ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mocca Almond หอมรักละมุน ว้าวุ่นกับนายฝาแฝด

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 54


    1

     

    เช้าวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านช่องเล็กๆของหน้าต่างลงมากระทบที่เปลือกตาของฉัน เสียงจุ๊บจิ๊บของนกตัวน้อยๆที่บินไปมาทั่วบริเวณสวนข้างหอพักของฉัน ร้องดังออกมาอย่างร่าเริง วันนี้ดูช่างเป็นเช้าที่สดใสจังเลยนะ

    ฉันเดินทางมายังมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าสดชื่น บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทั่วทุกบริเวณ เมื่อมองไปตามกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ก็จะพบกระรอก กระแต วิ่งหยอกล้อกัน ดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ฉันได้แต่เหม่อมองแล้วคิดอะไรเพลิน ๆ จนกระทั่ง

    ปี๊นนนนนน…. เสียงของแตรรถที่ดังลากยาวดึงสติของฉันกลับคืนมา ทำให้ฉันรู้ตัวว่าตอนนี้มีรถยนต์คันหนึ่งกำลังจะพุ่งเข้าชนฉัน!!!!

    “ว๊าย!!!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีมือของใครก็ไม่รู้มาดึงแขนฉันไว้แล้วกระชากให้ถอยเข้ามาพื้นบนทางเดิน แต่ด้วยความที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักเซตัวล้มลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นโดยมีร่างของคนคนนั้นซึ้งล้มลงไปพร้อมกับฉันกำลังประคองตัวฉันอยู่ และเมื่อตั้งหลักได้ ฉันจึงผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วเงยหน้ากำลังจะกล่าวขอบคุณ แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด เขาก็กลับพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

    “นี่เธอ มาเรียนวันแรกก็คิดสั้นซะแล้วหรอ คราวหลังก็หัดมองดูรถดูถนนบ้างนะ ถ้าครั้งนี้ไม่มีใครมาช่วยเธอ ป่านนี้คงได้เป็นผีเฝ้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว” เสียงที่ทุ้มและเต็มไปด้วยความเย็นชา รวมถึงสายตาที่กำลังตำหนิถูกส่งมาถึงฉันซึ่งได้แต่ทำหน้าเหลอหลา อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

    “เอ่อ ขอโทษค่ะ ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้ ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะคะ” ฉันรีบกล่าวขอโทษและคำขอบคุณอย่างรัว ๆ จนลิ้นแทบจะพันกัน อารมณ์ของฉันในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจ ขวัญเสีย ตื่นเต้น วุ่นวายไปหมด

    “ถ้าครั้งต่อไปไม่มีคนมาช่วย อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกันนะ” เขาลุกขึ้นแล้วกวาดตาลงมองฉันอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงฉันที่นั่งตะลึงกับเหตุการณ์ที่พบเจอเมื่อครู่ ในหัวสมองของฉันลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวุ่นวายไปหมด ในใจก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนเมื่อกี๊นี้เขาเป็นใครกันนะ

    ในวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกซึ่งฉันเองก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หลายคน และคนที่ดูจะเข้ากันกับฉันได้ดีที่สุดก็คงจะเป็น นิ่ม และ ฝัน ทั้งสองคนมีนิสัยต่างกันมาก นิ่มดูจะเป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อย ใจดี และดูท่าทางจะเรียนเก่ง แต่ฝัน ออกจะเป็นคนที่ดูทะมัดทะแมง โผงผาง ปากร้ายแต่ใจดี ส่วนฉัน แก้ม เป็นคนที่ซุ่มซ่าม เพ้อฝัน แล้วก็ชอบทำตัวเปิ่น ๆ โก๊ะ ๆ อยู่ตลอดเวลา

    หลังจากที่เราสามคนทำความรู้จักและสนิทสนมกันแล้ว เราก็ได้นัดเลี้ยงเพื่อสานความสัมพันธ์โดยพวกเราตกลงกันว่าจะไปกินเค้กที่ร้านใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย

    เมื่อเข้ามาภายในร้าน กลิ่นหอมหวานของครีมและเค้กที่เรียงรายอยู่ในตู้กระจกใสด้านหน้า ก็ดึงความสนใจให้เราเข้าไปมองมันอย่างอดไม่ได้ เค้กที่ถูกประดับด้วยช็อคโกแลต ผลไม้ และครีมต่าง ๆ มากมายหลากหลายรูปแบบ ถูกจัดวางอย่างสวยงาม เย้ายวนให้ต้องกลืนน้ำลายกันยกใหญ่ น่ากินทั้งนั้นเลย

