คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : (Short story เพลิงภพxพีระพล) Bus...Stop ต่อครั้งที่ 6
แสงแดดยามสายเริ่มแรงจนอากาศภายในห้องเล็กร้อนขึ้น ส่งผลให้เจ้าของห้องที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง
รู้สึกตัวตื่นขึ้นอย่างไม่สบายตัวนัก ดวงตาคมดุค่อยลืมขึ้นก่อนกระพริบไล่ความง่วงที่ยังหลงเหลืออยู่ แล้วเริ่ม
ปรับรับภาพเข้าสู้สมอง
ภาพแรกของวันที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจด้วยความตะหนกเมื่อพบใบหน้าใสของผู้ร่วมเตียงอยู่ห่างเพียง
ไม่กี่เซนฯ ที่สำคัญมือของเขากำลังพาดอยู่บนเอวของคนที่ยังนอนรับอยู่ทั้งลำตัวตลอดจนต้นขาแนบชิดแทบ
ไร้ช่องว่างเหมือนเขากำลังกอดอีกฝ่ายอยู่ไม่มีผิด โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ
สภาพล่อแหลมทำให้หัวใจหนุ่มเต้นตึกตัก
เด็กหนุ่มเจ้าของห้องค่อยๆยกแขนออกอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนคนหลับ แล้วจึงใช้มันยันตัวขึ้นตั้งใจลุกออกจากที่นอน แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจล้มตัวลงนอนตะแขงมองใบหน้าหลับใหลอย่างมีความสุขจนน่าอิจฉาแทน
เพลิงภพใช้ช่วงเวลาที่อีกคนยังไม่มีท่าที่จะรู้สึกตัวพิจารณาใบรูปไข่ที่รายล้อมด้วยเส้นผมสีดำสะเอียดได้เต็มที่ เริ่มจากคิ้วเรียวราวใช้ผู่กันวาดพาดเหนือดวงตาเรียวสีน้ำตาลคู่สวยยังถูกบดบังด้วยเปลือกตาบาง จมูกเรียวได้รู้รับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสีอ่อนที่เมื่อจะยกยิ้มน้อยๆอย่างน่ามอง ท่าทางไร้เดียงสาราวกับเด็กทารก
คนๆนี้คือคนเดียวกับคนที่วิ่งฝ่าอันตรายกลางวงวิวาทมาหาเขาโดยไม่ห่วงตัวเอง
ดวงตาเรียวสีน้ำตาลที่แววชัดถึงความห่วงใยที่มากล้น
รู้ทั้งรู้ว่าอันตรายยังดื้อดึงเข้ามาจนได้ ห้ามก็ไม่ฟัง รั้นเกินคาด
น่าโมโหเป็นที่สุดแต่...โกธรไม่ลง
“ไอ้ตัวยุ่งเอย”
เพลิงภพอดนึกเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ จ้องอยู่นานก็ไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวตื่นสักทีจนกระทั้งเสียงโทรศัพท์มือถือดังเป็นทำนองเพลงร๊อคทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบมันจากหัวเตียง คิ้วหนาขมวดเครียดดวงตาคมไหววูบเมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามา เพลิงภพลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกที่ระเบียงก่อนจะกดรับ
“ฮาโหล”
‘อ้า! ไฟ นี้พี่เองนะ’ เสียงปลายสายตอบกลับมา
“อืม มีอะไรหรือเปล่า?” เพลิงภพเอยถามเสียงเรียบติดเย็นชา
‘คือว่า...คุณพ่อให้โทรมาบอกว่าวันนี้ เราจะจัดงานวันเกิดให้ผึ้งกับต่อ แล้ว...เออ ...
คุณพ่อคุณแม่อยากให้ไฟมารวมงานด้วย ...ถ้าไฟว่าง เทียนกับเหม่ยคงดีมากถ้าไฟมา’
“....”
‘ไฟ...’
