คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การต้อนรับที่คาดไม่ถึง
เซรอน เมืองแห่งโบราณสถาน ซึ่งเต็มไปด้วยนักโบราณคดี นักค้นคว้าต่างๆ ที่ทำงานศึกษาเกี่ยวกับจารึกต่างๆในโบราณสถานที่กล่าวถึงเหล่าอสูรเซรอนเป็นเมืองขนาดกลางตั้งอยู่ในป่าลึก โบราณสถานมากมายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเซรอนทำให้มันขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งโบราณสถานและเป็นที่ดึงดูดนักสำรวจ นักค้นคว้า แต่ไม่ได้มีเพียงวัตถุโบราณ จารึกโบราณเท่านั้น ภายในของเหล่าโบราณสถานเหล่านี้ เป็นที่อาศัยของอสูรที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยทำให้เหล่านักล่าอสูรจำนวนมากมายังที่นี่อีกด้วย
เซริกส์ใช้เวลาถึง 3 วันในการเดินทางในช่วงสายของวันที่ 4 นี้เขาก็มาถึงจุดหมาย ทันทีที่เขามาถึงหน้าเมืองก็มีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา ประตูเหล็กแข็งแกร่งขนาดใหญ่สูงตระหง่านพร้อมกับกำแพงเหล็กที่ทอดยาวไปล้อมรอบเมืองดูราวกับเป็นป้อมปราการ หุ่นอัศวินเหล็กถือดาบและโล่สูงราว2เมตรที่ตั้งเฝ้าอยู่หน้าประตู4ตน ขณะที่เซริกส์กำลังมองดูพวกมันด้วยความสนใจ จู่ๆตาของพวกมันปรากฏไฟสีน้ำเงินขึ้น หุ่นเหล็ก2ตัวเดินไปทางประตูมันใช้ดาบของมันไคว่กันราวกับจะบอกว่าไม่ให้ผ่านเข้าไป ขณะอีก 2 ตัวเดินมาทางเซริกส์
“กรุณาแสดงตัว กรุณาแสดงตัว ” เสียงพูดดังมาจากหุ่นเหล็ก
“ซะ...เซริกส์” เขาพูดออกมาพร้อมกับความตื่นเต้น
“ตรู๊ด...กำลังวิเคราะห์ข้อมูล...ตรู๊ด” เสียงตอบรับดังมาจากหุ่นเหล็กตาสีน้ำเงินของมันกระพริบเป็นจังหวะ
“การตรวจสอบเสร็จสิ้น ท่านสามารถผ่านเข้าไปได้ ”
หลังจากที่หุ่นเหล็กพูดจบ หุ่นเหล็กทั้ง4ตัวก็เดินกลับไปประจำที่เดิมของมัน แล้วประตูก็เปิดออก
ภาพที่เห็นคือเมืองที่มีเต็มไปด้วยเหล่านักค้นคว้า นักสำรวจ และนักล่าอสูร ทำให้เซริกส์ผู้สวมชุดคลุมพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังดูเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งไปเลย ท่ามกลางกลุ่มคนที่ค่อนข้างแออัดและ สิ่งก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่และเอกลักษณ์สมัยเก่าอย่างลงตัวทำให้เขาสนใจในเมืองนี้อย่างมาก เขามองดูสิ่งต่างๆไปสักพักเหมือนเซริกส์นึกบางอย่างได้เขาล้วงมือหยิบจดหมายในกระเป๋าชุดคลุมของเขาออกมา
“อืมม ตอนนี้...ข้าต้องตามหาที่พักของหน่วยสำรวจที่3 แล้วตามหาคนที่ชื่อไอริส ” เขาพูดย้ำกับตัวเอง
ขณะที่เขากำลังเก็บจดหมายเข้าในกระเป๋าชุดคลุม
“ปึก !” เขาถูกชนโดยใครบางคนเซริกส์หันไปมองทันที แต่ในกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันทำให้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครเป็นคนเดินชน ขณะที่เขากำลังหันหน้ากลับ ชายคนหนึ่งในชุดคลุมที่เดินหันหลังคนหนึ่งก็หันมาทางเขา ใบหน้าภายใต้ชุดคลุมเผยให้เห็นรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงการดูถูกและรอยแผลเป็นที่แก้มขวา เขาหันกลับไปแล้วเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน ด้านเซริกส์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มีเพียงความสงสัยเท่านั้น เขาเดินตามหาเป้าหมายของเขาต่อไป
