คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ฝันและตื่น
“ครับๆได้ครับ”
เสียงไอ้คมคุยโทรศัพท์ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น หากยังคงหลับตานิ่งรับฟังบทสนทนาต่อไป
“ครับ พี่ก็รักน้องมดครับ”
เมื่อไอ้คมลุกจากเตียงแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงลืมตาขึ้น หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของไอ้คมบนพื้น
ใกล้มือขึ้นมาใส่แล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียง
ผมยืนกอดอกพิงขอบประตูด้วยท่าสบายๆ ทอดสายตามองแสงตะวันแรกของวันที่ปลายขอบฟ้าพร้อมกับเสียง
นกน้อยที่เริ่มออกหากิน สายลมเย็นที่พัดผ่านทำให้ต้องกระชับกอดตัวเองให้แน่ขึ้น พลันนึกถึงอ้อมกอดอุ่นของใครบางคน ความร้อนรุ่มยามโอบกอด อุณหภูมิของร่างกายที่พุ่งสูงจนร้อนรุ่มดังไฟแผดเผา
แต่ตอนนี้ผมหนาว.....หนาวเหลือเกิน
หนาวจนอยากร้องไห้.......
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงทุ้มกระซิบถาข้างหูขณะที่แขนแกร่งโอบรัดจากด้านหลัง เรียวปากร้อนที่คลอเคลียข้างแก้ม
แผ่นอกเปล่าเปลือยแนบชิดแผ่นหลังรู้สึกถึงไอเย็นและกลิ่นหอมสะอาดหลังจากการอาบน้ำ
“ใครจะไปนอนกินบ้านกินเมืองอย่างแก ไม่หล่อแล้วยังตื่นสายอีก”
ผมตอบแบบกวนๆ หันกลับไปยิ้มยียวนใส่อาการงอนแก้มป่องเหมือนเด็กๆของไอ้คม
ก่อนจูบรับอรุณแนบเรียวปากอิ่มแผ่วเบา
“มา เช็ดผมให้”
ผมดึงแขนเพื่อนรักที่หัวเปียกโชกแต่ยังหล่อโฮกได้อีกให้นั่งลงหน้าโต๊ะกระจก แล้วหยิบผ้าขนหนูที่พาดบน
บ่าหนามาเช็ดเส้นผมที่เปียกลู่เป็นการเอาใจ พอหมาดก็จัดการเป่าให้แห้งโดยใช้ไดร์เป่าผม
ภายในห้องมีเพียงเสียงครางของเครื่องเป่าผม บ่อยครั้งที่สายตาของผมสบประสานดวงตาคมผ่านกระจกเงา
อืม...ผมชอบจังเวลาที่เห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเหมือนกับความฝัน ผมอยากให้ไอ้คมมันคิดถึงแต่ผม มองแต่ผม
ผมจะเห็นแก่ตัวไปไหมที่คิดอยากให้เวลาหยุดอยู่ในช่วงที่มีเพียงผมกับคนที่ผมรักตลอดไป
“ไอ้เปลเดี๋ยวไปเที่ยวกันมั้ย อยากดูหนังว่ะ”
จู่ๆร่างสูงก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำลายมนตร์ขลังของความเงียบ
“ไป ไปดิ แต่แกเลี้ยงนะ” ตอบอย่างไม่คิด แอบดีใจจะได้ไปเที่ยวกันสองคนละ ฮิๆ
“อืมๆ กูก็เลี้ยงมึงทุกทีแหละ ไม่ต้องยิ้มเลย ดูเรื่องไรดี” ทำเป็นบ่นช่วยไม่ได้ก็มึงรวยนี้
“เรื่อง..... อยากดู” ผมบอกชื่อหนังแนวแฟนตาซีที่กำลังมาแรง อันที่จริงอยากดูเรื่องรักๆแบบโรแมนติก
หวิดหวิวอยู่หรอก แต่ผู้ชายสองคนไปดูหนังรักด้วยกันมันคงดูแปลกๆใช่มั้ย
“ตามใจ เรื่องนั้นก็ได้”
ละแล้วมันก็ต้องตามใจผม แหะๆ ผมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้ไอ้คม
เมื่อตกลงกันได้ แต่งตัวออกจากบ้านโดยรถคันเก่งของคมที่พาเรามาถึงห้างสรรพสินค้า
ในเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อมา จอดรถเสร็จแล้วก็ไปเช็ครอบหนังเป็นอันดับแรก
“หนังเข้าบ่ายสอง ไปหาอะไรกินก่อนมั้ย” ไอ้ควายถึกว่าหลังจากดูโปรแกรมหนังแล้ว
“ก็ดีหิวแล้วเหมือนกัน”
เราสองคนเดินผ่านหน้าร้านเค้ก เค้กน่าตาน่ารักน่าทานหลายหลายรสชาติวางเรียงรายเรียกลูกค้าอยู่ใน
ตู้โชว์หน้าร้านทำให้ผมนึกได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของผมกับเจ้าคมแล้ว เราไม่ได้เกิดวันเดียวกัน
แต่ก็เกือบๆละคือไอ้คมมันเกิดตอน 5ทุ่ม ส่วน ผมเกิดตอนตีหนึ่ง ห่างกันสองชั่งโมงเอง
ตั่งแต่รู้จักกันมาเราฉลองด้วยกันทุกปี พูดให้ถูกคือผมลากมันออกมากินข้าวฉลองวันเกิดด้วยกันทุกปีมากว่า
แต่ปีนี้มันคงไปฉลองกับแฟน
“อยากกินเค้กหรือไง?”
