คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01
01
“จองกุกตื่นหรือยัง?”
นัมจุนถามขึ้นเมื่อนับบรรดาสมาชิกที่นั่งรอเข้าห้องน้ำต่อกันแล้วพบว่ามีสมาชิกหายไปหนึ่งคน จีมินที่นั่งงัวเงียอยู่ส่ายหน้าไปมาเพื่อเป็นการบอกว่าน้องเล็กของวงยังไม่ตื่น ก่อนที่เจ้าตัวจะฟุบหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่ชายคนสนิทแบบโฮซอกที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางสะลึมสะลือไม่แพ้กัน
“แทฮยอง ไปปลุกจองกุกหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะไปอัดเสียงไม่ทัน ส่วนพี่ยุนกิยังไม่ต้องปลุกนะ พี่เค้าพึ่งเข้ามาตอนหกโมงเช้านี่เอง”
ทันทีที่นัมจุนพูดจบโฮซอกก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย และทำท่าว่าจะลุกขึ้นไปไหนสักแห่งหนึ่งแต่ติดตรงที่น้องชายอย่างจีมินอาศัยแผ่นหลังของตัวเองเกาะฟุบอยู่ทำให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่ขยับตัวพร้อมกับทำปากขมุบขมิบเท่านั้นเอง ด้านแทฮยองที่ได้รับคำสั่งมาโดยตรงก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไงเขาก็ต้องเข้าไปในห้องนั้นอยู่แล้ว ขาเรียวสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพราะเกรงใจยุนกิที่เพิ่งได้เข้านอนกำลังนอนหลับอยู่ด้วย
แทฮยองทรุดลงนั่งข้างเตียงมักเน่เงียบๆก่อนจะออกแรงผลักไหล่คนที่นอนนิ่งอยู่ ก็รู้ว่าแรงผลักเท่านี้ทำอะไรอีกคนไม่ได้เจ้าตัวจึงออกแรงปลุกอีกคนให้แรงขึ้น
“จองกุก ตื่น”
“..........”
“นี่ จองกุกตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปอัดเสียงตอนบ่ายไม่ทันนะ” แทฮยองว่า เพราะวันนี้โวคอลไลน์มีนัดอัดเสียงสำหรับอัลบั้มใหม่ที่จะออกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พี่จิน จีมิน เขา และจองกุกจึงต้องเตรียมตัวเข้าบริษัทตั้งแต่ตอนเช้าแบบนี้ ตอนนี้พี่จินกำลังอาบน้ำอยู่ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในไม่ช้า และจีมินก็คงจะรอต่อคิวเป็นคนต่อไป ดังนั้นกว่าเขาจะปลุกจองกุกคนขี้เซาได้จีมินก็คงเกือบอาบน้ำเสร็จพอดี
“.............”
เป็นอย่างที่คิดว่าสิ่งที่ได้คือความเงียบกลับมาเช่นเดิม แทฮยองถอนหายใจกับนิสัยตื่นยากของจองกุกที่แก้ไม่ได้สักที บางทีโดยพวกพี่จินจับเจ้าตัวมาล้างหน้าแต่งตัวให้แล้วจับใส่รถก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย แถมยังมีหน้าไปถามเค้าอีกว่าตัวเองขึ้นมาบนรถนี้ได้ยังไง หลับลึกขนาดนี้ถ้ามีใครลักพาตัวไปก็คงจะทำได้ง่ายๆเลยสินะเนี่ย
“จองกุก จองกุกตื่น” คนตัวบางตัดสินใจโน้มตัวลงใกล้ใบหูของอีกคนมากกว่าเดิม ก่อนใช้มือเรียวทาบทับบนแก้มนุ่มของน้องเล็กของวงพร้อมกับออกแรงบีบน้อยๆ พร้อมส่งเสียงเรียกอีกครั้ง
“...............”
“ว่ะ ตื่นยากชะมัดเลยเจ้าเด็กนี่”
จับไปจับมาก็ชักจะติดใจแก้มนุ่มๆของเด็กหนุ่มตรงหน้า มือเรียวของแทฮยองบีบแก้มของอีกคนไปมา จากที่ใช้มือข้างเดียวก็กลายเป็นมือสองข้างประคองแก้มของจองกุกไว้ ระหว่างนั้นก็พลางลอบสังเกตุใบหน้าของอีกคนไปด้วย ตอนนี้แทฮยองเลยยอมรับแต่โดยดีเลยว่ามักเน่ของวงโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ โครงหน้ากับเครื่องหน้าของเด็กหนุ่มประกอบกันออกมาอย่างไม่มีที่ติ คิดในใจแล้วก็อิจฉา ความอิจฉาเลยไปลงกับการบิดแก้มของเด็กตรงหน้าไปมา
“นี่ๆ ตื่นสิจองกุกกกกกก เฮ้ย!!”
