอบเคล็ดวิชาที่ใช้ออกมาให้ทั้งหมด ไม่อย่างงั้นพวกมันจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเมฆาเทพจนวันตาย
แต่โชคยังดีที่ได้เทพยุทธ์เก้ามังกรคอยช่วยเหลือ เข้าไปอธิบายถึงความจริงที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายรับฟังด้วยเหตุผล และด้วยชื่อเสียงอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไหนเลยคนพวกนี้จะกล้าไม่เชื่อฟังหรือหาเรื่อง
สุดท้ายพวกมันจึงได้กลับไปก่อน แต่ก็ยังอยากได้ความช่วยเหลือจากมากเมฆอยู่เช่นกัน
เพราะหากอีกฝ่ายเป็นเอกอุสุดยอดอัจฉริยะเหนือโลกหล้าจริงดังว่า คงจะสามารถช่วยเหลือวัดมารฟ้าให้ได้รับสุดยอดเคล็ดวิชาโบราณที่สาบสูญไปแล้วได้โดยไม่ยาก และมากเมฆเองก็รับปากอีกฝ่ายไว้ว่าสักวันจะเดินทางไปศึกษาและเยี่ยมชม
หลังจากคืนชีพให้ทุกๆ คนที่ตายของโลกมืดที่พอจะหวังได้ ใช้งานได้ และแม้แต่ไอ้คนที่ปากหมาท้าทายมากเมฆเอง รวมไปถึงเหล่าลูกหลานศิษย์สำนักตระกูลดังทั้งหลายก็เช่นกัน พวกมันทั้งหมดต่างก็ได้โอกาสอีกครั้ง
แต่โชคยังดีที่คนพวกนี้ฉลาดเลือกมากพอ รู้จักคิด รู้จักแยกแยะ พอมีเหตุผลอยู่บ้าง
และพวกมันทั้งหมดยินดีติดตามรับใช้มากเมฆ ตามคำพูดที่ได้เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะยอมเป็นข้าทาสติดตามเป็นเวลา 3 ปี แต่ดูเหมือนจะมีหลายคนที่อยากจะขอติดตามยาวนานกว่านั้น
แต่กระนั้นพวกมันก็ยังมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม ว่าจะติดตามรับใช้เฉพาะคำสั่งของมากเมฆเพียงคนเดียวเท่านั้น
จะไม่รับคำสั่งของคนตระกูลเมฆาเทพโดยเด็ดขาด และยังได้เรียกร้องขอสารเหลวเพลิงอมตะคนละ 2 ขวดอีกด้วยต่อปี และขอให้มากเมฆช่วยสนับสนุนบางอย่างในอนาคตต่อพวกมัน
เพื่อตำแหน่งในสำนักหรือนิกายและหน้าที่การงาน มากเมฆเห็นว่าคนพวกนี้พอใช้งานได้ และคุยรู้เรื่อง บวกกับสิ่งที่พวกมันต้องการก็ไม่ได้มากมายอะไรสำหรับเขา จึงยินดีรับปากโดยมีพยานหลายคนเป็นอาวุโสฝ่ายธรรมะ
แต่ทว่าหากใครคิดทรยศเขา มากเมฆเองก็ยินดีอย่างยิ่งจะไปล้างตระกูลพวกมันด้วยเลือดให้หมด ในภายหลังอย่างแน่นอน
พอคนของโลกมืดเหล่านี้ที่แฝงตัวมา ทั้งเฒ่าชราและคนหนุ่มสาวที่ได้ยินทุกคำพูดของมากเมฆ ที่บอกกล่าวด้วยพลังวิญญาณสุดลึกล้ำ สลักจารึกบางสิ่งลงลึกไปถึงจิตใจและจิตสำนึกของพวกมัน
ทำให้แต่ละคนตัวสั่นหวาดกลัวเป็นไหนๆ และไม่มีใครกล้าทรยศอีกเลย แม้แต่จะถูกข่มขู่ด้วยความตายจากบุคคลอื่นอันทรงอำนาจก็ตาม
