ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องสั้น ภูรี-น่านน้ำ
เรื่องสั้น ภูรี-น่านน้ำ
“ภูรักน่านหรือเปล่า?”
น่านน้ำ เด็กหนุ่มร่างเล็กถามเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังหมกหมุนกับหนังสือเล่มหนาตรงหน้าเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของอาทิตย์นี้ แต่คาดว่าเกิน 10 ครั้งแล้ว
ดวงตาเรียวเย็นชาภายใต้กรอบแว่นยังคงลื่นไหลไปตามตัวหนังสือ ในขณะที่ปากบางเฉียบเอยตอบคนละเรื่องกับคำถาม
“เราจะอ่านหนังสือ เงียบๆหน่อยได้มั้ย พรุ่งนี้มีสอบ ไม่อ่านก็อยู่เงียบๆ”
และนี้เป็นคำตอบที่สุดแสนจากเย็นชาของภูรี เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาเย็นชาดึงดูดท้าทายที่ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างฝันหา และน่านเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นับตั้งแต่ได้พบสบตากันในการรับน้องของมหาวิทยาลัย หัวใจของน่านน้ำก็ได้ตกเป็นของภูรีเรียบร้อยแล้ว โชคดีเหลือเชื่อเมื่อทั้งสองยังได้เป็นรูมเมทกันอีกด้วย ราวสวรรค์เป็นใจเปิดทางให้เด็กหนุ่มหน้าหวานในการสานความรักแรกพบครั้งนี้
แต่.....มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิ
ทั้งที่น่านน้ำค่อยเอาอกเอาใจทำทุกทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งหัวใจของภูรี แต่ร่างสูงกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด จนบ้างครั้งน่านเองก็เหนื่อยใจ และออกอาการงอน เช่นตอนนี้ ร่างบางกำลังหน้างอด้วยความน้อยใจผิดหวัง ค้อนใส่ลมใส่ฝนไปตามเรื่องแล้วจึงหันไปอ่านหนังสือของตนบ้าง ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงเหลือบมองร่างสูงเป็นระยะ เหมือนรอเวลาเสียมากกว่า
พรึบ!
เสียงปิดหนังสือดังขึ้นท่ากลางความเงียบ เวลาที่น่านน้ำรอคอยมาถึงแล้ว
ภูรีถอดแว่นวางบนโต๊ะแล้วลุกเดินไปที่เตียง เอนกายลงนอน ใบหน้าคมหันมองร่างบาง
ก่อนคนถูกมองจะตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน
ไฟในห้องถูกปิดเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้
แสงจันทร์เล็ดลอดหน้าต่างส่องให้เห็นพื้นห้องที่มีเสื้อผ้าถูกทิ้งระเกะระอยู่ปลายเตียงซึ่งมีร่างคนสองคนเคลื่อนไหวอย่างเร้าร้อนจนได้ยินเสียงเตียงสั่นไหวคล้ายมีแผ่นดินไหว เสียงครางกระเส่าสองเสียงดังประสานกันไม่ขาดสายยาวนานกว่าจะสิ้นสุดเมื่อภายในความมืดมีเพียงความเงียบของราตรีกาล
น่านหลับอย่างเป็นสุขหลังผ่านการใช้กำลังอย่างนัก ใบหน้าหวานประดับไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ภูรีไม่เคยบอกรัก แม้ไม่เคยได้รับการยืนยันสถานะภาพคนรัก แต่การที่ถูกสัมผัสโอบกอดจากคนที่รัก แค่นี้....น่านน้ำก็พอใจอย่างที่สุดแล้วในตอนนี้
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า เสียงสายน้ำดังแว่วมา น่านน้ำมองดูนาฬิกาแล้วต้องเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ ร่างป่าวเปลือยลุกพรวดไม่อายฟ้าอายดินคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งสวนกับภูรีที่ปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี
“เร็วๆ เดี๋ยวก็สายหรอก” เสียงภูรีเอยเร่งน่านน้ำอยู่หน้าประตู ทำให้น่านน้ำค้อนใส่ไปที่หนึ่งด้วยความหมั่นไส้ แล้วบ่นพึมพำ
“แล้วใครกันที่ทำให้เป็นแบบนี้นะ? ”
ความสัมพันธ์แบบเพื่อนและความสัมพันธ์ทางกายของน่านน้ำและภูรียังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีใครต้องการหยุดยั้ง เหมือนกิจกรรมที่เคยชิน งานอดิเรกที่ขาดไม่ได้
น่านน้ำลองตัดใจคบหาคนใหม่ๆ แต่จนแล้วจนรอดหัวใจก็ยังคงมีแต่ภูรีผู้แสนเย็นชา
ภูรีไม่เคยใส่ใจใครเป็นพิเศษไม่ว่าหญิงหรือชายที่เข้ามาทอดสะพานให้ นี้เป็นเหตุที่น่านน้ำยังพอสบายใจอยู่ได้ ถึงภูรีจะไม่ได้เป็นของตน แต่ก็ไม่ได้เป็นของใครคนอื่นเช่นกัน
จนกระทั้งวันหนึ่ง..........
