คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : (Short story เพลิงภพxพีระพล) Bus...Stop ต่อครั้งที่ 4
เช้าวันรุ่งขึ้น พีระพลลุกขึ้นมารื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดเก่งแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น ช้ำยังวิ่งเสียงดังตึกตังไปเช้าออกห้องพี่สาวหยิบยืมของเป็นว่าเล่นทำเอาพี่สาวที่เคารพอดล้นทนไม่ไว้
“อะไรหนักหนาว่ะไอ้พีมานี้เลย!”
มือเรียวแต่แรงมหาศาลลากน้องชายตัวดีเข้าห้องเจ้าตัวที่ระเกะระกะไปด้วยเครื่องแต่งตัวที่เจ้าของห้องสรรหามา ร่างสูงโปร่งจะตรงไปยังกองเสื้อผ้าที่วางสุมบนเตียงขนาดใหญ่ของเด็กหนุ่ม แล้วสาวมาดเท่ห์แฟชั่นกุรุตัวจริงก็จัดการจับน้องชายแต่งตัวอย่างมันส์มือ
“ โอเค!เรียบร้อย”
หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจในผลงานที่สะท้อนจากกระจกบานใหญ่หน้าตู้เสื้อผ้า พีระพลมองตัวเองที่เหมือนนายแบบหลุดออกมาจากแมคกาซีนอย่างทึ้งๆ พี่สาวของเขาไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
“ขอบคุณครับพี่สาวสุดสวย”
เด็กหนุ่มหันไปขอบคุณพร้อมยิ้มประจบเอาในอีกฝ่ายเหมือนเด็กๆ
“เออ! ไม่เป็นไร นัดสาวเดทก็รีบๆไปเลยไป ต้องให้วุ่นวายแต่เช้า”
สาวร่างสูงโปร่งบ่นอย่างระอาปนล่อเลียนก่อนจะเดินออกไป
“ไม่ได้เดททสักหน่อย แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน!” เด็กหนุ่มเถียงไล่หลังในหน้าแดงระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว
“พี่บ้า! เดทอะไรกันเหล่า แค่ดูหนังกันเพื่อนเอง” บ่นงึมงำกับตัวเองอยู่หน้ากระจก
แค่เพื่อน...แต่ทำไมต้องลุกขึ้นมาวุ่นวายแต่งตัวแต่เช้า เหมือนจะไปออกเดทกับแฟน
แถมยังตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับทั้งคืน ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน เด็กหนุ่มถามตัวเองในใจ
ดวงตาเรียวมองหาคำตอบจากตัวเองในกระจก
แต่ยังไม่ทันได้คำตอบพีระพลก็ต้องร้องอุทานตาโตรีบคว้าเกระเป๋าใบเก่งวิ่งปรู๊ดออกจากบ้านราวติดจรวด
เมื่อเหลือบเห็นเวลาบนนาฬิกาบอกว่าถ้าไม่รีบสายแน่ๆ
แม้จะวิ่งจนหอบแต่ใบหน้าใสกลับระบายยิ้มกว้าง เมื่อมาถึงที่นัดหมายเด็กหนุ่มร่างโปร่งก็พบร่างสูงของ
เพลิงพลยืนดูดน้ำอัดลมรออยู่แล้ว
“ช้า!” ร่างสูงต่อว่าเสียงเข้มทันที ทั้งที่ความจริงตัวเองก็เพิ่งมาถึงก่อนแค่สิบนาทีเท่านั้นเอง
แต่ด้วยความเป็นใจร้อนไม่ชอบรอ เพลิงภพเลยหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
“ขอโทษนะ ออกบ้านช้าไปหน่อย” พีระพลยกมือไหว้ขอโทษขอโพย พลางส่งยิ้มออดอ้อนให้อีกฝ่ายคลายอารมณ์ร้อน
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันรอบหนังนะ” ร่างโปร่งเอยก่อนทั้งสองจะพากันเดินเข้าไปในห้าง
ทั้งสองตรงไปที่เคาร์เตอร์ขายตั๋ว เพราะเป็นวันหยุดทำให้ต้องต่อแถวยาวพอสมควร เมื่อจัดการซื้อตั๋วหนังเรื่องที่ต้องการแล้ว สองหนุ่มจึงออกมายืนคุยกันด้านหน้าโรงหนังเพราะอีกกว่าชั่วโมงหนังถึงจะฉาย
“มีเวลาอีกตั้งชั่วโมง ไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย หิวว่ะ”
เพลิงภพเสนอความคิด
“ดีเหมือนกันเราก็ยังไม่ได้กิน”
พีระพลเห็นด้วยเพราะเมื่อเช้ามัวแต่แต่งตัวเลยไม่ได้กินข้าวเช้าและตอนนี้ก็ชักแสบๆ
ท้องแล้วเหมือนกัน
“ลงไปกินศูนย์ข้างล่าง?”