ไม่รู้ว่าเพราะมัวแต่แกล้งอีกคนหรือเพราะอะไร แทฮยองถึงไม่ทันสังเกตุว่าจองกุกตื่นได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ปล่อยให้เขาลวนลามแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น แต่พอชักเจ็บแก้มของตัวเองมาตงิดๆคนอายุน้อยกว่าจึงออกแรงดึงคนที่นั่งอยู่ให้ล้มตัวลงมานอนอยู่ข้างๆได้อย่างง่ายดาย
“ผมเจ็บนะฮะ”
“ขะ ขอโทษ” เสียงแตกพร่าเพราะเพิ่งตื่นของจองกุกทำเอาแทฮยองรู้สึกแปลกๆจนร้อนวูบที่ใบหน้า แต่เพราะยังมีภารกิจของตัวเองอยู่เลยทำให้ไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก เขาจึงรีบแจงถึงเหตุผลที่มาปลุกอีกคนตั้งแต่เช้าแบบนี้
“รีบตื่นเถอะ เหลือนายคนเดียวแล้วนะ ตอนนี้จีมินก็น่าจะอาบน้ำใกล้เสร็จแล้วด้วย”
“อ่า ฮะ”
แล้วไงต่อ รับคำแล้วนอนนิ่งแบบเดิม หนำซ้ำยังโดนดึงตัวเข้าไปกอดแน่นอีกต่างหาก แทฮยองได้แต่ขยับตัวยุกยิกเมื่อโดนอีกคนดึงเข้าไปกอดเต็มตัว จองกุกดึงตัวพี่ชายร่วมวงเข้าไปเต็มอ้อมแขนของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะแทฮยองตัวเล็กเกินไป น้องเล็กของวงถึงได้ใช้แค่แขนข้างเดียวก็สามารถโอบตัวอีกคนไว้รอบได้
“จองกุก” เขาเรียกเสียงอ่อย
“อื่อออ”
ได้ยินแต่เสียงรับคำอยู่ในลำคอ แต่ลมหายใจอุ่นที่พ่นตามออกมานี่สิ ทำเอาแทฮยองต้องหลับตาปี๋เมื่อลมหายใจของจองกุกรินรดอยู่ซอกคอของตัวเอง ร่างเล็กยกแขนขึ้นมากั้นหมายจะผละตัวหนีจากสถานการณ์แปลกๆตรงหน้า แต่จองกุกก็เหมือนจะรู้ทัน แขนแกร่งจึงรวบตัวอีกคนเข้ามาก่อนจะจบด้วยที่การซบศรีษะทุยของตัวเองลงบนซอกคอของพี่ชายร่วมวงเต็มๆ จากที่แค่เฉียดๆ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้แทฮยองแทบจะกลายเป็นหมอน เป็นที่นอนให้จองกุกนอนซบลงมาแทบทั้งตัว หายใจแต่ละครั้งก็แทบจะต้องกลั้นเพราะกลัวจะได้กลิ่นยาสระผมอ่อนๆของอีกคนลอยติดจมูกมาให้ตัวเองใจสั่นแปลกๆมากกว่าเดิม
“จะ จองกุก ตื่นดิ”
“ขออีก 5 นาทีฮะ”
บอกเท่านั้นก่อนอีกคนจะนิ่งไป แทฮยองขอใช้คำว่านิ่งสนิทเลยแล้วกัน ตอนนี้เขาเลยต้องพยายามเสสายตาไปทางอื่นเพื่อหาอะไรมองที่น่าสนใจกว่าสิ่งที่อยู่ตรงไหน แต่ก็เท่านั้นเพราะสุดท้ายเขาก็จบสายตาลงที่ร่างสูงของเด็กหนุ่มของนอนกอดเขาอยู่แบบนี้ แทฮยองแอบขอบคุณที่ถูกดึงมานอนอยู่ในท่าทางแบบที่ไม่ต้องเห็นหน้าอีกคนอย่างงี้เพราะไม่งั้นเขาคงใจเต้นแรงมากกว่านี้แน่ๆ มือเรียวถูกใช้ลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำเข้มของจองกุกเล่นเมื่อไม่มีอะไรให้ทำมากนักในช่วงเวลา 5 นาทีที่อีกคนขอต่อเวลาแบบนี้ เส้นผมเล็กถูกลูบจัดทรงไปมาตามใจของเจ้าของมือจะนำพาและเท่าที่แทฮยองจะทำให้ตัวเองสนุกได้ กลิ่นหอมจากแชมพูที่ใช้ร่วมกันของเขาสองคนลอยติดจมูกโด่ง แทฮยองชอบกลิ่นที่ตัวเองเลือกมากที่สุดแล้วเพราะมันให้กลิ่นหอมติดไปตลอดทั้งวันและกลิ่นไม่แรงด้วย แต่พอไปชักชวนให้คนอื่นในวงใช้บ้างกลับบอกว่ามันกลิ่นแปลกๆ สุดท้ายก็มีแต่จองกุกที่ตกลงปลงใจใช้แชมพูเดียวกับเขา