ราวกับว่าดวงวิญญาณของพวกมัน ได้ถูกมากเมฆครอบงำแล้วอย่างไม่รู้ตัว และแม้แต่มากเมฆเองก็ไม่รู้ว่าเคล็ดพลังวิญญาณพื้นฐานของพิภพราชันย์ ที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษเมฆาเทพจะมีอนุภาคแบบนี้อยู่ด้วย จนผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่งชายหนุ่มถึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติอันไม่ธรรมดาเหล่านี้
และเพื่อกันไม่ให้คนพวกนี้ทรยศได้ในภายหลัง ซ่อนย่ารู้อยู่แล้วว่ามากเมฆจะต้องสามารถเอาชนะอีกฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่าได้แน่ๆ 100% และในระหว่างที่มากเมฆกำลังประลองอยู่นั้น เจ้าตัวได้ติดต่อไปยังศูนย์ลับทางทหารของเมฆาเทพในประเทศจีน
เพื่อขอให้คนทางนี้ของตระกูลเมฆาเทพ ช่วยส่งอุปกรณ์บางอย่างมาให้หน่อย
มันเป็นอุปกรณ์ไฮเทคขนาดเล็กอย่างหนึ่งของตระกูลเมฆาเทพ ที่สามารถทำงานเป็นระเบิดทำลายตัวเองได้ เป็นเครื่องติดตามระดับสูง และยังเป็นอุปกรณ์สื่อสารเฉพาะทางได้ออกมา
เจ้าสิ่งนี้คือ “แหวนศิลารูปเมฆเพลิง” ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยมหาสงครามก่อนแล้ว ของตระกูลเมฆาเทพที่มักจะมอบให้กับสายลับมือดีของตนเองนำไปใช้งาน
และเจ้าแหวนเมฆเพลิงอันนี้ ยังมีลูกเล่นอีกหลายอย่าง แต่ทางซ่อนย่าได้ปิดระบบต่างๆ ที่เกินจำเป็นออกไปเกือบหมดแล้ว ทำให้แหวนวงนี้ทำงานได้แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่กระนั้นมันก็มากเกินพอ ให้สามารถตรวจสอบการกระทำต่างๆ ของคนที่สวมแหวนวงนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อเคลียร์ปัญหาตรงนี้เรียบร้อยหมดแล้ว โดยใช้เวลาไปแค่ 20 กว่านาทีเท่านั้น
มากเมฆก็รีบออกมาตามหา “เหม่ยเซียน” ในทันที
และโชคยังดีที่อีกฝ่ายกำลังยืนคุยสนทนาอยู่กับ “ไป๋อวี้หลิง” ที่ทางออกของคฤหาสน์จีนโบราณของเทพยุทธ์หานอยู่พอดี พอเห็นอีกฝ่ายยังไม่ได้ไปไหนไกลนัก มากเมฆจึงรีบพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
แต่ทว่ากับมีชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง อายุน่าจะไม่เกิน 24 ปี ได้กระโดดเข้ามาขัดขวางมากเมฆเอาไว้อย่างรวดเร็ว และอีกฝ่ายยังมีพลังลมปราณที่เหนือกว่าเขามากถึง 2 ขอบเขต