เซริกส์หยุดอยู่หน้าตึกหลังหนึ่ง ตัวตึกเป็นสีขาว ลักษณะเหมือนกับปราสาทพ่อมด หลังคามุมแหลมชี้ขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับนาฬิกาหลังใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าตึก แม้จะตั้งอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่บริเวณนี้กลับไม่มีผู้คนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว ภายในรั้วที่ล้อมรอบอยู่นอกจากตัวตึกเองก็ยังมีสนามหญ้าสีเขียวบอกถึงการได้รับความดูแลอย่างดี มันกว้างจนทำให้ตึกหลังใหญ่ดูเล็กไปเลยทีเดียว
“ที่พักของหน่วยสำรวจที่
ในที่สุดเขาก็หามันพบ ที่พักของชุดสำรวจที่ 3 แต่จะเข้าไปด้วยวิธีไหนละ เซริกส์ครุ่นคิดและกวาดสายตาดูรอบๆ ไม่มีกริ่ง ไม่มีอะไรเลยนอกจากป้ายประกาศ รั้ว และ จดหมาย ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาเผลอเอาแขนไปพิงที่รั้ว
“แอ๊ดดด ” เสียงประตูรั้วเลื่อนออกไป เซริกส์เสียหลักเกือบล้มแต่เขาใช้มืออีกข้างจับรั้วไว้ได้
“ อ้าว...ไม่ได้ล๊อค” เขาพูดลอยๆออกมาพร้อมกับรู้สึกตลกตัวเอง
“ช่วยไม่ได้ ...ข้าลองเดินเข้าไปดีกว่า” เซริกส์คิดในใจ
พอคิดได้ดังนั้น เซริกส์ ก็นึกสนุกเดินเข้าทันที เขาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ที่ประตูเองมีตัวอักขระบางอย่าง พอเขาเอามือไปแตะที่ลูกบิด อักขระที่ประตูก็เรืองแสงขึ้น
“วิ้งงง” แสงประหลาดสีเขียวมรกตเปล่งประกายออกมาตามอักขระที่บานประตู สักพักประตูไม้ก็กลายเป็นสีเขียวมรกตตามสีของอักขระ มีบางอย่างปรากฏกายออกมาจากประตูสีเขียวมรกต มันมีลักษณะคล้ายกับคนแต่ไม่ใช่คน แขนข้างขวาของมันมีลักษณะเหมือนดาบเล่มยาว ด้านซ้ายมีลักษณะคล้ายโล่ เพลิงสีดำลุกโชนรอบๆตัว หน้ากากสีขาวมีลายกากบาทสีดำขนาดใหญ่ประทับอยู่ ท่าทางเตรียมพร้อมจะต่อสู้
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา จงออกไปซะ”ผู้ปรากฏกายกล่าวขึ้น
“เห ๆ น่าสนใจดีนิ ” เซริกส์ตอบกลับโดยไม่สนใจคำถาม เขาเอื้อมมือไปจับดาบขนาดใหญ่ที่สะพายด้านหลัง
“ว่าแต่ที่นี่เขานิยมต้อนรับกันแบบนี้หรือไง ” เซริกส์พูดต่อพร้อมรอยยิ้ม
“จงออกไปซะ” ผู้ปรากฏกายยังคงยืนยันเจตนารมณ์
“แล้วถ้าข้าไม่ละ จะเป็นยังไง ? ” เซริกส์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนโมโห ดวงตาของเขาคมกริบเป็นประกาย จ้องไปยังผู้ปรากฏกายอย่างไม่ละสายตา
“ถ้างั้น...ข้าก็จับเจ้าโยนออกไปเอง” ผู้ปรากฏกายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อ๋อ เหรอ ถ้างั้นก็ลองทำดูสิ คิก คิก” เขาพูดท้าทาย
ทันทีที่จบบทสนทนา ผู้ปรากฏกายก็พุ่งตรงมายังเซริกส์ มันฟาดแขนลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว มันรวดเร็ว แม่นยำ ยิ่งกว่าการโจมตีของพวก กูล หรือ อสูรกายพันธุ์ที่เล่นงานเขาจนปางตาย แรงกดดันมากมายจนทำให้หญ้าที่เขียวขจีบนสนามหญ้าเหี่ยวแห้งลง แต่กับเซริกส์มันดูเหมือนจะไร้ผล นอกจากจะลบทุกการโจมตีของผู้ปรากฏกายผู้นี้ได้แล้ว มือขวาเขายังจับด้ามดาบที่สะพายไว้ด้านหลังโดยไม่มีทีท่าจะชักมันออกมาตอบโต้เขาแสยะยิ้มแล้วมองไปที่ศัตรู