อ่า หอมจังแฮะ~
และแล้วคิม แทฮยองก็กดปลายจมูกของตัวเองลงบนศรีษะของอีกคนเข้าจนได้ แถมยังทำไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกต่างหาก แต่พอรู้สึกถึงปลายจมูกที่สัมผัสกับเข้ากับเส้นผมเล็กตาเรียวก็เบิกกว้างทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเพิ่งทำอะไรลงไป พอเหลือบดูท่าทางอีกคนที่ยังนอนนิ่งอยู่ก็แอบวางใจเพราะถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีว่าจองกุกคงกำลังหลับอยู่จริง เขาจึงค่อยๆละใบหน้าตัวเองให้ออกห่างมาจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัย และเมื่อทำสำเร็จแทฮยองก็อดจะถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้
“พี่ทำอะไรอ่ะ?” เสียงจองกุกที่งัวเงียเรียกให้แทฮยองที่กำลังโล่งใจสะดุ้งสุดตัว
“อะ อะไร? ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ปฏิเสธได้มีพิรุธสุดๆไปเลยล่ะ คิม แทฮยอง
“แน่ใจ?”
“แน่ดิ ลุกไปอาบน้ำเลยไป เดี๋ยวพี่นัมจุนก็มาด่าหรอก” เขารีบลุกออกมาเมื่อรู้สึกว่าอ้อมแขนของอีกคนคลายลงแล้ว แทฮยองลุกขึ้นยืนข้างเตียงก่อนรีบสาวเท้าออกไปจากห้อง แต่ไม่วายจะหันไปกำชับอีกคนเพื่อให้แน่ใจว่าจองกุกจะตื่นแล้วจริงๆ
“นายต้องลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” พูดเสร็จก็รีบปิดประตูทันที แต่แทฮยองก็ยังได้ยินเสียงอีกคนแว่วตามหลังมา
“รู้แล้วๆ มาลวนลามคนอื่นแล้วก็ไปแบบนี้นิสัยไม่ดีจริงๆ”
อ้าว นี่มันไม่ได้หลับเหรอ?!!
“จะใจร้อนอะไรขนาดนั้น เจ้ามักเน่”
“....??” จองกุกที่กำลังสะบัดผ้าห่มออกจากตัวชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงใครอีกคน คนที่เขาไม่รู้เลยว่านอนอยู่ในห้องนี้ด้วยเพราะเมื่อคืนก่อนนอนเขาก็ยังไม่เห็นพี่ยุนกิเข้าหอมาเลยด้วยซ้ำ
“พี่กลับมาตอนเช้าเหรอฮะ?”
“อื่อ ก็ก่อนเจ้าแทฮยองเข้ามาแป๊บหนึ่ง”
จองกุกพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เพื่อให้อีกคนได้พักพ่อนสักที แต่ดูเหมือนว่ายุนกิจะไม่คิดแบบนั้น พี่ชายตัวขาวที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงของตัวเองพูดต่อ
“ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมว่าจะทำแบบนี้?”
“ไม่รู้สิฮะ”
“นึกว่าตัดสินใจแล้วซะอีก เห็นช่วงนี้แทฮยองบ่นเรื่องที่นายดื้อกับมันให้ชาวบ้านฟังไปทั่วแล้ว”
“ดื้อ?” จองกุกหันมามองอย่างงงๆ เขาไปดื้อใส่อีกคนตอนไหนกัน?
