คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : (Short story ตังค์xโจ) ลอยกระทง.....งานนี้ต้องโทษพระจันทร์เต็มดวง!
ลอยกระทง.....งานนี้ต้องโทษพระจันทร์เต็มดวง!
วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตาหลิ่ง พวกเราทั้งหลายชายหญิงสนุกกันจริงวันลอยกระทง~
เสียงเพลงบ่งบอกถึงเทศกาลที่กำลังเกิดขึ้นดังแว่วมาจากวิทยุเครื่องเล็กของร้านขายกระทงที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง
บริเวณท่าน้ำหน้าตลาดวโรรส หรือ กาดหลวงของชาวเชียงใหม่ ซึ่งเวลานี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนหลากหลายที่พากันมาร่วมเทศกาลลอยกระทง บางมาเป็นครอบครัว บางมากับคนรัก หรือกลุ่มเพื่อนที่พากันเฮฮาตามภาษาวัยรุ่น
โดยไม่หวั่นกับอากาศที่หนาวเย็นแต่อย่างใด
พิทวัส หรือโจ มองภาพความสนุกสนานตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน ดวงตาเรียวเล็กตามเชื้อสายจีนเปล่งประกายอย่างเด็กเล็กๆที่รักสนุก โจชอบงานรื่นเริงทุกประเภทมีความสุขที่ได้พบปะผู้คนจึงไม่แปลกที่ใครๆเรียกเขาว่าเป็นหนุ่มสังคม ผิดกลับเพื่อนรักอย่างเตสิทธิ์ที่ชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆ อย่างตอนนี้เจ้าตัวก็เดินตามเข้าอย่างเงียบๆเหมือนอย่างทุกครั้งที่โดนเขาตามลากตามฉุดไปไหนมาไหนด้วย
พิทวัสรู้ว่าเพื่อนรักไม่ชอบเข้าสังคมไม่ถนัดในการพบปะผู้คนแต่ทุกครั้งที่เขาขอร้อง(แกมบังคับ)ให้เตสิทธิ์ไปเป็นเพื่อนแม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ชอบใจแต่ก็ไม่เคยมีคำปฏิเสธมาให้เคืองเลยสักครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกันพอบอกว่าอยากมาเที่ยวงานลอยกระทงที่เชียงใหม่ ตอนแรกเจ้าเพื่อนรักก็ทำเป็นบ่น สุดท้ายก็เป็นมันนั้นแหละจองตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ให้เสร็จสรรพ พร้อมที่พักอย่างหรู แถมฟรีอีกต่างหาก อะไรมันจะสบายขนาดนี้ คราวหน้าให้พาไปทัวร์ยุโรปท่าจะดี
พิทวัสนึกขำๆ มองไปทางร่างสูงของเพื่อนรักใบหน้าหล่อเหล่ากระชายใจสาว(และชาย)ยังคงนิ่งสนิทติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คน เจ้าตัวคงไม่รู้ไอ้ที่เบียดๆนะเขาตั้งใจมาเบียดทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่ใบหน้า รูปร่างสูงสมส่วนภายใต้เสื้อไหมพรมคอเต่าสีดำทับด้วยเสื้อกันหนาวสีน้ำตาล กางเกงยีนส์สีซีด
นั้นก็ชวนมองไม่แพ้กัน
“ขำอะไรไอ้โจ!”
เพื่อนรักถามน้ำเสียงหาเรื่อง หน้าตาบ่งบอกมากว่าไม่สบอารมณ์
“เปล่า ไม่ได้ขำสักหน่อย” โจบอกเสียงสูงพลางยักไหล่
เพราะมั่วแต่ต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนรักโจจึงไม่ทันเห็นว่ามีคนจุดประทัดเล่นตรงทางที่พวกเขากำลังจะเดินผ่าน
“ระวัง!”