เพราะหากเป็นมากเมฆแบบใช้พลังเบิกภพตามปกติที่เป็นพลังปราณบริสุทธิ์ โดยไม่ได้ใช้พลังปราณทมิฬคงจะต้องพ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายโดยง่ายอย่างแน่นอน
อย่าได้ลืมว่ามากเมฆฝึกพลังลมปราณได้ไม่นาน
แต่ที่พัฒนาได้เร็วราวกับติดสูตรโกง เป็นเพราะได้เครื่องเทพฝันและเครื่องมือพิเศษอย่าง DSX-988HG ที่สร้างโดยเซเลเน่คอยช่วยเหลือมาตลอด จึงทำให้เขาสามารถฝึกฝนได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อย่างมากในเวลาเท่าๆ กัน
แต่ในปัจจุบันเครื่องที่ว่ามันได้พังไปแล้ว และจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้รับเครื่องใหม่จากเซเลเน่เลย ดังนั้นต่อให้มากเมฆมีเวลาฝึกฝนพลังลมปราณเอาเองในภายหลังเพิ่มมากขึ้น และถึงจะฝึกได้เร็วกว่าคนอื่นๆ หลายสิบเท่า แต่ก็ยังไม่เร็วพอและก้าวหน้าได้เท่ากับฝึกโดยใช้เครื่อง DSX-988HG ช่วยเหลือนั่นเอง
มากเมฆรู้จักชายหนุ่มคนนี้ดี พอๆ กับที่รู้จักว่าไป๋อวี้หลิงเป็นใคร และชายหนุ่มคนนี้ก็คือ “ไป๋ตี้หลง” ชายหนุ่มผู้เป็นสุดยอดความหวังของตระกูลไป๋ของท่านอาจารย์
ผู้ได้รับพลังลมปราณทั้งหมดจากเทพยุทธ์ไป๋หลง และยังได้สืบต่อเคล็ดวิชาโบราณมากมายอีกด้วย
แต่ถึงมากเมฆจะมีเรื่องเข้าใจผิดกับอีกฝ่ายอยู่ในขณะนี้
แต่มันก็ไม่สำคัญอะไร เรื่องที่สำคัญกว่าก็คือแก้ไขความเข้าใจผิดกับเหม่ยเซียนก่อนเป็นอันดับแรก หากยังปล่อยไว้ให้นานเกินไป คาดว่าอาจจะเกิดปัญหาที่แก้ไม่ได้ในภายหลังขึ้นมาก็ได้ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่ว่ากับใครมันก็เป็นอะไรที่แก้ไขได้ยากอย่างมาก หากมันเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว.. ตรงกับคำว่าที่ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์”
".. ไป๋ตี้หลงเหลนสายตรงของท่านอาจารย์ รบกวนหลีกทางให้ที เรามากเมฆมีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกับเหม่ยเซียนเดี๋ยวนี้ ก่อนที่เรื่องบางอย่างจะเกินเลยจนแก้ไขไม่ได้ .." มากเมฆกล่าวบอกอย่างอดทน และไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ที่อยู่ๆ ถูกอีกฝ่ายบุกเข้ามาขัดขวาง จนกระเด็นถอยไปหลายก้าวจากพลังลมปราณที่เหนือกว่า
".. ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องพูดคุยทั้งนั้น วันนี้ ข้าไป๋ตี้หลงจะเอาชัยชนะเหนือเจ้า และแสดงให้ท่านปู่ทวดได้เห็น ให้เสี่ยวเซียนได้เห็นว่าข้าคู่ควรกับนาง มากกว่าเจ้า!!! .."