“อื่อ ก็ได้ยินมันฟ้องจีมินวันนั้น” ร่างสูงถอนหายใจเฮือกกับทักษะการตีความและการคิดไปเองของพี่ชายตัวบาง คนอย่างคิม แทฮยอง ถึงจะดูเจ้าชู้มากแค่ไหน ชอบทำสายตาแพรวพราวหรือหยอดคำหวานใส่แฟนคลับมากเท่าไร แต่ใครจะรู้เท่าคนในวงว่าที่แท้จริงแล้วคนที่ไร้เดียงสาที่สุดก็คือ คิม แทฮยองคนนั้นนี่ล่ะ
“ว่าแต่พี่เถอะ ยังไม่ตัดสินใจอีกเหรอฮะ?”
“ฉันไม่มีอะไรต้องตัดสินใจสักหน่อย” ใบหน้าขาวของรุ่นพี่ยับยู่เมื่อคุยไปคุยมาเรื่องนี้ชักจะเข้าเนื้อตัวเองซะงั้น
“พี่ไม่มีหรือไม่อยากตัดสินใจกันแน่”
“จอน จองกุก!!”
“อันที่จริงเรื่องของพี่ง่ายจะตายถ้าพี่แค่ยอมรับมัน ทำแบบนี้สงสารพี่เค้านะฮะ” จองกุกทิ้งท้ายให้อีกคนตามที่ตัวเองคิดก่อนจะเดินหายไปเพื่อไปอาบน้ำก่อนที่แทฮยองจะเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จองกุกคิดว่าคงเป็นวิธีแปลกๆอย่างการเอาน้ำแข็งมาถูตัวเขาเหมือนคราวที่แล้วอีกแน่ๆ
ร่างสูงของมักเน่เดินหายไปแล้วทิ้งให้ยุนกิมองตามตาปริบๆ ยุนกิคิดมาเสมอว่าน้องเล็กของวงคนนี้เป็นคนฉลาดและมีความกล้าพอดู แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะกล้าถึงขนาดแนะนำเค้าแบบนี้ ร่างเล็กของพี่ชายตัวขาวมุดเข้ากับผ้าห่มผืนหน้าอีกครั้งเมื่อความง่วงจากการอดนอนทั้งคืนเล่นงาน และขณะที่สติของยุนกินใกล้จะหลุดลอยเต็มที่เขาก็รู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ของใครบางคนลูบอยู่บนศีรษะของตัวเอง
“ทำไมดื้อแบบนี้ ผมบอกว่าอย่าทำงานดึกไง”
“อื่ออ โฮซอกเหรอ?” ยุนกิขยับตัวเล็กน้อยเมื่อร่างสูงของใครอีกคนซุกตัวเข้ามาในผ้าห่ม ก่อนจะขยับตัวจัดท่าทางตามมือของอีกคนโดยไม่ลืมตาขึ้นมองสักนิดว่าอีกคนกำลังทำหน้าตายุ่งขนาดไหน ขยับตัวยุกยิกกันอยู่สักพักร่างเล็กก็ย้ายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอย่างง่ายดาย
“แล้วนายไม่ไปบริษัทพร้อมกับพวกโวคอลไลน์เหรอไง?” ยุนกิถามพลางซุกใบหน้าแนบกับอกอุ่นของอีกคนเหมือนแมวตัวเล็กๆจนโฮซอกอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ไม่ล่ะ เมเนฮยองบอกให้รอเข้าไปตอนเย็นพร้อมพี่ยุนกิเลย”
“อื่ออ งั้นฉันขอนอนก่อนนะ ตอนเย็นเราค่อยไปด้วยกัน” ยุนกิพึมพำบอกก่อนสติจะหลุดลอยไปของจริง และเป็นอีกครั้งที่ยุนกิพลาดรอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้า
“ครับ ไว้เราค่อยไปด้วยกัน”
โฮซอกยิ้มพร้อมรับคำก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด ความสัมพันธ์ของเขาสองคนเป็นแบบนี้มาได้สักพักตั้งแต่ที่ยุนกิปวดท้องจนต้องผ่าไส้ติ่งกระทันหัน จากนั้นมาโฮซอกก็เข้ามาในชีวิตของร่างเล็กอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของการกินของบำรุงหรือคอยกันไม่ให้เขาโหมงานดึกข้ามวันข้ามคืนเหมือนเคยอีก ซึ่งดูเหมือนว่ายุนกิก็ปล่อยให้อีกคนเข้ามาในชีวิตอย่างง่ายดายผิดวิสัยคนชอบเก็บตัวของตนเอง