ภูรีได้แนะนำคนๆหนึ่งให้น่านฟ้ารู้จัก
“นี้ กิต แฟนเรา”
กิตเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กดูเบาะบางน่าถนุถนอม ใบหน้าสวยเหมือนเด็กผู้หญิง ผิวขาวชวนสัมผัส
และยังเป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใส
น่านน้ำนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งจึงตั้งสติได้ แม้ไม่เต็มใจแต่ก็ยิ้มน้อยๆในกิตแล้วเดินผละจากทั้งคู่ออกมา
ตาน้ำค่อยๆไหลออกมาสองตาโดยไร้เสียงสะอื้น ทั้งที่ภายใจหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
เหล้าคือสิ่งที่น่านน้ำยึดเป็นที่พึ่งในยามนี้ น้ำเมาแก้วแล้วแก้วเหล้าที่เจ้าตัวกระดกผ่านลำคอไปกดประสาทจนมึนเมาขาดสติ ให้ลืมความเศร้าไปได้บาง เสียงคนตรีจังหวะๆเริ่มดึงดูดความสนใจของร่างบาง ในที่สุดน่านน้ำก็อดที่จะออกไปเต้นโยกย้ายทามกลางฝูงชนไม่ได้
ดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำหวาน ริมฝีปากอิ่ม ผิวขาวที่แดงระเรื่อเพราะความร้อนและแอลกอฮอร์ส่งให้ร่างบางภายใต้แสงไฟวูบวาบนั้นดูยั่วยวนอย่างที่สุด
“มาคนเดียวเหรอครับ” ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาทักน่านน้ำ เขาแนะนำตัวว่าชื่อเดย์
น่านน้ำยิ้มส่งหวานปาดให้ชายหนุ่มแล้วค่ำคืนนี้ก็จบที่บนเตียงของชายหนุ่มนั้นเอง
กว่าน่านน้ำจะกลับหอก็รุ้งสางเกือบสายของอีกวัน ซึ่งภูรีออกไปเรียนเรียบร้อยแล้วในห้องจึงว่างเปล่า ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงของตน กวาดตามองไปรอบๆห้องแล้วอยู่ที่เตียงอีกหลังซึ่งเป็นของภูรี...คนที่ตนรักจนหมดใจ น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดจากใจ
ทั้งที่รักมาก ทั้งที่ทำทุกอยากแต่.......กลับไม่ได้อะไรเลย
แต่ก็ยังรัก รักสุดหัวใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับใจดวงนี้ให้มันเลิกรักใครคนนั้นสักที
.....................................................................................................................................................
ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม น่านน้ำและภูรียังคงเป็นเพื่อนกัน อยู่ห้องเดียวกัน และความสัมพันธ์อันเร้าร้อนของทั้งคู่ยังคงไม่จบ แต่ที่ต่างไปคือกิตเข้ามามีบทบาทมากขึ้น กิตมักจะมานั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องของน่านน้ำและภูรี จนบางครั้งน่านน้ำนึกรำคราญ แต่ก็ต้องอดทน เพราะรู้ดีว่าไม่ใช้ความผิดของกิต แต่เป็นเพราะความอิจฉาของตน ดังนั้นน่านจึงตัดปัญหาด้วยการออกไปเตร่ข้างนอกเสียเอง แล้วกลับมาในเวลาที่คาดว่าทั้งสองไม่อยู่แล้ว
ดูเหมือนกิตเองก็อยากอยู่ตามลำพังเช่นกันจึงได้เอยขอร้องน่านน้ำในวันหนึ่ง
“น่านช่วยย้ายออกไปทีได้มั้ย? กิตอยากย้ายมาอยู่กับภูอ่ะ ที่จริงภูต้องเป็นคนมาพูดแต่เขาไม่กล้านะ ขอร้องล่ะนะ น่านเข้าใจใช่มั้ยคนรักกันต้องอยากอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา”
น่านรับฟังแล้วก็พยักหน้าตอบรับ
“ได้สิ”
ทำไมภูไม่มาบอกตรงๆนะ แค่ภูรีต้องการจะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ของแค่ภูรีต้องการเท่านั้น
ต่อให้ต้องตายก็ทำได้ น่านคิดในใจทั้งที่ยังยิ้มให้กิตที่ดีใจที่น่านไม่ปฏิเสธคำขอ
คืนนั้นน่านน้ำเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ดีที่ของเขามีไม่มากจึงไม่ต้องเสียเวลาเก็บนาน
มือเรียวหิ้วกระใบย่อมออกจากห้อง คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาคืนกุญแจเพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่หอที่ทำหน้าที่คงกลับแล้ว
เดินออกมาถึงหน้ามหาลัยแต่ร่างบางไม่รู้จะไปไหนต่อดี
ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรายชื่อแล้วต่อไปถึงเพื่อนคนหนึ่ง
“ฮัลโหลเปล คืนนี้ไปด้วยนะ” กรองเสียงไปแล้วตัดสายทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบ รู้ว่ามันต้องปฏิเสธเลยดักไว้ก่อน
ยังไงชั้นก็จะไปนอนห้องแก ไอ้เปล แกจะมีความสุขคนเดียวได้ไงฟ่ะ น่านน้ำคิดพร้อมหัวเราะอย่างชั่วร้าย.....................................................................................................................................................
มาถึงเพื่อนก็เปิดฉากให้ศีลให้พบชุดใหญ่ แต่ก็นั้นแหละเปลก็ยอมให้น่านน้ำเข้าไปสถิตในห้องแคบๆของตนจนได้ แล้วเจ้าของห้องก็ทิ้งให้เพื่อนรักเฝ้าบ้านตัว(คน)เดียว ร่างบางกินข้าวดูทีวีนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนเบื่อและเริ่มง่วงนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ลืมของเหรอ?”น่านน้ำลุกไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนเจ้าของห้อง
แต่กลับเป็นภูรีเสียนี้ ดวงตาเย็นชาที่มองน่านน้ำเจือความโกธรนิดๆจนแทบจับไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับน่านน้ำที่รับรู้ได้ว่าภูรีกำลังโกธร โกธรมากด้วย
“กลับห้อง” เสียงเรียบออกคำสั่ง
“ไม่จะนอนที่นี้” น่านน้ำปฏิเสธแบบกล้าๆกลัว ทั้งที่จริงไม่มีความจำเป็นต้องกลัวเลยสักนิด
ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่คงเพราะเป็นภูรีละมั้ง ทำให้น่านน้ำกลัวที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
ร่างสูงเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าของร่างเบาทามกลางการขัดขว้างที่ไร้ประโยชน์ของน่านน้ำ
มือหนาคว้าข้อมือเรียวแล้วลากขึ้นรถทันที
“ทำไมต้องออกจากหอด้วย” คำถามแรกยิงมาทันทีที่ทั้งสองกลับมาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว
“.........” ไม่มีคำตอบน่านได้แต่มองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเรียวที่จ้องมาอย่างคาดคั้น
อย่าทำเหมือนสนใจ........
อย่าให้ความสำคัญ.........
อย่าให้ความหวังกันเลยได้มั้ย......
เพราะสุดท้ายคงทนไม่ได้หากต้องเจอความสิ้นหวังที่สุดปลายทาง
มือเรียงเชยคางมนให้หันมาสบตา ริมฝีปากบางเย็นโฉบลงบนริมปีปากอิ่ม
ดวงตาสีน้ำตาลปรือลงรับสัมผัสนั้นๆ
เย็น เย็นไปถึงหัวใจ
หนาว หนาว จับจิต
ไออุ่นจากกาย ไม่สามารถบรรเทาความหนาวเหน็บในใจไปได้เลย
ไฟปรารถนาเร่าร้อนแต่เพียงชั่วครู่ก็จางหาย เหลือเพียงซากหัวใจที่มอดไหม้ยับเยิน
ทั้งรัก...ทั้งเจ็บ น่านน้ำปล่อยน้ำตาให้ไหลรินระบายความเจ็บปวดในใจ
“ภูรักน่านหรือเปล่า?”
คำถามเดิมที่ไม่เคยได้รับคำตอบ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำสีห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นต์เพื่อหาคำตอบจากดวงตาคู่นั้น แต่ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเย็นชาที่คุ้นเคยเท่านั้น
ว่างเปล่า....เคว้งคว้าง....มืดมน.......