    “รับอะไรดีครับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้น ฉันรู้สึกได้ว่าเพิ่งเคยได้ยินเสียงนี้มาเมื่อไม่นานนี้เอง แต่มันช่างแตกต่างกันตรงที่ เสียงนี้ฟังดูช่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยความอบอุ่น  ฉันเงยหน้าขึ้น มองไปยังเจ้าของเสียง ภาพใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตาคมรับกับจมูกที่เป็นสัน ริมฝีปากชมพูระเรื่อกำลังคลี่ยิ้มต้อนรับฉันอยู่ แต่ทว่า ผู้ชายคนนั้น เขาช่างเหมือนคนที่ช่วยชีวิตฉันและต่อว่าฉันเมื่อตอนกลางวันเลยนี่นา!!!!!

    “อ๊ะ เอ่อคุณ” ฉันพูดติด ๆ ขัด ๆ ด้วยความตกใจ

    “จะรับอะไรดีครับ คุณผู้หญิง” เจ้าของเสียงทุ้มนั้นถามซ้ำอีกครั้งอย่างอ่อนโยนและสุภาพ

    “อะ เอ่อเอาเค้กชิ้นนี้ค่ะ” ฉันชี้นิ้วไปแบบมั่ว ๆ ไม่ได้มองตามปลายนิ้ว จึงไม่รู้ว่าเค้กที่ฉันสั่งคือเค้กอะไร

    หลังจากสั่งเค้กแล้วฉันก็รีบเดินมานั่งที่โต๊ะโดยเร็ว ในหัวก็มีแต่คำถามผุดขึ้นมาว่า เขาเป็นใครกัน ใช่คนคนเดียวกันกับที่เจอเมื่อตอนกลางวันจริงเหรอ ทำไมเขาถึงดูอ่อนโยน ต่างกับผู้ชายที่เห็นเมื่อตอนกลางวันเลยล่ะ

    “แก้ม เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดจังเลย ไม่สบายหรอ” นิ่มเดินมาแตะที่ไหล่และถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง

    “ฮั่นแน่ะ หรือว่าเธอเห็นหน้าพี่แทนเจ้าของร้านแล้วเกิดทนความหล่อไม่ได้ เลยหนีมานั่งเขินที่โต๊ะกันล่ะ” ฝันที่เดินตามมา พูดแซวฉันพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าเล่ห์

    “บ้าเหรอ ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ เอ่อ ไม่สิ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันพูดอึกอักบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนร่างกายมันร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงก็ไม่รู้

    “เค้กมาส่งแล้วครับ เค้กมอคค่าอัลมอนสำหรับคุณผู้หญิงครับ” ขณะที่เรากำลังพูดถึงชายหนุ่มเจ้าของร้านที่ชื่อว่าแทน หรือพี่แทน อยู่นั้น เจ้าตัวก็เดินมาพร้อมถาดที่มีขนมเค้กสีน้ำตาลอ่อนที่ทาด้วยครีมเนียนละเอียดสีเดียวกัน ประดับด้วยเมล็ดอัลมอนและโรยด้วยผงกาแฟดูน่ากิน เขายื่นจานเค้กลงมาที่ฉันอย่างเบามือพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “เชิญรับประทานให้อร่อยนะครับ” เขาพูดอย่างสุภาพแล้วเดินกลับไปยังเคาท์เตอร์

    ฉันเอาแต่มองเค้กข้างหน้าด้วยความลังเล ไม่ยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักสักที ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าที่ฉันชี้ไปมั่ว ๆ น่ะ มันคือเค้กมอคค่า ก็ฉันน่ะ เกลียดกาแฟที่สุดเลย!!!!