ซึ่งก็ทำเอาทุกคนถึงกับงงไปพักใหญ่จากตอนแรกที่คิดว่าพี่ชายตัวขาวอาจจะด่าหรือฟาดอะไรกลับมาใส่โฮซอกโทษฐานไปขัดการทำงานของยุนกิ เพราะมีครั้งหนึ่งที่โฮซอกบุกเข้าไปในห้องแต่งเพลงของบังทันหลังจากพบว่ายุนกิไม่ออกมาจากห้องนั้นเกิน 15 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่เห็นก็แค่พี่ชายตัวเล็กเดินออกมาอย่างง่ายๆผิดกับโฮซอกที่ทำหน้าตายุ่งเหมือนโกรธใครมาเป็นชาติแทน หลังจากนั้นหน้าที่ดูแลยุนกิจึงถูกยกให้เป็นของโฮซอกไปโดยปริยาย
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีคำจำกัดความแบบนี้ของทั้งคู่เป็นที่เคลือบแคลงของสมาชิกในวงมากแค่ไหนทุกคนก็รู้ แต่ไม่มีใครพูด และตราบใดที่ไม่กระทบกับงาน พวกเขาก็ถือว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนที่คนนอกไม่ควรไปก้าวก่าย ยุนกิกับโฮซอกก็รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง แต่จะให้ตอบยังไงได้ในเมื่อพวกเขายังไม่รู้จะให้คำตอบกลับไปยังไงเหมือนกัน
กับความสัมพันธ์ที่ให้คำจำกัดความไม่ได้แบบนี้
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างยุนกิกับโฮซอก
ใครจะหมดความอดทนก่อนกัน......
......................
................................................
ไร้เดียงสาของจริงก็ คิม แทฮยองคนนี้นี่ล่ะ
“มาถ่ายรูปกันจีมินนี่~~”
ร่างเพรียวกวักมือเพื่อร่วมไลน์ยิกๆหลังจากที่จีมินเพิ่งอัดเสียงส่วนของตัวเองเสร็จ ส่วนของเขานะเหรอเข้าไปอัดคนแรกด้วยซ้ำเถอะ แทฮยองไม่อยากจะอวด ตอนนี้ถึงได้ว่างแบบนี้จนต้องหาอะไรทำแก้เบื่อระหว่างรอจองกุกที่กำลังจะเข้าไปอัดต่อ ส่วนพี่จินที่ยังไม่ถึงคิวก็กำลังนั่งเช็คเสียงกับเนื้อเพลงอยู่ข้างๆ เขาเลยไม่อยากจะกวนอีกคนมากนัก ตอนนี้เลยมีแค่จีมินที่พอจะมาเล่นกับแทฮยองแก้เบื่อได้แค่คนเดียวแบบนี้
“ได้ๆ”
“มานั่งใกล้ๆฉันนี่เลย”
แล้วปาร์ค จีมิน คนดีศรีเกาหลีที่แทบจะไม่เคยปฏิเสธก็ใครเดินเข้ามานั่งบนโซฟาข้างกายอีกคน หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของการเซลฟี่ของ 95 Line ท่าทางตลกๆของทั้งสองคนถูกขุดออกมาใช้มากมายแต่ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามกลั้นเสียงหัวเราะยามที่เห็นหน้าตาประหลาดของตัวเองและเพื่อนไปด้วย ศีรษะและใบหน้าของจีมินกับแทฮยองแทบชิดกันเพราะต้องแย่งกันดูหน้าจอโทรศัพท์จอเล็กของแทฮยอง
“ฉันจะอัพรูปนี้ลงทวิตเตอร์”
“เฮ้ยยย ไม่ได้นะ รูปนี้หน้าฉันตลกเอารูปอื่น” จีมินโวยวายเมื่อแทฮยองจะเลือกรูปหน้าตาประหลาดๆของตนลงทวิต
“ก็รูปนี้ฉันดูดี”
“แต่ฉันไม่เว้ยยยย เอาโทรศัพท์มาเดี๋ยวฉันเลือกเอง”
“เอ่อ งั้นเลือกใหม่ก็ได้” แทฮยองสะบัดเสียงก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้อีกคนเลือกรูปตามต้องการ ร่างเล็กขยับเข้าใกล้จนแทบจะเกยร่างของเพื่อนร่วมวงอยู่รอมร่อเพราะจีมินแกล้งขยับโทรศัพท์ไปฝั่งของตัวเองมากเกินไป
