ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~ The Legend of Gradius ~

    ลำดับตอนที่ #3 : การต้อนรับที่คาดไม่ถึง

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 53


            เซรอน เมืองแห่งโบราณสถาน ซึ่งเต็มไปด้วยนักโบราณคดี นักค้นคว้าต่างๆ ที่ทำงานศึกษาเกี่ยวกับจารึกต่างๆในโบราณสถานที่กล่าวถึงเหล่าอสูรเซรอนเป็นเมืองขนาดกลางตั้งอยู่ในป่าลึก โบราณสถานมากมายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเซรอนทำให้มันขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งโบราณสถานและเป็นที่ดึงดูดนักสำรวจ นักค้นคว้า แต่ไม่ได้มีเพียงวัตถุโบราณ จารึกโบราณเท่านั้น ภายในของเหล่าโบราณสถานเหล่านี้ เป็นที่อาศัยของอสูรที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยทำให้เหล่านักล่าอสูรจำนวนมากมายังที่นี่อีกด้วย

            เซริกส์ใช้เวลาถึง 3 วันในการเดินทางในช่วงสายของวันที่ 4 นี้เขาก็มาถึงจุดหมาย ทันทีที่เขามาถึงหน้าเมืองก็มีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา ประตูเหล็กแข็งแกร่งขนาดใหญ่สูงตระหง่านพร้อมกับกำแพงเหล็กที่ทอดยาวไปล้อมรอบเมืองดูราวกับเป็นป้อมปราการ หุ่นอัศวินเหล็กถือดาบและโล่สูงราว2เมตรที่ตั้งเฝ้าอยู่หน้าประตู4ตน ขณะที่เซริกส์กำลังมองดูพวกมันด้วยความสนใจ จู่ๆตาของพวกมันปรากฏไฟสีน้ำเงินขึ้น หุ่นเหล็ก2ตัวเดินไปทางประตูมันใช้ดาบของมันไคว่กันราวกับจะบอกว่าไม่ให้ผ่านเข้าไป ขณะอีก 2 ตัวเดินมาทางเซริกส์ 

     

            กรุณาแสดงตัว กรุณาแสดงตัว เสียงพูดดังมาจากหุ่นเหล็ก

     

            ซะ...เซริกส์เขาพูดออกมาพร้อมกับความตื่นเต้น

     

            ตรู๊ด...กำลังวิเคราะห์ข้อมูล...ตรู๊ดเสียงตอบรับดังมาจากหุ่นเหล็กตาสีน้ำเงินของมันกระพริบเป็นจังหวะ

     

            การตรวจสอบเสร็จสิ้น ท่านสามารถผ่านเข้าไปได้

     

            หลังจากที่หุ่นเหล็กพูดจบ หุ่นเหล็กทั้ง4ตัวก็เดินกลับไปประจำที่เดิมของมัน แล้วประตูก็เปิดออก

    ภาพที่เห็นคือเมืองที่มีเต็มไปด้วยเหล่านักค้นคว้า นักสำรวจ และนักล่าอสูร ทำให้เซริกส์ผู้สวมชุดคลุมพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังดูเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งไปเลย ท่ามกลางกลุ่มคนที่ค่อนข้างแออัดและ สิ่งก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่และเอกลักษณ์สมัยเก่าอย่างลงตัวทำให้เขาสนใจในเมืองนี้อย่างมาก เขามองดูสิ่งต่างๆไปสักพักเหมือนเซริกส์นึกบางอย่างได้เขาล้วงมือหยิบจดหมายในกระเป๋าชุดคลุมของเขาออกมา  

     

    อืมม ตอนนี้...ข้าต้องตามหาที่พักของหน่วยสำรวจที่3 แล้วตามหาคนที่ชื่อไอริสเขาพูดย้ำกับตัวเอง

    ขณะที่เขากำลังเก็บจดหมายเข้าในกระเป๋าชุดคลุม  

     

            ปึก !” เขาถูกชนโดยใครบางคนเซริกส์หันไปมองทันที แต่ในกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันทำให้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครเป็นคนเดินชน ขณะที่เขากำลังหันหน้ากลับ ชายคนหนึ่งในชุดคลุมที่เดินหันหลังคนหนึ่งก็หันมาทางเขา ใบหน้าภายใต้ชุดคลุมเผยให้เห็นรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงการดูถูกและรอยแผลเป็นที่แก้มขวา เขาหันกลับไปแล้วเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน ด้านเซริกส์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มีเพียงความสงสัยเท่านั้น เขาเดินตามหาเป้าหมายของเขาต่อไป