อีกฝ่ายพูดจบก็พลิ้วกายทะยานร่าง เข้าหามากเมฆดุจสายฟ้าฟาด
ราวกับมังกรคะนองนภากลางหมู่เมฆพายุ และแลดูเหมือนผู้บ้าคลั่งอยู่ไม่น้อยจากแววตาที่แดงก่ำด้วยความโกรธแค้น พลังลมปราณของอีกฝ่าย แปรสภาพแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นพลังสายฟ้าสีม่วง อันน่าหวาดหวั่นมิใช้ชั่ว เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างในระดับสูง มากกว่าทุกๆ คนที่มากเมฆประมือด้วยทั้งหมดในวันนี้
แต่ก่อนที่ไป๋ตี้หลงจะได้ออกกระบวนท่าจู่โจม เสียงร้องให้หยุดของไป๋อวี้หลิงก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
".. เสี่ยวหลงหยุดเดี๋ยวนี้ มากเมฆเขาเป็นแขกที่พี่เชิญมานะ ! .." พอได้เห็นน้องชายของเธอได้สติกลับคืนมา และสามารถหยุดกระบวนท่าจู่โจมไว้ได้ พร้อมกับถอยออกมายืนอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง แต่ดวงตานั้นยังคงแดงก่ำราวกับถูกจิตมารครอบงำ
พอเห็นแบบนี้แล้ว อวี้หลิงจึงถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอกที่อย่างน้อยเสี่ยวหลงก็ยังฟังคำของเธอ
และเธอไม่ได้กลัวว่ามากเมฆจะได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่เธอกลัวว่าน้องชายของเธอจะไปทำให้อีกฝ่ายโกรธมากกว่า เพราะจากที่เธอเห็นลักษณะนิสัยของมากเมฆมาแล้วก่อนหน้านี้ และจากคำบอกเล่าราว เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่น่าเชื่อของอีกฝ่ายจากคุณปู่ทวด เธอจึงคิดว่าน้องชายของเธอไม่สมควรเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
".. พี่เองก็อยากจะฟังเรื่องที่มากเมฆ อยากจะบอกกล่าวต่อเสี่ยวเซียนเช่นกัน และพี่คิดว่าเสี่ยวเซียนก็สมควรเป็นคนเลือกที่จะรับฟังหรือไม่ด้วยตัวเอง เสี่ยวหลง น้องควรเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวเซียนด้วย น้องไม่ใช่เจ้าชีวิตของเธอนะ .." อวี้หลิงดุน้องชายของเธอที่กำลังขาดสติคิดไม่ได้ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก ความรักทำให้คนโง่ คนดีๆ กลายเป็นตาบอด คนดีๆ กลายเป็นอะไรต่อมิอะไรได้มากมายจริงๆ
ทันใดนั้นเหม่ยเซียนก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้า เธอยืนอยู่ระหว่างกึ่งกลางของมากเมฆและไป๋ตี้หลงอย่างพอดิบพอดี
ราวกับว่าฉากภาพที่กำลังเห็นอยู่นี้ มันเป็นอะไรที่สาวงามอันดับหนึ่งของจีนและเป็นที่หมายปอง จำเป็นจะต้องเลือกชายหนุ่ม คนใดคนหนึ่งจากที่แห่งนี้ก็ไม่ปาน มุมมันได้บรรยามันให้เสียจริง
ไป๋ตี้หลงยิ่งเห็นท่าทีของเสี่ยวเซียนก็ยิ่งร้อนรนทนไม่ได้
แต่ยังดีที่เหม่ยเซียนเอ่ยคำพูดออกมาเสียก่อน อีกฝ่ายจึงจำยอมหยุดตัวเองเอาไว้ และไม่เคลื่อนไหวมากไปกว่านี้
".. เราถูกท่านทำลายหน้ากากหยก ตามกฎของท่านอาจารย์เหม่นเซียนสมควรเป็นภรรยาของท่าน แต่กระนั้นข้าก็ยังไม่ได้เตรียมใจให้พร้อมกับเรื่องแบบนี้ ข้าจึงอยากจะขอเวลาสักระยะเพื่อคิดเรื่องนี้ให้ดีเสียก่อน .."