เหมือนห้องกว้างใหญ่มืดมิดที่วิ่งวนหาทางออกเท่าไรก็หาไม่เจอ
มือเรียวกอดกระชับคนตรงหน้าไว้แน่น ซบศีรษะลงบนไหลแกร่งอย่างอย่างอ่อนแรง
“ปล่อยชั้นไป ปล่อยชั้น....ได้โปรด”
น่านน้ำกระชิบแผ่วเบา
ภูรีเพียงแต่ปล่อยให้ร่างบางกอดโดยไม่ได้กอดตอบ ไม่มีคำปลอบใดๆ
เขาไม่ได้รักน่านน้ำ............ แต่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
..........................................................................................................................................................
กิตไม่พอใจที่ภูรีไม่ยอมให้น่านย้ายออกและไม่ยอมย้ายไปอยู่ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันอันที่จริงมีเพียงกิตที่โวยวาย ภูรีเพียงแต่รับฟังเท่านั้น จนในที่สุดกิตเป็นฝ่ายบอกเลิกไปในที่สุด
ตอนรู้ข่าวน่านน้ำยิ้มจนแก้มแทบฉีก.......แต่ความสัมพันธ์ของน่านน้ำกับภูริยังคงเดิมทุกอย่าง
ไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่เป็นอยู่
ตราบใดที่ภูรีไม่เอยปากไล่น่านน้ำไม่มีวันจากไปไหนโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าภูรีรักตนหรือไม่ น่านน้ำไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไปแล้ว
ขอแค่ได้อยู่ข้างคนที่รักตลอดไปเท่านั้นก็พอ
.................................................................................
...................................................
วันเวลาผ่านไป ฤดูกาลหมุนเวลาเปลี่ยนเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาสู่ชายหนุ่มวัยทำงานเต็มตัว
ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยจบลง เหล่าบัณฑิตไฟแรงพร้อมเผชิญโลกกล้าด้วยความรู้ที่เล่าเรียนมา
หลายคนได้เริ่มสร้างครอบครัวเล็กๆของตัวเอง
รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดงจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง พนักงานเปิดประตูให้แขกผู้มีเกียรติอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวลงมาส่งทิปให้พนักงาน ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในโรงแรมที่ตกแต่งอลังการสมมาตรฐาน 5 ดาว
ขาเรียวก้าวมาจนถึงห้องจัดเลี้ยงแห่งหนึ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าคืองานแต่งงานเพราะโทนสีหวานจนเลียน
และดอกไม้รูปหัวใจคู่ดวงใหญ่ที่เด่นหราอยู่หน้างาน
ชายหนุ่มยืนกล่องของขวัญให้แก่หญิงสาวที่ทำหน้าที่รับแขกอยู่หน้างาน หญิงสาวหน้าแดงเมื่อสบตาชายหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆให้เธอขณะรับปากกาเพื่อเขียนอวยพรให้คู่บ่าวสาว
ขอให้มีความสุขในชีวิตคู่นะ ภู
น่านน้ำ
ชายหนุ่มเข้าไปในงานนั่งจิบเครื่องดื่มไป ดวงตาสีน้ำตาลมองดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เดินทักทายแขกเรื่อในงานจนกระทั้งทั้งสองมาถึงโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“หวัดดี” คำทักทายสั่นๆ ตามด้วยการแนะนำนิดๆหน่อยว่าเขาและเจ้าบ่าวรูปหล่อเป็นเพื่อนกั
แล้วเจ้าบ่าวก็พาเจ้าสาวไปทักทายแขกอื่นๆต่อ
น่านน้ำลุกขึ้นออกจากงานหลังจากนั้นสักพักไปนั่งดื่มต่อคนเดียวที่บาร์ของโรงแรม
เสียงเมสเซสเข้า มือเรียวหยิบขึ้นมากดดูข้อความ ปากอิ่มกรีดยิ้มเมื่ออ่านข้อความจบ
เขายกแก้วขึ้นกระดกจนหมด แล้วจึงผละจากเคาร์เตอร์บาร์ ตรงไปที่ลิฟต์กดชั้นที่ต้องการ
เมื่อลิฟต์จอดชายหนุ่มก็สาวเท้าไปยังห้องที่ใครบ้างคนรออยู่
ก๊อกๆ
ไม่นานประตูก็เปิดออกโดยชายหนุ่มร่างสูงในชุดบ่าว ดวงตาสีดำเย็นชามองชายหนุ่มร่างโปร่งพร้อมยิ้มมุมปาก
............................................................................................................................................................
