ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Bedmate (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ฝันและตื่น

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 53


     ครับๆได้ครับ

     

    เสียงไอ้คมคุยโทรศัพท์ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น หากยังคงหลับตานิ่งรับฟังบทสนทนาต่อไป

     

    ครับ พี่ก็รักน้องมดครับ

     

    เมื่อไอ้คมลุกจากเตียงแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงลืมตาขึ้น หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของไอ้คมบนพื้น

    ใกล้มือขึ้นมาใส่แล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียง

     

    ผมยืนกอดอกพิงขอบประตูด้วยท่าสบายๆ ทอดสายตามองแสงตะวันแรกของวันที่ปลายขอบฟ้าพร้อมกับเสียง

    นกน้อยที่เริ่มออกหากิน สายลมเย็นที่พัดผ่านทำให้ต้องกระชับกอดตัวเองให้แน่ขึ้น พลันนึกถึงอ้อมกอดอุ่นของใครบางคน ความร้อนรุ่มยามโอบกอด อุณหภูมิของร่างกายที่พุ่งสูงจนร้อนรุ่มดังไฟแผดเผา

     

    แต่ตอนนี้ผมหนาว.....หนาวเหลือเกิน

     

     

    หนาวจนอยากร้องไห้.......

     

     

    ตื่นแล้วเหรอ?”

     

    เสียงทุ้มกระซิบถาข้างหูขณะที่แขนแกร่งโอบรัดจากด้านหลัง เรียวปากร้อนที่คลอเคลียข้างแก้ม

    แผ่นอกเปล่าเปลือยแนบชิดแผ่นหลังรู้สึกถึงไอเย็นและกลิ่นหอมสะอาดหลังจากการอาบน้ำ

     

    ใครจะไปนอนกินบ้านกินเมืองอย่างแก ไม่หล่อแล้วยังตื่นสายอีก

     

    ผมตอบแบบกวนๆ  หันกลับไปยิ้มยียวนใส่อาการงอนแก้มป่องเหมือนเด็กๆของไอ้คม

    ก่อนจูบรับอรุณแนบเรียวปากอิ่มแผ่วเบา

     

    มา เช็ดผมให้

     

    ผมดึงแขนเพื่อนรักที่หัวเปียกโชกแต่ยังหล่อโฮกได้อีกให้นั่งลงหน้าโต๊ะกระจก แล้วหยิบผ้าขนหนูที่พาดบน

    บ่าหนามาเช็ดเส้นผมที่เปียกลู่เป็นการเอาใจ พอหมาดก็จัดการเป่าให้แห้งโดยใช้ไดร์เป่าผม

     

    ภายในห้องมีเพียงเสียงครางของเครื่องเป่าผม บ่อยครั้งที่สายตาของผมสบประสานดวงตาคมผ่านกระจกเงา

     

    อืม...ผมชอบจังเวลาที่เห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

     

    ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเหมือนกับความฝัน ผมอยากให้ไอ้คมมันคิดถึงแต่ผม มองแต่ผม

    ผมจะเห็นแก่ตัวไปไหมที่คิดอยากให้เวลาหยุดอยู่ในช่วงที่มีเพียงผมกับคนที่ผมรักตลอดไป

    ไอ้เปลเดี๋ยวไปเที่ยวกันมั้ย อยากดูหนังว่ะ

    จู่ๆร่างสูงก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำลายมนตร์ขลังของความเงียบ

     

    ไป ไปดิ แต่แกเลี้ยงนะตอบอย่างไม่คิด แอบดีใจจะได้ไปเที่ยวกันสองคนละ ฮิๆ

     

    อืมๆ กูก็เลี้ยงมึงทุกทีแหละ ไม่ต้องยิ้มเลย ดูเรื่องไรดีทำเป็นบ่นช่วยไม่ได้ก็มึงรวยนี้

     

    เรื่อง..... อยากดูผมบอกชื่อหนังแนวแฟนตาซีที่กำลังมาแรง อันที่จริงอยากดูเรื่องรักๆแบบโรแมนติก

    หวิดหวิวอยู่หรอก แต่ผู้ชายสองคนไปดูหนังรักด้วยกันมันคงดูแปลกๆใช่มั้ย

     

    ตามใจ เรื่องนั้นก็ได้

     

    ละแล้วมันก็ต้องตามใจผม แหะๆ ผมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้ไอ้คม

     

    เมื่อตกลงกันได้ แต่งตัวออกจากบ้านโดยรถคันเก่งของคมที่พาเรามาถึงห้างสรรพสินค้า

    ในเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อมา จอดรถเสร็จแล้วก็ไปเช็ครอบหนังเป็นอันดับแรก

     

    หนังเข้าบ่ายสอง ไปหาอะไรกินก่อนมั้ยไอ้ควายถึกว่าหลังจากดูโปรแกรมหนังแล้ว

     

    ก็ดีหิวแล้วเหมือนกัน

     

    เราสองคนเดินผ่านหน้าร้านเค้ก เค้กน่าตาน่ารักน่าทานหลายหลายรสชาติวางเรียงรายเรียกลูกค้าอยู่ใน

    ตู้โชว์หน้าร้านทำให้ผมนึกได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของผมกับเจ้าคมแล้ว เราไม่ได้เกิดวันเดียวกัน

    แต่ก็เกือบๆละคือไอ้คมมันเกิดตอน 5ทุ่ม ส่วน ผมเกิดตอนตีหนึ่ง ห่างกันสองชั่งโมงเอง

    ตั่งแต่รู้จักกันมาเราฉลองด้วยกันทุกปี พูดให้ถูกคือผมลากมันออกมากินข้าวฉลองวันเกิดด้วยกันทุกปีมากว่า

    แต่ปีนี้มันคงไปฉลองกับแฟน

     

    อยากกินเค้กหรือไง?”

