ตอนที่ 136 : บทที่ 136 สู่โลกมืด ตอน ได้แบ็คอัพระดับเทพ
บทที่ 136 สู่โลกมืด ตอน ได้แบ็คอัพระดับเทพ
ความหวังดีของอีกฝ่ายนั้นมากเมฆเข้าใจดี
มันก็คล้ายกับผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายที่อยากจะให้บุตรหลานของตัวเองได้ดิบได้ดี
แต่กระนั้นมากเมฆก็ไม่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของท่านเทพยุทธ์หาน กับท่านอาจารย์ของเขาว่าเป็นเช่นใดกันแน่
ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสหายเก่าแก่ของท่านอาจารย์ แต่ทว่าท่านเทพยุทธ์หานก็ไม่สมควรจะต้องมาเหนื่อยยากลำบากอะไรกับเขาเลย จะมาสนับสนุนเขาให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ว่างเว้นมาตลอดพันปี “ประมุขยุทธภพ” ที่แลดูคล้ายกับจักรพรรดิของโลกมืดไปทำไมให้เหนื่อย หรือแก่ชราแล้วไม่มีอะไรทำ
หรือว่ายังมีเรื่องราวใต้น้ำลึกอะไรอีกที่เขายังไม่รู้ ..!?
แต่ถึงจะรู้แล้วยังไง มากเมฆก็หาได้สนใจมันอยู่ดี ..
ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะครอบครองทั้งสองฝ่ายให้อยู่ใต้อาณัติของเขาโดยสมบูรณ์
และในเมื่อได้โอกาสดีๆ ในการกำจัดขยะหนอนโสโครกทั้ง 8 ตรงหน้า มากเมฆมีหรือจะปล่อยให้โอกาสที่ว่าหลุดรอยออกไป แถมยังมีโอกาสในการสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติม ของนกสองหัวที่แฝงตัวอยู่ในโลกมืดและฝ่ายธรรมะอีกด้วย
ระหว่างที่เฒ่าชราทั้ง 15 คนภายในห้องประชุม พูดคุยหารือกันไม่ลงตัวอยู่นั้น ต่างคนต่างก็มีความคิดเห็นของใครของมันอย่างเด่นชัด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม เสียงข้างมากของเฒ่าชรานกสองหัวทั้ง 8 คนก็เป็นฝ่ายเหนือกว่าอยู่ดี
ทำให้ท่านเทพยุทธ์ชราหานอารมณ์เสียอยู่เรื่อยๆ จากที่แผนการความต้องของท่าน ที่ถูกอีกฝ่ายพยายามขัดขวางอยู่เรื่อยๆ ด้วยคำพูดและเหตุผลดีเลิศสารพัดมากล่าวอ้าง และในเวลานี้เองเทพยุทธ์หานเริ่มที่จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างได้บางแล้ว
จากเฒ่าชราทั้งแปดตรงหน้าเหล่านี้ เพราะโดยปกติคนพวกนี้ แทบจะไม่เคยเห็นด้วยหรือมีความเห็นเหมือนๆ กันมาก่อนเลยตลอดร้อยปีที่ผ่านมา ยิ่งเวลาในการประชุมหารือแผนการในการรับมือหรือโจมตีคนของพวกโลกมืด
คนพวกนี้มักจะแตกคอกันเองอยู่เสมอ และเป็นพวกที่แลดูคล้ายกับพวกรักสันตินิยมเกินเหตุ และยิ่งท่านเทพยุทธ์หานยิ่งคิดหาเหตุหาผล ย้อนกลับไปในเรื่องที่ผ่านๆ มามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าสงสัยชวนให้คิดมากขึ้นเท่านั้น ทำไมกันนะ ..?