The End
“ภูรักน่านหรือเปล่า?”
น่านน้ำ เด็กหนุ่มร่างเล็กถามเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังหมกหมุนกับหนังสือเล่มหนาตรงหน้าเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ของอาทิตย์นี้ แต่คาดว่าเกิน 10 ครั้งแล้ว
ดวงตาเรียวเย็นชาภายใต้กรอบแว่นยังคงลื่นไหลไปตามตัวหนังสือ ในขณะที่ปากบางเฉียบเอยตอบคนละเรื่องกับคำถาม
“เราจะอ่านหนังสือ เงียบๆหน่อยได้มั้ย พรุ่งนี้มีสอบ ไม่อ่านก็อยู่เงียบๆ”
และนี้เป็นคำตอบที่สุดแสนจากเย็นชาของภูรี เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาเย็นชาดึงดูดท้าทายที่ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างฝันหา และน่านเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นับตั้งแต่ได้พบสบตากันในการรับน้องของมหาวิทยาลัย หัวใจของน่านน้ำก็ได้ตกเป็นของภูรีเรียบร้อยแล้ว โชคดีเหลือเชื่อเมื่อทั้งสองยังได้เป็นรูมเมทกันอีกด้วย ราวสวรรค์เป็นใจเปิดทางให้เด็กหนุ่มหน้าหวานในการสานความรักแรกพบครั้งนี้
แต่.....มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิ
ทั้งที่น่านน้ำค่อยเอาอกเอาใจทำทุกทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งหัวใจของภูรี แต่ร่างสูงกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด จนบ้างครั้งน่านเองก็เหนื่อยใจ และออกอาการงอน เช่นตอนนี้ ร่างบางกำลังหน้างอด้วยความน้อยใจผิดหวัง ค้อนใส่ลมใส่ฝนไปตามเรื่องแล้วจึงหันไปอ่านหนังสือของตนบ้าง ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงเหลือบมองร่างสูงเป็นระยะ เหมือนรอเวลาเสียมากกว่า
พรึบ!
เสียงปิดหนังสือดังขึ้นท่ากลางความเงียบ เวลาที่น่านน้ำรอคอยมาถึงแล้ว
ภูรีถอดแว่นวางบนโต๊ะแล้วลุกเดินไปที่เตียง เอนกายลงนอน ใบหน้าคมหันมองร่างบาง
ก่อนคนถูกมองจะตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน
ไฟในห้องถูกปิดเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้
แสงจันทร์เล็ดลอดหน้าต่างส่องให้เห็นพื้นห้องที่มีเสื้อผ้าถูกทิ้งระเกะระอยู่ปลายเตียงซึ่งมีร่างคนสองคนเคลื่อนไหวอย่างเร้าร้อนจนได้ยินเสียงเตียงสั่นไหวคล้ายมีแผ่นดินไหว เสียงครางกระเส่าสองเสียงดังประสานกันไม่ขาดสายยาวนานกว่าจะสิ้นสุดเมื่อภายในความมืดมีเพียงความเงียบของราตรีกาล
น่านหลับอย่างเป็นสุขหลังผ่านการใช้กำลังอย่างนัก ใบหน้าหวานประดับไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ภูรีไม่เคยบอกรัก แม้ไม่เคยได้รับการยืนยันสถานะภาพคนรัก แต่การที่ถูกสัมผัสโอบกอดจากคนที่รัก แค่นี้....น่านน้ำก็พอใจอย่างที่สุดแล้วในตอนนี้
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า เสียงสายน้ำดังแว่วมา น่านน้ำมองดูนาฬิกาแล้วต้องเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ ร่างป่าวเปลือยลุกพรวดไม่อายฟ้าอายดินคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งสวนกับภูรีที่ปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี
“เร็วๆ เดี๋ยวก็สายหรอก” เสียงภูรีเอยเร่งน่านน้ำอยู่หน้าประตู ทำให้น่านน้ำค้อนใส่ไปที่หนึ่งด้วยความหมั่นไส้ แล้วบ่นพึมพำ
“แล้วใครกันที่ทำให้เป็นแบบนี้นะ? ”
ความสัมพันธ์แบบเพื่อนและความสัมพันธ์ทางกายของน่านน้ำและภูรียังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีใครต้องการหยุดยั้ง เหมือนกิจกรรมที่เคยชิน งานอดิเรกที่ขาดไม่ได้
น่านน้ำลองตัดใจคบหาคนใหม่ๆ แต่จนแล้วจนรอดหัวใจก็ยังคงมีแต่ภูรีผู้แสนเย็นชา
ภูรีไม่เคยใส่ใจใครเป็นพิเศษไม่ว่าหญิงหรือชายที่เข้ามาทอดสะพานให้ นี้เป็นเหตุที่น่านน้ำยังพอสบายใจอยู่ได้ ถึงภูรีจะไม่ได้เป็นของตน แต่ก็ไม่ได้เป็นของใครคนอื่นเช่นกัน
จนกระทั้งวันหนึ่ง..........