“เปล่า” ผมตอบส่ายหน้าปฏิเสธ
ไอ้คมไม่เคยจำวันเกิดตัวเองได้เลย แล้วยิ่งวันเกิดคนอื่นไม่ต้องพูดถึง
ก็รู้อยู่ว่าความจำมันไม่ดี แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ไอ้ควายซื่อบื่อ
ผมก้มหน้ามองพื้น ถอนหายใจด้วยความเซ็ง
“ปีนี้ฉลองด้วยกันนะ” คมพูดขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองมัน
“หือ?”
“ก็วันเกิดไง ฉลองด้วยกันนะ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย ถือว่ามันสัญญาแล้วนะ
ไอ้ควายถึกก็จูงมือผมออกเดิน
มือหนาอุ่นและนุ่มตามประสาคนไม่เคยทำงานหนัก
ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด วันนี้ผมคงยิ้มไม่หุบแน่นๆ
“พี่คม!”
เสียงหวานเรียกชื่อไอ้คมดังมาจากอีกฟาก เมื่อหันไปพบว่าเจ้าของเสียงเรียกคือ
น้องมด สาวน้อยหน้าใสแต่หุ่นทรมานในชาย หญิงสาวโบกไม้โบกมือจนหน้าอกบิ๊กเปาเด้งดึ้ง
ทำเอาหนุ่มๆแถวนั้นมองตาค้างคอเคล็ดกันเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่คมทั้งรักทั้งหลง
ไอ้คมฉีกยิ้มกว้างเดินเร็วแทบจะวิ่งไปหาหวานใจท่าทางระรี้ระริก
ผมยืนมองคู่รักคุยกันอยู่ห่างๆ
มือหนาที่พึ่งกุมมือผมกำลังกุมมือขาวบอกบางอยู่
มือที่ถูกปล่อยยังอุ่นอยู่
ผมกำมือข้างนั้นหลวมๆ แล้วซุกลงกระเป๋ากางเกง
หวังรักษาไออุ่นนั้นไว้
หมดเวลาของผมแล้วสินะ..........
ทั้งสองเดินจูงมือกลับมาทางผม นึกว่าลืมกันไปแล้วเสียอีก
“สวัสดีค่ะพี่เปล” น้องมดยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเองเพราะเราเคยเจอกันมาบ้างแล้ว
“สวัสดีครับ” ผมยิ้มตอบสาวน้อยคนสวย
“แหม!โชคดีนะคะที่เจอพี่คมกับพี่เปล เพื่อนมดอ่ะเบี้ยวนัดเฉยเลย นี้นึกว่าต้องเดินคนเดียวเสียแล้ว”
แต่พี่ว่าถ้าน้องกลับไปเดินช๊อปฯลัลล้าคนเดียว พี่จะขอบคุณมากๆเลย จริงๆนะ น้องมด เฮ้ย~
“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนเหอะ น้องมดอยากทานอะไรครับ”
ไอ้คมชวนแล้วถามแฟนสาวที่ควงแขนมันอยู่เอาใจ
“น้องมดอยากทาน..........”
สองคนควงกันเดินนำไป ผมจึงจำต้องเดินตามหลังอย่างเซ็งๆ
จากที่คิดว่ามาเที่ยวกันสองคนกลายเป็นว่ามีน้องมดมาเพิ่มอีกคนกลายเป็นสาม
นั่งทานข้าวกันสามคนแท้ๆแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่คนเดียว
ต้องทนฟังทนมองคู่รักเขาหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
ต้องแสร้งหัวเราะแกล้งยิ้มเหมือนมีความสุขไปกับเขา
แต่.......ใครจะรู้ว่าตลอดเวลามันแสนจะอึดอัดและเจ็บปวด
คนๆหนึ่งกำลังยิ้ม...ทั้งน้ำตา
หัวเราะแทน.....เสียงสะอื้น
คมกูอยู่ตรงนี้ช่วยมองกูหน่อยได้มั้ย
หันมาทางนี้บ้างสิ
ทั้งที่ตอนอยู่กับสองคนสายตานั้นมองแต่ผมแท้ๆ
มือนั้นจับมือผม แขนนั้นกอดผม ที่ตรงข้างๆร่างสูงนั้นเป็นของผม
แต่....ตอนนี้มันไม่ใช่
หรือ.....มันไม่เคยใช่
เป็นผมที่คิดไปเอง......ฝันไปเอง........
จึงต้องมาทนรับความเจ็บปวดเมื่อถูกปลุกสู้โลกแห่งความเป็นจริง
โลกที่ผมกับคมเป็นเพียงเพื่อนสนิท
และมันมีผู้หญิงที่คู่ควรอยู่ข้างกาย
TBC
ความคิดเห็น