เพลิงภพเสนอ พีระพลพยักหน้า สองหนุ่มจึงเคลื่อนขบวนไปหาเสบียงใส่ท้องอันว่างเปล่า
ระหว่างทั้งสองกำลังจัดการก๋วยเตี๋ยวชามโตอย่างเอร็ดอร่อยกลับถูกขัดจังหวะเมื่อโทรศัพท์
ของร่างสูงดังขึ้น
“มีไรวะไอ้แมค ว่าไงนะ! ได้ กูจะไปเดี๋ยวนี้”
เพลิงพลกดวางสายหน้าเครียดจนหน้ากลัว เพื่อนส่งข่าวร้ายมาว่ามีเพื่อนโดนคู่อริรุมซ้อมจนต้องเข้า
โรงพยาบาล ร่างสูงลุกพลั่วพลาดจนพีระพลสะดุ้ง
“โทษที เราต้องไปแล้ว เพื่อนมีเรื่องเข้าโรง’บาล นายเข้าไปดูหนังก่อนแล้วกัน”
เด็กหนุ่มร่างสูงขอโทษอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องขอตัวไปก่อนพร้อมกับยื่นตั๋วหนังให้
พีระพลมองตั๋วในมือแกร่งก่อนตัดสินใจลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย ก่อนจะเอยอย่างหนักแน่น
“เราไปด้วย”
“ไม่ได้ ไปดูหนังเลย เอานี้ตั๋ว”
เพลิงภพปฏิเสธเสียงแข็ง มือแกร่งยัดตั๋วหนังใส่มือเรียว แล้วตัดโอกาสโต้เถียง
โดยการหมุนตัวเดินจากไปทันที
พีระพลมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆลับสายตาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเสกลับมามองตั๋ว
หนังสองใบที่ถูกยัดใส่มือ คิ้วเรียวขมวดมุ่ย พร้อมกับปากเรียวขยับบ่นงึมงำตามนิสัย
“แล้วอย่างนี้ใครจะมีอารมณ์ดูล่ะ”
......................................................................................................................................................................
พีระพลแอบมองการวิวาทอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดวงตาเรียวจับจ้องภาพชุลมุนไม่กระพริบ
ด้วยใจที่เต้นตุ้มๆต๋อมๆด้วยความตื่นเต้นหวาดเสียวระคนหวาดกลัว ทั้งมือ ทั้งเท้า ไหนจะอุปกรณ์อย่าง ไม้หน้าสาม ท่อนเหล็ก สองฝ่ายต่างคนต่างวิ่งเข้าตะลุ่มบอลกันวุ่นวายไปหมด
คนนอกที่เกิดมาไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนถึงกับหน้าซีดตัวสั่น ก่นด่าตัวเองในใจว่าไม่น่าแส่หาเรื่อง
แอบตามใครบางคนมาถึงนี้เลย แต่กระนั้นเด็กหนุ่มกลับมองหาใครบางคนที่ว่าอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความ
เป็นห่วงเป็นใย
อยู่ที่ไหนนะ ไฟ?
ยิ่งเห็นสภาพหัวแตกเลือดอาบของแต่ละคนแล้วยิ่งใจไม่ดี
กลังอีกคนจะเป็นไรไป
ทำไมต้องตีกันด้วย? พูดจากันดีๆไม่ได้หรือไง? ไม่รู้หรือไงว่ามีใครเป็นห่วง?
ทุกครั้งที่มีบาดแผลมาให้เห็นใจคนๆนี้อดไม่ได้ที่จะปวดแปลบร่ำไร
ทำไม่รู้จักคุณค่าของชีวิตกันบาง ไม่คิดบางหรือไงว่าบาดแผลบนร่างกายนั้นจะสร้าง
บาดแผลบนใจของใครต่อใครบ้างกัน
พีระพลได้แต่รำพึงรำพันใจถึงความรู้สึกลึกๆใจในถึงใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังชัดหมัดใส่คู่ต่อสู้
ตามด้วยลูกถีบหนักๆจนอีกฝ่ายลงไปนอนกับพื้น ส่งให้อีกคนโถมหมัดใส่ร่างสูงของเพลิงภพ
หวังเอาคืนให้เพื่อนแต่กลับถูกสวนกลับลงไปกองอีกคน แล้วหลายต่อหลายคนที่ถลาเข้าหา
เด็กหนุ่มตาขวางก็มีจุดจบไม่ต่างกัน ในขณะที่ใบหน้าดิบเถื่อนก็เต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ ร่างกายบอกช้ำ
ไม่น้อยแต่ไม่ทำให้เพลิงภพยี่ระ
ร่างสูงคงปล่อยหมัดปล่อยเท้าใส่คู่ต่อสู้ไม่ยั้ง ไม่คิดถอยหนี พร้อมกลับช่วยพวกเพื่อนที่เพรี้ยงพร้ำ
“เป็นไงแมค?”