ติ๊ง!!! ทันใดนั้นสายรัดข้อมือควอนตัมอัจฉริยะของเทพยุทธ์หานก็ดังขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ปิดการทำงานของมันไปแล้ว เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวหลังจากที่ได้เข้ามาภายในห้องประชุมในครั้งนี้ กับเหล่าอาวุโสคนอื่นๆ ของฝ่ายธรรมะ
แต่กระนั้นมันก็เป็นเสียงสัญญาณแจ้งเตือนให้รู้ว่า ได้มีใครบางคนส่งข้อมูลลับบางอย่างมาให้ และจำเป็นจะต้องเปิดอ่านในขณะที่อยู่ตัวคนเดียวเท่านั้น เพราะก่อนที่จะเปิดอ่านดูข้อมูลภายในที่ได้รับมานั้น
เจ้าสายรัดข้อมือควอนตัมอัจฉริยะ ระบบเอไอภายในจะทำการสแกนคลื่นความร้อนไปรอบๆ บริเวณรอบตัวของผู้ใช้ ก่อนที่จะอนุญาต ให้อ่านข้อมูลที่ว่านี้ได้หรือไม่ เป็นมาตรการป้องกันความลับที่ส่งให้มิให้รั่วไหลโดยง่าย และเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ราวกับมีใครบางคนต้องการให้เขาออกไปจากภายในห้องประชุมเพียงลำพัง และยิ่งข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาทีหลังด้วยแล้ว
มันยิ่งกระตุ้นให้ท่านเทพยุทธ์หานอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก “มีหนอนโสโครกภายในห้อง” ข้อความเพียงสั้นๆ นี่เอง ทำให้เทพยุทธ์หานตัดสินใจขอตัวออกไปนอกห้องประชุมในทันที โดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปห้องรับรองใกล้ๆ เพื่อคิดอะไรเพียงลำพังสักเล็กน้อยโดยลำพัง
และเนื่องจากที่นี่เป็นบ้านของท่านเทพยุทธ์หานเอง รวมกับอายุของเทพยุทธ์ก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว
การขอตัวออกไปจากห้องประชุมเพียงคนเดียว ในเวลาที่หาข้อสรุปอะไรไม่ได้แบบนี้ จึงไม่ทำให้เฒ่าชรานกสองหัวทั้ง 8 สงสัยอะไร แสดงตัวเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพอย่างออกนอกหน้าเสียด้วยซ้ำ
จะมีก็แต่อีก 6 คนที่เป็นเฒ่าชราเช่นเดียวกัน อาวุโสทั้ง 6 คนล้วนแล้วแต่เป็นห่วงสุขภาพของท่านเทพยุทธ์หานด้วยกันทั้งสิ้นอย่างจริงใจ และอาวุโสทั้ง 6 นี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีประวัติขาวสะอาด และเป็นที่น่านับถืออย่างแท้จริงของผู้คนจำนวนมาก เป็นผู้ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเทพยุทธ์ได้ด้วยกันทั้งนั้นหากต้องการ มีพลังฝีมือมิใช่ชั่วอยู่ในระดับเดียวกันกับเทพยุทธ์หานทั้งสิ้น
แต่ทว่าด้วยอุปนิสัยที่รักอิสระจนเคยตัว ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยากใดๆ จึงมิได้ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยนัก และการที่คนทั้งหกมาปรากฏตัวในวันนี้ ก็เพราะต้องการจะสนับสนุนความคิดของเทพยุทธ์หานให้เป็นจริง
แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน อาวุโสทั้งหกได้แต่มองเฒ่าชรานกสองหัวตรงหน้า กลายเป็นศัตรูไปแล้วหลังจากนี้ เพราะคนทั้งหกนี้ล้วนทราบดีถึงความชั่วช้าสารเลวของพวกมัน แต่พอนำเรื่องราวมากล่าวบอกให้ท่านเทพยุทธ์หานรับรู้ อีกฝ่ายดันไม่เชื่อ เพราะครั้งหนึ่งเคยได้ร่วมเป็นร่วมตาย มาด้วยกันกับสารเลวทั้งแปดเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นนั่นเอง
*******
ภายในห้องรับรองใกล้ห้องประชุมลับของคฤหาสน์จีนโบราณ
".. เป็นความจริงหรือนี่ นี่ข้าปล่อยให้อสรพิษ ชาติชั่ว พวกนี้อยู่ใกล้ๆ มาโดยตลอด .."