     

     

     

            เซริกส์หยุดอยู่หน้าตึกหลังหนึ่ง ตัวตึกเป็นสีขาว ลักษณะเหมือนกับปราสาทพ่อมด หลังคามุมแหลมชี้ขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับนาฬิกาหลังใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าตึก แม้จะตั้งอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่บริเวณนี้กลับไม่มีผู้คนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว ภายในรั้วที่ล้อมรอบอยู่นอกจากตัวตึกเองก็ยังมีสนามหญ้าสีเขียวบอกถึงการได้รับความดูแลอย่างดี มันกว้างจนทำให้ตึกหลังใหญ่ดูเล็กไปเลยทีเดียว

     

            ที่พักของหน่วยสำรวจที่ 3 เซริกส์อ่านข้อความบนป้ายในใจ

     

    ในที่สุดเขาก็หามันพบ ที่พักของชุดสำรวจที่ 3 แต่จะเข้าไปด้วยวิธีไหนละ เซริกส์ครุ่นคิดและกวาดสายตาดูรอบๆ ไม่มีกริ่ง ไม่มีอะไรเลยนอกจากป้ายประกาศ รั้ว และ จดหมาย ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาเผลอเอาแขนไปพิงที่รั้ว

     

            แอ๊ดดด เสียงประตูรั้วเลื่อนออกไป เซริกส์เสียหลักเกือบล้มแต่เขาใช้มืออีกข้างจับรั้วไว้ได้

     

            อ้าว...ไม่ได้ล๊อคเขาพูดลอยๆออกมาพร้อมกับรู้สึกตลกตัวเอง

     

            ช่วยไม่ได้ ...ข้าลองเดินเข้าไปดีกว่าเซริกส์คิดในใจ

     

            พอคิดได้ดังนั้น เซริกส์ ก็นึกสนุกเดินเข้าทันที เขาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ที่ประตูเองมีตัวอักขระบางอย่าง พอเขาเอามือไปแตะที่ลูกบิด อักขระที่ประตูก็เรืองแสงขึ้น

     

            วิ้งงงแสงประหลาดสีเขียวมรกตเปล่งประกายออกมาตามอักขระที่บานประตู สักพักประตูไม้ก็กลายเป็นสีเขียวมรกตตามสีของอักขระ มีบางอย่างปรากฏกายออกมาจากประตูสีเขียวมรกต มันมีลักษณะคล้ายกับคนแต่ไม่ใช่คน แขนข้างขวาของมันมีลักษณะเหมือนดาบเล่มยาว ด้านซ้ายมีลักษณะคล้ายโล่ เพลิงสีดำลุกโชนรอบๆตัว หน้ากากสีขาวมีลายกากบาทสีดำขนาดใหญ่ประทับอยู่ ท่าทางเตรียมพร้อมจะต่อสู้

     

            เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา จงออกไปซะผู้ปรากฏกายกล่าวขึ้น

     

            เห ๆ น่าสนใจดีนิ เซริกส์ตอบกลับโดยไม่สนใจคำถาม เขาเอื้อมมือไปจับดาบขนาดใหญ่ที่สะพายด้านหลัง

     

            ว่าแต่ที่นี่เขานิยมต้อนรับกันแบบนี้หรือไง เซริกส์พูดต่อพร้อมรอยยิ้ม  

     

            จงออกไปซะผู้ปรากฏกายยังคงยืนยันเจตนารมณ์

     

            แล้วถ้าข้าไม่ละ จะเป็นยังไง ? เซริกส์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนโมโห ดวงตาของเขาคมกริบเป็นประกาย จ้องไปยังผู้ปรากฏกายอย่างไม่ละสายตา

     

            ถ้างั้น...ข้าก็จับเจ้าโยนออกไปเองผู้ปรากฏกายกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

     

            อ๋อ เหรอ ถ้างั้นก็ลองทำดูสิ คิก คิกเขาพูดท้าทาย

     

            ทันทีที่จบบทสนทนา ผู้ปรากฏกายก็พุ่งตรงมายังเซริกส์ มันฟาดแขนลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว มันรวดเร็ว แม่นยำ ยิ่งกว่าการโจมตีของพวก กูล หรือ อสูรกายพันธุ์ที่เล่นงานเขาจนปางตาย แรงกดดันมากมายจนทำให้หญ้าที่เขียวขจีบนสนามหญ้าเหี่ยวแห้งลง แต่กับเซริกส์มันดูเหมือนจะไร้ผล นอกจากจะลบทุกการโจมตีของผู้ปรากฏกายผู้นี้ได้แล้ว มือขวาเขายังจับด้ามดาบที่สะพายไว้ด้านหลังโดยไม่มีทีท่าจะชักมันออกมาตอบโต้เขาแสยะยิ้มแล้วมองไปที่ศัตรู