ร่างสูงฉุดเพื่อนให้ลุกจากพื้น
“ไม่เป็นไร ขอบใจ”
แมคยกมือเช็ดเลือดทีมุมปากก่อนตอบ ทั้งหนุ่มยิ้มด้วยมิตรภาพให้กันก่อนจะกลับสู่สมรภูมิเดือนอีกครั้ง
การทะเลาะวิวาทเริ่มดุเดือนขึ้นเลื่อยๆต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ จากต่อยตีด้วยหมัดม่วยกลายเป็นตีรันฟันแทงที่มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวราวกับสงครามกลางเมืองย่อมๆก็ไม่ปาน
แต่บรรดานักเลงนักเรียนหาได้เกรงกลัวกลับยิ่งวิ่งเข้าใส่เหมือนไม่กลัวตาย
กลับเป็นคนที่เฝ้าดูที่ร้อนร้นจนทนไม่ได้ พีระพลอาศัยความกล้ากด191 แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย
มือไม้สั่น ด้วยสถานที่นี้ห่างหูห่างตาผู้คนหากรอตำรวจมาเจอเองคงต้องรอพรุ่งนี้สายๆ
ชาติหน้าต่อบ่ายๆเป็นแน่แท้ ดังนั้นเพื่อสันติสุขของโลก(เข้าใจว่าไม่เกี่ยวกันนะ)
พีระพลของทำหน้าที่พลเมืองดีสักครั้ง
“ฮาโหล คุณตำรวจครับ คือ..................”
แจ้งเรื่องแล้วพีระพลก็กดวางสายถอนหายใจโล่งอก แต่ไม่ถึงนาที ดวงตาเรียวกับเบิกกว้างราวเห็นผี
เมื่อรถกระบะราวสามคันบรรทุกเด็กหนุ่มมาเต็มลำรถรวมร่วมสามสิบสี่สิบคน ที่สำคัญจากเครื่องแบบ
ทำให้เดาไดไม่ยากว่าเป็นโรงเรียนคู่อริของเพลิงภพ
“ซวยแล้ว” พีระพลรำพันเอยอ่อยเหมือนจะหมดเรี่ยวหมดแรง
ดูเหมือนฝ่ายเพลิงภพจะตกที่นั่งลำบากเมื่ออีกฝ่ายมีกำลังมาเสริมทำให้พวกเขาตกเป็นรองทุกรอบกรอบ
ในที่สุดแต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามต้านถึงที่สุด
ดวงตาคมดุปรายดูเพื่อนๆที่มีสภาพสะบักสะบอมอ่อนแรงไม่แพ้กันอย่างเคร่งเครียด ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงต้องพบกับความพ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายหยามศักดิ์ศรี เด็กหนุ่มสบตากับ ต้น และ แมค ซึ่งถือเป็นผู้นำและมันสมองของกลุ่มอย่างของความคิดเห็น
“แมค! มึงคิดห่าอะไรสักอย่างดิวะ! เอาพวกเราออกจากที่นี้ให้ได้!”
ผู้นำบ้าดีเดือนอย่างต้น ยกให้แมคผู้เป็นมันสมองของกลุ่มคิดหาทางออก ในขณะที่เขาคอยคุ้มกัน แมคพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบประเมินสถานการณ์หาทางรอดอย่างเร่งด่วน แต่ในภาวะที่บีบคั้นเช่นนี้ทำให้สมองของเด็กหนุ่มมีแต่ทางตัน
เพลิงภพปักหลักต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่ดากน้าเข้ามาอย่างไม่ท้อถอยแม้แรงกล้าจะถดถอยลงเลื่อยๆ
อกแกร่งสะท้านขึ้นลงตามลมหายใจที่หอบแรง หยาดเหงื่อไหลรินเกาะใบหน้าคมคายและร่างแกร่ง
ราวกับตักอาบน้ำ เด็กหนุ่มร่างสูงยกแขนขึ้นปาดเหงื่อจังหวะที่ไม่ระวังที่เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามบุกจาก
ด้านหลัง ไม้เบลบอลวาดลงมาตรงตำแหน่งท้ายทอยอย่างไม่ออมแรง
“ไฟ!! ระวัง!!”
เสียงคุ้นหูดังเรียกให้ร่างสูงหันควับไปด้านหลัง มือแกร่งรับไม้ไว้ได้ทันเวลาพอดี ขายาวถีบเข้าท้องอีกฝ่ายจนลอย
ก่อนจะกลับสนใจคนที่ตะโกนเรียกตน ดวงตาคมเบิกค้างคล้ายตกใจ
“พี!!!”
พีระพลไม่ปล่อยให้ได้ตกตะลึงนานมือเรียวคว้าแขนแกร่งฉุดให้วิ่งตาม คงเพราะไม่ทันตั้งตัวทำให้เพลิงภพวิ่งตามร่างโปร่งไปโดยง่าย
..........................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น