“รู้แล้ว แค่กลับไปวันนี้ก็พอใช่มั้ย? แค่นี้นะ”
เด็กหนุ่มสรุปแล้วตัดสายโดยไม่รอฟังอีกฝ่าย เพลิงภพทรุดนั่งกับพื้นเหม่อเอนหลังผิงกำแพง
คล้ายคนอ่อนแรง ดวงคมดูหม่นหม่องเมื่อถึงบ้าน
บ้านของเพลิงภพในอดีตคือตึกแถวเล็กๆที่เปิดเป็นร้านขายของชำด้านล่าง มีสมาชิกสามคนคือพ่อแม่และตัวเขา
อยู่กันอย่างอบอุ่น สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินแข็งขันพร้อมกับทุมเทความรักให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวของพวกเขา จากห้องแถวเล็กขยายเป็นมินิมาร์คทันสมัย เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวเล็กนี้มีความสุขที่สุด
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อแม่ของเพลิงต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุ ผู้เป็นพ่อซึ่งโศกเศร้าสียใจกับการจากไปของภรรยาหันไปทุมเทเวลาให้กับการทำงานอย่างหนักแทบไม่พักไม่ผ่อน หรือไม่ก็ต้องออกไปสังสรรค์จนดึกดื่นทุกคืน เพลิงภพทุกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำและแทบไม่ได้กลับบ้านแม้จะเป็นวันหยุดเขาก็มักต้องอยู่ที่หออย่างเหงาหงอย
จนกระทั้งเมื่อสามปีก่อนขณะที่เพลิงภพอายุ 14 ย่าง15 พ่อของเขาก็พาผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กชายคนหนึ่ง
มาแนะนำในฐานะแม่คนใหม่และพี่ชายคนใหม่ตามกฎหมาย
เพลิงไม่ได้ขัดค้านหรือรังเกียจการแต่งงานใหม่ของผู้เป็นพ่อ แต่กระนั้นก็ยังทำใจรับครอบครัวใหม่ไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของบ้านยิ่งเมื่อมีน้องฝาแฝดเกิดขึ้นมาตอกย้ำว่าเขาเป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้โดยสมบูรณ์
นอนจากนั้น เขายัง...........
เพลิงภพถอนหายใจหยิบซองบุหรี่ที่วางทิ้งไว้แถวนั้นขึ้นมา คาบไว้ในปากม้วนหนึ่งก่อนจะจุดไฟด้วยไฟแช็ก
ก่อนเขาปล่อยควันบางเบาให้ล่องลอยไปในอากาศอย่างไร้จุดหมาย
พีระพลตื่นแล้วเมื่อเพลิงภพกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิหน้าตาเร่อราอยู่บนเตียงที่จัดเก็บอย่างเรียบร้อย ใบหน้าใสหันมาส่งยิ้มให้เจ้าของห้อง
“อรุณสวัส”
“อืม”
ตอบสั่นด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างคนที่อารมณ์ยังไม่เข้าที่ดีแล้วร่างสูงก็เลิกทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ
บรรยากาศอึ้มครึ้มรอบตัวเพลิงพลแผ่ไปทั่วห้องจนพีระพลรู้สึกอึดอัด
“อืม...เรากลับก่อนนะ ปานนี้ที่บ้านเป็นห่วงแย่แล้ว”
พีระพลเอยพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าใบเก่งขึ้นสะพายบ่า ด้วยคิดว่าเวลานี้เพลิงพลคงอยากอยู่ลำพัง
ร่างสูงเพียงพยักหน้าแสดงการรับรู้โดยที่ไม่ได้หันมามองอีกคน
หากขณะที่พีระพลเปิดประตูออกเพื่อออกจากห้องนั้นกลับถูกรั้งไว้ด้วยเสียงทุ้มของเจ้าของห้อง
“วันศุกร์นี้ว่างหรือเปล่า? เรามีเรื่องขอร้อง.........”
พีระพลถึงกลับนิ่งอึ้งเมื่อหันกลับไปสบสายตาคมดุของเพลิงภพถ่ายทอดความเศร้า เหงาและหวาดกลัวมากมาย
โดยที่แม้แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว เหมือนแววตาของเด็กหลงทางที่หวาดกลัว แล้วอย่างนี้ใครจะปฏิเสธได้ลง
“อา...อืม”
...........................................................................................................................................................................