     

            เห้อออ  เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

            เจ้ากำลังทำให้ข้าผิดหวังนะเนี่ย เขายั่วฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงที่กวนอารมณ์

     

            บัดซบ ได้..ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเอาจริงนักละก็ จงรับมือผู้ปรากฏกายตอบรับคำยั่วยวนของเซริกส์

     

            แสงของอักขระบนตัวของอสูรเปล่งประกายขึ้น แขนข้างซ้ายที่มีลักษณะคล้ายโล่ของมันกลายสภาพกลายเป็นดาบขนาดใหญ่เท่าๆกับดาบของเซริกส์ แขนขวาเองก็กลายสภาพเป็นดาบขนาดใหญ่เหมือนแขนซ้าย

    ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้น จากเดิมที่สูงราวๆ 2 เมตร ตอนนี้กลับสูง 3 เมตร หน้ากากสีขาวก็มีการเปลี่ยนแปลง กากบาทสีดำที่หน้ากาก หมุนวนกันเป็นน้ำวนแล้วเกิดเป็นสัญลักษณ์ “ ? ” ที่กลางหน้ากาก

     

            รับมือ ! ผู้ปรากฏกายตวาดขึ้นด้วยเสียงที่น่าเกรงขาม

           

            เซริกส์ดึงดาบที่สะพายอยู่กลางหลังออกมา เขายิ้มขึ้นอย่างพอใจ

            อา ต้องแบบนี้สิ ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อยเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ

     

            ไร้คำตอบจากผู้ปรากฏกาย มันพุ่งตัวเข้ามาหาเขาอีกครั้ง คราวนี้เร็วเป็นเท่าตัวของครั้งก่อน การจู่โจมรัดกุมมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเซริกส์ได้แม้แต่น้อย เซริกส์เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้จากการป้องกันกลายเป็นการรบ ดาบเล่มใหญ่ถูกแบ่งออกเป็น ดาบ2 เล่ม พวกมันถูกใช้ฟาดฟันตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่นานผลการต่อสู้ก็ปรากฏ

           

            ผู้ปรากฏกายทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเซริกส์ แขนทั้งสองข้างถูกฟันจนขาด แต่กลับไม่มีบาดแผลปรากฏ คล้ายกับผลึกแก้วที่แตกภายในแขนที่ขาดปรากฏแสงสีเขียวเรืองๆ กระตุ้นให้เซริกส์สนใจ

     

            โฮ่ นี่เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ยเขาพูดขึ้นพร้อมกับความประหลาดใจ

     

            บัดซบ เจ้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้ามันปิศาจชัดๆ ผู้มาเยือนพูดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าเซริกส์

     

            แหม ถ้าข้าเป็นปิศาจ แล้วเจ้าละ จะเป็นตัวอะไร ? ” เขายิงคำถามที่ยียวนกลับไปอีก

     

            บัดซบ ฆ่าข้าซะ เจ้ายังรออะไรอีก !” ผู้ปรากฏกายตวาดขึ้น

            ก็ข้ามาตามหาคนนี่นา แต่แอบเข้าไปบ้านเขา แถมยังเล่นสวนซะย่อยยับ ยังไม่พอยังอัดตัวอะไรก็ไม่รู้ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาไล่โดยไม่ฟังเหตุผลซะเละ เฮ้ออ อาจารย์รู้เข้าข้าคงโดนเทศน์ยกใหญ่เซริกส์พูดพลางเก็บดาบ ดาบสีเงินสะท้อนแสงวาววับในมือ2เล่มถูกหลอมรวมกลายเป็นดาบขนาดใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าที่

     

            เอาหละ ออกกำลังแค่นี้ดีกว่า เซริกส์พูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ

     

            นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องมายังผู้อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ละสายตา

            เอาหละ คราวนี้ ถึงตาเจ้าตอบคำถามข้าบ้าง

     

            ขณะที่เซริกส์กำลังจะเอ่ยถามผู้ปรากฏกายตนนี้ เสียงประตูรั้วขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    เอี๊ยดดดเซริกส์หันไปมองในทันที สิ่งที่เขาเห็นคือ ....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×