ร่างสองร่างแนบชิดกันด้วยแรงดึงของเตสิทธิ์ สองสายตาประสานกันในเวลาสั้นๆ แว่วเสียงหัวใจใครบางคนเต้นดังตึกตักแข่งกับเสียงประทัด ก่อนพิทวัสจะเป็นฝ่ายถอยออกมาส่งยิ้มขอบคุณให้เพื่อนรัก
“ขอบใจว่ะ ตังค์”
อีกแล้ว
ใจเต้นอีกแล้ว
โจหนุ่มตี๋หน้าขาวเดินคิ้วขมวดเดินนำหน้าเพื่อน ด้วยความสับสนใจในอาการแปลกๆของตน
พักหลังๆนี้เขามักจะใจเต้นยามเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับไอ้ตังค์เพื่อนรักที่สนิทกันมานาน มันเหมือนกับตอนที่เขารู้สึกยามอยู่ใกล้กับสาวน้อยที่เป็นรักครั้งแรก
แต่นี้....กับเพื่อนรัก....ที่เป็นผู้ชาย
หลายปีดีดักที่คบกันมาไม่ยักจะเป็น หรือเพราะช่วงหลังๆมานี้ไอ้ตังค์มันชอบทำตัวแปลกๆ
“จะรีบเดินไปไหน เดี๋ยวก็หลงหรอก!”
เสียงทุ้มดังมาจากข้างตัวพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆจากมือเจ้าของเสียงที่กอบกุมมือเขาไว้
นี้ไงที่ว่ามันทำตัวแปลกๆ จับมือ โอบไหล่ โอบเอวเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะถ้ามีใครแปลกหน้าเข้ามาคุยกับเขาล่ะก็
ไอ้เพื่อนรักเป็นต้องมายืนขนาบทันทีราวคู่ปาท๋องโกทันที
แล้วยัง......
“หนาวเหรอมือเย็นหมดแล้ว บอกให้ใส่ถุงมือก็ไม่เชื่อ”
ว่าแล้วมือของเขากับมือของมันก็หายเข้าไปซุกในกระเป๋าเสื้อกันหนาวอุ่นๆของคนพูด
เอาใจใส่ อ่อนโยนเป็นพิเศษในบ้างครั้ง
คนโดนขโมยมือ(?)หันไปมองหน้าหัวขโมยด้วยความสับสนมึนงงในหัวใจ ใบหน้าหัวขโมยยังคงความสงบ
ไร้สึกสิ่งแสดงความรู้สึกใดๆ ตรงข้ามกับคนมองที่รู้สึกร้อนๆที่บริเวณใบหน้า
ถึงไม่มีใครสังเกตแต่ท่ามกลางผู้คน ผู้ชายสองคนมาเดินจับมือกันมันก็....นะ
“มีไรมองหน้าอยู่ได้ เดี๋ยวก็จูบเสียหรอก”
นี้ก็อีกคำพูดแปลกๆ อืม...มันหมายความว่าไง?
แน่จริงก็จูบเลยดิ ง่ะ! คิดอะไรออกไป
“บ้า! แค่จะบอกว่าอยากได้กระทง จะลอยกระทง”
ก็แก้ตัวกันไป แต่เห็นคุณป้านั่งขายกระทงอยู่ไม่ไกลเลยเดินไปอุดหนุดกระทงใบตองสวยมาอันหนึ่ง
ควักตังค์จ่ายแบบไม่รอเงินทอน แล้วเดินตรงไปที่ท่าน้ำไม่ได้สนใจอีกคนที่ตามมา
ร่างสูงโปร่งของอาตี๋โจนั่งลงยกกระทกพนมมือตั้งจิตอธิฐานขออภัยต่อเจ้าแม่คงคาร่วมทั้งขอพรให้ชีวิตมีความสุขปลดความทุกข์ให้ลอยไปกับกระทง กำลังจะปล่อยกระทงน้อยลงน้ำ แต่มือใครบางคนกับหยุดไว้เสียก่อน
ไอ้เพื่อนตังค์จุดไฟแช็กเกิดเปลวไฟสีส้มก่อนจะจุดธูปและเทียนบนกระทงให้สว่าง
“ก่อนลอยเขาต้องจุดธูปเทียนก่อนไม่รู้หรือไง?”