เรื่องที่เพลิงภพขอร้องพีระพลให้มาเป็นเพื่อนในงานวันเกิดของน้องๆเพลิงภพนั้นเอง ด้วยเหตุนี้พีระพลจึง
นั่งเคียงข้างร่างสูงอยู่ในรถแท็กซี่ซึ่งมุ่งหน้าไปทางชานเมืองหลังจากแวะซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตาหมีมาสองตัวที่วาง
คั้นกลางระหว่างสองหนุ่ม ตลอดทางทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเมื่อเพลิงภพเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
พีระพลจึงได้แต่นั่งเงียบๆ จนกระทั้งถึงที่หมาย.....
เป็นตึกแถวห้าคู่หาที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายของมินิมาร์คขนาดใหญ่ที่ชั้นล่าง ส่วนด้านบนเป็นที่พักอาศัย
ของครอบครัวเจ้าของ ลงรถจ้างเงินแล้วเพลิงภพก็พาพีระพลเดินเข้าไปด้านในร้าน
“พี่อินป๋ากับน้ารินละ”
เพลิงภพเอยถามพนักงานสาววัยยี่สิบที่ยืนคิดเงินอยู่ที่เคาร์เตอร์
“ อ้าว! คุณเพลิงภพ เฮียอยู่ข้างบนข้างค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างร่าเริงพร้อมรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้ก็จะหันมาชวนพีระพลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไปกันเถอะ”
เพลิงภพเดินไปจนลึกสุดของร้านเปิดประตูที่ห้ามบุคคลนอกเข้าด้านหลังเป็นโกดังเก็บห้องและออฟฟิตเล็กที่ดูเรียบร้อยทันมัยพอสมควรทั้งสองเดินขึ้นบันได้ขึ้นไปชั้นบนที่ถูกดัดแปลงตกแต่งให้เป็นบ้านที่กว้างขวางที่เดียว
ห้องแรกเป็นห้องนั่งเล่นควบห้องรับแขน พร้อมทั้งห้องทานอาหารถัดไปเป็นห้องครัวและอื่นๆ ส่วนห้องนอนทั้งหมดอยู่ชั้นสาม ด้านการตกแต่งออกแนวจีนตามเชื้อสายของเจ้าของบ้าน
“โกไฟ!”
เสียงแหลมเล็กร้องดังลั่นพร้อมกับเจ้าของเสียงตัวเล็กจ๋อยสองร่างวิ่งเข้าใส่ร่างสูงของเพลิงภพราวพายุ
จนเด็กหนุ่มเกือบตั้งรับไม่ทัน
“ว่าไง!ไอ้ตัวยุ่งทั้งสอง”
เพลิงภพก้มลงหอมแก้มเด็กน้อยที่เหมือนกันราวกับแกะทั้งสองอย่างเอ็นดูก่อนจะอุ้มไว้คนละข้าง
แล้วจึงแนะนำพีระพลให้รู้จักกับเด็กน้อยทั้งสอง
“หวัดดี!เพื่อนเฮียก่อน โกพี”
“สวัสดีครับ/ค่ะ” สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะฉีกกว้างจนยิ้มตาหยีให้
โกพีตามที่ได้รับการแนะนำ
“นี้น้องชายกับน้องสาวเรา อาเทียนกับอาเหม่ย”
“สวัสดีครับ” พีระพลยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดู
เพลิงภพพาทั้งหมดไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกก่อนจะมอบของขวัญให้แก่น้องๆที่ร้องกรีดกร๊าดตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ตามประสาเด็กเรียกให้หญิงสาวผู้เป็นมารดาของเด็กทั้งสองผละออกครัวมาดู
“ส่งเสียงเอะอะอะไรกันจ๊ะเด็กๆ”
เสียวหวานเอยพร้อมๆร่างอรชลของหญิงสาววัยสี่สิบที่ยังสาวและสวยราวสาววัยสามสิบต้นๆก่อน ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่งอสำอางค์ชั้นดีชะงักไปเมื่อเห็นผู้มาเยียนก่อนเปลี่ยนรอยยิ้มยินดี
อาเหม๋ยรีบเอาตุ๊กตาตัวใหม่ไปอวดทันที
“ม๋าม๋าๆ โกไฟให้เหม๋ยล่ะ น่ารักมั้ย?” หญิงสาวยิ้มให้บุตรสาว
“จ๊ะน่ารักมากจ๊ะ”
“ของเทียนก็มีนะ” แฝดอีกคนรีบอวดบ้าง
“จ๊ะๆ ได้ทั้งคู่เลย แล้วขอบคุณโกหรือยัง? หืม?”
