คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02
02
“หลับไปแล้วเหรอ?”
“ฮะ พอออกมาก็มานั่งหลับแบบนี้เลย”
แทฮยองละมือจากเกมที่ตัวเองกำลังนั่งจิ้มอยู่แบบไม่สนโลกก่อนจะเงยหน้าขึ้นพยักหน้ารับคำถามของพี่จินเรื่องเจ้ามักเน่ของวงที่ยังคงนั่งซ้อนฟุบหลับอยู่บนหลังของเขาตั้งแต่อีกคนออกมาร่วมๆชั่วโมง
“งั้นฝากปลุกน้องทีแล้วกัน แล้วเดี๋ยวก็ไปหาพี่ที่ห้องยุนกิเลยนะ”
จินพยักเพยิดไปทางอีกฝั่งของห้อง เพราะเพิ่งอ่านข้อความที่นัมจุนส่งมาให้ว่าพวกคนที่เหลือตอนนี้มารวมตัวกันอยู่ในห้องทำเพลงของยุนกิแล้วเรียบร้อยเพราะวันนี้มีนัดฟังเพลงในอัลบั้มใหม่ที่ยุนกิเพิ่งทำเสร็จไปเมื่อคืนหมาดๆ ร่างสูงของพี่คนโตของวงเก็บของก่อนจะหันมากำชับให้แทฮยองรีบปลุกจองกุกให้ทันภายใน 5 นาทีนี้ ก่อนที่ยุนกิจะเกิดอาการหงุดหงิดเพราะยังไม่ได้กินข้าวเย็นก่อนเข้าบริษัท ซึ่งอันที่จริงจินคิดว่าก็คงยังไม่ได้กินกันทั้งหมดนั่นแหละ
“จีมิน เก็บของให้หน่อยดิ เดี๋ยวฉันปลุกจองกุกก่อน”
“อื่อ งั้นฉันไปรอหน้าห้องเลยแล้วกัน” จีมินตอบกลับอย่างง่ายดาย เพราะของที่พวกเขาขนมามันก็แค่โทรศัพท์กับกระเป๋าเงินดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่โวยวายที่ถูกใช้เก็บของแบบนี้ ก็ถ้าลองของที่ต้องเก็บให้มีเยอะจนต้องเอาใส่กระเป๋าใบใหญ่แบบทุกครั้ง จีมินคงจะกวาดๆมันลงโต๊ะแล้วใช้เท้าถีบกระเป๋าของคนสั่งให้มันกลิ้งออกไปข้างนอกแทนการหิ้วออกไปดีๆแล้วล่ะ
“ดีมากกก ขอบคุณมากนะจีมินนี่ที่รักของแทแท”
“ฉันไม่ใช่ที่รักของแกเว้ย ขนลุก!!” จีมินทำหน้าขยะแขยงขณะพูดพลางทำท่าขนลุกไปด้วยปล่อยให้แทฮยองนั่งหัวเราะร่าอยู่กับท่าทางของเพื่อนร่วมปีเกิดอยู่คนเดียว
ปัง!!
ท้ายแล้วเจ้าตัวก็หอบของทั้งหมดออกไปรอโวคอลไลน์อีกสองคนที่เหลือนอกห้องทันที ทิ้งให้แทฮยองปลุกอีกคนให้มันภายใน 5 นาทีนี้เสียที
“นี่จองกุก ตื่นเถอะ”
“อืมม”
“จองกุก ตื่น อ๊ะ!”
