ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short story] เรื่องสั้นตามอารมณ์ Yaoi

    ลำดับตอนที่ #6 : (Short story เพลิงภพxพีระพล) Bus...Stop ต่อครั้งที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 52


    พีระพลวิ่งสุดกำลังพร้อมกับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หกโมงยี่สิบเจ็ดนาที สองขายิ่งเร่งความเร็วเพื่อให้ไปถึงที่หมายให้เร็วขึ้นเมื่อทราบเวลาว่าผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะต้องอยู่ช่วยงานครูทำให้พีระพลออกจากโรงเรียนช้ากว่าปกติด้วยใจที่กระวนกระวายถึงใครบ้างคนที่ป้ายรถเมล์

     

    ร่างโปร่งยืนหอบ พลางกวาดสายตาไปทั่วป้ายรถเมล์ประจำผู้บางตาลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่ามากอยู่

    หากกลับไม่มีร่างของคนที่มองหาอยู่ถูกวัน แม้ทำใจไว้แล้วว่าวันนี้คงไม่ได้เจอเพราะปกติคนตาขวางจะมารอรถเมล์ประมาณห้าโมงครึ่งถึงหกโมงเป็นประจำ แต่ตอนนี้เลยเวลามาตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว พีระพลถอดหายใจด้วยความผิดหวัง ก่อนจะเดินลากขาไปนั่งเก้าอี้พักที่ว่างอยู่

     

    ไม่อยู่แล้วจริงๆด้วย อุตส่าห์วิ่งมาแทบตาย วันนี้เลยไม่ได้เจอนายตาขวาง แย่จัง ไม่รู้แผล

    ที่เห็นเมื่อวานจะหายหรือยังน่า เฮ้ย~’

     

    คิดแล้วพีระพลหลับตาถอดหายใจอีกรอบด้วยความเซ็งสุดขีด

     

    ของนาย

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นตรงหน้าหนุ่มพีให้ต้องเงยตาขึ้นสบดวงตาคมดุของคนที่ยื่นกระเป๋าตังค์ที่ไม่คาดว่าจะได้คืนให้

    ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างพร้อมกับปากเรียวที่เผลออ้าเป็นปากถ้ำ

     

    อะ...ค...คือ...

     

    เสียงกุกๆกักๆไม่เป็นคำด้วยสมองไม่สั่งการเพราะหัวใจทำงานไม่ปกติทำให้ออกซิเจนไม่เพียงพอ

    สติสตางค์กระเจิดกระเจิงจนอย่างรวบรวมกลับ ถ้าคนตรงหน้าไม่กระตุ้นด้วยเสียงเข้มๆ

     

    ตกลงจะเอาคืนหรือเปล่า!”

     

    อะ...เอาครับ

     

    พีระพลรีบตอบก่อนตาคมๆนั้นจะบาดคอขาด คนอะไรดุจิบ

     

    สิ้นคำกระเป๋าใบเล็กก็ถูกโยนหล่นปุบนตักหนุ่มพีคนหน้าใสโดยไม่บอกไม่กล่าว

    ส่วนขึ้นโยนก็เดินอาดๆไปยืนพิงเสาอยู่ไม่ห่างด้วยท่าทางห่ามๆอันเป็นปกตินิสัย

     

    พีระพลเหลือบมองคนตาขวางสลับกับกระเป๋าตังค์ใบมือด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

    ทั้งดีใจที่ไม่ต้องอดข้าวจนสิ้นเดือน ทั้งชื่นชมในความดี(และความหล่อ)ของคนที่

    เอามาคืนให้ แบบว่าปลื้มสุดๆ

     

    เด็กหนุ่มร่างโปร่งตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนตาดุอย่างกล้าๆกลัวๆ

    ดวงตาเรียวจดจ้องใบหน้าคมแบบหวาด

     

    ค..คือ

     

    มีอะไร

     

    พีระพลยื่นปาสเตอร์ในมือให้คนตรงหน้า ช้อนตามองแผลช้ำบนใบหน้าคม

    ด้วยสายตาห่วงใยอย่างไม่ปกปิด

     

    คือแผลนั้น ใช้นี้ปิดกันเชื้อไว้ดีกว่านะครับ

     

    เสียงนุ่มเอยแผ่วเบา ก่อนกลั่นใจรอการตอบโต้ด้วยใจตุมๆต๋อมๆ

     

    .......