".. หากวันหนึ่งข้าตายไปอย่างปริศนา ก็คงไม่มีวันรู้ได้เลยแน่ๆ ว่าตายเพราะอะไร ข้านี่มันโง่จริงๆ ฮ่า ฮ่า .."
เทพยุทธ์หานได้รู้ความจริงของสหายเก่าแก่ทั้งแปดคน ที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน
และเห็นอีกฝ่ายเป็นพี่น้องมาโดยตลอด ใครมันจะไปคิดจะล่ะว่าคนพวกนี้ มันจะกระทำเรื่องชั่วช้าสารเลวลับหลังเขาเอาไว้มากถึงเพียงนี้ แถมยังใช้ชื่อเสียงและความสนิทสนมที่มีให้เรียกพี่เรียกน้อง เป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์มาโดยตลอดนับร้อยปี และไม่รู้ว่าคนดีๆ ที่ในอดีตที่เคยมีผู้คนจำนวนไม่น้อยได้เสี่ยงตาย มาบอกข้อมูลเหล่านี้ให้รู้ ได้ตายไปกี่มากน้อยแล้ว คนดีๆ ทั้งนั้น แต่ตนเองกับไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง หรือสืบหาความจริงใดๆ ด้วยความไว้วางใจ
อารมณ์ความรู้สึกหลังจากที่ได้รับรู้ความจริง จากข้อมูลทั้งภาพและเสียงที่ปรากฏให้เห็น จากสายรัดข้อมือควอนตัมอัจฉริยะที่ฉายออกมาเหล่านี้ ทำให้เฒ่าชราหานรู้สึกเหมือนตัวแกเอง แก่ชราลงไปมากเกือบจะ 100 ปีเห็นจะได้ ไร้คำพูดจะกล่าวใดๆ อีกนานหลายสิบนาที จมอยู่กับความทุกข์และความเสียใจ ที่ผิดพลาดมาโดยตลอดหลายร้อยปี จากความไว้วางใจคนผิดที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรียกพี่เรียกน้องมาได้โดยสนิทใจ
แถมในตอนนี้เองสิ่งที่ตนเองเคยสงสัยมาตลอด ว่าทำไมในอดีตคนทั้ง 8 เฒ่าชรานกสองหัว มักจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันอยู่บ่อยๆ นั้น ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันรักสันตินิยมอะไรเลย พวกมันเพียงแค่ไม่อยากให้เทพยุทธ์หานพาเหล่าชาวยุทธ์ไปบุกโจมตี ทำลายแหล่งทำมาหากินของพวกมันก็เท่านั้น และมีอยู่บ่อยครั้งที่พวกมันมักจะใช้เทพยุทธ์หานเป็นเครื่องมือ ออกไปทำลายแหล่งทำเงินสกปรกของคู่แข่งอยู่เสมอ
เสียงหัวเราะดังลั่นห้องของเทพยุทธ์หานดังออกมาอย่างเหลืออด ก่อนที่ประกายแสงในดวงตาจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจากที่เคยเป็นมาตลอดหลายร้อยปี กลับไปเป็นเทพยุทธ์หาน “เทพสงครามหาน” ผู้ทำลายล้างอริราชจนพินาศสิ้นไม่มีเหลือ ก่อนที่จะเอ่ยคำคำหนึ่งออกมาอย่างเงียบงัน
".. ออกมาเถอะเจ้าหนู .." เทพยุทธ์หานเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังลมปราณขอบเขตที่เหนือกว่ากดดัน จนมากเมฆอดที่จะหนาวสั่นเล็กๆ ไม่ได้ ก่อนที่จะปรากฏตัวออกมา
".. ผมคิดว่าผมปกปิดตัวตนดีแล้วนะครับ .."