เสียงของร่างบางดังขึ้นเบาๆเมื่อชั่วจังหวะที่แทฮยองเอี้ยวตัวมาเรียกมักเน่ของวงเป็นเวลาเดียวกับที่จองกุกรู้สึกตัวและผงกศีรษะขึ้นมาจากไหล่บาง จมูกมนเลยสัมผัสเข้ากับแก้มของเด็กหนุ่มอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของวินาทีแต่มันก็มากพอที่จะทำให้แทฮยองรู้สึกร้อนวูบไปทั่วไปใบหน้าของตนได้ทันแทบจะทันที ร่างบางผงะใบหน้าถอยออกไปเล็กน้อยเมื่อจองกุกเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเด็กหนุ่มที่ถูกรบกวนการนอนค่อยๆปรือขึ้นมาช้าๆ หากแต่มือใหญ่ที่เกี่ยวเอาเอวบางไว้กับตัวนั้นยังทำหน้าที่ได้ดีโดยการที่ไม่คลายอ้อมแขนของตัวเองไปไหน
บรรยากาศบางอย่างลอยกรุ่นอยู่รอบตัวทั้งสองคนเมื่อจองกุกที่สมควรจะลุกออกไปสักทีก็ยังไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนคนเป็นพี่แทบลืมไปแล้วว่ากำลังนั่งตักน้องชายตัวใหญ่อยู่ก็ได้แต่เสสายตาของตัวเองไปยังที่อื่นด้วยหัวใจสั่นรัวเพราะกลัวว่าจงกุกจะรู้ว่าตัวเองเพิ่งลวนลามอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจไปเมื่อกี้ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่แทฮยองก็ไม่อยากให้จองกุกรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เลยจริงๆ
“พี่เป็นอะไรอ่ะ?”
“ห..ห๊ะ?” แทฮยองตอบตะกุกตะกัก
“พี่มองอะไรอยู่?” จองกุกถามอย่างสงสัยกับท่าทีหลบสายตาของอีกคน เขาก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่ามันเกียวกับสัมผัสเบาๆที่อยู่ข้างแก้มของเขาเมื่อกี้หรือเปล่า จะให้ดูจากท่าทางของพี่แทฮยองเขาก็ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีเพราะปกติอีกคนก็ไม่เคยจะนั่งนิ่งๆเป็นปกติอยู่แล้วนี่น่า
“ไม่ได้มองอะไรสักหน่อย”
“คนโกหก ถ้าพี่ไม่หันกลับมาตอนนี้ผมจะฟ้องพี่โฮซอกว่าพี่แอบกินขนมในตู้เย็นของพี่เค้าไปเมื่อคืน”
“เฮ้ยย ไม่ได้นะ ทำไมเป็นคนขี้ฟ้องงี้อ่ะ?!”
แทฮยองสะดุ้งสุดตัวกับข้อหาแอบกินขนมที่ติดตัวอยู่ตั้งแต่เช้าจึงตะโกนลั่นก่อนจะหันกลับมามองคนข้างหลัง แต่เหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในรอบวัน เพราะต้องเจอเข้ากับสายตาของจองกุกที่เอาคางเกยไหล่นั่งจ้องเค้านิ่ง คนอายุน้อยกว่าอาศัยไหล่บางของเขาเป็นที่พักศรีษะของตัวเองให้เอนแนบไปอย่างสบายใจ ดวงตากลมโตที่ฉายแววเจ้าเล่ห์อยู่เล็กๆของคนเป็นน้องอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร นัยน์ตาสีเข้มของจองกุกที่จ้องมาเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้แทฮยองไม่สามารถละสายตาไปจากอีกคนได้ง่ายๆ ร่างบางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกดึงเข้าสู่ส่วนลึกภายในจิตใจของจองกุกช้าๆ และเหมือนว่าแทฮยองจะสามารถเข้าถึงความรู้สึกลึกๆบางอย่างที่อีกคนพยายามปิดบังไว้ในส่วนลึกภายในของอีกคนเพียงแค่การมองอีกคนผ่านดวงตาแบบนี้
“พี่แทฮยอง”
“...........”