เด็กน้อยทั้งสองทำยิ้มแหยก่อนจะวิ่งกลับมาหาเพลิงภพแล้วกล่าวขอบคุณอย่างพร้อมเพียง
“ขอบคุณครับ /ค่ะโกไฟ”
“ขอบใจที่มานะจ๊ะไฟ”
วารินหรือน้ารินตามที่เพลิงภพเรียกเอยกับเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของเธอเมื่อพาร่างบองบางมานั่ง
เก้าอี้เดียวถัดจากเด็กหนุ่ม พลางมองไปที่เด็กหนุ่มอีกคนอย่างสงสัย
“ครับ พอดีผมว่าง นี้พีระพลเพื่อนของผม”
เพลิงภพแนะนำเพียงเท่านั้นด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ใคร่อยากจะพูดกับหญิงสาวนัก
แต่กระนั้นเธอกลับไม่ถือสากลับสนใจยิ้มแย้มทักทายพีระพลแทน
“สวัสดีจ๊ะ ตามสบายนะถือเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง”
“ค...ครับ ขอบคุณครับ”
พีระพลตอบหญิงสาวอย่างเกรงใจ ก่อนเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนในห้องรับแขกแห่งนี้
“แม่ครับ เทียน เหม่ย ตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ไปที่โต๊ะอาหารกันเถอะครับ”
เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวรายล้อมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มอยู่ใต้คิ้วโก่ง ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างน่าดู จัดได้ว่าหน้าตาดีในระดับที่ต้องสาวๆตามกริ๊ดหลายคนทีเดียว
“นี้ตาเอกลูกชายของน้าเอง เขาอยู่มหาลัยปีสองแล้วล่ะจ๊ะ” หญิงสาวแนะนำชายคนนั้นกับพีระพล
“สวัสดีครับ” เอกยิ้มทักทายแขกตามมารยาท ก่อนจะเบนสายตากลับจ้องมองร่างสูงของเพลิงภพที่แสร้งยุ่งกับเจ้าตัวยุ่งทั้งสองไม่สนใจผู้มาใหม่เลยสักนิดด้วยแววตาเศร้าๆ
แล้วทั้งหมดก็ย้ายมานั่งที่โต๊ะอาหารซึ้งพ่อของเพลิงภพนั่งรออยู่แล้ว ท่านเป็นชายวัยกลางคนร่างท้วมนิดๆที่ใจดีมีอารมณ์เหลือล้นเลยที่เดียว เจ้าบ้านตอนรับพีระพลเป็นอย่างดีและเป็นกันเอง แต่ตัวเพลิงภพกลับเงียบขรึมไม่ค่อยพูดถามคำตอบคำเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรอาหารมื้อค่ำก็จบลงด้วยดี
พีระพลอาสาช่วยหญิงสาวเจ้าบ้านเก็บกวาดโต๊ะอาหาร
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ไม่เป็นไร พีไปนั่งเล่นกับไฟกับน้องๆดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้น้าจัดการเอง” หล่อนปฏิเสธ
“ให้ผมช่วยเถอะนะครับ ผมอยากช่วย”
เด็กหนุ่มยืนยันพร้อมกับจัดการรวมจานเป็นตั้งแล้วยกไปล้างในครัวอย่างแข็งขัน หญิงสาวกับเด็กหนุ่มพูดคุยกับไปทำงานไปอย่างถูกคอไม่นานทุกอย่างก็ถูกจัดการเรียบร้อยเหลือเพียงจานไม่กี่ใบที่ต้องเช็ดให้แห้ง
“วันนี้น้าดีใจมากเลยที่ไฟเขากลับมาบ้าน ตั้งแต่ออกไปอยู่หอข้างนอกไฟแทบไม่กลับบ้านเลยถ้าป๋าไม่โทรตามหรือมีเรื่องสำคัญ น้ารู้ว่าเขาคงไม่ชอบใจเท่าไรที่น้าเข้าอยู่ในบ้านหลังนี้ถึงเขาจะไม่แสดงออก แต่ความเงียบของเขากันบอกได้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ยอมรับน้า”