ภูรีได้แนะนำคนๆหนึ่งให้น่านฟ้ารู้จัก
“นี้ กิต แฟนเรา”
กิตเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กดูเบาะบางน่าถนุถนอม ใบหน้าสวยเหมือนเด็กผู้หญิง ผิวขาวชวนสัมผัส
และยังเป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใส
น่านน้ำนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งจึงตั้งสติได้ แม้ไม่เต็มใจแต่ก็ยิ้มน้อยๆในกิตแล้วเดินผละจากทั้งคู่ออกมา
ตาน้ำค่อยๆไหลออกมาสองตาโดยไร้เสียงสะอื้น ทั้งที่ภายใจหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
เหล้าคือสิ่งที่น่านน้ำยึดเป็นที่พึ่งในยามนี้ น้ำเมาแก้วแล้วแก้วเหล้าที่เจ้าตัวกระดกผ่านลำคอไปกดประสาทจนมึนเมาขาดสติ ให้ลืมความเศร้าไปได้บาง เสียงคนตรีจังหวะๆเริ่มดึงดูดความสนใจของร่างบาง ในที่สุดน่านน้ำก็อดที่จะออกไปเต้นโยกย้ายทามกลางฝูงชนไม่ได้
ดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำหวาน ริมฝีปากอิ่ม ผิวขาวที่แดงระเรื่อเพราะความร้อนและแอลกอฮอร์ส่งให้ร่างบางภายใต้แสงไฟวูบวาบนั้นดูยั่วยวนอย่างที่สุด
“มาคนเดียวเหรอครับ” ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาทักน่านน้ำ เขาแนะนำตัวว่าชื่อเดย์
น่านน้ำยิ้มส่งหวานปาดให้ชายหนุ่มแล้วค่ำคืนนี้ก็จบที่บนเตียงของชายหนุ่มนั้นเอง
กว่าน่านน้ำจะกลับหอก็รุ้งสางเกือบสายของอีกวัน ซึ่งภูรีออกไปเรียนเรียบร้อยแล้วในห้องจึงว่างเปล่า ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงของตน กวาดตามองไปรอบๆห้องแล้วอยู่ที่เตียงอีกหลังซึ่งเป็นของภูรี...คนที่ตนรักจนหมดใจ น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดจากใจ
ทั้งที่รักมาก ทั้งที่ทำทุกอยากแต่.......กลับไม่ได้อะไรเลย
แต่ก็ยังรัก รักสุดหัวใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับใจดวงนี้ให้มันเลิกรักใครคนนั้นสักที
.....................................................................................................................................................
ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม น่านน้ำและภูรียังคงเป็นเพื่อนกัน อยู่ห้องเดียวกัน และความสัมพันธ์อันเร้าร้อนของทั้งคู่ยังคงไม่จบ แต่ที่ต่างไปคือกิตเข้ามามีบทบาทมากขึ้น กิตมักจะมานั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องของน่านน้ำและภูรี จนบางครั้งน่านน้ำนึกรำคราญ แต่ก็ต้องอดทน เพราะรู้ดีว่าไม่ใช้ความผิดของกิต แต่เป็นเพราะความอิจฉาของตน ดังนั้นน่านจึงตัดปัญหาด้วยการออกไปเตร่ข้างนอกเสียเอง แล้วกลับมาในเวลาที่คาดว่าทั้งสองไม่อยู่แล้ว
ดูเหมือนกิตเองก็อยากอยู่ตามลำพังเช่นกันจึงได้เอยขอร้องน่านน้ำในวันหนึ่ง
“น่านช่วยย้ายออกไปทีได้มั้ย? กิตอยากย้ายมาอยู่กับภูอ่ะ ที่จริงภูต้องเป็นคนมาพูดแต่เขาไม่กล้านะ ขอร้องล่ะนะ น่านเข้าใจใช่มั้ยคนรักกันต้องอยากอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา”
น่านรับฟังแล้วก็พยักหน้าตอบรับ
“ได้สิ”
ทำไมภูไม่มาบอกตรงๆนะ แค่ภูรีต้องการจะให้เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ของแค่ภูรีต้องการเท่านั้น
ต่อให้ต้องตายก็ทำได้ น่านคิดในใจทั้งที่ยังยิ้มให้กิตที่ดีใจที่น่านไม่ปฏิเสธคำขอ
คืนนั้นน่านน้ำเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ดีที่ของเขามีไม่มากจึงไม่ต้องเสียเวลาเก็บนาน
มือเรียวหิ้วกระใบย่อมออกจากห้อง คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาคืนกุญแจเพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่หอที่ทำหน้าที่คงกลับแล้ว
เดินออกมาถึงหน้ามหาลัยแต่ร่างบางไม่รู้จะไปไหนต่อดี
ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรายชื่อแล้วต่อไปถึงเพื่อนคนหนึ่ง
“ฮัลโหลเปล คืนนี้ไปด้วยนะ” กรองเสียงไปแล้วตัดสายทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบ รู้ว่ามันต้องปฏิเสธเลยดักไว้ก่อน
ยังไงชั้นก็จะไปนอนห้องแก ไอ้เปล แกจะมีความสุขคนเดียวได้ไงฟ่ะ น่านน้ำคิดพร้อมหัวเราะอย่างชั่วร้าย.....................................................................................................................................................