“เห้อออ ” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เจ้ากำลังทำให้ข้าผิดหวังนะเนี่ย ” เขายั่วฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงที่กวนอารมณ์
“บัดซบ ได้..ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเอาจริงนักละก็ จงรับมือ” ผู้ปรากฏกายตอบรับคำยั่วยวนของเซริกส์
แสงของอักขระบนตัวของอสูรเปล่งประกายขึ้น แขนข้างซ้ายที่มีลักษณะคล้ายโล่ของมันกลายสภาพกลายเป็นดาบขนาดใหญ่เท่าๆกับดาบของเซริกส์ แขนขวาเองก็กลายสภาพเป็นดาบขนาดใหญ่เหมือนแขนซ้าย
ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้น จากเดิมที่สูงราวๆ
“รับมือ ! ” ผู้ปรากฏกายตวาดขึ้นด้วยเสียงที่น่าเกรงขาม
เซริกส์ดึงดาบที่สะพายอยู่กลางหลังออกมา เขายิ้มขึ้นอย่างพอใจ
“อา ต้องแบบนี้สิ ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
ไร้คำตอบจากผู้ปรากฏกาย มันพุ่งตัวเข้ามาหาเขาอีกครั้ง คราวนี้เร็วเป็นเท่าตัวของครั้งก่อน การจู่โจมรัดกุมมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเซริกส์ได้แม้แต่น้อย เซริกส์เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้จากการป้องกันกลายเป็นการรบ ดาบเล่มใหญ่ถูกแบ่งออกเป็น ดาบ2 เล่ม พวกมันถูกใช้ฟาดฟันตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่นานผลการต่อสู้ก็ปรากฏ
ผู้ปรากฏกายทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเซริกส์ แขนทั้งสองข้างถูกฟันจนขาด แต่กลับไม่มีบาดแผลปรากฏ คล้ายกับผลึกแก้วที่แตกภายในแขนที่ขาดปรากฏแสงสีเขียวเรืองๆ กระตุ้นให้เซริกส์สนใจ
“โฮ่ นี่เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย ” เขาพูดขึ้นพร้อมกับความประหลาดใจ
“ บัดซบ เจ้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้ามันปิศาจชัดๆ ” ผู้มาเยือนพูดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าเซริกส์
“แหม ถ้าข้าเป็นปิศาจ แล้วเจ้าละ จะเป็นตัวอะไร ? ” เขายิงคำถามที่ยียวนกลับไปอีก
“บัดซบ ฆ่าข้าซะ เจ้ายังรออะไรอีก !” ผู้ปรากฏกายตวาดขึ้น
“ก็ข้ามาตามหาคนนี่นา แต่แอบเข้าไปบ้านเขา แถมยังเล่นสวนซะย่อยยับ ยังไม่พอยังอัดตัวอะไรก็ไม่รู้ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาไล่โดยไม่ฟังเหตุผลซะเละ เฮ้ออ อาจารย์รู้เข้าข้าคงโดนเทศน์ยกใหญ่” เซริกส์พูดพลางเก็บดาบ ดาบสีเงินสะท้อนแสงวาววับในมือ2เล่มถูกหลอมรวมกลายเป็นดาบขนาดใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าที่
“เอาหละ ออกกำลังแค่นี้ดีกว่า” เซริกส์พูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ
นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องมายังผู้อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ละสายตา
“เอาหละ คราวนี้ ถึงตาเจ้าตอบคำถามข้าบ้าง”
ขณะที่เซริกส์กำลังจะเอ่ยถามผู้ปรากฏกายตนนี้ เสียงประตูรั้วขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เอี๊ยดดด” เซริกส์หันไปมองในทันที สิ่งที่เขาเห็นคือ ....
ความคิดเห็น