    “แก้ม เป็นอะไร ทำไมไม่กินเค้ก อ๊ะ ๆ หรือมองหน้าพี่แทนจนอิ่มแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” ฝันทักท้วงขั้นก่อนจะแซวฉันอีกครั้ง

    “เปล่าซะหน่อย แต่ว่าฉันไม่ชอบกาแฟน่ะ” ฉันบอกปฏิเสธก่อนจะลดเสียงลงในประโยคสุดท้าย

    “เอ้า ไม่ชอบแล้วสั่งมาทำไม!!!” แก้มพูดออกมาเสียงดังจนพี่แทนที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์หันมาให้ความสนใจ

    “เฮ้ย เงียบ ๆ สิ เดี๋ยวพี่เขาก็ได้ยินหรอก” ฉันเอานิ้วชี้มาแตะที่ปากตัวเองทำท่าบอกให้เพื่อนสาวเบาเสียงลง แต่ทว่า

    “ไม่ชอบเหรอครับ” เสียงของพี่แทนดังขึ้นตรงหน้า พร้อมกับใบหน้าที่ดูอบอุ่น แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ยิ้มเหมือนกับตอนที่นำเค้กมาเสิร์ฟ หน้าตาของเขาดูหน้าเสียเล็กน้อย ซึ่งนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

    “เอ่อ เปล่าค่ะ ชอบค่ะชอบ เดี๋ยวจะรีบทานให้หมดเลยนะคะ แหะ ๆ” ฉันหันไปพูดกับพี่แทนพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะตักเค้กเข้าปากอย่างเสียไม่ได้

    แต่แล้วความรู้สึกของฉันก็เปลี่ยนไป เมื่อได้ลองชิมเค้กมอคค่าเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกได้ถึงความหอมอย่างมีสเน่ห์ เนื้อเค้กที่นุ่มจนแทบจะละลายในปาก เมล็ดอัลมอนที่กรุบกรอบ มันทำให้ฉันเปลี่ยนความรู้สึกไปในทันที เค้กมอคค่านี่มันอร่อยเหลือเกิน

    “ชอบไหมครับ ถ้าไม่ชอบ บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จะเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้” พี่แทนพูดอย่างนุ่มนวล

    “เอ่อ ชอบค่ะ ชอบมากเลยค่ะ เค้กชิ้นนี้อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยค่ะ” ฉันรีบบอกอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ไม่เคยกินเค้กที่ไหนที่อร่อยเท่าชิ้นนี้เลย

    “พี่แทนทำเองเหรอคะ วิเศษสุด ๆ เลย” ฉันเอ่ยถามทันทีที่เห็นรอยยิ้มของพี่แทนค่อย ๆ คลี่ออกมาจากริมฝีปากสวย ๆ ของเขา

    “อ๋อ เปล่าหรอกครับ เค้กชิ้นนี้ พี่ชายของพี่เป็นคนทำน่ะ” พี่แทนพูดยิ้ม ๆ ดูมีความสุขกับคำชมที่ฉันมอบให้

    “นายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ ทำไมไม่ไปเฝ้าที่เคาท์เตอร์” เสียงทุ้มอีกเสียงดังขึ้นจากข้างหลังของพี่แทน ก่อนจะปรากฏร่างขางผู้ชายที่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนกับพี่แทนจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร และนั่นทำให้ฉันถึงกับตาโตจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก

    “เธอนี่เอง ยัยซุ่มซ่ามที่เกือบโดนรถชนวันนี้นี่” เมื่อมาถึง ผู้ชายคนนั้นที่หน้าตาเหมือนกับพี่แทนก็พูดกับฉันด้วยสีหน้าเย็นชา

    “ไม่เอาน่า ธันว์ อย่ามาหาเรื่องลูกค้าในร้านสิ เดี๋ยวฉันจะไปเฝ้าที่เคาท์เตอร์ให้เดี๋ยวนี้แหละ” พี่แทนพูดปรามผู้ชายที่ชื่อธันว์ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันและเพื่อน ๆ

    “เดี๋ยวพี่ไปเคาท์เตอร์ก่อนนะครับ ทานให้อร่อยนะ” พี่แทนพูดอย่างใจดีก่อนจะเดินกลับไป เหลือเพียงผู้ชายที่หน้าเหมือนกันแต่บุคลิกต่างกันคนละขั้ว

    “นอกจากจะซุ่มซ่ามแล้ว ยังจะมาชวนคนอื่นคุยในเวลางานอีกหรอ เธอนี่ไม่ไหวจริงๆเลยนะ” เขาพูดตำหนิฉันก่อนจะเดินตามพี่แทนไป

    ความรู้สึกของฉันตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยพอใจกับคำพูดตำหนิของผู้ชายที่ชื่อว่าธันว์เข้าซะแล้วสิ ทำไมเขาถึงดูแข็งกร้าว ไม่อบอุ่นเหมือนพี่แทน ฝาแฝดของเขาเลยนะ