มาถึงเพื่อนก็เปิดฉากให้ศีลให้พบชุดใหญ่ แต่ก็นั้นแหละเปลก็ยอมให้น่านน้ำเข้าไปสถิตในห้องแคบๆของตนจนได้ แล้วเจ้าของห้องก็ทิ้งให้เพื่อนรักเฝ้าบ้านตัว(คน)เดียว ร่างบางกินข้าวดูทีวีนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนเบื่อและเริ่มง่วงนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ลืมของเหรอ?”น่านน้ำลุกไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนเจ้าของห้อง
แต่กลับเป็นภูรีเสียนี้ ดวงตาเย็นชาที่มองน่านน้ำเจือความโกธรนิดๆจนแทบจับไม่ได้ แต่ไม่ใช่กับน่านน้ำที่รับรู้ได้ว่าภูรีกำลังโกธร โกธรมากด้วย
“กลับห้อง” เสียงเรียบออกคำสั่ง
“ไม่จะนอนที่นี้” น่านน้ำปฏิเสธแบบกล้าๆกลัว ทั้งที่จริงไม่มีความจำเป็นต้องกลัวเลยสักนิด
ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แต่คงเพราะเป็นภูรีละมั้ง ทำให้น่านน้ำกลัวที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
ร่างสูงเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าของร่างเบาทามกลางการขัดขว้างที่ไร้ประโยชน์ของน่านน้ำ
มือหนาคว้าข้อมือเรียวแล้วลากขึ้นรถทันที
“ทำไมต้องออกจากหอด้วย” คำถามแรกยิงมาทันทีที่ทั้งสองกลับมาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว
“.........” ไม่มีคำตอบน่านได้แต่มองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเรียวที่จ้องมาอย่างคาดคั้น
อย่าทำเหมือนสนใจ........
อย่าให้ความสำคัญ.........
อย่าให้ความหวังกันเลยได้มั้ย......
เพราะสุดท้ายคงทนไม่ได้หากต้องเจอความสิ้นหวังที่สุดปลายทาง
มือเรียงเชยคางมนให้หันมาสบตา ริมฝีปากบางเย็นโฉบลงบนริมปีปากอิ่ม
ดวงตาสีน้ำตาลปรือลงรับสัมผัสนั้นๆ
เย็น เย็นไปถึงหัวใจ
หนาว หนาว จับจิต
ไออุ่นจากกาย ไม่สามารถบรรเทาความหนาวเหน็บในใจไปได้เลย
ไฟปรารถนาเร่าร้อนแต่เพียงชั่วครู่ก็จางหาย เหลือเพียงซากหัวใจที่มอดไหม้ยับเยิน
ทั้งรัก...ทั้งเจ็บ น่านน้ำปล่อยน้ำตาให้ไหลรินระบายความเจ็บปวดในใจ
“ภูรักน่านหรือเปล่า?”
คำถามเดิมที่ไม่เคยได้รับคำตอบ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำสีห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นต์เพื่อหาคำตอบจากดวงตาคู่นั้น แต่ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเย็นชาที่คุ้นเคยเท่านั้น
ว่างเปล่า....เคว้งคว้าง....มืดมน.......