“พี่แทฮยองอ่า” เสียงนุ่มของเด็กหนุ่มทอดเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครา
“หื้ม?? ว่าไง”
แทฮยองเอ่ยตอบรับอย่างไม่รู้ตัวเมื่อริมฝีปากอิ่มตรงหน้าขยับเรียกชื่อเค้าซ้ำๆ ร่างบางเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วจองกุกโตกว่าที่เค้าคิดไว้มาก ทรงผมที่ไม่ได้เช็ตเป็นทรงเหมือนทุกครั้งทำให้อีกคนดูเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา ส่วนแก้มนุ่มที่เค้าชอบจิ้มเล่นเมื่อก่อนก็ตอบลงอย่างเห็นได้ชัดถ้าอีกฝ่ายไม่ยิ้มกว้างเหมือนทุกครั้ง สำรวจใบหน้าอีกคนอยู่สักพักแทฮยองขยับตัวออกมาท่ามกลางสายตาสงสัยของร่างสูง แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ไปไหนไกลเพราะแทฮยองใช้มือเรียวของตนยกทาบทับข้างแก้มใสของอีกคนอย่างเผลอไผล
“พี่.....”
“ทำไมนายเป็นผู้ใหญ่เร็วจัง”
“แล้วไม่ดีเหรอฮะ?” จองกุกเลือกที่จะเก็บเสียงที่ไว้เรียกชื่อของอีกคนเอาไว้เป็นเอื้อนเอ่ยถามคำถามแบบนี้แทนเมื่อได้ยินร่างบางพูดแบบนั้น
“ไม่รู้สิ มันรู้สึกแปลกๆ”
“...............” จองกุกเลือกที่จะเงียบเพื่อฟังอีกคนพูดต่อขณะที่ปลายนิ้วซนของอีกคนลากผ่านใบหน้าของเขาเบาๆแบบนี้
“ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ” นิ้วเรียวไล้คิ้วเข้มของอีกคนแผ่วเบา
“ทำไมพี่ต้องรู้สึกแปลก” จองกุกยังคงนั่งเฉยๆขณะลอบมองใบหน้าของพี่ชายร่วมวงที่กำลังคิ้วขมวดเหมือนคิดไม่ตกไปด้วย เขาจะไม่เอ่ยอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะแน่ใจในสิ่งที่อีกคนกำลังคิดและจองกุกก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วๆนี้ด้วย
“ฉันก็แค่.......”
แทฮยองพูดออกมาแค่นั้น ร่างบางก็ละมือจากใบหน้าหล่อของของกุกก่อนจะย้ายมือมาวางนิ่งบนอกของตัวเอง มือเล็กกำบนหน้าอกฝั่งซ้ายของตนแน่น แทฮยองไม่เข้าใจนักหรอกว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรเพียงแค่เขารู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ตงิดอยู่ในหัวใจมาตลอดในช่วงหลังมานี้ เพียงแต่อาการมันไม่เด่นชัดจนทำให้เขาต้องเร่งหาคำตอบขนาดนั้น ท้ายที่สุดเขาจึงลืมจะหาสาเหตุและปล่อยให้อาการนี้เป็นส่วนหนี่งของชีวิตของเขาไป จนกระทั่งเมื่อกี้ที่จองกุกถามเขาว่าทำไมถึงไม่อยากให้อีกคนเป็นผู้ใหญ่ ความรู้สึกนี้จึงถูกตีวนชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่แทฮยอง พี่ไหวนะ?”
“อ อะไรน่ะ” แทฮยองสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงจองกุกถาม มือบางยังกำแน่นบนอกของตัวเอง ร่างบางกระพริบตาปริบซ้ำๆเหมือนจะไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปให้พ้น จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงของน้องเล็กที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ก็ผมเห็นพี่เหม่อ พี่ไหวนะ?”