“เอาอันนี้ๆๆ” เจ้าของโทรศัพท์เอ่ยเสียงดังเมื่อเจอรูปที่น่าจะเป็นกลางที่สุดของพวกเราสองคนสักที
“งั้นอัพลงเลยนะ”
“อื่อๆ อัพเลยๆ จีมิน จีมจีมมมม~” แทฮยองเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอื้อมแขนพาดบ่าของอีกคนเอาไว้พร้อมกับก้มดูหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นว่าจีมินจะพิมพ์อะไรลงไปบ้าง ท่าทางของทั้งสองคนอยู่ในสายตาของคนบางคนมาตั้งแต่แรก แต่เพราะหน้าที่ที่กำลังทำอยู่เลยทำให้เจ้าตัวออกอาหารอะไรมากไม่ได้ จองกุกที่อยู่ในห้องอัดเสียงหลับตาลงนิ่งเพื่อรวบรวมสมาธิของตัวเองที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ทางก่อนจะเริ่มอัดเสียงในท่อนของตัวเองอีกครั้ง
“เสียงดังอะไรกันนะพวกนาย” จินที่นั่งอยู่ข้างๆมานานหันมาถามน้องชายร่วมวงที่ส่งเสียงดังดึงดูดความสนในกระดาษในมือของเขาไปตั้งแต่เมื่อกี้ ร่างสูงๆของพี่ใหญ่ทรุดนั่งลงตรงโซฟาที่แทฮยองและจีมินนั่งอยู่
“ก็กำลังอัพรูปคุยกับแฟนคลับอยู่ฮะ กำลังอวดอาร์มี่ว่ามาอัดเสียงเพลงใหม่ล่ะ” แทฮยองตอบก่อนยิ้มตาหยี
“แต่เมื่อกี้เถียงกันอยู่เพราะแทฮยองดันเลือกรูปที่ตลกๆไปทวิต ผมเลยต้องเอามาจัดการเองนี่ล่ะ” จีมินเสริมต่อ
“อ้าว ก็รูปนายตลกทุกรูปอ่ะ”
“เอ่อ ไอ้คนหน้าตาดี!”คนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนน่ารักของวงหน้าบูดใหญ่ จนจินที่เห็นท่าไม่ดีรีบพูดปลอบอีกคน
“พวกนายก็หน้าตาดีทั้งคู่ล่ะหน่า .....แต่สุดท้ายก็สู้พี่ไม่ได้สักคนหรอกนะ” แต่ยังไงจินก็ยังเป็นจินอยู่วันยังค่ำ เพราะสุดท้ายเจ้าตัวก็วกไปอวยตัวเองจนได้ เจ้าน้องชายทั้งคนเลยได้แต่หัวเราะเพราะรู้ว่าอีกคนเป็นคนยังไง
“ไหนเอารูปมาดูหน่อย จะหล่อสู้พี่ได้ไหม?”
“นี่เลยฮะ” แทฮยองรีบยื่นโทรศัพท์ของตนให้อีกคนดู พร้อมๆกับพาตัวเองย้ายมานั่งข้างจินแทน ร่างเพรียวชี้ชวนพี่ใหญ่ให้ดูหน้าตาประหลาดๆของตัวเองและจีมินก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่ออีกฝ่ายพูดถูกใจ หัวเราะเสียงดังกันอยู่พักใหญ่ๆจนกระทั่งมีรองเท้าคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนทั้งคู่
“พี่จินฮะ ตาพี่แล้ว”
เสียงของมักเน่ที่ดูจะห้วนกว่าทุกครั้งทำให้จินอดจะเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจไม่ได้ พี่ตัวสูงยืดตัวข้ามไปดูก่อนจะพบว่าพีดีนิมกำลังนั่งรอเค้าอยู่ในห้องจริงๆ ใบหน้าหล่อจึงพยักหน้ารับก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้แทฮยองที่นั่งทำตาปริบๆอยู่ จินผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องอีกฝั่งหนึ่งโดยทิ้งบรรยากาศคุกรุ่นเอาไว้ด้วย จีมินที่ดูท่าจะรับรู้บรรยากาศตอนนี้ได้เร็วที่สุดรีบผุดลุกจากโซฟาไปนั่งที่อีกมุมของห้องพร้อมกับหูฟังของตัวเอง
ปาร์ค จีมินขออยู่ดูห่างๆพอนะงานนี้
“จองกุก ถ่ายรูปด้วยกันไหม?”