มากเมฆปรากฏตัวออกมาที่กลางห้องรับรอง โดยร่างกายของเขาค่อยๆ ปรากฏออกมาราวแสงไฟ เป็นเส้นแสงสีสันประกอบเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ราวกับการมาถึงของเทพเซียนโบราณ จนเป็นร่างกายมนุษย์ปกติเช่นทุกที และด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหล่าเกินเทพเจ้าบนสวรรค์นี้เอง แม้แต่เฒ่าชราอย่างท่านเทพยุทธ์หานยังอดที่จะอิจฉาในรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ และสมควรเรียกอีกฝ่ายว่า “ชายงามล่มโลกาอย่างแท้จริง”
".. หากเป็นผู้ชราก่อนหน้านี้ คงไม่อาจจะสัมผัสรับรู้ถึงเจ้าได้ .."
".. แต่เป็นเพราะผลกระทบของเรื่องราวที่เกิดขึ้น คล้ายกับทำให้เราผู้ชรากลับไปเป็นคนเดิมที่เคยเป็นก็เท่านั้น จึงสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้าได้เพียงเล็กน้อย การสั่นของแสง .." เทพยุทธ์หานกล่าวบอกมากเมฆอย่างตรงไปตรงมา ราวกับปรมาจารย์อาวุโสในสำนัก ที่บอกกล่าวชี้แนะข้อเท็จจริงให้ศิษย์หลานได้รับรู้
".. การสั่นของแสง .." มากเมฆพูดตาม พร้อมกับความคิดใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นในห้วงความคิดของเขา และแม้แต่เจ้าดวงเนตรที่เอาแต่ใจอย่าง “เนตรทฤษฎี” ยังมีปฏิกิริยากับคำคำนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน หากมีเวลาว่างมากเมฆคงต้องขอศึกษาวิชาบางอย่าง จากท่านเทพยุทธ์หานสักอย่างสองอย่างบ้างแล้ว
".. เป็นเจ้าใช่หรือไม่ ที่ส่งข้อมูลเหล่านี้มาให้เราผู้ชรา .." เทพยุทธ์หานถามมากเมฆ พร้อมกับเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรราวกับคุณปู่กำลังพูดคุยกับบุตรหลาน ที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี
มากเมฆรับคำอย่างว่าง่าย เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นสหายเก่าแก่ของท่านอาจารย์ไป๋หลง
มากเมฆจึงได้นั่งลงตามคำเชิญ พร้อมกับรินน้ำชาใส่ถ้วยหยกให้อาวุโสหาน ปฏิบัติดีต่ออีกฝ่ายราวกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งก็ไม่ปาน
หลังจากที่นั่งลงมากเมฆได้บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง และเรื่องราวอีกหลายๆ เรื่องที่ยังไม่ได้บอกกล่าวให้เทพยุทธ์หานได้รู้ เกือบทั้งหมด เพราะยังไงในเวลานี้เทพยุทธ์หานก็ถือได้ว่าเป็นผู้นำสูงสุดของฝ่ายธรรมะเช่นกัน
สมควรจะรู้เอาไว้เกี่ยวกับหนอนบ่อนไส้ นกสองตัวจำนวนมากภายในฝ่ายธรรมะทั้งหมด และมากเมฆเองยังได้ส่งรายชื่อพร้อมกับหลักฐานที่หามาได้ ให้กับอีกฝ่ายอีกด้วย
".. ไม่แปลกใจเลย ทำไมพวกเราถึงได้ตกเป็นรองอยู่เสมอ หรือต่อให้นานๆ ครั้งได้รับชัยชนะ สุดท้ายก็เสียหายอย่างหนักอยู่ดี หากเทพยุทธ์ที่เหลืออีก 3 ท่านได้มาเห็นข้อมูลในส่วนนี้เหมือนๆ กัน คงจะเจ็บปวดใจไม่น้อย .." เสียงพูดของท่านเทพยุทธ์หานแลดูเจ็บปวดในอารมณ์ไม่น้อย หลังจากที่ได้รู้ความจริงอันดำมืดของฝ่ายธรรมะมากขึ้นไปอีก
".. คนส่วนใหญ่ทำไปเพราะความอยู่รอดและถูกบังคับ อาจจะกล่าวโทษคนทั้งหมดไม่ได้ .."