จู่ๆหญิงสาวก็ระบายความในใจออกมาคงเพราะหล่อนรู้สึกถูกคอถูกใจเด็กหนุ่มเป็นพิเศษ
“คุณน้าอย่าคิดมากเลยครับ อืม...ยังเสียไงเขาก็ไม่ได้คัดค้านนี้ครับ แล้วดูไฟเขารักเอ็นดูเทียนกับเหม่ย
มากอยู่นะครับ” พีระพลพยายามให้กำลงใจหญิงสาว
“ขอบใจนะจ๊ะที่ให้กำลังใจป้า พูดกับพีป้าก็สบายใจขึ้น” วารินยิ้มให้เด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูและขอบคุณ
พีระพลยิ้มตอบ เขาวางจานใบสุดท้ายลงในที่เก็บจานก่อนจะเอยขอตัวออกไปหาเพลิงภพเพื่อช่วยกลับภายในห้องรับแขกมีเพียงคุณป๋านั่งดูทีวีอยู่พีระพลจึงเอยถามถึงเพลิงภพ
“อาไฟพาอาเทียนกับอาเหม่ยขึ้นไปนอน พีลองขึ้นไปดูที่ห้องน้องสิ อยู่ข้างบนห้องซ้ายมือสุดนะ”
“ครับ งั้นผมขออนุญาตขึ้นไปนะครับ” เด็กหนุ่มเอยอย่างเกรงใจ
“ตามสบายเลย สบายๆ” คุณป๋าออกปากอนุญาตด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
พีระพลจึงขึ้นไปชั้นสามตามที่คุณป๋าบอก พอขึ้นยันไดมาจะพบห้องโถงเล็ก ก่อนจะกั้นเป็นห้องห้องทางขวาสองห้องและทางซ้ายอีกสามห้อง พีระพลเดินไปที่ห้องทางซ้ายมือสุดซึ่งเป็นห้องของสองแฝดตามที่เจ้าของบ้านบอก
มือเรียวค่อยบิดลูกบิดอย่างแผ่วเบาแง้มประตูให้พอมองเห็นด้านในซึ่งมีเพียงเด็กสองทั้งสองที่หลับอยู่บนเตียง เขาจึงค่อยปิดประตูตามเดิน
คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัย “ไม่มี แล้วไฟอยู่ไหน?”
เด็กหนุ่มคิดว่าจะลงไปรอข้างล่าง แต่แล้วพีระพลก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากห้องไปที่เขากำลังเดินผ่าน
“อยู่นี้เอง!” พีระพลยิ้มอย่างดีใจแล้วก้าวที่ประตูคว้าลูกบิดเปิดเข้าไปทันที
“ฟะ...” ริมฝีปากที่ตั้งใจเรียกอีกคนชะงักค้างกลางอากาศ ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างคนตื่นตกใจ
ภาพเพลิงภพกับเอกแนบชิดกับบนเตียงกว้างแลกเปลี่ยนจุมพิตอย่างดูดดื่มบ่งบอกถึงความสัมพันธ์เกินเลย
กว่าพี่น้องทั่วไป ทั้งสองยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวหากไม่โดยรบกวนด้วยเสียก่อน
ปัง!
เสียงปิดประตูดังตามด้วยเสียงวิ่งจากไปของพีระพลทำให้สองร่างที่ทาบทับกันอยู่ชะงักมองไปที่ประตู
ก่อนเพลิงภพจะได้สติรีบลุกขึ้นตามพีระพลออกไป เขาวิ่งลงชั้นล่างถามหาพีระพลกับพ่อได้คำตอบว่าเพิ่งออกไป เด็กหนุ่มวิ่งตามออกมาที่หน้าร้านแต่เขาทันเห็นแค่รถแท็กซี่แล่นออกไปเท่านั้น
เพลิงภพยืนหอบมองตามไฟท้ายรถไปอย่างหงุดหงิด
“โธ่โว๊ย!”
..............................................................................................................................................................................
รู้สึกเรื่องมันอืดไปหรือเปล่า?
เหมือไรจะถึงฉาก...คนเขียนก็รออยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ
ไฟว่าไง? คนอ่านเขาลุ้นอยู่นะ! ก๊ากกกกกกกกกกกก
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ครับ
ความคิดเห็น