โห จีมินแทบอยากจะวิ่งไปตบหัวเพื่อนรักของตัวเองให้ทิ่มซะตอนนี้เลยทีเดียว เพราะหลังจากที่จินเดินออกไปและจองกุกเข้ามานั่งโซฟาข้างๆแทนที่เมื่อกี้แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย เพราะแทฮยองเอาแต่สนใจรูปในโทรศัพท์ของตัวเอง ส่วนจองกุกก็หยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงในโทรศัพท์นิ่งๆ แต่ถึงทุกอย่างของแทฮยองจะดูปกติแต่บรรยากาศรอบตัวของมักเน่กลับเย็นเฉียบชนิดที่น้ำแข็งขั้วโลกยังยอมแพ้ จีมินที่นั่งดูสถานการณ์อยู่ห่างๆก็ได้แต่มองอย่างห่วงๆเพราะกลัวจะโดนลูกหลงกลับมา แถมสายตานิ่งๆแต่แฝงไปด้วยประกายบางอย่างที่เจ้าตัวเหลือบมองคนข้างกายก็ไม่อยากทำให้เขาขัดอีกคนซะขึ้นมาซะอย่างงั้น
“ผมไม่อยากถ่าย”
“ไม่ได้นะ มาถ่ายด้วยกันเร็ว”
แทฮยองรีบคว้าแขนของอีกคนเอาไว้เมื่อจองกุกทำท่าจะลุกหนี มือเรียวดึงแขนเสื้อยืดของน้องชายไว้แน่นก่อนจะออกแรงรั้งให้ร่างสูงลงมานั่งที่เดิม ขายาวถูกใช้ให้เป็นประโยชน์เมื่อแทฮยองใช้มันเกี่ยวล๊อคทับขาของจองกุกไว้แน่นหนา เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเจ้าตัวดังขึ้นเมื่อดูท่าว่าแทฮยองจะถูกอกถูกใจกับวิธีการที่เอามาใช้เหลือเกิน รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้เมื่อจองกุกหันไปมองหน้าอีกคนยุ่งๆ
“พี่แทฮยองฮะ”
“ทำไมครับ น้องจองกุก” แทฮยองพูดกวนกลับไป
“............”
“ไม่ต้องมาดื้อกับฉันเลย มานี่!!”
เห็นท่าทางอิดออดของจองกุก ร่างเล็กก็ว่าให้อีกคนก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าสู่โหมดถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว พี่ชายตัวเล็กขยับตัวหน้าท่าทางที่ดูดีที่สุดของตัวเอง ใบหน้าเล็กเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อของจองกุกอย่างรวดเร็วและไม่ทันระวังตัวปลายจมูกมนของจองกุกก็เฉียดเข้ากับแก้มใสของอีกคนโดยไม่รู้ตัว ส่วนแทฮยองที่ยังคงวุ่นวายกับมุมถ่ายรูปของตัวเองไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรไว้กับคนข้างกายบ้าง
“ยิ้มเร็วจองกุก”
“ครับๆ”
เมื่อไม่มีทางเลือกจองกุกเลยต้องถ่ายรูปกับอีกคนจนได้ มือใหญ่เกาะเอวบางไว้แน่นเมื่อแทฮยองยุกยิกตัวจนทำท่าจะตกโซฟาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็แค่แป๊บเดียวเพราะสุดท้ายแทฮยองก็ปีนขึ้นมานั่งบนตักของมักเน่พร้อมกับล๊อคขาอีกคนด้วยขาของตัวเองเสร็จสรรพ ร่างสูงที่นั่งซ้อนหลังอีกคนอยู่จึงโอบกระชับเอวเล็กแน่นก่อนจะเกยคางแหลมของตัวเองบนบ่าเล็กๆนั่น แทฮยองอมยิ้มชอบใจเมื่อในที่สุดจองกุกก็เชื่อฟังตัวเองสักที ร่างบางปล่อยตัวเอนกายพิงหลังบนอกกว้างจากนั้นนิ้วเรียวจึงทำการรัวบันทึกภาพด้วยโทรศัพท์ของตัวเองอย่างสนุกสนาน จนมาถึงภาพสุดท้ายแทฮยองจึงเอ่ยปากขอร้องอีกคนขึ้น
“รูปนี้ขอหล่อๆเลยนะ เอาแบบหล่อสุดๆในชีวิตเลย”
“ฮะ”
เมื่อน้องรับคำมาแทฮยองก็ตีหน้าขรึมพร้อมกับจองกุกที่หุบยิ้มน้อยๆของตัวเองลง ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้าใกล้คนที่กำลังตั้งใจถ่ายรูปอยู่จนปลายจมูกของร่างสูงเฉียดเข้ากับแก้มนุ่มอีกครา กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของคนเป็นพี่ที่ลอยติดปลายจมูกของจองกุกตลอดเวลาที่แนบชิดกันทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มปั่นป่วนไปหมด ผิวเนียนนุ่มที่สัมผัสมาแล้วนับไม่ถ้วนเพราะเล่นหัวกันอยู่ตลอดยังเทียบไม่ได้กับตอนนี้ในยามที่ระยะทางแนบชิดเกินกว่าเคย แม้แต่เส้นผมสีเข้มที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มใสและขนตางอนยาวของอีกคน จองกุกก็สามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน นัยน์ตาสีเข้มของร่างสูงทอประกายวาววับแต่เพราะความรู้สึกที่ตีรวนกันอยู่ข้างในอกก็ทำให้จองกุกได้เพียงแต่ดึงรั้งเอวบางของอีกฝ่ายให้แนบชิดเข้ามาในอ้อมอกของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมแค่นั้น
“เอาล่ะนะ 1 2...”