     

    แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจ

     

    หนุ่มตาดุเอยเรียบก่อนจะเบือนหน้าหนีตัดบทสนทนา หากแต่หนุ่มร่างโปร่งกลับไม่ละความพยายาม

    ปาสเตอร์ถูกยัดใส่มือแกร่งอย่างยัดเยียดจนคนตาดุขมวดคิ้วหันมามองร่างโปร่งด้วยความไม่พอใจ

     

    ถือว่าแทบตอบแทนเรื่องกระเป๋าตังค์

     

    ความห่วงใยฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาอย่างจริงใจแม้จะเจือได้ด้วยความกริ่งเกรงชะงักคำเผ็ดร้อนที่

    เตรียมออกจากปากของคนตาดุ

     

    แค่รับไว้ก็พอใช่มั้ย?”

     

    เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบมือแกร่งยัดของที่ถูกยัดเยียดให้ใส่กระเป๋ากางเกงเป็นการตัดรำคาญ

    เรียกรอยยิ้มสดใสจากคนให้ที่อีกฝ่ายยอมรับน้ำใจเล็กน้อยๆของเขา

     

    ..............................................................................................................................................................................

     

                             เพลิงภพเปิดประตูห้องพักเล็กๆของเขาที่ประกอบเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานอันได้แก่

    เตียงเดียว ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ เด็กหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้ ก่อนเด็กหนุ่มล้วงของในกระเป๋ากางเกงวางบนโต๊ะ พลันสายตาคมดุก็สะดุดกับพลาสเตอร์ยาแผ่นเล็กที่ถูกยัดเยียดให้ภาพใบหน้าของคนยัดเยียด

    ปรากฏขึ้นในความทรงจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     

    พิลึกคน 

     

    เด็กหนุ่มบ่นพึมพำยัดพลาสเตอร์ใส่ลิ้นชักโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะถอดเสื้อโยนใส่ตะกร้าคว้าผ้าเช็ดตัวเดนเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าพลาสเตอร์น้อยและเจ้าของมันเสียสนิท

     

    หากเป็นอีกคนที่โผล่หน้ามาทวนความจำกัน ณ ที่เดิม เวลาเดิมราวกับหนังฉายซ้ำ

    เพียงแต่รอบนี้เพิ่มบทพูดให้ตัวละคร                                                                 

     

    อ...หวัดดี 

     

    พีระพลเอยทักร่างสูงที่เพียงปรายตามอง ต่างคนต่างยืนรอรถเมล์เงียบๆ จนกระทั้งรถเมล์มา ต่างคนต่างขึ้น

    แต่เด็กหนุ่มร่างโปร่งจงใจเลือกนั่งเคียงข้างกันหนุ่มช่างกลตาดุ ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาไม่พอใจจากตาคมดุ

    แม้ใจหวาดอยู่ไม่น้อย สมุดคำศัพท์ถูกดึงออกมาเบี่ยงเบนควาสนใจ หากดวงตาเรียวเจ้ากรรมกับเอาแต่แอบเหล่คนข้างกายอยู่ล่ำไป

     

    เมื่อถึงป้ายที่ต้องลงพีระพลถือโอกาสช่วงชุนละมุนยัดพลาสเตอร์ปิดแผลใส่มือแกร่งของเพลิงภพก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้โดยสารที่กุกันรถอย่างวุ่นวาย กว่าเพลิงภพจะรู้ตัวร่างโปร่งของพีระพลก็ลับตาไปไกลเกินกว่าจะตามทัน เมื่อไม่สามารถคืนเจ้าของได้เจ้าพลาสเตอร์จึงต้องไปสมทบกับเพื่อนใส่ลิ้นชักตะแสนรกของเด็กหนุ่มตาดุโดยไม่สามารถอุทรใดๆได้ มิฉะนั้นคงโดนขว้างลงถังขยะแทน

     