".. และท่านพี่หลง ท่านดีต่อข้ามาก ท่านเป็นคนดีและมักจะมีหญิงสาวมากมายรายล้อม และข้าครั้งหนึ่งเคยถูกท่านเอาชนะได้ ปลดหน้ากากหยกของข้าได้โดยความสามารถ แต่ทว่าข้าไม่ยอมรับ และขอให้หกเทพเสรีที่ผ่านมาเป็นพยาน แข่งขันกันว่าภายในหนึ่งเดือน ใครก็ตามที่สามารถหาสารเหลวเพลิงอมตะได้มากกว่ากัน คนผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะ และหากข้าชนะข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานกับท่าน และพอข้าได้รู้ถึงการประลองที่มีการใช้สารเหลวที่ว่าเป็นเดิมพันจำนวนมาก ข้าถึงได้มาที่นี่ในทันทีโดยไม่ได้รับเชิญ เพื่อเอาชนะเขา แต่ข้าก็พ่ายแพ้ ข้ายังติดสัญญาที่ต้องติดตามเขาถึงสามปีด้วยเช่นกัน และข้าก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับท่าน ท่านพี่หลง ข้าไม่สมควรให้ท่านมารัก แต่ว่าเรื่องของหัวใจ ท่านไม่อาจจะบังคับใครได้ หวังว่าท่านจะคิดได้ในสักวันหนึ่ง .." เหม่ยเซียนกล่าวคำพูดทั้งหมดออกมาจากใจ เฉกเช่นเดียวกับจอมยุทธ์หญิงที่เก่งกล้าและเปิดเผย ตรงไปตรงมา ดุจกระบี่ที่ทิ่มแทงเข้ากลางใจ
แต่คำพูดเรียบง่ายของเธอนี้ มันได้ทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของไป๋ตี้หลงเข้าจังๆ เช่นกัน
".. ข้าได้พูดในสิ่งที่ข้าอยากจะพูดหมดแล้ว ถึงตาท่านแล้ว คุณมากเมฆ .." เหม่ยเซียนหันกลับไปมองมากเมฆอีกครั้ง
ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยประกายแห่งรักอยู่เล็กน้อย
มันไม่ได้แตกต่างไปจากเวลาที่อวี้หลิงมองมาที่เขามากนัก
แต่ก็ยังไม่มีประกายแห่งรักมากมายเท่ากับซ่อนย่า ที่มักจะมองเขาด้วยเสน่หาอย่างที่สุดอยู่ตลอดเวลา
จนมากเมฆเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ กับอนาคตที่ไม่แน่นอน
มากเมฆยังคงลักษณะของชายหนุ่มที่มั่นคงจริงใจ สีหน้านิ่งเฉยแลดูเย็นชา แต่กระนั้นมันก็ทำให้ออร่าความหล่อเหลาของเขาเปล่งประกายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว จนแม้แต่ไป๋ตี้หลงที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ยังอดที่จะอิจฉาในรูปโฉมของมากเมฆอยู่ไม่น้อยภายใจจิตใจ
".. เรื่องที่เรามากเมฆทำลายหน้ากากหยกของคุณหนูเหม่ยเซียนได้ เราอยากจะบอกว่าเราไม่รู้ว่าการทำลายหน้ากากหยกโบราณของคุณ มันจะมีผลให้เราต้องเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นเรื่องพวกนี้สมควรไม่มีผลและเป็นโมฆะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะด้วยความที่เราไม่รู้จริงๆ และที่สำคัญกว่านั้น เรามากเมฆมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว และเรารักเธอมากมากยิ่งกว่าชีวิตของเราเสียอีก ดังนั้นเราไม่สามารถนอกใจภรรยาของเราได้ หวังว่าความจริงจากใจนี้คำทุกคำที่ได้กล่าว จะช่วยให้คุณหนูเหม่ยเซียนไม่มีภาระผูกพันใดๆ ต่อการกระทำก่อนหน้านี้อีก หวังว่าจะเข้าใจถึงความจริงนี้ ขออภัยด้วย .." มากเมฆกล่าวคำพูดที่ต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดออกไป ด้วยน้ำเสียงที่แลดูเย็นชาเล็กน้อย แต่กระนั้นเขาก็ได้กล่าวบอกอย่างตรงไปตรงมา เช่น ตนเองมีภรรยาแล้วนะ เพื่อที่จะได้จบปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย
แต่เหมือนคำพูดของมากเมฆเมื่อครู่ จะทำให้หญิงสาวผู้สวมหน้ากากหยกโบราณเหม่ยเซียนผู้งดงาม จะเจ็บช้ำภายในจิตใจอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ๆ เธอก็ร้องไห้และมีน้ำตาไหลออกมาชะอย่างงั้น เสียงร้องไห้ของเหม่ยเซียนแลดูเจ็บปวดกับเรื่องนี้เอามากๆ จนมากเมฆรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน กับความเข้าใจผิดในครั้งนี้
และคำพูดของมากเมฆนี้เอง ยังไปกระตุ้นให้ชายหนุ่มคนข้างๆ โมโหขึ้นมาอย่างดาลเดือด
ควบคุมพลังลมปราณเอาไว้ไม่อยู่ จนรอบข้างกลายเป็นพายุขนาดเล็กๆ ไปแล้ว จากพลังโทสะของอีกฝ่ายที่อยู่ๆ ก็ปลดปล่อยออกมาราวกับเขื่อนแตก
ไป๋ตี้หลงนั้นถึงแม้จะถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา และถึงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย จนน้ำตาตกใน
แต่ด้วยความที่ตนเป็นบุรุษรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เรื่องบางเรื่องมันไม่อาจจะบังคับฝืนใจกันได้
แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของมากเมฆที่แลดูมีเหตุผล และตนเองก็ดีใจอยู่ไม่น้อย ที่อีกฝ่ายมิได้คิดอะไรกับหญิงสาวที่ตนเองหลงรักเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าหลังจากที่เห็นเสี่ยวเซียนร้องไห้ และมีน้ำตาไหลออกมา ด้วยความเจ็บปวดอย่างทนไม่ได้ มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ที่ไม่เคยสนใจรักใคร่หญิงสาวคนไหนมาก่อนเลย ต้องรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงไหวอีกแล้ว
".. มากเมฆ!! เจ้าไม่สมควรเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ทวด เจ้าไม่มีแม้แต่ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า เจ้ากล้าแม้แต่ทำร้ายจิตใจของผู้หญิงที่ข้ารัก ข้าจะตีเจ้าให้ตาย .." ไป๋ตี้หลงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง และไม่อาจจะมีอะไรมาหยุดยั้งอีกฝ่ายได้อีกแล้ว
มากเมฆหาได้เก็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ
แต่กลับเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าไป๋ตี้หลงกำลังจะกระโดดเข้ามา และคิดทำร้ายเขาอยู่
เหนือท้องฟ้าขึ้นไปราว 20 กิโลเมตรในชั้นบรรยากาศ มากเมฆสัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายที่อันรายร้ายแรงอย่างมากมาจากด้านบน และพอได้พยายามมองดูโดยใช้สัมผัสพลังลี้ลับอย่างตั้งใจ
มากเมฆถึงกับโกรธขึ้นมาจริงๆ เป็นครั้งแรก หลังจากที่ไม่ได้โกรธมานานนับตั้งแต่เหตุการณ์ของครอบครัววานรเทพ
ยานบินสงครามไฮเทคขนาดใหญ่ยักษ์ในโหมดล่องหน ได้ทำการยิงหัวรบระเบิดพลังสเปกตรัมทำลายล้างสูง ที่มีระยะทำลายของระเบิดกว้างถึง 3 ตารางกิโลเมตร ลงมายังจุดที่เขายืนอยู่อย่างไม่ลังเล
โดยหากว่ามันประสบผลสำเร็จและตกกระทบกับเมืองเซี่ยงไฮ้จริงๆ มันจะก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ฆ่าล้างชีวิตมนุษย์ทุกคนเป็นจำนวนมากถึง 40 ล้านคนในพริบตา และอาจจะกลายมาเป็นต้นเหตุของมหาสงครามอีกครั้งก็เป็นได้
การกระทำของโลกมืดในครั้งนี้ ดูเหมือนจะเกินเลยจากจุดที่มากเมฆจะทนได้อีกต่อไปแล้ว