“ไหวดิ ไหว”
“งั้นไปกันเถอะฮะ เดี๋ยวพี่ๆรอ พี่จีมินเคาะประตูเร่งแล้วด้วย”
“อืม”
ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นก่อนจองกุกจะลุกยืนตาม เขายืนเคว้างคว้างอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ขณะรอจองกุกเข้าไปเอาอะไรสักอย่างที่ลืมไว้ในห้องอัด คิ้วบางขมวดเมื่อตระหนักว่าเมื่อกี้ตัวเองสติหลุดไปขนาดไหนจนไม่ได้ยินแม้เสียงจีมินที่เคาะประตูเร่งทั้งๆที่ประตูก็อยู่ใกล้เพียงเท่านี้
“อ๊ะ!!” แทฮยองอุทานเมื่อปลายนิ้วของอีกคนจิ้มลงบนหว่างคิ้วของตัวเอง
“อย่าขมวดคิ้วสิฮะ เดี๋ยวแก่เร็วนะ”
จองกุกทักเมื่อเห็นพี่ชายตัวเล็กมีท่าทีแบบนั้น ก็เพราะเป็นซะแบบนี้ไงเขาถึงเร่งอะไรอีกคนมากไม่ได้ คนแบบคิม แทฮยองต้องใช้วิธีกระตุ้นทีละน้อยให้เจ้าตัวสงสัยและหาคำตอบด้วยตัวเองซึ่งก็หมายถึงให้อีกคนก้าวเข้ามาหาเขาเองด้วย ถึงมันอาจจะจะใช้เวลานานไปสักหน่อยแต่จองกุกก็คิดว่าผลที่ได้มันต้องคุ้มค่ามากกับระยะเวลาที่เขาอดทนรอแน่ๆ
“กำลังคิดเรื่องที่ผมถามเหรอ?”
“อืม......”
“พี่ไม่ต้องตอบผมหรอกฮะ ผมก็ถามไปอย่างงั้นแหล่ะ” จองกุกว่าเพื่อให้แทฮยองเลิกคิดมากสักที แต่แทฮยองกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นโดยง่าย เพราะคนตัวเล็กพูดสวนขึ้นมาเสียงดังเป็นคำพูดที่ทำให้มักเน่ของวงอดที่จะยิ้มเจ้าเล่ห์กับตัวเองไม่ได้
“ไม่ได้!! ฉันจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนั้น!! แล้วนายก็จะได้รู้เป็นคนแรกเลย จอน จองกุก!!”
ก็บอกแล้ว
มักเน่ของบังทันน่ะ ไม่ใสนะครับ
…………………
………………………………….
“ไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าหอเถอะ ผมหิวจะแย่แล้ว”
จีมินเอ่ยเสียงอ่อยเมื่อจบการประชุมเรื่องเพลงใหม่ของยุนกิ ร่วม 3 ชั่วโมงกว่าๆที่พวกเขาทั้ง 7 คนใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นเพื่อฟังเพลงใหม่ที่ยุนกิเพิ่งแต่งเสร็จและอาจจะนำมันมาใช้เป็นเพลงไตเติ้ลของซิงเกิ้ลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ความคิดเห็นมากมายถูกแลกเปลี่ยนและถกเถียงกันอย่างเคยเช่นทุกครั้งเพราะพวกเค้าอยากจะทำมันออกมาให้ได้ดีที่สุด และเมื่อทุกคนได้ข้อสรุปที่เป็นที่น่าพอใจร่วมกันแล้วผลจึงออกมาในรูปแบบของความหิวของเด็กหนุ่มทั้ง 7 แบบนี้ แม้กระทั่งลีดเดอร์อย่างนัมจุนก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของจีมิน ร่างสูงจึงสะกิดจินที่เอนพิงไหล่กว้างของตัวเองเบาๆอย่างหมดแรงเพราะใช้พลังงานไปเกือบทั้งวันไหนจะอัดเพลงตั้งแต่เช้าลากยาวมาประชุมจนค่อนคืนแบบนี้อีก ดูเหมือนว่าจินคงเหนื่อยมากจริงเพราะอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งแบบนั้น นัมจุนจึงเปลี่ยนเป็นการกุมมือของอีกฝ่ายหลวมๆก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน และไม่ว่าประโยคนั้นจะเป็นอะไรมันก็ทำให้จินพยักหน้าน้อยๆก่อนจะยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของน้องๆในวง แต่เพียงแค่จินตวัดสายตามองผ่านทุกคนก็ดูเหมือนจะมีอะไรทำแทนการอยากรู้เรื่องของคู่พี่ใหญ่ในทันที นัมจุนได้แต่หัวเราะขำกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะหันมาถามเมเนเจอร์ฮยองเรื่องร้านอาหารที่พวกเขาทุกคนจะแวะก่อนเข้าหอ
“ไปกินร้านคุณป้าที่อยู่ใกล้ๆหอแล้วกัน ตอนนี้ดึกแล้วไม่น่าจะมีคนเท่าไร” นัมจุนบอกเมื่อตกลงกับเมเนเจอร์ฮยองได้แล้ว
“ดีเลย ไม่ได้ไปที่ร้านคุณป้าตั้งนานแล้วด้วย” แทฮยองพูดเสียงใส
“ฃั้นเก็บของกัน เจอกันข้างล่างในอีก 10 นาทีนี้น่ะ”
เมื่อคิดถึงมื้ออาหารสุดอร่อยที่กำลังจะตกถึงท้องทุกคนก็ดูจะมีพลังชีวิตขึ้นมาซะเดียวนั้น จีมินคว้าเอาของของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเดินชิวตามเมเนเจอร์ที่ไปเตรียมรถไปติดๆ ส่วนนัมจุนก็เดินออกไปโดยมีจินฮยองขี่หลังอยู่ คราวนี้เลยไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้ที่กระซิบกันเมื่อกี้คงจะเป็นเรื่องที่นัมจุนยอมให้อีกคนขึ้นหลังตลอดทางที่ไปที่จอดรถแบบนี้แน่ๆ ด้านจองกุกที่เก็บของทั้งของตัวเองและแทฮยองลงในกระเป๋าใบเล็กของตัวเองเสร็จก็คว้าเอาข้อมือเล็กข้างหนึ่งของพี่ชายตัวเล็กเอาไว้ก่อนออกแรงดึงอีกคนออกไปจากห้องทำงานของยุนกิทันที ตอนนี้เหลือเพียงสองชีวิตที่นั่งอยู่ในห้องนี้
ยุนกิที่นั่งอยู่หน้าคอมกำลังอ่านกระดาษคอมเม้นต่างๆอย่างตั้งใจส่วนมือขาวอีกข้างก็คอยจดสรุปรายละเอียดในส่วนที่ต้องแก้ไปด้วย รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นเมื่อคิดว่าเพลงที่กำลังทำอยู่ใกล้เสร็จเต็มที่ มือเล็กขยับมือเลื่อนหมายจะเปิดโปรแกรมทำเพลงในเครื่องคอมขึ้นมาหยุดชะงักไปเมื่อมีมือใหญ่ของใครอีกคนคว้ามือเขาไปเสียก่อน
“โฮซอก..”