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆเป็นเดจาวูร่วมอาทิตย์นับจากจำนวนแผ่นพลาสเตอร์ที่นอนนิ่งกนลิ้นชักของเพลิงภพ เด็กหนุ่มร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายขณะโยนแผ่นพลาสเตอร์ที่ได้ล่าสุดลงไปร่วมกับพรรคพวก

    ของมัน 

     

    ในที่สุดเพลิงภพก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดก่อนที่พลาสเตอร์จะขาดตลาดเพราะมากองอยู่ที่ห้องเข้าเสียหมด

    พีระพลจึงมีบุญได้ยินเสียงทุ่มในประโยคยาวๆเป็นครั้งแรก

     

    แผลหายแล้ว ไม่ต้องใช้พลาสเตอร์แล้ว เอาคืนไปเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องเอามาให้อีก

     

    เพลิงพลเอยพร้อมกับยืนแผ่นพลาสเตอร์ที่เพิ่งได้รับคืนเจ้าของที่รับคืนด้วยหน้าจ่อยๆ เหมือนลูกหมาถูกทิ้ง

    ให้อดใจอ่อนสงสารไม่ได้ ยอมแพ้ให้สายตาละห้อยของคนตรงหน้า

     

    พีระพลใช่มั้ย?”

     

    เอ๋?”

     

    ชื่อนะ นายชื่อพีระพลใช่มั้ย? หรือไม่ใช่?”    

     

    ชะ...ใช่ๆ เราชื่อพีระพล เรียกพีเฉยๆก็ได้

     

    ไฟ

     

    เอ๋?”

     

    พีระพลงงอีกรอบกับอาการพูดสั้นๆ แต่ไม่ได้ใจความของอีกฝ่ายหรือเพราะตื่นเต้นมากไปจนเดาไม่ออกก็ไม่รู้

    ทำให้เพลิงภพต้องขยายความให้ความกระจ่าง

     

    ชื่อชั้น ไฟ

     

    อ๋อ!ไฟ

     

     หนุ่มพีร้องอ๋อเมื่อกระจ่างใจในความพูดของเพลิงภพ ปากบางคลี่ยิ้มหวานไปจนถึงดวงตา

     

    ยินดีที่ได้รู้จักนะ ว่าแต่...นายรู้ชื่อเราได้ไงอะ?” พีระพลถามด้วยความสงสัย

     

    บัตรในกระเป๋านายไง

     

    หนุ่มร่างสูงยักไหล่ตอบง่ายๆ ให้พีระพลครางอ๋อหมดข้อสงสัยพลางพยักหน้าหงิกๆ

    ถ้าไม่เปิดดูก็คงไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าแล้วคงเอามาคืนไม่ถูก

     

    ..................................................................................................................................................................................

     

    โอเค พลาสเตอร์ไม่ต้อง ขอผ้าก็อต พร้อมแอลกอฮอร์ ทิงเจอร์ แล้วก็สำรี ด้ายกับเข็มเย็บแผลด้วย เข้าชุดใหญ่

    มากเลย เละขนาดนี้พลาสเตอร์มันเอาไม่อยู่ พีระพลมองคนที่นั่งหน้าบวม คิ้วแตก ปากเจ๋อด้วยความหนักใจ แผลเก่าเพิ่งหายก็ออกไปหาแผลใหม่มาอีก จากที่สภาพที่เห็นด้วยตาคนเจ็บคงไม่รู้จักวิธีปฐมพยายามเบื้ยงต้น

    แผลมันถึงได้ดูไม่จืดแบบนี้

     

    เห็นแล้วทนไม่ได้ เลือดหมดในตัวมันเดือดพล่านจนทนไม่ไหว

     

    พีระพลเดินไปหยุดตรงหน้าเพลิงพล

     

    ไง คำทักทายสั้นๆจากปากเจ๋อ ใบหน้าดิบเถื่อนที่ดูไม่ยินดียินร้ายกับบาดแผลของตนทำให้พีระพล

    ถึงกับต้องส่ายหน้า

     

    ไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วสินะ

     