เหมือนห้องกว้างใหญ่มืดมิดที่วิ่งวนหาทางออกเท่าไรก็หาไม่เจอ
มือเรียวกอดกระชับคนตรงหน้าไว้แน่น ซบศีรษะลงบนไหลแกร่งอย่างอย่างอ่อนแรง
“ปล่อยชั้นไป ปล่อยชั้น....ได้โปรด”
น่านน้ำกระชิบแผ่วเบา
ภูรีเพียงแต่ปล่อยให้ร่างบางกอดโดยไม่ได้กอดตอบ ไม่มีคำปลอบใดๆ
เขาไม่ได้รักน่านน้ำ............ แต่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
..........................................................................................................................................................
กิตไม่พอใจที่ภูรีไม่ยอมให้น่านย้ายออกและไม่ยอมย้ายไปอยู่ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันอันที่จริงมีเพียงกิตที่โวยวาย ภูรีเพียงแต่รับฟังเท่านั้น จนในที่สุดกิตเป็นฝ่ายบอกเลิกไปในที่สุด
ตอนรู้ข่าวน่านน้ำยิ้มจนแก้มแทบฉีก.......แต่ความสัมพันธ์ของน่านน้ำกับภูริยังคงเดิมทุกอย่าง
ไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่เป็นอยู่
ตราบใดที่ภูรีไม่เอยปากไล่น่านน้ำไม่มีวันจากไปไหนโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าภูรีรักตนหรือไม่ น่านน้ำไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไปแล้ว
ขอแค่ได้อยู่ข้างคนที่รักตลอดไปเท่านั้นก็พอ
.................................................................................
...................................................
วันเวลาผ่านไป ฤดูกาลหมุนเวลาเปลี่ยนเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาสู่ชายหนุ่มวัยทำงานเต็มตัว
ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยจบลง เหล่าบัณฑิตไฟแรงพร้อมเผชิญโลกกล้าด้วยความรู้ที่เล่าเรียนมา
หลายคนได้เริ่มสร้างครอบครัวเล็กๆของตัวเอง
รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดงจอดเทียบหน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง พนักงานเปิดประตูให้แขกผู้มีเกียรติอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวลงมาส่งทิปให้พนักงาน ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในโรงแรมที่ตกแต่งอลังการสมมาตรฐาน 5 ดาว
ขาเรียวก้าวมาจนถึงห้องจัดเลี้ยงแห่งหนึ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าคืองานแต่งงานเพราะโทนสีหวานจนเลียน
และดอกไม้รูปหัวใจคู่ดวงใหญ่ที่เด่นหราอยู่หน้างาน
ชายหนุ่มยืนกล่องของขวัญให้แก่หญิงสาวที่ทำหน้าที่รับแขกอยู่หน้างาน หญิงสาวหน้าแดงเมื่อสบตาชายหนุ่มที่ยิ้มน้อยๆให้เธอขณะรับปากกาเพื่อเขียนอวยพรให้คู่บ่าวสาว
ขอให้มีความสุขในชีวิตคู่นะ ภู
น่านน้ำ
ชายหนุ่มเข้าไปในงานนั่งจิบเครื่องดื่มไป ดวงตาสีน้ำตาลมองดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เดินทักทายแขกเรื่อในงานจนกระทั้งทั้งสองมาถึงโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“หวัดดี” คำทักทายสั่นๆ ตามด้วยการแนะนำนิดๆหน่อยว่าเขาและเจ้าบ่าวรูปหล่อเป็นเพื่อนกั
แล้วเจ้าบ่าวก็พาเจ้าสาวไปทักทายแขกอื่นๆต่อ
น่านน้ำลุกขึ้นออกจากงานหลังจากนั้นสักพักไปนั่งดื่มต่อคนเดียวที่บาร์ของโรงแรม
เสียงเมสเซสเข้า มือเรียวหยิบขึ้นมากดดูข้อความ ปากอิ่มกรีดยิ้มเมื่ออ่านข้อความจบ
เขายกแก้วขึ้นกระดกจนหมด แล้วจึงผละจากเคาร์เตอร์บาร์ ตรงไปที่ลิฟต์กดชั้นที่ต้องการ
เมื่อลิฟต์จอดชายหนุ่มก็สาวเท้าไปยังห้องที่ใครบ้างคนรออยู่
ก๊อกๆ
ไม่นานประตูก็เปิดออกโดยชายหนุ่มร่างสูงในชุดบ่าว ดวงตาสีดำเย็นชามองชายหนุ่มร่างโปร่งพร้อมยิ้มมุมปาก
............................................................................................................................................................
The End
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น