    หลังจากที่ออกจากร้านเค้กมาแล้ว ฉันและเพื่อนสาวทั้งสองคนก็ได้แยกย้ายกันกลับหอพักของตัวเอง ในระหว่างทาง ฉันได้แวะเข้าร้านหนังสือเพื่อไปเดินย่อยและผ่อนคลายอารมณ์ก่อนจะกลับเข้าห้องพัก ฉันเดินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงชั้นวางหนังสือหมวดเบเกอรี่ ในหัวก็อดนึกถึงร้านเค้กที่เพิ่งไปกินมาไม่ได้ ฉันหยิบหนังสือคู่มือการทำเค้กขึ้นมาดู ในหนังสือมีภาพเค้กหลากรสชาติหลากสีสันชวนให้อยากลองชิมทั้งนั้น ฉันเปิดดูหนังสือไปแทบจะทุกหน้าด้วยความเพลิน ลืมเวลาว่ามายืนตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง

    “สนใจเค้กเหรอ” เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นชวนให้หันกลับไปมอง

    “พี่เอ่อ” ด้วยความไม่มั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะเป็นพี่แทน หรือพี่ธันว์ แฝดของเขา ฉันจึงไม่กล้าที่จะเรียกชื่อ

    “พี่แทนเองนะ” เหมือนเขาจะอ่านใจฉันออก ผู้ชายตรงหน้ารีบบอกชื่อของตัวเองทันที

    “อ๋อ พี่แทน แหะ ๆ พี่แทนมาซื้อหนังสือเหรอคะ” เมื่อรู้ว่าเป็นพี่แทน ฉันก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที จึงเริ่มต้นบทสนทนาขึ้น

    “อื้ม พี่เพิ่งปิดร้านเลยแวะมาดูหนังสือเล่น ๆ น่ะ แล้วเราไม่กลับหอเหรอ” พี่แทนตอบอย่างใจดี

    “อ๋อ พอดีแก้มมาเดินย่อยน่ะค่ะ อีกซักพักก็คงจะกลับแล้ว” ฉันพูดพลางยิ้มกว้างๆให้พี่แทน

    “พี่ขอโทษด้วยนะ เรื่องพี่ชายฝาแฝดพี่น่ะ มันปากร้ายอย่างนี้แหละ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นคนดีนะ” พี่แทนกล่าวขอโทษแทนฝาแฝดของตน

    “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วแก้มเองก็ซุ่มซ่ามอย่างที่เขาว่าจริง ๆ นั่นแหละ” ฉันพูดออกไปแบบรักษาหน้าสุด ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าพี่ชายฝาแฝดของพี่แทนซะแล้วล่ะ

    “เอ้อ เดี๋ยวพี่ต้องกลับแล้วนะ ไว้ว่าง ๆ ก็ไปกินเค้กร้านพี่บ่อย ๆ นะครับ บ๊ายบาย” พี่แทนมองดูนาฬิกาก่อนจะบอกลาฉัน

    “ค่ะ กลับดี ๆ นะคะพี่แทน” ฉันกล่าวลาพี่แทนเช่นกัน

    “ครับ เช่นกันนะ” พี่แทนพูดยิ้ม ๆ และเดินออกจากร้านไป

    ฉันกลับมายังห้องพักของตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่า คนสองคนที่รูปร่างน่าตาคล้ายกันจนแยกไม่ออก แต่กลับมีนิสัยต่างกันคนละขั้วจนน่าประหลาดใจ คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่ดีแสนดี สุภาพ อ่อนโยน อบอุ่น น่าหลงใหล ส่วนอีกคนกลับเป็นคนปากร้าย ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น แถมยังเย็นชาอีกด้วย

    ขณะที่นอนคิดไปคิดมา ฉันก็รู้สึกเอะใจขึ้นมาว่า เหมือนฉันจะลืมอะไรบางอย่างไปนะ เอ๊ะ หรือจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ฉันรีบเปิดกระเป๋าค้นจนทั่วเผื่อบางทีมันอาจจะอยู่ในกระเป๋าก็ได้ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ตายแล้ว!!!! ฉันลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ร้านเค้กแน่เลย!!!

    ฉันได้แต่ภาวนาว่ามันจะยังอยู่ที่ร้านเค้ก และถ้าหากว่ามีใครเก็บได้ ขอให้คนคนนั้นเป็นพี่แทน ขอให้คนที่เก็บได้ไม่ใช่พี่ธันว์ ขอให้มันเป็นอย่างที่คิดไว้ด้วยเถอะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×