ในขณะเดียวกันไป๋ตี้หลงพุ่งเข้ามาด้วยกระบวนเพลงหมัดมวยโบราณ คล้ายกับพลังมังกรสายฟ้าที่ดุดัน ราวกับกำลังคิดจะฆ่าเขาให้ตาย
แต่ทว่ามากเมฆกับเข้าโหมดพระเจ้าไปแล้วโดยสมบูรณ์ เพราะจำเป็นจะต้องรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง โดยล้อเล่นไม่ได้อีกแล้วหลังจากนี้
เขาได้เปิดใช้กายาลี้ลับและสัมผัสพลังทุกอย่างแบบ 100% เต็ม ทำการตบสวนกลับดอกเดียวดับฝันอีกฝ่ายในทันที เล่นทำเอาไป๋อวี้หลิงที่กำลังพยายามจะร้องห้าม ถึงกับตกใจจนเป็นลมไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าน้องชายของเธอจะพ่ายแพ้ง่ายดายขนาดนี้ ทั้งที่อยู่ในขอบเขตลมปราณเบิกสวรรค์แล้วแท้ๆ และยังเป็นผู้มีพลังพิเศษอีกด้วย แต่ก็ยังพ่ายแพ้อย่างง่ายดายอยู่ดี
และแม้แต่เหม่ยเซียนที่กำลังร้องไห้เสียใจอยู่นั้น เธอได้กล่าวโทษตัวเองที่ไม่ดีพอต่างๆ นาๆ อยู่ภายในใจ
แต่ทว่าพอได้เห็นพี่ชายหลงบุกเข้าไปโจมตี คนที่ทำร้ายจิตใจของเธอ
หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอก็เต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้ขึ้นมา และก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่คุ้นเคย ก่อนที่จะเห็นฝ่ามือทมิฬของมากเมฆ ทำการตบฟาดแบบง่ายๆ จนเป็นเหตุให้ท่านพี่หลงหมดสติไปในพริบตา
หญิงสาวทั้งคู่เข้าไปประคองร่างที่หมดสติของไป๋ตี้หลงในทันที และมองมากเมฆราวกับมิใช่มองมนุษย์อีกต่อไปแล้ว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเคารพยำเกรงอย่างที่สุด ต่อรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้อย่างมาก
ในขณะเดียวกันดวงตาของมากเมฆก็เริ่มเรือนแสงสว่างออกมาราวกับพระเจ้า ผู้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างของโลกหล้าได้ทั้งหมด และชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าตัวเองน่าโง่มากแค่ไหน
ในตอนแรกที่ภรรยาทั้งสองพยายามโทรศัพท์มาหาเขา ที่แท้พวกเธอไม่ได้จะมาจับผิดอะไรเขาเลย แต่ทั้งสองคนโทรหาเขาเพียงเพื่อจะเตือนให้รู้ว่า กำลังจะมีการจู่โจมทางอากาศเท่านั้นเอง
มีสุดยอดภรรยาดีแบบนี้ ต่อให้ตายมากเมฆก็ไม่คิดนอกใจ ..
".. รีบกลับเข้าไปภายในคฤหาสน์ แจ้งบอกให้เทพยุทธ์หานและทุกๆ คนหาที่หลบภัยโดยเร็ว เซี่ยงไฮ้กำลังถูกโจมตีทางอากาศด้วยอาวุธสงคราม ที่สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้ในพริบตา ไปได้แล้ว เร็วเข้า!! .." มากเมฆกล่าวบอกสองสาว
แต่ก็เพื่อให้แน่ใจเขายังได้ใช้เสียงพลังลมปราณแจ้งบอกให้ทุกๆ คนในคฤหาสน์ได้รู้ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด ... พร้อมกับคิดหาหนทางรับมือ
มากเมฆ VS ขีปนาวุธทำลายล้าง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีกอย่างให้เธอเป็นคู่กับไป่ตี้หลงก็แล้วกันเพราะยังไงมากเมฆของเราก็ไม่ได้สนอยู่แล้วนี่นะ
เอาอีกกกกกกก ค้างมากกกกกกกก สนุกมากกกกกกกก
เบามือหน่อยก็ได้น่ะ
ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะครับ รีบจัดเพราะมีธุระอีกแล้ว
^^ เลิกเป็นช่างคอมแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังโดนเรียกอยู่เรื่อยๆ