".. แต่สำหรับพวกเลวๆ ที่ทำชั่วโดยตั้งใจและเจตนา คนพวกนี้สมควรตายและยึดเอาทรัพย์สมบัติของพวกมันมาให้หมด .." มากเมฆมีความแข็งกร้าว เพราะในสถานการณ์ของทั้งทางฝ่ายธรรมะและของโลกมืดฝ่ายอธรรม หากยังใช้ไม้อ่อนประนีประนอมอยู่เรื่อยๆ มีหวังได้ปล่อยพวกชั่วช้า มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมไปแน่ๆ และไม่รู้ว่าวันไหนพวกห่านี่จะกลับมาแว้งกัดในวันหลังวันไหนอีก
".. เจ้าหนู เจ้าช่างมีนิสัยแตกต่างจากอาจารย์ของเจ้าจริงๆ แต่กระนั้นนิสัยของเจ้าก็ดันไปเหมือนกับเจ้ามารเฒ่า ช่างมันเถอะ เรื่องหลังจากนี้ก็สมควรปล่อยให้คนหนุ่มอย่างเจ้าจัดการ เจ้าจะครองทั้งโลกมืดและฝ่ายธรรมะก็ได้ แต่เจ้าหนูเจ้าก็น่าจะรู้ว่า จุดหมายปลายทางของเจ้าในครั้งนี้ สมควรจะต้องเจอกับแรงต่อต้านจำนวนมาก แม้แต่ตระกูลเมฆาเทพของเจ้า ก็ไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรเจ้าได้ เจ้าแน่ใจในสิ่งที่คิดจะทำจริงๆ ใช่มั้ย .."
เทพยุทธ์หานรู้สึกถูกใจมากเมฆอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยอุปนิสัยสื่อตรง กล้าได้กล้าเสียแบบนี้
มันช่างเหมือนกับตัวของเขาในสมัยหนุ่มเอามากๆ แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายเด็ดขาดและอำมหิตเกินไปหน่อย
แต่กระนั้นเทพยุทธ์หานก็ยังอยากจะวัดดวงกับโชคชะตาของอนาคตดูสักครั้ง และจากประวัติต่างๆ ที่ได้รู้ของเจ้าเด็กหนุ่มมากเมฆคนนี้ ชายหนุ่มที่ผ่านความทุกข์ยาก ถูกทอดทิ้งให้ตายโดยลำพัง แต่กับยังมีจิตใจที่มั่นคงไม่วิปลาสอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากที่ถูกกระทำต่างๆ นาๆ โดยพ่อแท้ๆ ไปมากมายขนาดนั้น
ทำให้เทพยุทธ์หานมีความหวังและความรู้สึกเล็กๆ ว่า อีกฝ่ายจะต้องนำพาให้ทั้งโลกมืดและโลกแสงสว่างฝ่ายธรรมะ ก้าวขึ้นสู่ตำนานบทใหม่ก็เป็นได้
หลังจากที่ตกลงหารือกันได้ไม่นาน ท่านเทพยุทธ์หานก็ตกลงทำตามความต้องการของมากเมฆ
กลายเป็นผู้สนับสนุนอีกของฝ่ายอย่างเต็มตัว และจากที่มากเมฆมองเห็นและสัมผัสได้ ทำให้เขามั่นใจได้เลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นกำลังสำคัญของเขาได้แน่ๆ ต่อไปในอนาคต และด้วยข้อตกลงต่างๆ ที่เห็นด้วยร่วมกัน ทำให้หลังจากนี้ต่อไปไม่ว่ามากเมฆจะทำอะไร เทพยุทธ์หานจะเห็นด้วยเสมอ
เช่น ฆ่าผู้ทรยศที่มาในครั้งนี้ให้หมด ตัดไฟแต่ต้นลม ล้างบางให้หมดแม้แต่ส่วนเล็กๆ ที่ดูไม่มีพิษภัย
แต่กระนั้นมากเมฆก็ไม่คิดจะฆ่าให้ตายง่ายๆ แต่จะเปลี่ยนให้อีกฝ่ายเป็นบางสิ่งที่อยู่ไม่สู้ตายไปให้พ้นๆ เสียก่อน
เทพยุทธ์หานเดินนำทางมากเมฆเข้าไปภายในห้องประชุม