“ไว้มาทำพรุ่งนี้ด้วยกันนะครับ วันนี้ไปกินข้าวแล้วก็กลับพร้อมกันกับพวกเด็กๆเถอะ”
“แต่อีกนิดเดียวกันก็จะเสร็จแล้ว..” ยุนกิเถียงกลับเพราะแก้อีกนิดเดียวเพลงก็เสร็จสมบูรณ์และสามารถส่งให้พีดีนิมดูได้ทันทีในวันพรุ่งนี้ การที่โฮซอกทำแบบนี้เท่ากับว่าทำให้งานของเขาช้าลงไปอีกหนึ่งวัน เมื่อกี้เขาก็น่าจะให้จีมินลากอีกคนกลับไปด้วยแท้ๆ แต่ดันลืมเพราะมัวแต่คิดว่าจะแก้เพลงที่กำลังทำอยู่ยังไงดี
“อีกนิดเดียวก็ทำพรุ่งนี้ก็ได้ครับ เรากลับกันเถอะ”
“นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันสัญญาว่ามันจะไม่เกินตีหนึ่ง”
ยุนกิต่อรองแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โฮซอกต้องการ เขาต้องการให้ยุนกิหยุดทำงานตอนนี้เลยต่างหาก แล้วที่สำคัญเข้ารู้ว่าถ้ายุนกิแต่งเพลงนี้เสร็จร่างเล็กจะต้องติดพันยาวไปแต่งเพลงใหม่เพิ่มอีก แล้วก็วนไปที่วังวนของการทำงานข้ามคืนและก็กลับไปถึงหอในตอนเช้าอีกแน่ๆ
“ถ้าพี่บอกว่าจะกลับไม่เกินตีหนึ่ง ผมจะรอกลับพร้อมกับพี่”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่ต้องมาเฝ้าหรอกน่า”
“งานนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่นะครับ”
“นี่!! ฉันเป็นพี่นายนะ ฉันสั่งให้กลับนายก็ต้องกลับสิ” ยุนกิอดจะแว้ดออกมาไม่ได้เมื่อโฮซอกตั้งป้อมเถียงเขาแบบนี้
“แต่ผมเป็นห่วงพี่ ดังนั้นพี่นั่นล่ะที่อย่าดื้อ!”
“แต่ว่า อื้อออออ”
เสียงห้าวของยุนกิกลายเป็นเสียงอู้อี้ในลำคอเมื่อโฮซอกโน้มตัวลงไปกดจูบแรงๆลงบนริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของอีกคนเพื่อปิดกั้นเสียงโต้เถียงของคนตัวเล็ก ยุนกิที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยได้แต่หลับตาปี๋ก่อนจะทุบหมัดหนักๆของตัวเองลงบนบ่ากว้างสองสามครั้งเมื่อร่างสูงทำท่าจะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นโดยการกัดริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ
มันใช่เวลาไหมเนี่ย!!!
“ไม่รู้ล่ะ เราต้องกลับพร้อมกัน ตกลงตามนี้นะครับ” โฮซอกเอ่ยแบบมัดมือชกก่อนจะเขวี้ยงกระเป๋าไปอีกทาง ร่างสูงสะบัดผ้าห่มที่วางอยู่ออกก่อนจะมุดตัวลงในผ้าห่มนั้นอย่างไม่สนใจ ทิ้งให้ยุนกิยืนหน้าแดงอ้าปากค้างให้กับเด็กรุ่นน้องที่เพิ่งปล้นจูบตัวเองไปมาดๆเมื่อกี้ ก่อนร่างบางจะยอมแพ้โดยการโทรศัพทไปบอกพวกที่เหลือว่าให้กลับไปกันก่อนเลย ยุนกิได้แต่ส่ายหัวให้กับอีกคนก่อนจะรีบหันกลับมาทำงานของตัวเองให้เสร็จโดยเร็ว
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงยุนกิจึงจัดการแก้ไขเพลงในส่วนที่ต้องจัดการอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะตรวจทานและเซฟงานเป็นครั้งสุดท้าย มือเล็กจึงปิดโปรแกรมทุกอย่างลง ร่างบางขยับตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้าที่เกาะกุมไปทั่วร่างกายของตัวเอง บิดซ้ายบิดขวาอยู่อย่างงั้นจนตาเรียวเล็กสะดุดเข้ากับก้อนกลมๆของใครบางคนที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาประจำในห้อง