     

    เปล่าผมตอบส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    ไอ้คมไม่เคยจำวันเกิดตัวเองได้เลย แล้วยิ่งวันเกิดคนอื่นไม่ต้องพูดถึง

    ก็รู้อยู่ว่าความจำมันไม่ดี แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ไอ้ควายซื่อบื่อ

    ผมก้มหน้ามองพื้น ถอนหายใจด้วยความเซ็ง

     

    ปีนี้ฉลองด้วยกันนะคมพูดขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองมัน

     

    หือ?”

     

    ก็วันเกิดไง ฉลองด้วยกันนะ

     

    ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย ถือว่ามันสัญญาแล้วนะ

     

    ไอ้ควายถึกก็จูงมือผมออกเดิน

    มือหนาอุ่นและนุ่มตามประสาคนไม่เคยทำงานหนัก

    ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด วันนี้ผมคงยิ้มไม่หุบแน่นๆ

     

     

    พี่คม!

     

    เสียงหวานเรียกชื่อไอ้คมดังมาจากอีกฟาก เมื่อหันไปพบว่าเจ้าของเสียงเรียกคือ

    น้องมด สาวน้อยหน้าใสแต่หุ่นทรมานในชาย หญิงสาวโบกไม้โบกมือจนหน้าอกบิ๊กเปาเด้งดึ้ง

    ทำเอาหนุ่มๆแถวนั้นมองตาค้างคอเคล็ดกันเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่คมทั้งรักทั้งหลง

     

               

    ไอ้คมฉีกยิ้มกว้างเดินเร็วแทบจะวิ่งไปหาหวานใจท่าทางระรี้ระริก

     

    ผมยืนมองคู่รักคุยกันอยู่ห่างๆ

    มือหนาที่พึ่งกุมมือผมกำลังกุมมือขาวบอกบางอยู่

    มือที่ถูกปล่อยยังอุ่นอยู่

    ผมกำมือข้างนั้นหลวมๆ แล้วซุกลงกระเป๋ากางเกง

    หวังรักษาไออุ่นนั้นไว้

    หมดเวลาของผมแล้วสินะ..........

     

     

    ทั้งสองเดินจูงมือกลับมาทางผม นึกว่าลืมกันไปแล้วเสียอีก

     

    สวัสดีค่ะพี่เปล น้องมดยิ้มทักทายผมอย่างเป็นกันเองเพราะเราเคยเจอกันมาบ้างแล้ว

     

    สวัสดีครับผมยิ้มตอบสาวน้อยคนสวย

     

    แหม!โชคดีนะคะที่เจอพี่คมกับพี่เปล เพื่อนมดอ่ะเบี้ยวนัดเฉยเลย นี้นึกว่าต้องเดินคนเดียวเสียแล้ว

     

    แต่พี่ว่าถ้าน้องกลับไปเดินช๊อปฯลัลล้าคนเดียว พี่จะขอบคุณมากๆเลย จริงๆนะ น้องมด เฮ้ย~

     

    งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนเหอะ น้องมดอยากทานอะไรครับ

    ไอ้คมชวนแล้วถามแฟนสาวที่ควงแขนมันอยู่เอาใจ

     

    น้องมดอยากทาน..........

     

    สองคนควงกันเดินนำไป ผมจึงจำต้องเดินตามหลังอย่างเซ็งๆ

     

    จากที่คิดว่ามาเที่ยวกันสองคนกลายเป็นว่ามีน้องมดมาเพิ่มอีกคนกลายเป็นสาม

    นั่งทานข้าวกันสามคนแท้ๆแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่คนเดียว

    ต้องทนฟังทนมองคู่รักเขาหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

    ต้องแสร้งหัวเราะแกล้งยิ้มเหมือนมีความสุขไปกับเขา

     

    แต่.......ใครจะรู้ว่าตลอดเวลามันแสนจะอึดอัดและเจ็บปวด

    คนๆหนึ่งกำลังยิ้ม...ทั้งน้ำตา

    หัวเราะแทน.....เสียงสะอื้น

    คมกูอยู่ตรงนี้ช่วยมองกูหน่อยได้มั้ย

    หันมาทางนี้บ้างสิ

     

    ทั้งที่ตอนอยู่กับสองคนสายตานั้นมองแต่ผมแท้ๆ

    มือนั้นจับมือผม แขนนั้นกอดผม ที่ตรงข้างๆร่างสูงนั้นเป็นของผม

     

    แต่....ตอนนี้มันไม่ใช่

    หรือ.....มันไม่เคยใช่

     

    เป็นผมที่คิดไปเอง......ฝันไปเอง........

    จึงต้องมาทนรับความเจ็บปวดเมื่อถูกปลุกสู้โลกแห่งความเป็นจริง

     

    โลกที่ผมกับคมเป็นเพียงเพื่อนสนิท

    และมันมีผู้หญิงที่คู่ควรอยู่ข้างกาย

    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×