    ร่างโปร่งเอยพลางถอนหายใจก่อนนั่งลงเคียงข้างร่างสูง มือเรียวเปิดกระเป๋ายืนชุดปฐมพยาบาลที่มักพกติดตัวออกมา ชุดแอลกอฮอร์กับก้อนสำรีก่อนจะบรรจงเช็ดทำความสะอาดแผลบนบหน้าใบคมอย่าแผ่วเบา

     

    ไม่ต้อง ไม่เป็นไร

     

    ร่างสูงเบี่ยงหลบยามสัมผัสฤทธิ์แสบร้อนของยาฆ่าเชื้อ พีระพลทำเสียงจี้จะในลำคออย่างขัดใจกับความดื้อของ

    คนเจ็บจนเผลอดุอีกฝ่ายเหมือนดุพี่สาวจอมห้าวที่มักมีแผลกับมาให้ทำเป็นประจำ

     

    อยู่นิ่งๆสิ

     

    น่าแปลกที่เพลิงภพยอมอยู่นิ่งๆตามคำของคนที่เพิ่งรู้จักแทนที่จะประเคนหมัดใส่โทษฐานบังอาจขึ้นเสียง

    เหมือนที่คนอื่นโดน ช้ำยังเผลอมองใบหน้าจริงจังของอีกฝ่ายเสียเพลิน

     

    เอาละเสร็จแล้ว

     

    พีระพลประกาศด้วยรอยยิ้มหลังจากติดผ้าก๊อตปิดแผลเหนือคิ้วเข้มของเพลิงภพเรียบร้อยแล้ว

    ดวงตาเรียวสำรวจความเรียบร้อยของผลงานของตนบนใบหน้าคมอีกครั้งแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ

    ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลทั้งหลายลงถุงแล้วเก็บเข้ากระเป๋า

     

    รถเมล์ยังไม่มาอีกเหรอ? ช้าจัง

    ร่างโปร่งบ่นอย่างหงุดหงิดนิดๆเมื่อยังไม่เห็นรถเมล์สายที่นั่งประจำผ่านมาทั้งที่เลยเวลามานานแล้ว

     

    ไปแล้วต่างหาก  เป็นเสียงทุ้นจากร่างสูงที่เอย

     

    หา!ไปแล้ว

     

    พีระพลร้องอย่างตกใจ เพราะถ้ารถผ่านไปแล้ว หมายความว่าต้องรออีกเป็นชั่วโมงคันต่อ

    ไปถึงจะมาแล้วเขาก็ต้องกลับบ้านช้าไปด้วย แล้วการบ้านกับรายงานที่ซุ่มเป็นตั้งรอให้ไปจัดการจำทำไงละที่นี้

     

    ก็นายมั่วแต่ก้มหน้าก้มตาทำแผล

     

    เพลิงภพเอยอย่างไม่ทุกข์ ไม่ร้อนทั้งที่ตัวเองเป็นสาเหตุ พีระพลแอบค้อนในใจ เพราะใครกันละ?’

     

    ตาคมมองหน้าบึ้งๆงอนๆเป็นหน้าเป็ดของคนข้างๆที่มองเขาอย่างกล่าวหากลายๆแล้วเด็กหนุ่มร่างสูงก็

    อดขำไม่ได้จนต้องเหยียดยิ้มมุมปาก

     

    ไม่ใช่ความผิดฉันชักหน่อย

     

    ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่

     

    ไม่ว่าแต่บ่นงึมงำสาปแช่งอย่างนี้เนี้ยะนะ เพลิงภพคิดในใจ

     

    ขอบใจ

     

    คำขอบใจจากปากเจ่อเรียกให้คนที่กำลังบ่นอย่างเมามันหันมาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

    แต่ก็ฉีกยิ้มกลับอย่างน้อยก็ยังมีจิตสำนึกรู้จักขอบอกขอบใจคนอื่น

     

    ไม่เป็นไร

     

    จู่ๆร่างสูงก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

     

    หิว

     

    พูดสั้นๆให้ตีความเองอีกแล้ว พีระพลลอบถอนหายใจก่อนจะยิ้มบาง

    ถ้างั้นเราจะตีความเข้าข้างตัวเองละนะ ว่าชวนไปกินข้าวด้วยกัน

     

    รอด้วยสิ หิวเหมือนกัน

     

    ...........................................................................................................................................................................            

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×