เหล่าอาวุโสภายในห้องล้วนแล้วแต่ตกใจเล็กน้อย ที่อยู่ๆ เทพยุทธ์หานนำเด็กน้อยที่กำลังถกเถียงในครั้งนี้ เข้ามาภายในห้องประชุมด้วยอย่างไม่คาดฝัน
แต่ในขณะเดียวกันเฒ่าชราทั้ง 8 คน ถึงกับหน้าถอดสีไปตามๆ กัน ราวกับกำลังเห็นผีก็ไม่ปาน
เพราะพวกมันเองรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่ภายนอกด้วยเช่นกัน
แล้วอย่างงั้น !? ใครกันที่กำลังต่อสู้อยู่บนเวทีประลอง ที่ไล่ตบผู้เยาว์ฝ่ายธรรมะจำนวนมากให้สลบในดอกเดียว
และก็หากใครที่เป็นคนของโลกมืดแฝงตัวมาขึ้นบนเวทีประลอง ล้วนแล้วแต่ได้ไปเกิดใหม่ทั้งสิ้น แผนการที่จะสร้างความแตกแยกและจะให้มากเมฆกลายเป็นศัตรูกับคนของฝ่ายธรรมะ กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีแท้ๆ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...
มากเมฆยิ้มให้กับอาวุโสทุกคนภายในห้อง พร้อมกับทำความเคารพคารวะแบบชาวยุทธ์ “เป้าเฉวียน” หรือก็คือการเหยียดมือตรง ทับกำปั้นทำให้ดูขึงขังจริงจังนั่นเอง
ด้วยการที่มากเมฆมีสัมมาคารวะต่อทุกๆ คนภายในห้อง อาวุโสทั้ง 6 ที่เป็นฝ่ายเดียวกับท่านเทพยุทธ์หานก็ดูเหมือนจะเอ็นดูมากเมฆอยู่ไม่น้อย
แต่กับอีก 8 คนแล้วนั้น พวกมันล้วนแล้วแต่หน้าซีดไร้เลือดไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เพราะจิตสังหารของมากเมฆแหลมคมรุนแรงเป็นอย่างมาก
ราวกับกระบี่เย็นที่อาบไว้ด้วยเลือดอุ่นๆ ตลอดเวลาแทงเข้าที่ดวงตา คอหอยของพวกมันอย่างไงอย่างงั้น
ปลดปล่อยออกไปกดดันนกสองหัวทั้งแปดเอาไว้อย่างหนักหน่วง แม้แต่จะหายใจแรงๆ พวกมันยังไม่กล้าเลย ถึงแม้จะมีพลังลมปราณขอบเขตที่สูงกว่าก็ตาม
หลังจากที่ทักทายอาวุโสทั้ง 6 อย่างเป็นกันเองแล้ว มากเมฆจึงได้หันหน้ามามองนกสองหัวทั้งแปด พร้อมกับคำพูดที่ดังเข้าไปถึงจิตวิญญาณของพวกมันในทันที
".. พร้อมจะตายกันหรือยัง นกสองหัวทั้งแปดของโลกมืด .." มากเมฆยิ้มเย็นบนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ ก่อนที่จะปลิดชีพอีกฝ่ายอย่างไม่ทันตั้งตัว และด้วยอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังตกใจสุดขีดที่ถูกเปิดเผยฐานะ ทำให้ไม่ทันระวังรับมือ จนศีรษะของคนทั้งแปดต่างหลุดกระเด็นออกไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ละหัวที่หลุดลอยไปล้วนแล้วแต่ตาค้าง ปากพยายามขยับพูดแก้ตัว แต่ก็เสียเกินไปแล้วสำหรับพวกมันทุกคน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับอาวุโสคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก
แม้แต่เทพยุทธ์หานเอง ท่านยังไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายที่ยังวัยเยาว์อายุไม่เกิน 20 ปี จะบ้าระห่ำถึงเพียงนี้ เด็ดขาดแบบสุดๆ ในหมู่คนอายุเท่าๆ กัน ก่อนที่จะเห็นภาพของเปลวเพลิงสีเงินอันตระการตาเผาไหม้ร่างกายของคนทั้งแปด พร้อมกับชุบชีวิตของพวกมันกลับมาอีกครั้ง ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปนั้น เป็นเพียงภาพมายาที่ไม่เป็นจริง
แต่ทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่ทราบดีถึงการมีอยู่ของขวดยาเปลวเพลิงอมตะ ของตระกูลเมฆาเทพที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ แต่ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้ มันน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า เพราะมันเป็นเปลวเพลิงที่งดงามราวกับมีชีวิต เป็นพลังพิเศษต้นกำเนิดของสายเหลวเปลวเพลิงอมตะ
".. พวกเราถอยให้ห่างๆ หน่อยดีกว่า ไปที่มุมโน้นกันดีกว่า เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เจ้าหนูนั่นจัดการไปแล้วกัน แล้วก็พวกเจ้าสมควรได้รับรู้ข้อมูลในส่วนนี้ด้วย .." เทพยุทธ์หานบอกสหายทั้งหกของตน พาพวกเขาไปยังมุมห้องประชุม พร้อมกับอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมๆ กับฉายภาพเหตุการณ์รวมไปถึงหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมาจากมากเมฆ ให้เหล่าสหายอาวุโสทั้งหกได้เห็นพร้อมกัน
ส่วนไอ้เฒ่าชรานกสองหัวทั้งแปด ในเวลานี้พวกมันได้เผชิญกับกิจกรรมสอบสวนอันไม่ธรรมดา ของมากเมฆเข้าให้แล้วแบบเต็มๆ ไหนจะต้องมาถูกฆ่าตายซ้ำๆ แล้วยังจะต้องมาถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีก
แถมในนานๆ ครั้งมากเมฆยังทรมานเปลี่ยนเพศพวกมันให้ทรมานเล่นอีกด้วย กิจกรรมสืบสวนที่ว่ากลายเป็นวนลูปหลายร้อยรอบ และไม่สนใจฟังเสียงขอร้องขอชีวิตใดๆ จนในที่สุดพวกมันก็ยอมคายทุกๆ อย่างที่รู้ออกมา .. สารภาพความผิดเลวชั่วที่กระทำทั้งหมดออกมาไม่มีเหลือ และแต่ละเรื่องราวที่พวกมันทั้งแปดเคยกระทำในอดีต ยังมากมายยิ่งกว่าที่มากเมฆหาหลักฐานความผิดต่างๆ ที่รู้มาได้เสียอีก
เล่นเอาอาวุโสทั้งหก รวมไปถึงท่านเทพยุทธ์หาน ถึงกับโกรธแค้นพวกมันจนอยากจะสับพวกมันเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้เป็ดกินเสียจริงๆ แต่ก็กลัวเป็ดจะติดเชื้อโรคเลวๆ ของพวกมัน
ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้มากเมฆจัดการตามแต่ใจ ... และอาวุโสทั้งหกเองก็ยินดีคอยช่วยเหลือและสนับสนุนมากเมฆต่อจากนี้อีกด้วย
ดูเหมือนการมาพบเทพยุทธ์หานในครั้งนี้ มากเมฆจะได้กำไรไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาถึงไม่พูดมาก ตัดหัวเลย
จัดหนักไปเลยยยยยยยย