“ก็บอกให้กลับก่อนก็ไม่เชื่อ เด็กนี่”
ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่เขาก็ยังเดินเข้าไปหาอีกคน ร่างบางทรุดนั่งลงบนพื้นเงียบๆ มือเล็กจัดกระชับผ้าห่มอีกคนให้เรียบร้อย ยุนกิเท้าคางขึ้นวางบนที่ว่างบนโซฟาเพื่อมองหน้าของอีกคนให้ชัดๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนๆเมื่อไม่ได้เห็นอีกคนในมุมแบบนี้นานแล้ว เจ้าเด็กคนที่เสียงดังอยู่ตลอดเวลากำลังนอนเงียบสงบอยู่แบบนี้ไม่ได้เป็นภาพที่หาดูได้ง่ายๆเอาเสียเลย แม้ว่าจะพักอยู่หอเดียวกัน ห้องเดียวกันแต่เวลาเข้านอนของพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้พร้อมกันสักเท่าไร ยิ่งช่วงนี้ที่เป็นช่วงเตรียมอัลบั้ม เขาก็ต้องเร่งทำเพลงออกมา ส่วนโฮซอกก็ต้องไปซ้อมเต้น โอกาสที่จะเจอกันจึงยากเหลือเกิน แต่ถึงจะอย่างนั้น คนตัวสูงก็ยังไม่วายจะเตรียมโสมหรือของบำรุงกำลังต่างๆเอาไว้ให้เขาอยู่เสมอๆ
โฮซอกทำแบบนี้ให้เป็นเวลานานเท่าไรแล้วเขาก็ไม่รู้ ยุนกิรู้เพียงแต่ว่ามันมากพอที่จะทำให้เขาเคยชินกับสิ่งเหล่านั้น และนั่นก็คือสิ่งที่ยุนกิกำลังหวาดกลัวอยู่ภายในจิตใจลึกๆของตัวเอง
“นี่ โฮซอกอ่า”
ยุนกิเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาเพราะเขาไม่อยากให้โฮซอกตื่นมาได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้ ดวงตาสีอ่อนของอีกคนสั่นไหว มือขาวจัดของยุนกิเกลี่ยหลังมือใหญ่ของโฮซอกที่วางไปมาช้าๆ ก่อนร่างบางจะซบหน้าลงกับฝ่ามือนั้นเพราะไม่อยากให้ใครก็ตามรู้ว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหนแม้แต่กับตัวเองเขาก็ไม่อยากรับรู้ จากนั้นยุนกิก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“นายอย่าทำให้ฉันเคยชินกับสิ่งที่นายกำลังทำได้ไหม? แล้วถ้าวันหนึ่งฉันไม่มีนายอยู่......”
“ฉันจะทำได้ยังไง?”
มิน ยุนกิก็แค่คนขี้กลัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ร่างเล็กของพี่ชายร่วมวงถูกยกขึ้นมาวางบนโซฟาแทนที่ตัวเองเมื่อโฮซอกตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามิน ยุนกินั่งซบหลับอยู่ข้างๆด้วยท่าทางที่ไม่สบายตัวมากนัก ร่างสูงจึงรีบอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมานอนข้างบนแทนที่ส่วนผ้าห่มก็ถูกเปลี่ยนเจ้าของเป็นคนตัวเล็กในทันที โฮซอกมองเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะส่งข้อความไปบอกเมเนเจอร์ให้มารับในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้าเพราะต้องการให้อีกคนได้นอนให้เต็มที่ก่อน ส่วนโครงการกลับหอด้วยตัวเองก็พับเก็บไปเนื่องจากดึกมากแล้ว
เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะให้มาให้ความสนใจกับคนตัวขาวตรงหน้า ผมยาวปรกใบหน้าใสถูกปัดออกไปเผื่อไม่ให้อีกคนรำคาญ โฮซอกยิ้มขำเมื่อนึกถึงเสียงบ่นเรื่องผมของยุนกิได้แทบทันที ก็เจ้าตัวเล่นบ่นให้คนในวงฟังแทบทุกวันแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เมื่อคอนเซ็ปใหม่ยังไม่แน่นอนพวกเขาจึงไม่สามารถไปตัดผมได้ในเวลานี้ แถมเจ้าตัวเป็นคนผมยาวเร็วกว่าคนอื่นเลยดูจะหงุดหงิดกับเรื่องนี้มากกว่าใคร แต่เขาก็มองว่ามันน่ารักดีโดยเฉพาะเวลาที่อีกคนมัดผมเป็นจุกน้ำพุขึ้นตอนซ้อมเต้นหรือตอนที่รำคาญผมมากๆ เขาว่าแบบนั้นน่ารักดีออก แต่ติดที่ยุนกิเป็นมนุษย์ที่ไม่ชอบให้คนชมว่าน่ารักสักเท่าไร เขาจึงได้แต่เก็บคำชมของตัวเองไว้ในใจเงียบๆเท่านั้น
“พี่ยุนกิ”
“มิน ยุนกิ”
“มิน ยุนกิของผม”
โฮซอกนึกตลกตัวเองอยู่เหมือนกันที่นั่งเรียกชื่อของอีกคนทั้งๆที่รู้ว่ายุนกิคงไม่ได้ยิน และถ้าเป็นตอนปกติเขาคงเรียกอีกคนด้วยคำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ร่างสูงตัดสินใจส่งข้อความโทรไปบอกให้เมเนเจอร์ไม่ต้องมารับพวกเค้าในวันนี้อีกครั้งหนึ่งเมื่อตัดสินใจว่าวันนี้เค้าอยากจะใช้เวลาอยู่กับยุนกิแค่สองคน โฮซอกโยนโทรศัพท์ของตัวเองทิ้งส่งๆก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตบนหน้าผากมนของอีกคนเบาๆ เขาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างล่างก่อนจะเอนกายยาวเพื่อนอนหลับอีกครั้ง หากแต่มือใหญ่ยังคงเกาะกุมมือเล็กๆของยุนกิอยู่ไม่ห่าง แม้มันจะเป็นท่าทางที่ลำบากและจะทำให้เขาปวดตัวมากแค่ไหนตอนที่ตื่นขึ้นมาแต่โฮซอกก็ยอมทำ เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเข้าใกล้พี่ชายตัวเล็กได้อีกนิด เขาแค่ต้องการให้ยุนกิเปิดใจยอมรับและเลิกกลัวในอะไรบางอย่างที่โฮซอกยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่เขาจะต้องหาคำตอบนี้ให้เร็วที่สุด เขาสัญญา.........
TBC
เราอยากได้พี่โฮซอกจังเลย ฮอลลลล~~ ตอนนี้ก็ยาวไปอีก อ่านจบแล้วก็เชิญเม้นท์ตามใจนะคะเเต่เม้นหน่อยเถอะค่ะ ฮ่าๆ ดีใจจังที่มีคนชอบแถมมีคนเม้นด้วย นึกว่าจะแป๊ก ถ้าใครว่างก็กดเฟบกดโหวตไปค่ะ ช่วยกันทำมาหากินกันหน่อย ฮ่าๆ ส่วนเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปด้วยความเร็วประมาณนี้แหล่ะคะ ตอนนี้ทุกคนคงเห็นความแตกต่างของทั้งสองคู่แล้วล่ะเน๊อะ จองกุกที่รู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้วกับยุนกิที่กลัวการเปลี่ยนแปลง จะเป็นยังไงต่อก็ฝากติดตามแล้วกันนะคะ =^^=
#แท็กมันม่ะขึ้นนนน มีใครเเนะนำเเท็กอะไรไหมค่ะ เราลองอันไหนก็ไม่ได้เลยอ่า T_T
มีรีดเดอร์ที่น่ารักบอกเราว่าสักพักมันจะขึ้นเอง งั้นลองแท็กนี้แล้วกันนะคะ #ฟิคเปลี่ยน
ขอบคุณรีดเดอร์ amberryp ด้วยนะคะ =^^=
ความคิดเห็น