“ก็ไม่รู้นิ” พอดีไม่ใช่คนแถวนี้อ่ะ
“แล้วมึงไม่ลอยเหรอ?” เห็นอีกคนไม่มีกระทงในมือจึงเอยถามด้วยความสงสัย
“อันเดียวก็พอแล้ว เดี๋ยวนี้เขารณรงค์ลดโลกร้อน ครอบครัวเดียวลอยอันเดียวก็พอ ช่วยกันลดขยะไง”
อืม....มีเหตุผล
แต่...กูเป็นครอบครัวเดียวกับมึงตั่งแต่เมื่อไรว่ะ
“ไม่อยากเปลืองเงินซื้อก็บอกมาเถอะ”
เขาว่า ไอ้เพื่อนตัวดีหัวเราะเบาๆอย่างที่มันชอบทำเวลาแกล้งยั่วเขาได้
ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงเดียวจะไม่ทันได้ลอยกระทงแต่จะถีบคนลงน้ำแทน
สองเราจึงช่วยกันประคองกระทงน้อยลงน้ำ
กระแสน้ำพัดพาเจ้ากระทงน้อยลอยไปตามน้ำตามกระทงอื่น แสงจากเปลวเทียนสะท้องในท้องน้ำ
ระยิบระยับดูสวยงามน่าดูยิ่งนัก เงยหน้ามองบนฟ้าก็เขาปล่อยโคมลอยกันเต็มไปหมดแทนที่ดวงดาวที่ถูกกลบด้วงแสงของพระจันทร์เต็มดวงชวนมองกระจ่างตา คุ้มค่าอุตส่าห์ที่ถ่อมาถึงเชียงใหม่
หันไปมองคนข้าง ดวงตาสีนิลกลับจ้องอยู่แล้ว แสงจันทร์สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่สวยส่องประกายวิบวับไม่เหลือแววดุดันเช่นเคยกับมีบางสิ่งสื่อมาให้ใบหน้าคนมองร้อนผ่าวจนต้องหลบตา แต่นิ้วเรียวกับจับปลายคางไว้ให้ริมฝีปากบางเฉียบโฉบลงมาแนบกับปากสีสดแล้วผละอย่างรวดเร็ว จนคุณอาจพลาดหากกระพริบตา
แม้แต่คนโดนจุ๊บเองยังงงเบลอ เหมือนอาการไฟตกที่อยู่ๆก็วูบแล้วก็กลับมาปกติอย่างรวดเร็ว
“ลอยกระทงเสร็จแล้วกลับกันเถอะ ง่วงแล้วว่ะ”
ไอ้ตังค์เอยชวน
ด้วยความมึนๆงงๆจึงพยักหน้าตอบตกลงกลับแต่โดยดี
เราเดินกลับโรงแรมผ่านถนนไนส์บาร์ซ่า ที่คึกคักได้ด้วยร้านร่วงและผู้คนนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ
จนกระทั้งถึงที่พักซึ่งตั้งอยู่ในยานการค้านี้เอง เข้าห้องได้ไอ้เพื่อนรักก็ทิ้งตัวนอนทันที
ส่วนโจยังมีเรื่องคาใจให้ต้องถามเพื่อนรักให้รู้เรื่องก่อน อาตี๋ยืนนิ่งจ้องมองเพื่อนอยู่เป็นนาน เกิดอาการอยากรู้แต่ไม่อยากถามขึ้นมาเสียงั้น จนคนโดนจ้องเองที่ทนไม่ไว้
เตสิทธิ์ลุกขึ้นนั่งดวงตาคมดุมองเพื่อนรักที่หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนถ่ายไม่ออกมาหลายวัน
“มีไรว่ามา ไอ้โจจ้องอยู่ได้หลับไม่ลงเลย”
ง่ะ มีไรเหรอ? ไอ้มีมันก็มีหรอกนะ แต่ถามไปมันจะดีเหรอ? ถามดี ไม่ถามดี
ถามไปให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า ไม่ชอบอะไรที่มันค้างๆคาๆ
“ที่ท่าน้ำ มึง...จ...จูบกูทำไม”
สิ้นคำถามบังเกิดความเงียบชั่วขณะ
“เพราะพระจันทร์เต็มดวงไง”
หนุ่มหล่อตาดุตอบก่อนจะกลับไปนอนหลับเหมือนเดิม
เป็นคำตอบที่ช่วยให้ความกระจ่างมากทีเดียว กระจ่างมากๆ กระจ่างเสียจน โจอยากบีบคอคนตอบให้ตายไปเลย
เพราะพระจันทร์เต็มดวง!
งั้นที่กูใจเต้นแปลกๆกับมึงก็เพราะพระจันทร์เต็มดวงใช่มั้ย?
ที่กูเห็นมึงอบอุ่นอ่อนโยนเนี้ยะก็เพราะพระจันทร์เต็มดวงใช่หรือเปล่า?
ไอ้ตังค์
สรุปว่า........งานนี้ต้องโทษพระจันทร์เต็มดวง!
จบ!
ความคิดเห็น