แชะ! แชะ!
“คึคึ เรียบร้อย อ๊ะ!! นายเหนื่อยเหรอ?” แทฮยองที่เพิ่งหัวเราะเสร็จเอี้ยวตัวไปข้างหลังเมื่อ รู้สึกของแรงหนักๆที่กดลงบนบ่าของตัวเอง จองกุกที่ซบหน้าลงบนบ่าของร่างบางพยักหน้าน้อยๆ จองกุกเพิ่งรู้สึกว่าแทฮยองเป็นคนที่อันตรายมากก็วันนี้ ยิ่งอยู่ใกล้เขายิ่งสูญเสียความเป็นตัวเอง พี่ชายคนนี้ทำให้เขากลายเป็นน้องชายนิสัยเสียที่อยากจะเก็บอีกคนเอาไว้ใกล้ตัวเพียงคนเดียวแบบนี้
“อื่อ งั้นไม่กวนล่ะ งีบก่อนก็ได้นะเดี๋ยวพี่จินอัดเสียงเสร็จแล้วพี่จะเรียก”
“ขอบคุณฮะ พี่แทฮยอง”
พูดเสร็จเจ้าตัวก็ซบหน้าอยู่กับหลังของเขานิ่ง แทฮยองจึงไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าจองกุกคงเหนื่อยมากจริงๆ ท่อนร้องของน้องก็มากกว่าคนอื่นเขาจึงไม่แปลกใจถ้าหลังจากอัดเสียงเสร็จจองกุกจะเหนื่อยถึงขนาดนี้ แถมเมื่อกี้ก็ยังดูไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรอีกต่างหาก ตอนนี้ร่างบางจึงได้แต่นั่งกดโทรศัพท์ของตัวเองไปเรื่อยโดยไม่รับรู้ถึงสายตาของคนข้างหลังที่มองมาเลยแม้แต่น้อย
ด้านจองกุกที่นิ่งไปแล้วเหลือบมองคนในอ้อมกอดของตัวเล็กก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อปิดการรับรู้รอบตัวของตัวเองลงทั้งหมด ริมฝีปากอิ่มบรรจงแนบผ่านผิวผ้าเนื้อบางของแทฮยองช้าๆโดยที่เจ้าตัวไม่ทันใส่ใจ กลิ่นของแทฮยองที่ฟุ้งอยู่รอบตัวไปทั่วทำให้จองกุกอดคิดไม่ได้ว่าตอนถึงหอพักแล้ว กลิ่นน้ำหอมของแทฮยองจะติดจมูกของเขาอยู่แบบนี้หรือเปล่า ซึ่งถ้าใช่มันก็คงเลวร้ายน่าดู เพราะเท่านี้เขาก็แทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว
ว่าแต่แอบลวนลามชาวบ้านแบบนี้
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโรคจิตเลยแฮะ จอน จองกุก
TBC
เราเป็นคนเเต่งฟิคช้าค่ะทุกคน ใจเย็นๆนะ ฮา~~~ มีคนคิดเหมือนกันด้วยว่าน้องกุกดูเเมนขึ้น ดีใจจจจ ตอนเเรกนึกว่าจะไม่มีใครอ่านซะเเล้ว ขอบคุณที่มีคนหลงเข้ามาอ่านด้วยนะคะ ส่วนใครที่เข้ามาอ่านเเล้วถือว่าลงเรือลำเดียวกันเเล้วนะคะ ต้องอ่านต่อไปนะ *บังคับ =^^=
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะทุกโค้นน~~~
ปูลู. #ฟิคเปลี่ยน ลองเเท็กนี้นะคะะะะะะ
รูปหน้าฟิคเเปะไว้ก่อน เรากำลังทำอยู่~~
ความคิดเห็น